ขอทราบวิธีการปฏิบัติในการจับภาพพระ

ไช่ครับ เห็นด้วยเป็นที่สุดเลยพี่

เอาไปเต็ม 100เลยครับผม

ระดับครูแล้วเนอะ

ต้องมีดีแน่ๆ

โชว์ไห้ดูเล็กน้อย

เพื่อสร้างศรัทธาเพิ่มมากขึ้น ไห้แก่สาธุชน

ถ้าไม่โชว์ ผมคนละเสื่อมศรัทธาแน่ๆ

คิดว่าคงไม่ไช่พวกมงกุฎเยอะๆนะพี่นะ

งานนี้ต้องแสดงไห้รู้กันล่ะ

ไม่งั้นเสียหน้าแย่ :'(

อุส่าห์เป็นครูบาอาจารย์ อย่าไห้เสียชื่อ.....

 

กสิณแปลว่า วัตถุดึงใจไห้เป็นสมาธิ ถ้าแปลออก

แล้วเข้าใจจริงๆ จะไม่มีใครค้านผมเลย

ตีความหมายของคำว่ากสิณไห้ออกจริงๆ

แล้วจะไม่ค้านผมเลย

 

ในแบบ ในตำรา กรรมฐาน ๔๐ และคู่มือประฏิบัติพระกรรมฐานของหลวงพ่อ

ฤษี ก็จะไม่กล่าวถึง การจับภาพพระเลย

1 สุกขวิปัสสโก นี้ไม่ต้องพูด เพราะไม่ได้จับอะไรเอามาเป็นนิมิตเลย

2 เตวิชโช การฝึกของสายเตวิชโช เพ่งไฟ เพ่งแสงสว่าง เพ่งสีขาว

3 ฉฬภิญโญ นี้ ก็ ต้องได้กสิณ ทั้๑๐กอง

4 ปฏิสัมภิทาญาณ นี่ได้กสิณ๑๐กองยังไม่พอ ต้องได้สมาบัติแปดด้วย

ในตำรา ตามตำราเป็นอย่างนี้

ในหน้งสือท่หลวงพ่อท่านเขียนไว้ หรือจากพระไตรปิฏก

หรือวิสุทธิมรรค ก็ไม่มีว่าไว้เกี่ยวกับการจับภาพพระพุทธรูป เป็นอารมณ์

เป็นเครื่องดึงใจของสมาธิ

ต้องยอมรับ แล้วเข้าใจตรงนี้ ไห้ได้เสียก่อน

 

การจับลมเข้าออก เป็นอานาปานุสติกรรมฐาน

การนึกถึงพระพุทธเจ้า เป้นพุทธานุสติกรรมฐาน

การนึกถึงพระพุทธเจ้า แบบนึกถึงพระประธานในโบสถ์

อันนี้ มีวัตถุ ก็คือรูปปั้นขององค์ท่าน แบบนี้เป็นกสิณแล้ว

สรุป ทำสมาธิที่เดียว ได้แบบท่เรียกกันว่า ทรี อิน วัน

ก็คือ

ทำสมาธิคราเดียวกันไป ได้อานาปานุสติด้วย

นึกถึงพระพุทธเจ้า ได้พุทธานุสติด้วย

นึกถึงท่าน แต่มีภาพท่านในใจด้วย เป็นกสิณแล้ว

ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าพระประธานในโบสถ์ที่เรานึกถึง

องค์ท่านสีขาว ก็เป็นโอทาตกสิณัง

สรุป ทำสมาธิคราเดียว ได้ทีเดียวสามกองเลย

กระจ่างนะครับ

ผมบอกว่าเป็นกสิณนอกแบบ ผมไม่ได้บอกว่า

ผมปรามาส แต่บางคนบอกผมปรามาส
(การจับภาพพระก็คือกระสิณ ผมไม่เคยบอกว่าไม่ไช่กระสิณ)
ปรามาสตรงไหน

มีปัญญาลองไตร่ตรองดูครับ

 

