สงสัยมานานแล้ว แล้วพวกที่ไม่ใช่พุทธล่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บาราคูดา, 9 สิงหาคม 2010.

  1. บาราคูดา

    บาราคูดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +114
    ผมมีคำถามอยากถามคือ เท่าที่อ่านๆดูเห็นจะมีแต่พูดกันว่า เราโชคดีที่ได้เกิดเป็นคนที่มีศาสนาพุทธ ทำให้มีโอกาส นิพพาน ได้ ผมสงสัยว่า แล้วอย่างนี้พวก ฝรั่งที่นับถือคริสต์ หรือกระทั่งพวกแขก อิสลาม ฮินดู ยิว พวกนี้ ไม่มีโอกาสนิพพานเลยหรือครับ เพราะสวดมนต์ก็คงได้แค่สมถะ หรือว่าเขาก็มีนิพพาน เหมือนกันครับ มันยังไง หรือ เขาสวรรค์ของเขากับเราจะต่างกัน มีใครทราบบ้างไหมครับ

    ขอให้คนตอบกรุณาอย่าโจมตีศาสนาใดๆในทางเสียหายนะครับ ขอร้องครับ ไม่อยากให้บาดหมางกัน แต่ผมอยากรู้คำตอบจริงๆครับ
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อยากรุ้คำตอบจริงๆ ก็ต้องลองทำดู
    ทำตามคำสอนพระศาสดา ว่าด้วย สติปัฏฐาน 4

    ศึกษา วิธีให้เข้าใจ
    ลองทำตาม

    ทำให้รู้
    ทำให้จริง
    ทำให้มั่น
    ทำให้คง
    ทำให้แจ้ง .........
    คำตอบจริงๆ
    อยู่ที่สิบ ปากว่า
    หรือ อยู่ที่สิบตาเห็น
    หรืออยู่ที่สิบมือคลำ
    หรืออยู่ที่เราทำเอง !!!! ????
     
  3. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    เรื่องพรรค์นี้ต้องบ้านใครบ้านมันถึงจะรู้ดี ถามคนบ้านอื่นจะรู้ได้อย่างไร ของตัวเองก็ต้องว่าดีทั้งนั้น ... ส่วนมากเขาไปแล้วคงไปดี ถ้าไม่ดีก็คงหนีกลับมาแล้ว

    ที่นี่คงไม่มีศาสนาอื่นมาอ่านแล้วตอบให้รู้เขาห้ามแสวงบุญนอกศาสนาครับ...
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คำถามนี้ จะเป็นคำถามที่มักเกิดขึ้นเสมอ เวลาเราแผ่เมตตาไปมากๆ

    เรียกว่า เป็นความคลางแคลงใจในพระศาสดาก็ได้ ทั้งนี้เพราะใช้เรื่อง
    บาปบุญคุณโทษ เป็นหัวใจในการพิจารณา ไม่ได้ใช้การพ้นไปจาก
    บาปบุญคุณโทษแบบไม่ยึดติด( ทำดีถึงที่สุด แต่ไม่ติดรสติดใจในความดี
    ใดๆ , ซึ่งตรงนี พวกแผ่เมตตามากๆจะปล่อยวาง รสความดี ไม่เป็น)

    สังเกตว่า คำถาม นี้เป็น คำถามสุดท้ายที่เกิดขึ้น เป็นพุทธวัจนะสุดท้าย
    ดังนั้น มันจึงชี้ความสำคัญบางประการ กล่าวคือ คนที่มาปฏิบัติธรรม
    ในธรรมวินัยนี้หากก้าวไม่พ้นเรื่องบาปบุญแล้วก็จะค้างคาคำถามนี้ ไม่อาจ
    ปลงใจทั้งหมดลงเป็น พุทธมามะกะ ได้ แม้จะเอ่ยปากเป็นแต่ใจจะไม่มีวันลง

    *** สังเกตว่า คำถามนี้แม้ตั้งขึ้นมาแล้ว คำที่กลั่นออกจากลมหายใจเบื้องปลาย
    ออกมาเป็นพระโอษฐคำแรกก่อนจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน คือ
    "ห้ามคิด อย่าถามแบบนี้เลย"

