เราสามารถสมาทานศีล 5 ด้วยตัวเองได้หรือไม่

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย มารบรูพา, 1 กันยายน 2010.

  1. มารบรูพา

    มารบรูพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +101
    เราสามารถสมาทานศีล 5 ด้วยตัวเองได้หร
     
  2. มารบรูพา

    มารบรูพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +101
    สงสัยครับว่าการที่จะรับศีลห้าเราต้องให้พระท่านห้ศีลอย่างเดียวหรือครับ
    รับเองได้หรือเปล่า
     
  3. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    สำหรับผมแล้วคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปฎิบัติในการรักษาศีล มากกว่าครับ
    เพราะถึงแม้นว่า จะไปรับสมาทานศีล 5 จากพระอรหันต์องค์ใดก็ตาม แต่ถ้าขาดการปฏิบัติอย่างเคร่งคัด ก็คงจะไม่เกิดผลใดๆจากการไปรับสมาทานศีล 5
    ตามความคิดโดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า เมื่อไหร่ ตอนไหน ทำได้ตลอดครับ
    ยิ่งได้ถึง ศีลานุสติกรรมฐาน คือ ให้จิตใจ ของเราทรงศีลเป็นอารมณ์ เป็นปรกติได้ ยิ่งดีครับ

    ในความเห็นส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่า ถ้าเราไปรับสมาทานศีล 5 จากพระสงฆ์แล้ว แต่ปฎิบัติไม่ได้ กลัวขาดทุน เหมือนไปโกหกหรือหลอกพระครับ แบบว่าป้องกันตัวเองไว้ก่อน

    ถ้าท่านปฏิบัติศีลานุสติกรรมฐานได้คล่องแล้ว จะไปรับสมาทานศีล 5 จากพระท่านก็ยิ่งเป็นศิริมงคลขึ้นไปอีกครับ
     
  4. วรรณนรี05

    วรรณนรี05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +903
    ศีล 5 เราสมาทานที่ไหนก็ได้ หรือเพียงตั้งใจที่จะรักษาใน5ข้อโดยไม่ต้องกล่าวเลยก็ได้เพราะเรารู้อยู่ว่า 5ข้อนั้นมีอะไรบ้าง แต่ ที่เขาสมาทานกับพระก็เพื่อที่จะได้มีความยับยั้งมากขึ้นสำหรับคนที่บารมีอ่อน จะนึกทุกครั้งว่าได้รับศีลกับพระมา จะเกรงกลัวมากขึ้นกว่าไม่ได้รับกับพระนั้นคือส่วนที่เขาเข้าใจ
     
  5. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ ครับ ศีล 5 เป็น ศีลพิเศษไม่ต้องไปขอสมาทานกับพระสงฆ์ก็ได้ครับ สมาทานวิรัติเองก็ได้ เพราะเป็นปัตตวิรัติศีล เป็นศีลปกติครับ

    ถ้าเราจะรอไปรับศีลกับพระแล้วเมื่อไรเราจะได้ศีล และถ้าเราไม่ได้ไปวัดเดือนหนึ่งเราก็ไม่มีศีลเลยทั้งเดือน ไม่ได้ไปวัดทั้งปี เราก็ไม่มีศีลเลยทั้งปี ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐครับ

    ศีลทั้ง ห้า ข้อนี้ ผู้ใดรักษา ปฏิบัติได้เรียกว่าเป็นมนุษย์(ผู้มีจิตใจสูง) สมกับเป็นพุทธศาสนิกชน เป็นลูกของพ่อ ทำงานให้พ่อได้อย่างสมบูรณ์ พ่อของเรา คือ พระพุทธองค์ จะทรงภูมิใจ และประการสำคัญที่สุด คือเป็นการสืบทอดจรรโลง รักษาพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสถาพรไปนานแสนนาน สาธุ
     
  6. prapanuch

    prapanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +853
    สำหรับตัวดิฉันเองไกลบ้านไกลวัดมาก ดิฉันจึงทำบ้านให้เป็นวัด โดยการ นำปฎิทินไทยติดตัวมาด้วย จะได้รู้ว่าวันพระวันใหน ดิฉันซื้อดอกไม้และเทียนมาแต่งขันธ์ห้าถวายหิ้งพระที่นำมาด้วย แต่งขาว เข้าห้องพระ สมาทานศีลห้าทุกครั้งก่อนสวดมนต์ ถ้าถึงวันพระ ก็สมาทานศีลแปด ทานมื๊อเดียว ตั้งสัจจะให้แน่วแน่ แล้วปาฎิหารย์การรักษาศีลก็เกิด คือเรารักษาศีลศีลก็รักษาเราค่ะ
     