องค์พระพุทธรูป สีฟ้า สีส้ม

แล้วคุณนึกถึง นึกจับภาพ

แบบนี้ จะเรียกว่ากสิณอะไรครับ

ตอบหน่อยครับ

ไม่ไช่โอทาตกสิณ ไม่โลหิตกสิณ

ลองเรียกชื่อไห้ผมฟังหน่อยครับ

จะเรียกว่าอะไร

พระพุทธรูปสีฟ้า สีชมพู สีเทาก็ดี...ฯลฯ ไม่มีชื่อในวรรณะกสิณ

แบบนี้คุณลองเรียกชื่อไห้ผมฟังชัดๆสิ จะเรียกชื่อว่าอะไรดี

 

อ่านกระทู้นี้แล้วคิดถึงปี2518 แม่ทัพภาคนิมนต์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ :พระราชพรหมยาน มาสอนพระกรรมฐานให้ทหารและครอบครัวที่ค่ายจิรประว้ติ มีนายทหารถามเรื่องรูปนิมิตที่จะยกมาเป็นเครื่องเพ่งกสิณ10 ท่านได้ยกตัวอย่างเรื่องทำจิตให้เป็นกล้องถ่ายรูป ทำให้การฝึกกรมฐานครั้งนั้นได้ผลดีมาก ทำให้ลูกหลานทหาร ออกบวชไปอยู่วัดท่าซุงหลายองค์ บัดนี้ยังไม่สึกออกมาสักองค์ หลวงพ่อท่านกล่าวว่า จิตคนปกติเปรียบเหมือนลิง อยู่นิ่งไม่เป็นสัดส่ายหาเรื่องมากวนเจ้าของและคนรอบข้างเดือดร้อน บางครั้งเป็นอาวุธหันมาปะหัตประหารเจ้าของเป็นบ้าหรือตาย. กสิณ10เป็นวิชชาของพระพุทธเจ้า ที่สอนวิธีฝึกจิตให้ใช้งานได้หากเราปฎิบัติจนถึงความชำนาญ เราจะสามารถนำจิตมาใช้เป็นเครื่องมือไปถึงแดนนิพพาน ใช้เป็นกล้อง ใช้เป็นอาวุธตัดกิเลส เป็นม้าศึก เป็นเกาะเพชร เป็นได้สารพัดที่เราจะกำหนดเนรมิตให้มันเป็น อาศัยมันฝ่าฟันจนถึงแดนนิพพานแล้วก็ทิ้งมันเสีย เพราะสังขารจิตมันเป็นอัตตาสมบัติของโลกนี้..

ขอบคุณศิษย์โง่งมครับ แค่ชื่อก็เออ.นะ คนเมื่อรู้ตัวว่าโง่เมื่อไร แปลว่าเริ่มฉลาด แต่คนส่วนใหญ่มักกลับนึกว่าตนฉลาดเสมอ.

คำตอบของท่านศิษย์โง่งม คล้ายเซน สั้นแต่ลึกล้ำ ได้ปัญญา..

 

ยังไงเสียผมก็เห็นว่าทุกท่าน มีความดีมากกว่าผมมากๆ นะครับ

(อย่างน้อยในนี้ก็คงทรง มโนมยิทธิได้ทุกคนมั้ง ยกเว้นผม ฮา ฮา)

ดังนั้นใครจะคิดแบบไหน ทำยังไง ผมว่ามันก็มุ่งตัดกิเลสที่มีอยู่ในใจใช่ไหมครับ

ผมว่าอย่าไปยึดติดกับชื่อเรียกกันเลยครับ

ขอให้ยังคงเป็นกระทู้สำหรับแนะนำผู้ไม่รู้เฉกเช่นผมกันดีกว่าครับ

 

ของคุณ อ่านดูอย่างละเอียดแล้วถูกครบ

แต่อีกคนก็ถูก แต่ของเขาถูกไม่หมด

สาธุอนุโมทนาครับ

 

