แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,787
    ยังอยู่ดีครับ ท่วมบางพื้นที่ครับ ถ้าในเมืองท่วมแล้ว แสดงว่าหนักน่าดูครับ
    ยังไงก็ต้องเฝ้าระวังไว้ครับ ขอบคุณครับที่เป็นห่วงเป็นไย
     
  2. APIRAT

    APIRAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +3,220
    ท่องแดนพุทธภูมิ
    ผมตั้งปนิธานไว้หลายปี ว่าชีวิตนี้จะต้องไป กราบพระพุทธเจ้า ที่แดนพุทธภูมิอินเดียให้ได้ มันนานจนลืมไปแล้ว แต่เมื่อ ตุลาคม 2551 อยู่ๆเพือ่นก็ชวนไปอินเดีย เมื่อพิจารณาดูแล้ว ก็น่าจะสมควรแก่เวลา จึงตกลงไป เหตุผลเพราะอยากไปเห็นกะตา ทัวร์ก็ไม่แพง เจ้าของทัวร์ก็คนอีสาน พระที่ไปด้วยกันก็พระทางอีสาน โยมที่ไปด้วยกันก็อีสานเป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 40 ชีวิต ไปครั้งนี้ ไปแบบ LOSO เพราะราคาถูก นอนวัดไทย กินวัดไทยด้วย ไม่ได้นอนโรงแรม ก็ยิ่งดีใหญ่เพราะชอบ ใช้เวลา 10 วัน
    วันนี้ก็เอารูป วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนอินเดียที่พบเจอระหว่างทางมาให้ดู รูปแรกคือร้านตัดผมชาย ตอนแรกมองไปคิดว่าส้วมตามบ้านอกเราสมัยก่อน ดูแล้วก็คลาสสิคดีครับ เพิ่มเติมภาพพ่อลูกปั่นจักรยานยามเช้า และตลาดสด ถ่ายจากข้างทาง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010047.JPG
      P1010047.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.4 KB
      เปิดดู:
      111
    • PB0501211.jpg
      PB0501211.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.6 KB
      เปิดดู:
      100
    • PB080359.JPG
      PB080359.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      99
    • PB080362.JPG
      PB080362.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      94
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2010
  3. namo_2009

    namo_2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,432
    ค่าพลัง:
    +10,228
    ดีจังเลยครับได้อินเดียด้วย:cool:
     
