หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 28 กรกฎาคม 2010.

  1. กวาวชไม

    กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,779
    ครับคุณบอยรู้สึกเหมือนกันเด๊ะ จนด้วยเกล้าจริงๆยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ..
     
  2. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,575
    สวัสดียามเช้าครับคุณบอย สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน ^ ^
     
  3. Dragon_king

    Dragon_king เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2009
    โพสต์:
    730
    ค่าพลัง:
    +1,388
    [​IMG]

    ผมก็ ไม่ใช่เซียน หรอกครับ คนธรรมดา เหมือนกันครับผม:cool:
     
  4. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,575
    สวัสดียามเช้าครับคุณบอย สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน ^ ^
     
  5. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236

    ถ้ำกวางและถ้ำพระ



    [​IMG]



    [​IMG]

    (กุฏิสงฆ์ที่ถ้ำกวาง)



    [​IMG]
    (เพิงหินที่ถ้ำพระ ภูเวียง)


    [​IMG]
    (เพิงหินที่ถ้ำพระ ภูเวียง)



    ขอเล่าเรื่องความเป็นมาของถ้ำกวางและถ้ำพระ สถานที่แห่งนี้ห่างจากภูเวียง ๑๕ กิโลเมตร
    ห่างจากขอนแก่น ๘๓ กิโลเมตร

    ถ้ำกวาง ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของภูเวียง มีสายน้ำจากเทือกเขาภูเวียงไหลผ่าน มีถ้ำ ชะง่อน
    ผา ลานหินลาด โขดหิน มีป่าไม้และสัตว์นานาชนิด เช่น เก้ง กวาง หมี หมูป่า และเสือ

    ถ้ำพระ มีลำธารไหลผ่าน ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปโบราณ เหตุที่ชื่อว่า "ถ้ำพระ" เพราะ
    ในสมัยก่อนมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์หลายองค์ และพระพุทธรูปแกะสลักด้วยไม้และหิน เป็น
    วัตถุโบราณที่ล้ำค่า นอกจากนี้ยังมีหนังสือใบลานเก่าแก่หลายฉบับ ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่
    ศักสิทธิ์เก่าแก่ของชาวภูเวียง ในฤดูกาลต่างๆ ชาวอำเภอภูเวียงนิยมมาทำบุญและสักการะ
    มิได้ขาด

    ในพุทธศักราช ๒๔๘๑-๒๔๘๖ สถานที่แห่งนี้ หลวงปู่ดำดี ปภาโส สมัยท่านเป็น
    พระหนุ่มเคยจาริกธุดงค์มาจำพรรษา ท่านได้อบรมฐาติโยมแถบนั้นให้เกิดความเชื่อความ
    เลื่อมใสในพระศาสนาและมีความเข้าใจในวัตรปฏิบัติ ของพระป่าเปนอย่างดี อุปนิสัยของท่าน
    ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีพรรษาไล่เลี่ยกับหลวงปู่หลุย จันทะสาโร และ
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านทั้งสามเคยไปฝึกวิปัสสนาธุระกับพระอาจารย์สิงห์ ขันตะยาคะโม
    ท่านพระอาจารย์หมาปิ่น ปัญญาพโล ที่จังหวัดของแก่น นิสัยหลวงปู่คำดี ชอบเจริญสมณธรรม
    ในถ้ำ ภูเขา ชอบปกครองพุทธบริษัท ฉะนั้น ท่านจึงมีลูกศิษย์ลูกหามาก นิสัยสุขุม พุทธบริษัท
    ชอบท่านนัก แม้ท่านจะเคลื่อนไปสู่จังหวัดใด อำเภอไหน ตำบลไหน ท่านทำอัตถประโยชน์และ
    ปรมัตถประโยชน์มาก บรรดาข้าราชการพ่อค้าพาณิชย์ตลอดชาวไร่ชาวนานิยมท่านมาก
    เพราะฉะนั้นการก่อสร้างของท่าน แม้มีจำนวนมากๆ สำเร็จได้เป็นอย่างดี


    (เรียบเรียงจากหนังสือ พระศรีมหาวีโร พระผู้มากล้นด้วยบุญบารมี)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  6. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236