จริงครับ ของจริงก็คือของจริง

ทองคำก็คือทองคำอยู่วันยังค่ำ

ตกไปอยู่ในส้วม เอาขึ้นชาระล้าง

ก็คือทองคำอยู่ดี มีค่า มีราคา

ทองแท้ ย่อมไม่กล้วไฟ

เรื่องแค่นี้เล็กๆ ไม่ไช่เรื่องใหณ่อะไรมากมาย

เพื่อเพิ่มศรัทธาด้วยดีครับ

แสดงอะไรสักหน่อย อย่างท่านฌาณ4 ว่าก็ดีนะครับ(เป็นครูด้วย แสดงไห้ศิษยาสานุศิษย์เห็นเป็นประจักษ์หน่อยเถิดครับ)
ของแท้ต้องลองพิสูจน์ได้ ผมขอเป็นสักขีพยานด้วยคนหนึ่งล่ะ

ผมชอบคนเก่ง อยากเจอ อยากคุยกับของจริง ของปลอมผมก็ไม่อยากเจอ เบื่อมามากแล้ว

อนุโมทนาครับ

 

ฝึกกรรมฐาน....เพื่อความหลุดพ้นและพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้า....

ไม่ได้ฝึกเพื่อเป็นขี้ข้า.....หรือเป็นทาศแก่อารมณ์.....

ใครอยากรู้....ให้เขาทำเอง.....

 

​

มาแล้ว จร้า เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย ตอนเช้า งานก็เยอะ นะ เอ้อ มาว่ากันต่อ นะ
คุยได้ทุกเรื่อง นะ แต่ อย่าปรามาสพระรัตนตรัย และคำสอน นะ ไม่ใช่ของเล่น

วางใจให้เป็นกลาง อย่าถือ อัคติ เป็นใหญ่ คุยด้วยเหตุ ด้วยผล

จำไว้นะ จงกล่าวโทษโจทย์ ตังเองไว้เสมอ ถ้าเราเห็นว่าเราดีเมื่อไหร่ เราก็เลวเมื่อนั้น นะ คำพูดนี้ คงรู้นะ ว่าเป็นของใคร

เด๋วจะค่อย ๆ ตอบให้นะ มาก็ม่วงแป๊ดเชียว นี่เหรอ นักปฏิบัติ กิเลส ตัณหา อุปทาน ยังท่วมหัว อยู่นะ ..

ไฟที่อยู่บนหัว ถ้าเราไม่เอาออก ใครเล่าจะเอาออก

เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ.
ภิกษุทั้งหลาย เรา (ตถาคต) กล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม

นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต.<O
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก.​

 

เอาตรงๆเลยนะครับ ไม่ต้องเอาหลวงพ่อมาอ้างนะครับ

ตั้งแต่คำโพสแรกเลย ที่ผมบอกเกี่ยวกับวิธีการจับภาพพระ

ถ้าคนมีปัญญา เขาก็พอดูออกแล้วนะ(ว่าไอ้หมอนี่มันน่าจะมีอะไรเกี่ยวกับหลวงพ่อ) แต่ถ้าคนขาดปัญญาก็ไม่ว่ากัน
คราวนี้อะไรที่ผมกล่าวไป ถ้าคุณรู้สึกว่ามันไม่ถูก ต้อง มีความเห็นแย้ง คนที่มารยาท รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร กาละเทสะอะนะ
ยิ่งถ้ารู้สึกว่ามีพ่อคนเดียวกันด้วยแล้ว ควรที่จะไห้เกียรติกัน ยังไม่จำเป็นต้อง ประจานในสถานที่สถารณะ เพราะมันเสียชื่อ ถึงพ่อคนเดียวกัน

คนอื่นเขาเข้ามาอ่าน เขาจะมองพวกเราเป็งไง

มันเสื่อมศร้ทธา ไม่ไช่สร้างศรัทธา

คุณควรที่ PM คุยกับผมก่อน อธิบาย หาเหตุ
หาผล คุยกันเป็นการส่วนตัวก่อน

ไม่ไช่ขีดเส้นใต้ ค้านคำต่อคำ

...และวันนี้ เช้านี้ นิสัยเดิมๆ ของคุณก็ยังไม่เลิกธาตุแท้ๆของคุณ

ผมPM เป็นการส่วนตัว คุยเรื่องเกี่ยวกับการใช้มโน

ผมดูคุณอย่างนี้นะ ก็ว่าไป เป็นการส่วนตัวคุยกัน

แต่คุณไม่ดูผมกลับ

แต่คุณเอามาที่นี่ บอกไฟลุกท่วมหัว นี่หรือครับ

วิธีครูบาอาจารย์ เขาสอนกัน ต้องประจาน (อย่าบอกนะว่าพูดไปไม่ได้มีความหมายอันใด)

