แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

Specialized · 19 กรกฎาคม 2010

Suppasit_S said: ↑

สวัสดีครับทุกท่าน

อาทิตย์ที่ผ่านมาเรื่องบังเอิญเยอะเหลือเกิน ได้รับพระดินเผาหลวงปู่ดู่ที่บูชาทางเน็ต 350 บาท เอาใส่กระเป๋าเสื้อเพราะยังไม่เลี่ยม รู้สึกใจสงบดีครับ ทั้งๆที่กลัวว่าอาจไม่แท้ เลยอยากได้พระหลวงปู่ที่แท้ ทันท่าน ก็อธิษฐานขอท่าน ก็ดูไม่มีแววเลย เลยตัดสินใจว่าไว้มีโอกาสไปบูชาจากวัดสะแกแล้วกัน แต่จะไปเมื่อไรว่ากันอีกที

เลยสอบถามพี่ข้างๆบ้านที่เป็นคนอยุธยา ซึ่งชอบพอกัน คอยช่วยเหลือกันมาหลายปีแล้ว แกก็บอกว่าจะไปเมื่อไรจะพาไป เลยบอกแกว่าอยากได้พระหลวงปู่ดู่จะเอามาปฏิบัติ แต่เช่าทางเน็ตนี่ไม่แน่ใจว่าทันท่านไหม กลัวปลอมถ้าได้รับจากมือท่านเนี่ยมั่นใจได้ แกก็บอกว่าลองไปดูที่บ้านแกไหมเผื่อมีจะแบ่งให้เป็นพระบูชา ผมก็อยากได้ แต่บอกแกว่าเดือนนี้ไม่มีกำลังแกก็บอกไม่เป็นไร แกก็ถามอีกว่าอยากไปกราบพระไหมแกรู้จักดีหลายองค์ ก็เลยตัดสินใจไปแบบกระทันหันเลย

คืนวันเสาร์ฝนตกหนักเลยที่แถวบ้าน ก็นึกเหมือนกันไปคงลำบากแฮะ นั่งภาวนาเสร็จก็บอกขอให้ได้กราบพระท่านที่พี่เขาจะพาไป มีหลวงพ่อเอียดวัดไผ่ล้อม หลวงพ่อหวลวัดพุทไธสวรรค์ หลวงปู่สวัสดิ์วัดศาลาปูน พี่แกบอกไว้หลวงปู่สวัสดิ์นี่ไม่น่ามีปัญหาท่านแก่แล้วไม่ค่อยไปไหน แต่หลวงพ่อเอียดกับหลวงพ่อหวลนี่กิจนิมนต์ท่านเยอะมาก

ตอนเช้าออกจากเมืองชลฯ ตอนสักเกือบ 7 โมงเช้า เมฆครึ้มเลย คิดว่ายังไงเจอฝนแน่นอนแต่ขับรถไปจนถึงอยุธยาไม่มีฝนเลยอากาศดีมาก ไม่มีแดดด้วย ถึงวัดไผ่ล้อมสัก 9 โมง หลวงพ่อไปบวชนาคตอนเช้า แต่คนเขาบอกเดี๋ยวท่านก็มา เลยดูพระที่มีให้บูชาผมบูชามาสององค์ปิดตากับสมเด็จฯ ที่มีเกษาหลวงพ่อเอียดด้วย ส่วนพี่แกบูชาหลายอย่างเลย นั่งเล่นสักพักหลวงพ่อก็มา ท่านสรงน้ำเสร็จท่านก็มา มีคนอีก 5-6 คน มาหาท่านด้วย เอาพระที่บูชาใส่พานท่านก็อธิฐานจิตให้อีกครั้ง ท่านก็บอกเดี๋ยวต้องไปอีกแล้วมีคนนิมนต์ไปฉันท์เพล ช่วงบ่ายก็แขกมาอีกชุดใหญ่เลย พี่ที่พาไปคุยกับท่านสนิทสนมเลยแกบอกทีหลังว่าเมื่อก่อนมาบ่อย มาตั้งแต่รุ่นคุณแม่แก ผมอ้าปากจะถามหลวงพ่อตั้งหลายหนว่าผมอยากปฏิบัติ ทำไงดี แต่งานท่านเยอะเหลือเกินเลยพูดไม่ออก

จากนั้นก็ไปวัดพุทไธสวรรค์ โหคนเยอะมากมีงานอุปสมบทหมู่ แต่แกก็พาผมไปกราบหลวงพ่อหวลจนได้ ได้พระที่ท่านแจกมาองค์นึง ลูกศิษย์ท่านบอกเดี๋ยวท่านต้องไปสุพรรณฯต่อ อ้อที่วัดนี้บังเอิญได้พบลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ด้วย พี่แกบอกเขาย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว ที่มานี่เพราะหลานจะบวช พี่แกบอกคนนี้เป็นสายตรงหลวงปู่ดู่ เมื่อก่อนไปนั่งสมาธิที่วัดสะแกด้วยกันบ่อยบ้านอยู่ใกล้กัน พี่เขาก็ให้เหรียญพระนเศวรมาองค์นึง

จากนั้นไปวัดศาลาปูน ก็บูชาพระกริ่งหลวงปู่สวัสดิ์องค์นึง ไปกราบท่าน ท่านอธิษฐานจิตให้นานมากๆๆ จนพระที่ดูแลท่านถามว่าเอาอะไรให้หลวงปู่ พี่คนที่พาไปนี่แกคุยกับท่านอย่างสนิทสนม ที่นี่คนน้อยครับผมเลยได้ถามหลวงปู่ว่าอยากปฏิบัติ ทำไงดี ตอนนี้ผมนั่งสมาธิตอนกลางคืนทุกวัน ท่านก็บอกดีแล้วทำต่อไป หลวงปู่ยิ้มคุยมีเมตตามาก จนเหมือนรู้จักท่านมานาน สักพักใหญ่ก็ลากลับครับ

ที่วัดศาลาปูนนี่คนมาไม่น้อยแต่ก็ไม่เยอะนะครับ แต่ที่แปลกคือมาแบบเป็นทัวร์ไห้วพระ 9 วัดซะงั้น รถจอดเข้าโบสถ์กราบพระประธานเสร็จ ต้องไปขึ้นรถอีกแล้ว แต่ก็คงดีกว่าไปเที่ยวอย่างอื่นนะครับ

สุดท้ายไปบ้านพี่แก แกพาไปห้องพระ มีพระเยอะเลยครับ แกเอาหลวงปู่ทวดหน้าตักสามนิ้วให้ แล้วแกถาม หรือจะเอารูปเหมือนหลวงปู่ดู่ 5 นิ้ว ผมก็บอกเอาหลวงปู่ทวดนี่แหละแกตั้งใจจะให้แล้วแต่ผมไม่มีตังค์นะ แกบอกแกให้ ผมดีใจมาก ผมไม่เน้นอยู่แล้ว ขอแค่หลวงปู่ดู่อธิษฐานจิตก็เพียงพอครับ แกก็ให้หลวงปู่ทวด แต่สักพักแกดูไปดูมาแกเห็นหลวงปู่ดู่ 5 นิ้วอีกองค์ แกเลยให้มาอีก จริงๆผมเห็นอยู่แล้วว่า แกมีรููปเหมือนหลวงปู่ทวดกับหลวงปู่ดู่อย่างละ 2 องค์ ผมงี้พูดไม่ออกเลย บอกแกว่าองค์เดียวนี่ก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว แกก็บอกเอาไปทั้งสององค์ แกเล่าให้ฟังเมื่อก่อนมีเป็น 10 รับจากหลวงปู่เองเลย หลวงปู่ท่านแจกฟรี ใครไปภาวนาที่วัดก็แจก แล้วแกตอนที่อยู่อยุธยาแกไปทุกวันตั้งแต่รุ่นแม่แกแล้ว พอได้มาก็เก็บไว้ แล้วคอยเอาให้คนที่สนใจหรือวันเกิดของผู้ใหญ่

พอเสร็จธุระทั้งหมดเดินทางกลับ ออกจากบ้านแกสักพักฝนตกหนักมาก แต่สักพักพอเริ่มออกนอกเมืองก็หยุด เดินทางกลับเมืองชลฯ โดยสวัสดิภาพ

ที่เล่ามาทั้งหมดเพราะอยากเล่าให้ฟังถึงความมีน้ำใจของพี่แกครับ และความบังเอิญอีกมากมาย ใจจริงผมถามทางไปวัดสะแกกับพี่เขา เพราะรู้ว่าพี่แกเป็นคนอยุธยาแค่นั้นจริงๆ ไม่ได้หวังอะไรเลยกลายเป็นผมได้พระบูชาหลวงปู่ดู่มาสององค์ ซึ่งไม่ต้องมาคิดว่าแท้ไม่แท้ แล้วยังได้กราบพระที่คนเขานับถือกัน อีก 3 รูป แล้วได้พระจากมือท่านเลย ผมโชคดีมากๆครับ
Click to expand...

