ขอถามถึงที่มา"มโนมยิทธิ"ครับ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย earn1, 5 สิงหาคม 2010.

  1. earn1

    earn1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +651
    ขอถามถึงที่มา" มโนมยิทธิ"ครับ

    รู้ไหมว่ามโนมยิทธิมีที่มาจากไหน?
     
  2. nutt_nst

    nutt_nst เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,470
    มโนมยิทธิเป็นวิชาที่มาจากพระพุทธเจ้าครับ มีมาตั้งแต่พุทธกาลแล้วครับ เพียงแต่หลวงพ่อฤาษีได้ดัดแปลงมาเป็นแบบครึ่งกำลังซึ่งเหมาะกับกำลังใจของคนในปัจจุบันมากกว่า

    เดี๋ยวให้ท่านอืนมาเสริมเรื่อยๆนะครับ
     
  3. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    มโนมยิทธิ มีที่มาจากการเจริญศีล(การไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เศร้าหมอง) สมาธิ(ความแน่วแน่) ปัญญา(ความสามารถพิจารณาผิดและถูก)และระงับนิวรณ์ในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยมากใช้อารมณ์ฌาณในการระงับนิวรณ์
    ถ้าสามารถระงับนิวรณ์ได้ในช่วงสั้นๆ มโนมยิทธิก็มีกำลังอ่อนๆ ถ้าสามารถระงับนิวรณ์ได้นานยิ่งขึ้น มโนมยิทธิก็อาจจะมีกำลังรุนแรงถึงขั้นพัฒนาเป็นอภิญญา

    มโนมยิทธิ ก็เป็นอีกวิชาหนึ่งที่พระพุทธเจ้าถ่ายทอดให้กับผู้ที่สนใจอยากจะฝึก

    ในปัจจุบันก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านสอนวิชานี้อยู่ โดยในเบื้องต้น ท่านเองก็ไม่ทราบว่ามันคือมโนมยิทธิ ท่านรู้แต่เพียงว่า
    ขณะที่ปวดท้องด้วยอหิวาต์กำเริบหนัก "ท่านภาวนาพุทโธ พร้อมกับคิดถึงภาพพระที่ท่านชอบ จนกระทั่งท่านได้มายืนอยู่ข้างๆร่างกายของตนเองและหลงคิดว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว ที่จริงเป็นอาการของมโนมยิทธิเต็มกำลังของเก่าของท่านที่ติดมา

    ต่อมาหลายปี หลวงพ่อท่านได้รู้จักกับอาจารย์ทองสุขด้วยความบังเอิญ และได้เรียนวิชามโนมยิทธิเต็มกำลังแบบรวบรัดจากอาจารย์สุข ซึ่งหลวงพ่อท่านก็ได้นำมาใช้สอนลูกศิษย์อยู่พักใหญ่ ในระยะแรกๆ ใครฝึกก็ได้หมด ช้าสุดไม่เกินสามวันก็ฝึกสำเร็จ ระยะหลังๆมาเริ่มจะฝึกไม่สำเร็จกัน จนหลวงพ่อท่านเริ่มท้อ และคิดจะเลิกสอนมโนมยิทธิ แล้วหันมาสอนแบบสุขวิปัสสิโกแทน จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย

    พระองค์ยิ้มจึงตรัสกับหลวงพ่อว่า เลิกสอนไม่ได้ ต้องสอนต่อไป ที่ฝึกไม่สำเร็จนั้นเพราะคนสมัยนี้สัญญา(ของเก่าที่ติดตัวมาแต่อดีตชาติ)กับปัญญา(ความสามารถในการพิจารณาผิดชอบชั่วดี) มันเสื่อมลง และมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังนี้ก็ใช้กำลังสูงมากคือฌาณสี่ละเอียด พระท่านจึงแนะนำให้ลดกำลังลงมาเหลือแค่อุปจารสมาธิแทนเพราะเป็นกำลังที่อ่อนมาก เรียกกันทั่วไปว่ามโนมยิทธิครึ่งกำลัง

