แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ยินดีด้วยอย่างยิ่งครับ
    ผมเองเมื่อก่อนก็เคยเบื่อที่ต้องตอบคำถามของแม่ซ้ำๆทุกครั้ง "เป็นอย่างไรบ้างลูก สบายดีใหม อยู่ที่ใหนตอนนี้" คำแบบนี้ผมได้ยินทุกครั้งจนเบื่อที่จะตอบ แต่มาบัดนี้ ผมอยากได้ยินคำเหล่านี้ทุกวัน และอยากให้ถามผมแบบนี้อีกสักสามสิบปียิ่งจะดีมากด้วยซ้ำ ในความทุกข์และลำบากยากแค้นที่เราเจออยู่ จนรู้สึกท้อแท้เบื่อหน่าย แม่รับรู้ได้จากความรู้สึกแบบเดียวกับที่เราเป็นอยู่ ทั้งๆที่แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เราทุกข์อะไรนักหนา เราเจออะไรมาบ้าง แล้วเราจะไปเพิ่มความทุกข์ให้แม่อีกทำไม ท่านทุกข์มาค่อนชีวิตแล้ว ให้ท่านสบายใจเท่าที่เราจะทำได้ก็แล้วกัน ขอบคุณครับ
     
  2. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ผีกระเทย (คัดลอกมา)<o>

    </o>
    เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ผมอดที่จะคิดถึงไม่ได้ ทั้งสงสาร ทั้งสมเพชเวทนาในชีวิตของเธอ ที่ต้องมาพบจุดจบเพราะว่าความรักเป็นเหตุ แต่เมื่อคิดถึงอีกครั้ง ก็ไม่อยากจะสงสารเธอ เพราะว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง จริง ๆ หากแต่ว่าเธอเป็น “กะเทย” ต่างหาก หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ถ้ากะเทยมีความรักแล้ว มันจะลึกซึ้งและรุนแรงขนาดไหน เธอยอมได้แม้จะเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อบูชาความรักที่เธอมีให้กับแฟนของเธอ ถึงขนาดยอมผูกคอตาย เพื่อให้แฟนของเธอได้รับรู้ว่า ความรักของเธอนั้นมากมายและมั่นคงแค่ไหน ดังที่ผมจะได้เล่าให้ฟัง

    เรื่องที่ผมจะเล่านี้เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นเมือปลายปี ๒๕๓๒ ในกรุงเทพ ฯ เมืองหลวงของเรานี่เอง หลายคนคิดว่าเป็นเมืองที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ และผู้คนพลุกพล่านวุ่นวายกันอยู่ตลอดเวลาแล้ว ผีจะมาหลอกมาหลอนให้ได้เห็นอย่างไรกัน แต่มันก็เป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่ผมได้พบกับความสยองของวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด เพราะยังมีความรักและความผูกพันกับคนที่ตนเองรักอยู่ จึงต้องคอยติดตามและก็เฝ้ารออยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น ผมเรียนจบ ม.ศ. ๕ จากต่างจังหวัด ก็มุ่งหน้าเข้ามาเพื่อหางานทำและศึกษาต่อในกรุงเทพ ฯ ผมได้สมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง และสถานที่แห่งนี้เอง ที่ทำให้ผมต้องเจอกับวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แล้วก็ได้สิงสถิตอยู่ในหอพักที่ผมได้ไปเช่าอยู่

