เรื่องเด่น พระอาจารย์มั่นสอนกรรมฐานหลวงปู่แหวน

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 9 กรกฎาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    [​IMG]



    ในพรรษาปีนั้นได้จำพรรษาร่วมกับหลวงปู่มั่นและตาผ้าขาวอีกคนหนึ่ง การปรารภความเพียร
    ในพรรษานั้นเป็นไปอย่างเต็มที่ เพราะมีหลวงปู่มั่นคอยควบคุมแนะนำ อุบายจิตภาวนา การแนะนำ ให้ศิษย์ปฏิบัติภาวนานั้นหลวงปู่มั่นท่านย้ำอยู่เสมอว่า

    จะใช้บทพุทโธเป็นบทบริกรรมสำหรับผูกจิตก็ได้ เมื่อจิตสงบลงเป็นสมาธิแล้วให้วางบทบริกรรม
    เสีย แล้วพิจารณาร่างกายครั้งแรกให้พิจารณาเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งที่เราสามารถที่จะเพ่งพิจารณาได้ อย่างสะดวกในอาการ ๓๒ เมื่อพิจารณาจนเกิดความชัดเจน กลับไปกลับมา
    หรือที่เรียกว่าอนุโลมปฏิโลมแล้ว เมื่อหายสงสัยในจุดที่พิจารณานั้นแล้วจึงค่อยเปลี่ยน
    เป็นจุดอื่นต่อไป อย่าพิจารณาเป็นวงกว้างทั้งร่างกาย เพราะปัญญายังไม่แก่กล้า
    ถ้าพิจารณาพร้อมกันทีเดียวทั้งร่างกายความชัดเจนจะไม่ปรากฏ ต้องค่อยเป็นค่อยไป

    เมื่อพิจารณาจนเกิดความชำนาญแล้ว ถ้าเราเพ่งปัญญาลงไปจุดใดจุดหนึ่ง ความชัดเจน
    จากจุดอื่น ๆ ก็จะปรากฏเป็นนัยเดียวกัน เมื่อพิจารณาพอสมควรแล้ว ให้น้อมจิตเข้าพัก
    อยู่ในความสงบ เมื่อพักอยู่ในความสงบพอสมควร แล้วให้ย้อนกลับออกมาพิจารณา
    ร่างกายอีก ให้เจริญอยู่อย่างนี้ จึงจะเจริญทางด้านปฏิบัติเมื่อจิตมีความชำนาญเพียงพอ
    แล้วคำบริกรรมพุทโธก็ไม่จำเป็น เพียงกำหนดจิต ก็จะสงบเข้าสู่สมาธิได้ทันที

    ผู้ปฏิบัติจิตภาวนาถ้าส่งจิตออกไปภายนอกจากร่างกายแล้วเป็นอันผิดทางมรรคภาวนา
    เพราะบรรดาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้ทรงสั่งสอนประกาศ
    พระศาสนาอยู่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์นั้น แนวการปฏิบัติไม่พ้นไปจากกาย กายจึงเป็นสนามรบ กายจึงเป็นยุทธภูมิ ที่ปัญญาจะต้องค้น เพื่อทำลายกิเลสและกองทุกข์ซึ่งจิตของเรา
    ทำเป็นธนาคารเก็บสะสมไว้ภายใน หอบไว้ หาบไว้ หามไว้ หวังไว้จนนับภพนับญาติไม่ได้

    สัตว์ทั้งหลายไม่ว่าชนิดใดในสังสารวัฏนี้ ล้วนแต่ติดอยู่กับกายนี้ทั้งสิ้น ทำบุญทำบาปก็เพราะกายอันนี้ มีความรักมีความชัง มีความหวง มีความแหนก็เพราะกายอันนี้ เราสร้างทรัพย์สมบัติขึ้นมาก็เพราะกายอันนี้ เราประพฤติศีลประพฤติธรรมก็เพราะกายอันนี้ เราประพฤติผิดศีล

