เล่ากันฟัง วันนี้ไปบ้านสายลม

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย skygolo, 4 กันยายน 2010.

  1. skygolo

    skygolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +149
    ปสก ครั้งแรก มโนมยิทธิครึ่งกำลัง

    ในห้องนั่งกัน 15 คน สรุปมี ชาย สองคนที่ไปไม่ถึงนิพพาน..

    ค้างอยู่ที่ตีนดาวดึงส์..อิอิ

    ฟังเพื่อนๆสาวน้อยสาวใหญ่ ตอบกัน เห็นกัน สนุกเลย
    ระหว่างนั่งเราจะทำอะไรดีหว่า เห็นก็ไม่เห็น
    ก็เข้าสมาธิปกตินี่แหละ ก็เห็นแสงสว่างจ้าวาบๆๆ เหมือนรัศมี
    ก็นั่งดูนิมิตไปเรื่อยๆรอเพื่อนๆ

    มาตอนหลังสรุป ครูบอก ตั้งอารมณ์ผิด มันไม่ได้เห็นเหมือนนิมิต
    เหมือนทิพยจักษุ แต่มันให้รู้สึก มโน
    ก็ไม่ผ่านต้องฝึกใหม่ๆ ครูบอกว่าอย่าสนใจกาย
    แต่ผมจะท่อง คาถา นะมะพะธะ ไม่ได้ ตัวมันจะโยก พอทิ้งลมหายใจ
    ภาวนาอย่างเดียวยิ่งเอาใหญ ที่นั่งก็นิดเดียวกลัวจะไปถูกผู้หญิง
    อีกคาถานึง แรงเช่นกัน สัมปจิตฉามิ อันแป้บเดียวมือนี่เหมือนมีไฟวิ่งสปาร์ค
    ขาสั่นๆๆ ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นอย่างไร กัลยาณมิตรท่านใด
    มีประสบการณ์ มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

    เป็นอันว่าครั้งแรก ล้ม แต่ไม่ถอย ไว้หาที่เต็มกำลังจะไปใหม่
    บุญน้อยจริงๆ ตอนหลวงพ่ออยู่ก็ เพิกเฉยไม่สนใจ...น้อยใจลึกๆในบุญตัวเอง
     
  2. วง

    วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +437
    ไม่เป็นไรครับ ขอให้ตั้งใจฝึกต่อไป
     
  3. คิเคียว

    คิเคียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +459
    ว่าเข้าไปนั่น บุญน้อย ดิฉันไปมาเหมือนกัน ไม่เห็นซักติ๊ด
    ได้แต่อารมณ์สมาธิขั้นไหนไม่รู้
    (deejai)
     
  4. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,261
    พรุ่งนี้เราก็จะไปลองดูเหมือนกัน..ไม่รู้ว่าจะเห็นอะไรหรือเปล่า

    ดีกว่าไปแล้วไม่ได้ไปลองนั่ง(กะจะไปถวายสังฆทานอยู่แล้ว)

    ฝึกเอง นั่งเอง ไม่รู้ว่าถูกต้องไหม...พรุ่งนี้ก็จะได้มีอาจารย์คอยแนะน่าจะดีขึ้น

    ได้เรื่องอย่างไรจะมาเล่าให้ฟังนะ
     
  5. dodhome

    dodhome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +609
    เน้นถือศีลด้วยนะ มโนมายิทธินี้ ถ้าศีลไม่บริสุจน์หรือขาดจะใช้การได้ไม่ค่อยดี หรือมืด ต้องดูศีลเราด้วยนะ และอย่ากลัว(กลัวตาย)ทุกอย่าง คิดไว้ว่าตายเมื่อไรไปนิพพานเมื่อนั้น

    ที่ทำอยู่นะดีแล้วใกล้แล้ว ทำไปเรื่อยอย่ากลัว อย่าสงสัย มันจะตายให้มันตาย อย่างน้อยตายในสมาธิในจิตกุศลไม่ตกนรกแล้ว