  7. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ตามพระไตรปิฎก ศีล ๕ และ ศีล ๘ สมาทานที่ไหนก็ได้ ไม่จำกัด วัน เวลา สถานที่ และสถานการณ์ และสมาทานได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องขอกับพระก็ได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อสมาทานแล้วควรรักษาให้ได้ตามที่ตั้งใจ เช่น ตั้งใจจะสมาทานศีล ๘ หนึ่งวันหนึ่งคืนในวันพระ (เราเรียกว่าอุโบสถศีล) พอครบกำหนดแล้วก็ตั้งจิตสมาทานลดศีลลงมาเหลือ ๕ หรือ ตั้งใจจะสมาทาน ๓ วัน ก็รักษาให้ได้สามวัน พอถึงก็หนดก็สมาทานลดลงมาเหลือศีล ๕

    การสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ ด้วยตนเอง เวลาใดก็ได้ที่สะดวก ตอนแรก ๆ อาจท่องทุกข้อเลย ตั้งแต่ ปานาฯ ไปจนกระทั่งถึงข้อสุดท้าย พอทำบ่อย ๆ จนชำนาญ และตัวเองรู้ว่าตัวเองศีลครบไหม ต่อ ๆ ไป อาจสมาทานแบบรวบเลยก็ได้เพราะเรามีศีลอยู่แล้ว เช่น สมาทานว่า อิมานิ ปัญจสิกขา ปทานิ สมาธิยามิ (กล่าวสามครั้ง) หรือสมาทานศีล ๘ เองก็กล่าวว่า อิมานิ อัฏฐะสิขา ปทานิ สมาธิยามิ (กล่าวสามครั้ง) อย่างไรก็ตามก่อนสมาทาน ควรระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า และ กล่าวคำบูชาพระรัตนไตรก่อนจะดีครับ โดย ว่านะโม... สามครั้ง จากนั้นก็ อะระหังสัมมา... แล้วจึ่งตั้งใจสมาทานศีลด้วยตนเองดังข้างบน หรือ ทำตามที่ท่านข้างบนแนะนำคือตั้งจิตตั้งใจสมาทานโดยไม่ต้องกล่าวคำก็ได้

    พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ไม่ต้องสมาทานศีลเลย เพราะศีลท่านสมบูรณ์อยู่ในตัวเอง

    ผมว่า สมาทานศีลก่อนนอนทุกคืนยังได้เลย หลับไปด้วยศีลบริบูรณ์เพราะพาร่างกายไปทำชั่วไม่ได้

    กระทู้นี้ดีนะครับมีประโยชน์มาก ใช้เตรียมตัวตอนตายได้ ถ้าคนที่ฝึกจิตและสติหรือสมาธิมาดี ตอนจะตายเขาก็มีวิธีหรือที่พึ่งของเขา ๆ ก็ตายอย่างมีสติ เช่น อาจจะเดินสมาธิแล้วให้ลมหายใจขาดไป แต่ถ้าคนไม่เคยฝึกมาเลย ก็เอาศีลเป็นที่พึ่งได้ โดยก่อนจะขาดลมหายใจก็สมาทานศีล ๘ เลย รับรองไปดีแน่ครับ ส่วนคนที่ไม่ได้ทำอย่างใดเลยก็ให้เป็นไปตามผลของกรรมที่ทำไว้ตอนมีชีวิตอยู่แล้วกัน มีสองทางที่ไม่สามารถเลือก คือไม่อบายภูมิก็สุขติภูมิ แล้วแต่ว่าสิ่งที่ทำมาว่าอะไรจะมีกำลังมากกว่ากัน แต่การตายอย่างมีสติหรือมีศีลประคองไปนั้นเราเลือกเองได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2010
  8. Pisek

