ด่วนที่สุด ขอเชิญสมาชิกแสดงความคิดเห็นเพื่อ''ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย''

ในห้อง 'ประกาศจาก เว็บพลังจิต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 20 สิงหาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,020
    logo1.jpg untitled-1.jpg


    [​IMG]


    เนื่องจากเว็บพลังจิตดอทคอม ได้รับเกียรติจาก สำนักงานร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย สำนักนายกรัฐมนตรี Moving Thailand Forward Office, The Prime Minister's Office.

    ที่ได้เชิญตัวแทนจากศาสนาต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวนประมาณ 30 คน

    ให้ร่วมโครงการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 4 '' ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย '' ในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2553

    แต่ละองค์กรสามารถแสดงความคิดเห็นได้ 3 นาที ขอเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็น (ไม่เกิน 8 บันทัด)
    ขอความคิดเห็นก่อน 10.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม 2553

    ทางเว็บพลังจิตจะคัดเลือกความคิดเห็นของสมาชิก นำไปแสดงความคิดเห็นในเวที
    ความคิดเห็นหลังจากนี้ก็สามารถร่วมแสดงได้แต่ว่าจะไม่ได้ถูกคัดเลือก

    ทางเว็บพลังจิตได้ส่งตัวแทนไปร่วมงานคือ

    ดร. ณัฐพัชร จันทรสูตร (tamsak)


    ขอขอบพระคุณทุกๆท่าน


    [​IMG]




    อัพเดต และประมวณภาพในงาน ดูได้ที่โพสต์ #
     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,020
    ด้วย รัฐบาลได้ประกาศแผนปรองดองแห่งชาติและเชิญชวนพี่น้องคนไทยทั้งประเทศร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย โดยมีกระบวนการรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ในหลายรูปแบบ

    ในการนี้ สำนักงานร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย สำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้แทนศาสนาทั่วประเทศในโครงการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 4 “ ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย ” ในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (สี่แยกปทุมวัน)


    วัตถุประสงค์

    1. เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของผู้แทนจากกลุ่มของศาสนาต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการจัดทำแผนปฏิรูปประเทศไทย

    2. เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดและกระบวนการในการปฏิรูปประเทศไทยให้กับทุกภาคส่วนในสังคม


    แนวการนำเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
    1. ผู้นำเสนอ พูดในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และสามารถเป็นแนวทางในการปฏิรูปต่อไป
    2. ผู้นำเสนอ พูดในสิ่งที่เป็นปัญหาของศาสนา, หน่วยงาน ของตนที่เป็นประโยชน์และมีแนวทางแก้ไขร่วมกันได้
    3. ผู้นำเสนอ ไม่ควรพูดในเชิงตำหนิ, กล่าวหาการทำงานของรัฐบาล, ศาสนา ,หน่วยงานต่างๆ
    เพราะการเสวนาในครั้งนี้เป็นการเสนอแนวทางปฏิรูปเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า
    4. ผู้นำเสนอ ควรเรียบเรียงการพูดให้กระชับ ตรงประเด็น เพื่อให้ที่ประชุมได้เข้าใจในสิ่งที่นำเสนอ


     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,020
    แบบย่อสุดๆ

    ในฐานะที่เว็บพลังจิตเป็นตัวแทนสื่อและชุมชนที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา ทางอินเตอร์เน็ตมีความคิดเห็น ในประเด็นการพัฒนาและส่งเสริมทางด้านศาสนา

    1. ส่งเสริม สนับสุนน ภาครัฐและองค์กรพุทธต่างๆ สร้างเว็บเว็บไซต์เพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา
    โดยเฉพาะวัดทั่วประเทศ. สื่อธรรมะไหนที่มีอยู่เดิมแล้ว เช่น หนังสือ เสียงธรรมเทศนาและวีดีโอเทป ให้แปลงมาเป็นรูปแบบดิจิตอลแล้วเผยแผ่ในเว็บไซต์

    ส่วนเพื่อชาวต่างชาติ องค์กรไหนที่มีความพร้อมให้แปลสื่อธรรมะเป็นภาษาหลักๆของโลก เป็นการสนับสนุนเพิ่มน้ำหนักให้ไทยเป็นศุนย์กลางพุทธศาสนาของโลกและขยาย นิกายเถรวาท.

    2. ส่งเสริมสนับสุนน นำเรื่องศีลธรรมของพุทธศาสนาไปเผยแผ่แบบผสมผสานในสื่อกระแสหลัก

    จบ
    _______________

    สำหรับการปรองดอง

    ๑.มีหิริโอตัปะ ละอายต่อบาป
    ๒.ครองพรหมวิหาร ๔
    ๓.อกุลกรรมบท ๑๐
    ๔.ยอมรับกฏแห่งกรรม
    ๕.ให้อภัยทาน
    ๖. สาราณียธรรม ๖ หลักธรรมแห่งความสามัคคี


    หลักธรรมแห่งความสามัคคี สาราณียธรรม ๖

    แสดงกระทู้ - สาราณียาธรรม ๖ : หลักแห่งความสามัคคี • ลานธรรมจักร

    ในทางพระพุทธศาสนา
    พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสหลักธรรมอันจะเป็นแนวทาง
    ในการเสริมสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคมเอาไว้ ๖ ประการด้วยกัน
    ซึ่งอยู่ในหมวดธรรมที่เรียกว่า "สาราณียธรรม ๖ "