    มันเป็นอาการของปิติด้วย อีกหน่อยก็หายไปเอง ...ลองดูใหม่ ใกล้แล้วนะ...อย่ารังเล และ สงสัย
     
  6. dodhome

    dodhome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +609
    อีกนิด ทำใจให้สบายที่สุด ปล่อยว่างภาระที่หน้า สิ่งที่กังวลอยู่ออกไปให้หมด ถ้าไม่หมดสะสางให้เสร็จ ทำใจเบา ๆ ๆๆๆๆ สบายไป ...และอย่าอยากมากเกินไป(เป็นกิเลส)

    ให้เจริญในธรรม
    สวัสดี.
     
  7. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    บุญไม่น้อยหรอกครับ

    ผมนั่งสมาธิ มาตั้งแต่เด็กแล้ว ปีติสักอย่างก็ไม่เคยสัมผัสเลย

    อย่างนี้เรียกได้ว่าไม่มีบุญเลยดีกว่ามั้ง 555

    เลยคิดว่าชั่งมัน นั่งเอาสบายใจและสงบ อย่างเดียวพอ
     
  8. skygolo

    skygolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +149
    สาธุ ขอบคุณ คุณ dodhome มากครับ

    จะตั้งใจสุดๆครับ จะภาวนาต่อไปไม่หยุด

    แต่เหมือนท่าน dodhome บอกจริงๆคัรบ เวลาภาวนาคนเดียว
    ตัวโยกตัวโคลง เหมือนไฟวิ่งรอบๆมือ ตัว
    น่ากลัวจริงๆครับ มันกลัวไปหมด มันเหมือนจะหลุด จะลอย หวิวๆ
    สรูป เรายังกลัวตายอยู่

    แต่น่าแปลกเวลาภาวนาพุทโธจะไม่เป็นแบบนั้น ปีตีไม่แรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2010
  9. primrose

    primrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +527
    วันนี้ไปมาค่ะ

    ไม่ขอบอกเล่ามากนะคะ เดี๋ยวจะกลายเป็นปรามาสครูบาอาจารย์

    ปกติใจสัยทำกรรมฐานแบบไม่มีคำภาวนาค่ะ ดูลมหายใจ แล้วตามรู้ตามดูกาย จิต เวทนา ไปตามความจริงที่เกิดขึ้น
    พอมาบริกรรม นะมะพะธะ (หรือใช้คำบริกรรมอื่น เช่น พุทโธ ยุบหนอ-พองหนอ) ก็เกิดปีติค่ะ หยุดบริกรรมปีติก็หาย บริกรรมอีกปีติก็เกิดอีก ...

    วันนี้ขณะที่ฝึกนั้น ไ่ม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากสภาวะจิตที่ผิดปกติ

    เวลา อ. ถามนำ ก็จะคิดจินตนาการตามจนเกิดภาพ ... อ. บอกว่าไม่ใช่ ต้องใช้ความรู้สึก ทำไงก็ไม่ได้ค่ะ

    ออกจากบ้านสายลม ระหว่างนั่งรถเพื่อไปที่ร้าน ก็ลองภาวนา+บริกรรม แล้วตั้งจิตอธิฐานตามที่ อ. แนะนำมา
    ก็ไม่ได้ค่ะ รู้สึกแต่ว่าจิตไม่ยอมรับวิธีการ ไม่มีความสุขกับการบริกรรม ไม่เกิดสมาธิเลยค่ะ

    วันนี้ก็เลยปิดร้านเร็วกว่าทุกวัน แล้วไปทำกรรมฐานที่วัดปทุมฯ ทำกรรมฐานตามแบบเดิมที่ฝึกมา จิตก็เข้าสู่สภาวะปกติ เป็นสมาธิ สงบเรียบร้อยดี

    สรุปได้ว่า จริตของใจสัยไม่เหมาะกับวิธีการนี้ อาจเป็นไปได้ว่า ใจสัยมีครูบาอาจารย์ที่เลื่อมใสศรัทธา และถูกจริตกันอยู่แล้วมั๊งคะ