สาธุ อนุโมทนาด้วยครับ บุญแท้ๆๆ

หลวงพ่อสวัสดิ์นี่ผมเคยไปกราบท่าน 3 ครั้ง เคยบูชารูปหล่อลอยองค์ขนาดห้อยคอให้ท่านอธิษฐานให้ ใส่พานเอาไปให้ท่านท่านเสกเสร็จผมก็จะกราบลากลับ อยู่ๆท่านบอกผมเดี๋ยวก่อน แล้วท่านก็มาจับมือที่ผมถือพานอยู่ทั้งสองข้างแล้วอธิษฐานให้แล้วส่งกลับ ผมคิดว่าท่านคงตั้งใจจะมอบให้เป็นพระคุ่ชีวิตหรือเปล่าไม่แน่ใจ พี่หนุ่มคิดว่าไงครับ

หนุ่มเมืองแกลง · 19 กรกฎาคม 2010

ส่วนคำถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าชาติหน้ามีจริง ก็น่ามาถกเถียงกันมากนะครับ
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CHERO%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CHERO%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CHERO%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style> </style>[FONT=&quot]พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติ และบัญญัติไว้ว่า
[FONT=&quot]
“ สัตว์ทุกชีวิตเคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน (1)
<o></o>[/FONT]
[/FONT] ผู้ที่ไม่เคยเกิดเป็นพ่อแม่กันมาก่อนหาได้ยาก ([FONT=&quot]2)
<o></o>
[/FONT] [FONT=&quot] บางชาติเกิดเป็นเทพ(เทวดา+พรหม) บางชาติเป็นมนุษย์ บางชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางชาติเกิดเป็นเปรต/อสุรกาย บางชาติต้องตกนรก ต้องเวียนว่ายตาย-เกิดอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ตามอำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้ เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีคำว่าโชคหรือบังเอิญ
[/FONT] [FONT=&quot]ทุกอย่างเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น([FONT=&quot]3)

.อ้างอิง...ดูรายละเอียดใน พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงการราชิวิทยาลัย (เล่มที่ / หน้าที่ )
1.พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ หน้า ๒๒๓
2. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ หน้า ๒๒๗
3. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ หน้าที่ ๓๕๐-๓๖๕[/FONT][/FONT]

หนุ่มเมืองแกลง · 19 กรกฎาคม 2010

[FONT=&quot]หากว่า........................[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]วันนี้ .......คือชาติปัจจุบันนี้ เมื่อมีวันนี้ จึงมีชาตินี้[/FONT][FONT=&quot]
พรุ่งนี้.......คือชาติหน้า เมื่อมีพรุ่งนี้ได้ ก็ต้องมีชาติหน้าได้
เมื่อวาน....คือชาติที่แล้ว เมื่อมีเมื่อวานได้ ก็ต้องมีชาติก่อนได้<o></o>[/FONT]
[/FONT] [FONT=&quot]ถามต่อว่า...........................

[FONT=&quot] 1.ชาติหน้ามีจริงหรือไม่
ขอตอบอย่างมั่นใจว่า มีครับ จนกว่ามนุษย์จะสูญพันธุ์ จนกว่าสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้จะตาย
คิดกันแบบง่ายๆ มนุษย์ และสัตว์ทุกชนิด ย่อมถือกำเนิดมาโดยมิได้จงใจเป็นสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง ตัวใดตัวหนึ่ง แต่เมื่อเกิดมาแล้ว เราก็จะถือว่า "ตัวตนของเรานี้ เป็นของเรา" ใช่หรือไม่ เมื่อกายเป็นมนุษย์ และคงไม่คิดว่าตัวเองคือแมงมุมแน่ และพอถึงวัยเจริญพันธุ์ เราก็ดำรงเผ่าพันธ์แบบฉบับของมนุษย์ แล้วทีนี้ ไม่ว่าเราจะเป็นสัตว์ชนิดใดก็ตาม ทุกชีวิตย่อมมีความทุกข์เป็นธรรมดาจริงใหม และ อีกประการหนึ่ง ตัวตนของเรา ร่างกายของเรา ไม่ใช่ว่าจะผุดขึ้นมาเฉยๆ ต้องมีพ่อ มีแม่ และร่างกายของเรานั้น ย่อมที่จะเกิดจากโมเลกุลต่างๆ โมเลกุลก็ประกอบด้วยอะตอม และอะตอมก็ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน แล้วทีนี้ ร่างกายของเราต่างจากร่างกายของคนอื่นหรือไม่ ต่างจากสัตว์อื่นๆหรือไม่ ต่างจากสรรพสิ่งอื่นๆหรือไม่ แล้วโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอนเหล่านี้ ก็ย่อมหมุนเปลี่ยนกันไปตามห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศน์ เมื่อสิ่งมีชีวิตใดตาย ก็ย่อมมีสิ่งมีชีวิตเกิดใหม่เป็นจำนวนทีมากกว่าตามหลักวิทยาศาสตร์ และเมื่อเราตาย ธาตุต่างๆของเรา ย่อมกลับคืนสู่ธรรมชาติ และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ ซึ่งถ้ามองกลับกัน สิ่งมีชีวิตในปัจจุบันรวมถึงพวกเรา ก็หมุนเวียนธาตุอย่างนี้กันมาจากบรรพบุรุษ (ซึ่งไม่ใช่มนุษย์อย่างเดียว) เสียทั้งสิ้น
ดังนั้น ด้วยวงจรชีวิต แห่งวัฏจักรอันไม่สิ้นสุดนี้ จึงทำให้มนุษย์และสัตว์โลก ย่อมมีความทุกข์เสมอ เพราะต้องตายแล้วเกิดขึ้นเรื่อยๆทดแทนกันตามหลักของสสาร

2.เวรกรรมมีจริงหรือไม่
คำตอบเหมือนเดิม คือมี แต่ไม่ใช่แบบที่ว่า สมมติว่าเราไปเด็ดขาแมงมุมเล่น แล้วต่อมาเราขาหัก นั่นคงไม่ใช่เวรกรรม
แต่คราวนี้ ขอให้เรามองในแง่ของสังคมโลก ในแง่ลักษณะทางธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเป็นปัจเจก และเมื่อรวมกันเป็นระบบสังคม มนุษย์แต่ละคนนั้น จะถือว่า "ตัวตนของเรานี้ เป็นของเรา" ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หากไปลองศึกษาจิตวิทยาเกี่ยวกับเด็ก เด็กทุกคนนั้น คิดโดยมุมของตัวเองเป็นใหญ่มากกว่าคิดจากมุมของคนอื่น ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว ดังนั้น มนุษย์ทุกคน จึงคิดว่า ตัวเราเองนั้น คือ "ตนเอง" เสียทั้งสิ้น เมื่อผู้ใดกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะคิดว่า "ตนเอง" คือผู้กระทำ และพอมีผู้ใดรับผลแห่งการกระทำนั้น ก็จะคิดว่า "ตนเอง" คือผู้ถูกกระทำ และจะกระทำโต้ตอบ อันเป็นปฏิสัมพันธ์ตามธรรมชาติของมนุษย์(และสัตว์อื่นๆ)

จะเห็นว่าถึงจะเป็นคนละคนกัน แต่ก็เป็น"ตนเอง"เสียทั้งสิ้น ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของเราเลย เพราะอย่างนั้น เวรกรรมจึงเกิดขึ้น เพราะการโต้ตอบนั้น แล้วในสังคมเรานั้น ย่อมที่จะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันตลอดเวลา ทั้งในด้านบวกและลบ รวมถึงกับสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตอื่นๆด้วย ดังนั้น เมื่อเรามีตัวตนแบบใดๆ ถูกกระทำด้วยการใดๆ หรือมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร นั่นย่อมเกิดจากปัจจัยอันหลายหลากเท่านั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นเอง ปัจจัยอันหลายหลากนั้น ย่อมเกิดจากการกระทำของสิ่งอื่นๆ จึงถูกเรียกว่า "วิบากกรรม" นั่นเอง (กระทำ - ถูกกระทำ - กระทำ) และการชดใช้กรรมจะไม่มีวันหมดลง จนกว่าจะไม่มีผู้กระทำอยู่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าจะตายกันหมดแล้วทั้งโลก

เมื่อรวมกับความคิดในข้อแรกที่ว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่ จึงบอกได้เลยว่ามีจริง และเมื่อเราตายไป ขอบอกได้เลยว่า เราต้องกลับมาเป็นมนุษย์อีกแน่ เพียงแต่จะจำไม่ได้เท่านั้น และไม่รู้ว่าจะเป็นมนุษย์เมื่อเวลาใด[/FONT][/FONT]

หนุ่มเมืองแกลง · 19 กรกฎาคม 2010

[FONT=&quot]เศรษฐีระดับโลกหลายคนเคยยากจนมาก่อน และไม่ใช่ยากจนธรรมดา บางคนเช่นวอร์เรน [FONT=&quot]บัฟเฟต์ถูกบีบให้ออกมาทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัวตั้งแต่สิบขวบ[/FONT] [FONT=&quot]แล้วจึงใช้ความสามารถเฉพาะตัวสร้างความร่ำรวยให้ตนเองในภายหลัง[/FONT] [FONT=&quot]อย่างนี้พวกเขามีกรรมแต่หนหลัง แบบไหนที่ทำให้ต้องยากจนข้นแค้นในวัยเด็ก[/FONT] [FONT=&quot]แล้วกลับร่ำรวยเมื่อเติบโตขึ้นมาได้[/FONT] [FONT=&quot]หากความเชื่อแบบพุทธที่ว่าการให้ทานมีผลเป็นความร่ำรวย[/FONT] [FONT=&quot]เหล่ามหาเศรษฐีก็น่าจะเคยให้ทานมามากมิใช่หรือ[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อเป็นเช่นนั้นก็สมควรมั่งคั่งมาตั้งแต่เด็กจึงจะถูกสิ[/FONT]