    โปรดผีเปรต

    [​IMG]

    (บริเวรลานหินที่หลวงปู่โปรตผีเปรตพรหมตีนเป)


    เมื่อหลวงปู่ศรีท่านมาพักอยู่ที่ถ้ำพระนี้ ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็ดีใจและวิงวอนว่า "ท่านอาจารย์...
    โปรดช่วยเมตตาหน่อย โปรดกรุณาปราบเปตรตัวดุร้าน ที่มักไปหลอกหลอนและก่อกวนชาวบ้าน
    อยู่เสมอ ห้อยโหนบนต้นไม้ให้ชาวบ้านเห็นบ้าง เดินลากเท้าไปตามถนนบ้าง ทำให้ชาวบ้านกลัว
    กันจนขี้หดตดหาย"


    ในตอนเย็นวันนั้นเอง ท่านนั่งสมาธิพิจารณาธรรมบริเวณลานหินลาดใต้ต้นจำปา ไม่ห่างจากถ้ำพระ
    มากนัก พิจารณาดูผีเปรตตัวนั้นว่า พอจะแผ่เมตตาโปรดได้บ้างไหม อีกไม่นานก็มีเสียงค่อยๆใกล้
    เข้ามาๆ กลายเป็นสายลมพัดวูบๆผ่าน ต้นไม้แถบนั้นเสียงดังครืนๆๆ ในที่สุดเปรตนั้นก็แสดงตนปรากฏ
    ในสมาธิธรรมของท่านอย่างประจักษ์ ประหนึ่งว่า "นั่งสนทนากันอย่างคนเราธรรมดา"

    ท่านได้ถามว่า "เจ้าชื่อว่าอะไร? ที่ต้องมาเกิดเป็นเปรต เสวยทุกขเวทนาอันร้ายกาจเห็นปานนี้ เพราะ
    กรรมใด"
    เปรตนั้นตอบว่า "ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ข้าพเจ้าชื่อว่า "บัก(นาย)พรหม" เป็นนามตั้งแต่ยังเป็น
    มนุษย์ ด้วยเหตุที่เท้าข้างหนึ่งของข้าพเจ้าถูกไม้ทับจึงเป (แบน) คนทั้งหลาย จึงเรียกชื่อข้าพเจ้าตามกิริยา
    ที่เดินขาเกและเท้าที่เป ว่า บักพรหม ตีนเป"

    ส่วนเหตุที่ข้าพเจ้าต้องมาเกิดเป็นเปรตนั้นเพราะว่า ในปี พ.ศ. ๒๔๖๕ ข้าพเจ้าและพวกประมาณ ๑๐ คน
    มาขโมยพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์อันเป็นพระประธานในถ้ำพระ พวกข้าพเจ้าพยายามยกพระพุทธรูปจาก
    ที่ประดิษฐาน แม้จะพยายามช่วยกันยกช่วยกันหามพระพุทธรูปสักเท่าใด พระพุทธรูปก็หาขยับเขยื้อนไม่
    จะช่วยกันใช้ไม้งักก็หาเคลื่อนที่ไม่ ประหนึ่งว่าเป็นเสาศิลาแท่งทึบ พวกเราหมดปัญญาที่จะขโมยเอาไปได้
    จึงได้แต่นั่งถอดถอนใจ

    พวกเราปรึกษากันว่า ควรที่เราจะนำธูปเทียนมาสักการะขอขมาท่านเสียก่อน และอาราธนานิมนต์ท่านไปยัง
    สถานที่อื่น เมื่อพวกเราได้ทำอย่างนั้นแล้ว พระพุทธรูปเคลื่อนที่ไปอย่างง่ายดาย

    ถึงพระพุทธรูปจะศักสิทธิ์เพียงใด แต่ด้วยโลภเจตนาบังตาและกิเลสบังใจอย่างมืดมิด พวกเราก็หาศรัทธา
    เลื่อมใสและเกรงกลัวต่อบาปกรรมนั้นไม่