    จากนี้ไปใจสัยก็จะตั้งใจปฏิบัติภาวนาที่ถูกจริตของใจสัยต่อไป เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆะบูชา อาจาริยบูชา จนกว่าจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏ .... _/|\_
     
  10. skygolo

    skygolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +149
    เมื่อคืน เพิ่งเข้าใจคำว่า ให้รู้ด้วยใจด้วยจิต ไม่ใช่ด้วยตา
    เพราะก่อนนอน อ่านหนังสือหลวงพ่อ ท่านบอกให้นึกถึงรูปพระที่ชอบ
    แล้วภาวนา เราก็สงสัยอยู่ว่ามันเป็นยังไง ดูพระแล้วจำ หลับตาภาวนา
    ก็ไม่เห็น ก็ดูกาย ดูจิตไป จนหลับ

    ตื่นมาตอนเช้า ช่วงระหว่างลุกตัว มันเกิดแว้บขึ้นมาที่ใจ มันเป็นภาพ
    คนนั่งสมาธิใส่ชุดสีขาว ความรู้สึกมันบอกว่าตัวเราเอง แต่ไม่ยักกะเหมือน

    และมันเข้าใจเลยว่า รู็ด้วยใจมันเป็นอย่างนี้ ซึ่งกระแสมันส่งออกและรับรู้ที่ใจ
    ไม่ได้ออกไปจากดวงตา

    ทราบซึ้งใจในความเมตตาของหลวงพ่อมากๆ
    เงินทองเข้ามา ด้วยวิธีการแปลกๆ จนบางครั้งมันเพิ่มมาจนแปลกใจมาก

    ขอน้อมกราบด้วยกายวาจาใจ ในเมตตาของหลวงพ่อ
    จะตั้งใจก้าวเดินต่อไป ผลจะเป็นอย่างไร ก็จบแค่ตาย...สาธุ
     
  11. ช่อมะม่วง

    ช่อมะม่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +331
    โมทนาและยินดีด้วยค่ะ ทำเองรู้เอง เมื่อทำถึงแล้วจะรู้ค่ะ ตั้งในปฏิบัติต่อไปนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ :cool:
     
  12. sirawasa

    sirawasa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2010
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +1,191
    ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์นะคะ ยังไม่สำเร็จแต่ก็มีความมั่นใจมากขึ้นและจะสู้ต่อไป ลองมาหลายเสต็ปแล้วค่ะ