[FONT=&quot]ความหมายแบบเผินๆของคำว่า[/FONT] ‘[FONT=&quot]รวย[/FONT]’ [FONT=&quot]คือได้มาก หรือมีมาก ส่วนความหมายเผินๆของคำว่า [/FONT]‘[FONT=&quot]จน[/FONT]’ [FONT=&quot]คืออัตคัด ขาดแคลน[/FONT] [FONT=&quot]ฝืดเคือง มีไม่พอกินพอใช้ สำหรับคำตอบต่อไปนี้ ผมจะเล็งเฉพาะสุดโต่งสองขั้ว[/FONT] [FONT=&quot]คือกรรมที่ทำให้จนมากกับรวยมาก เพื่อจะได้ตอบอย่างตรงประเด็นว่าทำไมบางคนจึง[/FONT] ‘[FONT=&quot]สุดอัตคัดขัดสน[/FONT]’ [FONT=&quot]แล้วแปรเป็น [/FONT]‘[FONT=&quot]มั่งคั่งอย่างยั่งยืน[/FONT]’ [FONT=&quot]ได้ภายในชาติเดียว[/FONT]

[FONT=&quot]กรรมที่ให้ผลเกี่ยวกับความยากดีมีจนนั้น[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนคิด ไม่ใช่ให้นิดให้หน่อยแล้วรวยแน่[/FONT] [FONT=&quot]และสำคัญคือไม่ใช่แค่กรรมเก่าที่มีส่วนกำหนด[/FONT] [FONT=&quot]วิธีใช้ชีวิตทั้งหมดมีส่วนให้ผลกับฐานะได้ทั้งสิ้น[/FONT]

[FONT=&quot]อย่างไรก็ตาม[/FONT] [FONT=&quot]เวลาพูดถึงกรรมหลักที่เคยทำไว้ในอดีต ก็อาจต้องแยกแยะกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจ[/FONT] [FONT=&quot]ว่าทำอะไรมากๆแล้วจึงให้ผลเป็นการไปเกิดในภพแห่งความอัตคัด หรือภพแห่งความมั่งคั่ง[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อแจกแจงอดีตกรรมแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]ก็จะค่อยลงรายละเอียดปัจจุบันกรรมเป็นลำดับต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot]กรรมหลักๆที่ทำให้[/FONT] ‘[FONT=&quot]ยากจนมาก[/FONT]’ [FONT=&quot]ได้แก่[/FONT]

[FONT=&quot]๑) ความตระหนี่ถี่เหนียว คือให้ได้ก็ไม่ให้[/FONT] [FONT=&quot]หรือแม้สมควรให้ก็หวงไว้ ยื้อไว้ เช่นหนี้ของตัวเองแท้ๆ สมควรต้องใช้แต่ก็เสียดาย[/FONT] [FONT=&quot]อยากดองไว้เป็นของตนเอง อย่าว่าแต่จะคิดถึงเรื่องแบ่งปันหรือเจือจาน[/FONT] [FONT=&quot]ทั้งชีวิตกลัวแต่ว่าใครจะมาเอาเปรียบตน หรือกลัวแต่ว่าตนจะไม่ได้เปรียบใคร[/FONT] [FONT=&quot]ผลแห่งการตระหนี่เกินเหตุ คือการเป็นผู้อัตคัดเกินเหตุเช่นกัน แล้งน้ำใจในกาลนี้[/FONT] [FONT=&quot]จะให้ผลเป็นความแล้งทรัพย์ในชาติถัดไป[/FONT]

[FONT=&quot]๒) ละโมบโลภมากขั้นรุนแรง[/FONT] [FONT=&quot]คือโลภจัดขนาดผิดศีลข้อที่ว่าด้วยการลักทรัพย์ได้[/FONT] [FONT=&quot]หรือฉ้อโกงทรัพย์ได้โดยปราศจากความละอาย[/FONT] [FONT=&quot]ผู้ทำความวิบัติฉิบหายให้แก่ทรัพย์ของคนอื่น[/FONT] [FONT=&quot]ย่อมรับผลเป็นความพินาศแห่งทรัพย์ของตนเช่นกัน[/FONT] [FONT=&quot]แม้การให้ทานในอดีตจะได้บันดาลทรัพย์ไว้มาก ทรัพย์นั้นย่อมถึงความวิบัติ[/FONT] [FONT=&quot]อาจจะในระดับให้เกิดความเจ็บใจรุนแรง หรืออาจจะในระดับให้ตกยากแบบฉับพลันทันที[/FONT] [FONT=&quot]ขึ้นอยู่กับความหนักเบาแห่งกรรมของอทินนาทานอันเป็นตัวต้นเหตุ[/FONT]

[FONT=&quot]นอกจากนี้[/FONT] [FONT=&quot]ยังมีกรรมปลีกย่อยที่ทำให้ยากจนได้อีกมากมายนับไม่ถ้วน ยกตัวอย่างพอให้เห็นภาพชัดๆ[/FONT] [FONT=&quot]เช่น ในภาวะสงครามที่ต้องคิดทำลายล้างศัตรู บางทีใช้วิธีล้อมเมือง[/FONT] [FONT=&quot]ตัดข้าวตัดน้ำคนทั้งเมือง เพื่อบีบให้เจ้าเมืองยอมจำนน[/FONT] [FONT=&quot]หากทำอย่างนี้สักสองสามหนโดยไม่เห็นใจลูกเด็กเล็กแดงเลย[/FONT] [FONT=&quot]ก็มีสิทธิ์ไปเกิดในถิ่นฐานกันดาร หรือทรมานกว่านั้นคือเกิดในถิ่นฐานอุดมสมบูรณ์[/FONT] [FONT=&quot]ทว่าไม่มีสิทธิ์กิน ไม่มีสิทธิ์ใช้[/FONT] [FONT=&quot]อัตคัดเหลือจะทานทน[/FONT]

[FONT=&quot]ส่วนกรรมหลักๆที่ทำให้ [/FONT]‘[FONT=&quot]ร่ำรวยมาก[/FONT]’ [FONT=&quot]ได้แก่[/FONT]

[FONT=&quot]๑)[/FONT] [FONT=&quot]ความมีนิสัยใจคอเผื่อแผ่ คือเอาแต่คิดให้ ผูกใจอยู่กับการให้[/FONT] [FONT=&quot]เคยชินกับการเป็นผู้ให้[/FONT] [FONT=&quot]ขนาดไม่มีให้ ก็ขวนขวายกระวนกระวายอยากหามาช่วยเหลือคนกำลังตกทุกข์ได้ยาก[/FONT] [FONT=&quot]ตลอดชีวิตมีแต่ใจอยากเจือจาน กลัวแต่ว่าคนอื่นจะมีไม่พอ[/FONT] [FONT=&quot]กระทั่งลืมๆว่าตัวเองจะมีพอไหม ผลแห่งการใจดีเกินธรรมดา[/FONT] [FONT=&quot]คือการเป็นผู้มีทรัพย์มากเกินกว่าชาวโลกทั่วไปเขา[/FONT]

[FONT=&quot]๒)[/FONT] [FONT=&quot]การละอายต่อบาปอย่างยิ่งยวด คือขนาดยอมอดตายดีกว่าคิดคดโกง[/FONT] [FONT=&quot]ผู้ไม่คิดเพ่งเล็งเอาทรัพย์ผู้อื่นโดยมิชอบ ย่อมรับผลเป็นความสวัสดีแห่งทรัพย์[/FONT] [FONT=&quot]แม้ความตระหนี่ในอดีตอาจก่อให้เกิดทรัพย์เพียงน้อย ทว่าทรัพย์นั้นก็จะอยู่ทน[/FONT] [FONT=&quot]ไม่วิบัติไปด้วยภัยธรรมชาติหรือภัยจากมือโจร[/FONT]

[FONT=&quot]นอกจากนี้[/FONT] [FONT=&quot]ยังมีกรรมปลีกย่อยที่ทำให้ร่ำรวยได้อีกมากมายนับไม่ถ้วน ยกตัวอย่างพอให้เห็นภาพชัดๆ[/FONT] [FONT=&quot]เช่น ชี้ช่องคนอื่นรู้จักทำมาหากิน ช่วยให้เขาเป็นผู้ฉลาดในธุรกิจ[/FONT] [FONT=&quot]กับทั้งมีใจใหญ่คิดเผื่อแผ่กลยุทธ์ให้กับคนทั้งประเทศ หรือทั้งโลก[/FONT] [FONT=&quot]หากการเผื่อแผ่ของเขา เป็นไปโดยบริสุทธิ์และปรารถนาให้คนทั้งแผ่นดินอยู่ดีกินดี[/FONT] [FONT=&quot]มีชีวิตที่เป็นสุขขึ้น บุญที่ทำนี้ก็มีสิทธิ์นำให้ไปเกิดในถิ่นฐานอุดมสมบูรณ์[/FONT] [FONT=&quot]หรืออย่างน้อยแม้เกิดในถิ่นฐานแห้งแล้งด้วยบาปบางประการ[/FONT] [FONT=&quot]เขาก็จะมีกินมีใช้เหนือกว่าคนที่อยู่แวดล้อมทั้งหมดตั้งแต่เกิด กับทั้งฉลาดในการหา[/FONT] [FONT=&quot]ฉลาดในการเก็บ[/FONT] [FONT=&quot]และฉลาดในการใช้เป็นอย่างยิ่ง[/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อแยกให้เห็นเป็นเรื่องๆเช่นนี้[/FONT] [FONT=&quot]คุณคงพอมองออกว่าในชีวิตเดียว คนเราอาจสร้างทั้งเหตุที่ทำให้ยากจน[/FONT] [FONT=&quot]และเหตุที่ทำให้ร่ำรวยได้[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ใช่ว่าทำทานมากแล้วเป็นประกันว่าเกิดใหม่จะได้สบายตั้งแต่ต้น[/FONT] [FONT=&quot]ต้องดูด้วยว่าทุ่มเททำแค่ไหน ตลอดไปหรือเปล่า[/FONT] [FONT=&quot]และเคยก่อบาปไว้ถ่วงความเจริญเพียงใดด้วย[/FONT]