    ภายหลังที่ได้สมัครเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว พอขึ้นปี ๒ ผมคิดอยากจะเปลี่ยนหอพัก จึงได้ตัดสินใจว่าจะหาหอพักใหม่อยู่แถว ๆ หน้ามหาวิทยาลัย วันนั้น หลังจากที่สอบเทอมปกติเรียบร้อยแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะกว่าจะเปิดเทอมใหม่ มหาวิทยาลัยก็หยุดไปเกือบถึงเดือน แต่หลังจากสอบเสร็จแล้ว ผมไม่ได้กลับบ้านเหมือนคนอื่น ๆ เพราะผมจะต้องหาหอพักใหม่ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะว่าหอพักที่อยู่เก่าสุดเซ็งเต็มที ในช่วงของการปิดเทอมนี้ ตามหอพักต่าง ๆ จะเงียบเหงาผิดปกติ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนที่มหาวิทยาลัยเปิดเรียน ผมใช้เวลาเดินหาหอพักอยู่ครึ่งวัน ก็ไปได้หอพักแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ ซึ่งบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย และเหมาะที่จะใช้เป็นที่อ่านหนังสือได้เป็นอย่างดี ทำให้ผมพอใจในหอพักแห่งนี้มาก ลักษณะของหอพักเป็นบ้านไม้ ๒ ชั้น มีห้องอยู่ ๒๐ ห้อง คือชั้นละ ๑๐ ห้องนั่นเอง หลังจากที่เดินดูสภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณหอพักใหม่แล้วด้วยความพอใจ ผมจึงได้ไปติดต่อกับเจ้าของหอ ซึ่งเจ้าของหอก็บอกว่า ค่าเช่าเพียงห้องละ ๕๕๐ บาทเท่านั้น น้ำไฟฟรี

    ทันทีที่ผมได้ยินค่าเช่าห้อง ยิ่งทำให้ผมพอใจมากขึ้นไปอีก แต่ก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมหอพักนี้จึงถูกจังเลย น้ำไฟก็ไม่ต้องเสีย เพราะปกติแล้วหอพักหน้ามหาวิทยาลัย ถ้าเป็นห้องเดี่ยว ก็ห้องละ ๖๐๐-๗๐๐ บาท น้ำไฟเสียเอง แต่หอพักนี้ค่าเช่าถูก มิหนำซ้ำไฟก็ไม่ต้องเสียอีก ทั้ง ๆ ที่ห้องก็ไม่เล็ก และก็ไม่คับแคบเลย เมื่อเจ้าของหอบอกรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ผมก็ตกลงเช่าห้องทันที และก็ได้วางเงินมัดจำล่วงหน้าไป ๑ เดือน พร้อมกับบอกเจ้าของหอว่า อีก ๒ วัน ผมจะย้ายเข้ามาอยู่

    ห้องที่ผมได้เช่าเอาไว้เป็นห้องเบอร์ ๑๒ ซึ่งอยู่ติด ๆ กับระเบียงข้างหน้า ถัดไปหลังหอจะมีบันไดขึ้นชั้นบนอยู่หน้าห้องเบอร์ ๒๐ ห้องเบอร์ ๒๐ นี่แหละที่มีคนผูกคอตาย โดยวันที่ผมไปขอเช่านั้น ผมไม่รู้เลยว่ามีคนผูกคอตายอยู่ในหอพักแห่งนี้ เมื่อครบกำหนด ๒ วัน หลังจากที่ผมได้ตกลงกับเจ้าของหอแล้ว วันนั้นเป็นวันจันทร์ ผมก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในหอพักใหม่แห่งนี้ วันที่ผมย้ายเข้าไปอยู่นั้น ผมสังเกตดูมีผู้คนอยู่ไม่กี่ห้องที่มีคนอยู่ นอกนั้นปิดเงียบ เจ้าของห้องคงจะพากันกลับไปเยี่ยมบ้านหมด ต่อจากนั้น ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ก้มหน้าก้มตาเช็ดถูห้อง จัดของในห้องอย่างสบายอารมณ์
    ทันใดนั้นเอง ขณะที่ผมกำลังเพลิน ๆ อยู่กับการจัดห้องใหม่นั้น ก็ได้มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนอยู่หน้าห้องของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พร้อมกับเอ่ยถามผมขึ้นมา ทำให้ผมตกใจถึงกับสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที “น้อง..ย้ายเข้ามาอยู่ห้องนี้หรือ?” เสียงชายคนนั้นถามผมด้วยเสียงค่อนข้างดัง ผมก็เลยรีบตอบไปว่า “ครับพี่...ผมอยู่ห้องนี้ แล้วพี่อยู่ห้องไหนล่ะครับ” ผมมีโอกาสก็เลยถามต่อ เพื่อความเป็นมิตรกันในวันข้างหน้า “อยู่ติดกันนี่แหละ ห้องเบอร์ ๑๑ พี่ชื่อเวก” “ยินดีที่รู้จัก ผมชื่ออ๊อดครับ”