    Pisek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +106
    ตามแนวทางของพระอภิธรรมในพระไตรปิฎก ศีล ๕ อยู่ในจำพวกนิจศีล เป็นศีลที่พึงปฏิบัติและรักษาอยู่โดยตลอด การทำผิดข้อใดข้อหนึ่งถึงแม้ไม่ได้สมาทานก็ถือว่าผิดศีลในข้อนั้น และย่อมได้รับผลแห่งกรรมที่ทำลงไปนั้นตามควรแก่เหตุ ในทางกลับกันเมื่อเรารักษากาย วาจา ให้เรียบร้อยไม่ละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่งถึงแม้ไม่ได้สมาทานศีลมาก่อนเราก็ย่อมได้รับผลแห่งการกระทำนั้นเช่นกัน เพราะจัดอยู่ในการกระทำที่เป็นบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ถึงแม้จะเป็นศีลที่ไม่ต้องสมาทานก่อน แต่เมื่อเราทำการสมาทานก็เพื่อให้มีเจตนาที่หนักแน่นในการรักษาเพิ่มขึ้น จิตขณะนั้นเป็นกุศลจิตครับ ทำให้จิตอิ่มเอิบ สบายใจ จิตเช่นนั้นเป็นส่งที่ควรทำให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดครับ.... ขออนุโมทนาครับ
     
  9. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    เราสามารถสมาทานศีล 5 ด้วยตัวเองได้หรือไม่

    ปัญหานี้ต้องแยกตอบตามอุปนิสัย บางคนได้ บางคนไม่ได้ เรื่องนี้มีอภิญญาจิตแฝงอยู่ จิตแต่ละดวงมีแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถใช่คำตอบเดียว แบบฟันธงได้

    หลายคนต้องอาศัยพิธีกรรม (การรับศีลจากพระ) ช่วยยกจิตให้ขึ้นสู่ภูมิกัลยาณชน (คนมีศีล) น้อยคน ที่จิตถึง ปัญญา สมาธิแล้ว จึงจะสามารถยกจิตสู่ภูมิกัลยาณชนได้ด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ท่านผู้รู้ในอดีตแนะนำไว้ว่า...ในครั้งแรกของการคิดจะมีศีล รักษาศีลห้า ควรรับกับพระภิกษุสงฆ์ ส่วนในเวลาต่อไป ก็ใช้สติ ระลึกถึงการสมาทานศีลในครั้งแรกเป็นแม่แบบก็ได้ แต่ถ้ามีเวลา ควรรับจากพระ จะดีที่สุด อย่างน้อย ก็ต่อหน้าพระพุทธรูปภายในบ้าน โดยท่านให้เหตุผลไว้ว่า...การรับสมาทานศีลจากพระ ส่วนหนึ่งก็คือ การพาตัวตนเข้าสู่สังกัดในพุทธศาสนา เพราะการรักษาศีลก็เป็นบุญชนิดหนึ่ง เทวดารักษาศาสนาจะได้อุ้มสมขณะปฏิบัติตนอยู่ในศีล และเวลาอานิสงค์ ผลบุญจากการรักษาศีลบังเกิดขึ้น จะได้มีสังกัด รับผลบุญที่เกิดขึ้นนั้น จากพระพุทธศาสนา....แต่ถ้าไม่รับจากพระ ไม่ประกาศตนในพุทธศาสนา เวลาผลบุญเกิด จะไปรับกับใคร ขณะปฏิบัติศีล ธรรมอยู่ เทวดาที่ไหนจะมาดูแล แล้วศีลที่ประกาศรักษาเอง จะงอกงามดีอยู่หรือ...

    จริงแล้ว เรื่องนี้จะพูดให้ละเอียด ก็ละเอียดสุดประมาณ แต่ที่แน่ๆ อริยชนชนระดับ พระอรหันต์ขึ้นไป เมื่อพาตนข้ามฝากฝั่งได้แล้ว มิได้แบกแพ (ศีล) ที่พาข้ามฝั่งมา ไปด้วยกับท่านครับผม...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กันยายน 2010
  10. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สำหรับตนเอง สมาทานเองทุกวันค่ะที่ห้องพระ เช้า เย็น และตั้งใจรักษาศีลค่ะ สำหรับวันพระรักษาศีล 8 เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ สมาทานเองหมดค่ะ
     
  11. มารบรูพา

    มารบรูพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +101
    ขอขอบคุณสำหรับคำตอบดีๆของทุกท่านครับ
     
  12. greenice

    greenice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +1,390
    ผมคนหนึ่งละที่สมาทานศึลเองเป็นประจำทั้งศีล 5 และศีล 8 โดยเห็นว่าพิธีกรรมไม่ใช่แก่นแท้ของการปฏิบัติ เราสมทานศีลเองที่บ้านโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ จับตาดู หรือควบคุมเรา สิ่งที่ได้นั้นเป็นความสงบ ความปิติ และสมบูรณ์ในจิตใจมากกว่าที่ต้องไปขนขวายให้พระสงฆ์ท่านต้องมาคอยให้ศีลแก่เราครับ
     