    1. ช่วงแรกไปฝึกครึ่งกำลังที่บ้านสายลม ตอนครั้งแรกวอกแวกสุดฤทธิ์ ฟังชาวบ้านเค้าหมดว่าใครพูดอะไร แล้วคิดว่ามโนมยิทธิจะเหมือนการมองด้วยตาก็พยายามสอดส่ายสายตา (ทางกายเนื้อ) ไปด้วย เลยไม่ต้องไปไหน ครั้งต่อๆ มา โน้มใจตามครูไป แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆ ก็กลัวว่าความรู้สึกที่ว่าเห็นอะไรต่างๆ เกิดจากอุปาทานจากครูฝึกชี้นำหรือเปล่า แต่ก็พยายามตอบเท่าที่รู้สึก เช่น ครูบอกให้เข้าไปในจุฬามณี ก็บอกครูฝึกว่า "ไม่รู้สึกว่ามีหรือเห็นประตู แต่รู้สึกว่าเข้าได้" ครูบอก "งั้นก็ให้เข้าไปเลย" ก็โน้มใจเข้าไป ครูถามว่าเห็นพระพุทธเจ้ามั้ย ในความรู้สึกบอกว่าเห็น แต่มันสงสัยว่าที่เห็นเพราะครูบอก หรือเห็นเพราะอุปาทานเอาภาพพระพุทธรูปตามวัดที่เคยไหว้มาใส่หัวก็เลยไม่ตอบ ตอนเลิกฝึก ครูบอกว่า "ไปนั่งอยู่แทบเท้าพระแล้วยังจะสงสัยโน่นนี่" ทำให้ได้รู้สาเหตุว่าน่าจะเกิดจากวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) พยายามจะห้ามไม่ให้สงสัยแต่ก็ทำไม่ได้
    อย่างไรก็ตาม จากที่ไปฝึกที่สายลมครั้งแรก เมื่อเลิกฝึก อยู่ๆ ได้กลิ่นยานัตถุ์แล้วก็เหมือนมีลมวูบเข้ามาในวง พร้อมกับเสียงเหมือนผ้าสบัด ก็สะดุ้งขึ้นมา ตอนนั้นเห็นครูฝึกยกมือไหว้ บอกว่าหลวงพ่อมา ในวงที่ฝึกกัน 6 หรือ 7 คนจำไม่ได้ มีคนรับรู้เหมือนอย่างดิฉัน 2 คน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสมาธิจากการฝึก หรือว่าสัมผัสที่ 6 เดิม เพราะปกติค่อนข้างจะรับสัมผัสบางอย่างได้มาตั้งแต่เด็กแล้ว (โดยเฉพาะเรื่องการตายของญาติมักจะรู้ล่วงหน้าบ่อยครั้ง) ตอนหลังเคยพาหลานสาวไปครั้งหนึ่ง ก็ได้กลิ่นยานัตถุ์อีก แต่หลานสาวไม่ได้กลิ่น
    ที่สายลมอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างรอเวลาเริ่มฝึก ได้นั่งสมาธิแล้วภาวนา "พุทโธ" ล่วงหน้าไปก่อน อยู่ๆ เกิดภาวะอะไรก็ไม่ทราบ เหมือนร่างกายหายไปกลายเป็นจุดเล็กๆ และไม่รู้อยู่ที่ไหน แต่เหมือนไปอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งรอบตัวไม่มีอะไร ไม่มืดไม่สว่าง (กลางๆ) ก็เลยตกใจ คือจะไปต่อก็ไปไม่ถูกและไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น กลัวด้วยเพราะยังไม่ได้สมาทานพระกรรมฐานเลย สรุปคือถอนสมาธิออกมาก่อน แล้วก็ไม่ไปไหนอีก