    ต่อไปเป็นเนื้อหาบางส่วนจากพระสูตร

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2010
  5. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    บาราคูดา
    ผมมีคำถามอยากถามคือ เท่าที่อ่านๆดูเห็นจะมีแต่พูดกันว่า เราโชคดีที่ได้เกิดเป็นคนที่มีศาสนาพุทธ ทำให้มีโอกาส นิพพาน ได้ ผมสงสัยว่า แล้วอย่างนี้พวก ฝรั่งที่นับถือคริสต์ หรือกระทั่งพวกแขก อิสลาม ฮินดู ยิว พวกนี้ ไม่มีโอกาสนิพพานเลยหรือครับ

    ไปได้ครับ ถ้าเขารู้ และทำได้ ตามแนวทาง ขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เพราะสวดมนต์ก็คงได้แค่สมถะ หรือว่าเขาก็มีนิพพาน เหมือนกันครับ มันยังไง หรือ เขาสวรรค์ของเขากับเราจะต่างกัน มีใครทราบบ้างไหมครับ

    เรื่อง นรก เปตร อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา พรหม และ พระนิพพาน ไม่ใช่ ของศาสนาพุทธ

    เพียงแต่ ศาสนาพุทธ ชี้ให้เห็นถึงสิ่งเหล่านี้ ที่มีอยู่แล้ว และพิสูจน์ได้ ด้วยการปฏิบัติ ตามแนวทาง

    ขอให้คนตอบกรุณาอย่าโจมตีศาสนาใดๆในทางเสียหายนะครับ ขอร้องครับ ไม่อยากให้บาดหมางกัน แต่ผมอยากรู้คำตอบจริงๆครับ

    ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 สิงหาคม 2010
  6. nutt_nst

    nutt_nst เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ใครมีมรรคแปดอย่างถูกวิธีก็ไปนิพพานได้ครับ ไม่จำกัดกาล เวลา
     
  7. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    หากจะตอบ คือ ทุกชีวิตเกิดมามีลมหายใจเหมือนกัน การรับรู้โดยปรมัถย์ ก็เหมือนกัน
    กินเกลือ ก็เค็มเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างกันมันตรงไหน เหรอ
    ไม่เกี่ยวกับศาสนาใดหรอก หากใคร วางอุปทาน และ รู้ทุกข์ มันก็คือรดชาดอันเดียวกัน
    ไม่เกี่ยวกับคำว่า "ฉันนี้แระ " แต่มันเกี่ยว " อืม เข้าใจแล้ว"
     
  8. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    1 นิพพาน ได้ เพราะคนใน โลก นี้ใช้ อากาศ อันเดียวกันหายใจถึงจะต่างชาติต่างศาสนา
    2 สวรรค์ ที่เดียวกัน เพราะใน โลก นี้ก็มีคนทำความดี แตกต่างกันไปถึงจะต่างชาติต่างศาสนา
    3 นรก ที่เดียวกัน เพราะใน โลก นี้ก็มีคนทำชั่ว แตกต่างกันไปถึงจะต่างชาติต่างศาสนา

    สรุป เพียงแค่ สมมุติ บัง วิมุติ อยู่ แต่ก็อาศัยพิจารณา สมมุตินั่นแหละ ถึงจะ รู้
     
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    http://www.pharm.chula.ac.th/computer/web_india_1/idia1_05_pukya1/5_pukya1.htm
     
