เช่าพระมาปล่อยแล้วนำเงินที่ได้ไปเช่าพระใหม่จะบาปหรือไม่

1.เช่าพระมาปล่อยแล้วนำเงินที่ได้ไปเช่าพระใหม่จะบาปหรือไม่
เอาไปขาย แล้วมาหมุนเวียน เช่าไปใหม่อีก ก็เหมือนได้ต่อยอดไปเรื่อยๆ
เช่น เช่ามา 2 องค์ แล้วปล่อย 1 องค์เพื่อเช่าองค์ต่อไปล่ะครับ
2.ถ้าเปลี่ยนจากพระเป็นวัตถุมงคลล่ะครับ

ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

ติงไม่ทราบว่าบาปหรือเปล่า
แต่ติงไม่เคยทำ
ไม่ว่าพระที่หายากแค่ไหน
ถ้าติงมี และคิดว่ามีผู้สมควรได้รับ
ติงก็มอบให้เขาด้วยความเคารพ
แต่บางที แม้มีคนอยากได้
แต่ดูแล้วเขาไม่ควรได้
เช่นไม่ได้ศรัทธา ไม่เคารพ มีความโลภ ไม่เห็นคุณค่า
ติงก็ไม่ให้
ติงอาจผิดก็ได้นะคะ ต้องรอท่านผู้รู้มาตอบค่ะ ​

 

ความคิดเห็นของผม

ขายของมงคล ควรจะทำทุกอย่างเป็นมงคล ไม่ทำอะไรที่ผิดหลักศีล ๕ ไม่มีบาปครับ

เราไปบังคับให้เขาบูชาไหม ?... ไม่ได้บังคับ ... ก็ไม่บาป

เราไปโกหกหลอกลวงไหม ? ... ไม่ได้โกหก ... ก็ไม่บาป

เงินที่ได้มาจาการปล่อยพระ สะอาด ไม่ผิดศีล ... ไม่บาปครับ

แต่ เงินที่ได้จากการปล่อยพระ ในส่วนกำไร

เราควรจะนำแบ่งไปทำบุญด้วยจะเป็นการดีครับ


.

 

อาจไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ แต่เคยฟังจากแม่ชีทศพรว่าพระนี่ห้าม บอกว่าแท้หรือปลอม เราจะทำอะไรไม่เจริญเลย

 

ขอบคุณครับสำหรับคำชี้แนะ

 

มันก็เหมือนกับการขายเครื่องสินค้าอื่นๆแหละอยู่ที่ความพอใจของผู้บริโภค ว่าราคาเหมาะกับที่จะซื้อมั้ย ถ้าเราไม่ไปหลอกลวง หรือโฆษณาเกินจริงก็ไม่บาปหรอกครับ

 

ดิฉันเคยอ่านหนังสือกฎแห่งกรรมเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการขายพระแต่ไม่เหมือนกรณีของคุณ เนื้อเรื่องเล่มนั้นบอกว่า ชายคนนี้ไปเช่าพระมาแล้วนำพระที่เช่ามาไปต้มเพื่อให้เนื้อพระแตกระแหงให้เหมือนของเก่า ทำเช่นนี้พระขายดีมากได้กำไรมีเงินเป็นกอบเป็นกำสร้างฐานะได้รำ่รวยแต่แล้วในวันหนึ่งชายผู้นี้ได้ป่วยหาสาเหตุไม่เจอตามร่างกายได้เกิดแผลผุพองปวดแสบปวดร้อนทรมานเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลจนกระทั่งเงินที่หามาได้จากการขายพระนั้นต้องหมดไปกับการรักษาตัวเอง ต้องกบดานอยู่แต่ในบ้านเพราะไปใหนไม่ได้สังคมรังเกียจเพราะผิวหนังเป็นหนองต้องนอนป่วยอย่างทรมาน จนกระทั่งเสียชีวิตอย่างน่าอนาจ นี่อาจเป็นผลกรรมที่ต้มพระขาย แต่ดิฉันมีความเห็นว่าพระเป็นสิ่งมงคลควรเคารพในที่สูง ไม่ควรนำมาเช่าหรือขายแต้ถ้าขายแล้วควรนำไปสร้างวัดหรือทำประโยชน์ในพุทธศาสนาเสี่ยงบาปน้อยลง แล้วแต่จะพิจารณาค่ะ

 

