เวลานั่งกรรมฐานมีความกลัวเห็นภาพแปลก ๆ กลัวตาย กลัวผี จะทำอย่างไรดี ?

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 14 สิงหาคม 2010.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,454
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เวลานั่งกรรมฐานมีความกลัวเห็นภาพแปลก ๆ กลัวตาย กลัวผี จะทำอย่างไรดี ?
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]

    การ ทำสมาธิหรือนั่งกรรมฐาน เขาไม่ได้นั่งเพื่อการเห็น เป็นการฝึกจิตให้มีพลัง ให้สงบนิ่งก่อน เรื่องการฝึกเพื่อเห็นต้องฝึกอีกระดับหนึ่ง คือ ต้องฝึกทิพจักขุญาณ แบบ มโนมยิทธิ จึงเห็น แต่ว่าการฝึกสมาธิแล้วเห็นภาพว้อบ ๆ แว้บ ๆ ผ่านไปผ่านมา นั่นแสดงว่าจิตเข้าขั้น อุปจารสมาธิ ซึ่งอาจจะได้ยินเสียงเป็นทิพย์ได้ แว้บเดียว อันนี้เขายังถือว่าไม่ดี ต้องเข้าใจ ว่า การทำสมถภาวนาเป็นการทำใจให้มีความรู้ ความฉลาด คือ ยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง (มีพลัดพรากจากกัน เจ็บป่วย ตาย เป็นต้น)
    ผู้ที่นั่ง นอน เดิน ภาวนานั้น ถ้าตายเวลาทำสมาธิภาวนาจะดีมากจะเป็นพรหมทันที สบายสุขกว่าเป็นคนหลายแสนเท่า
    ผู้ ทำสมาธิ เวลาจะนั่งกรรมฐานต้องคิดไว้เสมอว่าจะเป็นผีเป็นเทวดานี่ เข้าถึงตัวเราไม่ได้ วัดจากตัวเราไปรอบ ๆ 1 วา ผีจริง ๆ จะเข้ามาไม่ได้เลย เพราะเมื่อเราสมาทานพระกรรมฐานแล้วจะมีเทพเทวดามารักษาคุ้งครอง แต่ถ้าผีจะมาก็มาขอส่วนบุญ เข้ามาใกล้แค่วากว่า ๆ เราเห็นเข้าก็อุทิศส่วนกุศลให้เขา แล้วผีก็จะเปลี่ยน รูปร่างหน้าตาจากเศร้าหมองเป็นแจ่มใส แล้วเขาก็จะไป ไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าจิตมีปิติด้วยสมาธิ ท่านท้าวมหาราชจะส่งเทวดามาดูแลรักษาคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายให้อยู่ดีมี สุข ไม่ตายด้วยอุปัทวเหตุ
    ภาวนา นี่แปลว่าเจริญ การทำสมาธิภาวนา แปลว่า การทำจิตให้ตั้งมั่นแน่วแน่ เพื่อความเจริญงอกงามของจิตใจ ให้หมดจากความเป็นทาสของร่างกาย กิเลส ตัณหา อุปาทาน มีจิตเป็นอิสระเสรีจากความสกปรก มีมหากุศลคือ จิตว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา
    _______

    http://palungjit.org/threads/เวลานั...ภาพแปลก-ๆ-กลัวตาย-กลัวผี-จะทำอย่างไรดี.52723/
    [/FONT]
     
  2. samaice

    samaice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,018
    กลัวผีเหมือนกัน แค่คิดว่าเขามาไกล้ๆ ก็แทบกระเจิง สมาทงสมาธิทำไม่ได้ กลัว
     
  3. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    ขอปรึกษาได้ไหมค่ะ เรื่องการนั่งสมาธิเหมือนกันค่ะ
    พอดีว่าเรานั่ง แล้วเราไม่ได้เห็นตัวของสิ่งที่มองไม่เห็นหรอกนะค่ะ(ผี) นะค่ะ พอดีว่าเราได้ยินเสียงเค้านะค่ะ เค้ามาบอกว่า เค้าขอโทษนะที่ทำให้เป็นแบบนี้ เค้าไม่ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย แล้วอย่างงี้เราควรทำอย่างไรดีค่ะ แต่ว่าเราเดาออกได้ค่ะ ว่าเค้ามาขอโทษเราเรื่องอะไร เราทุกข์ใจมากๆๆ เค้าคงรู้แหละค่ะ เราคงไปทำเค้าไว้มากชาติที่แล้ว ชาตินี้เค้าเลยทำให้เราเป็นแบบนี้ ไม่ประสบความสำเร็จ
     