  10. บาราคูดา

    บาราคูดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +114
    ขอบคุณที่ตอบนะครับ แต่อาจจะคลาดไปจากวัตถุประสงค์ในคำถามของผมบ้าง คือยังงี้ครับ คำถามผมคือ การทำสติปัฐฐาน4 คือ 1ในวิถีทางแห่งการหลุดพ้น ซึ่งถ้าผมเพียรทำความดีใดๆก็ตาม ก็ได้เป็น "กุศลกรรม" แต่หากยังไม่พิจารณาด้วยวิปัสนาญาน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้อยู่ดี คราวนี้ ศาสนาหรือบอกว่าลัทธิอื่นๆหลายๆอย่างนั้นไม่มีการนั่งพิจารณาหรือทำวิปัสสนา หมายความว่า เขาจะไม่มีสิทธิ์ในการ นิพพาน อย่างนั้นหรือครับ
    พอจะเข้าใจคำถามผมไหมครับ อยากรู้ แต่ไม่ใช่ว่าสงสัยหรือคลางแคลงในศาสดาครับ แต่อยากรู้วิถีตอบของท่านที่ "เข้าใจ" ด้วยปัญญา ที่สามารถตอบได้ทุกเรื่องน่ะครับ

    แต่คำลอกจากพระสูตรของคุณเอกวีร์นี่น่าจะตอบได้ส่วนนึงครับ ขอบคุณครับ แต่เดี๋ยวลองอ่านอีกหลายๆรอบก่อนครับ
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    http://www.84000.org/true/221.html
     
  12. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ศาสนาอื่นในโลก ไม่มีทางไปถึงพระนิพพานได้

    เพราะในคำสอนไม่มี ศาสดาก็ไม่ได้สอนไว้.......ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุที่จะไปถึงได้
     
  13. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ถูกครับ นิพพานจริงๆไปได้ทุกคน แต่ทางของมันต้องเป็นทางในแบบที่พระพุทธองค์ค้นพบ ถ้าไปแบบมั่วๆ ก็มั่วๆต่อไปครับ ต้องลองทำดู ทำให้ถึง

    ส่วนเรื่องสวรรค์ นรก นั้นมีอยู่หลายศาสนา และคนในหลายศาสนา ก็เคยไปพบไปเห็นมาแล้ว ไม่ใช่แค่พุทธ มันก็กฏของธรรมชาติ มันคือธรรมชาติที่มีอยู่จริง ไม่ใช่พระพุทธเจ้าตั้งขึ้น พระพุทธเจ้าแค่เอามาบอกให้รู้ว่ามีแค่นั้นเอง และบอกวิธีการรับรู้ การสัมผัสได้แค่นั้น


    อยากบอกว่าคนในศาสนาคริสต์เคยไปทั้งนรกสวรรค์มาแล้ว (บางคน) แต่ไม่เข้าใจในกฏว่าทำไม เพราะอะไร

    ศาสนาพรามห์ โดยเฉพาะลัทธิฤษี ไปมาหมดทั่วทั้งพรหมยัน มหานรก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมี ถึงเป็น

    คนธรรมดาบางคนก็ไปมาแล้วครับ แต่ไม่ทราบเหตุผลและรายละเอียดเฉยๆ

    ส่วนพระพุทธศาสนานั้นได้อธิบายรายละเอียดเรื่องพวกนี้ให้ฟังเฉยๆ

    นิพพานก็คือทางแห่งธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าค้นพบ มันมีอยู่แล้ว แค่คนไม่ได้ค้นหามันเอง
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ขออนุญาติอธิบาย เนื้อหาบางประการในพระสูตรนั้น

    กรณี คุณสมบัติของ สุภัททะพราหมณ์ ท่านสุภัททะท่านนี้เป็น พุทธเวนัยยะ ซึ่ง
    หมายถึง หากไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าฯ แสดงธรรมให้ฟังแล้ว บุคคลๆนี้จะไม่มี
    ทางเข้าถึงธรรมะได้

    เหตุเพราะ ความเป็นปริพาชก ซึ่งหมายถึง การเป็นนักปรัชญาเมธี ที่วิจารณ์บรรดา
    คำสอนของทุกๆลัทธิบนโลกขณะนั้น เป็น ด๊อกเตอร์ที่จบทุกศาสนา(ด้วยการวิจารณ์
    ที่ทำให้เห็นว่า รู้เหนือกว่า) -- ขออภัย ที่ต้องย้ำลักษณะของคลองทิฏฐินี้ซ้ำ เพราะ
    มันจะเป็น หัวใจหลักของกรรมหนัก ที่เป็นตัวปิดมรรคผลนิพพาน เป็นเหตุปัจจัยสำคัญ
    ทีเดียวสำหรับการเป็น พุทธเวนัยยะ