ต้องแสดงไห้ว่า ข้านี่ดี มีธรรม เองเป็นไงล่ะ ไฟลุกท่วมหัว

และนี้ไช่ไหมครับถึงจะถูกต้อง แถวบ้านคุณ

ตะกูลคุณเขาสอนไห้ทำกันแบบนี้ไช่ไหมครับ
ยกตนข่มทาน ไห้ร้ายคนอื่นดังๆในสถานที่สาธารณะ

คุณลองส่งกระจกดูตัวเองเสียใหม่นะ

พ่อครูใหญ

กิเลสท่วมกระบาลยังไม่รู้ตัวเลย

 

คำพูดผม ผมอ้างพระธรรม คำสอนหลวงพ่อ ไฟน่ะ มีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์ นะ การเย้ย พระธรรมคำสอน ไม่ได้เป็นคุณ แก่ตัวเอง นะหมอ

จำคำสอนหลวงพ่อได้นะ ผมจะไม่ขอกล่าว ให้ยืดยาว อ่านแต่ต้น ให้ละเอียดและใช้ ปัญญา พิจารณา ควรว่ากันมา ทีละข้อ จะรู้ได้โดยไม่ยาก ว่าใคร สัมมาทิฐิ หรือ มิจฉาทิฐิ

กสิณแปลว่าเพ่ง นะ คุณจะแปล นอกลู่นอกทาง ผมไม่ค้าน นะ

คุณเมากับ คำพูดตัวเองนะ ดูกระทู้ ข้างนิดนะ ถามจริง ผมคุยกับคนเมา หรือเปล่า ? เดี๋ยวจะเมา ไปด้วย ตั้งสตินิดนะ ถามตัวเองหน่อย ว่าทำเพื่อประโยชน์ อะไร ดูคำพูดคุณ และคำพูดผม

คุณนี่ พูดวกวน อ่านคำพูดของตัวเองแต่ต้น นิดนะ

จะรู้ตัวเองดี การปรามาสคำสอน ไม่เหมาะนะครับ คุณนะ โทสะแก่กล้า นะ จะทำให้คนอื่นรับกรรม ตามไปด้วย

คำสอนเป็นสรณะแทนองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การเคารพ หรือปฏิบัติ ย่อมมีอานิสงค์ นะ

ถ้าคิดจะเอาดี ก็โมทนาด้วยครับ หากเราจะวัดผลการปฏิบัติ ของเรา ก็ดูในขณะที่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมมารมณ์ ที่มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นะ ว่าเราหวั่นไหว หรือคล้อยตาม กับสิ่งเหล่านี้ หรือเปล่า การปฏิบัติ เราต้องการ อริยมรรค อริยผล เพื่อพ้นทุกข์ นะ

อย่าคิดว่าเป็นคนใหม่ ต้องยอมคนเก่าเสมอนะ ถูก ผิด คนอ่านเค้ารู้ ผมเองก็ไม่ได้ว่า ตัวผมถูกนะ ..เจริญในธรรม

การคลิกไม่เห็นด้วย แรงไปนะ อย่าใช้อารมณ์ ว่ากันด้วยเหตุด้วยผล จะทำให้เสียชื่อเวป นะครับ

 