  13. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    การสมาทาน ศิล 5 เคยฟังพระท่านบอกว่า เมื่อมารับที่พระ เปรียบเหมือนเราไปให้คนอื่นเขาป้อนอาหารให้เรากิน แต่ถ้ารับเองเหมือนเรากินอาหารเอง ท่านเปรียบเทียบไว้อย่างนี้
    ใน คิริมานนทสูตร การออกจาก นรก ก็ให้อาราธนา ศิล 5 แล้วกำหนดจิตออกจากนรกได้
     
  14. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และสมาชิคที่ตอบกระทู้ทุกท่านเลยครับ

    ได้อ่านแล้วแต่ละท่านตอบได้ดีมากๆเลยครับ ผมเลยได้ความรู้ติดตัวไปเพียบเลย

    จะได้นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    อานิสงส์การรักษาศีล พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    "สีเลนะ สุคติง ยันติ" การรักษาศีลเป็นปัจจัยให้มีความสุข สุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า
    "สีเลนะ โภคสัมปทา" ถ้ามีศีลชาตินี้มีทรัพย์มากก็ไม่ฝืดเคือง ชาติหน้าก็มีทรัพย์มาก
    "สีเลนะ นิพพุติง ยันติ" ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าถึงนิพพานได้โดยง่าย
    นี่อานิสงค์ของศีล ท่านว่าไว้อย่างนั้น
    การถือศีล ถ้าเคร่งเกินไปก็เดือดร้อน พระพุทธเจ้าให้ปฏิบัติในทางสายกลาง
    หรือ มัชฌิมาปฏิปทา อย่าให้มันเป็น อัตตกิลมถานุโยค คือเบียดเบียน
    ตนเองเกินไป ต้องดูแต่พอเหมาะพอควร
    ในอุทุมพริกสูตร พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับนิโครธปริพาชกบอกว่า "จงอย่าทำลายศีลด้วยตัวเอง อย่ายุยงส่งเสริมบุคคลอื่นทำลายศีล และจงอย่ายินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว" ท่านว่าอย่างนี้น๊ะ
    การสมาทานศีล ไม่ได้หมายถึงศีลบริสุทธิ์ นั่นเป็นคำขอ จะบริสุทธิ์ได้ต่อเมื่อจิตตั้งใจงดเว้นจริงๆ
    "ตัวตั้งใจงดเว้นตัวนี้แหล่ะเป็นตัวศีล"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    ปัญหาการบริโภคเนื้อสัตว์ พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    ผู้ถาม : ถ้ารับประทาน อาหารมังสวิรัติ จะตัดกิเลสได้หรือเปล่าค่ะ
    หลวงพ่อ : ถ้าตัดได้จริง พระพุทธเจ้าคงยอมตามที่ พระเทวทัตขอพรแล้ว ฉันลองมา ๓ ปี เมื่อบวชใหม่ๆฉันไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย แล้วฉันหนเดียวด้วย และฉันก็ไม่บอกชาวบ้านด้วยถ้าบอกชาวบ้านก็ต้องทำอาหารลำบาก
    ก็ไปบิณฑบาตรธรรมดา แต่เนื้อสัตว์เราไม่กิน บางวันไม่มีอะไรมาให้เลย ก็กินเกลือกับหัวหอมกินผักเป็นอาหาร ลองมา ๓ ปี ไม่เห็นกิเลสมันลดเลย แต่ถ้าไม่กินได้นี่ดีน๊ะ ฉันสรรเสริญถ้าเป็นฆราวาสน๊ะ เพราะว่าจะได้ไม่กังวลเรื่องเนื้อสัตว์ จิตของเราก็ตัดบาปไปได้จุดหนึ่งใช่ไหม ถ้าคนไม่กินเนื้อสัตว์ต้องตอบอย่าง หลวงปู่แหวน เคยมีคนมาเล่าให้ฟัง มีคนหนึ่งแกบอกหลวงปู่แหวนว่า
    "เวลานี้ผมทานมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์"
    หลวงปู่แหวนท่านบอกว่า
    "ไอ้วัวควายกินหญ้าตั้งนานไม่เห็นเป็นพระอรหันต์ซักตัว"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • art_453814.jpg
      art_453814.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.5 KB
      เปิดดู:
      4,973
  17. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    สามีฆ่าตะขาบตาย