    เนื่องจาก การวิจารณ์คำสอนของบัณฑิตใดๆ ในโลก แม้ลัทธินั้นจะเป็นคนดีก็ตาม หรือ
    เป็นคนชั่วก็ตาม กรรมที่ไปวิจารณ์คำสอนเขา ย่อมส่งผลให้เกิดความเครียดแค้นจาก
    บรรดาศิษยานุศิษย์ จะต้องได้รับโทษทัณฑ์มากกว่าได้รับการสรรเสริญ ได้รับการสาป
    แช่งมากกว่าการยินดีในภาษิต จุดนี้เอง จึงต้อง ย้ำ ให้ชัดให้เห็นโทษ ก็ต้องขออภัย
    หากจะผิดวัตถุประสงค์ไปบ้าง เพราะไม่เช่นนั้น จะมีผู้เสวนาที่ไม่เท่าทันในโทษนี้ จะเผลอ
    กระทำการวิจารณ์ เดือดร้อนเปล่าๆ

    แต่หากพิจารณาดีๆ ในพระสูตร ทำไม ปริพาชกท่านนั้น ยังต้องประกาศตัวเองเป็น
    พุทธมามะกะ อีกหละ ทำไมไม่ทำตัวอิสระแบบคนไม่ยึดติดใน ชื่อของศาสนาอันเป็น
    สมมติ --- ตรงนี้ขอให้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน

    พระพุทธองค์ตรัสห้าม ก็เพื่อ ห้ามกรรมบางอย่าง ให้ระงับ

    ปริพาชกเอ่ยเป็นพุทธมามะกะ ก็เพราะเห็นทุกข์เห็นโทษ เห็นกรรมใด เห็นกุศลใด

    -- แต่เพื่อให้สบายใจ ก็ขอ ติต่างว่า การประกาศเป็นพุทธมามะกะ นั้นออก
    มาจาก คุณธรรมกตัญญูต่อผู้ชี้ทาง ก็น่าจะไม่ทำให้ เกิดการบาดหมางในใจ
    "เรื่องอยู่ลัทธิใดๆก็บรรลุได้"

    -- ก็เรียกว่า หากผู้ใดเข้าถึงความเป็น สมณะ 1 2 3 4 แล้ว ไม่รู้สึกว่าต้อง
    แสดงเครื่องหมายของบัณฑิตคือ ความกตัญญู ก็แล้วแต่คนในลัทธินั้นๆ
    จะพิจารณาเห็นควรละกัน

    ---- ตรงนี้ มันก็เลยเป็นปัจจัยให้ ศาสนาพุทธเท่านั้น ที่พึงมี สมณะ 1 2 3 4


    *** คนอกตัญญูเท่านั้น ที่จะอ้างว่าเป็น สมณะ 1 2 3 4 แล้วยังปรารภว่า อยู่ตรงไหนก็ได้ ***

    สรุปคือ มรรค8นั้น อยู่ตรงไหนก็ปฏิบัติได้ แต่ คนสอนเรื่องนี้ได้นั้น
    ย่อมอยู่ในบวรพุทธศาสนา ย่อมไม่อยู่ในที่อื่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2010
  15. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ศาสนาอื่นไม่มีทางไปได้ เพราะหลักคำสอนไม่มีการสอนเรื่องกระบวนการปฎิบัติทางจิต

    การไปสู่พระนิพพาน เป็นเพราะการฝึกอบรมจิตเกิดปัญญาที่จิต ไม่ใช่ปัญญาจากสมอง ซึ่งศาสนาพุทธมีหลักคำสอนอย่างครบถ้วน เป็นขั้นตอนให้ฝึกปฎิบัติตามได้ เข้าใจได้ ดังนี้แล
     
  16. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ปัจจัยถึงพร้อม จะใช่จะไม่ใช่ ก็ใช่

