จะยอมแลกทุกสิ่งเพื่อ พุทธภูมิ จุดยืนและสตยาบันที่ขอประกาศแก่มนุษย์ทั้งหลาย

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pra_TopSecret, 31 พฤษภาคม 2010.

  1. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +561
    คนเราต่างจิตต่างใจ คนสมัยนี้ยุคไซเบอร์รู้กันเยอะจริง ๆ
    พอรู้เยอะ ก็เที่ยวไปวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น

    ถามจริง ๆ เหอะ ทำไปแล้วได้อะไร
    ได้อวดรู้ ได้แสดงความเก่ง ได้ความสะใจ หรือ ?

    ถามหน่อยนะครับ เวลาได้ยินข่าว พระองค์หนึ่งเข้านิโรธ ฯ 7 วัน อย่างนี้
    รู้สึกอย่างไร ต้องมาวิพากษ์วิจารณ์ไหม

    ผมได้อ่านเจ้าของกระทู้แล้ว ก็เฉย ๆ ไม่เห็นว่าแปลก หรือท่านอวดรู้อะไร
    เพราะท่านก็บอกเองว่า กำลังฝึกอยู่
    เพื่อนผมเป็นฆราวาส ยังฝึกกสิณพอใช้งานได้อยู่

    คนเห็นว่าคนอื่นเขาแปลก เพราะโลกทัศน์ของตนเองต่างหาก
    ขอโทษที่บอกตรง ๆ
     
  2. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ผมกลับจากกระบี่ แล้ว ...

    ผมกลับจากกระบี่ แล้ว พอดี ที่นั่น เค้าไม่สอน กสิณ จึงตั้งใจจะกลับมา เข้ากรรมฐาน กับหลวงปู่

    หลวงปู่สรางวัดไว้ที่เยอรมัน 2 วัดครับ
    วัดแรกสร้างไว้เมื่อ 10 กว่า ปีก่อน ชื่อ วัด พุทธปิยวราราม อยู่แฟรงค์เฟิร์ต
    เป็นการเปิดวัดไทยแห่งแรก ในเยอรมัน สร้างหน่อพระพุทธศาสนา แห่งแรก ที่นั่น หลวงปู่ นำธง พระศาสนา ไป ปัก คนแรก ปัจจุบัน ที่นั่นได้เป็นที่พึ่งให้ คนได้เข้า ใกล้ พระธรรม ได้เรียนวิปัสสนากรรมฐาน เป็นที่พึ่งทางจิตใจให้ คนไทย และ คนเยอรมันได้เป็นอย่างดี

    ปีก่อนพึ่งเปิดอีกวัดนึง ชื่อ พุทธวิปัสสนา อยู่ บอร์น

    และ ตอนนี้ พึ่งได้รับการถวายที่ไว้ ที่เมือง อูมม์ กำลัง จะสร้างอีกที่ครับ

    รอบนี้ หลวงปู่ไม่ได้ไปแล้วครับ เลื่อนการเดินทางไป ออกพรรษานู่น
    จริง ๆ ต้องไปอเมริกาด้วย ตาม การนิมนต์ของ สมัชชาสงฆ์ไทย ในอเมริกา แต่ท่านติดภาระกิจที่ต้องไปเปิดคอร์ส สอนวิปัสสนากรรมฐาน ให้ พระสังฆาธิการ จากทางใต้ทั้งหมด ที่ เขาใหญ่ สำนักที่เปิดใหม่ ของท่านเจ้าคุณพรหมโมลี พึ่งเปิดไว้