    2. ตอนหลังคิดว่าการไปฝึกที่สายลมแบบมีครูเข้ามาในวงอาจไม่ถูกกับจริต เพราะใจคอยจะค้าน จะสงสัยว่าอุปาทานไปตามการชี้นำหรือเปล่า เลยตัดสินใจไปฝึกเต็มกำลังที่วัดท่าซุง จากที่วัดท่าซุงได้สัมผัสหลายๆ อย่างที่คิดว่าเป็นอะไรที่อัศจรรย์มากสำหรับตัวเอง คือ
    - ตอนอ่านหนังสือธัมมวิโมกข์ กล่าวถึงเรื่อง คฑาวิเศษ ใจไม่เชื่อเลย มองว่าขำๆ เหมือนนิทาน พอไปฝึกเต็มกำลังครั้งแรกเลยเจอเลย กำลังตั้งใจ "นะมะพะธะ" อยู่ รับทราบการมาของพระที่คุมการฝึก รับรู้ถึงการถูกคฑาแตะกลางกระหม่อม แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมีพลังบางอย่างที่แรงมากๆๆๆๆๆๆๆ ดึงร่างกายภายในให้ควงสว่านขึ้นข้างบน หลังจากนั้นก็สะอื้นจนกลั้นไม่ได้เลย แต่ขณะเดียวกันก็ตกใจ เลยกลายเป็นเอาใจไปจับ เอาความรู้สึกทางกายเนื้อไปจับ เลยจอดสนิท (สิ่งที่ได้กลับมา คือ ความศรัทธาเชื่อถือแล้วว่าคฑาวิเศษนั้น วิเศษจริงๆ)
    - อีกเหตุประหลาดที่เกิดขึ้นในการฝึกอีกครั้งหนึ่ง ช่วงนั้น อารมณ์ในเวลาทั่วไปค่อนข้างจะเตลิดนิดหน่อย (เกี่ยวกับเพศตรงข้ามที่เข้ามาในชีวิต) พอไปฝึกอารมณ์มันฟุ้งมากก็พยายามควบคุม ได้กลิ่นธุปมาใกล้ๆ ใจรับรู้ว่าพระผู้คุมฝึกคงจะเดินมา แต่แป็ปเดียวกลิ่นธูปกลายเป็นกลิ่นศพที่แรงมาก รู้เลยว่าพระท่านสอนเข้าให้แล้วว่าอย่าหลงอย่ายึด หลังจากนั้นก็ควบคุมสมาธิได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ไปไหนอยู่ดี
    - อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างที่จิตเริ่มปรับจากฌาณหยาบเป็นฌาณละเอียด ร่างกายสั่นมากๆๆๆ ตีตัวเองจนเจ็บและล้มตึง (เป็นอย่างนี้ประจำ บางครั้งหัวแตกเลยค่ะ) พอล้มไปยังไม่ยอมหยุดภาวนา เหมือนเห็นแสงเข้ามา แล้วก็เห็นคล้ายๆ ช่อฟ้าบราลีของโบสถ์เป็นสีเงินๆ สว่างๆ แต่ไม่รู้จะทำยังไงให้ไปที่ตรงนั้นได้ (ไม่ทราบว่าต้องอธิษฐานขอบารมีสมเด็จฯ) ก็เลยมองอยู่เฉยๆ แล้วก็จอดสนิทอีก
    - ด้วยความที่เคยสัมผัสหรือเหมือนจะเห็นอะไรได้ ทำให้บางครั้งก็ไปเสียเที่ยว เพราะ "อยากมากไป" ไปคิดล่วงหน้าว่าจะต้องเจออย่างนั้นอย่างนี้ ตั้งใจมากเกิน กลายเป็นกิเลส ก็เลยไม่ไปไหน หรือบางครั้งเคยไปโดยที่อารมณ์ขุ่นมัว รุ้สึกได้เลยว่าพระผู้ดูแลไม่มาให้ความสนใจเลย คฑาก็ไม่มีมาแตะ ท่านคงทราบว่าอารมณ์ไม่พร้อม
    - มีครั้งหนึ่งที่นับได้ว่าอัศจรรย์ที่สุดเท่าที่พบมาจากความพยายามฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังที่วัดท่าซุง ร่างกายสั่นมากๆๆๆๆ ล้มตึงตามปกติ แต่ยึดคำภาวนาไม่ปล่อย ช่วงนั้นแม่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่กี่เดือน ตอนที่ภาวนาอยู่คิดถึงแม่ว่าแม่ไปโดยไม่ได้ภาวนา เราโชคดีที่เจอหลวงพ่อ ได้ปฏิบัติตามหลวงพ่อ และได้ฝึกตาย ได้มีโอกาสภาวนา ถึงไปไหนไม่ได้ก็ยังเป็นกำไรชีวิต ปรากฎว่าครั้งนั้นพอร่างกายเริ่มสงบ มีความรู้สึกเบามากๆ แล้วเหมือนกับมีร่างเบาๆ ข้างในกำลังถูกดึงขึ้นจากด้านล่างขึ้นบน เหมือนจะถอดออกจากกายนอก ในลักษณะคล้ายลมหอบขึ้นทางหัว .... แต่ก็ไม่วายทำตัวเองให้จอดอีก ด้วยการคิด การคิดครั้งนี้ไม่ใช่คิดแบบ "เอ๊ะ?" อย่างสงสัยเต็มอัตรา (เพราะมั่นใจว่าไม่ได้อุปาทาน) แต่คิดแบบ "อ้อ!" คือเชื่อแต่ยังสงสัยต่อ ก็คือ คิดว่า "อ้อ! เวลาคนเราจะตาย จิตมันคงออกแบบนี้นี่เอง" เท่านั้นล่ะ จอดสนิทอีกแล้วครับท่าน แต่จากครั้งนี้ก็ทำให้มั่นใจว่ากายในมีจริงแน่นอน หลังจากที่สงสัยมานาน สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกจากนี้อีกอย่างคือการตั้งอารมณ์ให้นิ่งมีผลมากๆ แต่ปัญหาคือมันตั้งอารมณ์แบบนั้นยากจัง
    - ล่าสุดก็ไปมาหลายครั้งแล้ว ไม่ประสบความสำเร็จ รู้สาเหตุว่าน่าจะเกิดจากวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) เพราะไม่ยอมปล่อยให้อะไรจะเกิดก็เกิด มันคอยจะเอาไป "เอ๊ะ?" หรือ "อ้อ!" อยู่นั่นแล้ว

