แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ถ้าแพงก็ใช้พระอุปคุตกลีบบัวแทนครับ ตามกำลังทรัพย์

ตักบาตรเป็งปุ๊ด ผมเคยตักบาตรตอนเที่ยงคืน หรือตี 4 วันอังคารจะข้ามวันพุธครับ

วันนี้จะมีการอาราธนาอัญเชิญพระมหาอุปคุตเจ้า และปลุกเสกพระครับ

 

ต้นแบบพระมหาอุปคุต ที่ผมจัดสร้างถวายวัดครับ สวยงามครับ
เื้นื้อหามวลสารผมจัดเตรียมเอง บดเอง รวมรวมมวลสารที่ดีไว้ครับ

ปลุกเสกเดี่ยววันเป็งปุ๊ด โดยทำพิธีอาราธนาอัญเชิญพระมหาอุปคุตเจ้า ปลุกเสกครับ

พระอาจารย์ผู้เสกเป็นพระปฏิบัติครับ สามารถทำพิธีอาราธนาอัญเชิญพระมหาอุปคุตเจ้าได้ โดยขณะเชิญต้องให้เห็นท่านพระมหาอุปคุตแสดงฤทธิ์ให้เห็น เช่น น้ำที่แม่น้ำลดลงรวดเร็ว หรือมีสัญญาณอะไรซักอย่างที่รับรู้ว่าท่านมาแล้ว จากนั้นจะเห็นหินโผล่ ไปเก็บหินนั้นเป็นตัวแทนพระอุปคุตครับ

รายละเอียดเยอะกว่านี้ ก็อธิบายคร่าวๆครับ

 

ตอนบอกความลับ เนี่ย นั่งอยู่ใน โรงน้ำแข็ง ใช่ป่ะ 555 ถึง ได้หนาว555

 

ว้าววววว สวยงาม พิธีเดียวกันครับ

 

อาทิตย์ นี้ ปืนแตก เตรียมตาม หงษ์ ไปด้วยกัน ก็แล้วกันนะ 555

 

ได้สิครับ มารับเองครับ

 

สวยจริงๆ อุปคุตกลีบบัวเสกพิธีเดียวกันกับกริ่งครับ แต่ราคาเบากว่าเยอะ มีแค่10000 องค์

 

เห็นหลายคนชอบเลี้ยงกุมารทอง ลองหาของ ลพ.เต๋ คงทอง รุ่นใหนก็ได้มาเลี้ยงดูสักพักซิครับ ของท่านแรงดีมาก ผมมีรุ่น 4 รุ่นสุดท้ายของท่านอยู่ตนหนึ่ง และเลี้ยงธรรมดาไม่ได้พิถีพิถันมากนัก แต่ไปทำบุญหรือนั่งสมาธิครั้งใด จะไม่ลืมแผ่เมตตา กรวดน้ำให้เขาด้วยทุกครั้ง และรู้สึกว่าเขารับรู้ได้และชอบ ไม่ได้เปลี่ยนข้าวทุกวัน แค่ให้ของเล่นและน้ำดื่ม ขนมปัง เท่านั้นและบอกให้กินได้ทุกอย่างในบ้าน เพราะผมไม่ติดพิธีกรรมมากนัก

แต่คนที่มารับส่ง ซักรีดเสื้อผ้าของผม ทุกวันนี้ไม่เข้าบ้านผมอีกเลยหากผมไม่อยู่ หลังจากปีที่แล้ว เข้ามาในรั้วบ้าน หลังจากเอาเสื้อผ้าแขวนที่ราวแล้ว ชะโงกมองในช่องกระจกที่บ้านผม เจอเด็กผมจุกนั่งยิ้มฟันขาว ตาพองมองอยู่บนโซฟา ถึงกับป่วยไปหลายวัน กับผมเองไม่เคยเจอเป็นตัวตน แต่แค่เห็นเงาในกระจกและเสียงหัวเราะทักทาย เมื่อนั่งทำงานกลางคืนดึกๆ ของเล่นบนหิ้งของเขา จะเปลี่ยนตำแหน่งที่วางอยู่เองแทบทุกวัน บางวันก็ตกจากหิ้งเอง