  4. APIRAT

    APIRAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +3,220
    ชาวอินเดียตามชนบท ยังใช้ชีวิตเรียบง่าย ส่วนใหญ่ทำการเกษตร เขาบอกว่ามี วัว ตัวเดียว ครอบครัวนั้นก็อยู่ได้ เพราะวัวให้ทั้ง นม และ ขี้วัว คนอินเดียต่างจากคนทั่วโลก คือ ผูกวัวไว้หน้าบ้าน บางบ้านมีส้วมอยู่หน้าบ้านแบบไม่มีฝา ไม่มีหลังคา มองไปมีแต่หัวส้วมซึมตั้งอยู่ เพื่ออวดฐานะกันด้วยส่วนหนึ่ง (ครอบครัวไม่มีวัว แสดงว่าแย่พอสมควร) ขี้วัว มีค่ามากกว่าทองคำ เพราะเชาต้องเก็บไว้ทุกหยด เอาไปผสมกับฟางหรือหญ้า ปั้นเป็นแผ่านแบนๆ กลมๆ ขนาดฝ่ามือ แล้วไปแปะตากให้แห้งไว้ข้างฝาบ้านหรือรั้วบ้าน เอาไว้ปิ้ง แป้ง จาปาตี (อาหารหลักแทนข้าว) จะมีกลิ่นหอมมาก กินกะแกงถั่ว เท่าที่ลองกินดูก็พอทนกลืนได้
    ย้อนไปสมัยนายคานที ได้เป็นผู้นำชาวอินเดียปลดแอกจากอังกฤษที่เข้ามาครอบครองอยู่นานหลายปี ชาวอินเดียจึงพร้อมใจกันขับไล่แบบอหิงสา(ไม่ใช้ความรุนแรง) เขาว่า วิธีหนึ่งที่อังกฤษต้องยอมล่าถอยออกจากอินเดีย คือ ใช้ขี้ไล่ฝรั่ง ดังนั้นตอนเช้าชาวอินเดียในหมู่บ้านก็จะมานั่งถ่ายหนักเบาตามทางเดิน (เขาก็มีวินัยอย่างนึงคือ พวกหญิงก็ไปที่ที่นึ่ง ชายก็ไปที่นึง ไม่นั่งปนกัน และก็พากันไปถ่ายก่อนพระอาทิตย์ขึ้น)ถ่ายไปด้วยถามสารทุกข์สุขดิบกันไปด้วย ตามถนนทั้งในเมือง นอกเมือง เมื่อพวกผู้ดีอังกฤษมาตรวจงานหรือมาทำอะไรก็ตามก็จะเหยึยบขี้แขก ไปไหนก็เจอขีั้แขก เลยทนไม่ได้ จนต้องยอม (ไกด์เขาเล่ามา) จนทุกวันนี้พอเราลงรถ ไม่ว่าจุดไหนก็ตามที่ต้องลงเดินไปตามทางหรือถนน ต้องมี สติอย่างยิ่ง ไม่งั้น เหม็นทั้งรถ
    นโยบายชาตินิยมและหลายๆ อย่างที่คานทีนำมาใช้ ได้ผลดีจนทุกวันนี้ คือ ทุกอย่างพึ่งตนเอง ทำเอง ใช้เองในประเทศ ส่วนใหญ่ตั้งแต่ไม้จิ้มฟัน ยันเรือรบ จะมียี่ห้อเดียวเท่านั้น คือ ยี่ห้อ ทาทา แม้แต่เกลือก็ ทาทา แต่น่าเสียดายและเสียใจอย่างยิ่ง คือ เมื่อคานทีปลดแอกจากอังกฤษได้สำเร็จ คนในชาติที่มี 2 ศาสนาใหญ่ก็แตกกัน จนคานทีต้องยอมให้แยกประเทศปากีสถานเพื่อให้กับชาวมุสลิม เขาเล่าว่า คานทีก็ให้อิสระแก่ชาวมุสลิมว่า จะอยู่ในแผ่นดินใหญ่ หรือ จะไปอยู่ปากีสถานก็ได้ ทำให้เกิดการพลัดพรากแยกจากกัน เศร้าโศรกอาดูร กันนานหลายปี

    ปัญหาที่คนจัดทัวร์ไม่ค่อยบอก คือ ไปอินเดีย เวลาปวดหนักปวดเบาจะทำยังไง เมื่อขับรถไปตามถนนไฮเวย์ อย่าหวังว่าจะเจอปั๊มเยอะๆเหมือนเมืองไทย และเมื่อเจอปั๊มแล้วอย่าหวังว่าจะมีห้องน้ำ ใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ปั๊มจริงๆ ถ้าเราปวดฉี่ ทัวร์ เขาก็จะจอดข้างทาง วันแรกๆ ก็อายกันตามนิสัยคนไทย ประกอบกับอินเดียไม่ค่อยมีป่า พอรถจอด พระไปทาง ผู้ชายไปทาง หญิงไปทาง เดินไปซะห่างรถเลย เพราอายกัน พระกะผู้หญิงนี่ ดีหน่อย พราะนุ่งสบง หญิงนุ่งผ้าขาว ก็นั่งแบบสุ่มปลาได้ พวกผู้ชายต้องหามุมที่เหมาะสมเอาเอง พอวันหลังๆ มาก็ไม่ค่อยอายกันแล้ว
    รูปนี้เป็นรูปหมู่บ้าน ชาวบ้าน ซึ่งคณะทัวร์เดินผ่านไปวัดพระนางปชาบดี (น้าที่เลี้ยงดูเจ้าชายสิทธัตถ แทนพระมารดาซึ่งสวรรคตหลัง เจ้าชายประสูตรได้ 7 วัน)เลยถ่ายมาไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB1005001.jpg
      PB1005001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.6 KB
      เปิดดู:
      129
    • PB0501361.jpg
      PB0501361.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.7 KB
      เปิดดู:
      120
    • PB050138.JPG
      PB050138.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      113
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2010
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    โอ้ เหมือนส้วมจริงด้วย -_-
     