    เมื่อสนทนากันได้ชั่วครู่ รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันแล้ว พี่เวกก็ได้ขอตัว ก่อนที่จะไป พี่เวกได้พูดบอกผมว่า “ว่าง ๆ ไปคุยเล่นกับพี่ก็ได้นะ” แล้วพี่เวกก็เดินจากไป วันนั้นกว่าผมจะจัดของให้เข้าที่เข้าทาง และกว่าจะหลับนอนก็ปาเข้าไปเกือบจะตี ๑ พอล้มตัวลงนอนก็หลับสนิทจนสว่าง พอถึงรุ่งเช้า ผมก็เตรียมตัวที่จะลงไปอาบน้ำ ก็ได้พบกับพี่เวกอีก พี่เวกเลยถามผมว่า “เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือเปล่า”

    “สบายดีครับ หลับสนิทเลย เหนื่อยมาก ทำให้นอนรวดเดียวสว่างคาตาเลย” เมื่อคุยกันเสร็จ พี่เวกก็ได้แต่ ยิ้ม ๆ แล้วก็เดินจากไป โดยที่ไม่ได้ถามอะไรผมอีกเลย ส่วนผมก็เดินไปอาบน้ำ เพื่อที่จะออกไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แล้ววันที่ผมได้พบกับความเสียวสยองก็มาถึง วันนั้นเป็นวันที่ ๓ ของการย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักแห่งนี้ หลังจากที่ผมได้ออกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า ผมก็กลับเข้าหอประมาณ ตี ๑ เพราะว่าหอพักนี้เปิดตลอดคืน สาเหตุที่วันนี้กลับเข้าหอพักดึก ก็เพราะไปเที่ยวฉลองวันเกิดที่บ้านเพื่อน

    เมื่อกลับมาถึงหอพัก ผมก็ได้ลงไปอาบน้ำ ก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อกำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงร้องคล้าย ๆ กับเป็นเสียงผู้หญิงร้องอยู่ข้าง ๆ หู ผมพยายามตั้งใจจะจับให้ได้ว่า เสียงร้องนี้ดังมาจากไหน และหอพักผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ ข้างนี้ก็ไม่มี เอ๊ะ มันดังมาจากไหนกันแน่ ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงดังชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิม พอที่จะจับใจความได้ว่า

    “เขาไม่รักฉัน เขาไม่รักฉัน เขาทิ้งฉันไปแล้ว ฮือ ๆ ๆ ๆ”
    เสียงนั้นดังอยู่ประมาณ ๕ นาที ก็เงียบสงบลง แต่ในใจผมคิดว่า ผัว-เมีย คงจะทะเลาะกัน เพราะเหตุการณ์แบบนี้ ผมเคยเห็นมาบ่อย ตั้งแต่อยู่หอพักเก่าจนชิน ผมก็เลยไม่สนใจ แล้วก็หลับไป คืนถัดมา ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือ ประมาณ ๖ ทุ่มเห็นจะได้ ผมก็ได้ยินเสียงร้องเหมือนเมื่อคืนก่อนอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจเหมือนเช่นเดิม จนกระทั่งเกือบจะตี ๒ ผมก็เลิกอ่านหนังสือเพื่อที่จะนอน ก็ได้จัดแจงจัดที่นอน ขณะที่เคลิ้มจะหลับอยู่นั้น เสียงร้องของผู้หญิงคนเดิมก็ยิ่งชัดเจนขึ้นอีก เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเธอนั้น เจ็บปวดรวดร้าวหัวใจมาก แต่ก็เช่นเดิมเหมือนคืนก่อน ผมไม่สนใจว่าจะมีใครมาร้องไห้อีกแล้ว ต้องการนอนอย่างเดียว ก็เลยนอนฟังเสียงไปเรื่อย ๆ แล้วก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