    ขอเพิ่มเติมนอกเรื่องนิดหน่อย

    เรื่องสัญญา คงไม่ต้องสงสัยมาก เอาเป็นว่ามันคือของเก่าที่ติดตัวมาแต่อดีตชาติ ถ้าชาติก่อนๆได้ใช้หรือใช้บ่อย สัญญาก็ยังคงแจ่มชัด แต่ถ้าไม่ได้ใช้มาหลายชาติ(ความจริงแค่หลายวันก็ลืมจะแย่) มันก็ลืมเลือนกันไป

    แต่เรื่องปัญญาอาจจะยังสงสัย ก็ลองคิดง่ายๆว่า
    เคยคิดเข้าข้างตัวเองมั้ยว่า
    "ดื่มเพื่อเข้าสังคม นานๆครั้ง ผิดด้วยเหรอ"+"ก็งานวิจัยเขาให้ดื่มเบียร์วันละสองแก้วเพื่อบำรุงหัวใจ ผิดด้วยเหรอ"
    "เอากำไร ดอกเบี้ย แป๊ะเจี๊ยนิดๆหน่อยๆ ผิดด้วยเหรอ"
    "ยุงกัดเลยตบมันตาย ผิดมากนักเหรอ แล้วยุงมันกัดเรามันไม่บาปหรือไง"
    "ก็แฟนคนอื่นเค้ามาสนใจเราเอง ไม่เกี่ยวกับเรานี่"
    "โกหกเพื่อธรรมทาน ผิดด้วยเหรอ(โกหกแล้วยังเอาธรรมเป็นข้ออ้างอีก)"

    คุณหาคำตอบให้กับสถานการณ์ทั้งหมดที่ว่าไปนี้ได้หรือเปล่าล่ะ นั่นแหละ ความสามารถในการพิจารณา
     
  4. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291


    ที่มาของ มโนมยิทธิ
    (คัดลอกพอเข้าใจ ในบางส่วน)

    ความรู้ดังกล่าว (มโนมยิทธิ) นี้ผม(หลวงพ่อฤาษี ฯ)ไปได้มาจาก "อาจารย์สุข" ซึ่งท่านเป็นฆราวาสบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรแปลกใจไหมครับ ที่ผมยอมตัวไปเป็นลูกศิษย์ฆราวาส ท่านอาจจะแปลกใจถ้าท่านมีมานะทิฐิ ถ้ามีมานะถือตัวถือตนละก็ท่านแปลกใจแน่ คิดว่าพระไม่ควรจะน้อมตนไปเป็นลูกศิษย์ฆราวาส แต่ว่าคนอย่างผมซะอย่าง ผมยังไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนดี ยังมีความรู้สึกว่าผมเลว และก็ผมโง่ ทั้งนี้เพราะอะไร ผมโง่จริง ๆ ผมกินข้าวที่ญาติโยมเลี้ยง