  6. ลูกน้ำเค็ม

    ลูกน้ำเค็ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,022
    ค่าพลัง:
    +14,548
    สวัสดียามสาย ๆ ครับทุก ๆ ท่าน วันนี้อากาศดีแจ่มใสไร้เงาเมฆฝน
     
  7. APIRAT

    APIRAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +3,220
    ที่กรุงราชคฤห์ ของพระเจ้าพิมพิสาร เป็นสถานที่ที่พระพุทธได้อัครสาวก คือ พระสาลีบุตร ดังนั้นสถานที่สำคัญคือ เขาคิชกูฏ ซึ่งมีกุฏิพระพุทธเจ้า พระอานนท์ ถ้ำของ อครสาวก คือ พระโมคคัลลา และ พระสาลีบุตร สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่อีก ก็คือ วัดเวฬุวันที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์ และ มหาวิทยาลัยนาลันทา และที่สำคัญ คือ ที่อาบน้ำของ 4 วรรณนะ ก็ยังปฎิบัติสืบทอดกันมาจนทุกวันนี้และก็มีวัดของพระนิกายทิคัมพร (นุ่งลมห่มฟ้า เสียดายทัวร์ไม่พาไป)

    หลังจากตื่นนอน (นอนที่วัดไทยราชคฤห์ )แล้ว ก็เตรียมขึ้นเขาคิชกูฏแต่เช้า ทัวร์บอกว่า ใครเดินไม่ไหวก็มีเสลี่ยงหามขึ้น(รับจ้าง)ทีแรกหลายคนก็บอกว่าอยากนั่ง เพราะน่าจะนำความภาคภูมิใจ(กิเลสตัวใหญ่มาให้) พาลนึกมโนภาพว่าตนเองมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ได้นั่งเสลี่ยงคานหามพร้อมข้าทาส บริวาร แต่พอไปถึงก็ขำกลึ้ง เพราะดูแล้ว กลับตาลปัตร ขืนนั่งเสลี่ยงก็ไม่ต่างอะไรกะคนป่วย หรือ คนพิการ หละครับเลยพากันเปลี่ยนใจเดินขึ้นเขาดีกว่า
    ในกรุงราชคฤห์ก้ไม่ได้เจริญอะไรมากมาย ดูจากรถม้าในเมือง คิดว่ามีแต่ที่ลำปาง เมืองไทย เห็นแล้วอดสงสารม้าไม่ได้ มันตัวเล็กมาก แต่คนโดยสารนี่สิ รวมกันไม่รู้กี่ร้อยโล ชอบใจอีกอย่างคือ รถโดยสารของอินเดีย รับผู้โดยสารได้ตลอดเวลาไม่มีเต็มครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB040056.JPG
      PB040056.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.2 KB
      เปิดดู:
      112
    • PB0400842.jpg
      PB0400842.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.6 KB
      เปิดดู:
      93
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2010
  8. APIRAT

    APIRAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +3,220
    สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอินเดียอีกอย่างหนึ่ง คือ ขอทาน เพราะต้องยอมรับเขาเลย ว่าเป็นเอกลักษณ์ อาจเป็นเพราะความยากจนด้วย ก็เลยเยอะมาก
    คนไทย
    คือเป้าหมายของขอทานแขก หรือ แม้แต่เจ้าหน้าที่เฝ้าห้องน้ำพิพัฒภัณฑ์เหมือนกันหมด เพราะคนไทยเป็นชาติที่ใจอ่อนที่สุด บวกกับขี้รำคาญ ชอบให้ยกยอ ขอทานเขารู้ เขาใช้ลูกตื้ออย่างเดียว ผมกะเพื่อนโดนลูกตื้อ เด็ก 2 คน เดินตามเป็นกิโลเมตรด้วยความมุ่งมั่นของเขา ไม่เปลี่ยนเป้าหมายเลย เขาเจอปุ๊บวิ่งมาหา แล้วจะเดินตามจนเราใจอ่อน แต่เขาก็มีเทคนิคทางจิตวิทยาด้วยนะ ไม่ใช่ขอเฉยๆ คือ ว่าเขารู้ว่าคนไทยชอบให้ยกย่อง เวลาเขาขอเขาจะส่งเสียงมาเลย ถ้าเป้าหมายเป็นผู้ชายก็จะร้อง ว่า "มหาราชา" ออกเสียงแขกๆ ได้ยินว่า มหาราจาๆๆๆๆๆๆ ซ้ำๆ พร้อมเดินตื้อไม่หยุด ถ้าเป็นผู้หญิง เขาจะเรียก มหารานี ๆๆๆๆๆ (มหาราชา มหารานี ความหมายของเขาคือ ผู้มีอันจะกิน หรือเศรษฐีหรือพวกราชา) คิดดูแล้วกันว่าคนไทยเมื่อถูกยอ มีรึ จะไม่ยิ้มร่า และยอมใจอ่อนทุกคนไป
    มีวันนึง ไปชมพิพิทธภัณพุทศาสนา ที่พาราณสี ไปเข้าห้องน้ำ ยามแขกมันมารอหน้าห้องน้ำเลย พอเราออกมา มันทักทายทันที "ไทยแลนด์" เราก็ "เยส" คิดว่ามันจะมาดี หรือมันชื่นชมคนไทย ที่ไหนได้ มันบอกต่อว่า "รูปี" พร้อมยื่นมือมา ก็เลยต้องจ่ายมันไป 10 รูปี นี่แหละแขก สุดยอดชนชาติที่มุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ (ผมคิดเอาเอง)
    บางทีมากันทั้งครอบครัว มีเครื่องดนตรีเขาเรียกอะไรไม่รู้ มานั่งร้องเพลงเล่นคนตรีแขก พร้อมลูกอ่อนแบเบาะก็มีดูแล้วก็น่าสงสาร ผมอดพูดตลกกะเพื่อนไม่ได้ ว่า "มันจะเอาลูกเอาเมียทำไมว๊ะ เอาแล้วมานั่งขอทาน"(ความหมายคือ มีปัญญาหาลูกหาเมีย แต่มาขอทาน ประมาณนี้คิดตามประสาคนไทย)
    มีวันนึง ผมแกล้งขอทานเล่น เป็นเด็กสักประมาณ 5- 6 ปี มันมาตื้อตั้งแต่เช้าเลย เราหนีขึ้นรถ มันก็มายื่นที่ขางหน้าต่าง "มหาราจาๆๆ" เราเลยให้แบ๊งค์ไทย 20 บาท ตอนแรกมันหายไป แป๊บเดียว มาอีกละ ตอนนี้มาพร้อมกับยื่นเงินแบ๊งค์20มาคืน เราก็แปลกใจ "รึว่า มันไม่เอา" ที่ไหนได้ มันบอกว่า "รูปี ๆๆๆ" มันจะเอาเป็นเงินรูปี ไม่เอาเงินไทย เลยต้องใจอ่อน ยืมเพื่อน 20 รูปี สมน้ำหน้าตัวเอง แทนที่จะเสีย 10 รูปี กรรมตามสนอง (เพราะปกติก็จะให้แค่ 10 รูปี)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010168.JPG
      P1010168.JPG
      ขนาดไฟล์:
      63.2 KB
      เปิดดู:
      114
    • PB040058.JPG
      PB040058.JPG
      ขนาดไฟล์:
      84.2 KB
      เปิดดู:
      91
    • PB0602021.jpg
      PB0602021.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.6 KB
      เปิดดู:
      108
  9. sakuda

    sakuda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +2,214
    555
    มาฝึกสักพัก แล้วก็ไปซื้อกระดานโต้คลื่นเป็นของตัวเองก็ได้ครับ ไปเป็นไกด์พาทัวร์ก้ได้ครับ ผมได้คุยและรู้จักพวกครูฝึกอยู่หลายครั้งหลายคน แทบทุกคนได้เป็นแฟนชั่วคราวของสาวขาวๆครับ (กามาๆ) แถมให้เงินใช้อีก
    ตาร้อนแล้วครับ ขอน้ำแข็งด่วน
     