    ซึ่งมีความหมายว่า หลักธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง
    เป็นหลักธรรมที่จะเสริมสร้างความรู้สึกที่ดี
    ให้เกิดขึ้นต่อกันและกันอยู่เสมอในยามที่ระลึกถึงกัน
    ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความสามัคคีมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้เกิดขึ้นด้วย

    หากสังคมใดต้องการที่จะเสริมสร้างความสามัคคี
    และความ เป็นปึกแผ่นให้เกิดขึ้น
    ก็ควรที่จะต้องนำเอาหลักธรรมธรรมทั้ง ๖ ประการ ไปใช้อยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ:-

    ๑. เมตตามโนกรรม

    หมายถึง การคิดดี การมองกันในแง่ดี มีความหวังดีและปรารถนาดีต่อกัน
    รักและเมตตาต่อกัน คิดแต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ต่อกัน
    ไม่อิจฉาริษยา ไม่คิดอคติ ไม่พยาบาท ไม่โกรธแค้นเคืองกัน
    รู้จักให้โอกาสและให้อภัยต่อกันและกันกันอยู่เสมอ

    ๒. เมตตาวจีกรรม

    หมายถึง การพูดแต่สิ่งที่ดีงาม พูดกันด้วยความรักความปรารถนาดี
    รู้จักการพูดให้กำลังใจกันและกัน
    ในยามที่มีใครต้องพบกับความทุกความผิดหวังหรือความเศร้าหมองต่างๆ
    โดยที่ไม่พูดจาซ้ำเติมกันในยามที่มีใครต้องหกล้มลง

    ไม่นินทาว่าร้ายทั้งต่อหน้าและลับหลัง
    พูดแนะนำในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ พูดอย่างใดก็ทำอย่างนั้น ไม่โกหกมดเท็จ

    ๓. เมตตากายกรรม

    หมายถึง การทำความดีต่อกัน สนับสนุนช่วยเหลือกันทางด้านกำลังกาย
    มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่เบียดเบียนหรือรังแกกัน
    ไม่ทำร้ายกัน ให้ได้รับความทุกขเวทนา
    ทำแต่ในสิ่งที่ถูกต้องต่อกันอยู่ตลอดเวลา

    ๔. สาธารณโภคี

    หมายถึง การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม
    ช่วยเหลือกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
    ไม่เอารัดเอาเปรียบ และมีความเสมอภาคต่อกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันอยู่เสมอ

    ๕. สีลสามัญญตา

    หมายถึง การปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่างๆอย่าง เดียวกัน
    เคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคล ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน
    ไม่อ้างอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ถืออภิสิทธิ์ใดๆทั้งปวง

    ๖. ทิฏฐิสามัญญตา

    หมายถึง มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกัน คิดในสิ่งที่ตรงกัน
    ปรับมุมมองให้ตรงกัน รู้จักแสงหาจุดร่วมและสงวนไว้ซึ่งจุดต่าง ของกันและกัน
    ไม่ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่ รู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอยู่เสมอ

    หลักธรรมทั้ง ๖ ประการข้างต้น
    เป็นหลักธรรมสำหรับการเสริมสร้างความสามัคคี
    และความเ ป็นปึกแผ่นให้เกิดขึ้นในสังคม
    อันจะนำมาซึ่งความสุข ความสันติ ความมั่นคง
    และความเจริญก้าวหน้าทั้งทั้งหลายทั้งปวง

    ดั่งพระพุทธวจนะบทที่ว่า

    "สมคฺคยานํ ตโป สุโข ความสามัคคีของหมู่คณะเป็นเหตุนำความสุขมาให้"
     
  4. rung_zero

    rung_zero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2006
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +3,577
    ขออนุโมทนาด้วยครับ แล้วผมจะส่งความคิดเห็นมาให้นะครับ
     
  5. ritta

    ritta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +228
    ขอร่วมเสนอ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติครับผม
     
  6. Samaniya Milin

    Samaniya Milin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +941
    ความคิดเห็นศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย โดย Old Sam

    ศาสนาจรรโลงชาติได้แต่ก็ทำให้เสื่อมได้ องค์กรศาสนาต้องหัดมาดูตัวเองก่อน ต้องพัฒนาองค์กรศาสนาก่อน เป็นอันดับแรก ต้องทำให้ได้จริง เช่น พุทธศาสนา ต้องมองดูจุดอ่อนของตนเอง ตั้งแต่องค์กรสูงสุด จนถึงรากหญ้า อุปสรรคมีมาก ทำได้ยากมาก ทั้งขนบทำเนียมประเพณี ความเชื่อที่แตกต่าง ทางเดียวที่พอมองเห็นก็คือ การสร้างผู้นำทางศาสนาที่เรียนรู้แก่นแท้ของพุทธศาสนาให้มากขึ้น ๆ และกระจายออกไปทั่วประเทศ ข้อสำคัญรัฐบาลจะหาผู้นำของผู้นำได้หรือเปล่า ? คุณสมบัติผู้นำของผู้นำที่พึงมี คือ 1.รู้จักแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา 2.มีภาวะผู้นำที่ดีเยี่ยม 3.มีสุขภาพดีแข็งแรง 4.มีพลังใจที่เข้มแข็ง ฉลาดเฉียว หนักแน่น สามารถรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นได้ แม้แต่คำตำหนิ 5.เป็นนักวางแผน มองการไกล คาดการณ์และประเมินผลได้ดี 6.เสียสละทุมให้กับงานเต็มเวลา 7.ไม่จนกับปัญหาสามารถนำสู่เป้าหมาย คือ นำคุณธรรมกลับมาพัฒนาประเทศไทยให้จงได้
    ท้ายสุดรํฐต้องตอบแทนผู้เสียนสละ ทำงานนี้ไปตลอดชีวิต จะได้ไม่ต้องพวงกับการเลี้ยงดูครอบครัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2010
  7. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    487
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,872
    ขออนุโมทนา..ขอรับ