    สถานที่อยู่อาศัยญาติโยมหาให้ ผ้าผ่อนท่อนสไบญาติโยมให้ ยารักษาโรค หมอรักษาโรค โยมก็ให้ แต่ว่าผมเป็นคนจัญไร ไม่สามารถจะสนองกำลังใจของญาติโยมให้เข้าใจสวรรค์ นรก จริง ๆ ได้ ฉะนั้น ผมถือว่าในเมื่อผมยังเลวอยู่ ถ้าใครเขาดีกว่าผม ผมก็ยอมรับท่านเป็นครู ผมเคยรับคำแนะนำของเด็กอายุแค่ ๑๒ ปีเธอให้เหตุให้ผลนี่ผมเชื่อ และเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่ใครเป็นลูกศิษย์ผมเอง
    <O:p
    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร นิสัยผมเป็นอย่างนี้ แต่ทว่าถ้าใครมาเบ่ง อวดเลว ไม่ใช่อวดดีนะ อันนี้ผมยอมไม่ได้ คำว่ายอมไม่ได้ไม่ใช่หมายความว่าจะไปชวนตีกับเขา ผมก็ไม่ยอมรับคำแนะนำของเขา คนผู้นั้นต้องมาแบบดี มาตามลีลาของพระพุทธเจ้า อันนี้ผมยอมรับ ฉะนั้นความรู้นี้ต้องถือว่าเป็นประวัติส่วนหนึ่งของผม<O:p
    <O:p
    ขณะที่ผมไปพบท่านอาจารย์สุข มันเป็นการบังเอิญจริง ๆ ครับ เอายังงี้ก็แล้วกัน อาจารย์สุขเวลานั้นท่านก็ดื่มเหล้า เป็นเรื่องแปลก คนที่กินเหล้าวงเดียวกันนั่นแหละเกิดท้าทายกันขึ้น บอกว่า
    <O:p
    "ไอ้สุข" (ขอประทานอภัยผมไม่เรียกท่านอย่างนั้นนะ นี่ตามคำที่ได้ยินมา) "เขาว่ามึงสอนคนไปสวรรค์ ไปนรกได้ใช่ไหม"<O:p
    อาจารย์สุขบอกว่า "ใช่" คนนั้นเขาบอกว่า "กูไม่เชื่อ กูไม่เชื่อว่าสวรรค์มี นรกมี และกูก็ไม่เชื่อว่าความสามารถในคำสอนของมึง"<O:p
    เอาเข้าแล้วไหมล่ะ เมื่อเกิดการท้าทาย อาจารย์สุขก็บอกว่า
    <O:p
    "ถ้าหากว่ากูสอนให้มึงเห็นนรกได้ หรือว่าเห็นสวรรค์ได้มึงจะยอมเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดไหมล่ะ"<O:p
    นี่เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกนะครับ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วคนนั้นเขาก็ยอมโดยบอกว่า<O:p
    "ถ้ามึงทำให้กูไปไม่ได้มึงต้องเสียเหล้าให้กู ๑ ขวดด้วยนะ"
    <O:p
    ทั้งสองเกิดท้าทายกัน เขาหันหน้ามาทางผมแล้วพูดว่า "พระคุณเจ้าเป็นพยานด้วยนะครับ" ผมก็เลยนึกว่าดีวันนี้เป็นกรรมการขี้เมา แต่ไม่ได้เมากับเขา
    <O:p
    เป็นอันว่าท่านอาจารย์สุขก็สั่งให้หาดอกไม้มา ๓ ดอก เอาเทียนที่เขาบูชาพระที่เรียกว่าเทียนหนักบาท (ความจริงมันหนักไม่ถึงบาท) มาหนึ่งเล่ม และใช้สตางค์หนึ่งสลึงยกครู และใช้เหล้าหนึ่งขวด เอ...แปลก
    <O:p
    ผมก็นั่งนึกในใจว่า เออ... ไอ้เรื่องพรรค์อย่างนี้มันไม่น่าจะมีเหล้ามียา แต่ก็นั่งดูเขาจะทำยังไงกัน ต่อมาท่านอาจารย์สุข ก็ไปกลิ้งครกตำข้าวมา ครกตำข้าวนี่ผู้ฟังจะเข้าใจหรือไม่ผมไม่อธิบายละ ท่านให้คนนั้นนั่งที่ครกตำข้าวนั่น แล้วก็ให้ภาวนาว่า "นะ มะ พะ ธะ" อันนี้แปลก ไม่มีพิธีกรรมอะไรเลย หลังจากนั้นท่านก็ใช้น้ำมนต์พรม