[FONT=&quot]เพื่อให้เห็นชัดเจน ขอแยกแยะ[/FONT] ‘[FONT=&quot]บุญที่ทำให้รวย[/FONT]’ [FONT=&quot]เป็นข้อๆดังนี้[/FONT]

[FONT=&quot]บุญเก่าที่ส่งไปเข้าท้องคนรวย[/FONT]

[FONT=&quot]๑)[/FONT] [FONT=&quot]เคยงดเว้นบาปชนิดที่ให้ผลเป็นความอัตคัดขณะเกิด เช่นชาติใกล้ไม่เผาบ้านไล่ที่ใคร[/FONT] [FONT=&quot]ทั้งที่มีสิทธิ์ทำด้วยอำนาจบาตรใหญ่[/FONT]

[FONT=&quot]๒)[/FONT] [FONT=&quot]เคยผูกพันกับพ่อแม่ที่กำลังอยู่ในฐานะร่ำรวย[/FONT] [FONT=&quot]เช่นชาติใกล้ให้การอุปถัมภ์และมีความเอ็นดูกันมา แต่ก็อาจเคยเป็นศัตรูกันมาก็ได้[/FONT] [FONT=&quot]โดยเฉพาะถ้าเคยสาปแช่งอาฆาตว่าจะจองเวรกันอย่างเหนียวแน่น พอมาเกิดเป็นลูก[/FONT] [FONT=&quot]ก็เป็นลูกทรพี เหี้ยมเกรียมขนาดจ้างฆ่าพ่อแม่เพื่อแย่งสมบัติได้[/FONT]

[FONT=&quot]๓)[/FONT] [FONT=&quot]มีบุญพอจะเสวยสุขล้นหลามตั้งแต่แรกเกิด[/FONT] [FONT=&quot]เช่นเป็นผู้ให้ก่อนโดยผู้รับไม่จำเป็นต้องเคยมีบุญคุณกับตน[/FONT] [FONT=&quot]เป็นผู้คิดอุปถัมภ์สมณะซึ่งไม่อยู่ในฐานะเลี้ยงดูตนเองได้[/FONT] [FONT=&quot]ผลที่ได้ตอบแทนจากธรรมชาติ จึงเป็นการมีผู้เลี้ยงดูอย่างดี[/FONT] [FONT=&quot]เมื่ออยู่ในฐานะที่ไม่อาจเลี้ยงดูตนเองได้เช่นกัน[/FONT]

[FONT=&quot]บุญเก่าที่ทำให้ได้รับมรดกมาก[/FONT]

[FONT=&quot]๑) เคยเป็นผู้ยกผลประโยชน์ใหญ่ของตนให้คนอื่นด้วยน้ำใจการุณย์[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับ[/FONT]

[FONT=&quot]๒) เคยเป็นผู้เคยมอบสมบัติให้แก่ผู้สมควรได้รับ[/FONT] [FONT=&quot]หรือมอบวัตถุอย่างใหญ่ มอบที่ดินให้เป็นประโยชน์แด่สงฆ์[/FONT] [FONT=&quot]ขอให้คำนึงว่าสงฆ์เป็นนาบุญอันยิ่ง[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อมอบให้สงฆ์จึงสมควรแก่การรับมรดกใหญ่ในอนาคตเช่นกัน[/FONT]

[FONT=&quot]บุญเก่าที่ทำให้ได้ลาภก้อนใหญ่[/FONT]

[FONT=&quot]๑) เคยเป็นผู้ให้ลาภลอยแก่คนอื่น โดยที่เขาไม่คาดฝัน[/FONT] [FONT=&quot]หรือโดยที่ตนเองก็ไม่ได้คาดหมายไว้ก่อน เมื่อพบเห็นใครน่าช่วยเหลือก็ช่วยเลยทันที[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อทำให้คนอื่นได้รับลาภ ก็ย่อมสมควรแก่การเป็นผู้รับลาภในอนาคต[/FONT] [FONT=&quot]ลาภที่ให้ผู้อื่นไม่จำเป็นต้องมากมาย แต่อย่างน้อยต้องทำให้เขายินดีปรีดา[/FONT] [FONT=&quot]หรือทำให้เขารอดจากภาวะยากลำบากแบบฉับพลันทันที[/FONT] ([FONT=&quot]ลาภที่ได้รับอาจมาจากหลายทางโดยไม่คาดฝัน[/FONT] [FONT=&quot]อย่าแค่ไปคิดถึงการถูกล็อตเตอรี่อย่างเดียวนะครับ[/FONT] [FONT=&quot]ประเภทอยู่ดีๆมีเงินโอนเข้าบัญชีหลายแสนแบบสืบหาต้นตอไม่ได้[/FONT] [FONT=&quot]แจ้งธนาคารตรวจสอบแล้วก็ไม่รู้ความเป็นมา[/FONT] [FONT=&quot]อันนี้เคยเกิดกรณีพิลึกพรรค์นี้มาแล้วจริงๆ)[/FONT]

[FONT=&quot]๒)[/FONT] [FONT=&quot]เคยเป็นผู้ตั้งใจให้คนอื่นดีใจกับการได้รับของขวัญ ของกำนัลโดยไม่คาดฝัน[/FONT] [FONT=&quot]มีมากครับพวกชอบเซอร์ไพรส์ชาวบ้านโดยไม่เปิดโอกาสให้รู้เนื้อรู้ตัว[/FONT] [FONT=&quot]หวังจะเห็นเขาตื่นเต้นยินดีสุดขีด ความหวังชนิดนั้น[/FONT] [FONT=&quot]ถ้าทำสำเร็จก็ให้ผลเป็นลาภลอยก้อนใหญ่ได้เช่นกัน[/FONT] [FONT=&quot]โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้ว่าใครอยากได้อะไรมานาน[/FONT] [FONT=&quot]รู้ว่าชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นหากได้สิ่งนั้น[/FONT] [FONT=&quot]นั่นแหละตรงเป้าอย่างจังทีเดียว[/FONT]

[FONT=&quot]บุญเก่าที่ทำให้ค้าขายได้กำไรเสมอ[/FONT]

[FONT=&quot]๑) เคยให้ความหวังแก่สมณะว่าจะถวายสิ่งโน้นสิ่งนี้[/FONT] [FONT=&quot]ตกปากรับคำแล้วภายหลังนำมาถวายตามสัญญาเสมอ[/FONT] [FONT=&quot]แต่ให้ยิ่งขึ้นกว่านั้นคือท่านต้องการเพียงหนึ่ง[/FONT] [FONT=&quot]แต่นำของที่ท่านประสงค์มาถวายเป็นสิบ[/FONT] [FONT=&quot]อย่างนี้ถ้าเก็งไว้ว่าจะทำยอดให้ถึงเป้าสักล้าน[/FONT] [FONT=&quot]ก็อาจพุ่งพรวดทะลุเป้าไปเป็นหลายสิบล้าน เป็นต้น พูดง่ายๆคือโชคช่วยตลอด[/FONT] [FONT=&quot]แม้ฝีมือไม่ได้ดี เล่ห์เหลี่ยมธุรกิจไม่ได้มากกว่าพ่อค้าใกล้ละแวกก็ตาม[/FONT] [FONT=&quot]ข้อนี้พระพุทธเจ้าเคยตรัสแนะนำไว้เป็นกรณีพิเศษ จะทดลองก็ไม่เสียหาย[/FONT] [FONT=&quot]สำหรับหลายคนที่ไม่มีบาปเก่ามาเป็นอุปสรรค[/FONT] [FONT=&quot]ก็น่าจะได้เห็นผลทันตาในชาตินี้ได้[/FONT]

[FONT=&quot]๒) เคยเป็นผู้คืนกำไรให้กับสังคม[/FONT] [FONT=&quot]คือเมื่อสังคมช่วยให้ตนรวยแล้ว ก็แบ่งความรวยนั้นให้สังคมได้ประโยชน์สุขบ้าง[/FONT] [FONT=&quot]พวกบริษัทใหญ่ๆที่คิดโครงการเพื่อสาธารณประโยชน์นั้นมาถูกทางแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]หากใจไม่เล็งอยู่แต่ว่าจะได้มีส่วนลดหย่อนภาษี ก็จะได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย[/FONT] [FONT=&quot]เห็นผลอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องรอเกิดชาติหน้า เพราะการทำคุณกับมหาชน จะให้ผลขยายใหญ่[/FONT] [FONT=&quot]เห็นง่าย[/FONT] [FONT=&quot]เห็นเร็วกว่าการทำคุณแบบเจาะจงกับกลุ่มคนเล็กๆ[/FONT]

[FONT=&quot]บุญเก่าที่ทำให้ได้ผลตอบแทน คุ้มกับความรู้ความสามารถหรือฝีไม้ลายมือ[/FONT]

[FONT=&quot]๑) เคยให้ผลประโยชน์กับคนอื่นอย่างตรงไปตรงมา[/FONT] [FONT=&quot]สมน้ำสมเนื้อแล้วกับความรู้ความสามารถของพวกเขา[/FONT] [FONT=&quot]อันนี้ต้องขอแสดงความเสียใจกับชาวไทยจำนวนหนึ่ง[/FONT] [FONT=&quot]ที่นิยมซื้อซอฟต์แวร์เถื่อนเป็นประจำ ไม่เห็นแก่ค่าสมอง ค่าแรงงานของคนทำบ้างเลย[/FONT] [FONT=&quot]กรรมนี้ต่อไปก็ยากจะเป็นผู้ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า[/FONT] [FONT=&quot]แต่ถ้ามีเงินซื้อของจริงแล้วยอมจ่าย โดยคิดว่าเงินจะได้ไปเข้ากระเป๋าคนผลิตตัวจริง[/FONT] [FONT=&quot]ถ้าทำเป็นประจำก็ส่งผลให้อนาคตเป็นผู้รับค่าตอบแทนคุ้มกับงาน[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกกดค่าผลงาน[/FONT]

