อยากทราบว่าพระอรหันต์สามารถบำเพ็ญจนบรรลุระดับขั้นที่สูงขึ้นต่อไปอีกได้หรือไม่?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Starpegasus, 3 ธันวาคม 2006.

  1. Starpegasus

    Starpegasus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +826
    ยกตัวอย่างเช่น พระบรรลุพระอรหันต์ในระดับขั้นแรก คือ สุกขวิปัสสโก และต่อมาบำเพ็ญสมาธิตามแนวทาง วิชชา 3, วิชชา 6, อภิญญา และกสิณทั้งหมด จนบรรลุธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เป็น เตวิชโช เป็นฉฬภิญโญ และเป็นปฎิสัมภิทาญาณได้หรือไม่?

    อีกข้อหนึ่ง คือ เมื่อพระอรหันต์ขั้นสุกขวิปัสสโกไปนิพพานแล้ว จะสามารถบำเพ็ญต่อในแดนนิพพานเพื่อให้บรรลุขั้นต่อไปได้หรือไม่?

    วานรบกวนผู้รู้ช่วยชี้แจงด้วยครับ
     
  2. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    อื้อหือ

    ต้องรอท่าอื่นแล้วครับ..
     
  3. zoba

    zoba เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +268
    ท่านจบกิจแล้ว คงไม่บำเพ็ญต่อครับ
     
  4. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ทำได้ คือ การบำเพ็ญเพียรเป็นพระมหาโพธิสัตว์ ดังนี้
    .................................................................

    1. ตั้งปณิธานให้มากกว่าพระพุทธเจ้า เช่น แม้นแต่พระพุทธเจ้า
    ก็ไม่เอา ขอช่วยสรรพสัตว์ตลอดไป นิพพานก็ไม่ไป

    เช่นนี้ ความปรารถนานี้ คือ "กิเลส"
    และการบำเพ็ญเพียรบุญ จะทำให้ได้ดั่งปณิธาน
    เมื่อถึงชาติที่จะบรรลุ กิเลสตัวนี้คือตัวสุดท้ายที่ต้องตัด
    ต้องระลึกชาติดำดิ่งลงไปดูว่าเคยปรารถนาอะไรไว้ แล้วถอนออกมา
    โดยการตั้งปณิธานใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าไปอีก โดยหาวิธีให้ตัวเองเกิด
    ใหม่ให้ได้ จึงจะกลับมาจุติตามกรรมนั้นได้

    เช่น พระกษิติครรภ์ในชาตินี้ สะสมบุญมามาก จึงขอเอาบุญไปแลก
    กับการไถ่บาปทั้งหมด โดยหากบุญไม่พอก็จะดูดกรรมคนอื่นเข้าไป
    แบบนี้ก็ไปเกิดต่อตามกรรมที่ดูดไป
     
  5. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    สิ่งที่พระมหาโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญมากขึ้นไปคือ
    ..................................................................

    1. ปณิธานต้องยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า
    2. สะสมบุญมากกว่าพระพุทธเจ้าเพื่อหนุนแรงปณิธาน
    3. หาทางมาเกิดใหม่ให้ได้ เช่น ดูดกรรมผู้อื่น
    4. ค้นปณิธานในอดีตชาติเพื่อล้วงลงไปตัดด้วยแรงที่เหนือกว่า

    เช่น พระศรีอริยเมตไตรย์ เคยสละแม้นพุทธภูมิให้เพื่อน นี่คือ แรงหนุนที่แรงกว่ากิเลส หากพระศรีอาริยเมตไตรย์จะตัดกิเลส ต้องให้เพื่อเพื่อนจนถึงที่สุดจนไม่เหลือแรงอะไรที่จะให้ได้อีก

    พระกษิติครรภ์เคยยอมไม่เป็นพระพุทธเจ้า โดยยอมไปเข็ญสัตว์ในนรก ก็ต้องใช้ความกล้าที่มีนี้ เป็นแรงเอาชนะกิเลสให้เหนือกว่าปณิธานเดิม
     