    ตื่นเช้าขึ้นมาผมก็รีบไปถามพี่เวก พี่เวกก็บอกว่าไม่มีอะไร เสียงร้องนี้ได้ยินบ่อยจนเคยชินแล้วหละ แล้วพี่เวกก็ย้ำว่า ส่วนมากคนที่มาอยู่ใหม่ ๆ จะได้ยินจนรู้สึกรำคาญ แต่เมื่ออยู่ไปนาน ๆ ก็เงียบหายไปเอง คล้ายกับเป็นเสียงร้องอะไรสักอย่าง พอถึงเวลาก็จะได้ยินเสียง ในใจผมคิดว่า ถ้าวันนี้มีเสียงร้องขึ้นมาอีก ผมจะต้องหาต้นตอของเสียงนี้ให้ได้ว่า มันดังมาจากที่ไหน ผมจะต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ ถ้าเป็นสิ่งที่หลายคนกลัวกัน ผมก็คงจะอยู่หอนี้ไม่ได้แน่ แต่พี่เวกบอกว่าไม่มีอะไร มันก็น่าคิด แต่ถ้าจะให้ผมกลัว ถ้าไม่เห็นตัวตนจริง ๆ ผมก็ไม่กลัว เพราะคนที่รถชนตายผมก็เคยเห็นตอนที่เขากำลังสิ้นใจ คนโดนรถชนเละตุ้มเป๊ะก็เคยเห็น มิหนำซ้ำคนตายผมยังเคยอุ้มศพไปอาบน้ำเลย ถือเป็นเรื่องสนุกสนานไปด้วยซ้ำ แต่ถ้าคืนนี้ได้ยินเสียงอีก ผมจะต้องจับให้ได้ว่า ใครชอบมาร้องไห้ตอนกลางคืน รบกวนชาวบ้านคนที่เขากำลังอ่านหนังสือ กำลังนอนพักผ่อน เวลาเกือบจะตี ๒ ของวันที่ ๕ ที่ผมเข้ามาอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงร้องไห้เช่นเดิม เสียงร้องยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม รำพึงรำพันถึงความรัก แล้วก็มีเสียงตามด้วย “เขาไม่รักฉัน เขาทิ้งฉันไปแล้ว” อยู่อย่างนี้เป็นเวลานาน


    ความต้องการที่อยากจะรู้ว่า เสียงนี้มันดังมาจากไหน เพราะทนเสียงได้ยินไม่ไหว ก่อให้เกิดความรู้สึกรำคาญขึ้นมาทันที ทำให้ผมตัดสินใจที่จะไปชวนพี่เวกออกไปดูว่า ต้นเสียงมาจากไหน ห้องไหน ถึงได้ยินทุก ๆ คืน ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องออกมา พลันสายตาของผมก็มองไปเห็นคนผู้หนึ่ง นั่งอยู่ที่บันไดที่จะขึ้นมาชั้น ๒ ผมยาว หน้าตาเหมือนผู้หญิงมองมาทางผม ทำให้หัวใจผมสั่นขึ้นมาทันที ผมรีบเปิดประตูห้อง แล้วรีบเดินไปเคาะห้องพี่เวก กว่าพี่เวกจะเปิดประตูก็นานโข พอพี่เวกเปิดประตู เขาก็รีบถามผมทันที “มีอะไรหรืออ๊อด หน้าตาตื่นมาเชียว”

    “ผมได้ยินเสียงร้อง รำคาญทนไม่ไหว ก็เลยจะมาชวนพี่ไปดู แต่พอเปิดประตูออกมาก็เห็นคนนั่งร้องไห้อยู่ที่บันได พี่เวก หอนี้มีผู้หญิงด้วยเหรอครับ” “เปล่า.....มีแต่กะเทยพักอยู่ห้องเบอร์ ๒๐ แต่....”
    “แต่อะไรพี่เวก” ผมรีบถามพี่เวกทันที
    “มันอกหัก และก็ผูกคอตายในห้องเบอร์ ๒๐ หน้าบันไดนั่นแหละ”

    กว่าพี่เวกจะบอกผมได้ ทำเอาผมแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน ผมรีบถามพี่เวกต่อว่า “แล้วที่ผมเห็นเมื่อกี้นี้ก็ใช่นะซี” พี่เวกตอบผมว่า “ใช่ แต่พี่ไม่กลัวหรอก พี่เป็นเพื่อนกับเขา เขาชื่อ “เล็ก” พี่เห็นบ่อยจนไม่กลัวแล้วล่ะ”
    “แล้วห้องที่ใส่กุญแจ ก็แปลว่าไม่มีคนอยู่น่ะซิครับ” ผมรีบถามพี่เวก พี่เวกก็บอกว่า