    แต่ก็จะสู้ต่อไปค่ะ อยากไปบวชพราหมณ์ตอนเดือนธันวา จะได้ฝึกแบบจริงจัง แต่เกริ่นขอลากับเจ้านายล่วงหน้าแล้วเค้าไม่ให้ เศร้าใจเหลือเกิน .....ก็ได้แต่หวังว่าถ้าถึงเวลาจะตายจริงๆ จะมีอารมณ์ที่แจ่มใส ที่ไม่เศร้าหมอง ที่มั่นในคำภาวนา และยึดมั่นในนิพพาน เพราะไม่อยากเกิดอีกแล้ว
     
  13. ภัทรศีล

    ภัทรศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,806
    เมื่อวานไปมาเช่นกันครั้งแรกค่ะ เกิดปีติน้ำตาจะไหลตอนกราบหลวงพ่อฤาษี ตอนไปถวายสังฆทานกับหลวงพี่อนันต์ เราใส่ปัจจัยถวาย 1000 บาท สร้างพระ 1000 บาท(ขันรับปัจจัยอยู่ใกล้กัน) มีความสุขที่สุด ตอนอุ้มพระใหญ่ถวายนี่แหล่ะค่ะ

    ส่วนในเรื่องของการปฏิบัติ เราจะพยายามให้มากขึ้น ช่วงนี้เน้นอานาปาฯค่ะ ยิ่งปฏิบัติดีเท่าไหร่ ใจเราจะสำรวมระวังมากขึ้น สิ่งที่เราไม่คาดคิดฝันก็จะเกิด

    ภูมิใจที่ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2010
  14. onpilin

    onpilin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +234
    อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่าน เมื่อไหร่เราจะมีโอกาสได้ไปน๊า..
     
  15. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    คุณฝึกมโนมยิทธิกับ อ.ปราโมทย์ หรือเปล่าครับ

    การปฏิบัติมีหลายวิธี แต่ละวิธีไม่เหมือนกันเสียทีเดียว จะปฏิบัติให้เกิดผล จะต้องน้อมนำวิธีการที่กำลังเรียนรู้อยู่นั้นมาปฏิบัติ โดยระงับสัญญา หรือความรู้เดิมไว้ก่อน การปฏิบัติจะได้ไม่เปรียบเทียบ หรือพูดอย่างง่ายว่า ตีกัน

    ลองพิจารณา หรือใช้วิจารณญาณดูนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2010
  16. primrose

    primrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +527
    ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ

    ก้าวเท้าเดินออกจากบ้านก็เทน้ำเก่าทิ้งออกหมด เหลือแต่แก้วเปล่าเดินเข้าบ้านสายลมค่ะ ....