  6. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    คุณคนบาปกรุณาระวังลักษณะธรรมที่นำมาเผยแพร่ด้วย...! มิเช่นนั้นคุณจะมีปัญหาเหมือนชื่อเก่าที่คุณเพิ่งลาจากไปแน่

    สำหรับสมาชิกที่ไม่ทราบและเข้ามาอ่านขอให้พิจารณาข้อความของ คนบาป ให้ดี เพราะว่าไม่ตรงตามที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนไว้และเป็นความคิดส่วนบุคคลของเขาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ธันวาคม 2006
  7. อำนาจ

    อำนาจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    579
    ค่าพลัง:
    +11,487
    เป็นไปไม่ได้ครับ ถ้าไม่เชื่อลองเป็นดูก็ได้ครับ
     
  8. อำนาจ

    อำนาจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    579
    ค่าพลัง:
    +11,487
    55555 สุดยอด

    โอ้โห้... คิดได้ไงครับ อย่างนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน 55555
     
  9. Seel

    Seel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    260
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,604
    รู้สึกว่า หลวงพ่อท่านเทศน์ไว้ชัดเจน ในพระอรหันต์ 4 สายแล้วนะคับ ลองไปฟังดูดีๆ นะคับ
     
  10. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    ตามความเห็นส่วนตัวนะครับ

    พระอรหันต์ท่านจบกิจแล้ว...คงไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญต่อครับ...กิเลสท่านไม่มีแล้ว อุปทานก็ไม่มีแล้ว ...และเท่าที่เคยศึกษาก็ยังไม่เคยพบว่า มีการบำเพ็ญ จากพระอรหันต์สุกขวิปัสสโก บำเพ็ญเป็นพระอรหันต์ที่สูงขึ้นจนบรรลุธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เป็น เตวิชโช เป็นฉฬภิญโญ และเป็นปฎิสัมภิทาญาณ.

    แต่พระอรหันต์สุกขวิปัสสโส สามารถสอนคนให้เข้าถึง เป็นพระอรหันต์เตวิชโช เป็นพระอรหันต์ฉฬภิญโญ และเป็นพระอรหันต์ปฎิสัมภิทาญาณ ได้ครับ.
     
  11. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +1,411
    นิพพาน บรมสุขแล้วครับ จบกิจแล้วไม่มาเวียนว่ายตายเกิดแล้วครับ มีแต่จะช่วยคนที่ใกล้จะบรรลุนิพพานให้สำเร็จครับ ...
    แต่คุณ คนบาป นี้โฟสกระทู้รัยนี้ เกิดคนมาใหม่เพิ่งศึกษาหลักธรรมไม่หลงงมงายงมเข็มในมหาสมุทรหรอครับกับคำพูดของคุณ คุณน่าจะศึกษาให้ดีก่อนจะมาสอนเล่าให้คนอื่นฟังได้ .....
     
  12. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    ไม่มีทางเป็นไปได้ 100%
    เพราะเมื่อจิตตัดกิเลสได้เด็ดขาดแล้ว จะไม่มีจิตที่คิดอยากจะได้ดีกว่านี้ เพราะ พระนิพพาน มีแต่สุขโดยส่วนเดียว ไม่จำเป็นต้องอยากอะไรอีกแล้ว เพราะถึงความอยากเกิดขึ้นก็จะถูกจิตอรหันต์ตัดความคิดเหล่านั้นไปโดยอัตโนมัติทันที จึงไม่มีทางที่พระอรหันต์จะไปบำเพ็ญตนให้สูงกว่านี้ได้ เปรียบเสมือน เมื่อได้เป็นพระราชาย่อมสูงสุดจะแตกต่างแต่ อำนาจ ทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งพระราชาแต่ละองค์มีไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกันเสมอไป
     
  13. Supernova

    Supernova เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +2,488
    พระอรหันต์ท่านจบกิจแล้วครับ กิเลสท่านก็หมดสิ้นทุกอย่าง ไม่จำเป็นที่ท่านต้องบำเพ็ญบารมี เท่าที่ท่านทำได้คือสงเคราะห์สัตว์โลกช่วยเหลือผู้คนได้ตามกำลังบารมีที่ท่านมีมา แล้วท่านก็ไปนิพพานอย่างแน่นอนครับ
     