    “มีคนอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เขากลับบ้านกันหมด แต่ส่วนมากทุกคนก็รู้จักเล็กกันหมดทุกคน สงสารเขามากกว่าที่จะกลัวเขา”
    “พี่เวกพูดรายละเอียดให้ผมฟังหน่อยซิครับ ผมอยากรู้ว่ามันเป็นมาอย่างไร”
    “ได้” พี่เวกพูดให้ผมฟังว่า " “เล็ก” เป็นผู้ชาย แต่มีนิสัยเป็นผู้หญิง หรือกะเทยนั่นแหละ ได้เข้ามาเรียนที่นี่ แล้วก็มาเช่าหออยู่กับแฟนซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกัน เล็กเขาหน้าตาสวยจึงมีคนมาชอบเขาเยอะ แต่เล็กก็ไม่สนใจใคร นอกจากผู้ชายคนที่มาเช่าหออยู่ด้วยกัน หลังจากที่เช่าหออยู่ด้วยกันได้ประมาณปีกว่า แฟนของเล็กก็ไปมีแฟนใหม่ซึ่งเป็นผู้หญิงจริง ๆ ไม่ใช่ไม้ป่าเดียวกัน แฟนเล็กไม่ยอมกลับมาหอ ทำให้เล็กนั้นกลุ้มใจ คิดมาก บ่นว่าอยากตาย ๆ หนังสือก็ไม่ยอมไปเรียน เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง จากนั้นไม่นาน เมื่อตัดสินใจในปัญหาไม่ได้ เล็กก็ได้ตัดสินใจผูกคอตายอยู่ในห้องพักของเขานั่นเอง ก่อนตายเขาได้เขียนจดหมายถึงแฟนฉบับหนึ่ง รำพึงรำพันถึงความรักของเขาว่า

    “เล็กรักพี่มาก เมื่อพี่ไปมีผู้หญิงอื่น เล็กก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เล็กเกิดเป็นผู้หญิง และจะขอเป็นแฟนพี่ตลอดไป ลาก่อน” และเสียงที่ร้องไห้ทุกคืน ก็คือเสียงของ “เล็ก” นั่นเอง ส่วนมากเด็กที่เข้ามาอยู่ใหม่จะได้ยินบ่อย แต่สำหรับพวกพี่ชินแล้วล่ะ”

    คืนนั้นทั้งคืน ผมต้องขอนอนอยู่ในห้องของพี่เวกจนสว่าง แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ก็อดที่จะสงสารเธอไม่ได้ แต่ผมก็คงจะอยู่ที่หอพักนี้ไม่ได้อีกแล้ว พอสายหน่อย ผมก็ไปคุยกับเจ้าของหอ ขอย้ายออกทันที มิน่าล่ะ ค่าเช่าถึงได้ถูก อะไรฟรีหมดทุกอย่าง บรรยากาศก็ดี แต่มีผีอยู่ด้วย แล้วใครจะอยู่ล่ะ...

    ครับ นี่คือประสบการณ์จริงที่ผมได้พบเห็นมากับตาของตนเอง ถ้าใครไม่เชื่อก็ไปสอบถามได้เลยนะครับ หอพักย่านริมคลองแสนแสบ มีหอไหนบ้างที่ผีดุ นักศึกษาเขาจะรู้กันทั้งนั้นแหละ
    <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2010
  3. kanpatsavee

    kanpatsavee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,327
    ค่าพลัง:
    +7,003

    อนุโมทนากับบทความดีๆนี้ค่ะ
     
  4. namo_2009

    namo_2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,432
    ค่าพลัง:
    +10,228
    เกือบลืมคาถาบูชาหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

    นะโม 3 จบ แล้วตามรูปเลยครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    พี่หนุ่มครับ ปี 2506 มีสร้างพระมงคลมหาลาภขึ้นมาอีกเหรอครับ พิมพ์กับเนื้อเป็นแบบไหน อย่างไรครับ?
     