    ...ปัญหาของประเทศ...ควรได้รับการแก้ไข....โดยใช้หลักของแต่ละศาสนามาเยียวยา...เพื่อรักษา...บาดแผลทางใจ...เพราะคนในสังคมส่วนใหญ่..ล้วนแต่แตกแยกกันทางความคิด...ซึ่งเป็นการเหนี่ยวรั้ง...ต่อการพัฒนาประเทศอย่างยิ่ง...

    ...การพัฒนาศักยภาพของประเทศ....จะต้องเริ่มต้นที่พัฒนาคน..ในประเทศ..นั้นๆก่อน....

    .และการพัฒนาที่ยั่งยืน..คือการปลูกฝัง..ศีลธรรมและจริยธรรม....ต่อยุวชน..ที่จะเติบใหญ่..ในวันข้างหน้า...
    หากมิได้พัฒนาในส่วนนี้....ก่อน...ปัญหาใหญ่ๆ...คือยาเสพติด..จะตามมา...และจะนำมาซึ่งปัญหาอาชญากรรม.....
    และโจรกรรม....ตลอดถึง....การก่อวินาศกรรม....ซึ่งล้วนแล้ว...แต่นำมาซึ่งความรุนแรง...
    ชึ่งจะส่งผลกระทบ...ต่อปัญหาเศรษฐกิจและสังคม...โดยตรง

    ทั้งนี้....มิใช่สิ่งใดอื่น..แต่เกิดเพราะการบกพร่อง...ทางศีลธรรมและจริยธรรมของพลเมือง..ในประเทศเป็นหลัก.......

    การเพราะปลูก...ต้องเริ่มต้น....ที่ดินดี

    ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาล...สร้างภูมิคุ้มกัน...ให้กับประเทศชาติ....โดยการส่งเสริมและสนับสนุน...ให้มีสื่อสีขาวในรั้วของโรงเรียนอย่างพอเพียง....ตลอดถึงให้มีการจัดหลักสูตรอบรม....ศีลธรรมและจริยธรรม......อยู่เรื่อยๆ....ในสถานศึกษานั้น.ๆ..

    ..ตลอดถึงการขอความช่วยเหลือจากองค์กรทางศาสนา......

    ซึ่งการให้เข้าใจ..และเข้าถึง....และซึมซับ...สิ่งดีๆ.....ครูหรือคณาจารย์...ที่จะอบรม..บ่มเพาะ..ก็ควรได้รับการฝึกอบรม..มาแล้วเป็นอย่างดีในด้านศีลธรรม..และเป็นแบบอย่างที่ดี.

    .เพราะตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน.....


    ด้วยเหตุประการฉะนี้..หากการสร้างตึกให้มั่นคงถาวร...มิได้สร้างได้ในชั่วข้ามคืนแล้วไซร้..

    .การปฏิรูปสังคมไทยให้พัฒนาก้าวไกล..ด้วยแล้ว

    .ก็จำเป็นอย่ายิ่งที่จะต้องใช้ระยะเวลา...บ่มเพาะ..อย่างยิ่ง






    [​IMG]






    เรือนธรรมแสงทางแห่งปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2010
  8. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ก่อนจะมาเข้า คัดเลือกเป็นรัฐบาลให้บวช 1 พรรษา

    เเล้ววันพระ ขอให้หยุด ให้เข้าวัดฟังธรรมปฏิบัคิธรรมกัน เพื่อพัฒนาด้านจิต ใจด้านอารมณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2010
  9. ฉันทปาโล

    ฉันทปาโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +678
    เพิ่มวิชาศีลธรรม จริยธรรม ในหลักสูตรการศึกษาครับ
     
  10. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ข้อเสนอแนะ/อาจจะไม่ใช่ข้อเสนอแนะโดยตรงสำหรับการนำไปพูดในที่ประชุม แต่เป็นข้อสังเกตหรือข้อระวังสำหรับตัวแทนของเว็บพลังจิจที่จะไปนำเสนอ

    ๑. เนื่องจากเป็นตัวแทนของศาสนาต่าง ๆ แต่ไม่รู้ว่า ตัวแทนจากฝ่ายละกี่คน จำนวนคนที่เข้าร่วมจะมีผลต่อเนื้อความที่เสอนหรือไม่