    เราประพฤติผิดธรรมก็เพราะกายอันนี้ ในพระพุทธศาสนา พระอุปัชฌาย์ก่อนที่จะให้ผ้ากาสายะแก่กุลบุตรผู้เข้ามาขอบรรพชาอุปสมบทก็สอนให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ซึ่งเป็นส่วน
    หนึ่งของร่างกาย เป็นส่วนที่เห็นได้โดยง่าย
    เพราะเหตุนั้น กายนี้จึงเป็นทั้งเหตุและเป็นทั้งผล มรรคผลจะเกิดขึ้น ก็ต้องเกิดขึ้นจากกายนี้แหละ กายนี้เป็นเหตุ กายนี้เป็นผล เอากายนี้แหละเป็นมรรคเครื่องดำเนินของจิต เหมือนกับแพทย์ทั้งหลายจะรักษาเยียวยาคนป่วยได้ ต้องเรียนร่างกายนี้ให้เข้าใจถึงกลไกทุกส่วน จึงจะสามารถรักษาคนไข้ได้ ไม่ว่าทั้งอดีตอนาคตและปัจจุบัน

    วงการแพทย์จะทิ้งร่างกายไปไม่ได้ ถ้าวิชาแพทย์ทั้งการศึกษาระบบกลไกของร่างกายเสียแล้ว ก็เป็นอันศึกษาผิดวิชาการแพทย์ทางสรีรวิทยา นักปฏิบัติธรรมถ้าละทิ้งการพิจารณาร่างกายเสียแล้วจะเอาอะไรมาเป็นเครื่องดำเนินมรรคปัญญา ร่างกายที่ประกอบขึ้นด้วยส่วนที่เป็นรูปและส่วนที่เป็นนาม ถ้าผู้ปฏิบัติไม่พิจารณาให้เห็นแจ้งด้วยปัญญาอันชอบแล้ว คำว่านิพพิทา วิราคะนั้น จะไปเบื่อหน่ายคลายกำหนัดอะไร นิโรธซึ่งเป็นตัวปัญญาจะไปดับทุกข์ที่ไหน เพราะเราไม่เห็นทุกข์ที่เกิดของทุกข์ ที่ดับของทุกข์ไม่รู้ ไม่เห็น

    พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ พระองค์ต้องพิจารณากายนี้เป็นเครื่องดำเนินมรรคปัญญา เพราะในอุทานธรรมบทว่า อเนกชาติสํสารํ เป็นต้นนั้น
    พระองค์ได้ประจักษ์อย่างแน่นอนว่า การเกิดนั้นเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป พระองค์หักกงกรรมคืออวิชชาเสีย ความเกิดของพระองค์จึงไม่มีต่อไป กงกรรมคืออวิชชามันอยู่ที่ไหน ถ้ามันไม่อยู่ในจิตของเรา จิตของเรามันอยู่ที่ไหน จิตมันก็คือหนึ่งในห้าของปัญจขันธ์อันเป็นส่วนหนึ่งของนามนั่นเอง ผู้ปฏิบัติต้องใคร่ครวญพิจารณาอย่างนี้จึงจะได้ชื่อว่าดำเนินตามมรรคภาวนา
    ไม่มีอารมณ์อย่างอื่นนอกจากกายนี้ที่จะดำเนินมรรคภาวนาให้เกิดปัญญาขึ้นได้

    หลวงปู่มั่นนั้น เวลาแนะนำสั่งสอนศิษย์ ท่านไม่ค่อยอธิบายธรรมะให้พิสดารมากนัก
    โดยท่านให้เหตุผลว่า ถ้าอธิบายไปมากผู้ปฏิบัติมักไปติดคำพูดกลายเป็นสัญญา
    ต้องปฏิบัติให้รู้ให้เกิดแก่จิตแก่ใจของตนเอง จึงจะรู้ได้ว่า คำว่าทุกข์นั้นเป็นอย่างไร
    คำว่าสุขนั้นเป็นอย่างไร คำว่าพุทธะ ธรรมะ สังฆะนั้นมีความหมายเป็นอย่างไร
    สมาธิอย่างหยาบเป็นอย่างไร สมาธิอย่างละเอียดเป็นอย่างไร