  6. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,772
    ค่าพลัง:
    +83,788
    แร่พลวงนั้นมีประโยชน์อย่างไรครับพี่หนุ่ม ทราบว่าราคาแพงพอสมควร
     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    เนื้อพระผสมผงมากกว่า ไม่แกร่งและ เนื้อร่วนกว่าปี99
    เซาะแกะยันต์หลัง เซาะองค์พระ นาคแก้ไขใหม่และตื้นกว่า เลือกที่เนื้อแกร่ง หรือแบบลงกรุ ไว้ก่อนครับจะไม่มีปัญหาภายหลัง
     
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ทำยา ทำดอกไม้ไฟ ใช้ในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ราคาแพงกว่าแร่เหล็ก 20 เท่า
    มีสองแบบคือ พลวงเงิน และพลวงทอง ผมเอารูปมาลงให้ดูแล้วครับ แร่พลวงทองราคาแพงกว่าแร่พลวงเงิน ที่รู้ดีเพราะผมส่งขายแร่นี้อยู่ โดยนำเข้าจากพม่าครับ
    สีเงินๆคือแร่พลวงเงิน สีคล้ายๆดินปลวกคือแร่พลวงทอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,521
    พี่หนุ่มและผู้รู้ครับ วันนี้ผมอยู่เวร มีพยาบาลคนหนึ่งเขาพูดกับน้องในห้องฟังว่า เขาเห็นคนป่วยอยู่คนหนึ่งเป็นแผลในปากกินอะไรไม่ได้ ด้วยความสงสารเขาได้แพร่เมตตาให้คนป่วยผู้นั้น ถ้าจำคำพูดไม่ผิดเขาบอกว่าหลังจากนั้นเขาเจ็บปาก เขาพูดออกมาว่าหรือเจ้ากรรมนายเวรคนนั้นไม่ยอมเลยมาเล่นงานเขาแทน พี่คิดว่ากรณีแบบนี้เกิดจากอะไรต้องแก้ไขอะไร ผมได้แต่ฟังเฉยๆ ในใจก็คิดว่าเขาจะต้องมีครูบาอาจารย์คุ้มครองด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2010
  10. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,787
    ดูดีครับ จุดที่พอดูได้คือ หูเหรียญครับ ความสึกดูเป็นธรรมชาติ

    รูปเล็กไปหน่อยนะครับ และจะให้ชัวร์ต้องดูองค์จริงครับ
     
  11. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    หากพูดในแง่ของพยาธิวิทยา ก็เป็นแผลร้อนใน จากความเครียดหรืออากาศเปลี่ยน ร่างกายอ่อนเพลีย หรือติดเชื้อในช่องปาก
    แต่หากจะเอาทางธรรม ก็อาจเป็นได้จากการชดเชยให้เจ้ากรรมนายเวรของคนป่วย ไม่ต้องตกใจ ยังไงก็หายครับ ทานน้ำมากๆ นอนพักผ่อน และสวดมนต์แผ่เมตตาบ้าง
     
  12. namo_2009

    namo_2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,432
    ค่าพลัง:
    +10,228
    พี่หนุ่มครับเรื่องราวปลัดขิก เกี่ยวกับการดิ้นหรือเหาะได้ เกิดจากอะไรครับพี่ทำไมถึงบินได้ขนาดนั้น
     
  13. romeo2003_61

    romeo2003_61 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +857
    พี่หนุ่มครับ แล้วพระมงคลฯ พิมพ์ชะลูดนี่ เป็นพระปี99 หรือเปล่าครับ
     
  14. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327

    รบกวนสอบถาม พี่หนุ่ม คุณศิษย์หลวงปู่กวย และเพื่อนๆ ทุกคน แบบนี้ของแท้ไหมครับ แล้วเหรียญนี้เด่นทางด้านไหนเป็นพิเศษครับ


    ขอบคุณมากครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>

    ดูดี ครับ สภาพ ผ่านมาโชกโชน

    ศิษย์ บางคนชอบมากเหรียญที่ผ่านการบูชามาขนาดนี้
    แม้รูปที่ดูจะเล็กไป เก็บไว้ดีๆครับ หาบูชาในราคาที่ไม่แรงยากแล้ว พระ หลวงปู่กวย
     