  4. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    เราสื่อถึงเค้าได้นะค่ะ เวลาเค้ามาทีเรา เรารู้สึกได้ค่ะ
     
  5. พุธกลางคืน

    พุธกลางคืน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +3
    ขออนุโมทนาค่ะ
    สำหรับเราเวลานอนบางคืนยังไม่ค่อยกล้าหลับตาเลย ไม่รู้กลัวอะไร รู้แต่ว่ากลัว เป็นอย่างนี้บ่อยมาก แต่บางคืนก็หลับสบายดีค่ะ
     
  6. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    อ่านคำตอบในบรรทัดแรกก็รู้แล้วว่าตอบไม่ตรงคำถามเพราะคนถามเขาไม่ได้บอกว่าอยากมองเห็น แต่เขาบอกว่าเขากลัวจะมองเห็น

    ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยกลัวผีเอามากๆชนิดที่่ว่า กลางวันแสกๆไม่กล้าผ่านหน้าวัดที่สภาพหน้ากลัวหรือมีต้นไม้ใหญ่ๆเยอะๆ โดยเฉพาะต้นพระศรีมหาโพธิ์(แถมวัดที่ต้องผ่านเพราะเป็นทางไปโรงเรียน ดันมีใครไม่รู้เอาแพรเจ็ดสีมีมัดอีกนะ น่ากลัวเข้าไปอีก)
    กลัวจนโดนเพื่อนล้อว่าไอ้ขี้กลัวเลยทีเดียว(ละครแม่นาคฉายตอนกลางวันผมไม่กล้าดู ขนาดนั้น คิดดู)

    แต่เวลาอยู่ในเขตกำแพงโบสถ์(ส่วนใหญ่จะทำกำแพงโบสถ์ต่างหากไม่รวมกำแพงบริเวณวัด) กลับรู้สึกสบายไม่ ไม่กลัว เหมือนโดนปกป้องคุ้มครองอย่างดี
    แต่เดี๋ยวนี้หลังจากได้ฝึกกรรมฐานโดยเฉพาะผมเองโดยส่วนตัวก็ฝึกมโนมยิทธิ ไม่ใช่ว่าอยากนิพพานหรอก ผมอยากมีฤทธิ์มีเดชมีตาทิพย์ธรรมดาของคนมีความอยากลองอยากเล่นนี่แหละ ผมก็ได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตา
    บ่อยๆเข้า ความกลัวผีก็ลดลง และผมก็ได้แนะนำหลายคนที่กลัวผี เขาก็ทำ และได้ผลเช่นเดียวกัน

    เพราะอะไรรู้มั้ย
    คนกลัวผีมากๆ ส่วนใหญ่มีผีคอยตามรบกวน แต่ผีกับเทวดาไม่ถูกกัน เทวดาใหญ่กว่า มีศีลห้า ชอบปกป้องดูแล และส่วนใหญ่อยู่แถวๆโบสถ์ เมื่อเรากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลบ่อยๆเข้า ผีเมื่อได้โมทนาบุญบ่อยเข้าก็เปลี่ยนภพภูมิที่ดีขึ้น มีความเมตตามากขึ้น จากคอยรบกวนเราก็เปลี่ยนเป็นคอยดูแลเรา ต่อให้เห็นหรือเจอผีที่มุ่งร้ายหรือน่ากลัว เราก็ถูกปกป้องคุ้มครองโดยผู้ที่อยู่รอบๆตัวเรา

    ความกลัวผีจึงลดลง

    ถ้ากลัวนั่งสมาธิแล้วกลัวเห็นภาพแปลกๆ บอกตรงๆล่ะว่าหนังฮอลีวูดเดี๋ยวนี้ภาพมันปกติธรรมดานักหรืออย่างไร ก็ยังแห่จ่ายตังเข้าไปดูกัน ดูในโรงหนังมืดๆด้วยนะ แอร์เย็นยิ่งกว่าป่าช้าซะอีก

    ถ้ากลัวตาย แสดงว่ามีอาการฝืนร่างกาย ฝืนลมหายใจ พูดง่ายๆก็คือมีการกลั้นหายใจทั้งที่ลมหายใจไม่ได้หายไป(อยากได้ฌาณสี่นั่นแหละมั้ง) คนที่เข้าฌาณสี่ได้ใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะเข้าได้ราวๆหนึ่งหรือสองวินาที ร่างกายจะบังคับให้กระบังลมขยับแล้วก็หายใจต่อไป เมื่อคล่องหรือชำนาญแล้วกระบังลมจะหยุดทำงานได้นานขึ้นทั้งที่ร่างกายและใจก็ยังรู้สึกสบายไม่ได้กลั้น
     