    ๒. ต้องระวังเสมอว่า อย่าให้ข้อเสนอของตัวแทนศาสนาอื่นลดบทบาทของศาสนาพุทธลงในทุก ๆ ทุกด้าน (เราทราบดีกันอยู่แล้วว่ามีความพยายามของกลุ่มคนศาสนาอื่นที่พยายามจะลดบทบาทของศาสนาพุทธลงในทุกด้าน ทุกที่ ๆ ที่เขาเหล่านั้นทำได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อหน้าและรับหลัง) ถ้าเห็นท่าไม่ดี ควรโต้แย้งแก้ทันทีนะครับ

    หรือแม้ศาสนาอื่นจะขอให้มีสิทธิเท่ากับสาสนาพุทธก็ไม่ได้ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนับถือศาสนาพุทธ

    ๓. ประเด็นที่น่าจะพูดคือ

    ๓.๑ คุณของศาสนาพุทธในแง่มุมต่าง ๆ เช่นพูดในแง่ความสงบสุข...ส่งเสริมทางปัญญาสูงสุด
    ๓.๒ ให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วก้ให้เหตุผล...
    ๓.๓ การปกป้อง คุมครอง ศาสนาพุทธ / อาจจะพูดว่าในอดีตและปัจจุบันมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า มีความพยายามที่จะแผยแผ่และขยายสาวกของสาสนาอื่น ซึ่งทำได้ แต่ต้องไม่เป็นการทำลายซึ่งกันและกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่มีกลไกของรัฐที่ทำหน้าที่ควบคุม อันนี้ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ก่อให้เกิดความแตกแยกของสังคม
    ๓.๔ การส่งเสริมสนับสนุนศาสนาพุทธ ส่งเสริมกิจการของพระสงฆ์ไทย และกิจกรรมของพุธบริษัทอื่น ๆ ด้วย
    ๓.๓ ให้มีการส่งเสริมการศึกษาพุทธศาสนาให้มากขึ้น ทั้งในมหาวิทยาลัยสงฆ์ ในวัด และ โรงเรียนทั่วประเทศ
    ๓.๔ ให้มีการส่งเสริมการทำกิจกรรมทางพุทธศาสนามากขึ้น และให้พุทธศาสนิกชนได้ทำกิจกรรมในวัด และเกี่ยวข้องกับวัดมากขึ้น
    .... อื่น ๆ
    ....
    ....

    จากนั้นท่านก็สรุปว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ส่งเสริมให้คน ไม่ทำบาปทำชั่วทั้งปวง ทำกุศลทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว

    ดังนั้นถ้า ในการประฏิรูปประเทศครั้งนี้ ถ้ารัฐบาลหรือหน่วอยงานของรัฐ ได้ให้ความสำคัญกับพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชน มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาวิชาพุทธศาสนา วิชาศีลธรรม และวิชาจริยธรรม ในโรงเรียน และ ระดับมหาวิทยาลัย ตลอดจนความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ สมณ ชี พราหมณ์

    เมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ ได้ เรียนวิชาพุทธศาสนา วิชาศีลธรรม และ วิชาจริยธรรม เข้าหัวใจ เข้าใจ และ ปฏิบิติได้ ครอบครัว องค์กร สังคม และ ในที่สุดประเทศก็จะสงบ ร่มเย็น เป็นสุข

    ...

    ปล อันไหนเห็นว่าไม่เหมาะจะพูดก็ตัดออกได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2010
  11. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมจะลองประมวลความเห็นของทุกท่าน และเรียบเรียงเสนอพี่ "WebSnow"
    และ พี่ "tamsak" เพื่อนำไปเสนอในวันพรุ่งนี้ครับ

    โมทนา

    ที่ยากมาก ๆ คือ 3 นาที 8 บรรทัด ต้องให้ได้ใจความจริง ๆ

    ประมวลความเห็น (อ้างอิงโครงหลักที่พี่ WebSnow ประมวลผลไว้แล้ว)

    ข้อเสนอแนะในการพัฒนาประเทศของเว็บพลังจิตดอทคอมที่ประมวลมาจากความเห็นของสมาชิก ประกอบด้วย

    1. ทุกภาคส่วน ควรเรียนรู้และยอมรับในความเห็นที่แตกต่างของแต่ละศาสนา เพื่อลดความแตกแยกทางความคิด โดยภาครัฐควรสนับสนุนให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการนำหลักศาสนามาใช้พัฒนาประเทศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ

    2. ภาครัฐควรสนับสนุนการเผยแพร่หลักธรรมของภาคประชาชนในการจัดทำฐานข้อมูลหนังสือธรรมะ เสียงธรรมเทศนา และวีดีโอเทป เผยแพร่เป็นธรรมทานผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงหลักธรรมได้ง่ายขึ้น

    3. ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก ภาครัฐควรสนับสนุนการแปลหลักธรรมเป็นภาษาต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาอื่น ๆ

    ประมาณ 8 บรรทัดพอดี และครอบคลุมเนื้อหาที่เขาต้องการประมาณ 80 %

    โมทนา
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  12. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ลองพิจารณา ความเห็นของผม นะครับเผื่อจะเป็นประโยชน์

    .......

    .....อีกด้านที่สำคัญ ซึ่งถือได้ว่ามีส่วนค้ำจุนให้ความดำรงอยู่ของชาติประเทศนั่นก็คือ ศาสนา โดยเฉพาะประเทศไทยที่บรรพบุรุษของเรา ได้เลือกที่จะรับและยกย่องให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยมาตั้งแต่ดั้งเดิม เป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่งดงามของไทย และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่จนถึงปัจจุบัน ดังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยาได้มี พระราชสาส์น ถึงคณะฑูตจากฝรั่งเศส ที่ว่า

    . "พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จะให้เราเข้ารีตดังนั้นหรือ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเพราะในราชวงศ์ของเรา ก็ได้นับถือ พระพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จะให้เราเปลี่ยนศาสนาอย่างนี้ เป็นการยากอยู่ และถ้าพระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างฟ้าสร้างดินจะต้องการให้คนทั่วไปนับถือศาสนาเดียวกัน พระเจ้ามิจัดการให้เป็นเช่นนั้นเสียแล้วหรือ"

    ......หรือแม้แต่พระราชปณิธานของบรรพกษัตริย์ ผู้กอบกู้แผ่นดินสยามให้กลับคืนมาสู่ความเป็นอิสรภาพ หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ ๒ คือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ดังปรากฏในจารึกในศาลพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอรุณราชวรวิหาร ที่ว่า

    อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
    ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา แด่พระศาสดา สมณะ พุทธโคดม
    ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี สมณะพราหมณ์ชี ปฏิบัติ ให้พอสม
    พุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน
    เจริญสมถะ วิปัสสนา พ่อชื่นชม ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา
    คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา

    .....หรือ ความเห็นของปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาของไทยท่านหนึ่ง คือ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ได้เคยกล่าวไว้ในหนังสือ "เราจะกู้แผ่นดินกันอย่างไร" ว่า “...การที่จะกู้แผ่นดินไทย เราอาจจะยังไม่ยอมรับว่า นี่เราเสียแผ่นดิน แต่หลายคนก็พูดว่ามันเป็นการเสียอิสรภาพทางเศรษฐกิจไปแล้ว บางคนบอกว่าการสูญเสียครั้งนี้ ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่ากรุงแตก มันจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม ถ้าเราจะยอมใช้คำว่า "ต้องกู้แผ่นดินไทย" เราจะต้องกู้อะไรก่อน ต้องกู้ที่ตัวคน คุณภาพในตัวคน เรียกสั้นๆ ว่า ธรรมะ คือต้องกู้ธรรมะ ถ้าเรากู้ธรรมะได้ก็กู้แผ่นดินไทยสำเร็จ”

    .....ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าสภาพการณ์ปัจจุบัน จึงมีความจำเป็นที่จะต้อง ปฏิรูปการศาสนา ทั้งเพื่อเป็นการชำระพระพุทธศาสนาที่นับวันจะมัวหมองและเสื่อมถอยไปพร้อมๆ กับสังคมไทย และเป็นการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นสถาบันหลักของชาติตลอดไป จึงจำเป็นที่ รัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องกำหนดให้มีกำหนดเงื่อนเวลาที่จะตรา พระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งได้มีการยกร่างและค้างอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ก่อนที่จะมีการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองครั้งที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว และเพื่อเป็นการประกาศให้โลกได้รู้ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศพระพุทธศาสนา มีจำนวนสัดส่วนของประชาชนที่นับถือพระพุทธในประเทศไทยมากกว่าร้อยละ ๙๕ กระผมจึงเห็นสมควรจะต้องบัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย เหมือนดังที่ ประเทศศรีลังกา หรือแม้แต่ประเทศพม่า ที่แม้จะมีประชาชนที่นับถือศาสนาอื่นๆ และมีจำนวนสัดส่วนของพุทธศาสนิกชนน้อยกว่าในประเทศไทย เขาก็ยังมีการระบุว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
    .....

    จาก...เข้าสู่ระบบ | Facebook
     
  13. Tippayarn

    Tippayarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +168
    ผู้ปกครองประเทศควรยึดหลักพรหมวิหารสี่ ได้แก่ 1 เมตตา 2. กรุณา 3. มุทิตา4. อุเบกขา
    ควรให้นักการเมืองปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ควรเขียนในรัฐธรรมนูญใ้ห้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ออกเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในแบบเรียน ตั้งแต่อนุบาลให้ท่องศีล 5 และให้สวดมนต์ ทุกวัน สอนให้นั่งสมาธิ ทุกวัน เช้าหลังร้องเพลงชาติ เย็นหลังเลิกเรียน ก่อนกลับบ้าน ครั้งละ 15 นาที จะเป็นการเพิ่มสติปัญญาให้เด้กๆอีกส่วนหนึ่ง คงเคยได้ยินว่ามหาวิทยาลัยฮาวาร์ดได้เอาการนั่งสมาธิไปบรรจุในตำราเรียนแล้วเมื่อหลายปีก่อน ถ้าเราไม่รีบทำก็เป็นที่น่าเสียดายที่เรามีของดีอยู่ในบ้านแต่ไม่ยอมเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งรัสเซีย อเมริกา เขาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มาก อย่าคิดว่าเป็นการกล่าวลอยๆ จะเป็นแบบใกล้เกลือกินด่าง คอมพิวเตอร์ยังต้องทำ defragment คนก็เหมือนกัน ต้องการจัดระเบียบในสมองไม่ให้ยุ่งเหยิง เมื่อความคิดไม่ยุ่งเหยิงคนก็จะคิดอะไรๆได้ดีขึ้น อีกประการเมื่อมีจิตที่แข็งแรง
    เมื่อเจอภาพยั่วยุทางอารมณ์ก้จะเหนี่ยวรั้งได้ไม่ตกเป็นไปในฝ่ายต่ำได้ง่าย...เป็นต้น
     