    หลายครั้งที่ผมร่วมเดินทางไปกับหลวงปู่ รู้สึกได้เลยว่า การไป ในแต่ละที่ ของท่าน เต็มไปด้วยการรอคอยของ ผู้คน ทุก ๆ คน ที่รอคอย ท่านเสมอ แค่คนที่ได้เห็นท่าน น้ำตา คลอเบ้าตากันทุกคน การไปโปรดในแต่ละ แห่ง ของท่านจึงเหมือน การไป เพื่อให้ความชุ่มชื้น อิ่มเอมในจิตใจของคนอย่างไม่มีผิด เหมือนว่า เค้ามีที่พึ่งสูงสุดในจิตใจ คือ หลวงปู่ ยังไง ยังงั้น .. การไปที่เยอรมัน ชาวไทย และเยอรมัน หลายร้อยคนที่ รอคอยท่าน อยู่เสมอ ไม่ว่าไปครั้งใด คนไทย และคนเยอรมัน จะรอต้อนรับ หลวงปู่ แล้วท่านก็ได้ให้ ธรรมะ และ สอนวิปัสสนาสติปัฏฐาน 4 แบบเดิม แบบที่ท่านได้เพียรกระทำอย่างเสมอมา ตลอด เพื่อให้ คนได้เข้าถึงสติปัฏฐาน 4 จน คนเยอรมันหลาย คนที่ตัดสินใจ ขอบวช กับหลวงปู่ เป็นจำนวนมาก

    ล่าสุด มีชาวอิสราเอล ที่เกิดความศรัทธา แล้วบวชเป็นพระ ตอนนี้ท่านได้ 9 พรรษาแล้ว กำลัง เปิดวัดไทย แห่งแรก ในอิสราเอล เป็นการบุกเบิก นำเอา พระพุทธศาสนา แนวทางวิปัสสนา สติปัฏฐาน 4 ไปเผยแพร่ ในอิสราเอล เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ ตอนนี้ พระผู้ใหญ่ มหาเถร และ คณะสงฆ์ไทย กำลังให้ ความสนใจกับที่นั่นเป็นอย่างมาก เพราะสามารถ เปิด ครอส วิปัสสนา ให้คนอิสราเอล ได้ ครั้งละ เกือบ 100 คน สรางให้ พุทธ เติบโตใน ถิ่นกำเนิด ของศาสนาคริสต์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

    ผมสังเกตุว่า หลวงปู่ท่านมักเจริญ มรณานุสติ อย่างเสมอ ทุกครั้งที่ท่านไปเยอรมัน หรือ พบคนไนประเทศต่าง ๆ จะพูด กับคนที่นั่นเสมอ ว่า การมาครั้งนี้ อาจเป็ครั้งสุดท้ายแล้วนะ เพราะเราอายุมากแล้ว ..


    แต่อย่างที่บอกครับ เมื่อมองที่กายทิพย์ท่าน ท่าคือ สมันตภัทรมหาโพธิสัตว์
    บรามี ท่านสูงมาก
    สูง มากจริง สูงจนทำให้คนเข้าถึงท่านได้ยาก ถือได้ว่า มีคนเพียงจำนวนไม่มาก ที่ได้พบเจอท่าน มันขึ้นอยู่กับบารมีของ ผู้ที่จะได้พบเจอด้วย

    หลวงปู่ทอง จึง ไม่ได้เป็นที่รู้จักใน ประชาชน ในวงกว้างมานัก

    ท่านปฏิบัติ ให้ศิษย์ดูเป็นแบบอย่าง ใครทำตาม ใครเอา ใครไฝ่ศึกษาตาม ปฏิบัติตามที่ท่านพร่ำสอนศิษย์ เขาก็ได้ ไป ได้รู้ได้ด้วยตนเอง เป็นปัจจัตตัง แก่ตัวเอง
    เห็นผลสูงสุดเอง

    ที่เหลือถ้าจะได้คุย ขอเป็นในเมลล์ แอ็ดไปแล้ว
    ผมจะเข้ากรรมฐาน ใน อีก สองวันข้างหน้า คนใช้เวลาประมาณ 20 วัน
    ต้องเร่งสร้าง ให้ได้ สังขารุเปกขาญาณ
    จะได้พร้อมทำกิจ
    เบื้องบนให้กิจผมไว้แล้ว
    และไว้เวลาผมเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด ถึง พรรษา 7
    ช่วงนี้ ต้องเก็บตัว ยังไม่พร้อมนักที่จะเปิดใช้บารมี
    ต้องรอให้ถึงเวลา ที่เบื้อบน วางไว้ไห้ก่อน ไม่งั้น ผมจะล้มกลางทาง ไม่สามารถ สร้างบารมีได้เต็มในชาตินี้...