    ไม่ขอกล่าวต่อ อย่างที่บอกแต่แรกว่า เล่ามากจะเป็นการปรามาสอาจารย์ค่ะ

    ทุกคนต่างมีครูบาอาจารย์ที่เกื้อกูลกันมาแต่อดีต จริตของแต่ละคนก็ต่างกันค่ะ ..... แต่ละวิธีการไม่ได้เหมาะสำหรับคนทุกคนค่ะ .... _/|\_
     
  17. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,261
    ....สรุปว่า...วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไปแค่ถวายสังฆทานเฉยๆไม่ได้ฝึกมโนค่ะ

    เพราะมีธุระตอนบ่ายๆ ก่อนกลับก็แวะซื้อหนังสือของหลวงพ่อมาหลายเล่ม

    เอาไว้แจกคนอื่นด้วย อ่านเองด้วย

    ...ไปครั้งแรกด้วย นั่งรถก็เลยป้าย แฮะๆ ไม่รู้จักหรอกว่าบ้านอยู่ไหน เห็นคนเดิน

    ไปในซอยก็เดินตามเขาไป ไม่รู้ว่าทำไมไม่นั่งวินเหมือนกัน ไปคราวนี้ติดใจ

    เดือนหน้าก็จะไปอีก ในใจคิดว่าจะไปทุกเืดือนค่ะ

    ....โดยส่วนตัวแล้ว น่าจะถูกจริตกับอานาปานุสติค่ะ ทำแล้วจิตใจสบาย นั่งได้

    นาน มีสมาธิกว่าทำแบบอื่น พอทำอานาปานุจนสบายใจแล้วค่อย ภาวนาค่ะ

    ก็จะทำให้สมาธิทรงตัวดีขึ้น ก็ยังไปไม่ถึงขั้นไหนหรอกค่ะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้สัก

    ขั้นเลย

    ....แล้วถ้าไม่ได้กำหนดลมหายใจเข้า-ออกก่อน มาจับภาวนาตั้งแต่แรกเลย

    จะรู้สึกอึดอัด และหายใจไม่ออก จุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ ทรมานค่ะนั่งไม่นาน ก็เลย

    หันมากำหนดลมหายใจแทน

    เป็นกำลังใจให้ทุกท่านเลยนะค่ะ....ถึงแม้บางท่านจะไปได้ไม่ถึงไหนก็ตาม แค่

    ใน1นาทีที่เรามีสมาธิ ก็นับว่า เป็นบุญแล้วค่ะ อ่านเจอในหนังสือหลวงพ่อค่ะ

    มีประโยคที่ว่า

    "...พระที่บวชเข้ามารักษาศีลบริสุทธิ์ครบ 100 ปี แต่ไม่เคยทำสมาธิเลย

    เราเจริญสมาธิวันหนึ่ง แค่ 2-3 นาที เราอานิสงส์สูงกว่า.....''


    เพื่อเป็นกำลังใจค่ะ
     
  18. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    คนที่ได้มโนมยิทธิจะต้องมีของเก่าอยู่บ้างครับ (แบบว่าเคยทำมาแล้วในชาติก่อน ๆ)

    ส่วนคนที่ไม่ได้ ก็ไม่ต้องตกใจครับ เพราะมีกรรมฐานอีกหลายกองที่ช่วยให้ไปถึงพระนิพพานครับ ขนาดพระอรหันต์ท่านยังมี 4 แบบเลยครับ

    ถ้าแบบสุขวิปัสโก แบบนี้พระท่านจะไม่เห็นสวรรค์นรกครับ หรือ เห็นแต่ท่านจะตัดว่าเป็นอุปาทานครับ ดังนั้น การที่คุณไม่ได้มโน ฯ ก็อาจจะเป็นเพราะของเก่าคุณฝึกกรรมฐานกองอื่นมาครับ ซึ่งคุณต้องพยายามหากรรมฐานที่ถูกกอง เพื่อที่จะต่อยอดกรรมฐานเดิมของคุณในอดีตชาติครับ

    โมทนา
     
  19. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    เห็นด้วยกับคุณใจสัย และโคโมโดนะคะ ,
    แต่ละท่านฝึกมาไม่เหมือนกัน จริตต่างกัน กรรมฐานที่เหมาะกับตนเองย่อมต่างกัน
     
  20. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,099
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ทำต่อไปเพื่อน อย่าเน้นว่าทำหนัก แต่เน้นให้ทำเป็นประจำแทนครับ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...