  15. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872

    พิมพ์ชะลูดที่เนื้อแกร่งใช่ ที่เป็นเนื้อผสมผงไม่ใช่ครับ และที่ยันต์หลังแกะใหม่นั้นไม่ใช่แน่นอน ยันต์หลังจะผิดจากปี 99 ไปเลย ที่ดอกบัว ที่รัศมีและตัวหนังสือ
     
  16. หนึ่งบาท

    หนึ่งบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +285
    ผมขออนุญาตินำคำเทศนาขององค์หลวงตามหาบัว บางตอนมาให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ
    "พระลูกศิษย์หลวงปู่บุดดา ได้ไปหาเราที่สวนแสงธรรม เราก็ได้ถามถึงอาการของหลวงปู่ท่านว่า...

    "แต่ก่อนธาตุขันธ์ของท่านเป็นคุณเป็นประโยชน์ ทำประโยชน์ให้โลกมามากต่อมาก นานแสนนาน จนกระทั่งอายุถึงปูนนี้ และได้เข้ามาอยู่ศิริราชแล้วเวลานี้ เพื่อจะลาขันธ์ไปเพราะขันธ์นี้ใช้ไม่ได้แล้ว

    นอกจากใช้ไม่ได้แล้ว ยังเป็นโทษรอบตัวอีก ไม่มีช่องว่างของขันธ์ที่จะไม่เป็นโทษต่อท่าน แล้วยังจะเอาท่านไว้อย่างนั้นอยู่เหรอ... สมควรแล้วหรือ ให้ลูกหลานไปพิจารณานะ"
     
  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    อิทธิฤทธิ์จากอำนาจจิตครับ
    แต่ผมเคยเห็นแค่ดิ้นน้อยๆของ ลพ.ยิด วัดหนองจอกครับ ดิ้นในฝ่ามือท่านเอง
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    สมบัติครั้งสงครามโลก
    <o></o>

    ในเขตอำเภอขุนยวม แม่ฮ่องสอน ด้านที่ติดกับฝั่งพม่า เลยวัดม่วยต่อไปเล็กน้อย มีถ้ำในฝั่งพม่ามากมายหลายถ้ำและเป็นสุสานในป่าของทหารญี่ปุ่นที่มาเสียชีวิตล้มตายลงเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สองมากกว่าพันคน เมื่อครั้งเดินทัพเข้าไปในพม่าโดยผ่านทางขุนยวม ที่ตอนนั้นมีแต่ป่าเขาและดงไม้หนาทึบ ยังมีอนุสาวรีย์เป็นสุสานของพวกเขาอยู่ที่นั่นมากมายหลายหลุม และเมื่อหลายปีก่อนมีคนจากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าไปสำรวจตามถ้ำต่างๆ และขุดเอากระดูกพร้อมของหลายอย่างเช่นดาบซามูไร ตราประจำตัวและของใช้ประจำตัวแม่ทัพ ที่ขุดหาได้ในถ้ำเชิงเขาฝั่งพม่า และได้ไปมากกว่า 30 รายการ ของเหล่านี้มีความหมายต่อประวัตศาสตร์และคนญี่ปุ่นมากเกินกว่าเราจะเข้าใจ เขาลงทุนหลายล้านบาทเพียงเพื่อจะค้นหาดาบเก่าๆและตราหินแกะที่เสียหายมากแล้ว หากเราดูอย่างไรก็ไม่คุ้มค่า แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เขาถือว่าของเหล่านี้มีค่ามากเกินกว่าจะตีราคาเป็นเงินทองในโลกปัจจุบัน