    เมื่อพวกเราหามพระพุทธรูปออกไปยอกเขตเทือกเขาภูเวียง จังได้หยุดอยู่ที่บริเวณป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบัน
    นี้ชนทั้งหลายเรียกว่า "โคกฆ่าพระ" พวกเราก็แสดงสันดานบาปหยาบช้าออกมา ด้วยการพากันทำลายองค์
    พระพุทธรูปด้วยมีดขวานและเลื่อย ด้วยหวังว่าจะนำทองจากองค์พระไปขายเพื่อนำเงินไปเลี้ยงชีพ ถึงแม้พวก
    เราจะฟันทุบและเลื่อยสักเท่าไหร่ พระพุทธรูปนั้นก็หาบุบสลายไปไม่

    เมื่อพวกเราหมดปัญญาจะเอาทองจากองค์พระได้ จึงอธิฐานจิตว่า
    "ขอให้ข้าพเจ้าตัดเศียรและตัดองค์อวัยวะส่วนต่างๆของพระได้สำเร็จเถิด พวกข้าพเจ้าจะขอเกิดเป็นมนุษย์ชาติ
    นี้เพียงชาติเดียวทเท่านั้น"

    เมื่อสำเร็จคำอธิฐาน ในที่สุดก็สามารถทำลายพระพุทธรูปได้ตามใจหวัง ต่างคนก็ต่างตัดต่างเลื่อนด้วยความสะดวก
    จึงได้นำทองไปขายแบ่งกันเลี้ยงชีพ ต่อมาพวกเราทั้งหมดได้ถูกเจ้าหน้าที่จับได้ ภายหลังเมื่อสิ้นชีพแล้ว ไปเกิดใน
    อบายภูมิเป็นเปรตเสวยผลกรรมมาเฝ้าถ้ำแห่งนี้ และเที่ยวหลอกหลอนขอส่วนบุญชาวบ้านเป็นเนืองนิตย์

    "ข้าแต่ท่านผู้ทรงพรต ข้าพเจ้ากราบเรียนท่านอีกเรื่องหนึ่งว่า เมื่อครั้นเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าเป็นคนใจร้าย มักริษยาคน
    อื่น เห็นคนอื่นมั่งมีเหนือตนก็ไม่พอใจ ครั้นเห็นคนยากไร้ก็กลับดูแคลน อยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่น ทำเล่ห์กลหลอก
    ลองเอาทรัพย์ของคนอื่นมาเป็นของตน ทั้งเป็นคนตระหนี่ไม่ยินดีในการให้ทาน เห็นคนอื่นเขาให้ทานก็พลอยห้าม
    ปราม ฉ้อโกงทรัพย์สินที่เป็นของสาธารณะหรือของสงฆ์เอามาเป็นของตน ด้วยโลภเจตนาอยู่เสมอด้วยกรรมเหล่านี้
    เป็นต้น ข้าพเจ้าจึงเกิดมาเป็น 'วิวิธเปรต' "

    "ตอนนี้เจ้าเสวยกรรมคือทุกขเวทนาอันแสนหาหัสอย่างไรบ้าง? เล่าให้อาตมาฟังด้วย"

    หลวงปู่ศรีกล่าวถาม ด้วยความเมตตาอันหาที่สุดมิได้

    เปรตนายพรหมตีนเปได้ตอบด้วยสรีระร่างอันน่าสงสารว่า "ข้าพเจ้ามีรูปร่างชั่ว ศีรษะร่างกายผอมโซนักหนา เนื้อและ
    เลือดมิได้มีเลย ทั้งร่างมีแต่กระดูกและหนังที่พอหุ้มกระดูกอยู่เท่านั้น เพราะไม่มีอาหารจะรับประทาน หน้าท้องเหี่ยวติด
    กระดูกสันหลัง ดวงตานั้นก็ลึกกลวง ดุจถูกเขาแกล้งควักออก ผุ้าสักชิ้นหนึ่งที่จะปิดร่างกายก็มิได้มีเลย ผมก็แสนยาวรุ่ม
    ร่ามลงมาปกปากและหน้า เนื้อตัวเหม็นสาบเหม็นสางน่าเกลียดน่าขยะแขยง ต้องร้องไห้ครวญครางอย่างน่าเวทนา เพราะ
    ความหิวโหยอาหาร หมดเรี่ยวแรง จะไปไหนๆ ก็ไม่ได้ ก็ได้แต่นอนหงายอิดโรยอยู่อย่างระเกะระกะ อย่างที่ท่านพระคุณ
    เจ้าเห็น" เมื่อเขากล่าวมาถึงตรงนี้ต้องหยุดเพราะความอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรง และด้วยพลังกระแสเมตตาของหลวงปู่ศรีที่แผ่
    ให้ เขาจึงมีเรี่ยวแรงกล่าวต่อไปอีกว่า

