สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับเป็นธรรมดา

ในห้อง 'บริการรับดูดวง' ตั้งกระทู้โดย พระสุรัตน์, 17 กรกฎาคม 2010.

  1. พระสุรัตน์

    พระสุรัตน์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +8
    เกิดแล้วต้องตาย รีบๆ สร้างกุศลไว้เยอะๆ นะครับ
     
  2. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    อนุโมทนา สาธุค่ะ เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้คะ
    และมีเรื่องอยากจะนำมาเล่าให้ฟัง เพื่อเตือนสติตนเองให้ระวังไม่ประมาทในทุกๆ เรื่อง
    เรื่องเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปแล้วค่ะ...ทุกๆ เช้าเวลาประมาณ หกโมงครึ่งไปจนถึงเกือบเจ็ดโมง จะมีพระมารับบิณฑบาตร ที่บริเวณสโมสรหมู่บ้านทุกวัน เมื่อวันใดที่ท่านติดกิจทางสงฆ์ไม่สามารถมาได้ หรือ ไม่มีพระมาแทนท่านได้ ท่านก็จะบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายที่คอยจะส่งบุญกุศลกับท่าน จนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ดิฉันก็ได้ใส่บาตรตามปกติ เท่าที่ดิฉันสามารถจะทำได้ เมื่อใส่บาตรเสร็จท่านก็บอกแก่ญาติโยมทั้งหลายว่า วันอาทิตย์นี้ท่านไม่มารับบิณฑบาตร เนื่องด้วยที่วัดมีอุปสมบทหมู่ จะมาเจอกันอีกทีก็วันพระ คือวันจันทร์นี้เลย ดิฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปร่วมบวชพระด้วยเช่นกัน แต่เรื่องที่ทำให้ต้องหยุดฟังและพิจารณาคือ ก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 วัน ได้มีสามเณรรูปหนึ่งที่เคยมารับบิณฑบาตรพร้อมท่าน ได้ถูกรถยนต์ชนเสียชีวิตห่างจากวัดประมาณ 200 เมตรกว่าๆ และกำลังจะเผาสังขารท่านในวันเสาร์นี้เวลา 4.30 น. ดิฉันก็ตั้งใจจะไปขออโหสิกรรมกับสังขารท่านด้วย พอไปถึง...สังขารท่านตั้งตระหง่านอยู่บนเมรุ ประดับไปด้วยดอกไม้เต็มเมรุ แปลกว่า..ความรู้สึก..ในตอนนั้น ไม่เหมือนมางานศพเลย เหมือนเรามาร่วมกันส่งดวงจิตไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า เหมือนมาร่วมกันอวยพรยังไงก็ไม่รู้ เพราะอาการเย็นสบาย ลมพัดให้ชื่นใจได้ตลอดเวลา จนกระทั่งได้มีการกล่าวเชิญรับผ้าบังสกุล นั่นแหละ ดิฉันก็ตกใจ เพราะบริเวณเมรุนั้น สว่างไสวเหลือเกิน ดิฉันก็เข้าใจว่า ดิฉันตาฝาด ก็ยังประหลาดใจอยู่ว่า สามเณรรูปนี้ท่านต้องมีบารมีมากแน่ๆ เลย ในบริเวณนี้ถึงได้สว่างไสวเช่นนี้ แต่เอ๊ะ..ท่านอายุยังน้อยอยู่เลย 12 ปีกว่าๆ เอง แล้วสิ่งที่ดิฉันเห็นคืออะไร...จนกระทั่งการถวายผ้าบังสกุล เหลือเพียง ผ้ามหาบังสกุล ก่อนที่จะนำถวายนั้น ผู้เป็นมารดา ได้ขึ้นกล่าวประวัติของผู้วายชนม์ให้กับแขกที่มาในงานให้ฟังว่า สามเณรรูปนี้ ท่านบวชภาคฤดูร้อนมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ละครั้งก็ต่างกัน อาทิ วัดเชิงเลน ยุวพุทธิกสมาคม ฯลฯ และเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมาท่านก็ได้บวชเช่นเดียวกัน แต่คราวนี้ ต่างจากทุกๆ คราว เพราะท่านจบประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 พอดี เมื่อถึงเวลาเพื่อนๆ สามเณรด้วยกัน ก็ลาสิกขากลับกัน แต่ท่าน...บอกกับผู้เป็นมารดาว่า...