    เป็นคนดี
    ไม่ได้ด้วยตนถือว่าตนเป็นคนดี ไม่ได้ด้วยมีผู้ใดถือว่าตนเป็นคนดี แต่ด้วยตนเป็นคนดี จึงเป็นคนดี จึงเรียกได้ว่าเป็นคนดี
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ได้ยินมาอย่างนี้นะ
    ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์8 ย่อมมีผู้ถึงพระนิพพาน
    ศาสนาไหนสอนตามหลักมรรคมีองค์8 ย่อมถึงรู้แจ้งถึงพระนิพพานได้

    อันนี้คัดลอกจาก http://www.watjamnan.com/index.php?mo=3&art=246033
    มรรคมีองค์ ๘

    มรรค แปลว่า ทาง, หนทาง มรรคมีองค์ 8 จึงหมายถึง หนทางปฏิบัติหรือข้อปฏิบัติ 8 ประการ เพื่อให้ถึงความดับทุกข์ นั่นคือการได้บรรลุนิพพานนั่นเอง

    มรรคมีองค์ 8 เป็นธรรมข้อหนึ่งใน อริยสัจ 4 ซึ่งประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์คือตัณหา) นิโรธ (ความดับทุกข์) และมรรคคือหนทางดับทุกข์ เมื่อกล่าวถึงมรรคเพียงข้อเดียวแต่ก็มีความหมายเชื่อมโยงไปถึงอริยสัจอีก 3 ข้อที่เหลือด้วย เพราะธรรมทั้ง 4 ข้อมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสมรรคมีองค์ 8 ไว้ใน ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร1 ซึ่งเป็นพระปฐมเทศนาหรือเทศนาครั้งแรกของพระองค์ ได้สรุปมรรคมีองค์ 8 ไว้ดังนี้

    (1) สัมมาทิฏฐิ คือ ความเข้าใจถูก โดยสามารถตัดสินได้อย่างถูกต้องว่า อะไรถูก-ผิด อะไรดี-ชั่ว อะไรบุญ-บาป อะไรควร-ไม่ควรทำ

    (2) สัมมาสังกัปปะ คือ ความคิดถูก โดยเลือกคิดเฉพาะในสิ่งที่เกิดบุญ ไม่เกิดบาป

    (3) สัมมาวาจา คือ การพูดถูก โดยเลือกพูดเฉพาะในสิ่งที่เกิดบุญ ไม่เกิดบาป

    (4) สัมมากัมมันตะ คือ การทำถูก โดยเลือกทำแต่ในสิ่งที่เกิดบุญ ไม่เกิดบาป

    (5) สัมมาอาชีวะ คือ การเลี้ยงชีพถูก โดยเลือกประกอบอาชีพที่เกิดบุญ ไม่เกิดบาป

    (6) สัมมาวายามะ คือ การเพียรพยายามถูก โดยเพียรละเว้นความชั่ว เพียรทำความดี และเพียรกลั่นใจให้ผ่องใส

    (7) สัมมาสติ คือ ความระลึกถูก โดยพยายามรักษาใจให้มีความสะอาดบริสุทธิ์ในการคิด พูด และทำอยู่เป็นปกติ

    (8) สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นถูก โดยการเจริญภาวนาจนจิตนิ่งเป็นสมาธิ

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในปริกขารสูตรว่า องค์แห่งมรรค 7 ประการคือ ตั้งแต่ สัมมาทิฏฐิถึงสัมมาสติ เป็นองค์ประกอบของสัมมาสมาธิ หรือประชุมลงในสัมมาสมาธิ ดังพระดำรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย องค์แห่งสมาธิ 7 ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เอกัคคตาจิต(ความมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว หรือ การที่จิตเป็นสมาธิ) ประกอบด้วยองค์ 7 ประการนี้เรียกว่าอริยสมาธิ... <!--MsgFile=6-->
     
  18. peenangfa

    peenangfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +228
    จะขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆครับ

    มีอาจารย์อยู่ 3 คน คนนึงจบตรี คนนึงจบโท อีกคนจบเอก

    และอาจารย์แต่ละท่านก็มีลูกศิษย์ที่ท่านต้องคอยให้ความรู้อยู่

    ให้เปรียบอาจารย์เปนพระศาสดา

    และเปรียบผู้นับถือศาสนาต่างๆเป็นลูกศิษย์

    และสิ่งที่จะต้องเรียนรู้นี้คือ ความพ้นทุกข์ครับ

    ในระดับปริญญาตรี อาจจะได้รู้ถึงแค่ว่า สวรรค์ คือทางพ้นทุกข์ เป็นที่ซึ่งเสวยสุข

    ในระดับปริญญาโท อาจจะได้รู้ถึงว่าอรูปพรหม คือทางพ้นทุกข์

    ในระดับปริญญาเอก นั้นได้รู้ถึงที่สุว่า พระนิพพาน คือทางพ้นทุกข์

    และแน่นอนครับ อาจารย์ของเราคือ พระสมณโคดมบรมครูพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านค้นพบพระนิพพานซึ่งเป็นทางพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งพระศาสดาของศาสนาอื่นยังไม่ค้นพบครับ เราได้เปรียบตรงที่ เราเป็นศิษย์ของอาจารย์ที่ท่านจบด๊อกเตอร์ครับ เราจึงได้ความรู้และแนวทางที่สูงสุดจากท่าน ส่วนผู้ที่ได้เรียนในระดับรองๆลงมา ก็ไม่อาจจะค้นพบด้วยตัวเองได้ครับเพราะอาจารย์สอนไว้แบบนั้น นอกจากจะเปลี่ยนอาจารย์ไปในระดับ ป.เอกเองครับ คนเราจะค้นพบทางนิพพานนั้นยากแสนยากครับ ขนาดมีแนวทางให้แล้วแท้ๆ ก็ยังไม่ยอมทำกัน เพราะฉะนั้น เราควรไขว่คว้าเอาไว้ครับ ^^

    ***พระพุทธองค์ท่านบอกไว้ว่า หากที่แห่งใดมีผู้ซึ่งปฏิบัติมรรค8 ที่นั้นจะไม่ปราศจากพระอรหันต์ครับ

    หวังว่าจะเป็นคำตอบที่ทำให้กระจ่างได้มากขึ้นนะครับ
     
  19. นามิกา

    นามิกา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +52
    เคยไปอยู่กับศาสนาคริสมาพักหนึ่ง.....อยู่แล้วก็มีความสุขดี...ได้รู้อะไรเกี่ยวกับครีสพอดู (เอาตามที่รู้มาแล้วกัน) ก็มีอะไรอะไรคล้ายกับพุทธนี้ล่ะถ้าพิจารณาให้ดีแล้วก็เหมือนกับพุทธเรานี่แหละค่ะแต่วิธีการสอนไม่เหมือนกัน....แต่ที่เลือกพุทธเพราะชอบวิธีการสอนแบบนี้มากกว่า


    ไม่ว่าจะอยู่ศาสนาใหนก็โชคดีทั้งนั้นแหละค่ะ...ศาสนาทุกศาสนาสอนคนให้เปนคนดี...อย่าเอามาเปรียบเทียบกันดีกว่า

    ดอกไม้แต่และชนิดมีความสวยงามที่แตกต่างกัน....อย่าคิดว่าดอกไม้ที่เราชอบจะเปนดอกไม้ที่สวยที่สุดดีที่สุด....แล้วมองดอกไม้ที่คนอื่นชอบสวยน้อยกว่าดีน้อยกว่าเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2010
  20. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ความดี ศีลธรรม คุณธรรม ภูมิธรรม มีอยู่หลายลำดับขั้นแตกต่างกันไป

    ศาสนาพุทธสอนไปถึงขั้นสูงสุด

    นอกจากนี้ ก็ลดหลั่นกันไป แต่ก็นับว่าเป็นความดีทั้งนั้น...
     

แชร์หน้านี้

Loading...