[FONT=&quot]๒)[/FONT] [FONT=&quot]เคยเป็นผู้ทำงานโดยเล็งประโยชน์สุขแก่คนอื่น[/FONT] [FONT=&quot]คือตั้งต้นไม่ได้คิดเรื่องกำไรหรือรายได้เป็นหลัก เช่นอยากทำยาสีฟัน ก็เฝ้าครุ่นคิด[/FONT] [FONT=&quot]หรือให้ทุนนักวิจัยว่าทำอย่างไรจะได้ยาสีฟันดีๆ มีคุณภาพสูง[/FONT] [FONT=&quot]รักษาเหงือกและฟันได้จริง กับทั้งมีราคาไม่แพงเกินกำลังผู้บริโภคส่วนใหญ่[/FONT] [FONT=&quot]เรียกว่ามอบสินค้าที่เกินคุ้มให้กับสังคม[/FONT] [FONT=&quot]ประโยชน์สุขของผู้บริโภคจะย้อนกลับมาเป็นกำลังหนุนให้ได้รับผลตอบแทนเกินกว่าที่คาดฝันเช่นกัน[/FONT]

[FONT=&quot]จากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด[/FONT] [FONT=&quot]แม้ยังไม่ตอบคำถามของคุณตรงๆ[/FONT] [FONT=&quot]อย่างน้อยก็น่าจะทำให้เริ่มเห็นได้ว่าการเป็นคนรวยล้นฟ้านั้น[/FONT] [FONT=&quot]แน่นอนว่าจะต้องมีทานในอดีตเป็นบุญเก่าหนุนส่งอยู่[/FONT] [FONT=&quot]แต่ยังต้องอาศัยปัจจัยอีกหลายต่อหลายข้อประกอบร่วมเข้าไปด้วย[/FONT]

[FONT=&quot]คราวนี้วกเข้าเรื่อง[/FONT] [FONT=&quot]ทำไมเคยอัตคัดขัดสนขนาดถูกบีบให้ออกจากโรงเรียนมาทำงาน[/FONT] [FONT=&quot]แล้วภายหลังจึงกลายเป็นเศรษฐีระดับซื้อโลกสักครึ่งใบได้[/FONT]?

[FONT=&quot]มามองในมุมใหม่ดีไหม[/FONT] [FONT=&quot]มันอาจจะเป็นเหตุเป็นผลกันก็ได้นะครับ[/FONT] [FONT=&quot]การที่เขาถูกบีบให้ต้องทำงานตั้งแต่เด็กนั่นแหละ[/FONT] [FONT=&quot]คือเงื่อนไขสำคัญในการสร้างเศรษฐีระดับโลกขึ้นมาคนหนึ่ง![/FONT]

[FONT=&quot]คนจะเป็นอภิมหาคนรวยได้ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง[/FONT]? [FONT=&quot]เอาแบบเห็นชัดๆที่สุดเลยก็แล้วกัน คืออย่างน้อยที่สุด[/FONT] [FONT=&quot]คนๆนั้นจะต้องมีความเป็นเจ้านาย ไม่ใช่ลูกจ้าง[/FONT]

[FONT=&quot]เจ้านายสร้างขึ้นมาจากอะไร[/FONT]? [FONT=&quot]แน่นอนว่าไม่ใช่เด็กอัจฉริยะที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถชี้นิ้วสั่งงาน แม้ไมเคิล[/FONT] [FONT=&quot]เคียร์นีย์ ([/FONT]Michael Kearney) [FONT=&quot]ที่เข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ ๖[/FONT] [FONT=&quot]ขวบ ก็คงไม่อาจชี้นิ้วสั่งงานหรือออกปากสั่งคนให้ทำตามที่ตนต้องการได้[/FONT] [FONT=&quot]ความเป็นเจ้านายต้องสร้างขึ้นด้วยบารมี[/FONT]

[FONT=&quot]บารมีเจ้านายมาจากไหน เอาสั้นๆแค่ ๓[/FONT] [FONT=&quot]ข้อ แบบที่ดิ้นไปเป็นอื่นไม่ได้[/FONT]

[FONT=&quot]๑) เคยเป็นลูกจ้างที่ [/FONT]‘[FONT=&quot]เต็มใจ[/FONT]’ [FONT=&quot]ทำงานหนักกว่าลูกจ้างอื่น[/FONT]

[FONT=&quot]๒) เคยเป็นลูกจ้างที่ [/FONT]‘[FONT=&quot]มีหัวคิด[/FONT]’ [FONT=&quot]ก้าวหน้ามากกว่าลูกจ้างอื่น[/FONT]

[FONT=&quot]๓) เคยเป็นลูกจ้างที่ [/FONT]‘[FONT=&quot]ไม่อยาก[/FONT]’ [FONT=&quot]เป็นลูกจ้างตลอดไปเหมือนลูกจ้างอื่น[/FONT]

[FONT=&quot]กล่าวโดยย่นย่อที่สุด[/FONT] [FONT=&quot]เจ้านายสร้างขึ้นมาจาก ลูกจ้างที่ยินดีดิ้นรนปรับฐานะตัวเองให้เป็นนาย[/FONT]

[FONT=&quot]ถ้าคุณเป็นลูกจ้างตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ[/FONT] [FONT=&quot]แปลว่าคุณมีเวลาสร้างศักยภาพแห่งความเป็นนายมากกว่าคนอื่นราวๆสิบปีจริงใหม[/FONT]

[FONT=&quot]คนยากจนมีแรงบีบคั้นให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาเหมือนๆกัน[/FONT] [FONT=&quot]แต่คนยากจนที่มีอนาคตเรืองรองสุดขีดนั้น[/FONT] [FONT=&quot]เขามีบุญเก่าหนุนใจให้ไม่ยอมแพ้กับวาสนาในช่วงต้นชีวิต[/FONT] [FONT=&quot]ตรงข้ามจะยินดีอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับ การหาช่องทางสร้างความก้าวหน้าให้ตนเอง[/FONT] [FONT=&quot]ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบ เขาทำให้มันเป็นวัตถุดิบสร้างวันใหม่ได้ทั้งสิ้น[/FONT] [FONT=&quot]และวิบากด้านดีแต่หนหลังของเขา[/FONT] [FONT=&quot]ก็จะอำนวยโอกาสให้ไต่เต้าขึ้นมาได้ภายในเวลาไม่นานเกินอายุขัยของเขา[/FONT]

[FONT=&quot]มีนักพูดระดับโลกคนหนึ่งชื่อ[/FONT] [FONT=&quot]จิม รอห์น ([/FONT]Jim Rohn) [FONT=&quot]ให้วาทะเด็ดไว้ว่า [/FONT]‘[FONT=&quot]กำไรดีกว่าค่าจ้าง[/FONT] [FONT=&quot]เพราะค่าจ้างทำให้เลี้ยงตัวได้แค่รอด[/FONT] [FONT=&quot]ในขณะที่กำไรจะทำให้เป็นเศรษฐี[/FONT]’

[FONT=&quot]ข้อเท็จจริงนี้เกี่ยวข้องกับกรรมวิบากโดยตรง[/FONT] [FONT=&quot]นั่นคือ ต่อให้คุณมีบุญเก่าหนุนหลังเท่าภูเขา[/FONT] [FONT=&quot]คุณก็ไม่มีวันเป็นเศรษฐีระดับโลกขึ้นมาได้จากการเป็นลูกจ้าง[/FONT]

[FONT=&quot]อีกประการหนึ่ง[/FONT] [FONT=&quot]ต่อให้คุณมีบุญเก่า และต่อให้คุณยอมเหนื่อยเพื่อเป็นนาย[/FONT] [FONT=&quot]คุณก็จะเป็นเศรษฐีระดับโลกไม่ได้[/FONT] [FONT=&quot]หากขาดความฉลาดในการทำธุรกิจให้มีกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ[/FONT]

[FONT=&quot]กรรมเก่าให้มือให้เท้าและความน่าจะเป็นมาแค่นี้[/FONT] [FONT=&quot]ที่เหลือเป็นเรื่องของคุณ ว่าจะใช้มือใช้เท้าปั้นดินให้เป็นดาวขึ้นมาได้ไหม[/FONT] [FONT=&quot]เศรษฐีระดับโลกก็เช่นกัน เขาไม่ได้มีแต่บุญเก่า[/FONT] [FONT=&quot]เขาใช้ทั้งชีวิตสร้างงานที่ตัวเองรัก[/FONT] [FONT=&quot]เพื่อให้งานสร้างเงินกับเขาในภายหลัง[/FONT]

