999 ประสบการณ์วัตถุมงคล หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ 999

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ดู๋ดี๋, 27 มิถุนายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    พระกริ่งพรหมคุณ เนื้อเงิน จัดสร้างปี 2537 ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นหลวงปู่อายุยังไม่ถึง 80 หลวงปู่บอกว่า ครูบาอาจารย์ท่านห้ามสร้างวัตถุมงคลก่อนอายุ 80 ปี ตอนนั้น ก็เลยกลายเป็นศิษย์สร้างถวาย จำนวนการจัดสร้างไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ รุ่นที่ออกสมัยก่อนยุคต้น โดยเฉพาะรุ่น พรหมคุณ ไม่ว่าเหรียญ - พระกริ่ง - ปิดตากนกข้าง ล้วนพานพบประสพการณ์มากมาย ว่ากันว่า เล่า หนึ่งเล่ม เยลโล่เพจเจสก็ไม่หมด

    แต่นิดนึงครับ กริ่งพรหมคุณ ค่อนข้างเล่นยากอยู่สักหน่อย แต่องค์นี้ที่นำมาให้ชม แท้ตลอดชีวิตครับท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    “คุณนายแก้ว เป็นเจ้าของโรงเรียนที่ชอบทำบุ<WBR>ญมาก เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู<WBR>่เนือง ๆ

    ใครมาบอกบุญสร้างโบสถ์วิหารที่<WBR>ไหน ไม่เคยปฏิเสธ เธอปลื้มปิติมากที่ถวายเงินนั<WBR>บแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้<WBR>างโรงเรียน




    บุญที่ถูกลืม.. (พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล)


    แต่เมื่อได้ทราบว่านักเรี<WBR>ยนคนหนึ่ง
    ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน
    ค้างชำระมาสองเทอมแล้ว
    เธอตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้<WBR>นออกจากโรงเรียนทันที

    สายใจพาหญิงชราและเพื่อนผู้พิ<WBR>การเดินกะย่อง
    กะแย่งฝ่าแดดกล้าไปยังถนนใหญ่
    เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคั<WBR>นแล่นผ่านไป
    แต่ตลอดเส้นทางเกือบ ๓ กิโลเมตร
    ไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับผู้เฒ่<WBR>าและคนพิการขึ้นรถเพื่อไปส่<WBR>งถนนใหญ่เลย


    “สายใจ”พาป้าวัย ๗๐ และเพื่อนซึ่งมีขาพิการไปถวายภั<WBR>ตตาหารเช้าที่วัดแห่งหนึ่ง
    ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานั<WBR>บถือของประชาชนทั่วประเทศ


    เช้าวันนั้นมีคนมาทำบุญคับคั่ง จนลานวัดแน่นขนัดไปด้วยรถ
    เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับ

    เหตุการณ์ทำนองนี้มิใช่เป็นเรื่<WBR>องแปลกประหลาดในสังคมไทย
    “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่<WBR>วไปในหมู่ชาวพุทธ


    ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า
    คนไทยนับถือพุทธศาสนากันอย่างไร จึงมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก
    เหตุใดการนับถือพุทธศาสนา จึงไม่ช่วยให้คนไทยมีน้ำใจต่<WBR>อเพื่อนมนุษย์
    โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยาก
    การทำบุญไม่ช่วยให้คนไทยมี<WBR>เมตตากรุณาต่อผู้อื่นเลยหรือ

    แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่<WBR>าตน เช่น คนยากจน หรือสัตว์น้อยใหญ่
    เรากลับละเลยกันมาก (ยกเว้นคนหรือสัตว์ที่ถือว่าเป็<WBR>น “พวกกู” หรือ “ของกู”)


    แม้แต่เวลาไปทำบุญที่วัด เราก็มักละเลยสามเณรและแม่ชี
    แต่กุลีกุจอเต็มที่กับพระสงฆ์


    หากสังเกตจะพบว่าการทำบุ<WBR>ญของคนไทยมักจะกระทำต่อสิ่งที่<WBR>อยู่สูงกว่าตน

    เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น

    นั่นแสดงว่าที่เราทำบุญกั<WBR>นมากมาย ก็เพราะหวังประโยชน์ส่วนตัวเป็<WBR>นสำคัญ

    ดังนั้นยิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี<WBR>้ ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น

    ผลคือจิตใจยิ่งคับแคบ ความเมตตากรุณาต่อผู้ทุกข์ยากมี<WBR>แต่จะน้อยลง

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การทำบุญแบบนี้กลับจะทำให้ได้บุ<WBR>ญน้อยลง

    แต่อานิสงส์ที่จะเกิดแก่ผู้<WBR>ถวายนั้นย่อมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่<WBR>วย
    เพราะเจือด้วยความเห็นแก่ตัว ยิ่งถ้าทำบุญ 100 บาท เพราะหวังจะได้เงินล้าน
    บุญที่เกิดขึ้นย่อมน้อยลงไปอี<WBR>กเพราะใช่หรือไม่ว่านี่เป็นการ “ค้ากำไรเกินควร”


    แน่นอนว่าประโยชน์ย่อมเกิดแก่ผู<WBR>้รับอยู่แล้ว เช่น หากถวายอาหาร อาหารนั้นย่อมทำให้พระสงฆ์มี<WBR>กำลังในการศึกษาปฏิบัติธรรมได้<WBR>มากขึ้น

    บุญที่ทำในรูปของการถวายทานนั้<WBR>น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเงินก็ตาม

    จุดหมายสูงสุดอยู่ที่<WBR>การลดความยึดติดถือมั่นในตัวกู<WBR>ของกู
    ยิ่งลดได้มากเท่าไรก็ยิ่งเข้<WBR>าใกล้นิพพานอันเป็นประโยชน์สู<WBR>งสุด


    แต่หากทำบุญเพราะหวังแต่<WBR>ประโยชน์ส่วนตน
    อยากได้เข้าตัวมาก ๆ แทนที่จะสละออกไป


    ก็ยิ่งห่างไกลจากนิพพาน
    หรือกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นนิ<WBR>พพานด้วยซ้ำ


    อันที่จริงอย่าว่าแต่นิพพานเลย แม้แต่ความสุขในปัจจุบันชาติ ก็อาจเกิดขึ้นได้ยาก เพราะจิตที่คิดแต่จะเอานั้นเป็<WBR>นบ่อเกิดแห่งความทุกข์


    อันที่จริงถ้ามองให้กว้างกว่<WBR>าการทำบุญ ก็จะพบปรากฏการณ์ในทำนองเดียวกั<WBR>น นั่นคือคนไทยนิยมทำดีกับคนที่ถื<WBR>อว่าอยู่สูงกว่าตน แต่ไม่สนใจที่จะทำดีกับคนที่ถื<WBR>อว่าต่ำกว่าตน เช่น ทำดี กับเจ้านาย คนรวย ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง
    ทั้งนี้ก็เพราะเหตุผลเดียวกันคื<WBR>อคนเหล่านั้นให้ประโยชน์แก่<WBR>เราได้ (หรือแม้เขาจะให้คุณได้ไม่มาก แต่ก็สามารถให้โทษได้ )
    ประโยชน์ในที่นี้ไม่จำต้องเป็<WBR>นประโยชน์ทางวัตถุ อาจเป็นประโยชน์ทางจิตใจก็ได้
    เช่น คำสรรเสริญ หรือการให้ความยอมรับ

    ประการหลังคือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้<WBR>คนไทยขวนขวายช่วยเหลือฝรั่งที่<WBR>ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่



    แต่กลับเมินเฉยหากคนที่เดือดร้<WBR>อนนั้นเป็นพม่า มอญลาว เขมร หรือกะเหรี่ยง

    ใช่หรือไม่ว่าคำชื่นชมของพม่<WBR>าหรือกะเหรี่ยง ความหมายกับเราน้อยกว่<WBR>าคำสรรเสริญของฝรั่ง


    ทั้งนี้เพราะมิได้หวั<WBR>งผลประโยชน์ใด ๆ
    นอกจากความปรารถนาให้เขาพ้นทุ<WBR>กข์ นี้คือกรุณาที่แท้ในพุทธศาสนา

    การทำดีโดยหวังผลประโยชน์ หรือยังมีการแบ่งแยกและเลือกปฏิ<WBR>บัติอยู่ ย่อมไม่อาจเรียกว่าทำด้<WBR>วยเมตตากรุณาอย่างแท้จริง


    บุคคลจะได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญ ไม่ใช่เพราะนิยมทำบุญกับสิ่งที่<WBR>อยู่สูงกว่าตนเท่านั้น
    หากยังยินดีที่จะทำบุญกับสิ่งที<WBR>่เสมอกับตนหรืออยู่ต่ำกว่าตนอี<WBR>กด้วย แม้เขาจะไม่สามารถให้คุณให้<WBR>โทษแก่ตนได้ ก็ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
    ในแง่ของชาวพุทธ การช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยากเดื<WBR>อดร้อน
    ทั้ง ๆ ที่เขาไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่<WBR>เรา
    ได้ เป็นเครื่องฝึกใจให้มีเมตตากรุ<WBR>ณา และลดละความเห็นแก่ตัวได้เป็<WBR>นอย่างดี
    ยิ่งทำมากเท่าไร จิตใจก็ยิ่งเปิดกว้าง อัตตาก็ยิ่งเล็กลง
    ทำให้มีที่ว่างเปิดรับความสุ<WBR>ขได้มากขึ้น ยิ่งให้ความสุขแก่เขา
     
  3. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    ไปเจอบทความที่น่าสนใจเลยนำมาให้อ่านครับ

    กระทู้นี้อยากจะขอรบกวนเนื้อที่เวปคนรักมีดสักหน่อยเพื่อโพสส่วนหนึ่งของความความทรงจำ เกี่ยวกับองค์ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ที่ผมรู้จัก และได้มีส่วนรู้เห็นเป็นแง่มุมหนึ่งของลูกศิษย์คนึงที่จะเล่าถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นที่เครพรักยิ่ง

    เมื่อ 7 8 ปีที่แล้วผมเองยังชอบที่จะไปหาพระอาจารย์ดัง ๆ ตามวัดต่าง ๆ ก็พอดีได้อ่านประวัติท่านหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญจากหนังสือต่าง ๆ ก็รู้สึกว่าชอบจริยาวัตรของท่าน ก็พอมีโอกาศก็ได้มากราบท่าน ยิ่งรู้สึกชอบอุปนิสัยท่านจนมากราบท่านบ่อยครั้งขึ้น บางครั้งที่ผมได้มีโอกาศไปกราบหลวงปู่ฯท่าน และถือโอกาศพักค้างที่สุสานทีละหลาย ๆวัน

    ยิ่งได้รู้มากเห็นมาก ยิ่งเครพ ยิ่งศัทธา มากขึ้นทุกที เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดว่าถ้าจะดูว่าพระองค์นั้นดีมั๊ยให้ดูว่าชาวบ้าน ละแวกวัดมีความเครพนับถือพระองค์นั้นเพียงใด แต่กับหลวงปู่ฯท่านทุกเย็น ชาวบ้านจะพากันมากราบท่านโดยที่มีกรวยดอกไม้เข้ามากราบท่านทุกวัน พวกเด็กๆก็เหมือนกันจะพากันมารออยู่ข้างหลังผู้ใหญ่ พอผู้ใหญ่กราบเสร็จ พวกเด็ก ๆ ก็จะเข้าไปกราบต่อ

    ตอนนี้หลวงปู่ท่านจะแจกขนมที่ท่านซื้อเอาไว้ให้เด็ก ๆ ทีละคน ๆ ถบางครั้งเป็นนมขวด ท่านก็จะเอาหลอดเจาะให้เด็กทีละขวด ทีละคน ๆ ไปอย่างนี้ทุกคน บางทีแม่ลูกอ่อนลูกไม่สบายก็อุ้มลูกมาหาหลวงปู่ฯ ๆ ท่านก็รับเด็กจากมือแม่ลูกอ่อน มาอุ้มแล้วก็เป่าแล้วก็เป่าให้ทั่วตัว ท่านเป่าเหมือนกับจะให้เด็กน้อยหายไข้เดี๋ยวนั้น และภาพเหล่านี้เป็นเรื่องปกติเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน พอกราบหลวงปู่กันแล้วชาวบ้านก็จะพากันไปนั่งเล่น นอนเล่นที่ ศาลาเล็ก ๆ ตรงปากทางเข้าสุสาน(ย้ำ...ว่าสุสานที่แปลว่าป่าช้าครับ) เหมือนกับเป็นศาลาปรชาคม ประจำหมู่บ้านก็นั่งคุย นอนคุยจนมืดค่ำก็จะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวัน

    เราซึ่งเป็นคนได้รู้ได้เห็นก้ไม่รู้ว่าจะบรรยายควารู้สึกและความทรงจำเหล่านี้อย่างไรดี อาจจจะเรียกได้ว่ารู้สึกประทับใจก็ได้ และก็รู้สึกสนิทใจและสบายใจเวลาที่อยู่กับหลวงปู่ฯท่าน ด้วยว่าเพราะเรารู้ในใจแล้วว่าเราเจอครูบาอาจารย์ของเราแล้ว

    เมื่อก่อนเราแขวนพระ 5-7-9 องค์ องค์ละหลวงพ่อ ๆ อย่างเหรียญพระชินสีห์ ธรรมศาสตร์ 60 ปี เนื้อเงิน เหรียญท่านอ.วัน อุตตโม สำนักทรัพย์สิน เนื้อนวะฯ เหรียญหลวงปู่ชอบ ที่หล่อจากฝาบาตรท่าน ล็อคเก็ตหลวงตามหาบัว รุ่นแรก ทรงกลม สีฟ้า ถ่ายแค่หัวไหล่ หลังมีเกษาท่าน ลุงชาญณรงค์ที่เป็นคนถือบาตรหลวงตาฯเลามาที่สวนแสงธรรมให้มา เหรียญ รูปหล่อ รุ่นแรก เนื้อเงิน หลวงปู่เจี๊ยะ อาจารย์เรา ฯลฯ อีกมากมายทั้งของเราและของพ่อเรา

    แต่พอมาเจอหลวงปู่เหมือนกับเราเจอ อาจารย์ของเราแล้วท่านจะขลังยังไง ขนาดไหนไม่ทราบได้ในตอนนั้น แต่ข้อวัตรปฏิบัติของท่าน มั่นทำให้เราอบอุ่นเย็นใจ ใจเราถึงเครพศัทธาท่านสนิทแน่บแน่น เราก็เต็มใจที่จะแขวนพระท่านเพียงองค์เดียว หรือไม่ก็จะขาดไม่ได้ต้องมีในคอเสมอ

    หลวงปู่ ฯ ท่านชอบซื้อชีวิตสัตว์มาปล่อย ชอบขุดบ่อน้ำ ฝายก้นน้ำ ซื้อที่ขยายป่า ใครจับงูมาได้จะงูอะไรก็เอามาขายหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อ ถ้าใครเคยไปสุสานจะเห็นกองหินที่เรียงรายเป็นตั้งสูงนั่นคือที่อยู่ของงู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ที่ท่านซื้อมาปล่อย โดยที่ก่อนปล่อยท่านจะเป่าก่อน ท่านว่าเป่าให้คนมองเขาไม่เห็นและเขาก็ไม่กัดคน

    ลูกศิษย์หลวงปู่ฯ(งู ะขาบ แมงป่อง) จึงไม่เคยกัดใครแม้แต่คนเดียว บางครั้งพวกขายปลาช่อน ปลาดุก จากตัวจังหวัด ขายไม่หมดก็เอามาขายหลวงปู่ ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อเอามาปล่อย ที่ละ 2-3หมื่นบาท(ผมยังเคยชั่งปลาและคิดเงินให้ท่าน)

    มีเรื่องแปลกที่ผมได้พบอยู่เรื่องนึง คืนนั้นผทนอนเฝ้าท่านตามปกติ ก็นั่งคุยกับท่านสักพัก ก็มีศิษย์ร่วมสำนัก(แมงป่อง)ตัวใหญ่มาก กำลังมุ่งตรงเข้ามาทางเรา(ผมกับหลวงปู่ฯ) พอหลวงปู่ ฯ ท่านเห็นท่านก็พูดเปรย ๆขึ้นว่า