    "หูของข้าพเจ้าย่อมได้ยินเสียงประดุจคนมาร้องเรียกแผ่วๆดังแว่วมาแต่ไกลว่า "สูเจ้าทั้งหลายเอ๋ย! จงพากันมากินข้าวกินน้ำ"
    ฝูงเปรตทั้งหลายก็ได้ยินเสียงกรรมบันดาลเช่นนี้เหมือนกับข้าพเจ้า ก็เข้าใจว่ามีข้าวมีน้ำ ต่างก็ดีใจคิดจะลุกขึ้นแต่ก็ลุกขึ้น
    ไม่ได้ เพราะหมดเรี่ยวแรง แล้วก็พยายามลุกขึ้นอย่างแสนลำบาก บางตนก็ล้มลงนอนหงายแผ่ แต่เสียงเรียกให้ไปกินข้าว
    กินน้ำก็ยังคงดังแผ่วมากระทบหูอยู่เรื่อยๆ พวกเราจึงอุส่าห์พยายามเกาะกันล้มลุกล้มหงาย ในที่สุดก็ลุกขึ้นได้ ครั้นลุกขึ้นได้
    ก็เอามืออันเหี่ยวแห้งพาดขึ้นเหนือหัวชื่นชมยินดี ค่อยพยุงร่างกายไปสู่ทิศที่ได้ยินเสียงเรียก เร่งไปเร่งหาอยู่ช้านาน แต่จักได้
    พานพบข้าวและน้ำก็หามิได้เลย จึงเสียใจร้องไห้ครวญครางพลางก้มลงเกลือกด้วยความหิวอยู่ ณ ที่นั้นเอง"

    ในไม่ช้าก็ได้ยินเสียงเรียกมาเร้าใจให้พยายามอีก แต่จะได้เจออาหารสักนิดก็หามิได้ ได้แต่ยินเสียงร้องเรียกแต่อย่างเดียว ข้า
    แต่พระคุณเจ้าผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าต้องเป็นอย่างนี้หลายร้อยหลายพันปี จนกว่าจะสิ้นเวรกรรม"
    เปรตนายพรหมตีนเปกล่าวทั้ง
    น้ำตาที่หลั่งไหลดั่งสายน้ำ

    หลวงปู่ศรีได้กล่าวสอนด้วยเมตตาต่อไปอีกว่า "ข้อให้เจ้าตั้งใจรับส่วนบุญที่เราอุทิศให้ ลดทิฎฐิมานะและความดุร้ายลงเสีย อย่าไป
    เที่ยวก่อกวนชาวบ้านเขา มันจะเป็นบาปซ้ำกรรม ซัดเข้าไปอีก เพียงแค่นี้ก็จะพอช่วยบรรเทาเวรกรรมหลายพันปีลงได้บ้าง"


    พลังจากหลวงปู่ศรีท่านโปรตเปรตตนนี้แล้ว ชาวบ้านก็อยู่กันอย่างสงบสุขหายหวาดกลัวไปบ้าง บางคนอัศจรรย์ในคุณธรรม
    ของท่านที่ปราบผีเปรตให้หายพยศ สมกับสมญานามของท่านที่ว่า "หลวงปู่ศรีผีย้าน"

    (เรียบเรียงจากหนังสือ พระศรีมหาวีโร พระผู้มากล้นด้วยบุญบารมี)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5herit.jpg
      5herit.jpg
      ขนาดไฟล์:
      240.7 KB
      เปิดดู:
      7,345
  7. ชายเสรี

    ชายเสรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +1,950
    ขอเรียนถามหน่อยนะครับ รูปหล่อโบราณหลวงปู่ศรี รุ่นเศรษฐี หลวงปู่อธิษฐานจิตพร้อมกับเหรียญทำน้ำมนต์หรือเปล่าครับ เห็นในเวปคุณโรจน์โคราชระบุไว้ว่า หลวงปู่อธิษฐานจิตวันที่ 27 ธันวาคม 2552 (ณูปจากเวปคุณโรจน์โคราชครับ ขออนุญาติมา ณ ที่นี้ด้วยครับ )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    น่าจะอธิษฐานจิตพร้อมเหรียญทำน้ำมนต์รุ่นสองนะครับ
     
  9. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236

    เทศน์สอนพระอินโดนีเซีย


    (กล่าวชมพระอินโดนีเซียภาวนาดี)


    [​IMG]
    (หลวงปู่ศรีที่ประเทศอินโดนีเซีย)


    [​IMG]
    (ฉันที่บ้านคุณยูริ ประเทศอินโดนีเซีย)


    [​IMG]
    (ภาพถ่ายเมื่อคราวหลวงปู่ไปรับกฐินหลวง (วัดไทยที่อินโด) เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๑ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ที่เมืองบันตุง)


    [​IMG]

    [​IMG]
    (หลวงปู่ศรีไปชมพระมหาเจดีย์บูโรพุทโธ มีคุณอิบูยันติ (ยูริ) ชาวอินโดนีเซียเจ้าของไร่ชาสถานที่
    ที่หลวงปู่เคยเมตตาไปจำพรรษาที่อินโดนีเซีย ปี ๒๕๓๑ รวมอยู่ในภาพด้วย)



    ท่านได้เล่าเรื่องมีพระภิกษุที่ประเทศอินโดนิเซีย ภาวนาดีให้ฟังว่า ...
    ...พระอินโดรูปหนึ่งเดี๋ยวนี้แกไปอยู่เมืองเลาะซีส อินโดนิเซีย เทศน์เก่งนะ คนใจใหญ่
    นะ ใจใหญ่ใจกว่าง นี่เคยพูดให้ฟังหลายครั้งแล้ว คือ
    แต่ก่อนท่านเป็นนักค้นคว้าศาสนา
    คริสต์ อิสลาม เอาจริง เอาจัง แต่แล้วก็ไม่หายสงสัย มาค้นคว้าตำราพุทธ ก็เลยยินดีพุทธ

    แต่ยังไม่ไปหาครูบาอาจารย์ ฝึกหัดนั่งสมาธิไปตามตำรา ประเทศอินโดนีเซีย มีป่าดงใหญ่
    แกไปอยู่กับคนป่าโน่น เตรียมเสบียงอาหารไปอยู่ผู้เดียวในป่า ๒-๓ เดือน ไม่รู้จักว่าจะทำ
    อย่างไร จะบริกรรมภาวนาอะไรอย่างไรก็ไม่รู้จัก จึงพยายามทำจิตใจให้อยู่ในจุดใจจุดหนึ่ง
    เท่านั้นเอง เอาความรู้อยู่กับใจ ดูอยู่อย่างนั้นแหละ อยากกินก็ไม่กินไม่อยากกินก็ทำอยู่
    อย่างนั้นแหละ บทเวลามันจะเป็นคือ จิตใจ ไม่ได้ส่งไปตามอารมณ์ไม่ได้คลุกคลีอยู่กับ
    อารมณ์ทางนอก ไม่ส่งหน้าส่งหลัง มันก็เลยเป็นการตั้งสติไปในตัว อยู่กับความรู้
    หนักเข้า
    ความรู้นั้นก็ค่อยๆแก่กล้าขึ้นๆ จิตใจมันก็ลงสมาธิได้ สว่างโร่ทันที ใหม่ๆ สว่างหมดทั้งป่า
    ทั้งดง นั่งอยู่คนเดียวหลับตาเหลียวมองเห็นหมด ต้นไม้น้อยใหญ่อยู่มุมไหน จอม
    ปลวดอยู่มุมไหนในดงนั้น อุทาน เอ้... เกิดอัศจรรย์ใจ มันเป็นอย่างไรมันถึงรู้จัก
    หลับตาอยู่เท่าไรก็มองเห็นหมด