1. เจตนของคุณเป็นตัวกำหนดขอถามหน่อยว่าตอนที่ท่านนำพระไปปล่อยต่อนั้นท่านหวังอะไร หากท่านเพียงแต่ปล่อยพระออกไปเพื่อคนอื่นบูชาเป็นการเผยแผ่คุณแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยคิดว่าเป็นรูปเคารพแทนองค์ท่านก็เป็นบุญแต่ถ้าคิดหวังกำไรก็เป็นบาป การตีค่าพระพุทธเจ้าเรามีคุณขนาดไหนถึงตีค่าองค์ท่านเจตนาของคนในสมัยก่อนไม่ได้หวังถึงฤทธิ์เดชใดแต่สร้างเพื่อเป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้าเป็นที่ระลึกถึงเป็นพุทธานุสติ การที่เราวิจารณ์ว่าเป็นพระแท้พระปลอมเรามีคุณอะไร
2.ส่วนวัตถุมงคลอื่นๆ นั้นอันนี้เห็นว่าไม่ผิดหากมีการตีค่าแลกเปลี่ยนซื้อขายเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสอนให้ทำ
ความเห็นนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า...

 

1. คิดว่าไม่บาปนะค่ะ เพราะว่าถ้าพิจารณาจากศีลห้าข้อแล้ว ข้อที่เสี่ยงจะผิดในกรณีซื้อขาย ก็คือ มุสสาค่ะ ถ้าคุณพูดไม่จริงในคุณลักษณะของพระที่คุณจะนำออกให้เช่า ก็ผิดศีลห้าข้อมุสาได้คะ่

นอกจากนี้ พยายามอย่าพูดเกินจริง หรือ ค้ากำไรเกินควร (น่าจะเทียบกับราคาซื้อตลาดที่ซื้อขายทั่วไป) ควบคู่ไปด้วยก็จะยิ่งเป็นการประกอบอาชีพโดยชอบอย่างหนึ่งเลยค่ะ

2. คำตอบเหมือนกับข้อแรกค่ะ

 

ไม่บาป ถ้าคุณคิดว่าไม่บาป ตามกฎแห่งการกระทำ แต่คุณต้องยอมรับผลแห่งการกระทำนั้น เพราะการกระทำไม่มีบุญ บาป
1.เช่าพระมาปล่อยแล้วนำเงินที่ได้ไปเช่าพระใหม่จะบาปหรือไม่
เอาไปขาย แล้วมาหมุนเวียน เช่าไปใหม่อีก ก็เหมือนได้ต่อยอดไปเรื่อยๆ
เช่น เช่ามา 2 องค์ แล้วปล่อย 1 องค์เพื่อเช่าองค์ต่อไปล่ะครับ

ถ้าพูดถึงพระ จะหมายถึงสิ่งดีงาม สิ่งที่บริสุทธิ์ ถ้าพูดถึงการขาย จะหมายถึงผลประโยชน์ จากส่วนต่างที่ได้ ดังนั้น คุณประสบพบเจอแต่สิ่งที่คุณไม่ต้องการ ความสุขในชีวิตคุณจะเริ่มหายไป ทำอะไรจะไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ เนื่องจากจิตวิญญานคุณนั้นได้ขายสิ่งดีงามให้ออกไปจากจิตใจคุณเอง

2.ถ้าเปลี่ยนจากพระเป็นวัตถุมงคลล่ะครับ
เป็นคำตอบเดียวกับข้อแรก

ถ้าเป็นการให้โดยไม่มีการซื้อขาย ถ้าวคุณให้พระหรือวัตถุมงคลแก่คนอื่น สิ่งที่คุณจะได้กลับมา คือ คุณจะทำอะไรจะก้าวหน้าไปหมด เพราะคุณให้สิ่งดีงาม แก่บคคลอื่น โดยคุณไม่หวังผลตอบแทน สิ่งนั้นจะกลับคืนมาหาคุณ มากกว่า 10 เท่า

ตามกฎแห่งการกระทำ คุณเป็นผู้เลือกเองว่าคุณต้องการอะไร โดยสิ่งที่คุณทำ คุณคิด คุณรู้สึก ออกมาทุกอย่าง จะกลายเป็นพลังงานหรือเหตุการณ์กลับมาหาคุณทั้งหมด สรุปคุณคือผู้เลือกที่จะรับผลนั้นเองครับ อย่าไปคิดว่าเป็นบุญหรือเปล่า