เรียนทางธรรมมีความสุขกว่าการเรียนทางโลก ท่านจึงขออนุญาตที่จะศึกษาธรรมคือเรียนปริยัตติต่อไปเลย ผู้เป็นมารดาก็เห็นดีด้วย อีกทั้งผู้เป็นมารดา ก็เป็นนักปฏิบัติภาวนาอยู่เช่นเดียวกัน เพราะท่านก็นุ่งขาวห่มข่าว ถือศีล 8 ใจก็มุ่งสู่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเฉกเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังหวังใจว่า...เมื่อบุตรชายได้บวชเรียนจนได้นักธรรมแล้ว จนถึงเปรียญเก้าแล้ว ก็จะส่งให้เรียนในด้านพระอภิธรรมต่อไป จนกระทั่งจะส่งท่านไปศึกษาในด้านบาลีที่ประเทศพม่า และเมื่อท่านสำเร็จมา ท่านจะได้นำความรู้เหล่านั้น มาบอกกล่าวเล่าสอนให้แก่ศิษย์ของท่านต่อไป เพื่อให้เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนา นั่นคือความหวังของผู้เป็นมารดาที่พร้อมจะสนับสนุนท่านอย่างเต็มกำลัง....แต่แล้ว...เมื่อวันนี้ท่านได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน...แม้กระทั่งผู้เป็นมารดาก็ยังมิทันได้เห็นใจนั้น...ถึงแม้ท่านเป็นนักปฏิบัติก็ตาม...ท่านจึงเรียนถามพระอาจารย์ของสามเณรบุตรชายว่า...พระคุณเจ้า...ดิฉันควรจะทำตนเช่นไร...ณ เวลานี้ ดิฉันก็เหมือนผู้เป็นแม่ทั่วไป ที่มีความรักในบุตรของตน เข้าใจในเรื่องการยึดติด การละปล่อยวาง แต่เวลานี้ หัวอกของคนเป็นแม่นั้น ควรจะเป็นเช่นไร...พระอาจารย์ท่านจึงนำ เรื่องของนางวิสาขา ที่อุ้มหลานชายมาหาพระพุทธเจ้า เพื่อให้นำวิญญาณของหลานชายกลับมา พระพุทธองค์ท่านทรงกล่าวว่า “เราและเขาทำบุญร่วมกันมาเพียงเท่านี้ จากนี้ไป เขาก็ไปสร้างบุญกุศลของเขาต่อ เราก็เช่นกัน ก็ต้องสร้างบุญกุศลต่อเช่นกัน” เมื่อได้ฟังพระอาจารย์ท่านพูดอย่างนี้แล้ว ผู้เป็นมารดา ก็มีสติละวางจากความโศกเศร้าได้ จึงกล่าวต่อว่า เงินทุกบาทที่มีผู้ร่วมทำบุญ ได้นำแบ่งบริจาคตามสถานที่ต่างๆ ที่ละ 10,000 บาท รวมแล้วก็ประมาณ 50,000 - 60,000 บาท และในแต่ละที่ที่ได้นำบริจาคนั้น อาทิเช่น โรงเรียนสอนปริยัตติธรรม มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย โรงพยาบาล และสถานที่สอนธรรม ฯลฯ อีกหลายที่ จนดิฉันจำไม่ได้หมดว่ามีที่ไหนบ้าง และเมื่อมีผู้นำมาบริจาคอีก ก็นำเงินก้อนต่อๆ มา ไปบริจาคอีกเช่นเดียวกัน เมื่อกล่าวดังนั้นแล้ว ผู้เป็นมารดา จึงให้ข้อธรรมทิ้งท้ายไว้แก่ผู้ที่มาในงานว่า “ยิ่งเกิดสภาวะแบบนี้ ดิฉันก็ยิ่งต้องเตือนตนเองตลอดเวลา และ ยิ่งต้องเร่งหมั่นปฏิบัติภาวนาให้มากขึ้น เพราะทุกอย่างตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน ไตรลักษณ์นี้จักต้องเกิดกับทุกคน ขอให้ทุกท่านในที่นี้ เร่งเพียรสร้างบุญกุศล หมั่นทำความดีกันนะคะ สาธุ” ถ้าเป็นละครเวทีเรื่องหนึ่ง ที่กำลังแสดงในโรงละคร ดิฉันคงยืนลุกขึ้นปรบมือให้กับผู้เป็นมารดา ในความตั้งมั่น และละซึ่งความเศร้าโศกนั้นได้ ด้วยกำลังใจที่เด็ดเดี่ยว และเข้มแข็ง แต่...ในความจริงนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง มิใช่ละครแต่อย่างใด เมื่อวางดอกไม้จันทน์และลงจากเมรุมา ดิฉันได้แสดงความรู้สึกที่ดีให้กับผู้เป็นมารดา อย่างสุดซึ้ง กล่าวคำว่า “พี่คะ หนูขออนุโมทนาสาธุกับพี่ด้วยนะคะ สิ่งที่พี่ทำดีแล้วชอบแล้วค่ะ หนูยังไม่รู้เลย ถ้าเป็นหนูจะทำได้เหมือนพี่หรือเปล่า” เธอยิ้มรับและตอบเพียงว่า สามเณรท่านไปดีแล้วค่ะ พี่ไม่ห่วงอะไรแล้ว จะมุ่งหน้าปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นต่อไป....