    วันหนึ่งว่างๆ ตอนกลางวันก็อยากเดินไปดูตามความรู้ที่เห็น ไปดูถูกต้องหมด
    อย่างที่เห็นในนิมิต "เอ้... มันเป็นความจริงนี่" แกอุทานในใจ กำหนดดิ่งลงไปที่เก่านั่น
    แหละ อีกหลายวันนะนี่ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ลงพึ๊บอย่างใหญ่เลย
    สว่างโร่เลยปรากฏเป็นเหมือนท้าวมหาพรหมนั่งอยู่บนธรรมมาสนั่งเทศน์ให้ฟังเลย
    หรือเป็นพระพุทธเจ้าก็ไม่รู้ แกว่าไม่รู้จัก บอกว่า เอ้อ เรื่องของพระพทูะศาสนามันดี
    อย่างนี้แหละ หากต้องการอยากที่จะประพฤติปฏิบัติ ก็เร่งเข้ามันจะเห็นมากยิ่งกว่านี้
    แกก็เอาอย่างหนัก ลาออกจากศาสนาอื่นมาถือพุทธเลย มาถือพุทธก็เลยเดินทางมา
    เมืองไทย มาบวชอยู่วัดบวรนิเวศน์

    ความรู้ภายในแกมาก จิตออกรู้ข้างนอกมาก พอนั่งสมาธิพุ๊บลงไป
    บางครั้งขึ้นไปบนฟ้าไปไม่รู้กี่ชั้น บางครั้งก็ลงไปข้างล่างไปไม่รู้สักกี่ชั้น
    จิตไม่ยอมอยู่ในร่างกาย

    แกถามปัญหาพวกพระสมเด็จฯ บางองค์แก้ปัญหาไม่ถูกจุด จึงคลายศรัทธาไปบ้าง
    เกิดการถือทิฏฐิมานะว่าตัวเองเก่ง
    สมเด็จพระญาณสังวรฯก็เลยส่งมาหาเรา ก็มาอบรม
    ในนามพระสังฆาธิการ


    เราจึงแนะนำให้ว่า
    "ความรู้ ความเห็น ทางนั้นมันดีอยู่หรอก
    แต่ว่ามีความรู้เหล่านี้มันไม่ได้ส่งเสริมจิตใจของเราให้สูงขึ้น
    หนักเข้าถ้าหากใครไม่ระวังก็เลยจะสำคัญตัวเองว่ามีอะไรต่อมิอะไร
    ต้องพิจารณาร่างกายเป็นหลัก ต้องอบรมกระทำให้มากใน
    กายคตาสติ"


    สตินั้นต้องสังวรอยู่เสมอในตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส กาย
    สัมผัสสิ่งที่ถูกต้อง ใจรู้ธรรมารมณ์ อย่าปล่อยให้จิตสยบในอารมณ์ที่ชอบ ไม่เคียดแค้น
    ในอารมณ์ที่ไม่ชอบ ตั้งสติและจิตไว้ในวงกาย พิจารณาค้นหาความจริงด้วยสติและปัญญา
    ดับบาปอกุศลที่จะเกิดทางทวารทั้ง ๖ ดังที่กล่าวแล้ว


    เปรียบเหมือนเราจับสัตว์ ๖ ชนิดอันมีที่อยู่อาศัยต่างกัน มีที่เที่ยวหากินต่างกัน
    คือ จับงู จังจระเข้ จับนก จับสุนัขบ้าน จับสุนัขจิ้งจอก และจับลิง มาผูกด้วยเชือก
    เหนียวเส้นหนึ่งๆ แล้วจึงนำไปผูกไว้กับเสาเขื่อน สัตว์เหล่านั้นมีที่อาศัยและที่เที่ยวหากิน
    ต่างกัน ก็ยื้อแย่งฉุดดึงกัน เพื่อจะไปตามที่ตนปรารถนา งูจะเข้าจอมปลวก จระเข้จะ
    ลงน้ำ นกจะบินไปในอากาศ สุนัขจะเข้าบ้าน สุนัขจิ้งจอกจะไปป่าช้า และลิงก็จะไปป่า