  10. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,575
    ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าและภาพดีๆ

    รอติดตามครับ..^_^
     
  11. sakuda

    sakuda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +2,214
    ขอบคุณ คุณ Daychar ด้วยครับ สำหรับข้อมูลหลวงพ่อ ขวัญ ปวโร
     
  12. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,575
     
  13. sakuda

    sakuda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +2,214
    ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดีๆ
     
  14. พุทธิวงษ์

    พุทธิวงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,200
    ค่าพลัง:
    +7,879
     
  15. APIRAT

    APIRAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +3,220
    ที่เมืองพาราณสี คือ สถานที่ ที่พระพุทธเจ้า ได้แสดงธรรมจักรกัปวัตนสูตร (เทศกัณฑ์แรก) โปรดปัญจวคคีทั้ง5 จนได้พระรัตนตรัยครบ 3 คือ พระอัญญาโกญทัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมคนแรกเป็นพระสงฆ์องค์แรก ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นที่ทราบกันดีแล้ว
    ที่พาราณสีนี้ เป็นเมืองเก่าแก่มาตั้งแต่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้า และยังคงความเป็นเมืองแบบโบราณมาจนทุกวันนี้ และ ที่สำคัญคือ มีท่าน้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ แห่งหนึ่งของอินเดีย (ท่าน้ำคงคาศักดิ์สิทธิ์มีหลายแห่งในอินเดีย) แต่ที่นี่ เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นที่อาบน้ำ กินน้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ประการต่อมาคือ เป็นที่เผาศพแบบฮินดูที่มีความเชื่อว่า ใช้ไฟศักดิ์ของพระศิวะที่ประทานไว้หลายพันปีไม่เคยดับ (เขามีหอเก็บตะเกียงและรักษาไว้ไม่ให้ไฟดับ) ใครได้มาเผาที่นี่เชื่อว่าจะได้ไปพบเทพเจ้าอย่างแน่นอน
    ที่นี่จะต้องไปดูแต่เช้าตรู่ เมื่อไปถึงจะเห็นคนนับพันนับหมื่นเดินมุ่งตรงไปที่ท่าน้ำนี้ เพื่อลงอาบน้ำ และบางคนก็เอาน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้กลับไปบ้านด้วย ที่มีความหลายหลายแห่งความเชื่อ วันที่ไปก็พบสาวกลัทธิบูชาไฟ มานั่งก่อไฟ ล้อมวงสวดมนต์ ก็มี ที่ท่าน้ำก็มีศพลอยอีดก็มี เขาก็ไม่ได้สนใจ