  7. วรรณนรี05

    วรรณนรี05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +903
    คำว่ากัมมัฎฐาน คือ อารมณ์ที่ตั้งแห่งการงานของใจ หมายถึงสิ่งที่ยึดเหนี่ยวผูกใจไว้ไม่ให้ฟุ้งช่าน ให้สงบนิ่งอยู่กับอารมณ์กัมมัฎฐานนั้นๆ เพื่อควบคุมใจให้สงบ หรือให้เกิดปัญญา ตามวิธีที่เลือกปฎิบัติ เรียก อย่าง หนึ่งว่าภาวนา มี2ประเภท คือ สมถกัมมัฎฐาน เป็นอุบายสงบใจ
    หมายถึงการปฎิบัติธรรมด้วยการบริกรรม ทำความเพียรทางจิตที่ใช้สติเป็นหลักเพื่อระงับนิวรณ์โดยใช้สติกำหนดอารมณ์กัมมัฎฐานอย่างใดอย่างหนึ่งในอารมณ์40
    แต่ถ้าทำแล้วเกิดอาการกลัวแสดงให้เห็นว่าสติยังไม่มั่นคงพอที่จะก้าวต่อจึงเกิดอาการฟุ้ง

    ต้องทบทวน ใหม่ หรือแก้ ด้วยการ พิจารณา ร่างกายก่อนแล้วตั้งใจไว้ว่าจะขอเห็นแต่รูปพระ
    ถ้านอกจากพระแล้วเราไม่สนใจตามดู แล้วเข้าสู่การเดิน ยืน นั่ง อาการ

    จะดีขึ้นด้วยการเดินจนจิตรวมจะมีอาการคล้ายง่วง แล้วนั่ง สิ่งที่กลัวจะค่อยๆจางหายไป ในที่สุด**อ้อ ก่อนนั่งหรือปฎิบัติทุกครั้งให้อุทิศส่วนกุศลก่อน แล้วหลังจากจบแล้วอุทิศอีกครั้ง ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้น
     
  8. แม่จิงโจ้

    แม่จิงโจ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +195
    เคยมีประสพการณ์ตรงกับตัวเองค่ะ เวลานั่งสมาธิจะสัมผัสได้ถีงบางสิ่งที่ไม่ได้อยู่มิติเดียวกันกับเรา ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างที่นั่งสมาธิอยู่แล้วจิตรวม จิตรับรู้ได้ถึงผู้หญิงกลางคน ค่อนข้างท้วม นุ่งผ้าถุงขาว เดินเข้ามาใกล้ และใกล้เข้ามาทุกที แต่ตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวอะไร กลับมีความรู้สึกว่าปลอดภัย แต่อีกใจก็กลัวว่า ถ้าเราไปเห็นอะไรที่มันน่ากลัวเข้าล่ะ จะรับไหวไหมเนี่ย ตกลงจะนั่งต่อหรือไม่นั่งดีหว่า จนมีอีกวันรับรู้ถึงผู้ชายผอมเกร็ง ไม่ใส่เสื้อ มายืนดูข้างหล้ง แต่คราวนี้ไม่รับรู้ถีงเจตนาของเขา จึงกำหนดจิตว่า รอเดี๋ยวนะคะพอออกจากสมาธิแล้วจะแผ่บุญไปให้ ก็ทำทุกครั้งอยู่แล้วนี่นา ไม่น่าต้องมาทวงเลย กลัวนะ แต่ก็แอบแปลกใจว่าเข้ามาได้อย่างไรเนี่ย และถ้าครั้งต่อไปเราเห็นเขาชัดๆ ล่ะ จะทำไงดี พออีกวันต่อมา ทำงานเหนื่อยและนอนดึกมากกกก จึงไม่สวดมนต์และไม่นั่งสมาธิ เท่านั้นแหละ เป็นเรื่อง ระหว่างที่ล้มตัวลงนอน (เรานอนบนพื้นบ้าน) และเริ่มเคลิ้มจะหลับ ก็ภาวนาพุทโธไปเรื่อย จิตมันสัมผัสได้ว่าผู้ชายผอมเกร็งมายืนที่ปลายเท้าเราและพยายามเข้ามาใกล้ ครั้งแรกเขาก็กระเด็นหงายท้องออกไป เราก็ชักไม่พอใจ กำหนดจิตบอกเขาว่า ว้นนี้เหนื่อยมาก ไม่นั่งสมาธิหรอกนะ ถึงฝืนนั่งก็คงไม่เกิดสมาธิอะไรหรอกเพราะง่วงมาก เขาก็เข้ามาใกล้อีก คราวนี้ทำท่าคุกเข่าแบบจะนอนทับเราลงมา และยื่นมือเข้ามาทางหน้าเรา เราก็กำหนดจิตแบบไม่สุภาพไปว่า ถ้ายื่นมือมา กรู กัดจริงๆ ด้วย เอาสิ โมโหแล้วนะ เขาก็ไม่หยุดยื่นมือแถมเอามาใกล้ปากเราอีก เราก็เอาวะ ตายเป็นตาย กัดนิ้วเข้าให้ โอ้แม่เจ้า ริมฝีปากเรางับเขานิ้ว ที่แห้งๆ หนังหุ้มกระดูกเข้าเต็มเปา รับรุ้ได้จากริมฝีปากของเราเองเลย นี่ของจริงนี่หว่า ไม่ได้นึกไปเอง นี่สินะเขาเรียกว่าผีหลอก เท่านั้นแหละ กระโดดไปนอนคลุมโปงอยู่ข้างๆ ฝาละมี จนเขาแปลกใจว่าเราเป็นอะไร