ความเมตตา เห็นใจ เข้าอก เข้าใจกันหายไปไหน

หรือมีแต่เพียงว่า

ดีกว่า เก่งกว่า เหนือกว่า

เองเลว ข้าดี เองไฟลุกท่วมกระบาล

ส่วนข้า วิมานลอยอยู่ใกล้ๆ

นิพพานอยู่แค่เอื้อม

นักปฏิบัติ ต้องพูดกัน

ปฏบัติตนกันแบบนี้ไช่ไหมครับ

ต้องโชว์กันไห้เห็นกันในสถานที่สาธารณะ

คุยPM เป็นการส่วนตัว อย่างที่ผม PM ไปหาคุณ

อย่างนี้ไม่ไช่ ไช่ไหมครับ

ตอบPM กับผมง่ายๆ สั้นๆ แต่ที่นี่ บรึม!!!เลย

ท่านอาจารย์ใหญ่

 

พิจารณา ค่อย ๆ อ่านนะ แล้วจะรู้ ว่าคำพูดนี้เหมาะกับท่านผู้ใด

 

เห็นใจนิด นะ วีเอ็ม 3 พีเอ็ม 7 ตอบไม่ทัน ทั้งชม ทั้งด่า ก็เข้าใจไปแล้ว 3 คือพีเอ็ม นะ นี่ยังเป็นเวลางานอยู่ เย็นค่อยคุยกัน

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1024102/[/MUSIC]​

 

ฌาณนะแปลว่าการเพ่ง คุณลองใช้สมองของตัวคุณเองคิดช้าๆ
คิดอย่างมีระบบ ระเบียบ

กสิณ บางสำนัก แปลเพ่งในอารมณ์หยาบ

บางสำนัก บอกว่าเอาใจจับวัตถุใดๆเพื่อดึงใจไห้เป็นสมาธิ

เอาตรงนี้ก่อน

คุณปฏิบัติจริงๆ เวลาทำจริง ถ้าพูดถึงกสิณต้องมีวัตถุไห้ใจจับภาพ
แล้วมันสอดคล้องกับท่ผมพูดไหม ว่ากสิณ ก็คือ เอาใจจับใว้ที่วัตถุใดๆ

เพื่อไห้ใจเป็นสมาธิ

ไช่ไหม ง่ายๆแค่นี้ท่านขุนก็ตีไม่แตก คุณโง่จริง

หรือว่าแกล้งโง่ ถามจริงครับ

 

คุณขุนจันพูดน่าสนใจ..
ถ้าเราจับนิมิตภาพพระ แล้วถนัดที่จะเป็นภาพพระสีขึ้นมา
จะเข้าข่าย กสิณสี แดง(โลหิต) เขียว(นิละ) เหลือง(ปีตะ) ขาว(โอทาตะ) ด้วยไหม
กสิณสีสี่ ถ้าเป็นสีอื่น จะเข้าข่ายกสิณสีไหม
แล้วถ้าภาพพระกลายเป็นแสงสว่าง จะเข้าข่าย กสิณแสงสว่างไหม (อาโลกะ) เพราะไม่ได้กำหนดแสงสว่างแต่เริ่ม

แม้นแต่ความสว่าง ก็เจือด้วย ความร้อน ความเย็น ความอบอุ่น
บางครั้ง ความสว่างก็เจือสีทอง สีแดง สว่างโพลง
(อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัว)


กฏเกณฑ์ อาจมีไว้พอประมาณ มีเรื่องนอกเหนือจากนั้นอีกมาก ซึ่งก็อาจมีคนทราบและเข้ากฏเกณฑ์ หรือผู้มีประสบการณ์และอาจบัญญัติไว้บ้างแล้ว เพียงแต่เรายังไม่ทราบ


กสิณ - วิกิพีเดีย

 

กสิณ ถ้าเอาตามวิสุทธิมรรค แปลว่า สะดึง ถ้าพูดเพื่อปฏิบัติ หมายถึงเพ่ง คือ จำ ผมไม่ได้พูดว่า คุณผิด นะ หาดูว่า ตรงใหน นะครับ อย่าต่อความยาว สาวความยืดเลย มันไร้สาระ โดยสิ้นเชิง เรื่องของเรื่องคืออะไร ก็รู้อยู่แก่ใจ เปลืองเนื้อที่เวปเปล่า ๆ เอาเป็นว่าคุณเก่ง และผมโง่ นะ จบนะ

เรื่องโง่ นี่ผมโง่ จริง ๆ ครับ