    ความรู้ใหม่ที่ได้ คือ ที่นี่มีโรงแรมชื่อ มรณังโฮเต็ล เป็นโรงแรมอยู่ติดท่าน้ำดูเคร่งขรึมศักดิ์สิทธิ์ ด้านหน้าเป็นที่เผาศพตามที่ว่าไปแล้ว คนรวยเท่านั้นที่จะได้มาอยู่โรงแรมนี้ และได้เผาศพที่นี่ คนจนหมดสิทธิ์ (คนจนเขาเผาริมแม่น้ำที่ไหนก็ได้ ก่อนเผา เอาศพจุ่มน้ำ 3 ครั้ง ร้องเรียกหาพระเจ้า แล้วก็เผาง่ายๆ เสร็จแล้วกวาดเถ้าลงน้ำไป จบเรื่อง ช่วงที่ไปนั้นก็เจอหลายศพ ระหว่างทาง)
    ชาวอินเดียเขานับถือเทพเจ้ามากมาหลายองค์ ทั้งเจ้าแม่กาลี แม่พระอุมา พระราม หนุมานพระพรหม พระนารายณ์ พระวิษนุ ฯลฯ เรียกว่าอิสระเสรีเรื่องนี้ ใครนับถือสิ่งใดองค์ใด ก็จะมีการจัดที่บูชาหรือติดรูปไว้หน้าบ้าน ปีหนึ่งก็จะมีการจัดงานใหญ่ พร้อมใจกันบูชาทั้งเมืองเรียกว่า ถ้าไปเจอช่วงเขาบูชา รถติดไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ช่วงที่ไปนั้นเขามีงานบูชาพระแม่กาลี รถติด3ชม ไม่มีทางเบี่ยง ทางลัดอะไรทั้งนั้น ต้องนั่งนอนบนรถจนกว่าจะผ่านไปได้ ไกด์เขาแซวว่า เป็นการฝีกขันคิ และ อุเบกขา บารมี
    ฟังแค่ชื่อโรงแรมคงไม่มีใครอยากไปพักแน่นอน ถึงให้นอนฟรีก็ไม่เอา แต่มันมีความหมายมากสำหรับชาวฮินดู คนที่มาอยู่โรงแรมนี้คือ คนชรา ที่พร้อมจะตาย(เขาไม่กลัวตาย) ต้องการมาอยู่เพื่อได้ใกล้ชิดเทพเจ้า สวดมนต์ถึงพระเจ้า และตายที่นี่เพื่อทำพิธีเผาด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ และกวาดเถ้าอังคารลงแม่น้ำศักดิ์ศิทธิ์....ฟังแล้วต่างกะคนไทย ที่ส่วนใหญ่จะกลัวความตาย แต่แขกไม่กล้ว...เพราะเป้าหมายเขาคือ ต้องการไปอยู่กับเทพเจ้าที่ศรทธาที่สุดในชีวิต (เป็นข้อมูลจากไกด์)
    ในรูปจะเห็นภาพศพลอยน้ำอยู่บริเวณท่าน้ำด้วย ด้านหลังที่เป็นโดมยอดแหลม นั่นแหละโรงแรมมรณัง อยู่ติดกับวิหารของเทพเจ้าศักดิ์ศิทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB0903731.jpg
      PB0903731.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.3 KB
      เปิดดู:
      95
    • PB0903791.jpg
      PB0903791.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      97
    • PB0903861.jpg
      PB0903861.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73 KB
      เปิดดู:
      127
    • PB0903911.jpg
      PB0903911.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.8 KB
      เปิดดู:
      110
    • PB090380.JPG
      PB090380.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74.3 KB
      เปิดดู:
      114
    • P1010244.JPG
      P1010244.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74.7 KB
      เปิดดู:
      110
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2010
  16. เทพทอง

    เทพทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +1,155
    เคล็ดบูชาพระสังกัจจายน์ให้มีโชคลาภร่ำรวย (Coppy มาครับ)

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ชาวพุทธกราบไหว้สักการบูชาพระสังกัจจายน์เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล[/FONT][FONT=&quot] 3[/FONT][FONT=&quot]ประการแก่ตนเองและครอบครัว[/FONT][FONT=&quot]ดังนี้[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]1. [/FONT][FONT=&quot]โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์[/FONT][FONT=&quot]พระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องให้เป็นพระผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์[/FONT][FONT=&quot]และลาภสักการะเสมอด้วยพระสิวลี[/FONT][FONT=&quot]รูปลักษร์ท่านแสดงถึงความมีลาภพูนทวี[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]2. [/FONT][FONT=&quot]สติปัญญา[/FONT][FONT=&quot]เนื่องเพราะพระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต[/FONT][FONT=&quot]ท่านเป็นอรหันต์ผู้มีปฎิภาณเฉียบแหลม[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]3. [/FONT][FONT=&quot]ความงามและความมีเสน่ห์เป็นเมตตามหานิยม[/FONT][FONT=&quot]เนื่องจากเพราะก่อนที่ท่านจะอธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง[/FONT][FONT=&quot]พระสังกัจจายน์มีผิวดั่งทองคำและมีรูปงามละม้ายเหมือนพระพุทธเจ้า[/FONT][FONT=&quot]จนแม้แต่เทพยดา[/FONT][FONT=&quot]พรหม มนุษย์ทั้งปวงพากันรักใคร่ชื่นชม[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เคล็ดการบูชา[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ในการบูชาพระสังกัจจายน์นั้นบูชาด้วยธูป[/FONT][FONT=&quot] 3[/FONT][FONT=&quot]ดอก พร้อมดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมต่างๆ[/FONT][FONT=&quot]หรือดอกบัว๗ดอก มิว่าจะบูชาด้วยดอกใดให้ใช้[/FONT][FONT=&quot] 7[/FONT][FONT=&quot]ดอก และควรบูชาสองเวลาคือเช้าก่อนไปทำงานและเย็นก่อนนอน[/FONT][FONT=&quot]เพื่อขอให้ท่านประสาทพรโชคลาภพูนทวี[/FONT][FONT=&quot]และมีเคล็ดอย่างนึงว่าพระสังกัจจายน์นั้นหากบูชาไว้ในบ้านให้ปิดทองที่พุงของท่านเชื่อว่าจะมีลาภไหลมาไม่ขาดสายครับ[/FONT][FONT=&quot]ในตอนเช้าให้กล่าวคำบูชาท่านดังนี้ครับ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]คาถาบูชา[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]กัจจานะ จะ[/FONT][FONT=&quot]มหาเถโร พุธโธ[/FONT][FONT=&quot]พุทธานัง พุทธะตัง พุทธัญจะ พุทธะ สุภา[/FONT][FONT=&quot]สิตัง พุทธะตัง สะมะนุปปัตโต[/FONT][FONT=&quot]พุทธะ โชตัง[/FONT][FONT=&quot]นะ มามิหัง ปิโยเทวะ มะนุสสานัง ปิโยพรหม[/FONT][FONT=&quot]นะ มุตตะโม ปิโยนาคะ[/FONT][FONT=&quot]สุปันนานัง[/FONT][FONT=&quot]ปิยินทะริยัง นะ มามิหัง สัพเพชะนา พะหูชะนา[/FONT][FONT=&quot]ปุริโสชะนา อิถีชะนา[/FONT][FONT=&quot]ราชาภาคินิ[/FONT][FONT=&quot]จิตตัง อาคัจฉาหิ[/FONT][FONT=&quot]ปิยังมามะฯ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]และขอให้พรว่าจะไปทำงานให้อะไรก็ว่าไปตามใจปรารถนา[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]และเมื่อกลับบ้านก่อนอนให้สวดบูชาท่านด้วยบทนี้ครับ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]คาถาบูชาขอลาภ[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]สวดบทนี้ได้ทุกวันก่อนนอนเพื่อสิริมงคล[/FONT][FONT=&quot])[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]กัจจายะนะ มะหาเถโร[/FONT][FONT=&quot]เทวะตานะระ ปูชิโต โสระโห[/FONT][FONT=&quot]ปัจจะยาทิมหิ[/FONT][FONT=&quot]มะหาลาภัง ภะวันตุ เม[/FONT][FONT=&quot]
    ลาเภนะ อุตะโมโหติ[/FONT]