    ยินดีที่ได้รู้จัก
     
  3. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868

    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  4. lagunaram

    lagunaram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +697
    อนุโมทนากับท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->pra_TopSecret<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3392326", true); </SCRIPT> ค่ะ ขอให้สมหวังกับสิ่งที่ตั้งใจนะคะ เราเอาใจช่วยค่ะ ใครจะว่าอะไรก็ช่าง เรารู้ตัวดีที่สุดค่ะ ถ้ามีกิจใดให้ช่วยเหลือก็บอกกันได้นะคะ เรานับถือท่านมากเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2010
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทนากับสิ่งที่ท่านปรารถนาด้วยนะครับ
    เป็นกำลังใจให้ท่านนะครับ
    สิ่งที่ท่านปรารถนา( พุทธภูมิ )นั้น ไม่ยากหรอกครับ แต่สิ่งที่ยากนั้นคืออยากจะทำรึเปล่านะครับ ?????
     
  6. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ผมมอบให้ท่านนะครับ

    ธรรมของพระโพธิสัตว์ ( ประจำใจพระโพธิสัตว์อยู่เสมอทุกชาติ )
    ธรรมเหล่านี้สัมพันธ์กันตลอดเวลาไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย เพราะธรรมแต่ละข้อนั้นต่างอาศัยกันและกันเกิดขึ้น.....
    เมื่อพระโพธิสัตว์ให้ ทาน จุดมุ่งหมายในการให้ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ผู้รับไม่มีคิดที่จะเป็นเหตุให้เกิดการเบียดเบียนผู้อื่น
    การไม่มีความคิดที่จะเบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา ใจ นี้จัดเป็น ศีล
    เมื่อเกิดความคิดในการให้ทาน จิตใจย่อมผ่องใสปราศจากนิวรณ์
    การที่จิตปราศจากนิวรณ์ จัดเป็น เนกขัมมะ
    แน่นอน ในการบำเพ็ญทานนั้น ย่อมตั้งใจใช้การพินิจพิจารณาเหตุผล เพื่อให้ทานเกิดประโยชน์มากที่สุด
    การพินิจพิจารณาเช่นนี้ จัดเป็น ปัญญา
    ความตระหนี่เป็นอุปสรรคสำคัญในการบำเพ็ญทาน พระโพธิสัตว์จำต้องพยายามละความตระหนี่ที่เกิดขึ้นขัดจังหวะอยู่ตลอดเวลา
    การพยายามละความตระหนี่เช่นนี้ จัดเป็น วิริยะ
    นอกจากพยายามละความตระหนี่ซึ่งเป็นบาปที่คอยขัดขวางไม่ให้การทำความดีก้าวหน้าแล้ว พระโพธิสัตว์จะต้องยอมทนทุกข์ทรมานจากการเสยสละ
    เพราะในบางครั้งสิ่งที่สละนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากหรือเสมอด้วยชีวิต แต่เมื่อเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับ ถึงตนเองจะต้องลำบากท่านก็ยอมสละให้ได้
    การยอมทุกข์ทรมานเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุขเช่นนี้ จัดเป็น ขันติ
    พระโพธิสัตว์ เมื่อตัดสินใจให้ทานแล้วก็ย่อมทำตามการตัดสินใจ หรือเมื่อพูดว่าจะให้อะไรแก่ใครแล้ว ท่านก็พร้อมจะให้เสมอ ไม่เคยกลับคำ
    การพูดหรือทำตรงตามการตัดสินใจนั้น จัดเป็น สัจจะ
    การทำอย่างที่พูดหรือตัดสินใจไปแล้วนั้น บางครั้งทำไปแล้ว อาจจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นขัดขวางซึ่งทำใหเกิดความท้อถอยแต่พระโพธิสัตว์จะยึดมั่นอยู่ในสัจจะนั้น พยายามฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้
    ความมั่นคงแน่วแน่เช่นนี้ จัดเป็น อธิฐาน
    การให้ของพระโพธิสัตว์ย่อมตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปรารถนาดี และเป็นความปรารถนาดีชนิดที่เป็นอัปปมัญญา ไม่มีขอบเขตจำกัดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นความปรารถนาดีที่แผ่ไปให้แม้กระทั้งศัตรู
    ความรักความปรารถนาดีอย่างกว้างขวางนี้ จัดเป็น เมตตา
    แน่นอนว่า ในการให้นั้น พระโพธิสัตว์ย่อมมิได้มุ่งหวังผลตอบแทนหรือเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง ท่านสามารถบังคับใจให้อยุ่เหนือสิ่งตอบแทนทางวัตถุเหล่านี้ ทั้งนี้เป็นเพราะท่านรู้จักปล่อยวางประคับประคองใจให้เป็นกลาง
    การวางใจให้เป็นกลางได้เช่นนี้ จัดเป็น อุเบกขา
    จากเหตุผลดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่า ธรรมะเหล่านี้ย่อมสัมพันธ์กันอยู่เสมอ เพื่อเกื้อหนุนให้พระโพธิสัตว์ได้บรรลุถึงพระนิพพานอันเป็นจุดหมายปลายทาง ฉะนั้น จึงเรียกว่า " บารมี " แปลว่า " คุณธรรมเครื่องช่วยให้ถึงฝั่งคือพระนิพพาน
     