  14. Snowdrop~

    Snowdrop~ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +56
    ทุกวันนี้เด็กค่อนข้างจะห่างวัด อยากให้ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้ศึกษาธรรมะกันตั้งแต่เล็กๆค่ะ
    เพราะถ้าเด็กๆมีความเข้าใจธรรมะ รู้บาปบุญคุณโืทษ รู้ประโยชน์ของการทำดี
    เติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไปในอนาคตก็จะหลีกเลี่ยงที่จะทำสิ่งไ่ม่ดี
    เลือกที่จะทำความดีอย่างน้อยก็ให้ตนเอง ไปจนถึงสังคม ประเทศชาติ
    ปัจจุบันการเรียนเน้นด้านวิชาการมากค่ะ วิชาพระพุทธศาสนาเรียนสัปดาห์ละครั้ง ก็ถ่ายทอดได้ไม่เต็มที่
    เด็กยังเป็นไม้อ่อนค่ะ สอนง่าย ถ้าเราสอนให้ดีได้
    เขาก็มีแนวโน้มจะเป็นคนดี คิดดี ทำแต่สิ่งดีๆไปตลอดชีวิต มีลูกหลานก็สั่งสอนลูกหลานต่อ พลเมืองดี ประเทศก็ดีค่ะ
     
  15. ptsde

    ptsde เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +318
    1.ควรให้เด็กไทยได้ศึกษาพระพุทธศาสนาแต่เล็กเพื่อให้ซึมซับคุณธรรมทางศาสนาด้วยกิจกรรมการทำบุญตักบาตรในวันพระก่อนที่จะไปเรียนหนังสือ
    2.ควรสนับสนุนการศึกษาของพระเณรทั้งทางโลกและทางธรรม
    3.ควรสนับสนุนคนได้ทำบุญกุศลและประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อไม่ให้คนเห็นแก่ตัวมากนัก
    4.ควรสนับสนุนให้ข้าราชการได้ทำบุญร่วมกับชุมชนเพื่อความสามัคคีและฟื้นฟูประเพณีเกี่ยวกับศีลธรรมของคนในชาติ
    5.สื่อทีวีทุกช่องก่อนเปิดรายการข่าวตอนเย็นควรเน้นให้ประชาชนมีความรักชาติ รักเพื่อนในชาติ ด้วยเพลงปลุกใจเหมือนแต่ก่อน
    6.ควรสนับสนุนให้นักการเมืองได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2010
  16. ang

    ang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +183
    ผมอยากเสนอ "ธรรมะยามเช้า"

    ::::::: ในตอนเช้าผมว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการจะรับสิ่งดีๆ ผมคิดว่าหลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าบางครั้ง ธรรมะเป็นเรื่องยากมีหลากหลายแนวทางการปฏิบัติ สับสน จนบางครั้งเลือกแนวทางของตัวเองไม่ถูก ผมเลยอยากเสนอข้อคิดจากธรรมะของท่าน ว.วชิรเมธี

    ::::::: ไม่ใช่ว่าของท่านอื่นๆ ไม่ดีนะครับ แต่ช่วงเช้าแม้จะเป็นช่วงที่จะได้รับสิ่งดีๆ แต่เป็นเวลาที่ต้องเร่งรีบด้วยเหมือนกัน การฟังบางครั้งก็สามารถทำให้เราทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้นในขณะที่เราก็ทำอย่างอื่นได้ด้วย ข้อคิดจาก ท่านว.วชิรเมธี เป็นธรรมะที่เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้ง่าย สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องถึงกับฟังทั้งหมด เพียงแค่ระหว่างที่มีโอกาสได้ฟัง อาจจะได้แง่คิดหรือข้อคิดจากการใช้เวลาฟังเพียงเล็กน้อย ระหว่างเดินทางบนรถบ้าง ระหว่างเดินซื้อของ จ่ายตลาดยามเช้าบ้าง ตามป้ายรถเมล์ตอนรอรถเมล์ตอนเช้า(อันนี้ได้ทั้งวัน นานๆรถมาทีก็ฟังได้นานหน่อย) ในห้างสรรพสินค้าบ้าง ในห้องน้ำบ้าง เราสามารถทำให้ธรรมะอยู่ได้ทุกที่ โดยการทำเป็นเสียงตามสาย เหมือนวิทยุชุมชน (ไม่จำเป็นต้องมีโฆษณา) อย่างห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าที่ส่วนมากจะเปิดเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ สุนทรีย์ๆ ระหว่างที่ทำธุระส่วนตัวอยู่ ก็มีโอกาสนั่งฟังไปด้วย ถ้าใครฟังแล้วชอบแล้วสนใจ เค้าจะเริ่มสรรหามาฟังเอง เป็นการปลูกฝังความใฝ่รู้ และปลูกฝังธรรมะไปในตัว (ขอความร่วมมือจากห้างสรรพสินค้า อาจเปิดสลับกับโฆษณาของห้างเองก็ได้เพื่อการค้าส่วนหนึ่งขึ้นกับพิจารณาจากทางห้างฯ)