    [FONT=&quot]โสระโห ปัจจะยาทิมหิ[/FONT][FONT=&quot]มะหาลาภัง[/FONT][FONT=&quot]สัพพะลาภา สะทาโสตถิ ภะวันตุ เม[/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT][FONT=&quot]และขอท่านว่าเราประสงค์สิ่งใด[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ในส่วนการไปไหว้พระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ที่วัด[/FONT][FONT=&quot]นั้นควรมี ดอกบัว๑ดอก[/FONT][FONT=&quot]ธูป๓ดอก และทองคำเปลวสามแผ่น[/FONT][FONT=&quot]แผ่นที่๑ปิดที่หน้าผากขอพรให้มีปัญญาเฉียบแหลมแบบท่าน[/FONT][FONT=&quot]แผ่นที่๒ปิดที่ปากท่านเพื่อขอให้เกิดเมตตามหานิยม[/FONT][FONT=&quot]แผ่นที่๓ปิดที่พุงเพื่อขอลาภไหลมาพูนทวีแล้วกล่าวคาถา[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]คาถาบูชาขอลาภ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]กัจจายะนะ มะหาเถโร[/FONT][FONT=&quot]เทวะตานะระ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ[/FONT][FONT=&quot]มะหาลาภัง[/FONT][FONT=&quot]ภะวันตุ เม[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ลาเภนะ อุตะโมโหติ[/FONT][FONT=&quot]โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง สัพพะลาภา[/FONT][FONT=&quot]สะทาโสตถิ[/FONT][FONT=&quot]ภะวันตุ เม[/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT][FONT=&quot]เสร็จแล้วให้เอามือบีบเข่าท่านและขอพร[/FONT][FONT=&quot]ทำไมต้องบีบเข่าพระสังกัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]เพราะมีเรื่องเล่าว่าพระอินทร์จะหมดบุญจากเทวโลก[/FONT][FONT=&quot]ไม่อยากลงมาเกิดอีก[/FONT][FONT=&quot]ไปกราบพระโมคคัลาน์ท่านก็แนะนำไม่ให้พระอินทร์ลงมาเกิดไม่ได้จะไปถามพระพุทธเจ้าพระองค์ก็ทรงไปปลีกวิเวกส่วนพระองค์[/FONT][FONT=&quot]พอดีพระอินทร์นึกขึ้นได้ว่าพระสังกัจจายน์ท่านมีปัญญาเฉียบแหลมต้องรู้แน่ๆๆ[/FONT][FONT=&quot]จึงเสด็จไปหาพระสังกัจจายน์[/FONT][FONT=&quot]พอพบท่านพระอินทร์ก็ตรงไปบีบเข่าถวายแก้ปวดเมื่อยท่าน[/FONT][FONT=&quot]พระสังกัจจายน์ท่านใช้ญาณดูก็รู่ว่าพระอินทร์มาด้วยเรื่องอะไร[/FONT][FONT=&quot]ท่านเห็นว่าพระอินทร์เป็นผู้นอบน้อม[/FONT][FONT=&quot]จึงแนะให้พระอินทร์ต่อบุญด้วยการใส่บาตรพระมหากัสสปะขณะออกจากนิโรธสมาธิเพราะอานิสงส์แรงมาก[/FONT][FONT=&quot]พระอินทร์กราบลาและไปทำตามปรากฏว่าพระอินทร์ก็ต่อบุญได้อีกไม่ต้องจุติจากสวรรค์มาเกิดอีก[/FONT][FONT=&quot]จึงเป็นเคล็ดที่เวลาไปกราบพระสังกัจจายน์ใหญ่ๆๆตามวัดต้องบีบเข่า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]สำหรับเคล็ดและประวัติพระอินทร์ในการบีบเข่าพระสังกัจจายน์นั้นได้ตำรับ[/FONT][FONT=&quot]มาจากหลวงพ่อสุรินทร์[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]ศิษย์ครูบาเจ้าเกษม[/FONT][FONT=&quot])[/FONT][FONT=&quot]เจ้าอาวาส[/FONT][FONT=&quot]วัดปราสาทนครหลวง[/FONT][FONT=&quot]ท่านได้เมตตาบอกเคล็ดแล้วเล่าให้ฟัง[/FONT][FONT=&quot]ส่วนตัวผู้เขียนทำแล้วรู้สึกดีเลยบอกต่อครับ[/FONT][FONT=&quot]ส่วนเคล็ดการไหว้พระสังกัจจายน์ที่บ้านหลวงปู่แย้ม[/FONT][FONT=&quot]ฐานยุตโตบอกว่าหลวงปู่เต๋[/FONT][FONT=&quot]คงทองท่านได้บอกญาติโยมครับ[/FONT][FONT=&quot]
    ที่มา[/FONT][FONT=&quot]www.buddhakhun.org[/FONT]

    [FONT=&quot] <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]-->[/FONT]
     
  17. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    เรื่องนี้น่ากลัว..เหมือนกันนะครับแต่...ผมชอบประสุดท้ายมากกว่า...อิอิ(deejai)
     
  18. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    คาดตาดำที่หน้า เหมือนไปทำความผิดมาเลยนะครับพี่....
    ไม่โชว์หน้าตาอันเป็นอาวุธ ให้บาดใจหนุ่มๆ ในกระทู้สักหน่อย
    จะได้กระชุ่มกระชวยแข่งกับฝนหน่อย
     
  19. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    มรณังโฮเต็ล โอ้บะๆ ซู๊ดหย๊อด :cool:
     
  20. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    สุดยอดเลย

    เป็นความรู้อีกแล้วชอบมากเลยครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...