[FONT=&quot]ช่วงต้นบุญเก่าจะมีส่วนสำคัญอยู่บ้าง[/FONT] [FONT=&quot]ก็ตรงที่ให้ [/FONT]‘[FONT=&quot]สัญชาตญาณพ่อค้า[/FONT]’ [FONT=&quot]ติดตัวเขามาอย่างดิบดี คือเป็นผู้รู้จักสินค้า[/FONT] [FONT=&quot]เป็นผู้รู้จักลูกค้า และเป็นผู้กะเก็งสถานการณ์ถูก[/FONT] [FONT=&quot]บางครั้งบุญเก่าก็มีส่วนก่อให้เกิดสังหรณ์ล่วงหน้า พูดง่ายๆคือ [/FONT]‘[FONT=&quot]เดาเก่ง[/FONT]’ [FONT=&quot]และเป็นการเดาที่ฉีกกฎฉีกตำรากับสามัญสำนึกของคนทั่วไป เช่น[/FONT] [FONT=&quot]นักลงทุนบางคนแค่เห็นทำเลสถานที่[/FONT] [FONT=&quot]ก็ผุดไอเดียสร้างที่พักริมทางซึ่งให้บริการครบวงจรขึ้นมา วาดบรรยากาศถูก[/FONT] [FONT=&quot]เดาใจคนเดินทางผ่านไปผ่านมาถูก ว่าเห็นแล้วจะรู้สึกอยากแวะ[/FONT] [FONT=&quot]ทั้งที่มองเผินๆไม่น่าจะเป็นแหล่งแวะ[/FONT] [FONT=&quot]เป็นต้น[/FONT]

[FONT=&quot]การตัดสินใจของเศรษฐีใหญ่ในหลายครั้งนั้น[/FONT] [FONT=&quot]ถ้าคุณไปถามเหตุผลของพวกเขา พวกเขาอาจอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาบอกได้เพียง[/FONT] ‘[FONT=&quot]ฉันรู้แต่ว่าต้องเลือกอย่างนี้ถึงจะรวย![/FONT]’ [FONT=&quot]คำตอบแบบนี้ถ้าแม่นยำนะครับ[/FONT] [FONT=&quot]ก็สะท้อนให้เห็นว่าทำงานหนักอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีโอกาส แล้วก็ต้องมีสังหรณ์ดีด้วย[/FONT] [FONT=&quot]สังหรณ์นั้นซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ซื้อไม่ได้ด้วยประสบการณ์[/FONT] [FONT=&quot]แต่จะซื้อได้ก็ด้วยบุญเก่าและบุญใหม่ผสมๆกัน[/FONT]

[FONT=&quot]สรุปคำตอบในย่อหน้าเดียว[/FONT] [FONT=&quot]คือที่วอร์เรน[/FONT] [FONT=&quot]บัฟเฟต์ถูกวิบากบีบจนหน้าเขียวในวัยเด็กนั้นถูกต้องคล้องจองกันดีแล้วสำหรับเส้นทางความเป็นอภิมหาเศรษฐีของเขา[/FONT] [FONT=&quot]หากเขารวยและปราศจากแรงบีบคั้น[/FONT] [FONT=&quot]ก็ไม่มีสิ่งใดประกันว่าเขาจะโตขึ้นด้วยอาการดิ้นรนเพื่อหาทรัพย์มาเพิ่มแก่ตระกูลขนาดนี้[/FONT]

[FONT=&quot]อีกประการหนึ่ง[/FONT] [FONT=&quot]อย่างที่ส่วนใหญ่คงทราบกันแล้ว ในบั้นปลายชีวิตของ วอร์เรน บัฟเฟต์[/FONT] [FONT=&quot]ได้กลายเป็นผู้บริจาคทรัพย์สินให้แก่ชาวโลกเป็นจำนวน ๓๗ พันล้านเหรียญสหรัฐ[/FONT] ([FONT=&quot]เกือบสองล้านล้านบาทไทย) ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจไว้นานแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]อันนี้ก็น่าจะสะท้อนได้ดีและไม่น่าแปลกใจ หากอนาคตชาติของเขาจะมั่งคั่งระดับโลกอีก[/FONT] [FONT=&quot]ใจใหญ่ระดับช่วยโลกขนาดนี้ ก็สมควรได้รับการตอบแทนจากโลกสมน้ำสมเนื้อกัน[/FONT][/FONT]<o></o>

Suppasit_S · 19 กรกฎาคม 2010

ตามที่ผมเคยฟังมาอยู่ที่เจตนาเป็นหลักครับ เวลาคนไข้หนักๆ ยื้อไว้นี่ไม่เท่าไรครับ แต่ตอนจะถอดนี่อยู่ที่เจตนาเลยครับยากมากๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ท่านเคยเทศน์ไว้ สัตว์โลกล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง การที่เขาจะเจ็บปวด ทรมาณ มากหรือน้อยมันเป็นวิบากของเค้าครับ ถ้าสงสาร ให้สงเคราะห์ ช่วยเหลือให้เต็มที่แล้วให้คอยดูจิตไปด้วยครับ ระวังความสงสารเปลี่ยนเป็นความเศร้า และเราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตใครทั้งนั้น เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินความตายของใครเลย

ที่ผมเขียนอาจไม่ใช่ที่ท่านสอนทุกคำพูดนะครับ แต่ความหมายน่าจะใกล้เคียงครับ

CheKuvara said: ↑

พี่หนุ่มครับผมมีคำถามอีกแล้ว เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่มันเป็นช่องว่างระหว่าง ศาสนากับความเป็นจริงครับ เรื่องของเรื่องคือพ่อของเพื่อนรุ่นพี่ผมเค้า เส้นเลือดในสมองแตก ประมาณเที่ยงคืน เค้าไม่มีรถและฝนตกกว่าจะไปเรียกหารถมาเพื่อจะส่งพ่อไปโรงพยาบาลก็ตีสอง ไปหาโรงพยาบาลที่นี่ไม่ทำอะไร และต้องรอหมอใหญ่ หมอใหญ่บอกต้องส่งต่อ กว่าจะได้ส่งพ่อเค้าไปอีกโรงพยาบาลก็เกือบเที่ยง ปรากฏว่าอาการเป็นหนักครับ พ่อเค้าต้องเป็นเจ้าชายนิททรา ไม่ตายแต่ก็อยู่ได้ด้วยสาย Oxigen เค้าก็รวมความเห็นกันว่าจะถอดหรือจะปล่อยให้พ่อเค้าไปดี สรุปสุดท้ายก็ให้ถอด ผมอยากจะถามพี่ว่ากรณีอย่างนี้จะบาปไหมครับ มันเป็นช่องว่างเหมือนที่พี่เล่ามาจริงๆ ในส่วนของผมๆมาเล่าเรื่องนี้ให้แฟนฟัง และสั่งว่าถ้าผมเป็นอย่างนี้ให้ถอดเลย อย่าปล่อยให้ทรมาน แล้วคนถอดจะบาปไหมครับ
Click to expand...

หนุ่มเมืองแกลง · 19 กรกฎาคม 2010

IEC said: ↑

มาแจ้งข่าวว่าได้รับเหรียญมงคลจากพี่หนุ่มแล้วตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน... พอดีผมไปตจว.มา เลยเพิ่งมาแจ้งให้ทราบครับ

ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ
Click to expand...

ยินดีด้วยนะครับ ขอให้พบแต่สิ่งดีๆตลอดไป

ลูกน้ำเค็ม · 19 กรกฎาคม 2010

สวัสดีครับพี่หนุ่ม สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ

หนุ่มเมืองแกลง · 19 กรกฎาคม 2010

siwarit said: ↑

พี่หนุ่มครับ แล้วถ้าผมต้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของที่ทำงาน ที่ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ผมจะต้องทำอย่างไรครับ แถมแถบนั้นรู้สึกว่าเจ้าที่แรงครับ
Click to expand...

ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตเลยครับ ทำง่ายๆและได้ผลมาแล้ว

- เอาพระพุทธรูปสักองค์ ไปตั้งไว้จุดที่เหมาะสมของบ้านก่อนเลย บนโต๊ะธรรมดาก็ได้ พร้อมน้ำ จุดธูปเทียนบูชา
- เมื่อแรกเข้าบ้าน ให้จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง พร้อมผลไม้และข้าวปลาอาหารถ้วยเล็กๆ เพื่อให้ความเคารพต่อเจ้าบ้าน
-จุดธูปบอกท่าน ขอพักอาศัยและพึ่งบารมีของท่านในการคุ้มครองป้องกัน
- ทำสมาธิติดต่อกับท่าน โดยพูดในกระแสจิตว่า ขออาศัยพักพิงและขอขมาในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรต่อไปข้างหน้า

เมื่อทำแบบนี้แล้ว ท่านไม่มากลั่นแกล้งเราแล้ว เหมือนเราไปกราบใครเป็นครูอาจารย์แล้ว คนๆนั้นทำเราไม่ลงแล้ว เจ้าที่ก็ทำเราไม่ได้เช่นกัน ผิดกฏสวรรค์มาก ทำแล้วเราก็สบายใจ นอนหลับสนิท ใจไม่ฟุ้งซ่าน

หนุ่มเมืองแกลง · 19 กรกฎาคม 2010

noppornl said: ↑

บ้านผมมีทั้งศาลพระภูมิและศาลตา-ยายเจ้าที่ครับ ตั้งอยู่ใกล้กับกำแพง
แล้วข้างบ้านก็ชอบเลี้ยงแมว แบบว่าไม้ตั้งใจเลี้ยงแต่ให้ข้าวกิน งงไหมครับ แหะๆ
ประเดี๋ยวก็ออกลูกมา ทีละครอก ทีละครอก แล้วบ้านผมก็เลยเป็นแหล่งวิ่งเล่นของพวกแมวท่านไป
พอดีที่บ้านร่มรื่นแม้จะมีที่นิดเดียว แต่ชอบมีนกมาเดินเล่นประจำ
ทั้งปรอทหน้านวล นกกางเขน นกเขา(ไม่ใช่นกเรา) นกพิราบ กระจิบ กระจอก
โดยเฉพาะเจ้านกกางเขนนี่มาตั้งตัวเป็นใหญ่ในบ้าน
เดินไปใกล้ๆแหมมีอาการเบ่ง โดยบินมาโฉบเฉี่ยวใกล้ๆ

พอนกเยอะ ก็เป็นภาระของท่านแมวทั้งหลาย ไม่มีคนอยู่นี่ เต้นสวนสนามกันใหญ่
มาคอยดักรอเมื่อไหรเจ้ากางเขนจะพลาดพลั้ง
พอเรากลับมาก็แตกกระเจิง แล้วทีนี้ทางเสือ(แมว)ผ่านนี่ก็เล่นกระโดดหลังคาศาลเจ้าที่เลยครับ
ช้าง มา วัว ควาย ตุ๊กตาหญิงชาย ล้มกันระเนระนาด

ผมก้กราบไหว้ท่านอยู่นะครับ ส่วนใหญ่ถวายดอกไม้เวลาวันพระ
ไม่รู้ว่าท่านยังอยู่กันดีหรือไม่จะรู้ได้อย่างไรบ้างครับ พี่หนุ่มพอมีวิธีไหมครับ
Click to expand...