    เขาไม่สนใจของมีค่าเช่นทองคำแท่งที่มีการพบหลงเหลืออยู่บ้าง มากเท่าสมบัติประจำตัวของแม่ทัพ ที่มีชื่อจารึกอยู่บนของใช้แทบทั้งสิ้น นอกจากถ้ำแถบตรงข้ามอำเภอขุนยวมแล้ว ที่หมายใหญ่อีกแห่งหนึ่งคือ ถ้ำต่างๆในเขตพม่าตรงข้ามบ้านบ้องตี้และถ้ำในเขตไทรโยคของไทย ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาได้เดินทัพเข้ามาทางด่านนี้ และหยุดพักทัพเพื่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควอยู่นานหลายเดือน จนคนล้มตายไปหลายหมื่นคน เขายังได้ฝังสิ่งของต่างๆที่กวาดต้อนเก็บเอามา จากชนชาติอื่นๆที่เขาเดินทัพผ่านและตีแตกมาแล้ว ไว้แถบนี้อีกมากมาย ก่อนจะกรีฑาทัพข้ามสะพานแม่น้ำแควไปยังพม่าและที่อื่น ปัจจุบันมีการพบทางรถไฟที่หายเข้าไปในหุบเขาทั้งเส้น โดยที่ยังคงมีร่องรอยเหล็กทางรถไฟ คาอยู่ที่ปากถ้ำ และมีหินจากภูเขาถูกถล่มปิดปากถ้ำไว้ทั้งหมดหลายหมื่นตัน ยังมีอีกหลายเรื่องรอการค้นหาพิสูจน์ในเร็วๆนี้<o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2010
  19. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327
    พี่ที่ผมรู้จักที่เค้าอยู่เมืองกาญจน์ ที่เค้าเล่าเรื่อง สมบัติสงครามโลกให้ฟัง พี่เค้าเคยเล่าเรื่องที่เขาไปในป่าเมืองกาญจน์ และได้ไปเจอปากรู อยู่รูหนึ่ง มีขนาดคนคลานเข้าไปได้ ตอนแรกที่พี่เค้าเจอกับเพื่อนๆที่ไปด้วยกัน เค้าก้เดินไปดูปากรู เห็นปากรูมีความเป็นมันเลี่ยมและดูไปทั่วๆ ก้สังเกตุเห็นแผ่นอะไรแผ่นหนึ่งติดอยู่ขอบด้านบนปากรู พี่เค้าก็เลยหยิบมาดู พี่เค้าบอกเป็นเหมือน เกล็ดงู ที่มีขนาดใหญ่เท่าเหรียญ 5 บาท สมัยเก่า เค้าก็ลองเอาไปส่องเข้าไปดู ในรูนั้น ก็เห็นว่ามีความลึก พอสมควร แล้วจึงหันมาคุยกันกับเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันว่า จะลองเข้าไปมั้ย เพื่อนเค้า ก็บอกว่า ลองดูเพราะนี่ก็พึ่งจะเกือบเที่ง ยังไม่มืด เลยตกลงคลานเข้าไปกัน ดดยมี 2 คน อยู่ด้านนอก ที่ปากรู ที่เหลือเมื่อเข้าไปแล้ว กลับออกมา พี่เค้าเล่าว่า ข้างใน เป็นโถงใหญ่มาก และมีทางเดินไปได้อีกไกล แต่เข้าก้ไม่กล้าไปไกลมาก เพราะไม่รู้ว่า รูที่เข้ามา และเกล็ด ที่เห็น เป็น งูอะไร หรือ เป็นอะไรที่ใหญ่กว่า งู หรือป่าว เพราะพี่เค้าบอกว่า รูขนาดคนคลานเข้าไปได้ แต่ กับ มีเกล็ด หลุด ติดที่ปากรู แสดงว่า ตัวต้องใหญ่ พอๆกับรู ไม่งั้น เกล้ดไม่น่าจะหลุด ติดอยู่


    พี่หนุ่ม ครับ รูที่ใหญ่ ขนาดนี้ น่าจะเป็นของงู ที่ใหญ่ มากๆ มั้ยครับ หรือเป็นอย่างอื่น
     
  20. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ขอบคุณมากครับ อย่างรูปนี้ผมต้องใช้วิธีสแกนพระ่ผ่าน printer พวก all in one เข้าคอมไปเลยครับ ถ่ายจากกล้อง macro อย่างไรก็ไม่ชัด นี่เป็นพระองค์แรกของหลวงพ่อกวย ที่ผมได้มาบูชาครับ คิดว่าสภาพผ่านการใช้งานมามาก เลยไม่มีคนสนใจ ผมเลยได้บูชามาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...