    นี่แหละค่ะ...ดิฉันก็เป็นแม่คนเหมือนกัน เข้าใจในหัวอกของคนเป็นแม่...แต่...การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปนั้น...เกิดขึ้นกับทุกคน ขอเพียงมีสติอยู่ตลอดเวลา เราก็จะผ่านเวลาอันแสนเศร้านั้นได้ค่ะ
     
  3. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    ขอบคุณอ้อที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไป
    ของวิถึชีวิตคน มาให้อ่านจะได้มีสติกัน
    และพร้อมที่จะนึกถึงความตายทุกขณะจิต
    แต่ก่อนตาย เราทำความดีกับแล้วหรือยัง
    ขอไว้อาลัยแต่สามเณรน้อยทีจากไปด้วยค่ะ
     
  4. Sun smile

    Sun smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +366
    ขอขอบคุณคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สายฝนฉ่ำเย็น<!-- google_ad_section_end --> ที่นำเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปันกันนะคะ
    บางครั้งการไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจตั้งรับ กับความเป็นจริงในชีวิตที่ไม่สามารถหลีกหนีได้
    น้อยคนนักที่จะมีสติตั้งรับได้ทัน การพลัดพรากโดยการจากเป็น...
    ยังไม่เจ็บปวดทรมานเท่ากับการพลัดพรากโดยการจากตาย...
    เพราะชีวิตหลังความตายเราไม่รู้ว่าเขาจะต้องไปเผชิญกับสิ่งใดบ้าง มีสุขหรือมีทุกข์อย่างไร
    และตัวดิฉันเองก็เช่นกัน หากไม่พบเจอกับความทุกข์แห่งการพลัดพรากจากบุคคลที่เรารัก
    ดิฉันก็คงยังไม่ดิ้นรนขวนขวายหาที่พึ่งแห่งใจ...
    แต่น่าเสียดายที่เวลา..ไม่ได้เอื้อโอกาสให้เรากลับไปแก้ไขอีกแล้ว
    ในวันนี้ถึงจะยังสุขไม่มากมาย..แต่เพียงแค่ใจ "เป็นสุข" ก็พอ.

    ขออนุโมทนาบุญกับครอบครัวของสามเณรและกับคุณแม่ของสามเณรด้วยนะคะ
    เพราะท่านไปดีแล้ว..เป็นสุขแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ค่ะ และที่น่าตกใจคือ ผู้เป็นมารดากล่าวให้ฟังว่า เมื่อ 1 อาทิตย์ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ท่านได้ฟังข้อธรรมเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ของ ดร.สนอง วรอุไร...สาธุ..การพึงมีสติอยู่ทุกขณะจิตนั้น เป็นไปโดยความไม่ประมาทโดยทั้งสิ้น
     
  6. นายเอ็ม

    นายเอ็ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +1,840
    สาธุ อนุโมทนาด้วยนะครับ
    นี่แหละหนอ ชีวิตคนเรา
    คนเราเมื่อเข้าสู่อริยะ ก็เป็นอริยะ..........
     

แชร์หน้านี้

Loading...