ปัญหาแมวข้ามศาลไปมานี่ แก้ยาก ลองเอาประทัดโยนใส่เวลามันวิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ให้แมวเห็นตัวเรา มันจะฝังใจจำว่าตรงนั้นอันตราย จะห่างๆไป แต่หากแมวเข้าไปนอนในศาลพนะภูมินี่ ลองใช้กับดักหนู มาดักแมว ไม่เข้ามาอีกเลยและมันจะเข็ดจนตายเลย

9046 · 19 กรกฎาคม 2010

Suppasit_S said: ↑

ตามที่ผมเคยฟังมาอยู่ที่เจตนาเป็นหลักครับ เวลาคนไข้หนักๆ ยื้อไว้นี่ไม่เท่าไรครับ แต่ตอนจะถอดนี่อยู่ที่เจตนาเลยครับยากมากๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ท่านเคยเทศน์ไว้ สัตว์โลกล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง การที่เขาจะเจ็บปวด ทรมาณ มากหรือน้อยมันเป็นวิบากของเค้าครับ ถ้าสงสาร ให้สงเคราะห์ ช่วยเหลือให้เต็มที่แล้วให้คอยดูจิตไปด้วยครับ ระวังความสงสารเปลี่ยนเป็นความเศร้า และเราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตใครทั้งนั้น เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินความตายของใครเลย

ที่ผมเขียนอาจไม่ใช่ที่ท่านสอนทุกคำพูดนะครับ แต่ความหมายน่าจะใกล้เคียงครับ
Click to expand...

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ CheKuvara
พี่หนุ่ม ครับผมมีคำถามอีกแล้ว เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่มันเป็นช่องว่างระหว่าง ศาสนากับความเป็นจริงครับ เรื่องของเรื่องคือพ่อของเพื่อนรุ่นพี่ผมเค้า เส้นเลือดในสมองแตก ประมาณเที่ยงคืน เค้าไม่มีรถและฝนตกกว่าจะไปเรียกหารถมาเพื่อจะส่งพ่อไปโรงพยาบาลก็ตีสอง ไปหาโรงพยาบาลที่นี่ไม่ทำอะไร และต้องรอหมอใหญ่ หมอใหญ่บอกต้องส่งต่อ กว่าจะได้ส่งพ่อเค้าไปอีกโรงพยาบาลก็เกือบเที่ยง ปรากฏว่าอาการเป็นหนักครับ พ่อเค้าต้องเป็นเจ้าชายนิททรา ไม่ตายแต่ก็อยู่ได้ด้วยสาย Oxigen เค้าก็รวมความเห็นกันว่าจะถอดหรือจะปล่อยให้พ่อเค้าไปดี สรุปสุดท้ายก็ให้ถอด ผมอยากจะถามพี่ว่ากรณีอย่างนี้จะบาปไหมครับ มันเป็นช่องว่างเหมือนที่พี่เล่ามาจริงๆ ในส่วนของผมๆมาเล่าเรื่องนี้ให้แฟนฟัง และสั่งว่าถ้าผมเป็นอย่างนี้ให้ถอดเลย อย่าปล่อยให้ทรมาน แล้วคนถอดจะบาปไหมครับ

ผมเคยได้ยินพระอาจารย์ผมสอนว่า อย่าทำ เพราะว่าจะเป็นกรรมหนัก ขวางทางนิพพานเลยครับ ต้องประชุมพี่น้อง แล้วบอกหมอว่า...แล้วแต่หมอเห็นสมควร.. ถ้าเป็นความเห็นเราคนเดียว...เราก็จะกลายเป็นคนสั่งฆ่า

หนุ่มเมืองแกลง · 19 กรกฎาคม 2010

อานิสงค์การบริจาคทาน

CheKuvara · 19 กรกฎาคม 2010

Suppasit_S said: ↑

ตามที่ผมเคยฟังมาอยู่ที่เจตนาเป็นหลักครับ เวลาคนไข้หนักๆ ยื้อไว้นี่ไม่เท่าไรครับ แต่ตอนจะถอดนี่อยู่ที่เจตนาเลยครับยากมากๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ท่านเคยเทศน์ไว้ สัตว์โลกล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง การที่เขาจะเจ็บปวด ทรมาณ มากหรือน้อยมันเป็นวิบากของเค้าครับ ถ้าสงสาร ให้สงเคราะห์ ช่วยเหลือให้เต็มที่แล้วให้คอยดูจิตไปด้วยครับ ระวังความสงสารเปลี่ยนเป็นความเศร้า และเราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตใครทั้งนั้น เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินความตายของใครเลย

ที่ผมเขียนอาจไม่ใช่ที่ท่านสอนทุกคำพูดนะครับ แต่ความหมายน่าจะใกล้เคียงครับ
Click to expand...

ขอขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ของผมพอสรุปไว้เป็นแนวทางของตัวเอง ว่าทุกอย่างอยู่ที่เจตนาและความเหมาะสมครับ หากพบเจอเหตุการณ์ ตามตัวอย่างจะได้เอามาประมวลตัดสินใจอีกทีครับ

เทพทอง · 19 กรกฎาคม 2010

เวลาเราได้พระปลอมมาด้วยเหตุอะไรก็ตาม เราควรทำอย่างไรครับ จะเอาทิ้งยังรู้สึกผิดอยู่ครับถ้าจะเก็บไว้ก็พระไม่ได้บวชไม่น่าเก็บไว้ เราจะทำอย่างไรครับ

CheKuvara · 19 กรกฎาคม 2010

เมื่อคืนไม่ได้นั่งสมาธิเพราะว่า เผลอหลับไปเลยตืนมาตอนตีห้ากว่าแล้วนั่ง ผมว่าดีกว่าตอนดึกอีกครับ เพราะร่างกายปลอดโปร่ง และไม่ค่อยคิดอะไร ตอนค่ำร่างกายเหนื่อยล้า และกังวลกับชีวิตประจำวัน ใครเป็นอย่างผมลองเปลี่ยนเวลาดูครับ

Specialized · 19 กรกฎาคม 2010

ผมได้รับพระจากพี่หนุ่มแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับพี่

ขอให้พี่เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ _/\_

โอสถ · 19 กรกฎาคม 2010

เทพทอง said: ↑

เวลาเราได้พระปลอมมาด้วยเหตุอะไรก็ตาม เราควรทำอย่างไรครับ จะเอาทิ้งยังรู้สึกผิดอยู่ครับถ้าจะเก็บไว้ก็พระไม่ได้บวชไม่น่าเก็บไว้ เราจะทำอย่างไรครับ
Click to expand...

ถ้าเอาโยนทิ้งถังขยะ ย่อมเป็นสิ่งไม่สมควรครับ

ทางเลือกใหญ่ๆ 2 ทาง คือ

1. นำไปให้อาจารย์ที่เรานับถืออธิษฐานจิตให้ แล้วเก็บไว้

2. ถวายวัดไปครับ บอกพระท่านให้ชัดเจนว่าเป็นพระปลอม ท่านอาจไปเข้าพิธีเสก แล้วบรรจุพระเจดีย์หรืออื่นๆครับ เราเองก็ยังได้บุญ

JP Tiger · 19 กรกฎาคม 2010

เทพทอง said: ↑

เวลาเราได้พระปลอมมาด้วยเหตุอะไรก็ตาม เราควรทำอย่างไรครับ จะเอาทิ้งยังรู้สึกผิดอยู่ครับถ้าจะเก็บไว้ก็พระไม่ได้บวชไม่น่าเก็บไว้ เราจะทำอย่างไรครับ
Click to expand...