    นั่นเขามาลาหลวงปู่

    ครับ..เขามาลาหลวงปู่ ฯ แต่ถ้าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ผมก็จะลาอีกคน จึงกราบ ๆ ท่านแล้วก็เอาที่โกยผงมาช่วยพาเพื่อนออกไปอยู่ข้างนอก คืนนั้นนอนผวาทั้งคืน ตื่นเช้ามา ตี 3 หลวงปู่ตื่น เราก็ตื่น ล้างหน้าแปรงฟัน จัดการเรื่องของท่านเรียบร้อย พอเช้าฟ้าสางก็กวาดสุสาน พอกวาดไป ๆ ก็ไปเจอเพื่อนคนเมื่อคืนที่มาลาหลวงปู่นอนหางตก ตายสนิทเรียบร้อย เราก็มานึก

    เออ..เขามาลาหลวงปู่ฯ จริงอย่างท่านว่า
     
  4. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    ต่อครับ

    ชาวบ้านเล่าว่าเมื่อก่อนตอนหลวงปู่ยังไม่ดัง ท่านได้รับกิจนิมนต์ทีนึงท่านก็จะซื้อพวกขนมถุงเล็ก แขวนตามซี่กรงข้างกะบะรถมาเพื่อเอาไว้มาเเจกเด็ก ๆ(เมื่อก่อนหลวงปู่นั่งรถกะบะ และท่านไม่นั่งหรือนอนบนเบาะที่นุ่ม ๆ) เพราะที่พื้นกะบะรถมีที่พอให้หลวงปู่กับลูกศิษย์นั่งเท่านั้น ขนมที่ซ้อมานั้นถ้าคนไม่ทราบอาจจะนึกว่าเป็นรถขายของเร่ได้

    เด็ก ๆ ลูชาวบ้านใครไม่มีเงินเรียน ก็มาขอเงินหลวงปู่ ฯ ท่าน ๆ ก็ให้ไม่เคยขัด บางคนมาขอเป็นแสนบอกส่งลูกไปเรียนกรุงเทพ ท่านก็ให้(เรื่องจริงผมอยู่ตอนหลวงปู่ส่งเงินให้เขา) ท่านมีเมตตามากจริง ๆ แม้แต่ทุกวันนี้ ก็เมื่อ 14 พ.ค. 51 ที่ผ่านมาก็ได้ไปกราบหลวงปู่ ฯ และค้างคืนที่สุสาน ก็มีผู้หญิงวัยกลางคน ๆ นึงได้อุ้มเด็กน้อยเข้ามา พอหลวงปู่ ฯ ท่านทักและคุยสักพักท่านก็เอาเงินยื่นใน 1000 บาท พอหญิงคนนั้นไปโยมก็ถามหลวงปู่ ฯ ว่าเขาขอเงินหลวงปู่ ฯ ไปทำอะไร หลวงปู่ ฯ ท่านก็ตอบว่าเด็กคนนี้พ่อแม่เขาเลิกกัน ทิ้งไว้ใหญาติเลี้ยงญาติก็ยากจนไม่มีเงินซื้อนมให้เด็กมาหาหลวงปู่ ฯ เมื่อไหร่ ท่านก็จะให้เงินอย่างนี้ทุกครั้ง หลวงปู่ ฯท่านเป็นอย่างนี้เสมอมา ยิ่งได้รู้ได้เห็น ยิ่งรัก ยิ่งศัทธา
    <!--IBF.ATTACHMENT_105183-->
     
  5. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    บางเรื่องที่เล่ามาแล้วหรือกำลังจะเล่าต่อไปจากนี้หลาย ๆเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากสำหรับบางท่าน ผมเข้าใจเพราะผมเองก็เป็นคนหัวดื้อที่เชื่ออะไร ๆ ยากที่สุดคนนึงเหมือนกัน แต่ผมยืนยันว่าทุกเรื่องที่เล่ามา เป็นเรื่องที่ผมเห็นมากับตา เจอมากับตัว หรือไม่คนใกล้ชิดได้ประสพพบมาทั้งสิ้นครับ

    ตะกรุดหลวงปู่นั้นที่หลายแบบด้วยกัน ที่สำคัญที่สุดคือ ตะกรุด 3 ดอก นอกนั้นเป็นตะกรุดโทน และที่แพร่หลายคือ ตะกรุด12 ดอก ซึ่งมีประสพการณ์มากมายที่สุด เรื่องตะกรุดนี้โป๋ยหลานหลวงปู่เพื่อนของผมเล่าให้ฟัง โป๋ยนี่เป็นหลานที่หลวงปู่ท่านเมตตามากคนนึงเคยบวชกับท่านและท่านเคยเอ่ยปาก ว่าถ้าบวชครบ 2 ปี จะให้วิชาที่มีทั้งหมด แต่แกคงบุญไม่ถึง เพราะบวชได้ 1 ปี กับอีก364วันมั๊งถ้าจำไม่ผิดเลยอดได้วิชา

    โป๋ย(และอีกผู้อยู่ในเหตุการณ์หลาย ๆ คน)เล่าให้ฟังว่า วันนึงตอนเย็นซึ่งเป็นเวลาที่ชาวบ้านจะมานั่งชุมนุมกันที่ศาลาหน้าสุสาน หลังจากกราบหลวงปู่เสร็จ หมู่นั้นเขากำลังคุยกันอยู่ดี ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าสุสาน บนรถมีคนซ้อนท้ายมาด้วย พอรถจอดคนที่ซ้อนท้ายก็ลงมาจากรถ ชักปืนออกมาเล็งยิงไปที่ลุงสุเมือย(ขออภัยที่เอ่ยชื่อจะได้ไปถามถูกคน ว่าเวลาโดนยิงรู้สึกยังไง) โป๋ยซึ่งตอนนั้นบวชอยู่ก็อยู่ที่ตรงนั้นด้วยเล่าว่า

    พี่พอผมเห็นเขาชักปืนออกมาผมก็วิ่งแล้ว ได้ยินแต่เสียงปืน

    สรุปว่าต่างคนต่างวิ่งไปกันคนละทางทิ้งลุงเมือยไว้อยู่ที่นั่น มือปืนก็ยิง ๆๆๆ จนหมดกระสุน แล้วก็หนีไป พอทุกคนกลับมานึกว่า...ซะแล้ว แต่ลุงเมือยก็ไม่เป็นอะไร ลุงแกเล่าว่าตอนที่มือปืนนั่นยิง ลูกปืนที่มันออกจากปากกระบอกปืนพอใกล้จะถึงตัวแก มันแตกเป็นลูกไฟกระจายหายไปหมดทุกนัด ก้พากันไปแจ้งความ ตำรวจมาที่เกิดเหตุเก็บหลักฐาน ก็เจอเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นคือ วิถีกระสุน

    ในที่เกิดเหตุมีรถมอเตอร์ไซค์แบบผู้ชายจอดอยู่ที่ตรงศาลาด้วย โดยที่หัวรถหันเข้ามาทางด้านศาลา ซึ่งรถผู้ชายจะมีกระจกบังหน้าเกท์รถด้วย ซึ่งปรกฏว่ามีรอยกระสุนปืน แต่เป็นรอยที่กระสุนทะลุไปทางด้านหลังรถ ซึ่งที่จริงกระสุนหน้าจะทะลุไปทางด้านหน้ารถเพราะคนยิง ๆจากทางด้านท้ายรถ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมาก

    ซึ่งตอนนี้ผมถึงค่อย ๆ เชื่อมั่นในองค์หลวงปู่ท่านมากขึ้นทีละอย่าง ๆ เพราะท่านเคยบอกว่ามีคาถา กันและคาถาสะท้อนกลับ ที่เอาไว้ใช้กันและสะท้อนกลับคุณไสย์ และอาวุธได้ หลวงปู่ฯท่านว่าถ้าเขายิงมากระสุนจะกลับไปถูกคนยิง ตอนนั้นผมยังถือกาลามสูตรอยู่ ก็ได้แต่ฟังไว้เฉย ๆ จนมาทราบเรื่องนี้ถึงเชื่อท่านสนิทใจครับ

    เรื่องนี้ไปถามคนที่ต.ทุ่งมนได้ครับว่าจริงหรือไม่ หรือจะไปถามลุงสุเมือนเองก็ได้ครับอาจจะได้รายละเอียดที่ถูกต้องชัดเจนกว่านี้ครับ

    หลวงปู่ท่านไม่สอนธรรมอะไรมากมาย แต่ทุกคำที่สอนผมว่าดีกว่าคำเทศนายาว ๆ แต่จับหลักใจความไม่ได้มากนัก อย่างท่านทราบว่าพ่อผมเสียไปแล้ว คืนนึงก่อนนอนท่านก็พูดกับผมว่า

    ให้รักแม่ รักครูบาอาจารย์ และรักตัวเอง แล้วจะเจริญ

    ผมมาคิดดู เออ ไม่เคยมีใครสอนเราอย่างนี้ พระอริยาจารย์ของเราหลายรูป สอนเราภาวนาล้วนแต่ลึกซึ้งและ รู้ได้ยากเป็นไปได้โดยยาก แต่หลวงปู่ ฯ ท่านบอกอย่างนี้เป็นเรื่องจริง ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครสอนเรา เราก็ไม่เคยคิด แปลกแต่จริง ตั้งแต่นั้นทำตามที่ท่านบอก ชีวิตถึงจะลุ่ม ๆดอน ๆ แต่ก็เจริญก้าวหน้าในอาชีพมาโดยลำดับ

    และ

    ใจเราก็เหมือนบ้าน มีจิตเป็นเจ้าของ ถ้าเราไม่ทำความสะอาดวันนึงก็สกปรกมากขึ้นวันนึง ต้องทำความสะอาดทุกวัน

    และ

    ใครจะทำอะไรเรา หนีอย่างเดียวชนะทั้งโลก

    อันนี้เมื่อก่อนไม่เข้าใจแต่เดี๋ยวนี้เข้าใจแล้วครับ และก็ใช้เป็นประจำ

    คำสอนท่านเหมือนมีดสั้น ที่แทงทีเดียวทะลุถึงหัวใจเลย ถึงไม่วิจิตรพิศดารแต่ก็ มากด้วยคุณค่าสมควรที่จะเอามปฏิบัติทุกประการ

    และก็

    ถ้าเรารักครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ก็รักเรา

    ครับผมนึกถึงคำพูดนี้เสมอครับ ขอกราบหลวงปู่ ฯ ก่อนนอนที่ตรงนี้ด้วยครับ

    เคยสร้างพระกริ่งของหลวงปู่กับ คุณ วีรพงษ์ แซ่เตี้ย อยู่รุ่นนึงมีพระอะไรเท่าไหร่ทุ่มใส่ลงไปเป็นชนวนหมด (ประมาณ 200 องค์ และเป็นเนื้อเงินเสียส่วนมาก) และได้ทองแดงที่ดาดเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ชนวนรูปหล่อครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม ชนวนพระกริ่งไจยเบงชร ครูบาอิน แผ่นทองแดงกะไหล่ทองที่ดาดองค์ พระธาตุหริกุญไชย ฯลฯ อีกมากมาย

    หล่อเป็นเนื้อชนวนล้วน ๆ ได้กี่สิบองค์จำไม่ได้ แต่หล่เป็นเนื้อทองผสมน่าจะ ราว 1000 องค์ ตอนนี้เนื้อชนวนเหลือองค์เดียวห้อยคออยู่องค์นี้หลวงปู่เสกมานับครั้งไม่ถ้วน หลวงพ่ออุตตมะเสกน่าจะ 2-3 ครั้ง เนื้อทองผสมที่มีอยู่ 100กว่าองค์ ก็ถายหลวงปู่ไปแจกพวกเจ้าสีหณุที่พนมเปญหมดแล้ว เหลืออยู่ 6 องค์ อยู่กับแม่ 1 องค์

    องค์ที่อยู่กับแม่นี้ แม่เคยเอาทำน้ำมนต์เพราะ วันนั้นเราได้โทรไปหาแม่ถามสารทุกข์สุก ๆ ดิบ ๆ ตามประสาแม่ลูก แม่ก็บอกว่าปวดฟันมากจะไปหาหมอถอน วันสองวันนี้ปวดจนนอนไม่หลับ เราก็จำได้ว่าเคยให้พระกริ่งแม่ไว้ 1 องค์เลยบอกถ้าเชื่อเดี๋ยว เอาพระกริ่งแช่น้ำ ท่อง นะเมติ และระลึกถึงหลวงปู่ฯ ท่าน แล้วดื่มดู แม่ก็เชื่อทำตาม พอวันรุ่งขึ้นเราโทรไปอีก แม่ก็บอกว่า เมื่อคือ"ฉันทำตามเราบอกพออมน้ำมนต์ปุ๊ป ฟันมันก็หายปวดทั้นที" และต่อมาทราบว่าไม่เคยปวดอีกเลย

    จนเรากลับไปบ้านและลืมเรื่องนี้ไปแล้ว มาวันนึงแม่อาบน้ำ พออาบเสร็จแม่ ก็ถือเอาฟันซี่นึงมายื่นให้เรา เราก็ว่าถอนหรือ แม่ก็ว่า "ปล่าวแปรงฟันแล้วมันหลุดเอง ซี่นี้แหละที่ปวดแล้วฉันกินน้ำมนต์หลวงปู่"



    เมื่อก่อนนี้เคยได้ยินหลวงปู่ท่านเล่าเรื่องทีท่านพาเจ้าสีหณุและพวกหนีพวกเขมรแดง(มั๊ง) ออกมาจาก เขาพนมมาลัย ประเทศเขมร และในประวัติที่คนอื่นเอาไปเขียนไว้ก็มีอยู่ แต่เราลูกศิษย์หัวดื้อของท่านก็ยังถือกาลามสูตรไว้อย่างเหนียวแน่นเช่นเคย

    จนเมื่อประมาณปี 2545 ได้มีข้าราชการชั้นสูงของเขมรมาทำพิธีอะไรสักอย่างกับหลวงปู่ฯ ท่าน พอกลับไปก็ไปทูล พระญาติของเจ้าสีหณุ พระญาติพระองค์นั้นก็เสด็จมาทำพิธีบ้าง พอหลวงปู่ฯท่นทราบว่า เจ้าพระองค์นี้เป็นพระญาติของเจ้าสีหณุ หลวงปู่ ฯ ท่านก็ บอกว่า

    บอกเจ้าสีหณุด้วยว่าพระครูพนมมาลัยยังไม่ตาย

    เจ้าพระองค์นั้นก็นำความไปกราบบังคมทูลเจ้าสีหณุ ๆ ท่านก็เลยนิมนต์หลวงปู่ไปที่พระราชวังที่กรุงพนมเปญ หลายต่อหลายครั้งนับจากนั้นมาซึ่งผมยังเคยเห็นรูปถ่ายตอนหลวงปู่ฯ ท่านไปที่นั่นด้วย ปลื้ม....ครับ

    ที่มาที่ไปเรื่องมันมีอยู่ว่า

    เมื่อตอนที่เขมรเกิดสงครามกลางเมือง เจ้าสีหณุและกองทหาร ได้พากันไปหลบที่ภูเขา พนมมาลัย แล้วโดนทหารฝ่ายตรงข้ามตีกรอบล้อมจะบุกขึ้นมาจากตีนเขา บุญยังรักษาหลวงปู่ซึ่งตอนนั้นท่านยังธุดงค์อยู่ ได้ผ่านไปธุดงค์ที่เขาลูกนั้นพอดี พอหลวงปู่ฯท่านทราบเรื่อง ท่านก็ทูลเจ้าสีหณุว่าไม่เป็นไร จะพาเจ้าสีหณุและกองทหารของท่านฝ่าทหารที่ล้อมเขาหมู่นั้นไปเอง

    เจ้าสีหณุก็ว่า(ราชาศัพย์มั่ง ชาวนาศัพย์บ้างคงไม่ว่ากันนะครับ) ถ้าหลวงปู่ฯท่านพาท่านและทหารฝ่าวงล้อมศัตรูออกไปได้จริง จะตกรางวัลบำเน็จเป็นแผ่นดิน ที่พระองค์ถือครองให้ครึ่งนึง แต่หลวงปู่ท่านก็บอกปฏิเสธไป ท่านว่าท่านเป็นพระไม่ทราบจะเอาแผ่นดินไปทำอะไร แล้วท่านก็บอกเจ้าสีหณุว่า ให้เจ้าสีหณุ จับชายจีวรท่านไว้ แล้วให้ทหารทุก ๆ คนแต่ละคนก็จับชายเสื้อเจ้าสีหณุและจับต่อ ๆ กันไปเรียงไปจนครบทุกคน

    แล้วท่านก็พาเจ้าสีหณุและพวกเดินลัดเลาะผ่านกองกำลังทหารข้าศึกหมู่นั้นไปได้อย่างปลอดภัยทุกคน (ความจบเท่านี้ก่อน เพราะได้รับทราบเรื่องมาถึงเท่านี้ อยากทราบมากกว่านี้ไป เรียนถามองค์หลวงปู่ฯท่านเองนะคร้าบ)

    นี่เป็นอีกเรื่องนึงในการกำบังกายของหลวงปู่ท่าน ท่านกล่าวเสมอว่าพระท่าน อย่าทำองค์ใหญ่เวลามีภัยจะได้อมเข้าปากได้ ท่อง นะเมติ ๆ แล้วครูบาอาจารย์จะมากำบังให้ศัตรูมองไม่เห็น ได้ฟังก็(กาลามสูตร) พอมีหลักฐานพยานให้เห็นอย่างนี้เลยเชื่อท่านมากขึ้นไปอีกขั้นนึง

    หลวงปู่ท่านไหว้ครูลงกระหม่อมปีละ 3 ครั้ง (น่าจะ ขึ้น15ค่ำเดือน4) และเข้าพรรษา และก็ออกพรรษา รวม 3 ครั้ง ทุกครั้งจะมีชาวเขมรเดินทางมาร่วมพิธีด้วยทุกครั้ง บ้างก็เดินมาก็มี หลายคนมาทุกครั้ง หลายคนมาทุกปี เพราะศัทธาท่านตั้งแต่ท่านยังธุดงค์อยู่ในเขมร เมื่อครั้ง 30 กว่าปีก่อน และยังเล่าว่า ลูกปืนเท่าปลายนิ้วนะเรื่องเล็ก สมัยหลวงปู่ฯท่นอยู่เขมร ลูกปืนลูกเท่าศอก(เขาเรียกปืนคอมั้ง) ยังทำอะไรพวกลูกศิษย์ไม่ได้เลย เราก็ หา....

    บางท่านก็เป็นพระสงฆ์ พอเราเข้าไปคุยด้วยคุยไปคุยมาก็พูดอยู่ประโยคนึงเราจำไม่รู้ลืมเลยท่านว่า

    หลวงปู่หงษ์ น่ะท่านเป็นพระในตำนานของประเทศเขมร

    เราก็ หา.........อีก

    และความศัทธาเหล่านี้แม้ทุกวันนี้ก็ยังคงอยู่ยังไม่จางหายไป แม้แต่เมื่อครั้ง ปี 2545 ที่หลวงปู่ท่านกลับไปเหยียบแผ่นดินเขมรอีกครั้ง ชนชาวเขมรตามชายแดนยังมารอรับท่านเป็น หมื่น ๆ คน บางคนเป็นลูกศิษย์ท่านตั้งแต่เมื่อครั้ง 30 กว่าปีที่แล้วนู้นก็มีมาก

    ด้วยเหตุและผลหลาย ๆ ประการที่กล่าวมานี้นั้นและอีกหลายเรื่องราวที่กล่าวต่อ ๆ ไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึง รักและเครพครูบาอาจารย์ของเราองค์นี้มากมายเหลือเกิน



    มีพระชุดนึงที่หลวงพ่ออุตตมะกับหลวงปู่หงษ์ ท่านเสกร่วมกัน เป็นรูปพระแก้วมรกต หลัง นะเมติ ล้อมด้วยสายประคำ และรูปพระตรีมูรติ หลังฤาษี 3 องค์ ตอนที่เสกนั้นคนสร้างเขาเอาไปขอให้หลวงพ่ออุตตมะเสก ที่พุทธมณฑล สาย 3 เขาเรียนท่านว่าเป็นพระของหลวงปู่หงษ์ จะทำถวายหลวงปู่กับหลวงพ่อ หลวงพ่ออุตตมะ ท่านก็ว่า เอามาเลย

    พอเอาพระตั้งปั๊ปท่านก็สั่งให้ไปเอาเทียนจากหน้าหิ้งพระในสำนักมาจุดเทียน ท่านก็สวดไปเสกไปประมาณ 1ชั่วโมง พอดีพระมาทำวัตรกัน หลวงพ่อท่านก็ว่า

    เฮ้ย ๆ มาช่วยกันสวดช่วยกันก่อน

    พระท่านก็มาช่วยกันสวดมนต์ น่าจะธรรมจักรฯ พอเสร็จพิธีหลวงพ่อพรหมน้ำมนต์ก้ขนพระกลับ ไปให้หลวงปู่หงษ์เสกต่อ พระแก้วมรกตเสกที่สุสาน ส่วน ฤษี กับพระอื่น ๆ ขนขึ้นไปเสกันที่เขาพนมรุ้ง พิธีของวัดทุ่งเศรษฐี มีหลวงพ่อฤทธิ์ หลวงปู่หงษ์ หลวงพ่อเณร และอีกหลายองค์ หลวงปู่ท่านเสก อยู่นานมาก ประมาณ 4 ช.ม. พอเสร็จหลวงพ่อเณรก็ถามหลวงพ่อฤทธิ์ว่าพิธีดีมั๊ย เป็นยังไงบ้าง หลวงพ่ฤทธิ์ ท่านก็ให้ไปถามหลวงปู่หงษ์ นู่น

    หลวงปู่ท่านก็ว่า ดีม๊าก..มาก..พระอิศวรสูง 88 ศอกมาเป็นประธานครูบาอาจารย์มากันมาก ฤษี มากันมากกว่า 108 องค์ คนสร้างเขาได้จังหวะเพราะมีพระรูป ฤษี 3 องค์ ที่ทำถวายหลวงพ่ออุตตมะ กับหลวงปู่ ไปเข้าพิธีด้วย ก็เลยถามว่ามีองค์ไหนที่หลวงปู่ไม่รู้จักบ้างมั๊ยครับครับ

    ท่านก็ว่า มี มีอยู่บางองค์หลวงปู่ไม่รู้จัก

    คนสร้างก็คิดเอาเองว่า น่าจะเป็ฯฤษีครูของ หลวงพ่ออุตตมะ ก็เก็บคำถามไว้ พอมาถึง กทม. ก็ตรงไปสำนัก หลวงพ่ออุตตมะ เอาพระแก้ว กับ ฤษี ไปถวายท่านทันที่ ก็ไปบอกท่านว่าหลวงพ่อครับ พระเสกเสร็จแล้วท่านก็ลุงขึ้นนั่งทันที ถามว่า ไหน ก็เปิดกล่องให้ท่านดี แล้วบอกว่าถวายท่าน ท่านยังถามว่าถวายหมดเลยหรือ คนสร้างก็ตอบว่าครับ

    แล้วก็ตั้งปุจฉาทันทีว่า

    หลวงพ่อครับพระ ฤษี เอาไปเสกพนมรุ้ง หลวงปู่หงษ์ ท่านว่า ฤษี มากันมาก และมีบางองค์ท่านไม่รู้จักครู ฤษีสามองค์ ได้ไปร่วมพิธีหรือไม่ครับ

    ท่านก็นั่งเข้าที่ภาวนาสักอึดใจ และก็บอกว่า

    ไป

    คนสร้างเขาว่าปลื้มใจที่สุดครับ ทราบว่าตอนหลวงพ่อท่านมรณะภาพ พระทั้งสองรุ่นนี้ก็หมดไปจากสำนักพร้อม พระอื่น ๆ ของท่านด้วยเช่นกันครับ

    ป.ล.สายประคำ 56 เส้น ก็มาจากพิธีนี้ครับ

    และเมื่อต้นปีได้คัดเอาพระแก้วฯ องค์ที่สวยและพอสวยไปถวาย หลวงพ่อหอม หลานแท้ๆ และลูกศิษย์ก้นกุฏิ ของหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งท่านจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์หลวงพ่ออุตตมะ ส่วนองค์ที่ไม่สวยและชำรุดได้เก็บเอาไว้ทำมวลสารพระรุ่นต่อๆ ไป

    เพื่อน้อมถวายเป็นกุศลแด่หลวงพ่ออุตตมะฯ ซึ่งองค์ท่านได้ไปสู่เเดนอันเกษมแล้ว และถวายแด่หลวงปู่หงษ์ฯ องค์ซึ่งยังอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่ให้ศิษย์พึ่งพิงอยู่ให้บุญนี้แม้น้อยนิดแต่ก็ขอให้ได้มีส่วนค้ำชูให้ท่านอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้ยืนยาวต่อไป

    จึงอยากจะบอกทุกท่านที่ ศัทธาในองค์ หลวงพ่ออุตตมะ อุตตมะรัมโภ และ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เเละอยากได้พระเครื่องที่พระคุณเจ้าทั้งสององค์ร่วมกันเสก ให้ทราบเผื่อจะได้ไปทำบุญที่สำนักสงฆ์หลวงพ่ออุตตมะ พุทธมณฑล สาย2 ทางเข้าเดียวกับโรงเรียนเทคโยโลยีปิ่นมณฑล ครับ ช่วยไปทำบุญ เอาบุญต่อบุญด้วยนะครับ

    ที่จริงยังมีพระหลวงปู่อีกมากที่คนไม่รู้จัก บางรุ่นมีอภินิหารย์เหลือเชื่อ แต่ไม่มีใครรู้จักก็มีเยอะ อย่างรุ่น วัดราชบูรณะสร้าง เด็กน้อยโดนรถเบนซ์(หนักมาก) ทับแต่ไม่เป็นอะไรเลย พ่อแม่เด็กยังพาเด็กมากราบหลวงปู่ตอนท่านเข้าโรงพยาบาล สมิติเวช ผมก็อยู่ในตอนนั้นด้วย

    หรือตะกรุด 12 ดอกที่พระที่วัดจารแล้วเอามาขายหลวงปู่ หลวงปู่ท่านเสกแค่ 5 นาที 10 นาที ลุงสุเมือยโดนปืนลูกซองยิงยังไม่โดนเลย(กระสุนออกแต่แตกเป็นลูกไฟก่อนถึงตัวหมด) หรือพระ รุ่นใจรวมใจของครับครัวป๋องสร้างที่เสกพิธีเดียวกับพระฤษี คนที่บูชาโดนแทงด้วยขวดปากฉลามไม่เข้าก็ยังมี หรือแม้แต่สายสินธุ์แค่เส้นเดียวก็ยังทำให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และคณะผู้มีเกีรติทึ่งในอานุภาพมาแล้ว

    และยังมีอีกเยอะที่มีคนที่เจตนาบริสุทธิ์และสร้างถวายหลวงปู่ด้วยศัทธา ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น ซึงของหลวงปู่นั้น ถ้าเสกแล้วล้วนแล้วแต่ขลังแท้ และแน่นอนที่สุดทุกสิ่งทุกอันไป แต่ถ้าชิ้นไหนอันใดไม่ได้ให้หลวงปู่ท่านเสก คนสร้างเสกเองล่ะก็ .............ครับ

    พระโต๊ะหมู่นั้นมี 2เนื้อ คือธรรมดาจะบางๆ เนื้อสีอ่อนหน่อย และพิเศษจะหนาบึ้ก สีเหมือนช็อคโกแลต เนื้อธรมดานั้นเจ้าภาพคนสร้างถวายเขาเอาไว้แจกจ่ายของเขา และถวายหลวงปู่
    ส่วนพระเนื้อหนาพิเศษนั้นลูกศิษย์หลวงปู่เจ้าของมวลสาร เขาทำไว้ถวายหลวงปู่ ฯ ถวายแล้วก็ให้กรรมการไปจัดการกันเอง คนสร้างไม่ได้เข้าไปยุ่งอีก ที่ทำถวายก็เพื่อไว้ร่วมสร้างปราสาทฯ ไว้บรรจุสรีระหลวงปู่และพระบรมสารีริกธาตุ
    เนื้อพิเศษนี้เท่าที่ผมเห็น จะมีคราบปูนคราบว่าขึ้นเกือบทุกองค์ ผมเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง และพระหลาย ๆพิมพ์นี้เท่าที่ผมส่องกล้องดู ถ้าแสงพอทุกองค์จะมีประการระยิบระยับในเนื้อ จะเห็นมวลสารชัดเจน ทุกองค์ครับ
    ป.ล.ต้องขอโทษด้วยครับที่เอารูปจากเว็ปอื่นมาโพส แต่ถ่ายรูปแล้วยังไงก็ไม่ชัดสักนิดเลยจำเป็นต้องอาศัยรูปของเขาครับ


    เมื่อตอนเขาเริ่มสร้างพระชุดแรกของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ นั้น มีมวลสารหลักคือ กระเบื้องโมเสส และทองคำเปลว จากพระบาทขององค์ หลวงพ่อพระศรีอาริยเมตไตร วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม เขาถึงชอบพูดบ่อย ๆ ว่าพระเขาสร้างมีเลือดเนื้อ(กระเบื้องโมเสส) และสมบัติ(ทองคำเปลวของพระศรีอาริยเมตตไตรผสมอยู่

    และพลอย 5 สีได้จากเพื่อนที่เป็นพ่อค้าพลอย และหินแม่พระธรณีปัฐวีธาตุ จากแม่น้ำปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมืองแม่เมืองเดียวในประเทศไทย มวลสารที่มีอยู่แค่ 2 3 อย่างนี้ (แต่หนักนับ10 ก.ก.) ก็ได้หอบหิ้วลงไป จ.สงขลา ปัตตานี เพราะมีใจศัทธาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

    เมื่อไปถึงสงขลาก็ได้เอามวลสารที่ได้มานั้นถวายให้หลวงพ่อพล วัดนาประดู่ เสกเป็นองค์แรก และนำไปอธิฐานที่สถุปหลวงปู่ทวดฯที่วัดช้างไห้ และต่อมาได้ถวายหลวงพ่อสุข วัดมุจจลินวาปี ปัตตานี เสกเป็นองค์ที่สอง และนอนค้างที่วัดนี้ 1 คืน วันต่อมาก็ไปหาดใหญ่ ไปถวายให้หลวงปู่ทอง วัดป่ากอ เสกทานเมตตาเสกให้ 1 คืนเต็ม

    ในเย็นวันต่อมาก็ไปสทิ้งพระไปสำนักสงค์ต้นเลียบ วันนั้ฝนตกพรำ ๆ ตอนแรกกะว่าจะไปขอด้วงเลียบมาสักหน่อย ก็เลยพอไปถึงก็ไปหาคนดูแลเขาก็ให้ด้วงเลียบ มา 9 องค์(ขอเรียกเป็นองค์) องค์ขนาดเม็ดถั่วเเหลือง เราก็ไม่ว่าไร ก็เดินไปไหว้รอบ ๆ ต้นเลียบ เห็นกิ่งเลียบที่เปียกน้ำฝนหักลงมาเราก็คิดว่า ไม่ได้ด้วงเลียบ ตูเอากิ่งเลียบก็ได้

    ก็เก็บ ๆ มาได้ 1 กระสอบ และยังเจอเศษไม้อยู่ชิ้นหนึ่ง ขนาดเท่านิ้วก้อยหงิกงอ ก็เก็บมางั้น ก็ไปนั่งพักคุยกับกรรมการวัดสักพัก เขาก็ว่าเออเก็บไปได้เยอะนิ ดีที่ฝนตกกิ่งเลยหักลงมาเยอะ นี่ฝนแรกของปีเลยนะ เราก็ โห.. เราก็คุยสักพัก ก่อนกลับก็ควักเศษไม้ที่เก็บได้มาให้คนดูแลดู แกก็รับไปดู แกก็ โห..........มั่ง นี่ด้วงเลียบตัวใหญ่จริง ๆ ไม่เคยเห็นใหญ่ขนาดนี้ นี่หลวงปู่ท่านให้แล้วนะเก็บไว้ให้ดี เราก็ โห.......อีก

    พอเสร็จเรื่องทางนี้ ก็รีบกลับไปวัดป่ากอ ไปถึงจัดข้าวของเสร็จไม่อาบน้ำละ ห้องน้ำวัดอยู่นู่น..... ก็เลยหลับไปเลย พอตอนเช้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอลืมตาก็รู้ว่าเรานอนตะแคงอยู่ ตาก็มองไปที่พื้นเห็น กระดาษห่อด้วงเลียบที่คนดูแลต้นเลียบให้มาตกอยู่บนพื้น ก็ตกใจรีบลุกขึ้นค้นหาทันที ก็ถามคนที่เดินทางไปด้วยกันว่าตอนตื่น เห็นตาไม้ลักษณะอย่างนี้ ๆ มั๊ย

    เขาก็บอกไม่เห็นเราก็เสียดายซะ เพราะตอนนั้นคิดว่ามีแค่ 10 องค์ จะเก็บไว้บูชาส่วนกิ่งเลียบจะไว้จ้างร้านยาบดทำพระ ก็นั่งทำใจอยู่พักนึง ก็เก็บที่นอน พอยกหมอนขึ้น ก็เห็นด้วงเลียบ 9 องค์ ที่ไขให้มา และปู่ด้วง มารวมกันอยู่ใต้หมอนเรา ครบทุกองค์ไม่ขาดหายไปสักองค์เดียว (นี่เป็นเหตุผลที่เราเรียกด้วงเลียบเป็นองค์)

    เราก็เลยเรียกคนที่ไปด้วยกันและพระหลวงตาที่เป็นเจ้าของห้องให้มาดู ก็ตืนเต้นกันใหญ่ หลวงตาท่านก็ใจดี พอรู้ว่าเราจะกลับยังมาส่งที่หาดใหญ่และเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวอีก คนละชาม

    พอกลับมาถึงกรุงเทพ เอากิ่งเลียบไปตากแดด พอแห้งก็ว่าจะส่งไปร้านยาบด ก็เอามาเรียง ๆ ดู ก็พบว่า ตามกิ่งเลียบมี ตาไม้เลียบ หรือที่เรียกว่าด้วงเลียบอยู่เต็มไปหมด เราก็ โห..... รีบแกะ ๆ เก็บ ๆ ได้ 100 กว่าองค์ สุดยอด แต่ตอนหลังก็เอาไปบดทำพระหมดละ คัดที่ใหญ่เท่าเม็ดถั่วเหลืองไว้ 8 องค์ และปู่ด้วงไว้ตรงกลาง เป็น 9องค์ พอดี ก็บูชากราบไหว้มาจนทุกวันนี้
    ตอนหลังมารูจักคนมาเข้า ๆ เขารู้ว่าจะสร้างพระถวายหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เขาก็ช่วยสละผงที่เก็บรักษามาร่วมทำบุญ ก็คัดแล้วเลือกแล้ว ดูหน้าคนให้แล้วถึงเอามาผสม และอธฐานว่าครูบาอาจารย์อยากให้เอาอะไรผสม ก็ให้ดลใจให้ไปเอา ก็ได้แต๊และมีที่มาที่ไปแน่นอนทั้งสิ้น อย่างปูนดินใต้ฐานชุกชีหลวงพ่อพระพุทธนิมิตฯ
    คนสร้างภูมิใจเป็นนักหนาที่ได้เอามาสร้างพระถวายหลวงปู่ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่เครพบูชามาตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปกราบไหว้เพราะอยู่คนละภาค คนละจังหวัด ก็ได้แต่ตัดรูปท่านจากหนังสือไว้บูชา และบูชามาจนถึงทุกวันนี้เป็น 10 กว่าาปีแล้ว

    และดินใต้ฐานนั้นคืออุปมาได้กับพระแม่ธรณีย์ ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของหลวงปู่ ฯ ท่านด้วย อย่างว่าน 32 ชนิด ทำไมต้อง 32 ชนิด ทำไมไม่ 108 ชนิด คนสร้างเขาคิดว่าเอาว่านที่มีอานุภาพจริง ๆ แค่ 32 อย่างก็พอ เหมือนเราทานไข่เจียว ก็ให้มันมีรสชาติ เค็มนิด หวานประแล่ม ๆ ก็อร่อย แต่ถ้าเอารสชาติ ที่มีอยู่ทั้งหมดมาใส่รวมกันลงไป ทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็ม มัน หวาน ขม ฝาดฯ ก็คงจะรสชาติพิลึก

    ว่านนี้ก็ได้จากพี่ชาติเจ้าของร้านว่านที่จุตจักร์(รองแชมป์แฟนพันธุ์แท้เรื่องว่าน) ให้มา 1 กระสอบ เพราะว่านนี้ถึงเวลาต้องกู้ขึ้นมา เฉพาะหัวว่านดอดทอง แท้ ๆ ให้มาประมาณ 1 ขัน (ดอกว่านพี่แกก็มีขายครับ 6 ปีที่แล้วดอกละ 300 บาท เดี๋ยวนี้เท่าไหร่ไม่ทราบ) เกราะเพชรไพฑูรณ์ (คงกระพัน)ที่พี่ชาติบอกว่าหายากนักหนา ก็ให้มาอีก1ขัน พระตะบะ ถอนโมกขศักดิ์ (กันคุณไสย) นี่คือความศัทธาที่คนเขามีให้หลวงปู่ฯ ท่านครับ

    มีวันนึงในระหว่างที่ไปพักที่สุสานทุ่งมน สำนักของหลวงปู่ฯท่าน ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวไปเอาเหล็กโคกยายเหลืองมาไว้ทำพระก็ยังไม่ทราบ ว่ามันคืออะไร อยู่ที่ไหน ก็มาคุยกับโป๋ย หลานหลวงปู่ฯ โป๋ยก็บอกว่าโอ้ยพี่ที่นั่นมันแรง คนจูงควายเดินผ่าน พอควายผ่านโคกมันหยุดเดิน เจ้าของมันตีควายด่าควาย ปากก็เบี้ยว แขนขาก็บิดหมด เดี๋ยวนั้นเลยพี่ คนไปทำนามาใกล้ๆโคก ด่าลูกก็ปากเบี้ยว ต้องเอาดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาถึงหาย
    เขากลัวกันทั้งนั้น เราก็แกว่า หลวงปู่ฯท่านสั่งให้เราไปเอามาทำพระ โป๋ยแกก็ว่าหลวงปู่ท่านจะลองพี่แล้วว่าพี่เจตนาบริสุทธิ์จริงหรืเปล่า เราก็ อืม......หลวงปู่สั่ง อย่าว่าแค่นี้เลยต่อให้ยิ่งกว่านี้ก็จะไปเอามาถวายให้

    โป๋ยแกก็ว่างั้นผมไปด้วย ก็เลยชวนพวกลูกศิษ์หลวงปู่ฯรุ่น เล็กที่นอนเฝ้าท่านด้วยกัน ไปด้วยกันอีก 2 คน พากันไปเก็บพอไปถึงโคกบอกกล่าวแล้วก็เก็บ ๆๆๆๆ มีอยู่ชิ้นหนึ่งเป็นแผ่นเหล็กมันวาวใหญ่ขนาด 2 ฝ่ามือสวยงามมาก โป๊ยแกเก็บได้ก้พาใส่ย่ามมาได้สัก 5 กระป๋องสังฆทาน ก็กลับ มาถึงสุสานก็เอามาเท ๆ ออกกองรวมกัน

    โป๋ยแกก็ว่าเอ ชิ้นสวย ๆ ที่ผมเก็บได้ไปไหนล่ะ หากันไงก็ไม่เจอ ไม่มีใครเอาไปทางไหนแน่เพราะแกถือใสย่ามแกมาคนเดียว ตอนเทก็เห็นกันอยู่ สรุปว่าหาไม่เจอ หาย.. พอชาวบ้านเขามาเห็นเขาก็ว่าเหล็กอย่างนี้ที่ป่านู้นก็มี โป๊ยก็บอกว่า นี่เห็ลกโคกยายเหลือง ลุงคนนั้นก็ร้อง โอ้...แล้วยกมือไหว้ทันที ชาวบ้านเขาฮือฮากันใหญ่

    ก็เอาไปถวายให้หลวงปู่ฯ เสกตามระเบียบ วันรุ่งขึ้นเราก็ไปที่โคกอีก เพราะเมื่อวานของหลวงปู่ฯ ท่าน แต่วันนี้เราจะไปเอาของเราเอง ก็ไป ไปถึงก็บอกเจ้าที่ว่าขอแค่ชิ้นเดียวขอสวย ๆ ก็ไปเก็บ วันนี้เจอชิ้นที่สวย ๆ เหมือนคนมาแกะเกลาไว้สวย ๆ ตั้งหลายชิ้นก็เกิดโลภ จะเอาหมด (สัก6-7 ชิ้น) พอจะก้าวออกจากโคก หูมันเกิดดับไม่ได้ยินเสียงอะไรขึ้นมา เราก็ นะ...ตูโดนละ

    และก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่าฝูงวัวแถวนั้นมันตื่น มันพากันร้อง เราก็ตัดใจเราคงเอาเหล็กชุดนี้ออกไปหมดในวันนี้ไม่ได้แน่ เพราะขอแค่ชิ้นเดียว ก็เลยเอาไปซ่อนไว้ที่โพรงต้นไม้ตรงกลางโคก บอกฝากเจ้าที่พรุ่งนี้จะมาเอา แต่วันนี้เอาไปแค่อันเดียวก่อน หูก็ได้ยินเสียงชัดเจนดังเดินทันที เราก็เอาเหล็กชิ้นนั้นมาให้หลวงปู่ฯ ท่านดู ท่านเห็น ท่านก็ว่า อันนี้ขลัง ม๊าก มาก

    เราก็เลยถวายท่านไป วันรุ่งขึ้นอีก ก็ไปอีกรีบตรงไปที่โพรงไม้ไปค้นดู หาไม่เจอหายหมดเลย ก็เลยอดหมด ไม่มีใครเข้าไปเอาแน่นอน เพราะโคกนั้นเป็นที่เครพเกรงกลัวของชาวบ้านมานับ ร้อย พันปี คนสร้างพระคณะอื่นมาเอาเหล็กยังมากันเป็นสิบ ชาวบ้าบแถวนั้นไม่ต้องพูดถึง และคิดให้ดีถึงมาจริง จะรู้หรือว่าเราซ่อนเหล็ก 6 ก้อนไว้ในโพรงไม้กลางโคก อย่างนี้ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากอย่างหนึ่ง




    แม่พระธรณี ปัฐวีธาตุ ได้เก็บรวบรวมจากแม่น้ำปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมืองแม่เมืองเดียวในประเทศไทย ในส่วนนี้ได้แยกไปถวายหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย นครพนมท่านเสก ไม่ได้หวังจะให้เป็นปัฐวีธาตุแบบของหลวงปู่คำพันธ์ท่าน แต่ขอให้ท่านเสกธาตุให้ ท่านก็เมตตาเสกให้

    ออกจากหลวงปู่คำพันธ์ก็เข้าอุดร ไปกราบขอความกรุณาหลวงปู่ถิร วัดทิพยรัฐนิมิต ที่หลังคุกเมืองอุดรท่านเสกให้ ท่านก็เมตตาเสกให้ ก็ทราบมาว่าท่านไม่ค่อยยินดียินร้ายกับการเสกอะไร ๆนักพระทีวัดว่ามีก็เหรียญ รุ่นเดียว (7-8ปีก่อน)แต่เราก็ใจกล้าเข้าไปขอท่านว่าจะเอาไปสร้างพระแจกทหาร ตำรวจ

    ท่านก็มองหน้า แล้วก็บอกให้เราตามมาท่านก็ดินนำไปกุฏิท่านเข้าไปในห้อง พอท่านนั่งท่านก็ให้เราส่งปัฐวีธาตุมาท่านนิ่งสั่งพักแล้วบริกรรมมนต์อยู่ 5-6คำ (แค่5-6คำจริง)แล้วก็ยื่น ปากถุงปัฐวีธาตุให้เราเราก็จับแต่ท่านไม่ยอมปล่อยสักพักท่านถึงปล่อย เราไม่ทราบว่าเป็นอะไรแต่มันรู้สึกได้ว่า ท่านตั้งใจเสกจริง ๆ และรู้สึกเกิดความหวงแหนปัฐวีธาชุดนี้ขึ้นมาทันที

    ต่อมาถึงเอาไปให้หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญท่านเสก พร้อมกับพลอย 5 สี โดยที่แช่น้ำมนต์ไว้ในบาตรเอาไปวางที่หัวนอนท่าน นานเป็นเดือน ๆ หลานท่านเพื่อนเรา เล่าว่า ท่านเมตตาตาคอยเอาน้ำมนต์มาเติมให้เต็มอยู่ตลอด พอท่านไปไหนไม่อยู่ท่านกลัวหายท่านก็สั่งให้เก็บเข้า ห้องนอน(เก็บของ)ท่าน ซึ่งท่านที่เคยไปกราบหลวงปู่ที่สุสานคงทราบว่าหลวงปู่ท่านนอนตรงที่ท่านรับแขกนั่นแหละครับ ห้องนอนของท่านท่านไว้เก็บของ

    เรื่องปัฐวีธาตุนี้ที่เอามาผสมเพราะเห็นหลวงปู่พูดถึงบ่อยๆ ท่านเล่าว่าสมัยท่านธุดงค์ที่เขมรเขมรรบกัน ทหารหมู่นั้นมาขอของป้องกันตัวจาหลวงปู่ฯ ๆท่านก็เสกน้ำมนต์ให้ไปใส่ขวดเล็กห้อยคอบ้าง กิ่งไม้ ใบไม้ เอามาจารเป็นตะกรดบ้าง ก้อนกรวดเอามาเสกบ้าง ท่านยังกล่าวสำทับว่า ไม่เห็นมีลูกศิษย์คนไหนเป็นอะไร และท่านว่า

    ถ้าเชื่อหลวงปู่นะ นี่...(เอานิ้วเคาะไปที่กระโถนหมาก)เอามาห้อยคอ(ท่านยกกระโถนขึ้นมาที่อกท่าน) ก็ยิงไม่ออก

    แล้วท่านเคยสั่งผมว่า

    ไปเก็บก้อนหินมาหลวงปู่จะเสกให้ กันได้ทุกอย่าง

    เราก็ว่า ครับ เขามีขายเป็นกระสอบเดี๋ยวผมไปซื้อมาเลยนะครับ

    ท่านว่า อย่า อย่าไปซื้อเรา(หมายถึงผม) ไม่ค่อยมีเงิน ไปเก็บมาตามข้างทาง เอาที่สวย ๆ หลวงปู่จะเสกให้ เราฟังแล้วมัน ตื้อขึ้นมาจุกออกเลย

    <!--IBF.ATTACHMENT_105193-->เกี่ยวกับการ "เห็น" ของหลวงปู่ ฯ ท่าน ๆ เคยเล่าว่าท่าน "เห็น" อะไร ๆ ที่คนทั่วไปไม่เห็นมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ท่านว่าเวลาเดินผ่านป่าช้าเวลากลับบ้านต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นไม่มองไปทางป่าช้า ....ยืนอยู่ในนั้นเต็มไปหมด เรื่องนั้นผมไม่ได้ไปเห็นกับท่านด้วยผมจึง ฟังท่านไว้ด้วยความเคารพอย่างที่สุด

    แต่มีครั้งนึงที่วัดนก ซ.พาณิชย์ธนฯ ทางวัดได้นิมนต์หลวงปู่ฯ ท่าน มาให้คนทำบุญกับทางวัด หลังจากที่หลวงปู่ ฯท่านไปถึงวัด ทางวัดก็ได้จัดที่พักให้ท่านพักผ่อน มีโยมคนนึงโทรมาที่วัดบอกว่าอ่านหนังสือเจอว่าทางวัดนิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านมา เขาบอกว่าเขามีเรื่องให้หลวงปู่ ฯ ท่าน ช่วย

    คือพ่อของเขาได้ติดคุกแล้วเกิดไปเสียชีวิตในคุก เขาก็ได้ทำพิธีทางศาสนาครบทุกอย่างแล้ว แต่พ่อก็ยังมาเข้าฝันว่ายังออกจากคุกไม่ได้ เขาจึงอยากการบเรียนปรึกษาหลวงปู่ ฯ ท่าน ๆ ก็เลยบอกว่าให้เอาดินไปวางตรงที่พ่อของเขาตาย แล้วให้นิมนต์พระไปชักบังสกุลตรงดินนั้น แล้วให้เอาดินมาให้ท่านที่วัดนก

    พอเวลาผ่านไปเมื่อถึงเวลาหลวงปู่ ฯ ท่านรับแขก คนก็เข้าแถวกันยาวเหยียด ผมก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ท่านคอยรับดอกไม้ที่คนเอามาถวาย อยู่หลวงปู่ ฯ ท่านก็พูดว่า

    นั่นมาแล้ว พ่อเขามาด้วย หมดเคราะห์แล้ว

    ผมก็งงอยู่ชั่วอึดใจพอมองไปที่แถวคนที่มากราบท่าน ก็เห็นผู้ชายคนนึงถือถุงกระดาษกำลังเข้ามากราบท่าน พอเข้ามาถึงท่าน ก็ล้วงเอาของจากในถุงกระดาษออกมาถวาย ให้ท่านดูแล้วเรียนว่าหลวงปู่ ฯ ท่านว่า เขาเป็นคนที่โทรมาปรึกษาเรื่องที่พ่อเขาตายในคุกแล้วออกมาไม่ได้ ตอนนี้เขาทำตามที่หลวงปู่ ฯ ท่านแนะนำแล้วครับ หลวงปู่ฯ ท่านจึงบอกเขาว่าพ่อเขาออกมาแล้ว เขาก็ลากลับไป

    ผมพอเข้าใจว่าที่ท่านพูดในตอนแรกหมายถึงอะไร ก็ขนลุก(ขอโทษนะครับ)ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าครับ ไม่ใช่กลัวนุครับแต่ขนมันลุกเองครับ

    และจากอีกที่หลาย ๆ คนประสพมาจึงเชื่อได้ว่าเรื่องเห็นอะไร ๆ ของหลวงปู่นี่แน่นอน แม่นยำที่สุดครับ

    ต่ออีกเรื่องเกี่ยวกับการ "เห็น"ของหลวงปู่ฯท่าน เรื่องนี้ม่บุคคลผู้มีเกิตริย์(เขียนยังไงหว่า) สูงเข้ามาเป็นผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย กล่าวคือ

    เมื่อครั้งที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ได้สร้างวัตถุมงคลที่สร้างจากกระเบื้องหลังคาโบสถ์ของโบสถ์พราหมณ์ ซึ่งมีโบสถ์พระอิศวร โบสถ์พระนารายณ์ โบสถ์พระพิฆเณศวร มาบดผสมทำพระและจัดพิธีมหาพุทธาภิเษก-เทวาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ เหลือที่จะกล่าว เป็นพิธีที่ถูกต้องตามตำรับพราหมณ์อย่างที่สุดเพราะท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าพิธีล้วนแต่เป็นพราหมณ์หลวง เป็นผู้มียศศักดิ์ทางราชการทั้งสิ้นและยังสืบสายเลือดมาแต่ตระกูลพราหมณ์ผู้มีศักดิ์สูงทุกท่าน

    หลวงปู่ ฯ ท่านก็ได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีด้วย จำได้ว่าในชุดที่หลวงปู่ฯ ท่านเสกนั้นมีหลวงปู่เมตตาธรรมคุณ วัดโพธิ์เลื่อนท่านนั่งด้วยแต่ท่านเสกไม่นานประมาณ 30นาทีก็กลับ แต่หลวงปู่ ฯ ท่านเสกรวดจนจบพิธี พอเสกกันไปสักระยะ (2-3ช.ม.) ใกล้จะเสร็จพิธี ก็เกิดเสียงเหมือนอะไรถล่มลงมาจากทางโบสถ์พระพิฆเณศ ก็ทราบว่าเป็นกองกระเบื้องหลังคาที่ จะเอาไว้มุงโบสถ์ถล่มลงมา พิธีก็ดำเนินไปจนจบ

    เมื่อหลวงปู่ ฯ ท่านกลับไปพักที่บ้านอีตาป๋อง อีตานี่ก็โทรมาบอกว่า หลวงปู่ท่านบอกว่าพิธีนี่พระอิศวรสูง 88 ศอกเสด็จมมาในพิธี มายืนคร่อมโบสถ์(เสกที่โบสถ์พระอิศวร) ในโบสถ์มีเทวดามาชุมมุมประสาทพรกันอยู่แน่นไปหมด และข้างนอกโบสถ์ ก็มีครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ มาล้อมโบสถ์พระอิศวรอยู่แน่นไปหมด มองไปทางไหนก็เห็นแต่ครูบาอาจารย์

    แต่ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ท่านไม่เข้ามาในโบสถ์เพราะผู้ประกาศโองการ(น่าจะพระราชครูวามเทพมุนี ) ไม่ได้ประกาศกล่าวอัญเชิญ พระสงฆ์ เชิญแต่เทวดา แต่ที่พระสงฆ์มาเพราะพระคณาจารย์ที่รับนิมนต์มาเสกได้อธิฐานจิตอัญเชิญมา ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ท่านจึงทำให้ดูว่าท่านมาจริง ด้วยการทำให้กระเบื้องหลังคาโบสถ์ทางโน้นถล่มลงมา

    เราได้ฟังเรื่องแล้วก็ทึ่ง อึ้งกิมกี่ เรื่องอะไรที่ได้รับทราบเกี่ยวกับหลวงปู่ฯ ท่านล้วนแล้วแต่มหัศจรรย์ก็จริง แต่ลองนึกภาพว่าในพิธีหลวงปู่ฯท่านได้เห็นอะไร บ้างก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงมันสุดที่จะบรรยายจริง และในวันต่อ ๆ มาผมกับตาป๋องได้ไปที่โบสถ์พราหมณ์กันอีกครั้ง ก็ได้พบกับท่านพระราชครูฯก็เรียนความที่หลวงปู่ฯท่านเล่าให้ฟัง ให้ท่านพระราชครูฯท่านฟังต่อ ท่านก็ยอมรับว่า ท่านไม่ได้อัญเชิญพระสงฆ์ ท่านเชิญแต่เทวดาจริง ๆ เราก็นะหลวงปู่ของเราถ้าเรื่องนี้ไม่พลาดดอก

    ครั้งหลังมาพอทางโบสถ์พราหมณ์จัดสร้างพระตรีมูรติทองคำถวายในหลวง ก็ยังได้นิมนต์หลวงปู่ฯ ท่านมาอีก และพอหลวงปู่ไปถึง ท่านพระราชครูก็เข้ามาเรียนถามหลวงปู่ ฯ ท่านทันทีว่าพิธีที่จัดนี้ถูกต้องหรือยังคราวที่แล้วพลาดไป หลวงปู่ท่านก็ดูให้แล้วบอกว่า ถูกต้องแล้ว

    เรื่องนี้คิดอยู่นานว่าจะเล่าดีมั๊ยเพราะต้องอ้างถึงท่านผู้มีกิตติคุณสูง และยิ่งด้วยยศศักดิ์แต่คิดแล้วก็เล่าเสียก็ดี แต่ถ้าใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็ ถามป๋อง หรือใครใจกล้า ก็ไปเรียนถามท่านพระราชครูวามเทพมุนีดูได้ครับ แต่พึงรำลึกไว้เสมอว่าท่านเป็นผู้มียศและศักดิ์สูงส่งนะครับ



    เกี่ยวกับกุมารของหลวงปู่ฯท่านมาเล่า เมื่อก่อนนี้ผมเคยปั้นกุมารจากดินอาถรรพ์ไว้หลายองค์ และได้ถวายให้หลวงปู่ท่านเสกให้ ก็ตามประสาคนใจง่ายเพื่อน ๆ เขารู้เข้าใครขอเราก็ให้ไป จนเหลือองค์สุดท้าย เป็นองค์ปุ้ม ๆ ต้อ ๆ เพราะปั้นเองเอาแค่พอดูรู้ว่าเป็นตุ๊กตารูปคน ไม่ใช่อย่างอื่นก็ถือว่าใช้ได้ละ

    องค์สุดท้ายนี่เลี้ยงมานานพอสมควรก็เงียบจนลืมไปเลย แต่ก็เลี้ยงอยู่ไม่เคยขาด จนมาวันนึงได้ฝันไปว่าไปที่บ้านทรงไทยหลังหนึ่ง แล้วไปเดินเล่นบริเวณบ้านพอเดินลัดเลาะลังจะเลี้ยวเข้าตรงหัวมุมอาคาร ก็เห็นว่ามีเด็กอ้วนมาแอบมองอยู่ที่มุมตึก ทำท่าเหมือนะเล่นซ่อนหากับเรา เราเองเราก็ชอบ(แกล้ง >"<)เด็กอยู่แล้ว พอเห็นเขามาแอบอยู่ ก็เลยวิ่งไล่ตามหลังไป ก็สังเกตุเห็นอย่างนึงว่า ที่กลางหลังบริเวณก้นกบของเด็กนั่นมีปานดำดวงใหญ่เท่ากำปั้นติดอยู่

    พอเราวิ่งตาทันเราก็กอดปล้ำเล่นเจ้าเด็กอ้วนนั่น กอดมัน เค้นมัน นืด ๆๆๆๆ เล่นจนเราตื่น ก็มานึกว่านี่ เราฝันบ้าอะไรฟะ ก็มานั่งลำดับดูก็จำได้หมด ก็ไม่คิดอะไรจนวันต่อมาไม่นานนักหลังจากฝันได้ทำความสะอาดหิ้งพระ ก็เอากุมารลงมาดู ดูไป ๆ พอพลิกด้านหลังดูก็เห็นตราประทับเป็นรูปยันต์กันอาวุธ เราก็มานึกถึงที่เราฝัน ก็แปลกใจว่าเออ ตราประทับที่เราประทับไว้บนกุมารนั้น เป็นตำแหน่งเดียวกับปานบนหลังเจ้าเด็กอ้วนในฝันเราเลยแฮะ

    หลวงปู่ ฯ ท่านเคยพูดเสมอ ๆ ว่าเดี๋ยวนี้คนฆ่ากันตายน้อย(เมื่อ 5-6ปีที่แล้ว) รถชนกันตายเยอะกว่า ผมเห็นด้วยเพราะผมเองก็เจอเรื่องรถกับหลวงปู่ฯท่าน มาหลายหน

    เมื่อก่อนผมมีธุระต้องไปทำงานแถวม.รามคำแหงเสมอ แถวหน้ารามนั้นจะมีท่ารถเมล์ อยู่และก็จะมีเส้นถนนขีดเป็นเส้นแนวยาวกั้นไว้ คืนนั้นฝนตกพรำ ๆ ผมก็ขับรถไปตามปกติ พอมาถึงหน้าราม รถเมล์คันที่ขับอยู่ข้างหน้าผม ก็หยุดเพื่อจะเข้าจอดป้าย ผมซึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์ตามหลังมาก็เบรครถชลอ ก็พอดีว่าไปขับทับเส้นที่ขีดยาวกั้นสำหรับป้ายรถเมล์ไว้พอดี รถก็ส่ายเพราะลื่นมาก (เรื่องเส้นขีดกั้นถนนลื่นเวลาเจอน้ำนี่ผมเจอหลายครั้งแล้วลื่นมากต้องระวังครับ) เบรคแล้วรถไม่ยอมหยุดไถลไปกำลังจะชนท้ายรถเมล์ในใจก็นึกถึงหลวงปู่ฯท่าน

    ทันใดนั้นเองก็มีความรู้สึกเหมือนมีมือขนาดใหญ่มาจับท้านรถให้ค่อย ๆ หยุดส่ายและค่อย ๆยุด ห่างจากรถเมล์ไม่กี่มากน้อย

    อีกครั้งเมื่อตอนขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านตอนกลางคืนคืนนั้นง่วงมาก ๆ จำได้ว่ากำลังข้ามสะพานตรงแถวเจริญกรุง(จำชื่อไม่ได้) พอใกล้จะถึงตีนสะพานก็วูบไป(หลับใน) มารู้สึกตัวอีกทีก็ถึงตีนสะพานแล้วพอได้สติก็เอามือตบอกที่ห้อยพระอยู่ทันที นี่ครูบาอาจารย์คงคุ้มครองอีกครั้ง

    หรืออย่างลูกศิษย์หลวงปู่ท่านนึง(ไม่สนิทกันขอไม่เอ่ยชื่อครับ)ขับรถไปทำธุระที่สระแก้ว พอขับไปใกล้จะถึงแล้ว ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่ใต้ท้องรถก็จอดรถเพื่อจะดู แกเล่าว่า พอจอดรถรถก็ยุบลงไปข้างนึง พอออกไปดูก็ปรากฏว่ายางแตกไป 1เส้น แต่ยางเกือบจะไม่เหลือแล้ว เหลือแต่ตัวล้อเหล็กเท่านั้น แกว่าแกได้เกษาหลวงปู่ ฯ ท่านมาหน่อยนึงแกจึงเอามาใส่กรอบเลี่ยมไว้หน้ารถ กับสติ๊กเกอร์รูปท่านเท่านั้นครับ

    บางคนนึงเป็นคนขับรถรับจ้าง ตะแกมีพระหลวงปู่ฯ ท่านติดตัวอยู่ วันนึงขับรถไปติดไฟแดงอยู่ ขณะที่กำลังรอไฟแดงนั้น ได้ยินเสียงดังตูม แล้วก็เห็นรถพุ่งมาจากทางข้างหลังแก แล้วเลี้ยวไปชนรถคันข้างหน้า พอทุกอย่างสงบตะแกก็ลงไปดูว่า what happen ก้ได้ความว่ารถคันหลังแกก็คือคันที่พุ่งผ่านรถแกไปชนรถคันหน้า ได้ถูกรถคันหลังถัดไปเสียหลักพุ่งมาชนตามหลักน่าจะชนรถแก แต่กลายเป็นว่ารถมานอ้อม ไปชนรถคันหน้า แปลกจิง ๆ
     
  6. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    ลูกศิษย์หลายท่านที่เคยนิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านไปจำวัดที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล ท่านก็เมตตาไปให้มีอยู่ครอบครัวหนึ่งก็ได้นิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านไปจำวัดที่บ้านเช่นเดียวกับครอบครัวอื่น ๆ โดยจัดห้องที่พักและจัดเครคื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับหลวงปู่ ฯ ท่านเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะ

    รวมถึงพวก จาน ชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ ฯลฯ เพื่อที่เมือ่หลวงปู่ ฯ ท่านกลับไปแล้วจะได้เอาไว้บูชาเป็นที่ระลึก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่ก็มีเรื่องไม่ปกติธรรมดาเกิดขึ้นจนได้ จนต้องเอาของที่เป็นต้นเหตุของเรื่องไม่ธรรมดา มาถวายให้หลวงปู่ท่านดู ของนั้นก็คือ แก้วน้ำ ใบหนึ่งและเป็นแก้วน้ำที่ตรงก้นแก้วมีรอยร้าวพาดผ่านจากด้านนึงไปอีกด้านนึง

    ก็ได้รับทราบความว่า เมื่อก่อนหน้านี้ได้นิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านไปจำวัดที่บ้าน ก็ได้จัดข้าวของเครื่องใช้ถวายท่านตามปกติ และก้ได้เก็บของเหล่านั้นไว้บูชาต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะด้วยเหตุใดมิทราบได้ มีคนเอาแก้วน้ำที่ท่านเจ้าบ้านได้ถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านใช้ไปใช้ต่อ พอยกแก้วขึ้นดื่มน้ำก็ปรากฏว่าก้นแก้วร้าวดัง เพี๊ยะ ทันทีจึงเอามาพูดกัน ในสมาชิกครอบครัว

    ท่านเจ้าบ้านพอเห็นแก้วแล้วก็จำได้ว่า เป็นแก้วใบที่เคยถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านใช้ จึงอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ พอมีวันว่างก็รีบเอาแก้วน้ำมาถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านดู หลวงปู่ ฯ ท่านก็ยิ้ม ๆ ไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้ม ๆ เท่านั้น เป็นคำอธิบายของหลวงปู่ฯท่าน

    เรื่องการลงกระหม่อมของหลวงปู่ ฯ ท่าน แบ่งเป็น 2 อย่างคือลงกระหม่อธรรดา กับลงกระหม่อมสาริกา ซึ่งลงกระหม่อสาริกานี้น่าสนใจ เพราะต่างจากที่เคยเข้าใจว่าเป็นเรื่องของทางเมตตา แต่วิชาของหลวงปู่ท่าน ๆ เรียกว่า สาริกาแม่ทัพ สาริกาคุมทัพ

    คน ๆ เดียวที่ลงสาริกาแล้วถือได้ คุมคนได้ หนึ่งหมื่นคน คือถ้าเราเป็นแม่ทัพนายกองนำทัพออกรบ ถ้าลูกน้องช่วยเราสู้ไม่ถอย ก็คุ้มครองคนทั้งกองทัพได้ ผมเองก็เคยร่วมพิธี แต่ไม่ได้ลงกระหม่อม ท่านให้จับไตรถวายเฉย ๆ แต่ท่านว่าใช้ได้เหมือนกัน ท่านยังประสิทธิ ให้ว่า "ตราบใดแม่น้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ไม่เหือดแห้งไปหมด ใครก็ฆ่าไม่ตาย แต่ถ้าไปหาเรื่องเขาก่อน จะแพ้เขา ให้หนีอย่างเดียว" นี่เป็นคำพรที่ท่านเคยให้ไว้

    ลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ หลาย ๆ คนเคยเล่าให้ฟังเสมอถึงประสพการณ์จากการลงกระหม่อม เช่น

    โดนรถชนจนกระเด็นสลบไป ฟื้นขึ้นมาไม่เป็นอะไร

    หรือไปเดินลัดผ่านทุ่งนาตอนฝนพรำ ๆ โดนฟ้าผ่าใส่ ก็ทรุดลงไปแต่สักพักก็ลุกขึ้นเดินได้ตามปกติ

    โดนลอบยิง(รายละเอียดไว้เล่าตอนหลัง) แต่มือปืนเห็นคนเดินไปเดินมาเต็มบ้านเลยไม่ได้ยิง

    เหล่านี่เป็นส่วนน้อยจากประสพการณ์มากมายที่เกิดขึ้นจากการลงกระหม่อม บางคนถึงขั้นเผาไม่ไหม้ หรือเวลาหมอจะกรีดเส้นเลือดเพื่อฉีดยากันเน่าแต่กรีไม่เข้าก็มี(ไว้เล่าตอนต่อไป) ลูกศิษย์ที่เป็ฯลูกศิษย์จริง ๆ ของหลวงปู่ ฯ ท่านถึงให้ความสำคัญกับการไหว้ครูลงกระหม่อมมาก จึงเก็บเอามาเล่าไว้เผื่อท่านใดจะมาจากไหนก็ตาม ถ้ามาเจอเรื่องราวต่าง ๆ ที่โพสไว้จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็หวังว่าจะได้สัมผัสถึงละอองแห่งศัทธาในครูบาอาจารย์บ้างไม่มากก็น้อยครับ

    เคยได้ยินพวกลูกศิษย์รุ่นเดียวกันกับเราคุยให้ฟังหลายคนว่า หลวงปู่ท่านมีวิชาเสกท่านปลัดอยู่แต่ท่านไม่เสก และไม่น่าจะเคยเต็มใจเสกให้ใคร เพราะท่านไม่ชอบเวลาถ้าใครไปขอทำปลัด ท่านก็จะบอกว่า

    ทะลึ่ง ไม่ชอบ

    พวกเราก็เลยพับโครงการท่านปลัดเอื้ออาทรไป แต่ก็มีพระทางชลบุรีที่มาพักอยู่กับหลวงปู่ฯ ท่าน ได้แอบเอาเข้าไปในเขตบายศรีเวลาเขามาลงสาริกาเหมือนกัน และเท่าที่ทราบไม่ว่าใครได้ท่านปลัดชุดนี้ไปก็จะฝันแปลก ๆ กันทุกคน (ฝันว่า....)

    และก็มีลูกศิษย์ที่คอยติดตามหลวงปู่ ฯ ท่านไปทุกที่ อยู่คนชือ่นายบูรณ์ คนนนี้ก็เป็นหลานหลวงปู่ ฯ ท่าน คู่กับตาโป๋ย นายคนนนี้ตามหลวงปู่ไปทุกที่ มีครั้งนึงแกเล่าให้ฟังว่า แกไประนองกับหลวงปู่ ฯ ท่านและคนเขาให้ท่านปลัดหลวงพ่อยิด มา 2 ท่านปลัด เป็นกระดูกปลาพยูน(แต่ผมว่ากระดูกช้างนะ)แกก็เอาปลัดที่รอ้ยไว้กับกุญแจต่าง ๆ มาโชว์ให้ดู แล้วแกก็เล่าว่า

    พี่ ตอนนั้นผมนอนเฝ้าหลวงพ่อ(บูรณ์เรียกหลวงปู่ว่าหลวงพ่อ) พอหลวงพ่อตื่นผมก็ลุกขึ้นมาสวดมนต์ผ มก็เอาพวงกุญแจที่ผมถอดเอาวางไว้ข้างที่นอน มาวางไว้ข้างหน้าบนยกพื้น ข้าง ๆ ที่นอนหลวงพ่อ ผมกำลังง่วง ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง แคร็ก ๆ ๆ ก็ลืมตาดู(ตานี่นั่งหลับเฝ้าหลวงปู่) เห็นพวงกุญแจมันขยับได้ ก็นึกได้ว่ามีปลัดขิก พลวงพ่อท่านก็หันมาดูผมเลยรีบเก็บมาใส่กระเป๋าไว้ ผมเลยเชื่อว่าหลวงพ่อท่านก็เสกปลัดให้เคลื่อนไหวได้

    ครั้งนึงเพื่อนของเฮียที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ฯของเรา ไปกราบหลวงพ่อเปิ่นที่วัดบางพระ พอดีว่ามีคนเขาพาผู้ที่ถูกคุณไสยมีอาการเหมือนผีเข้ามาให้หลวงพ่อเปิ่น ท่านรักษา พอหลวงพ่อเปิ่นท่านทราบเรื่องท่านก็นิ่งไปสักครู่ ท่านก็หันมาพูดกับเพื่อนของเฮีย(ลูกศิษย์หลวงปู่ฯเรา) ว่าเออมีปากกาอาจารย์หงษ์ใช่มั๊ยเอามาลองไล่ดูซิ เพื่อเฮียคนนั้นก็กลัว ๆกล้า พอหลวงพ่อเปิ่นท่านย้ำอีกที จึงเอาปากกาออกมาตั้งจิตอธิฐานและเดินไปใกล้ ๆ คนที่โดนของ คนที่โดนของนั้นก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งทันที และทราบตอนหลังว่าได้หายเป็นปกติดี

    หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งวัดบางพระเป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านถามถึงบ่อย ๆ ยิ่งเมื่อตอนที่หลวงพ่อเปิ่นจะมรณะภาพและเข้าโรงพยาบาล หลวงปู่ท่านก็ถามถึง และอีกองค์ก็คือหลวงพ่ออุตตมะ อุตตมะรัมโภ เป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านดูจะเป็นห่วงและถามถึงเสมอ ๆ แม้แต่ตอนที่ หลงพ่ออุตตมะ มาเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฏ หลวงปู่ฯ ท่านก็ได้ตามมาเยี่ยมหลวงพ่อ ฯ ด้วยเช่นกัน (ผมก็ได้ตามไปด้วย อิอิ) ท่านเหล่านี้เป็นผู้วิเศษ ที่มีใจผูกพันกัน และมีคุณธรรมและคุณวิเศษเป็ฯที่ประจักษ์ทั้งสิ้น

    นะเมติ

    พระคาถาบทนี้เป็นคาถา ประจำสำนัก ที่ไว้ให่ศิษย์ภาวนาเวลาจะสื่อกับครูบาอาจารย์ หลวงปู่ท่านเคยบอกผมว่า

    เราภาวนา นะเมติ นี้หนาสะเทือนขึ้นไปถึงพรหมโลก

    หมายถึง นะเมติ นี้ถ้าเราภาวนาจะสื่อไปถึงสุดแดน ครูบาอาจารย์ผู้สถิตย์อยู่บนชั้นพรหมโลก

    และความหมายของ นะเมติ นี้หลวงปู่ท่านบอกว่าหมายถึง

    รสน้ำนมแม่พระธรณีย์ คืออาหาร พืชพันธุ์ ข้าว น้ำต่าง ๆ ที่เลี้ยงดูทุก สรรพชีวิต อย่างไม่ลำเอียง ใครจะปลูก ใครจะหว่าน ใครจะเก็บเกี่ยว เอาไปกินไม่ว่า คนหรือสัตว์ ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน พระสงฆ์ เณร ชี หรือ อลัชชี มหาโจร คนต่ำทราม แม่พระธรณีย์ก็ไม่เคยรังเกียจมีคุณให้การเลี้ยงดูเท่า ๆ กันหมด แล้วแต่ใครจะเก็บเกี่ยวใช้สอยได้มากเท่าใด

    นะเมติ รสน้ำนมแม่พระธรณีย์ นี้จึงเปรียบเหมือนคุณครูบาอาจารย์ ที่ไม่เคนรังเกียจเดียจฉันท์ ลูกศิษย์คนใด ที่เคารพนับถือ หลวงปู่ ฯ ท่านถึงไม่เคยดุด่าว่ากล่าวลูกศิษย์คนไหน ก็ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา หนักแน่น เยือกเย็นดั่งคุณของพระแม่ธรณีย์นั่นเอง



    ไหนๆ ก็มาแล้วก็จะเล่าเรื่องอะไรนิดหน่อย เพื่อเป็นการแบ่งปันประสพการณ์ที่ได้รับรู้หรือสัมผัสมาครับ

    ณ. กาลครั้งหนึ่ง....เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีคราวหนึ่งที่ผมได้ไปกราบหลวงปู่ฯ ท่านและได้อาศัยพักอยู่กับท่านหลายวันพอประมาณ เวลาว่างก็พักผ่อน เวลาไม่ว่างก็นอน... (เอ๊ะ..ยังงัยหว่า..ชักงง) มีวันนึงมีเวลาว่างกำลังพักผ่อนอยู่ที่ศาลาหน้ากูฏิหลวงปู่ฯ ก็มีรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่เข้ามาจอดเทียบ ชายผู้เป็นเจ้าของรถเดินลงมาและตรงเข้าไปที่ตู้วัตถุมงคลเพื่อจะเช่าพระ ผมก็เข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ช่วยหยิบนู่นจับนี่ตามประสา คุยกันท่าไหนจำไม่ได้แต่จำได้ว่าคุยกับพี่แกถูกคอมาก แกก็ชวนไปที่รถของแก
    ผมก็ตามไปด้วยใจที่อยากรู้ว่าแกจะให้ดูอะไร พอไปถึงรถแกก็บอกว่า แกเป็นตำรวจมากราบหลวงปู่ฯ ท่านบ่อย ๆ รถคันนี้ท่านก็เจิมและตั้งชื่อให้ เมื่อไม่นานมานี้แกขับรถคันนี้ไปจับไม้เถื่อน ขากลับแกโดนลอบยิงด้วยปืน(แกว่าอาก้า...นะไม่ใช่หนังสะติ๊กแน่ๆ)
    คนยิง ๆ เป็นชุดแต่ไม่ถูกตัวรถสักนัด มีถูกที่กระจะตรงด้านหน้าคนขับที่เดียว แกก็พาผมได้ดูที่กระจกและชี้ให้ดู แกว่ารอยนี้แหละที่โดนลูกปืนยิง แต่กระจกไม่แตก ลูกปืนมันเลยแฉลบออกเป็นรอยขีดเป็นแนวยาว ผมก็ โอ้ว์........มายก๊อด....หลวงปู่ฯเราขนาดรถยังเสกให้เหนียวได้ ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว แปลกม๊ากมาก

    ปัญหาที่หลาย ๆ คนเคยถามกับผมและกับลูกศิษย์คนอื่น ๆของหลวงปู่ฯ ท่าน เหมือน ๆ กันคือเรื่องหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า ถ้าดื่มแล้วจะเสื่อม?
    จริงครับหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า และให้รักษาศีลด้วยนะครับ เพราะท่านรักลูกศิษย์ ต้องการให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีศีล และมีธรรม ไม่ไปก่อกรรมให้กับใครแม้แต่กับตัวเอง ที่ว่าดื่มเหล้าแล้วเสื่อม ไม่ใช่ของเสื่อมนะครับ แต่เป็นตัวคนที่เสื่อม เราดื่มเหล้าแล้วเสื่อมอย่างไรอันนี้คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ
    หลวงปู่ฯ ท่านพูดให้ฟังเสมอ ๆ ว่า ครูบาอาจารย์ถ้ารักลูกศิษย์แล้วต้องให้ลูกศิษย์ถือศีล ถ้าให้แต่ของขลังไปแล้วบอกแต่ว่าของนี้ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก ลูกศิษย์ที่ดีก็มีที่ไม่ดีก็ต้องมีปะปนมา และพวกนี้ที่เอาของขลังทั้งหลายไปก่อกรรมทำชั่ว เกะกะระรานเกเรสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และสุดท้ายก็สร้างเวรก่อกรรมมากต่อมาก กรรมเวรเหล่านั้นก็จะมาถึงครูบาอาจารย์ด้วยในที่สุด เพราะไม่ได้สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีแต่แรก อย่างหลวงปู่ ฯ ท่านๆจะบอกก่อนเลยว่าของ ๆ ท่านต้องถือศีล ถ้าถือศีลไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาไป
    แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้รู้ได้เห็น คนที่โดนอะไรหนัก ๆ (หนักจริง ๆ)ทั้งหลายก็เป็นคนที่ดื่มสุราเป็นอาจิณต์ครับ บางคนถูกยิงไม่เข้าก็มาเรียนหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ถามว่าดื่มเหล้าหรือเปล่า เขาตอบว่าดื่ม หลวงปู่ ฯ ท่านก็ตอบต่อไปว่า นี่ถ้าไม่ดื่มเหล้าปืนยิงไม่ออกดอก ก็เล่าเท่าที่ทราบให้พิจจารณากันนะครับ


    คืนนี้พอแค่นี้ก่อนครับ คิดว่าหลายๆท่านที่ติดตามอ่าน คงได้เพลิดเพลินกับประสพการณ์เรื่องเล่าบางส่วนที่มอบให้อ่านนะครับ ราตรีสวัสดิ์

    <!--IBF.ATTACHMENT_129106-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ลูกคุณย่า

    ลูกคุณย่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,095
    อนุโมทนาด้ายค่ะ
    รูปหลวงปู่น่ารักมากเลยค่ะ รักหลวงปู่มากค่ะ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    เป็นบุญมากเลยครับ ที่เกิดมาในชาตินี้ ได้มีโอกาสได้ร่วมทำบุญถวายแด่ พระอรหันต์เจ้า

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 102_1644.JPG
      102_1644.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86.7 KB
      เปิดดู:
      391
  9. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,575
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆทั้งหมดครับ,,,,^_^
     
  10. ejob

    ejob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +366
    หาซื้อหนังสือเล่มนี้อยู่
    ใครมีแบ่งบอกกันบ้างนะครับ

    [​IMG]
     
  11. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    อ่านเจอใน WEB ขออนุญาติเจ้าของบทความด้วนนะครับ

    เหรียญประสบการณ์ เหรียญจักรพรรดิ์ พระนเรศวร รุ่นชัยชนะ หลวงปู่หงษ์ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ผมเป็นพนักงานไปรษณีย์ที่ทำการไปรษณีย์ คือช่องทางหนึ่งที่ผู้จัดสร้างวัตถุมงคล ใช้เป็นช่องทางกระจายวัตถุมงคลของตนที่สร้างเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ศรัทธาเข้าถึงและที่ ปณ.ผมก็มีวัตถุมงคลจากหลายสำนักหลายเกจิย์มาเปิดให้บูชามากมายจะเรียกได้ว่าเป็นกรุพระก็คงไม่เกินไปนัก
    ...
    เช้าวันหนึ่ง เปิดให้บริการตามปกติมีผู้ชายคนหนึ่งมาถามหาเหรียญๆหนึ่ง เขาบอกว่า เขาติดตามและรอเหรียญนี้มาตลอดและวันนี้ก็เป็นวันที่เปิดให้เช่า..(ทำเอาผมแปลกใจ เพราะปกติแล้ววัตถุมงคลที่ไปรษรณีย์ มีหลายรุ่น หลายสำนัก หลายเกจิย์แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรุ่นใหนที่จะมีคนตามมาบูชาในทันทีอย่างนี้)..ผมก็เลยไปหยิบมาให้เขาค้นๆในกล่อง มีอยู่ 2 เหรียญ เขาเอาไปหนึ่ง
    จากนั้นผมจึงเอาไปเก็บในกรุเช่นเดิม (แต่ก็นึกในใจว่าเหรียญสวยดีโดยที่ไม่ใส่ใจรายละเอียดอื่นใด)
    ..
    เวลาก็ผ่านไป..จนวันหนึ่งทางส่วนกลางเรียกวัตุมงคลชิ้นนี้คืนเพราะครบกำหนดเวลาให้วางเช่า..ผมก็ไปเช็คดูจำนวนอีกครั้ง ว่าครบหรือเปล่าเมื่อวัตถุมงคลชิ้นอื่นๆครบก็เตียมส่งกลับ..แต่เอ๊ะ ขณะหนึ่งสะดุดสายตาเหรียญๆหนึ่ง เหรียญที่กล่าวข้างต้นนั่นเอง สวยดีแฮะ อ่านดูนิดหนึ่งเหรียญจักรพรรดิ์ พระนเรศวร รุ่นชัยชนะ อืม พระนเรศวรเหรอนี่ ศรัทธาองค์ดำอยู่แล้วเก็บไว้ดีกว่า
    ......................
    วันอาทิตย์ ที่ 6 ธค.2552
    ไปรษณีย์มีการจัดแข่งขันกีฬาภายในก่อนจะเตะตะกร้อผมได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ในกระเป๋าเสื้อมีเหรียญพระนเรศวรติดอยู่ด้วยก็เลยถอดออกวางไว้ตรงคอนโซลหลังของเก๋งป้ายแดง ffice:smarttags" /><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]<ST1:place w:st="on">New City</ST1:place></st1:City>
    วันศุกร์ ที่ 11 ธค. 2552หลังจากเลิกงาน ต้องลงกรุงเทพๆ เพื่อไปตามนัดหมอหลังจากผ่าตัดลิ้นหัวใจรั่ว ที่ รพ.ศิริราช เก็บเสื้อผ้า ทุกอย่างพร้อมแม่โทรฯบอกให้ไปเอาของฝากพี่ชาย ที่ต่างอำเภอ ประมาณ 25 กม.ผมไม่ได้อยากไปเลยทำงานก็เหนื่อย ค่ำแล้วด้วย ของฝากหาซื้อแถวนี้ก็ได้ก็เลยตกลงไม่ไป
    ....
    ครึ่งชั่วโมงต่อมา..แม่โทรฯหาอีก บอกให้ไปเอาหน่อยพ่ออุส่าห์ทำไว้..
    สุดท้ายก็เลยต้องไป..ด้วยความที่ไม่อยากไปอยู่แล้วจึงรีบ..ขับรถเร็ว...ช่วงหนึ่งของทางลูกรังซึ่งกำลังเกลี่ยทำถนนใหม่เพราะถนนขาดจากน้ำที่หลากในหน้าฝน ทางลูกรังรถเก๋งป้ายแดง ผมขับความเร็วประมาณ80/km.มีรถข้างหน้าหนึ่งคัน ผมจึงเร่งคันเร่งเพื่อแซง ความเร็วขึ้นไปที่ 100/km คงจะซวยจริง จังหวะแซงเจอหลุมที่เกิดจากน้ำหลากที่ว่า ..รถผมกระโจนหลุมยางหน้าขวาแตก ด้วยความเร็วรถประกอบกับทางลูกรัง ผมควบคุมรถไม่อยู่สุดท้าย..
    ..
    พลิกคว่ำ..ลงข้างทางล้อชี้ฟ้า..ผมนั่งติดในรถ นิ่งๆอยู่ 2-3 นาที สำรวจดูตัว มีตรงใหนบาดเจ็บหรือเปล่ามึนๆอยู่บ้าง แต่ไม่เจ็บไม่ปวดจึงคลานออกมา
    สำรวจดูตัวเองอีกครั้ง ไม่เป็นอะไรเลยแต่รถสิ..ยับ !!!กระนั้นก็ได้เดินไปเก็บเอา่สัมภาระต่างๆที่กระเด็นกระดอนกระจัดกระจายทั้งที่อยู่ในรถและออกมานอกรถหนึ่งในนั้นเป็นพระบูชาที่เคยนำรถไปเจิมความสิริมงคลกับพระที่บ้านกระเด็นไปไกลตั้งกลางนา แต่ให้ตายสิ รองเท้าอีกข้างที่ใส่และเหยียบไว้หาอย่างไรก็หาไม่เจอ และอีก 2 ชม.ต่อมา จนท.บริษัทประกันภัยมาถึงคำถามแรกที่ถูกถ่มออกมา พี่รอดมาได้งัย แขวนพระอะไร ผมจึงถ่มคำตอบคืนไปพระเข็มขัดนิรภัย !!!
    วันเสาร์ ที่ 12 ธค.2552Honda ร้อยเอ็ด โทรฯแจ้งเคลมประกันเบื้องต้น ประมาณ 300,000 บาทครับ ครับเบื้องต้นครับผมก็เลยเข้าไปดูสภาพรถผม ซึ่งแทบทำใจไม่ได้ก่อนจะกลับ พนง.Honda บอกควรจะเก็บของทั้งหมดกลับ เพราะ Honda ยังไม่ได้แตะต้องอะไรเลยก่อนที่จะรื้อและซ่อม
    ผมก็ทำตาม แต่ก็ต้องขนลุกซู่เมื่อไปเห็นเหรียญที่เคยวางไว้ก่อนแข่งกีฬา ยังวางอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่เคยคิดถึงเลย อาการไม่อยากเชื่อว่าจะมีอยู่จริงผมจึงถาม Honda อีกครั้งว่า ยังไม่ได้ทำอะไรกับรถจริงๆหรือ ได้รับการยืนยัน ว่าจริงๆครับความพิสวงของผมยังไม่หยุดจึงรีบโทรฯหาเพื่อนคนที่ช่วยเก็บของตอนรถคว่ำ เพื่อนก็ยืนยัน กรูไม่เจอ ไม่จับเหรียญนี้ ไม่รู้ว่ามีด้วยซ้ำ จริงๆ เช่นกัน
    ....
    แต่ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไรหรอกเพราะอย่างไร ที่ผมไม่เป็นอะไรเลย เพราะผมยังเชื่อ ในเข็มขัดนิรภัยอยู่ดี
    ....
    ที่จะเล่าต่อไปนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิจารณาญาณ เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวผม
    ประมาณวันที่ 14 หรือ 15 กพ.53 ืคืนหนึ่งผมฝันไปว่ามีพระรูปหนึ่ง ซึ่งเคยไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า มานั่งบนแคร่ที่อยู่ใต้ถุนบ้านพักพนักงานพร้อมกับผู้คนที่กราบไหว้อยู่เต็มพื้นที่บริเวณไปรษณีย์ ชั่วขณะหนึ่งท่านเรียกผมเข้าไป พร้อมกับใบหวยเป็นภาษามือ ผมตีอย่างไรก็ตีไม่ออก ท่านไบ้ให้ 3 ตัว ผมตีไ้แค่ 2 ตัว คือ 3 กับ 1 อีกตัว ตีไม่ออกจริงๆ ..เหมือนท่านจะรู้ว่าผมบื้อท่านเหมือนจะโมโห เพราะอย่างไรผมก็ตีไม่ออก ..สุดท้ายท่านจึงลุกไปเขียนให้กับมือท่าน 2 ตัวชัดเจน คือ 14
    วันที่ 16 ผมจึงโทรฯไปให้แฟนซื้อให้ 14 บน-ล่าง ตัวละร้อยแค่นี้
    หวยประจำวันที่ 16 กพ.53
    บน 186312
    ล่าง 14
    ผมถูกหวยในรอบเกือบ 20 ปีครับ จึงได้เล่าเรื่องนี้ให้คนในที่ทำงานฟังพร้อมยังงงอยู่ว่าพระที่อยู่ในฝันคือพระรูปใหน ชื่อ-ฉายา อะไรมีจริงหรือเปล่า
    มีพี่ที่ทำงานคนหนึ่งสะกิด จะใช่รูปที่อยู่ในรถหรือเปล่าที่ว่ารถคว่ำแต่ยังวางอยู่ที่เดิมไม่ไปใหนหน่ะ...??? มาถึงตอนนี้ ผมจึงมีโอกาสนำเหรียญที่ว่า มาอ่านรายละเอียดในเรียญอย่างถีถ้วนอีกครั้ง
    ...สมเด็จพระนเรศวรมหาราช .....
    .........
    รุ่นชัยชนะ...........
    .......
    เหรียญจักรพรรดิ์..............
    พิธีบวงสรวง ณเมืองงาย จ.เชียงใหม่
    พิธีพุทธาภิเษก โดย " หลวงปู่หงษ์ "จ.สุรินทร์
    พิธีมังคลาภิเษก ณ วัดป่าดาราภิรมย์ จ.เชียงใหม่
    พิธีสมโภช ณพระวิหารพระพุทธชินราชจ.พิษณุโลก
    .....................................................................
    เมื่อความสงสัยใครรู้มีอยู่มากผมไม่ได้ช้าเลย
    จึงรีบ เข้าในเน็ต .ที่ google ผมใส่ชื่อ หลวงปู่หงษ์ เข้าไปและเลือกค้นหารูปภาพ..
    คุณจะเชื่อมั๊ยครับ ...พอรูปขึ้นมาเท่านั้นแหละ
    ขนทุกเส้นที่มีอยู่ในตัวผมมันช่างพร้อมใจกันลุกขึ้นมาเหลือเกิน
    เพราะภาพพระที่ปรากฎ ใช่อย่างที่สุด กับภาพที่อยู่ในความฝัน ที่จำได้อย่างติดตา จำได้อย่างแม่นยำ

    หลวงปู่หงษ์พรหมปัญโญ สุสานทุ่งมน จ.สุรินทร์

    ปล.*ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่อัศจรรย์เช่นกัน แต่ผมไม่สามารถเล่าได้จริงๆ อยากเล่า แต่มันเป็นเรื่องไม่ดีแต่หลวงปู่ก็ช่วยผม
    **
    หลวงปู่ท่านเมตตาคนไม่กินเหล้า ..ผมไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ไม่ข้อง
    เกี่ยวอบายมุข....หรือจะเพราะเหตุนี้...กระมัง...
    ....
    นะเมติ
    ....
    นะเมติ
    ....
    นะเมติ<O:p></O:p>
     
  12. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    หลวงปู่หงษ์ คาถาต่างๆ

    วิธีบูชากุมารทอง หลวงปู่หงษ์

    ตั้งนะโม 3 จบ จุดธูป 5 ดอก บอกพระภูมิ-เจ้าที่ หรือตี่จูเอี๊ย เพื่อขออันเชิญกุมารทอง...เข้าบ้านเรือนเพื่อเป็นศิริมงคล คุ้มครองป้องกัน บันดาลโชคลาภ ทำการค้าให้เจริญ

    จุดธูป 5ดอก ภาวนา"นะเมติปะจะขะ" 9 จบ ถวาย นม น้ำแดง ยาคูล ขนม กล้วย(เท่าที่มี หรือหาได้) แล้วตั้งจิตอธิฐาน ขอพรตามความปราถนา ทรัพสมบัติทั้งหลาย ยกให้กุมารทอง เป็นผู้คุ้มครองดูแลรักษา และช่วยหามาเพิ่มเติมด้วยเถิด

    คาถาอาราธนา ตะกรุดน้ำ

    ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาอาราธนา ตะกรุดดิน(ตะกรุดขอมดำดิน)

    ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ มะพะทะนะ จะภะกะสะ นะเมติ" 9-12 จบ

    คาถาอาราะนา ตะกรุดไฟ(ตะกรุดเตโช)

    ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ พะทะนะมะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาอาราธนา ตะกรุดลม(ตะกรุดวายุ)

    ตั้งนะโม 3 จบ "นะโมพุทธายะ ทะนะมะพะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาอาราธนา ตะกรุดชัยวรมัน

    ตั้งนะโม 3 จบ"นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ อะภะอะ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาอาราธนา พญาเสือดำ

    ตั้งนะโม 3 จบ"ยะขังนิขังวา อะภะอะ สิงหะละหุ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาอาราธนาพระยาพาลี

    ตั้งนะโม 3 จบ "กัตตะ วุตตะ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาพระพิฆเนศ

    ตั้งนะโม 3 จบ"โอมนะมัสสะ ปัตตะเยนะมะ โอมมหาเทวะ มหาสะการัม มหาพิฆะเนศสะการัม วิญญานัง โฮม ทีปัง ธูปังปุบผัง นะโมนะมัสสะการัม"

    คาถาหัวใจพระพิฆเนศ

    "โอม พระพิฆเนศ สายะ นะโมพุทะยะ นะเมติ"

    คาถาบูชาปฐมครูปู่ตาไฟ

    ตั้งนะโม 3 จบ"โอม นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะเมติ ฦ ฦา ฤ ฤา นมัสสิตวา หลวงปู่ตาไฟ สิทธิเตโช มหาปุญโญ มหายะโส มหาลาโภ อิทธิ ฤทธิ ประสิทธิเม"

    คาถาบูชาพระสิวลี

    ตั้งนะโม 3 จบ "อิมัง อัคคีทานัง ปัพผัง พระสิมพะลี จะมหาเถรัง

    พุทธังปูเชมิ ธัมมังปูเชมิ สังฆังปูเชมิ

    สิมพะลี นันทะเถรัสสะ เอตะพัตตัง สัพพะธะนัง

    สาริกะธาตุ พุทธรูปปัง อะหังวันทามิ สัพพะทา

    พระคาถาหัวใจพระสิวลี

    นะชาลีติ ประสิทธิลาภา ปะสันนะจิตา สะทาโหติ ปิยังมะมะ

    สัพเพชะนา พะหูชะนา สัพเพทิสา สะมาคะตา กาละโภชนา

    วิกาละโภชนา อาคัจฉันติ ปิยังมะมะ

    พระคาถานี้หากเราจะไปหาลาภที่ไหน ให้ภาวนาไปเถิด จะทำให้มีลาภผลดีนักแล

    คาถาตะกรุดอุปคุปต์ อุดปืน

    อุปปะ คุตโต จะมหาเถโร อุทะง อัทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ

    คาถาพญาเต่าเรือน(เต่ากัสโป)

    "นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาลูกกรองพรหมปัญโญ

    "นะโมพุทธายะนะมะพะทะ นะเมติ"9-12 จบ

    คาถาท้าวเวสสุวรรณ

    "เวสสะ พุสะ นะมะพะทะ จะภะกะสะนะเมติ"


    ถ้ามีวัตถุมงคลของหลวงปู่หงษ์ ห้ามกินเหล้าเด็ดขาดนะครับ ออกไปกินเหล้าแล้วไม่ใส่ของไปก็เสื่อมครับ​
     
  13. ejob

    ejob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +366
  14. กัมมสัทธา

    กัมมสัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +383
    ฉลองมงคล 84...

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ชวนชม

    ชวนชม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +178
    โอ้โห เห็นแล้วทนไม่ไหว ขอแจมด้วยคนครับ....สมเด็จสมปราถนา หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ จ.สุรินทร์ หน้ากาก,ตะกรุดทองคำ 5ดอก...กว่าจะได้หายากจริงๆ....วันนี้ขอเชียร์สีส้มด้วยคน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    คัดลอกมาให้อ่านครับ อ่านเจอใน WEB เพื่อนบ้านขออนุญาติเจ้าของด้วยครับ

    โพสต์เมื่อ : 18 พ.ค. 2551 01:48

    หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ อายุ 90ปี อริยะสงฆ์ แห่งภาคอีสาน มีลูกศิษย์ทั้งไทยและต่างประเทศ วัตถุมงคลของท่านใครได้ใช้จะรู้กันว่า มีประสบการณ์ทุกด้าน มีข้อห้ามคือหากใช้ของท่านห้ามทานเหล้าเด็ดขาด
    ตะกรุดชุดนี้มีพุทธคุณครอบจักรวาล มีเรื่องเล่าว่า มีลูกศิษย์ถามหลวงปู่ว่า ตะกรุด 12 ดอกนี้ดีแค่ไหน หลวงปู่บอกลูกศิษย์ว่า เขมรกำลังมีสงคราม คาดตะกรุดหลวงปู่แล้วไปเที่ยวเขมรได้เลย ถ้ามีอันตรายกลับมาหลวงปู่จะเผาตำราทิ้ง

    ประสบการณ์ตะกรุด 12ดอกของท่าน

    เรื่องที่1.ครูจุ่นศิษย์เก่าแก่ของหลวงปู่ใด้มาบูชาตะกรุดของหลวงปู่เอาใว้คุ้มครองตัวเ องเพราะสมัยนั้นโจรเยอะมาก และทางที่ไปสอนหนังสือเด็กเปลี่ยวและไกล วันหนึ่งใด้มีโจร5คนดักรอครูจุ่นกลางทางเพื่อจะทำอันตรายและชิงทรัพย์ เมื่อครุจุ่นเห็นโจรก็ตกใจจนขี้แตกขี้แตนโจร5คนใด้เอาใม้และหินจะทุบครุจุ่น ให้ตายด้วยอานุภาพของตะกรุดบันดาลให้โจรยกใม้และหินใม่ขึ้น และเป็นจังงัง เมื่อครูจุ่นเห็นโจรทำอะใรตัวเองใม่ใด้ก็เลยหนีไปจากกลุ่มโจรนั้น

    เรื่องที่2คนบ้านตายอก อยู่อ.ท่าตูมมีอาชีพขายเสื้อผ้าวันหนึ่งใด้หาบเสื้อผ้าไปขาย ได้มีโจรดักปล้น แต่โจรก้ทำอันตรายใม่ใด้ แกตกใจจนฟ้าเหลืองหมด(อาการคนฟ้าเหลืองหลวงปุ่ใด้อธิบายว่ามองอะใรใม่เห็นสั กอย่างเห้นแต่ฟ้าเหลือง)เดินผ่านมา5สะพานใม่เห็นอะใรเลยเห็นแต่ฟ้าเหลืองๆๆเ ดินบนสะพานก้ใม่ดกน้ำ จนหายตกใจเสื้อผ้าก็อยู่ครบเงินก็ครบ เรื่องที่3 ศิษย์ผู้ชายท่าน1ใด้มาหาท่านที่วัดตอนค่ำและคุยธุระกับท่านจนดึก วั้นนั้นใด้มีคนที่เป็นคุ่อริ มาดักฆ่า หลังจากที่แกเดินทางกลับบ้าน ซึ้งที่ที่เขาดักรอแกกับที่แกเดินอยุ่ห่างกันตั้งกิโล แต่ด้วยอานุภาพของตะกรุดบรรดาลให้คนที่ดักฆ่าเห็นแกเดินมาแต่ที่จริงยังเดิน มาใม่ถึง คนนั้นเมือเห็นว่าแกมาถึงแล้วก็กระหน่ำฟันด้วยดาบอย่างใม่ยั้งมือ ฟันไปฟันมาก้โดนแต่อากาศ ฟันใม่เข้าสักที แกตกใจมากนึกว่าผีหลอกแล้วก้วิ่งหนีไป หลังจากวันนั้นมาคนที่ดักฆ่าใด้กินเล้าเมาและใด้เล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่าฟัน ยังไงก้โดนแต่อากาศสงสัยจะเป็นผีหลอกแกเลยหนีกลับ

    เรื่องที ่ 3 นายเบือนมีอาชีพขายใก่และเชือดใก่ขายใด้บูชาตะกรุดไปติดตัวเพื่อไว้ป้องกันต ัวหลังจากที่ใด้บูชาตะกรุดหลังจากนั้น2วันใด้มีคนจ้างแกไปฆ่าไก่แต่แปลกมากท ี่ไก่ที่แกเชือดแล้วโยนลงไปในน้ำร้อน..ใด้บินออกจากกะทะน้ำร้อนเดือดๆๆซึ้งใ ม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตกลงต่อหน้าแกสร้างความตกใจให้แกมากด้วยใม่เคยเจอเหตุ การณ์แบบนี้แกจึงลาเจ้าของบ้านกลับโดยขี่รถเครื่องกลับบ้านทางที่แกผ่านชาวบ ้านใด้นำลวดมาขึงอยางตึงเพื่อใช้เป็นที่ตากผ้าซึ้งแกก็ใม่ใด้เห็น และบิดคันเร่งอย่างแรงเพื่อจะกลับบ้าน คอแกไปตรงกับลวดพอดี แกตกใจมาก แต่ขณะนั้นเหมือนมีมือยักมาผลักต้วแกออกจากลวดทำให้คอแกเป้นแค่รอยแดงๆๆแค่น ิดเดียวเหมือนยุงกัด แกรุ้สิกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จึงเลิกฆ่าใก่โดยเด็ดขาด

    เรื่องที่4 มีลูกศิษย์ที่ศรีสะเกษใด้บูชาตะกุด บ้านของเขาอยู่ติดกับชายแดนเขมรซึ้งที่เขาพนมดงรักนั้นมีระเบิดเยอะมากสมัยส งครามเขมรแดงซึ้งทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ เขามีอาช๊พหาของป่าขาย วัน1ฝนตกเขาใด้ขึ้นเขาไปเก็บหน่อไผ่บนเขา ขาลงทางลื่นทำให้ขาของเขาไปเหยียบหลุมระเบิดอย่างแรงมีระเบิดประมาณ3ลูก เขาตกใจแทบชอกทำอะใรใม่ถุกในใจนึกถึงหลวงปู่ แต่ระเบิดใม่ใด้ระเบิดเขาค่อยยกขาออกอย่างช้าๆๆ แล้วก้เดินทางกลับบ้าน
     
  17. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    รูปถ่ายของหลวงปู่ ด้านหลังมีจารหมึก ปี 2542 ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    "คัดลอกจากบทความของ คุณอำพล เจน"

    พระครูปราสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ)

    <!--sizeo:4--><!--colorc--><!--/colorc--><!--coloro:#006400--><!--/coloro--><!--/sizeo-->วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์<!--sizec--><!--/sizec-->
    <!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--/sizeo--><!--coloro:#006400--><!--sizeo:3--><!--/coloro-->โดย....อำพล เจน<!--colorc-->
    <!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

    <!--coloro:#8b0000--><!--/sizeo--><!--sizeo:3--><!--sizec--><!--/sizec--><!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--/coloro-->ใครเคยบ่นบ่อยๆว่าคิดถึงหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม เห็นที่จะหมดเรื่องบ่นเมื่ออยู่ตรงหน้าหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
    <!--colorc--><!--/colorc--><!--coloro:#8b0000--><!--/coloro-->คนที่เหมือนทั้งน้ำเสียงใบหน้า และท่าทาง บางทีอุปนิสัยอยู่คนละฟากไกลไม่มีใดเหมือน
    หลวงปู่หงษ์เช่นเดียวกัน
    <!--sizeo:2--><!--/sizeo-->ไม่มีอะไรเหมือนหลวงพ่อแช่มในบุคลิกนั้น
    หากเมตตา กรุณา ที่มีให้ทุกคนที่ไปนมัสการ หรือพึ่งท่านสิเหมือนสนิท
    พบท่านครั้งแรกหรือเคยมาแล้วร้อยหนก็ได้รับเมตตากรุณาเสมอ, ไม่มีเหลื่อมล้ำต่ำสูง, คนจนคนมีก็เป็นคนเสมอภาคอยู่ตรงนั้น, เป็นแดนปลอดชนชั้นอีกแห่งหนึ่ง
    ความงดงามแห่งเมตตาอย่างนี้ใช่จะเป็นสิ่งที่เสแสร้งแกล้งมีขึ้นได้ ต้องเป็นฝีมือของธรรมชาติเท่านั้นจึงเสกสรรให้มีในนิสัยของใครคนหนึ่ง
    ป่าวร้องไว้เถิดว่ายังมีพระดีเด่นทางเมตตากรุณาแก่ศิษย์อีกองค์ที่วัดเพชรบุรี
    สมัยก่อนที่ตำบลทุ่งมน, คนทั้งหลายจะรู้จักกันแต่หลวงปู่ริม เมื่อสิ้นหลวงปู่ริมไปแล้วหลวงปู่หงษ์ก็ขึ้นมาแทน, มิใช่ขึ้นมาแทนเพราะหาคนแทนไม่ได้ท่านขึ้นมาด้วยอำนาจขลังและเมตตาที่มีต่อ ใครๆ อย่างคงเส้นคงวา
    คราวแรกที่ผมได้รับตะกรุดคาดเอว 12 ดอกจากท่าน คำอันเป็นอหังการแห่งพระขลังก็พรั่งพรูออกมา
    เขมรกำลังรบกันหลวงปู่หงษ์กล่าวพร้อมชูตะกรุด 12 ดอกขึ้นเสมออกให้ไปลองดูเลยถ้าได้รับบาดเจ็บกลับมา ก็ให้เจ้ามาเชือดหลวงปู่
    คุณฉลอง อิศระภิญโญ ได้รับพระสมเด็จรุ่นแรกพร้อมกับรับคำย้ำให้มั่นใจอีกด้วยว่า
    เอาไปเลี่ยมสวยๆนะ เวลามีรถชนหรือเกิดอุบัติเหตุจะรู้เอง
    ท่านมั่นใจของท่านถึงปานนั้น
    นึกถึงแต่คราวนำพระมหาฤาษี รุ่นแรก ขึ้นเสกบนถ้ำหลวงปู่พรหมา ท่านได้กล่าวคล้ายอย่างนี้ว่า
    ถ้าไม่นึกว่าจะเป็นการหมิ่นประมาทครูอาจารย์ท่านชี้องค์พระฤาษีที่ถือในมืออีกข้างหนึ่ง เอาไปวางที่ก้อนหินนั่น ปืนยิงไม่ออก
    ครูบาอาจารย์ใดที่ตอกย้ำสรรพคุณของพระเครื่อง หรือเครื่องรางของท่านถึงขนาดนี้นับว่ามีน้อยองค์ และเมื่อนำไปทดสอบดูก็ได้ผลดีจริง
    แต่ครูอาจารย์จอมปลอมก็ย่อมมี แต่เรื่องนี้ยังพอมีหนทางพิสูจน์กันได้เสมอ
    ผมเชื่อในหลวงปู่หงษ์ว่าขลังดังปากว่า
    เคยได้ยินพระอาจารย์สุทธิศักดิ์ กันตสีโล ศิษย์หลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ มุกดาหาร เล่าว่า โยมอำพลรู้จักหลวงปู่หงษ์ สุรินทร์ไหม
    ทำไมหรือครับ
    ปากกาของท่านแน่นอนมากพระอาจารย์สุทธิศักดิ์ล้วงปากกาลูกลื่นด้ามหนึ่งออกมาจากอังสะ อาตมาเคยทดลองใช้ 2 ครั้งได้ผลดี” (เสียดายลืมถามว่าเอาใช้ได้ผลดีอย่างไรในเรื่องอะไร)
    ท่านกล่าวต่อไปว่า
    เคยเห็นกับตาครั้งหนึ่งที่วัด (ผมจำชื่อไม่ได้) มีคนมายิงสัตว์ในเขตวัดยิงจนลำกล้องปืนแทบแดงแจ๋ก็ไม่ได้กินสัตว์, วัดนั้นหลวงปู่หงษ์เคยมาทำเอาไว้คนจะมาล่าสัตว์ในเขตวัดไม่ได้
    เรื่องขลังของปากกา ผมเคยประสบกับตัวเองครั้งหนึ่ง, ตอนนั้นเดินทางกลับอุบลฯ รถกำลังวิ่งอยู่ใกล้โค้งบนเขาอะไรไม่ทราบ ซึ่งเขาลูกนี้อยู่ก่อนถึงมวกเหล็ก มีถนนสวนกันสองเส้นแต่ละเส้นอ้อมหลบเขา ไม่ได้ขนาบ หรือสวนทางแบบประชิดกัน, มีรถติดเป็นขบวน 6 คันแล่นช้าอืดทืดน่าเบื่อหน่าย ทำให้ผมตัดสินใจแซงโค้งถึง 6 คันรวด มีรถคุณคงศักดิ์ แสงทองสุข ขับตามและแซงด้วยกัน พอพ้นโค้งก็ถึงกับสะดุ้งโหยง, ตำรวจทางหลวงกับฉลามบกตัวโปรดจอดดักอยู่หัวโค้ง ตำรวจท่านเดินออกมายืนขวางถนนชูมือเบรกรถผมไว้ ในใจผมสลดหดหู่หมดท่าอย่างคาวบอยตกม้าแซงทางโค้งต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เป็น อันเสร็จแน่
    วูบนั้นนึกได้ว่ามีปากกาหลวงปู่หงส์อยู่กับตัว รีบควักออกมาโบกไปข้างหน้า 3 ครั้ง พร้อมสวดคาถาของท่าน นะ เม ติก็เกิดแปลกประหลาดขึ้นทันที
    เมื่อรถที่ผมขับชะลอเข้าไปใกล้ๆ เตรียมหยุดมอบตัว ท่านก็โบกมือไล่ให้ผมผ่านไป และในใจนึกห่วงคุณคงศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ท่านก็ไล่รถของคุณคงศักดิ์ให้ผ่านไปพร้อมกับผม แล้วหันไปจับคันที่ 3 ซึ่งก็คือคันแรกที่วิ่งช้าจนเป็นเหตุให้คันอื่นต้องติดเป็นขบวนแทน
    เรื่องนี้ยังไม่กล้าสรุปว่าเพราะปากกาหรือไม่ แต่นับว่าแปลกดี
    ใครไม่เชื่อให้ไปถามคุณพิชย จารุทัศนางกูร ซึ่งเป็นพยานนั่งข้างคนขับ (ผม) ถ้าคุณ
    พิชยเกิดหลับอยู่ในตอนนั้นก็คงถามไม่ได้ คำถามที่ควรยิ่งคือถามว่าคุณพิชยท่านหลับหรือตื่นอยู่
    วัตถุมงคลของหลวงปู่หงษ์นับว่าน่าศรัทธาที่สุด แต่ท่านมีข้อห้ามที่หลายคนลำบากจะถือก็คือ ห้ามดื่มเหล้า และห้ามเจ้าชู้ผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน
    คุณชินพร มหาลวเลิศ แย๊ปกับหลวงปู่ว่า ถ้าไม่ได้ถือพระติดตัวไปกินเหล้าโดยเอาพระเก็บไว้ที่หิ้งเสียก่อนอย่างนี้จะได้ไหม
    พระก็เสื่อมคาหิ้งนั่นแหละหลวงปู่ว่าถ้าถือไม่ได้อย่าเอาไป
    ของดีที่น่าจะรีบมีไว้ที่สุดในขณะนี้คือ
    1.
    ปากกา เพียงนำปากกาด้ามหนึ่งไปขอให้ท่านลงอักขระปลุกเสก ซึ่งเมื่อเสกสำเร็จแล้ว ปากกาจะมีอานุภาพในทางขีดเขียนอะไรที่เห็นว่าสำคัญยิ่ง เช่นเอาไปใช้ในการสอบของเด็กนักเรียน นักศึกษา และปากกาที่อยู่กับตัวก็จะเป็นเครื่องรางป้องกันภยันตรายให้ผู้ถือหรือพก ด้วย
    2.
    ตะกรุดคาดเอว 12 ดอก ดีเด่นทางป้องกันตัวอันดับหนึ่ง
    ทั้ง 2 สิ่งนี้วัดทำเอง โดยเฉพาะปากกาของหลวงปู่จะทำเองทั้งหมด ตั้งแต่จารอักขระถึงปลุกเสก
    รีบไปแต่วันนี้ก่อนที่หลวงปู่จะทำไม่ไหว
    ส่วนวัตถุมงคลอื่นๆ เช่นพระกริ่งรุ่นแรก, ปรกใบมะขามรุ่นแรก, พระสมเด็จรุ่นแรก, พระปิดตา, รูปถ่าย, ตะกรุดคู่และตะกรุดนานาชนิดที่วัดยังมีให้ผู้สนใจบูชา
    ของดีของท่านทุกสิ่งดีหมดและมีสรรพคุณเหมือนกันหมด
    แต่ก็จะดีเฉพาะคนไม่กินเหล้าเท่านั้น
    คนที่ยังกินเหล้าขอให้ทำใจด้วย
    วัดเพชรบุรี ไปไม่ยาก ให้มุ่งไปที่ตัวอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ก่อน ทางแยกเข้าวัดจะอยู่ข้าง ๆ โรงพัก เข้าไปทางเส้นทางนั้นประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรก็ถึง<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec--> <!--/sizeo--><!--coloro:#8b0000--><!--sizeo:3--><!--/coloro-->ท่านเป็นพระที่ขลังอยู่ในตัวอย่างหาตัว จับยากอีกองค์ที่ควรไปกราบเป็นอย่างยิ่งจะไปเพื่อรำลึกถึงหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หรือเพื่อไปลืมเรื่องรำลึกถึงหลวงพ่อแช่มก็สุดแต่อัธยาศัย..<!--colorc-->

    <!--/colorc-->นะเมติ นะเมติ นะเมติ<!--sizec--><!--/sizec-->

     
  19. สมาธิ7689

    สมาธิ7689 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ฝากรูปให้ครับ ทุกท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.6 KB
      เปิดดู:
      257
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.9 KB
      เปิดดู:
      280
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      125.7 KB
      เปิดดู:
      280
  20. สมาธิ7689

    สมาธิ7689 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ขออภัยที่ตอบแยกครับ เพราะถ้าลงรูปรถคันนี้
    รวมกับรูปหลวงปู่ฯ(ท่านยิ้ม) คงไม่เหมาะครับ
    (ไว้โอกาสหน้าจะเล่าเรื่องรถคันนี้ให้ฟังครับ)
    เพราะมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย "คือเพื่อนเหงื่อตกเลยครับ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134 KB
      เปิดดู:
      400
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...