    เมื่อสัตว์เหล่านั้นยื้อแย่งกันสุดฤทธิ์สุดเดช มีแต่ความเมื่อยล้าแล้ว พวกมันทั้งหลาย
    หมดเรี่ยวแรงต่อสู้ ก็จะพึงยืนเจ่า นั่งเจ่า นอนเจ่า อยู่ข้างเสาเขื่อน นั้นเอง


    ท่านเอย...เสาเขื่อนที่มั่นคงนั้นแหละคือกายคตาสติ ส่วนจิตที่ส่งไปตาม รูป เสียง
    กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ก็เปรียบเหมือนสัตว์ทั้งหลาย ถ้าเราพิจารณากาย
    อบรมจิต กระทำให้มากๆ เพียรพินิจพิจารณาโดยรอบคอบ ทำโดยสม่ำเสมอ ความรู้แจ้ง
    แทงตลอดกายนี้ก็จะปรากฏ ส่วนความรู้ความเห็นอื่นๆ อันเป็นเรื่องของนิมิต ก็จะไม่มีความ
    หมายอีกต่อไป เพราะเราค้นพบความจริงแล้ว"


    เมื่อพระอินโดฟังธรรมที่เราแนะแนวให้ เธอก็เร่งกำหนดเข้ามาตามที่เราสอน เดี๋ยวนี้
    ก็ไปตั้งวัดอยู่ภูเขาเมืองลาซัมอยู่ในอินโดนิเซีย สร้างอยู่บนหลังเขาทำเสียใหญ่โต อยู่คน
    เดียวในกลุ่มนั้นมีแต่อิสลามหมด

    ตอนนั้นเราไปหา เห็นเราร้องไห้โอขึ้นเลย ไม่รู้เป็นอย่างไรมันอยู่ไม่ได้ สั่นไปหมดแก
    ดีใจเกิดปีติขึ้นมา แต่ว่าไม่ค่อยถูกกันกับหมู่เพื่อนความเห็นมันดิ่งหมอนี่ หมู่พระอยู่
    แถวนั้นไม่ค่อบถูกกัน แกพูดถามความจริงไปเลย ตกลงต้องอยู่คนเดียว ความรู้ความเห็น
    จำพวกนี้ มันรู้เห็นได้อยู่นะ ไม่ต้องหาครูบาอาจารย์ ถ้ามีการกระทำเต็มที่จะต้องมีส่วนได้
    พิเศษ จากนั้นเลยเทศน์ไม่มีอั้น เทศน์หมดวันหมดคือก็ได้ พวกที่เรียนนักธรรม ตรี โท
    เอก นี่พูดไม่ทันแกหรอก นี่ความเป็นเองมันต่างกัน ถ้าจะเอาคุณธรรมให้เกิดกับจิตใจจริงๆ
    อันนั้นมันเป็นที่พึ่งแก่เข้าของที่แท้จริง ธรรมะเข้าถึงใจ ใจเข้าถึงธรรมะ นั่นแหละเป็น
    ธรรมของเราที่แท้จริง แต่ธรรมะที่ได้ยินจากคนนั้นคนนี้ในตำรับตำรามันเป็นธรรมะของคน
    อื่นท่านหรอก เรายืมมาใช้เฉยๆ ยืมมาพูดเฉยๆ
    ธรรมะของเราจักเกิดขึ้นแค่ไหนขนาดไหน
    เท่านั้นแหละ ถ้าหากเป็นธรรมะที่เกิดขึ้นกับจิตโดยเฉพาะแล้ว โอ้ย มันกว้างขวางใหญ่โต
    มันลืมไม่ลงหรอก เพราะใจเป็นผู้รู้เอง เห็นเอง แต่ว่าจะผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า
    ในตำราก็ไม่ใช่ บางอย่างมันไม่เหมือนกัน



    (เรียบเรียงจาก หนังสือ พระศรี มหาวีโร พระผู้มากล้นด้วยบุญบารมี)


    [​IMG]

    (เจดีย์หินที่วัดป่ากุง จำลองมาจากเจดีย์บูโรพุทโธ อินโดนีเซีย)