    เมื่อพรมน้ำมนต์แล้ว ท่านก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ ท่านบอกว่า ท่านภาวนาว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" เป็นการควบคุม หลักจากนั้นสักครู่หนึ่ง ท่านก็เอาธูปหอมมาจุด ให้ควันธูปโรยใกล้ ๆ จมูกคนนั้นให้ได้กลิ่นหอม แล้วเอากระดาษจุดไฟช่วยแสงสว่างไปส่องข้างหน้า ไม่ใช่ถึงเนื้อนะ ท่านถามว่า<O:p
    "สว่างแล้วหรือยัง?" คนนั้นก็บอกว่า "สว่างแล้ว"
    <O:p
    ท่านอาจารย์สุขถามว่า "เห็นแสงขาว ๆ พุ่งลงมามีไหม หรือแสงสว่างพุ่งออกไปมีไหม?"<O:p
    คนนั้นตอบว่า "เห็นแสงสว่างพุ่งลงมาจากข้างบน"<O:p</O:p
    ท่านอาจารย์สุขก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจพุ่งกายไปตามแสงทันที"<O:p</O:p
    คนนั้นบอกว่า "เวลานี้ออกจากกายแล้ว"<O:p</O:p
    ท่านอาจารย์สุขบอกว่า "ถ้างั้นตั้งใจไปนรก"<O:p</O:p
    คนนั้นตอบว่า "เวลานี้ถึงนรกแล้ว"
    <O:p</O:p
    และเขาก็อธิบายความเป็นไปของนรกถูกต้องตามไตรภูมิและก็ถูกต้องตามที่ประสบมาตามพระบาลี ผมฟังแล้วก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ ก็เป็นอันว่าไป ๆ มา ๆ คนนั้นพบนรกหลายขุมตามที่เราเข้าใจ ผมก็แปลกใจเรื่องอย่างนี้ พระมีศีลแท้ ๆ ไปไม่ได้ แต่คนขี้เหล้าเมายาไปได้<O:p</O:p
    แล้วต่อมาคนนั้นก็ร้องบอกว่า "อยากจะพบคุณปู่ที่ตายไปแล้ว"<O:p</O:p
    ท่านอาจารย์สุขก็บอกว่า "นึกถึงพระยายมท่าน เชิญท่านมาสงเคราะห์"<O:p</O:p
    คนนั้นตอบมาว่า "เวลานี้ท่านพระยายมมายืนข้าง ๆ แล้ว"
    <O:p</O:p
    ท่านอาจารย์สุขบอกว่า "ให้ถามท่านว่า คุณปู่ (ชื่อนั้นชื่อนี้ ตายไปเมื่อไร)เวลานี้อยู่ในนรกไหม?"<O:p</O:p
    ก็ปรากฏว่าคนนั้นบอกมาว่า "พระยายมท่านบอกว่า ในนรกไม่มีคนนี้และคนนี้เมื่อมีชีวิตอยู่มีความดีมาก ประการที่สอง คนนี้มีศีล ๕ ครบถ้วนมานานเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี แล้วก็มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง คนนี้มีจิตอยากจะไปนิพพาน"
    <O:p</O:p
    ท่านอาจารย์สุขก็ให้ถามท่านพระยายมว่า "ท่านไปนิพพานหรือยัง?"<O:p</O:p
    ท่านพระยายมบอกว่า "ยัง คนนี้ไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต เพราะก่อนจะตายเป็นพระโสดาบัน"<O:p</O:p
    คนนั้นก็ถามว่า "พระโสดาบันมีความประพฤติอย่างไรบ้าง"
    <O:p</O:p
    พระยายมท่านก็บอกว่า<O:p</O:p
    ๑. มีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้มันจะต้องตาย คือไม่ประมาทในความตาย<O:p</O:p
    ๒. เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์จริง<O:p</O:p