    :::::: ยกตัวอย่างเช่น ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับปัญหาเรื่องคนว่างงาน คนตกงาน ก็เปิด "สันติวิธีในการทำงานร่วมกัน"
    http://www.fungdham.com/download/sound/vorvachiramete/goodcoordinate.wma คนว่างงานฟังแล้ว เวลาได้งานจะได้รู้วิธีปฏิบัติตัวเวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่น คนตกงานบางคนจะได้มีโอกาสพิจารณาว่าทำไมเราถึงตกงาน ทำไมตอนนี้เราไม่มีงานทำ ตอนเราทำงานเราเป็นคนแบบไหน ซึ่งแน่นอนจะเปิดให้ตรงใจแบบไหน คนเปิดเองก็ต้องฟังมาก่อนเพื่อจะได้รู้ว่า เราจะนำเสนออะไร แล้วช่วยแก้ปัญหา หรือให้ปัญญาได้อย่างไร อย่างน้อยก็มีคนที่ฟังธรรมะเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง

    :::::: ไม่ใช่ว่าการฟังข่าวตอนเช้าๆ ไม่ดีนะครับ แต่บางครั้งผมรู้สึกว่าการฟังข่าว ก็เหมือนเป็นการอัพเดทข้อมูล เพื่อที่จะได้มีเรื่องคุยกันแต่เดี๋ยวมันก็จะมีข่าวใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ หรือถ้าเราไม่ได้ฟังข่าวตอนเช้า เราสามารถจะรู้เรื่องราว ข่าวสารได้จากการอ่านหนังสือพิมพ์ที่ซื้อมา จากอินเตอร์เนต หรือแม้กระทั่งจากการอัพเดทข่าวจากมือถือ แม้แนวทางการเสนอธรรมะสำหรับแนวทางของผม เหมือนเป็นการยัดเยียดให้ฟัง แต่ผมเชื่อว่าถ้าฟังแล้วคิดตาม ผมว่ามันจะมีประโยชน์กว่าการฟังเพลงที่ให้แค่ความบันเทิงเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้ปัญญา ถ้าหากได้ข้อคิดอะไรจากการฟัง วันนั้นทั้งวันผมเชื่อว่าเค้าจะมีความสุขกับวันนั้นทั้งวัน ใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น ถ้าหากทำให้เป็นกระแส ฮิตฟังธรรมะกันตอนเช้า ใครไม่ฟังเชย ใครไม่ฟังไม่มีเรื่องธรรมะมาคุย กลายเป็นแกะดำไปเลย ถ้าเป็นแบบนั้นได้ยิ่งดีครับ

    :::::: ทั้งนี้ก็ต้องได้รับความร่วมมือ และการสนับสนุนของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาชน ภาครัฐเน้นการสนับสนุนในทุกๆ ด้านที่เกิดประโยชน์กับประชาชน ภาคประชาชนให้ความสำคัญ ใส่ใจส่วนรวมมากขึ้น รับฟังกันมากขึ้น คิดอย่างสร้างสรรค์ ใช้ปัญญาประกอบ

    :::::: การจะเริ่มสร้างอะไรบางอย่างต้องเริ่มจากฐานที่มั่นคง คนก็คือพื้นฐานของความเจริญในชาติ การให้ธรรมะสร้างคน เมื่อคนมีธรรมะสร้างชาติ ประเทศนั้นจะเจริญ และมีสันติสุข เมื่อนั้นเราก็สามารถจะแผ่ขยายความเจริญนั้นไปสู่เพื่อนบ้านได้ และอยู่กันอย่างสันติสุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2010
  17. 678wish

    678wish เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +382
    อนุโมทนาค่ะ...

    เคยถามหลานชายว่า...รู้จักพระพุทธเจ้ามั้ย
    เขาตอบว่า..."ไม่รู้"

    แล้วสวดมนต์ได้รึเปล่า..?
    เขาตอบว่า..."สวดไม่เป็น"

    เราเคยจำได้ว่า...ตั้งแต่ประถมเราก็สวดมนต์ได้ และก็เริ่มจะเรียนรู้อัตถชีวประวัติพระพุทธเจ้าของเราแล้ว

    ทำไมเด็กสมัยนี้จำการอ่านหนังสือเป็นคำๆ...
    ทั้งๆ ที่ภาษาไทยเกิดจากการประสมคำด้วยพยัญชนะ-สระ-วรรณยุกต์

    แล้วทำไมเด็กต้องเรียนพิเศษกันมากมาย...
    ทั้งที่สมัยเราไม่เห็นต้องเรียนพิเศษกันสาหัสอย่างนี้เลย

    เมื่อชีวิตขาดความปราณีต...ทำอะไรแบบรีบๆ เร็วๆ
    คิดเห็นเป็นเงินทองวัตถุจะต้องใหญ่ๆ โตๆ...และเป็นที่สุดในโลก
    แล้วจิตใจดวงเล็กๆ ที่เคยสงบสุขล่ะ
    ฝากตรงนี้ด้วยค่ะ...