รอบรั้วบ้านผมไม่มีเด็กคนใหนกล้ามาเล่นรอบๆบ้านเลย เพราะแทบทุกคนเจอกันแล้วทั้งนั้น รวมทั้งหลังบ้าน จนคนใกล้ๆบ้านเขากลัวกันหมด บอกว่าเป็นบ้านผีสิง คนที่ผ่านมาตอนกลางคืนเห็นผู้หญิงผมยาวนั่งที่ม้านั่งหน้าบ้านบ่อยๆ บางทีเห็นตอนกลางวัน แต่หากเป็นกลางวันจะเห็นยืนที่โรงรถ ผมยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ได้แต่ขอบคุณเขาที่ดูบ้านให้

 

คัดลอกมาครับ ชอบ

ครอบครัวเกษตรกรเหมือนกันครับ อยู่ในกทม. ครอบครัวลำบาก เหนื่อย แต่มีความสุข... สมัยก่อนทำสวนส้มเขียวหวาน ต้องพึ่งกลไกตลาด ได้เงินที่ละเยอะๆ แต่ก็ต้องซื้อปุ๋ยซื้อยา และเอาสุขภาพเข้าไปเสี่ยงมาก หลังๆ คุณพ่อคุณแม่ทำแบบผสมผสาน ไม่ได้เงินมากมาย แต่ก็ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และไม่มีหนี้...

กำลังจะบอกว่า
๑. ดรรชนีชี้วัดความเจริญของประเทศที่เป็นตัวเลขความเจริญทางด้านการผลิตเพียงตัวเดียวไม่อาจบอกว่าคนมีความสุขได้ ดังตัวอย่างคุณพ่อคุณแม่ผม ท่านไม่ได้มีเงินมากมาย รายได้เล็กน้อย แต่มีความสุขทั้งกายและใจ ไม่เป็นหนี้
๒. เกษตกรไทยถูกเหนี่ยวนำให้ทำการเกษตรแบบอุตสาหกรรมคือผลิตมากๆ เพื่อขายให้ได้เยอะๆ แต่ไม่มีทางรวยเพราะทำการตลาดไม่เป็น ศักยภาพไม่พอ ขายได้ราคาดีเท่าไหร่ ก็ต้องเสียไปให้ค่าปุ๋ยค่ายามากเท่านั้น เมื่อวานดูขาวชาวนา จ.พิจิตร ผูกคอตายด้วยปัญหาหนี้สิน
๓. ในหลวงทรงคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ... ผมว่านี่แหล่ะทางออกของเกษตรกรไทย (จริงๆ ) เราคงไม่ต้องร่ำรวยด้วยวัตถุนิยมหรอกครับ ขอมีความสุข มีกิน มีที่อยู่ ไม่เป็นหนี้ แค่นี้ก็ไม่เครียดแล้ว

 

มีบทความดีๆมาฝากอ่านแล้วโดน...

บทวิเคราะห์จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ โดยวิกรม กรมดิษฐ์
“วิกรม กรมดิษฐ์” ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร พร้อมทั้งมีบริษัทในเครืออมตะอีกหลายแห่ง รวมถึงที่อยู่ในเวียดนามด้วย เขาพลิกผันตัวเองจากครอบครัวที่ทำอาชีพค้าขายในจังหวัดกาญจนบุรี มาสู่เจ้าของอาณาจักรนิคมอุตสาหกรรม
ความคิดเห็นของ วิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าพ่ออมตะนครที่เคยพูดถึง “จุดอ่อน” ของคนไทยไว้ 10 ข้อคือ
1. คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะ หน้าที่ต่อสังคม เป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็น ธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อยๆ
2. การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่างๆ ไม่กล้าแสดงออก
ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงตา มหลังชาติอื่น จะเห็นว่าคนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า

3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงานแบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอ มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน


4. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้าหรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญา
หรือข้อตกลงอย่างเคร่ง ครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อยๆ


5. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง
และชุมชนซึ่งเป็น หน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม



6. การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และดำเนินการไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการ ตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจ
หรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน ต่างกับประเทศที่เจริญแล้ว ข้อนี้กระบวนการยุติธรรมจะต้องปรับปรุง

7. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี่ยงเป็นศรีธนญชัยยกย่องคนมีอำนาจ มีเงิน โดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้ว
ไป เกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่า ผู้ก่อการร้ายดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว

8. เอ็นจีโอค้านลูกเดียว เอ็น จีโอ บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์เอ็นจีโอดีๆ ก็มี แต่บ้านเรามีน้อย บ่อยครั้งที่ประเทศเราเสียโอกาสอย่างมหาศาล
เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริงๆ ไม่ได้พูดกัน


9. ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าระดับโลกของเรายังขาดทักษะและทีมเวิร์ค ที่ดี ทำให้สู้ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้

10. เลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบัน เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะเราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเองต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะกระตือรือร้นช่วยตนเองขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเอง และเขาจะสอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม

ข้อสุดท้าย...อ่านแล้วต้องแปะติดข้างฝาบ้านไว้เลย..