    ปัญญาที่เกิดจากปัญญาเป็นอย่างไร ปัญญาเกิดจากภาวนาเป็นอย่างไร
    เหล่านี้ผู้ปฏิบัติต้องทำให้เกิดให้มีขึ้น ในตนของตนจึงจะรู้ ถ้ามัวถือเอาแต่คำอธิบาย ของครูอาจารย์แล้วจิตก็จะติดอยู่ในสัญญา ไม่ก้าวหน้าในการภาวนา เพราะเหตุนั้น
    จึงไม่อธิบายให้พิศดารมากมาย แนะนำให้รู้ทางแล้วต้องทำเอง
    เมื่อเกิดความขัดข้องจึงมารับคำแนะนำอีกครั้งหนึ่ง การปฏิบัติเช่นนี้เป็นผลดีแก่ศิษย์
    ผู้มุ่งปฏิวัติ เพื่ออรรถ เพื่อธรรมอย่างแท้จริง

    ดังนั้นการบำเพ็ญสมาธิภาวนาในพรรษานั้นจึงได้เร่งความเพียรอย่างสม่ำเสมอ
    ทำให้ได้รับความเยือกเย็น ทางด้านจิตใจมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะความเพียร
    เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลวงปู่มั่น เป็นตัวอย่างในการทำความเพียร โดยปกติ
    องค์ท่านจะทำความเพียรประจำอิริยาบถ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในอิริยาบถใดๆ
    ต้องอยู่ด้วยภาวนาทั้งสิ้น เรื่องนี้ท่านย้ำเตือนเสมอ

    ไม่ให้ศิษย์ประมาทละความเพียร เราอยู่ร่วมกับท่าน
    ต้องเอาองค์ท่านเป็นตัวอย่าง ถึงแม้จะทำไม่ได้อย่างท่าน

    แต่ก็เป็นศิษย์ที่มีครู มีแบบแผน มีแบบอย่าง มีตัวอย่างเป็นทางดำเนิน

    บันทึกพระกรรมฐาน ตามแนวทาง
    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ฉบับที่ ๖
    ที่มา http://loungpu.th.gs/web-l/oungpu/webpage/6.html
     
  2. จารุลักษณ์

    จารุลักษณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +647
    อนุโมทนา สาธุค่ะ
    "จะใช้บทพุทโธเป็นบทบริกรรมสำหรับผูกจิตก็ได้ เมื่อจิตสงบลงเป็นสมาธิแล้วให้วางบทบริกรรมเสีย แล้วพิจารณาร่างกายครั้งแรกให้พิจารณาเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งที่เราสามารถ
    ที่จะเพ่งพิจารณาได้ อย่างสะดวกในอาการ ๓๒ เมื่อพิจารณาจนเกิดความชัดเจน กลับไปกลับมาหรือที่เรียกว่าอนุโลมปฏิโลมแล้ว เมื่อหายสงสัยในจุดที่พิจารณานั้นแล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นจุดอื่นต่อไป อย่าพิจารณาเป็นวงกว้างทั้งร่างกาย เพราะปัญญายังไม่แก่กล้า
    ถ้าพิจารณาพร้อมกันทีเดียวทั้งร่างกายความชัดเจนจะไม่ปรากฏ ต้องค่อยเป็นค่อยไป"

    ดิฉันเคารพนับถือหลวงปู่มั่นและหลวงปู่แหวนค่ะ จะนำคำสั่งสอนของท่านไปปฎิบัติค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. isme404

    isme404 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +301
    องค์ท่านจะทำความเพียรประจำอิริยาบถ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในอิริยาบถใดๆ
    ต้องอยู่ด้วยภาวนาทั้งสิ้น เรื่องนี้ท่านย้ำเตือนเสมอ

    <!-- google_ad_section_end --> ดิฉันเคารพนับถือหลวงปู่มั่นและหลวงปู่แหวนค่ะ จะนำคำสั่งสอนของท่านไปปฎิบัติค่ะ...ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ..สาธุ..สาธุ..สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ

    จากที่ได้เคยอ่าน ๆ มา เราจะสังเกตเห็นว่า พระอรหันต์ทุกองค์ที่เราทราบ ไม่มีองค์ใดเลย บรรลุธรรมโดยไม่ได้พิจารณากาย (กายานุปัสสนา ซึ่งเป็นหนึ่งในสติปักฐาน ๔)

    มีพระอาจารย์สายวิปัสนาท่านหนึ่ง (จำชื่อท่านไม่ได้ รูปท่านอยู่บนศาลาวัดป่าบ้านตาด) ท่านกล่าวว่า ร่างกายเรานี้เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่บรรจุสรรพวิชาไว้หาประมาณมิได้

    มนุษย์เราเหนือสัตว์โลกอื่นก็ตรงมีกายนี่แหละจึงมีกายให้พิจารณา เทวดา พรหม ก็ไม่มีกายให้พิจารณา และที่เห็นจริงคือ กายนี้มีทั้งสุขและทุกข์ให้เห็นได้ชัด ตอนท้ายของชีวิต มีแต่ทุกข์ ๆๆๆๆๆๆๆ แล้วยังอยากจะเกิดมาให้มีกายอีกหรือ

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ไม่มีทุข์ใดยิ่งไปกว่าการบริหารขันธ์ (รูปกายก็เป็นหนึ่งในขันธ์ ๕)

    ยิ่ง จิต (วิญญาณ) และ เวทนา สัญญา และ สังขาร (ทั้งสามอย่างนี้เรียกรวม ๆ ว่า เจตสิก ซื่งมีธรรมชาติเป็นความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ นั่นเอง) ยิ่งยากที่จะจับให้ได้ไล่ให้ทัน เลยต้องเป็นขี้ข้ามันตามไปเกิด ซ้ำแล้วซ้ำอีก เศร้าจริง...
     
  5. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    อนุโมทนา สาธุ อ่านแล้วขนลุก สัตว์ทั้งหลายไม่ว่าชนิดใดใน สังสารวัฏนี้ ล้วนแต่ติดอยู่กับกายนี้ทั้งสิ้น ทำบุญทำบาปก็เพราะกายอันนี้ มีความรักมีความชัง มีความหวง มีความแหนก็เพราะกายอันนี้ เราสร้างทรัพย์สมบัติขึ้นมาก็เพราะกายอันนี้ เราประพฤติศีลประพฤติธรรมก็เพราะกายอันนี้
     
  6. wee2010

    wee2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +122
    กราบอนุโมทนาสาธุครับ กราบพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกองค์ครับ สาธุ ( -/\- )
     
  7. love_song_music

    love_song_music เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2009
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +907
    อนุโมทนาสาธุ
    พระ อ.หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านอีกองค์ที่เป็นศิษย์หลวงปู่
    ผมกำลังเรียนหลักสูตรหลวงพ่ออยู่ กำลังจะจบ อีก 2 เดือน
     
  8. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    ขออนุโมทนา

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. Lanna141

    Lanna141 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +62
    [​IMG]
     
  10. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    [​IMG]
    ขอบุญบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกพระองค์โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดเป็นที่สุดช่วยดลบันดาลให้จิตข้าพเจ้าฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่โพส ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้โพสกระทู้ ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้อ่านกระทู้ และฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้ตอบกระทู้ ข้าพเจ้าอยากมีส่วนร่วมกับบุญบารมีของพวกท่านทั้งบุญบารมีในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ
     
  11. isme404

    isme404 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +301
    องค์ท่านจะทำความเพียรประจำอิริยาบถ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในอิริยาบถใดๆ
    ต้องอยู่ด้วยภาวนาทั้งสิ้น เรื่องนี้ท่านย้ำเตือนเสมอ
    ขออนุโมทนาค่ะสาธุ..สาธุ..สาธุ
     
  12. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    เยี่ยมไปเลยครับ ได้วิธีปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

    อนุโมทนาสำหรับข้อคิดดีๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...