    "ขอให้จิตใจดวงเล็กๆ ของคนไทยกลับมายิ่งใหญ่ด้วยความเมตตาต่อกันที่สุดในโลกเหมือนเดิม"
     
  18. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    มีขอเสนอแนะ สำหรับการไปนำเสนอนะครับ

    ๑. นำเสนอให้ได้เนื้อความในเวลาอันสั้น

    ๒. พูดให้ผู้ฟังประทับใจ กินใจ ได้ประโยชน์ ต่อศาสนาพุทธ พุทธบริษัท และคนโดยส่วนรวมทั้งประเทศมากที่สุด

    ๓. พูดเสียงดังฟังชัด จังหวะจะโคนให้ดี ให้การพูดของเราต้องทำให้มีหน้ำหนักมากและต้องมากคนอื่น ในนัยของคำพูด ท่าทาง และ เนื้อหาสาระ

    ๔. เขียนเป็นข้อเสนอแนะโดยสรุปเป็นประเด็น ๆ แล้วแต่ละประเด็นก็แยกเป็นข้อ ๆ ไล่เรียงลำดับตามความสำคัญ เขียนให้ได้สักประมาณ ๒-๓ หน้า กระดาษ A4 พร้อมบันทึกลงแผ่น CD ใส่ซองกระดาษอย่างสวยงาม เมื่อผู้รับรับไปแล้วมั่นใจว่าจะต้องกอดซองเราไว้แนบอก จ่าหน้าซองด้วย ถึง "สำนักงานร่วมเดินหน้าปฏิรูประเทศไทย" แล้วท้ายซองก็ลงข้อความว่า "จากตัวแทนชาวเว็บพลังจิต" แล้วก็ยื่นให้ประธานผู้จัดประชุมเขาจะได้นำไปใช้พิจารณา

    ตอนยื่นก็อย่าให้ดูเปิดเผยมากนักเพราะจะทำให้เป็นที่ระแวงของคนอื่น (แอบ ๆ นิดนึง)

    วิธีการนี้น่าจะทำให้ข้อเสนอแนะของชาวเรา มีน้ำหนัก ถ้าไปตัวเปล่า พูดปากเปล่า เข้าหูซ้ายออกหูขวา เลิกประชุม ก็ไม่มีไรเกิดขึ้น

    เตรียมตัวให้พร้อม กันไว้ดีกว่าแก้ ป้องกันคนจัดเล่นปาหี่

    ปล. ข้อ ๔ ผมเห็นว่าจำเป็นมากและเราจะได้ประโยชน์มาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2010
  19. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    ในเว็บพลังจิต มีบทความว่า ให้วัดเป็นศูนย์กลางการหลบภัย ตอนนี้ประเทศไทยมีภัยอยู่รอบตัวทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ควรเพิ่มงบประมาณมาสร้างกิจกรรมในวัด ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งการสอนจริยธรรม นั่งกรรมฐาน และการสอนการใช้ชีวิตอย่างคนดี ๆ เข้าทำกัน โดยเฉพาะสอนพระที่อยู่ในวัด ไม่รู้ดูอะไรกัน เดินคลองถมเป็นว่าเล่น(เด็กรู้ได้มากน้อยแค่ไหน ว่าคนดีต้องทำตัวอย่างไร หรือเห็นพ่อแม่เข้าวัดเพื่อไปขอหวย)ถ้ารัฐบาลเป็นแกนนำที่แข็มแข็งและเอาจริงจัง และคนของราชการตั้งใจทำจริงไม่เอาหน้านาย ให้โครงการเสร็จแบบผักชีโรยหน้า ก็จะเห็นผลได้ มีวัดที่เริ่มกิจกรรมแบบนี้หลายวัด การประชาสัมพันธ์ ยังเล็กน้อย เจ้าอาวาสท่านไหนมีเมตตา ท่านทำแล้วไม่เห็นรอรัฐบาลเลย รัฐบาลควรไปเอาอย่างดี ๆ ที่หลายวัดได้ทำแล้ว และคนในชุมชนก็ทำแล้วเช่นกัน เหมือนชุมชนเว็บพลังจิต ไง ถ้าเว็บนี้ดีมีการเชิญ ออกงบประมาณให้สร้างเครือข่าย และ ทำกิจกรรมหลาย ๆ รูปแบบ ก็จะดีทีเดียวนะ ศาสนาเจริญได้ เพราะคนเจริญในธรรม
    ธรรม ก็คือ เรื่องของการทำดี ดี หาเวทีให้คนทำดี คนดีก็จะมากันเองนะ..นะ..
     
  20. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เขาให้เราเขียนใส่กระดาษและอ่านออกเสียงครับ อ่านเสร็จเขาก็เอาไปครับ

    แบบว่า เขาดูที่กระดาษที่ส่งมากกว่า ส่วนอ่านออกเสียง เข้าใจว่าทำเพื่อความโปร่งใสครับ

    โมทนา
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...