  14. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +6,347
    ถึงคุณคนบาป ไม่น่าถึงต้องตั้งชื่อว่าคนบาป คิดได้ไงครับ ถึงคิดแบบไม่มีมูลเหตุ นิพาน หมายถึงตัดกิเลสแล้วโดยสิ้นเชิง ไม่มานั่งคิดเพื่ออัพตัวเองให้เป็นพระมหาโพธิสัตว์หรอกครับ นิพานคือความสุข ที่ยิ่งใหญ่แล้ว
     
  15. หนุ่มตาทิพย์

    หนุ่มตาทิพย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +73
    การทำความดี เป็นการทำที่ไม่มีที่สิ้นสุดครับ
     
  16. เจสุน ลาโม

    เจสุน ลาโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2006
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +218
    ไม่รู้เหมือนกันค่ะ
     
  17. as

    as เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +155
    เมื่อเธอเกิดมาเป็นผู้ที่สามารถเลือกได้ พระเจ้าสร้างให้เธอตัดสินใจเลือกเองได้
    ว่าเธอจะเป็นพระบุตรที่เติบโตเป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง ผู้มีความรักความเมตตาไร้
    ประมาณ เหตุใดเธอจึงละทิ้งโอกาสอันสูงสุดอันนี้ที่พระเจ้ารอเธออยู่เล่า?

    เมื่อเธอจากไปดินแดนแห่งสุขนิรันดร์โดยไม่สนใครเสียแล้ว
    เธอจะไม่ได้พบพระเจ้า เพราะเธอเดินไปไม่ถึงที่สุดแห่งความเมตตาไร้
    ประมาณนั้น เธอจึงพลาด "พุทธเกษตร" ดินแดนแห่งหน่อเนื้อพุทธางกูลไป


    อมิตาพุทธ
     
  18. Pan&R

    Pan&R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +320
    พี่อ่านแล้วก็อดใจส่งข้อความถึงคุณ Wisdom ไม่ได้
    การทำเว็บบอร์ดทางธรรม ท่านได้กุศลเป็นอย่างมาก เพราะอะไร
    เพราะกุศลเกิดจากเจตนา ท่านมีเจตนาให้คนได้สนทนาธรรมกัน เพื่อเผยแพร่ความรู้กันอย่างกว้างขวาง นี่เจตนาท่านดีมาก

    แต่นั่นแหละค่ะ การมีเว็บบอร์ด ก็มักมีผู้เข้าร่วมสนทนา ที่เป็น "อวิชชา" หรือ พวกที่พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า "เดียรถี" ก็ย่อมจะมีปะปนมาบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็อย่าห่วงเลยนะคะ เพราะท่านที่บำเพ็ญบารมีมาดี มีความเคารพพระพุทธเจ้าจริง พวกนี้ไม่หลงทางตามใครง่าย ๆ เพราะว่ามีปัญญา เกินกว่าจะไปเคารพเชื่อฟังเดียรถี

    อ้อ ต้องขอแปล คำว่า "เดียรถี" ท่านหมายความว่า "คนนอก"
    ใครก็ตามที่ไม่ได้เคารพในพระพุทธเจ้า และนำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปบิดเบือน เพราะคิดของตัวเองไม่เป็น นั่นเป็นสาวก "พระเทวทัต" และหรือ ที่เรียกว่า "เดียรถี" ไม่ใช่คนวงเดียวกันกับเรา

    ถึงเราจะตอบด้วยการเสวนาธรรมประการใด คนพวกนี้ไม่ได้ต้องการฟัง
    ไม่ต้องการับรู้ เพราะคนที่ปรามาสในพระธรรมเป็นอาจิณกรรมนี่ ไม่มีบุญที่จะเข้าถึงธรรมได้ ต่อให้ท่านทั้งหลายเสียสละเวลาอันมีค่ามาช่วยกันอธิบาย ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกค่ะ