    ๓. มีศีล ๕ บริสุทธิ์<O:p</O:p
    ๔. คิดต้องการจุดเดียวคือ นิพพาน
    <O:p</O:p
    ถ้ามีความประพฤติอย่างนี้เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้วบาปกรรมทั้งหมดจะไม่สามารถลงโทษต่อไปอีก ถ้าไปถึงพระนิพพานไม่ได้ ก็อยู่ชั้นดุสิต ต่อไปก็สามารถฟังเทศน์จากพระศรีอาริยเมตไตรยจบเดียวก็เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานเลย<O:p</O:p
    แล้วคนนั้นก็เลยหันไปถามท่านว่า "คนอย่างผมจะเป็นพระโสดาบันได้ไหม?"
    <O:p</O:p
    เสียงบอกว่า พระยายมท่านบอกมาว่า "อย่างนี้มันเป็นไม่ได้หรอก อย่างนี้ต้องเป็นสัตว์นรก เพราะการที่จะมานี่ก็กินเหล้ามา เหล้านี่กินเฉย ๆ ไม่มีโทษอย่างอื่นก็ต้องตกโลหะกุมภีแล้ว" ท่านก็ชี้ให้ดูโลหะกุมภี คนนั้นเรื่อง "ว้าก ตายแล้ว"<O:p</O:p
    พระยายมบอกว่า "เหล้าเฉย ๆ นะ กินเหล้าเฉย ๆ ถ้ากินเหล้าแล้วโกหกมดเท็จด้วยก็ยังมีอีกขุมหนึ่ง กินเหล้าแล้วทำร้ายคนอื่นด้วยก็มีอีกขุมหนึ่ง ถ้าบาปหนักกว่านี้ต้องลงนรกขุมใหญ่ อันนี้เป็นนรกเล็ก ๆ เศษ ๆ นรก เขาเรียกว่า ยมโลกียนรก"<O:p</O:p
    เสียงคนนั้นบอกมาว่า "เวลานี้ก้มลงการบพระยายมว่า ถ้าผมจะเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์ และปฏิบัติตนอย่างปู่นี่จะไปเหมือนปู่ได้ไหม?"
    <O:p</O:p
    พระยายมท่านก็บอกว่า "ได้ ทำไมจะไม่ได้ ให้ลืมความชั่วทั้งหมดปาณา อทินนา กาเม มุสา สุรา ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดเลิกกัน ไม่คิดถึงมัน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ลืมคิดว่าสักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะตาย ถ้าเราตายแล้วไม่ยอมมานรกอย่างที่ยืนอยู่ที่นี่ มันทุกข์ เราไม่ต้องการ เราต้องการไปจุดเดียว คือ นิพพาน ถ้าไปสวรรค์หรือพรหม หมดบุญวาสนาบารมีต้องพุ่งหลาวลงนรก เพราะบาปเก่าที่มีอยู่ฉะนั้นมุ่งอย่างเดียวคือไปนิพพาน อารมณ์อย่างนี้ถ้าทรงตัว เขาเรียกพระโสดาบันบาปทั้งหมดอย่างที่ทำมาแล้วไม่ทำต่อไป"
    <O:p</O:p
    รวมความว่าท่านคุยกันอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ ผมก็จะขอระงับไม่พูดมากละ เป็นอันว่าคนนั้นก็ถอนตัวกลับจุดเดิมแล้วลุกขึ้นกราบอาจารย์สุขแล้วขอมอบเหล้าพิเศษ เงินค่าเหล้าให้ เขาหันมาทางผมบอกว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขึ้นชื่อว่าศีล ๕ ผมจะมีครบถ้วนครับ และผมจะไม่ลืมความตาย ผมเห็นนรกแล้วไม่ไหว ไอ้เหล้านี่ โอ้โฮ ผมกินหน่อยเดียว คนในนรกเบียดกันครึ่บ ๆ อันนี้ไม่ไหวจริง ๆ
    <O:p</O:p