  7. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    มอบให้ท่านนะครับ

    อัธยาสัย ๖ ประการของพระโพธิสัตว์ ซึ่งประกอบด้วย...

    ๑. พอใจที่จะบวช หรือ เนกขัมมัชฌาสัย คือ พอใจที่จะบวช รักเพศบรรพชิตยิ่งนัก
    ๒. พอใจความเงียบสงบ หรือ วิเวกัชฌาสัย คือ พอใจในความวิเวกเงียบสงบยิ่งนัก
    ๓. พอใจบริจาคทาน หรือ อโลภัชฌาสัย คือ พอใจในการบริจาคทาน สละความโลภตระหนี่
    ๔. พอใจในความไม่โกรธ หรือ อโทสัชฌาสัย คือ พอใจในความไม่โกรธ เจริญเมตตาในสัตว์ทั้งปวงอยู่เนืองนิตย์
    ๕. พอใจในความไม่ลุ่มหลง หรือ อโมหัชฌาสัย คือ พอใจในการที่จะพิจารณาสิ่งที่เป็นคุณและเป็นโทษ ไม่ลุ่มหลงในอบาย เสพสมาคมกับบัณฑิตคนมีสติปัญญายิ่งนัก
    ๖. พอใจที่จะยกตนออกจากภพ หรือ นิสสรณัชฌาสัย ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารในภพน้อยภพใหญ่ มีความประสงค์ในพระนิพพานยิ่งนัก
     
  8. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    วันนี้ ได้เอาธูปหอมกลิ่นไม้แก่นจันทร์บูชาพระรัตนตรัย " บูชาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ปัจจุบัน บูชาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายที่อุบัติขึ้นในอดีตกาลนานแสนนานจนนับประมาณมิได้ บูชาพระสัพพัญญูตญาณขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ปัจจุบัน บูชาพระสัพพัญญูตญาณขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายที่อุบัติขึ้นในอดีตกาลนานแสนนานจนนับประมาณมิได้ ซึ่งเป็นพระญาณขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งเกิดจากพระบารมีทั้ง ๓๐ ทัศน์ขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งเป็นพระญาณขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งหาขอบเขตและความสามารถอันประมาณมิได้ บูชาพระธรรม บูชาพระสงฆ์ "

    ด้วยบุญนี้จงสำเร็จแด่ท่าน pra_TopSecret ด้วยเทอญ
    ด้วยบุญนี้ขอให้อวัยวะน้อยใหญ่ภายในร่างกายของท่าน pra_TopSecret จงเอื้ออำนวยในการบำเพ็ญบารมีทั้ง ๓๐ ทัศน์ทุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชาติด้วย( จนกว่าท่านจะสำเร็จโพธิญาณ )เทอญ
    สาธุๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...