    ขอท่านทั้งหลาย อ่านแล้วจงแผ่เมตตา และจงพร้อมใจกันอธิษฐานว่า ขอเราจงไม่เป็นผู้หลงทาง การปฏิบัติทางใด ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เพื่อพระนิพพาน ขอพวกเราจงพบทางนั้น และเดินตามทางนั้นได้อย่างถูกต้อง โดยขอให้ประสบความสำเร็จในชาตินี้ ขอจงอย่าได้มีใคร สามารถมาชักนำพวกเราให้ออกนอกเส้นทางสายพระนิพพานได้ ขอท่านจงช่วยประคับประคอง กาย วาจา ใจของพวกเราทุกคน ให้รอดปลอดภัยจากอุปกิเลส และอกุศลกรรมทั้งปวงที่จะพาออกนอกเส้นทางสายพระนิพพาน และให้พวกเราทุกคน ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติพระกรรมฐาน ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ทุกคนด้วยเถิดค่ะ

    แล้วก็อย่าเอาเวลาไปสนใจ "คนนอก" เพราะเค้าพูดคนละภาษากับเรา
    เค้าแสดงตนอยู่เหนือพระพุทธเจ้า นี่เค้าเก่งเกินไป เราจะไปยุ่งกับเค้าทำไม
    พวกเราควรสนทนา ในหมู่คนที่เคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้าด้วยกัน ก็พอแล้ว จริงไหมคะ
     
  19. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ขอบคุณครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ธันวาคม 2006
  20. Starpegasus

    Starpegasus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +826
    ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าใน webboard ธรรมะจะมีพวกอย่างนี้อยู่ คือ ผมคิดว่าพวกนี้ไม่น่าจะมีสติจนรู้จักการใช้คอมพิวเตอร์ ใช้พิมพ์ดีด รู้จักสมัครสมาชิก webboard แห่งนี้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็อันตรายมากอย่างที่ท่านๆว่าไว้ว่าถ้า "เด็กใหม่" เข้ามาแล้วได้อ่านข้อความของพวกนี้เข้า จนเชื่อและนำไปเล่าต่อ จะต้องเกิดผลเสียใหญ่หลวงแน่ สังเกตุได้จากมีคำประกาศ อนุโมทนา กับข้อความของ "คนๆนั้น" ไปแล้ว นั่นก็แสดงให้เห็นว่ายังมีคนที่ยังไม่มีภูมิต้านทานอยู่

    เรื่องแบบนี้เคยเกิดกับผมเมื่อครั้งไปทำบุญกฐินที่วัดปากน้ำเมื่อเดือนที่แล้ว ผมรู้สึกสบายใจมากๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ไป และบรรยากาศของวัดร่มรื่นมาก หลังจากที่ผมกราบหลวงปู่สดแล้ว ผมตั้งใจจะนั่งสมาธิสักครู่ แต่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง นุ่งขาวห่มขาวเดินมานั่งใกล้ๆ และพูดอะไรฉอดๆไม่รู้กับผู้ที่นั่งใกล้เคียงกับผม ผมรู้สึกสงสัยจึงเงี่ยหูฟัง เค้าก็เลยหันมาพูดกับผม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่เค้าพูดเป็นคำที่ปรามาสหลวงปู่อย่างรุนแรง และพูดอย่างเป็นตุเป็นตะเอามากๆ ผมถึงกับตะลึง และตกใจเอามากๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนอย่างนี้ในวัดอันศักดิ์สิทธิ์สุดยอดวัดหนึ่งของไทย ผมเหลือบไปมองในมือของเขาเป็นหนังสือจากวัด... ทำให้เขาดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ผมตัดสินใจนิ่งเฉย ไม่ฟังเขาอีก และผมก็ได้ปลง และปล่อยวาง แต่ในใจก็มีความเป็นห่วงกลัวเค้าจะไปพูดกับใครที่ยังมีภูมิต้านทานน้อยอยู่ ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...