    หลังเหตุการณ์วันนั้นเราไม่นั่งสมาธิอยู่หลายวัน เป็นเดือน จนสามีถามว่าเกิดอะไรขึ้นเราคิดในใจว่า ไม่นั่งแล้ว เป็นคนทำบุญรักษาศึลอย่างเดียวก็พอแล้ว จะให้เป็นอย่างอื่นหรือทำอย่างอื่นไม่เอาแล้ว ไม่อยากสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อยู่อีกมิติหนึ่งแล้ว คำสอนของครูบาอาจารย์ที่ให้กำหนดจิดดูอยู่อย่างนั้น แล้วให้รู้ว่ามันเป็นแค่สภาวะธรรมอย่างหนึ่งที่จิตเราเข้าไปสัมผัสได้ แล้วก็ผ่านมันไปเสีย ไม่สามารถค่ะพระอาจารย์

    จนหลายเดือนผ่านไป เหนื่อยหน่ายกับงาน และหลายสิ่ง รู้สึกถึงพลังของตัวเองไม่เหลือเลย จึงนั่งลงที่ปลายเตียง มองดูลูกเล็กๆ และสามี เมื่อหลับตานั่งสมาธิโดยไม่ได้สวดมนต์และอาราธนาศีลเลย พลางนึกในใจว่าถ้าวันนี้นั่งสมาธิและได้พบเห็นอะไรที่น่ากลัว ที่มาหาเราไม่ว่าจะร้ายหรือดี เราจะไม่ยอมออกจากสมาธิ จะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อพระธรรม ตายเป็นตาย และตัดใจจากลูกเล็กๆ ที่กำลังน่ารักสองคน และสามีที่ประเสริฐมาก สักวันเราก็ต้องจากกันอยู่ดี ไม่มีเหตุใดเลยที่ต้องห่วงอีกแล้ว พอจิตรวมเท่านั้นแหละ ผู้ชายผอมเกร็งก็มายืนอยู่ที่เดิม แต่คราวนี้หัวเราะร่วน จิตเรารับรู้ได้เลยว่า ท่านมาสอน และฝึกให้เราก้าวข้ามผ่านพ้นความกลัว และความกังวลไปได้ในการนั่งทำสมาธิ และตัวท่านก็เป็นประกายสวยงามมาก เรารับรู้ได้ว่าท่านบอกว่า เออเจ้าใจเด็ด และฉลาดดีที่รู้ทัน นั่งสมาธิอยู่แถมศีลยังบริสุทธิ์อยู่ มีแต่พรหม กับเทวดาเท่านั้นแหละที่เข้าใกล้เจ้าได้ ผีที่ไหนกันจะเข้ามาได้ เลิกกลัวเสียทีเจ้าจะได้ก้าวหน้า ไม่ย่ำอยู่กับที่

    พอท่านไป และเมื่อเราออกจากสมาธิ จึงเข้าไปกราบตรงที่ ที่ท่านยืนอยู่ด้วยจิตกตัญญู สำนึกในความเมตตาของท่าน ความรู้สึกตอนนี้น ความสุขมันแผ่ซ่านไปทั้งตัว นี่เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ เหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดคือความจริง ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ความจริงก็ยังคงมีอยู่ ไม่เกิดกับใครก็ยากที่จะเชื่อ อยากให้ลองปฏิบัติกันดูนะคะ แล้วสักวันคุณจะรู้ว่า ความสุขมากมายในชีวิตนี้ มันน้อยนิดเมื่อเทียบกับความสุขที่ได้จากการปฏิบัติธรรม
     
  9. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676

    คิดแบบเด็กๆแท้....................................
     

แชร์หน้านี้

Loading...