 

การเกิดอาการของขึ้น บางคนเกิดจากอุปาทานและการสะกดจิตตัวเองให้เคลิบเคลิ้มตามการแสดงออกของคนอื่นๆ สองหนที่ลองไปนั่งฟังการสวดภาณยักษ์ ไม่พบว่าจะเกิดอะไร นอกจากหนวกหูเพราะสวดดังมาก เห็นหลายๆคนมีอาการต่างๆกันไป ทั้งรำ ทั้งสั่น

เมื่อลองไปนั่งให้มีการลงประทับทรงจากตำหนักแห่งหนึ่งที่พระโขนง เพื่ออยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรหากเราถูกเข้าทรง ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีอะไร นอกจากเย็นๆหลังนิดหน่อย และจากการลองเข้าร่วมการสะกดจิตของนักจิตวิทยาญี่ปุ่น ก็ไม่มีอาการตามคนอื่นๆ ได้แต่ง่วงๆนิดหน่อยเมื่อรู้ตัวก็หายใจเข้าแรงๆสองสามครั้งและกลืนน้ำลายลงคอ อาการทุกอย่างก็หายไป ดังนั้นเมื่อบางคนมีอาการง่วงนอน เคลิบเคลิ้ม ในบ้านคนอื่น ในตำหนักทั้งๆที่ไม่ใช่เป็นบ้านของเรา หรือในพิธีกรรมอะไรสักอย่างหนึ่ง ให้ลองทำอย่างที่บอกมานะครับ จะแก้ได้ในขั้นแรกง่ายๆ

 

ขอบคุณครับ น่าจะเป็นอุปทานจริงๆครับ

 

ผมมีแต่ตะกรุดของหลวงพ่อเต๋น่ะครับ เป็นยุคหลังๆแล้ว ดีด้านไหนอ่ะครับ

 

สอบถามพี่หนุ่มครับ ผมมีกุมารทองตนหนึ่งแต่ไม่ได้เลี้ยงเขาไม่ทราบว่าเขาจะยังอยู่มั๊ยครับ ถ้าเราจะกลับมาเลี้ยงเขาใหม่มีวิธีที่จะอัญเชิญหรือเรียกเขาบ้างหรือเปล่าครับ ของผมทีมีอยู่จะเป็นองค์เล็กแบบแขวนติดตัว พี่ที่ให้มาเขาบอกว่าเป็นของหลวงพ่อเต๋ จะทาทองบรอนซ์แล้วก็มีดินอุดใต้ฐาน ผมก็ดูไม่เป็น

 

ลพ.เต๋ มหาเสน่ห์และคงกะพัน นำหน้ามาก่อนใคร ท่านทำผงพรายกุมารได้แบบเดียวกับ ลป.ทิมครับ พระของท่านดีจริงครับ
ตะกรุด 3 ห่วงของท่านเป็นมหาอุด
ขุนแผนของท่าน เป็นมหาเสน่ห์
นางกวัก เป็นโภคทรัพย์

 

อาจจะอยู่และไม่อยู่แล้ว ได้ทั้งสองแบบ ลองทดสอบดูแบบนี้นะครับ
เอาพระในตัวเราออกให้หมด เอากุมารทองมาใส่กำมือไว้ แล้วนั่งทำจิตให้นิ่งๆ นึกถึงหน้ากุมารที่อยู่ในมือเรา และดูว่าเราสัมผัสอะไรได้ในจิตของเรา กุมารทองสื่อถึงง่าย ปลุกง่าย เรียกง่าย เพราะเขามีจิตวิญญาณ รับรู้ได้เร็ว แต่การให้คุณให้โทษจะไม่เหมือนกัน แล้วแต่อิทธิฤทธิ์ของเจตภูติและอาคมของอาจารย์ที่กำกับมาเมื่อบรรจุในรูปสมมุติ