    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา สามีของลูกเพิ่งแต่งงาน มีลูก ๑ คน ๑ ขวบ สามีของลูกเป็นคนใจดีมาก ใจบุญสุนทานพอสมควร แต่เมื่อเดือนที่แล้ว แกไปเห็นตะขาบในห้องลองเสื้อ แกตีจนตาย ตายแล้วแกก็มีจิตข้องอยู่ในสิ่งนั้น แกไม่สบาย รุ่งขึ้นไม่กี่วัน มอเตอร์ไซด์ ของตำรวจขี้เมาชนโป้ง ไปตายที่โรงพยาบาลตำรวจ ลูกสงสัยว่า คนอื่นเขาฆ่าสัตว์ตายมากมาย ไม่ต้องอายุสั้น แต่ว่า สามีของลูกฆ่าตะขาบเพียงครั้งเดียว ตัวเดียว ทำไมจึงอายุสั้นเจ้าคะ

    หลวงพ่อ อย่าลืมว่าตะขาบมันมีตีนกี่ตีน?

    ผู้ถาม โอ้โฮ คิดทีละตีนหรือนี่

    หลวงพ่อ (หัวเราะ) อย่าลืมนะ ไก่มี ๒ ขา ตะขาบมีกี่ขา นี่ฉันตอบนอกบาลีนะ แต่ว่าถ้าในบาลีถือว่า เป็นกฎของกรรมเก่า เพราะว่าเขามีวาระมาเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นก็เป็นเหตุให้ต้องตาย นี่เป็นเรื่องธรรมดา

    กรรมกำพร้าสามี

    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง สามีของลูกชื่อ นายธเนศ แซ่ด่าน ตายเมื่อวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๓๓ ก่อนจะตายนี่ได้มีโอกาสถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ ๕๐๐ บาท ทีนี้ที่จะกราบเรียนถามก็คือว่า การที่ลูกเกิดมาสามีต้องตายยังหนุ่ม การที่ลูกเป็นสาวต้องกำพร้าสามี กรรมประเภทนี้ทำมาจากอะไรเพื่อไม่ให้กำพร้าต่อในชาติหน้า ขอหลวงพ่อเมตตาแนะวิธีอย่าให้พลัดพรากจากกัน ตั้งแต่วัยยังหนุ่มยังสาวเลยเจ้าค่ะ



    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ รักษาพรหมวิหาร ๔ ไว้ เมตตาความรัก กรุณาความสงสาร มุทิตาจิตอ่อนโยน ไม่อิจฉาริษยาใคร พลอยยินดีด้วยนะ อุเบกขา วางเฉย เอาอย่างนี้อย่างเดียว ก็พอ เมตตาอย่างเดียวก็พอ



    ผู้ถาม แล้วประเภทที่ว่าเช้าตุ๊บ...เย็นตุ๊บ (deejai)(ping-love(ping-love



    หลวงพ่อ อ๋อ...นั่นนักมวยเก่า (หัวเราะ) เขาซ้อมมวยกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1014.jpg
      1014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.3 KB
      เปิดดู:
      109
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กันยายน 2010
  18. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    อยู่ที่ตั้งใจ ถ้าใจมั่น แม้ยุงก็ไม่ตบ เหล้าเห็นก็ไม่มอง โกหกก็ไม่ทำ เงินแม้แต่บาทก็ไม่

    หยิบ ถ้าตั้งใจรักษาศีล แม้เพื่อนยั่วยุแกล้งล้อ ว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เพื่อให้เรากลับไปเหมือน

    เดิม เราก็ไม่ทำถ้าเราตั้งใจ ใจสำคัญที่สุด
     
  19. โพธิวิถี

    โพธิวิถี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    150
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +580
    สมาทานศีลด้วยตัวเอง ได้หรือไม่

    การสมาทานศีล ไม่ต้องมีพระก็ได้ครับ เพียงนึกถึง (ใจ ) เปล่งวาจา และกระทำได้อย่างที่ตั้งใจ แต่ที่เราต้องเข้าหาพระสงฆืก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเรามีพยานในการทำความดีด้วยการรักษาศีล ท่านหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ศีล ถ้าถือตอนก่อนหลับนอน พร้อมทั้ง ภาวนา ศีลเราจะ บริสุทธิ์ที่สุด หาต้องถึงสิ้นอายุไขในขณะนั้น ต้องไปเกิดในสุขคติภูมิแน่นอน

    ขออนุโมทนาในกุศลจิตครับ
     
  20. mashimo

    mashimo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +246
    ขอบตุณเจ้าของกระทู้น่ะค่ะและผู้ร่วมตอบทุกท่านดิฉันได้ความรู้มากเลยค่ะเพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยทำให้รู้และจะได้นำไปใช้ ขออนุโมทนาด้วยน่ะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...