สำหรับผมๆแยกเก็บเอาไว้ครับ วางไว้บนหิ้งพระหรือบนโต๊ะหมู่บูชาก็ได้ ยังไงก็เป็นรูปพระพุทธพระสงฆ์

Suppasit_S · 19 กรกฎาคม 2010

โห เมื่อวานรู้สึกมีแฟนกระทู้คุณหนุ่มฯไปอยุธยากันหลายคนเลยครับ สำหรับผมผมว่าเมื่อวานอากาศเย็นสบายดีนะครับ โดยเฉพาะที่วัดไผ่ล้อม บรรยากาศดีมาก แต่ช่วงสายจนถึงเที่ยง อ้าวๆ เหมือนกัน

เรียนสอบถามครับ หลวงพ่อเอียดวัดไผ่ล้อม หลวงพ่อหวลวัดพุทไธสวรรค์ และหลวงปู่สวัสดิ์วัดศาลาปูน นี่วัดถุมงคลของแต่ละรูปนี่เด่น ทางด้านใดบ้างครับและควรจะเลือกบูชาอะไร หลวงปู่สวัสดิ์นี่อยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกเหมือนญาติผู้ใหญ่เลยครับ รู้สึกท่านเมตตามาก แต่หลวงพ่อเอียดกับหลวงพ่อหวลท่านก็เมตตานะครับ แต่งานท่านเยอะเหลือเกินไม่กล้ารบกวนเลย

Norragate said: ↑

โมทนาด้วยครับคุณ Suppasit
เมื่อวานช่วงสายๆก่อนที่ผมจะเดินทางไปอยุธยาก็รู้สึกว่าวันนี้ฝนต้องตกแน่....ก้ได้ต่ภาวนาในใจว่าอย่าเพิ่งตกเลย..หรือถ้าหากจะตกก็ขอให้ฝนตกช่วงระหว่างเดินทางไปก็ได้ แต่พอเข้าเมืองอยุธยาก็ขอให้หยุดเถิดดดด เพราะวันนี้ตั้งใจจะเดินทางไปกราบสังขารหลวงปู่ทิม วัดพระขาว เป็นครั้งแรก...ปรากฏว่าขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนไปถึง วัดพระขาว ผนไม่ตกสักเม็ดเลยครับ ท้องฟ้ามีดครึ้มอย่างตลอดทาง....การไปอ.บางบาลนี้เป็นครั้งแรกที่ผมต้องขับรถงมทางไปเองเพราะส่วนใหญ่เคยเข้าไปในแต่ตัวเมือง แต่สุดท้ายก็สามารถไปถึงวัดได้โดยไม่หลงทางสักนิด...จากนั้นพอมาถึงวัด ผมก็รู้สึกโล่งใจมากที่ฝนไม่ตก..และได้เข้าไปกราบสังขารหลวงปู่ทิมและพระประธาน(หลวงพ่อพระขาว) ในวัด...หลังจากที่ออกเดินทางจากวัดออกไปได้ประมาณ 1กม. ฝนตกทันทีเลยครับ...และไหนๆก็มาถึงอยุธยาแล้วก็เลยไปกราบหลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิงต่อและก็เหมือนเดิมครับ พอเข้าใกล้ตัวเมือง ฝนก็หยุดตกอีก แต่อากาศค่อนข้างอบอ้าวพอสมควร...และคนในวัดพนัญเชิงก็เยอะมากๆในวันอาทิตย์...หากครั้งหน้ามีโอกาศผมจะขับรถไปกราบหลวงปู่สวัสดิ์ วัดศาลาปูนบ้างครับ จริงๆแล้วอยากจะไปกราบเกจิที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในอยุธยาที่ยังดำรงขันธ์ต่ออีกครับ แต่ไม่มีข้อมูลและไม่รู้จักเลย...ขนาดหลวงปู่ทิม (วัดพระขาว) ที่ดังมากๆผมยังเพิ่งมาได้รู้จักเมื่อต้นเดือนนี้เอง...พออ่านกระทู้ของคุณSuppasit แล้ว.....ต่อไปคราวหน้าก็คงมีเป้าหมายที่ดีกว่านี้ครับ....(^_^)... ... ไม่รู้ว่าคุณ Suppasit เหงื่อท่วมแบบผมรึป่าวครับ เพราะขนาดเมื่อวานที่อยุธยาไม่มีแดด แต่กลับร้อนมากๆเลยอ่ะครับ....แหะๆ..(^_^)...

คติธรรมจากหลวงปู่ที่ได้กลับมาในวันนี้คือ....
<table style="width: 770px; height: 290px; text-align: left;" border="0"><tbody><tr><td style="text-align: center;">หลวงปู่บอกว่า
ทรัพย์ที่ได้มา ให้เก็บประหยัดเป็น ๔ ส่วน

๑. ให้ทิ้งเหว ๑ ส่วน คือ ตัวเรากินไป ใช้ไป ไม่มีวันเต็ม
๒. ให้ใช้หนี้ ๑ ส่วน คือให้พ่อแม่ตอบแทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงดูเรามา
๓. ให้เขากู้ ๑ ส่วน คือเลี้ยงดูลูกต่อไป หลังจากที่พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาแล้วเป็นการสงเคราะห์ลูก
๔. ฝังฝากไว้ ๑ ส่วน คือทำบุญ ทำทาน ฝากไว้ในบวรพระพุทธศาสนา สืบต่อไป
การเจริญภาวนา คือการพิจรณาร่างกายสังขาร เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นของเรา เว้นไว้แต่ ดี-ชั่ว บาป-บุญติดตามตัวเราไป
</td></tr></tbody></table><table style="width: 770px;" border="0"><tbody><tr><td style="text-align: center;"><table style="width: 308px; height: 79px; text-align: center;" border="0"><tbody><tr><td style="text-align: left;"> ทาน</td><td style="text-align: left;">ทำให้ </td><td style="text-align: left;">รวย</td></tr><tr><td style="text-align: left;"> ศีล </td><td style="text-align: left;">ทำให้ </td><td style="text-align: left;">สวย</td></tr><tr><td style="text-align: left;"> ภาวนา </td><td style="text-align: left;">ทำให้ </td><td style="text-align: left;">มีปัญญา</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

Click to expand...

นำทาง · 19 กรกฎาคม 2010

หนุ่มเมืองแกลง said: ↑

ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตเลยครับ ทำง่ายๆและได้ผลมาแล้ว

- เอาพระพุทธรูปสักองค์ ไปตั้งไว้จุดที่เหมาะสมของบ้านก่อนเลย บนโต๊ะธรรมดาก็ได้ พร้อมน้ำ จุดธูปเทียนบูชา
- เมื่อแรกเข้าบ้าน ให้จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง พร้อมผลไม้และข้าวปลาอาหารถ้วยเล็กๆ เพื่อให้ความเคารพต่อเจ้าบ้าน
-จุดธูปบอกท่าน ขอพักอาศัยและพึ่งบารมีของท่านในการคุ้มครองป้องกัน
- ทำสมาธิติดต่อกับท่าน โดยพูดในกระแสจิตว่า ขออาศัยพักพิงและขอขมาในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรต่อไปข้างหน้า

เมื่อทำแบบนี้แล้ว ท่านไม่มากลั่นแกล้งเราแล้ว เหมือนเราไปกราบใครเป็นครูอาจารย์แล้ว คนๆนั้นทำเราไม่ลงแล้ว เจ้าที่ก็ทำเราไม่ได้เช่นกัน ผิดกฏสวรรค์มาก ทำแล้วเราก็สบายใจ นอนหลับสนิท ใจไม่ฟุ้งซ่าน
Click to expand...

..........................
ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องนี้..ขออนุญาติ save นะครับ...เพราะเจอประจำ เวลาย้ายที่ทำงานใหม่ บ้านเช่าใหม่ แม้เราจะบอกกล่าวแล้ว ก็ยังอุตส่าห์มาดูหน้าตาเราว่าเป็นยังไงสักครั้งหนึ่ง ประจำเลยครับ.....มีอยู่ครั้งหนึ่งที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ผมย้ายเขามาวันแรก มีแม่มาส่งด้วย แม่เป็นคนจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ผมไม่ได้บอก วันหลังแม่กลับผมก็เจอเลยครับ นอนอยู่ดีๆคนเดียวได้ยินเหมือนคนเดินมา พอเดินมาถึงปลายเท้าของผมแค่นั้นและเหมือนยืนอยู่แค่นั้น ผมขยับตัวไม่ได้เลย ลองดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่หลุด ก็เลยอยู่เฉยๆตั้งสติ สวดมนต์ ทุกบทที่จำได้ ก็ยังไม่ยอมไป ตอนนั้นรู้สึกว่าเหนื่อยมากๆๆเลยสักพักก็หายไป มารู้อีกทีบ้านหลังที่เช่าสร้างเสร็จไม่ได้ขึ้นบ้านใหม่เลย ลูกๆๆเป็นข้าราชการสร้างไว้รอยามเกษียร

noppornl · 19 กรกฎาคม 2010

เทพทอง said: ↑

เวลาเราได้พระปลอมมาด้วยเหตุอะไรก็ตาม เราควรทำอย่างไรครับ จะเอาทิ้งยังรู้สึกผิดอยู่ครับถ้าจะเก็บไว้ก็พระไม่ได้บวชไม่น่าเก็บไว้ เราจะทำอย่างไรครับ
Click to expand...

ผมเห็นว่า ควรเก็บไว้ แต่แยกต่างหากเพื่อกันความสับสน
แต่กราบไหว้ได้นะครับ รูปพระพุทธเจ้าพระอริยสงฆ์ ยังไงก็แท้ครับ
หรือจะเก็บรวบรวมไว้บรรจุที่องค์พระเมื่อมีใครต้องการก็ได้ ที่เวปนี้ก็มีหลายงาน
ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าพระหลายๆองค์ที่ได้บรรจุกรุมาตั้งแต่แรก
ก็อาจมีบ้างที่ไม่ได้เสกแบบมีพิธี แต่ผู้สร้างต้องการเพียงแค่สืบสานพระพุทธศาสนา
ขณะทำพระไปจิตเป็นกุศลก็ศักดิ์สิทธิ์เอง

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

ลูกน้ำเค็ม เป็นที่รู้จักกันดี

หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

9046 เป็นที่รู้จักกันดี

หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

บริจาคทานแล้วรวยได้อย่างไร.wma

CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

เทพทอง เป็นที่รู้จักกันดี

CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

JP Tiger เป็นที่รู้จักกันดี

Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

นำทาง เป็นที่รู้จักกันดี

noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ไฟล์ที่แนบมา:

บริจาคทานแล้วรวยได้อย่างไร.wma

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา