พญานาคราช 4 ตระกูล นครคำชะโนด

นครคำชะโนด

















ศรัทธาของผู้มาเยือน​

 

​

ตามราชโองการของพระอินทร์ และพญาสุทโธนาคได้เข้าเฝ้าพระอินทร์
ทูลขอทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลกับ โลกมนุษย์ เอาไว้ ๓ แห่ง
พระอินทร์จึงทรงอนุญาตให้มีรูพญานาคเอาไว้ ๓ แห่ง คือ
๑.ที่พระธาตุหลวงนครเวียงจันทร์
๒.ที่หนองคันแท
๓.ที่ พรหมประกายโลก หรือเรียกว่า...คำชะโนด






​

สำหรับบ่อน้ำในป่าคำชะโนด ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำที่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ชาวบ้านเชื่อกันอย่างนั้น มีหลายคนเคยลองอธิษฐานตรงหน้าบ่อน้ำก็ได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบโรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ความเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน หลายคนไม่เชื่อแถมยังลบหลู่ ตักน้ำจากบ่อแล้วนำมาล้างเท้าแทนที่จะหายป่วยไข้กลับทุกข์ทรมานซ้ำหนักกว่า เดิม

เช่นเดียวกับใครที่อยากจะเข้าไปสัมผัสป่าลี้ลับคำชะโนดก็ต้อง สำรวมและ ปฏิบัติตามข้อห้ามอื่นๆ เป็นต้นว่า ห้ามใส่รองเท้าทั่วทั้งบริเวณป่า หมวก แว่นตา ร่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ห้ามเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้คือการดูถูกดูหมิ่นต่อผู้ปกปักรักษาผืนดิน

“แต่ ก่อนห้ามใส่เสื้อสีแดงด้วย ไม่ได้เลยนะ ใครใส่เข้ามานี่เป็นเรื่อง อยู่ไม่ได้นานหรอก ต้องรีบออกไป ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนท่านไม่ชอบ แต่พอหลวงปู่ (หลวงตาคำ สิริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดศรีสุทโธ วัดละแวกป่าคำชะโนด) ได้ทำพิธีขอยกเว้นตอนหลังก็ใส่ได้” ทองหล่อ ตลิ่งชัน กำนันตำบลวังทองบอก








​

มุมเล็กๆ ข้างขอบบ่อ เหล่าสัตว์ตัวน้อยก็อยากลงไปแวกว่ายในบ่อน้ำกับเขาด้วย

รูปภาพจาก http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?topic=69320.0

 

​

ประตูสู่เมืองพญานาคในตำนาน

​

ตำนาน

​

ตาม ตำนานได้กล่าวไว้ว่า มีพญานาคอยู่ สองตนได้ปกครองเมืองหนองกระแส โดยครึ่งหนึ่งเป็นของ สุทโธนาค (เจ้าพระยาศรีสุทโธ) ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของ สุวรรณนาค ทั้งสองปกครองเมืองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่มีข้อตกลงกันอยู่ว่า ถ้าเมื่อฝ่ายใดออกไปล่าสัตว์หาอาหาร อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่ไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน และเมื่อฝ่ายที่ออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาได้นั้น ให้นำมาแบ่งกันอย่างละครึ่ง

เมื่อ ถึงคราวสุวรรณนาคได้ออกไปล่าสัตว์หาอาหารได้เนื้อช้างมา จึงนำเนื้อช้างที่ได้แบ่งให้สุทโธนาค พร้อมทั้งนำขนของช้างไปยืนยันว่าเป็นเนื้อช้างจริง อีกครั้งที่สุวรรณนาคออกไปล่าสัตว์หาอาหารอีก ครั้งนี้ได้เม่นมาเป็นอาหาร จึงได้นำเนื้อเม่น และขนของเม่นไปมอบให้แก่สุทโธนาคเหมือนเช่นเคย แต่สุทโธนาคกลับแสดงความไม่พอใจ เพราะเมื่อดูจากขนของเม่นที่มีขนาดใหญ่กว่าขนของช้าง ปริมาณเนื้อที่ได้ก็ควรมีมากกว่าเนื้อของช้าง แต่ปริมาณเนื้อนั้นกลับมีน้อยกว่ามากนัก จึงคิดว่าสุวรรณนาคไม่มีความซื่อสัตย์ ฝ่ายสุวรรณนาคพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่เป็นผล จึงเกิดสงครามระหว่างสุทโธนาค และสุวรรณนาค

พระอินทร์ได้ทราบเรื่อง จึงหาวิธีการที่จะทำให้พญานาคทั้งสองนั้นหยุดทำสงครามกัน โดยให้พญานาคทั้งสองสร้างแม่น้ำขึ้นคนละสาย ถ้าใครสร้างได้ถึงทะเลก่อนจะให้ปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำนั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส และด้วยความที่สุทโธนาคมีนิสัยใจร้อน เมื่อพบเจอภูเขากั้นทางแม่น้ำก็จะทำการหลบหลีก โค้งไปโค้งมา จึงเกิดเป็น แม่น้ำโขง (โค้ง) ส่วนทางฝ่ายสุวรรณนาคนั้น ได้ทำการสร้างแม่น้ำขึ้นทางทิศใต้ของหนองกระแส สุวรรณนาคมีความละเอียด และใจเย็น แม่น้ำที่สร้างขึ้นจึงมีความตรงกว่าแม่น้ำทุกสาย ได้แก่ แม่น้ำน่าน

สุทโธนาคเป็นผู้ที่สร้างแม่น้ำได้เสร็จก่อน จึงมีปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว และเมื่อเป็นเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้ขอทางขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองมนุษย์ไว้อีก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ คำชะโนด ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้น เป็นสัญลักษณ์ ให้สุทโธนาค พร้อมบริวารสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ (พญาศรีสุทโธ) และตั้งบ้านเมืองปกครองอยู่ที่คำชะโนดได้เมื่อข้างขึ้น 15 วัน อีก 15 วันข้างแรม ให้กลายเป็นนาค อาศัยอยู่เมืองบาดาล (พญานาคราชศรีสุทโธ)

 

พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราช จ้าว
​

เป็นพญานาคราชผู้เป็นใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็น ความเชื่อว่าเป็นพญานาคราชขององค์อินทราธิราชเจ้า “มีพรหมประกายโลก” วัง นาคินทร์ คำ ชะโนด บ้านดุง อุดรธานี เป็นเวียงวัง

<o></o>​

เกาะคำชะโนดที่น้ำไม่ท่วม สามารถ ลอยขึ้นเหนือต้นชะโนดเป็น ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่เล่ากันว่า<o></o>​

น้ำ ได้ เพราะได้รับพรจากองค์อินทราธิราชฯเกิดจากต้นหมาก ต้นมะพร้าว ต้นตาล รวมกัน<o></o>​

​

<o></o>

สะพานพญานาค ข้ามจากวัดศิริสุทโธเข้าสู่ตำหนักที่ประดิษฐานพระรูปจ้าวปู่ศรีสุทโธ​

<o></o>

เขตวังนาคินทร์ ขององค์นาคาธิบดีศรีสุทโธ และ จ้าวย่าศรีปทุมมา ให้ลูกหลานเข้าไปสักการะฯ<o></o>​

<o></o>

<o></o>​

ตอนไม่มี กระจกกั้นสามารถเข้า ไปกราบใกล้ชิดปัจจุบัน มีกระจกกั้นไม่สามารถเข้าไปถึงองค์<o></o>​

ได้ทั้งจ้าวปู่ – จ้าย่าคลานเข้าไปจับพระบาทก็ได้ ท่านได้เหมือนเมื่อก่อนเวลาไปก็กราบอยู่ ด้านนอก<o></o>​

<o></o>​

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ กลางดงชะโนด เชื่อว่าน้ำจากบ่อน้ำนี้เป็นน้ำมนต์อันประเสริฐ

<o></o>​

ลูกหลานสายนาค หรือผู้มีจิตศรัทธา อยาก ไปกราบไหว้จ้าวปู่ – จ้าวย่าก็ไปได้ไม่ยาก...ถ้าเห็น ภาพปรานีตศิลป์ งดงามของจ้าวปู่นี้แสดงว่าถึงหลักเมืองอำเภอบ้านดุงแล้ว ไป ต่ออีกสิบกว่ากิโลก็ถึงวังนาคินทร์คำชะโนด....ต้องตั้งใจหน่อยนะ ....แล้วจะไปถึง ตั้งใจให้มั่นคง...ไปถึงทุกคน<o></o>​

องค์นาคาธิบดีศรีสุทโธมีพระ วรกายสีเขียวมรกต เศียรสีทองป้องพระนาภีสีทอง มีพระเมตตาสูงส่ง ต่อผู้กราบไหว้ สักการะบูชาอธิฐานจิตขอ ในสิ่งที่ไม่เบียดเบียนผู้ อื่นจะสำเร็จสำฤทธิ์ผล จึงมีผู้คนไปกราบไหว้ สักการบูชาเป็นจำนวนมาก ประชาชน ส่วนใหญ่ผู้เคารพสักการะมักจะเรียกท่านว่า... "จ้าวปู่ศรีสุทโธ–จ้าวย่าศรีปทุมมา” องค์นาคาธิบดีศรีสุทโธวิสุทธิเทวา เป็นมหาเทพนาคา ผู้ยิ่งใหญ่ แผลงเศียรได้ ๙ เศียร ส่วนองค์นางพญาศรีปทุมมานาคิณีวิสุทธิเทวีพระมเหสี แผลงเศียรได้ ๕ เศียร เป็นความเชื่อว่าทูลกระหม่อมทั้งสอง พระองค์โปรด ที่จะไปฟังธรรมจากพระอริยะสงฆ์ และเนรมิตองค์เป็นเศียรเดียว....หรือเนรมิตอินทรีย์เป็น มนุษย์ ดั่งคำโบราณอีสานว่าไว้ว่า "นามนาคนั้นข้างขึ้นเป็น คน...ข้างแรมเป็นนาค" ทั้งองค์ศรีสุทโธ และ องค์ศรีปทุมมา โบราณว่า อยู่ ในตระกูลเอราปถะ ทั้งสองพระองค์ คือเขียวมรกต และเขียวตองอ่อน
​

​

 

โมทนาสาธุ คับ ได้ไปโน่นไปนี่ ทำให้อิจฉาอีกแล้ว อิจฉาแค่อยากไปบ้างเท่านั้นนะ อิอิ เอาบุญมาเยอะเรยอ่าดิ คุณยา เปิดบ้านใหม่รอบนี้ต้องทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไหมเนี่ย อิอิ

 

พี่ยาครับ ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับพญานาค และตัวพี่ที่สนทนากับป้าชานีให้ฟังหน่อยสิครับ ผมอยากรู้

 

รูปนาค 7 เศียรนั้นเป็นท่านใดฤน้องยา เห็นแล้วขนลุกซู่ซ่าไปหมดเลย เกิดอะไรขึ้น สวยจังเลยนะ คงไม่ได้ไป ได้เห็นน้องยาเอารูปมาลงแล้วชื่นหัวใจ

 

ได้มาได้ไง เล่าให้ฟังหน่อยจิ

 

โอ ของปราญเริ่มงอกออกมาแล้ว อนุโมทนาจ้ะปราญ ยินดีด้วยนะ

 

เปิดประตูเมืองแล้วเหรอครับ....หึๆ

 

เคยรู้ว่า มีพญานาคสองตน ชายหญิง ชายเป็นพี่หญิงเป็นน้องใส่ชุดสีขาว มีกลิ่นหอมเห็นเขาบอกว่าเป็นลูกหลานเจ้าปู่ศรีสุทโธ ชายชื่อพญาสุวรรณนาคราช เป็นนาคเจ็ดหัวส่วนหญิงไม่บอก.....ซึ่งไม่รู้ว่าพญาสุวรรณนาคราชมีจริงไหม...

 

ท่านมีอยู่จริงค่ะลองหาอ่านดูนะคะ จำรายละเอียดไม่ได้แล้วค่ะ

 

บางทีชีวิตที่มันราบเรียบ มันก็น่าเบื่อเนาะ ไม่มีไรตื่นเต้นเรย พอถึงช่วงตื่นเต้นก็โลดโผนโจนทะยานซะจนไม่กล้าลืมตาดู แล้วจะเลือกแบบไหนดี เลือกได้สิทำไมจะเลือกไม่ได้ก็มันชีวิตเรา อั้มเลือกแบบตื่นเต้นดีกว่า อิอิ

 

พยาบาทดั่งเกลียวเชือก...บ่วงรัดมิรู้คลาย

 

ได้น้องเทียน ในเมื่ออยากรู้ ตอนนี้นั้นพี่ไม่รู้ว่าพี่ มีองค์บารมี สายนาคของเรา พี่นับถือพี่คนหนึ่งมากเลยและไม่รู้ว่าเขามีองค์บารมีองค์ใหญ่ นั้นคือท่านพ่อของเราเอง พี่ไปช่วยพี่เขาจัดชุดบ่วงสรวงองค์ปู่ท่าน ที่อำเภอเพ็ญ ส่วนตัวพี่ก็กำลังแต่งชุดที่จะรำถวายต่อหน้าตรงโต๊ะเครื่งบ่วงสรวง จากนั้นก็เข้าพิธีเชิญสายนาคา นาคี ชุดของพวกพี่ที่ใส่ก็เป็นชุดนาคเขียวทั้งตัวเลย มีเศีรย์เดียวครับ พวกเปิด เพลงพุทธบูชาลีลานาคราช พี่ก็รำถวายท่านไปเลื่อยๆ อยู่ๆพี่ก็เกิดอาการควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นไร จิตอีกอันหนึ่งรู้ตัวรู้ตลอดนะ แต่คุมตัวเองไม่อยู่เหมือนมีคนพาเราทำ พ่อเสร็จจากงานพี่ก็มานั้งคุยกะพี่ที่นับถือกันเหมือนพี่เหมื่อนน้อง พี่เขาก็บอกว่าพี่นั้นมีความเถี่ยวข้องกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ซึ่งพี่ก็ไม่รู้อีก หลังจากกลับบ้านไปนอนก็นิมิต เห็นองค์พญานาคราช องค์ขาวใหญ่มากๆ แล้วเรามองดูท่านอยู่บนฟ้า ท่านก็เริ่มเข้ามาหาพี่ แล้วอ้าปากเหมือนจะงับพี่เลยแล้ว พี่ต้วช้าไปหมดเลย เหมื่อนผีอำเลย ในนิมิตเหมื่อนกำลังจะพาเราไปไหนซักแห่งหนึ่ง จูๆน้องก็มาเรียกให้ไปกินข้าวเช้า เลยตื่นเลย หลังจากนั้นก็เิริ่มหาคำตอบเองว่าเป็นอะไรกันแน่

ตัวเองก็ถามคนนั้นบาง คนนี้บางในความอยากรู้ จนไปตำหนักธรรมแห่งหนึ่งที่บ้านดุง ท่านเป็นหมอพราหมณ์ ที่ทำพิธีบ่วงสรวงที่อำเภอบ้านดุง นครคำชะโนค ท่านก็ให้ยกขันธ์ครู แล้วท่านก็พุดออกมาเองว่า พูดเป็นกลอนเพราะมากๆ แล้วท่านก็มาแปลที่หลัง ที่จับใจความได้นั้นคือ ท่านให้พี่เตรียมรับองค์เทพบิดา เทพมารดาของพี่เอง แล้วท่านก็บอกวิธีทำ จนได้รู้ว่าเทพบิดา เทพมารดานั้นท่านคือใคร

 

น้องยาท่านหมอนี่คือพี่ชานีเหรอ

 

ตามพวกพี่ๆมาจากนครโน้นอะค่ะ..เรื่องราวน่าอ่านจังเลยนะค่ะ...
หวัดดีเจ้าของบ้านนะค่ะ ...
หวัดดีค่ะพี่เพชร พี่ปราง พี่ปราญ ได้กลับมาบ้านกันซะที่นะค่ะ ..
พี่เพชร ..นครปาตาลชื่อนาฟังดูมีมนต์ขลังดีนะค่ะ....
ปล..ยังอ่านไม่หมดเลยค่ะจะค่อยๆทยอยอ่านนะค่ะ...

 

ภาพคำชโนดน่าไปเที่ยวจังเลยนะค่ะ ดูแล้วเหมือนดินแดนที่มีมนต์ยังงัยไม่รู้..เคยได้ยินแต่นครกลางหาว..แต่นี้ดินแดนแห่งวังนาคินทร์..
เจ้าของบ้านดูจะละเอียดอ่อนกับการนำภาพและข้อมูลมานำเสนอดีนะค่ะ..สอดแทรกทั้งข้อมูลที่เป็นธรรมะแต่ในขณะเดียวกันก็เติมเต็มเรื่องราวของเหล่านาคราชไปด้วย...สาธุในบุญ น่าชื่นชมค่ะ...

 

กิเลสคือยางเหนียวที่ร้อยรัด ตัณหาผู้มัดรัดกลึงมิหน่ายหนี
เกิดดับหมายได้แต่รัยมี ชีวิตนี้หวังลดละ"อวิชชา"

 

พี่ชานี อยู่ที่ร้านบูชาพญานาคราช หนองคายครับ ผมยังไม่ได้คุยกะพี่ชานีเลยครับ