    ปรากฏว่านับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา วันนั้นเขาให้อาจารย์สุข อาจารย์สุขก็เลิกกินเหมือนกัน นี่ความจริงอาจารย์สุขท่านทำได้น่าจะเลิกกินเหล้าบ้างแต่ปรากฏว่าอาศัยคนนั้นเป็นเหตุให้อาจารย์สุข ๆ ก็ไม่กินเหล้าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาและก็ไม่ละเมิดศีล ๕<O:p</O:p
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ของดีย่อมมีในทุกที่ทุกสถาน ถ้าเราจะประณามคนเมาว่าเลวมันก็ไม่ถูก ความดีเขามีอยู่ ตอนนี้ผมเป็นพระนี่ครับ ผมมีความรู้สึกตัวว่าผมนี่เลวกว่าคนเมา และชาวบ้านเขาไหว้ผม ผมไม่ได้ไหว้ชาวบ้าน ความรู้กระจ้อยร่อยเพียงเท่านี้ผมไม่สามารถจะมีมาแจกญาติโยมพุทธบริษัท นี่ผมเลวมาก ผมมีความรู้สึกเวลานั้น เมื่อก่อนผมก็รู้สึกว่าเลวอยู่แล้ว แต่ทว่าไอ้ตอนนั้นรู้สึกเลวหนักขึ้น
    <O:p</O:p
    นี่แหละบรรดาท่านทั้งหลาย ผมก็ยอมรับตามความเป็นจริงว่า ผมเลวและผมก็พยายามเปลื้องความเลว เปลื้องได้นิด ๆ หน่อย ๆ ความจริงผมก็มีความรู้สึกว่าความรู้มโนมยิทธิ ที่ผมให้ญาติโยมพุทธบริษัท ยังน้อยกว่าความดีของบรรดาญาติโยมที่สงเคราะห์ผม (อาตมาก็ขอประทานอภัยแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่นั่งที่นี่ประมาณ ๒๐๐ คนเศษ วันนี้น้อยหน่อยนะ ขออภัยที่สนองคุณญาติโยมได้ไม่เป็นไปตามความประสงค์อันนี้ต้องขออภัยนะ) และก็ทุกคนตั้งใจปฏิบัติ แม้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ ขอสนองคุณได้บ้างก็พอควรนะ เพราะถือว่าดีพอ
    <O:p</O:p
    เป็นอันว่าสำหรับวันนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย มองเวลาไปมันก็เหลือ ๒ นาที ผมตั้งใจว่าจะพูดอีกอันหนึ่งที่มีประสบการณ์มา ซึ่งก็เป็นเรื่องของผม แล้วก็ตัดสินใจว่าเอาละขอเป็นลูกศิษย์อาจารย์สุข แต่ว่าผมกินเหล้าไม่เป็นมาตั้งแต่เกิด ไม่มีเหล้าเป็นอาชีพ เรื่องเหล้าเป็นอาชีพนี่ไม่เอาแน่ แต่ว่าเวลายกครูท่านแปลกที่มีเหล้าด้วย แต่สำหรับผมเรียน เวลาไหว้ครู อาจารย์สุขท่านไม่ต้องการเหล้าเลย ไม่มีสุรายาเมา ไม่มีอะไรทั้งหมด แม้จนกระทั่งยาสูบเอง ท่านก็เลิกเมา ดีมากนะ นี่วันหลังนะ ความจริงวันนั้นก็ขอเรียนจากท่าน เห็นผลแล้วนี่ เมื่อขอเรียนจากท่าน ท่านก็ขอร้องว่า วันหลังเถอะครับ วันพรุ่งนี้ ผมจะแนะนำให้
    <O:p</O:p
    เอาละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย เป็นอันว่าวันรุ่งขึ้นท่านก็มา แต่มาแล้วจะพูดอะไรกันได้ล่ะ สัญญาณบอกหมดเวลาปรากฏแล้ว เทปบันทึกเสียงจะหมดหน้าแล้ว ก็ขอหยุดก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่ท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี

    อ้างอิง หนังสือ มโนมยิทธิและประวัติ ของฉัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 สิงหาคม 2010
  5. earn1

    earn1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +651
    ขอบคุณครับผมเคยอ่านมาบ้างแต่ดับลืมสงั่นหนะครับหาไม่เจอเลยมาถาม อนุโมทนาครับ
     
  6. junnyuu

    junnyuu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +92

    อนุโมทนาสาธุ เป็นอย่างสูงครับ

     
  7. ปุณณา

    ปุณณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +556
    อยากฝึกมโนมยิทธิบ้างคะ ต้องไปวัดท่่าซุงที่เดียวเหรอคะ
    แล้วคนที่จะฝึกต้องมีคุณสมบัติอย่างไร แล้วฝึกแล้วจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
     
  8. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ถ้าอยู่กรุงเทพ ให้รอต้นเดือนหน้าครับ จะมีการฝึกพระกรรมฐานตามแนวทางมโนมยิทธิที่บ้านซอยสายลม

    วันที่ ๔, ๕ ก.ย. ฝึกมโนมยิทธิ ตั้งแต่เวลา ๑๒.๓๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น.

    ที่มา :
     
  9. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ถ้าอยู่กรุงเทพ ให้รอต้นเดือนหน้าครับ จะมีการฝึกพระกรรมฐานตามแนวทางมโนมยิทธิที่บ้านซอยสายลม

    วันที่ ๔, ๕ ก.ย. ฝึกมโนมยิทธิ ตั้งแต่เวลา ๑๒.๓๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น.

    ที่มา : �Ѵ�ѹ����� (��ҫا) - ��˹�����Թ�ҧ��Чҹ�Ѵ��ҫا ��ʹ�� �.�.2553
    ------------------------------------------------------

    สำหรับบ้านซอยสายลม จะตั้งอยู่ภายในซอยพหลโยธิน ๘ ปากทางเข้าเป็นตึกชินวัตร ทางด้านขวาเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต

    ถ้ากลัวเดินไม่ถูก สามารถนั่งรถมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยได้ บอกเขาว่า "ไปบ้านหลวงพ่อ" ค่ารถ ๑๐ บาทครับ

    พอลงจากรถ จะสังเกตเห็นตึกสีขาว ๆ ที่ไม่ใช่บ้านพักอาศัย(เห็นความแตกต่างได้ชัดเจน) เป็นตึกสามชั้น ให้เดินเข้าไปที่ตึกนี้(ถ้าต้องการฝึกมโนฯ)

    แต่ถ้าต้องการทำบุญด้วย ใ้ห้เดินเลยไปอีกนิดจะมีทางเข้าบ้านซอยสายลมครับ
    --------------------------------------------------------------------


    ผู้ฝึกต้องมีคุณสมบัติ

    ๑..มีความเคารพในพระรัตนตรัย

    ๒..มีศีล ๕ บริสุทธิ์ (ไม่ต้องกังวลว่าจะฝึกไม่ได้ เพราะเขาจะให้สมาทานศีลก่อนฝึกอยู่แล้ว แต่หลังฝึก ถ้าอยากจะให้ผลของการฝึกออกมาดี ศีล ๕ ต้องบริสุทธิ์ครับ )

    -----------------------------------------------------------------

    ฝึกแล้วได้อะไร ?


    - การฝึกมโนฯ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ต้องการจะให้เป็นทางฝึกกรรมฐานที่ง่ายที่สุด(ตามสายของท่าน อาจารย์องค์อื่นไม่เกี่ยวนะครับ)

    และพิสูจน์คำสอนต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนาได้ง่ายที่สุด
    จะได้คลายความสงสัย
    ในเรื่องของพระนิพพาน และบาปบุญคุณโทษ ไม่ทำให้กลับไปทำชั่วอีก

    - จุดมุ่งหมายสูงสุดของการฝึกคือ "พระนิพพาน" ครับ






     
  10. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    คุณ ปุณณา

    อยากฝึกมโนมยิทธิบ้างคะ ต้องไปวัดท่่าซุงที่เดียวเหรอคะ
    มีหลายที่ นะ เพียงแต่ว่าเราอยู่จุดใหน ต้องรู้ตรงนี้ก่อน

    แล้วคนที่จะฝึกต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
    ต้องเป็นคน ที่เอาจริง และเคยได้มาแล้ว ในกาลก่อน

    แล้วฝึกแล้วจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
    จุดประสงค์ เพื่อพิสูจน์ คำสอน และ ทำอสวกิเลส ให้สิ้นไป ด้วยการรู้การเห็น ตามความเป็น จริง โดยโยงเข้าหากฏ ของไตรลักษณ์ และ อริยสัจน์ ๔

    มโนมยิทธิ นี่เป็นวิชาที่สูง กว่าวิชชาสาม และ ต่ำกว่าอภิญญา ๖ ใช้อารมณ์ เพียงแค่ อุปจารสมาธิ ก็สามารถ ท่องเที่ยว ตามภพภูมิ ต่าง ๆ ได้
     
  11. gatkung

    gatkung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +51
    อนุโมนาสาธุ ครับ.................
     
  12. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    ขอโมทนาในธรรมทานที่ทุกท่านให้ความกระจ่างด้วยครับ
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...