    =
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ชายเสรี

    ชายเสรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +1,950
    ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะมีพุทธคุณเหมือนเหรียญทำน้ำมนต์สินะครับ พอดีผมมีอยู่องค์นึงครับ จะได้นำไปเลี่ยมบูชาครับ
     
  11. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    อนุโมทนาด้วยนะครับน้องเคน อลังการมาก :cool:
     
  12. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    สวยงาม อลังการมากค่ะ
    ได้เห็นเป็นบุญตาจริงๆ

    อนุโมทนา ... สาธุ
     
  13. ratsung

    ratsung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,355
    น้องบอย พี่เลี่ยมเหรียญทำน้ำมนต์ที่น้องบอยแจกแล้วนะ
     
  14. ratsung

    ratsung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,355
    แอบชอบเนื้อเหล็กน้ำพี้ครับ กิเลสขึ้นเพราะน้องบอยจุดชนวน
     
  15. jeenus

    jeenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,513
    ค่าพลัง:
    +3,576
    เสียงธรรม : หลวงปู่ศรี มหาวีโร


     
  16. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    ที่ลงไว้เป็นแค่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เรื่องราวประวัติและเกียรติคุณเดชพระคุณหลวงปู่ศรี มหาวีโร

    หนังสือประวัติหลวงปู่ศรี พระผู้มาด้วย บุญบารมี

    อ่านฉบับเต็มได้ที่

    Download ได้ที่นี่ครับ
    http://www.fungdham.com/download/book/lp_sri.zip


    credit: ˹ѧ��͸���� + ���§��ҹ
     
  17. ปราถนาบุญ

    ปราถนาบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +896
    อนุโมทนาด้วยครับ

    พึ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้ แต่ก็อานจนครบทุกบรรทัดแล้ว

    อนุโมทนาครับ สาธุ สาธุ
     
  18. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกระทู้กันครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาก็ฝากกระทู้กับทุกท่านด้วยนะครับ

    [​IMG]

    นานๆมาเจอกันทีก็อยากจะมอบสิ่งดีๆให้กับเพื่อนสมาชิกครับ สิ้นเดือนพอดี ผมขอแจก เหรียญขวัญถุง ที่ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกให้ เมื่อเดือน ธ.ค.52 ที่ผ่่านมา จำนวน 10 เหรียญ มอบให้ฟรีเป็นกำลังใจในการทำมาหากินครับ เหรียญนี้เด่นด้านโภคทรัพย์ และคุ้มครองก็มีครับ ลงชื่อในกระทู้เลยครับ

    จำกัดจำนวน 10 ท่านเท่านั้น ใครมาก่อนได้ก่อนครับ
     
  19. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    [​IMG]

    [​IMG]

    เหรียญ ขวัญถุง หลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นเหรียญขนาด 25 สตางค์ ปลุกเสกพร้อมเหรียญทำน้ำมนต์ เมื่อเดือน ธ.ค.52 ตอกโค๊ต (ศ) ไว้ที่ด้านในหลวงครับ พกใส่กระเป๋าสตางค์เป็นขวัญถุง ห้อยคอเป็นศิริมงคลก็ได้ เพราะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านครับ แถมได้หลวงปู่เมตตาให้อีก แหล่มเลย

    ภาพถ่ายพลังงานของเหรียญขวัญถุง จากพี่หมอเทวดา

    [​IMG]

    พลังงานเหมือนกับแหวนปลอกมีด สีเขียวเด่นชัด รักษาโรค และคุ้มกันภัยพิบัติ มักพบสีนี้ในผู้สุขภาพดี อยู่ในภาวะผ่อนคลาย หายจากโรค




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.7 KB
      เปิดดู:
      3,195
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2010
  20. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    เยี่ยมเลยคร้าบบบ

    อิอิ ความจริงเนื้อไหนท่านก็เสกเหมือนกัน เอาแบบเพื่อนผมก็ได้เอาเนื้อทองแดงไปชุบเงินบ้าง ชุบทองบ้างแล้วเอาไปเลี่ยมแขวน เริ่ดมาก ๕๕



    ขอบคุณครับ ^^

    ขอบคุณครับน้องเคน ^^

    เยี่ยมครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...