ปริศนา "ZERO POINT"... แหล่งพลังงานแห่งการดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย kindred, 4 มกราคม 2010.

  1. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    How can there be additional strands of DNA and what does this look like?
    ในการเพิ่มสายปฏิบัติการให้กับ DNA ทำได้อย่างไร และ สิ่งนี้ดูแล้วเหมือนกับอะไร?<o></o>

    ในส่วนของอนุกรม DNA ที่นักวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบันระบุว่า
    เป็น "Double Helix” นั้นเปรียบได้กับแค่ ส่วนของผิวหน้า สารเคมี, ธาตุ, และพลังงานไฟฟ้า
    ที่เป็นส่วนประกอบ ในการทำงานของ สาย DNA เท่านั้น
    วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุ ถึงการปรากฎขึ้นในแถบ spectra ของ DNA หลากมิติได้
    และยังตระหนักไม่ถึง โครงสร้างภายในโครงสร้างของ DNA ที่ถูกค้นพบได้นั้น
    มันมีระดับของโครงสร้างและหน้าที่ ซึ่งเป็นระบบการเปิดใช้งาน
    สำหรับแบบพิมพ์เขียวทางพันธุกรรมที่มีอยู่ได้โดยตรง
    ที่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถค้นพบได้ โดย วิธีทางวิทยาศาสตร์<o></o>

    รอยพิมพ์ DNA ของมนุษย์ จะปรากฎขึ้นจาก การวิเคราะห์ภายนอก
    เสมอเหมือนกับ สัณฐาน 2 สายพันเกลียวคู่
    แต่สิ่งที่ยังไม่เข้าใจคือ ภายใน 2 สายพันเกลียวคู่ ต่างก็เป็นฟิวส์ซึ่งกันและกัน
    และเป็นตัวการการเพิ่มรหัสการปฏิบัติการ ในการกระตุ้นรอยพิมพ์ DNA <o>

    เพื่อความวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์
    การทำความเข้าใจเกี่ยวกับแถบสีหรือแสงของสเปคตรัมมิติในหลายๆมิติ
    จะทำให้การพยายามทำความเข้าใจโครงสร้างทั้งสาม
    และหน้าที่การทำงานของ DNA รุดหน้ามากขึ้น <o></o>

    แต่เราไม่จำเป็นต้องรอคอย จนกว่าวิทยาศาสตร์
    จะไล่ทันวิวัฒนาการที่รวดเร็วของมนุษย์ชาตินี้จนทัน
    เพื่อที่จะเริ่มกระตุ้นการทำงานของ DNA ให้รุดคืบหน้ามากขึ้น
    เรากำลังเคลื่อนย้าย สิ่งกีดขวางที่คร่ำครึภายในกายวิภาคของมนุษย์
    ที่เป็นตัวขวางกั้น การทำงานที่เป็นไปโดยธรรมชาติของ DNA
    ผ่านกระบวนการ bioregenesis
    (วิธีการ หรือ เครื่องมือ เพื่อช่วยในการเร่งและการกระตุ้นการขยายตัวจิตสำนึก
    โดยทางธรรมชาติอ่อนโยนใน DNA ส่วนบุคคล เช่น การทำสมาธิ
    การกระตุ้นลมปราณ เป็นต้น...ผู้แปล )

    และเรากำลังฟื้นฟู องค์ประกอบดั้งเดิมของ รอยพิมพ์สุขภาพ
    ซึ่งมันเป็น สิทธิที่มีมาแต่กำเนิดของเผ่าพันธ์เรา
    เราสามารถป้อนคำสั่งใหม่ให้กับ ส่วนที่เป็น " DNA ขยะ"
    และ เร่งเร้ากระตุ้นให้ DNA เกิดการทำงานขึ้น<o></o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2010
  2. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    Why is DNA Activation important right now
    and how does the Earth affect our DNA Activation level?
    ทำไมจึงต้องมีการกระตุ้นการเปิดใช้งานของ DNA ขึ้นมาในตอนนี้ จึงสำคัญนัก
    และ การกระตุ้นระดับ DNA ของพวกเรา จะมีผลกระทบโลกอย่างไร? <o></o>

    พวกเราเชื่อมต่อโดยตรงกับโลกและเป็นส่วนหนึ่งของโลกอยู่แล้ว
    เหมือนทารกที่อยู่ใน ครรภ์มารดา

    ร่างกายของมารดาเปรียบเสมือนร่างภายนอกที่ห่อหุ้มทารกไว้
    ดังนั้นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างของมารดา จะเป็นรอยประทับของพลังงาน
    ที่มีผลต่อทารก ตัวอย่างเช่น ถ้ามารดาสูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้าระหว่างการตั้งครรภ์
    สิ่งนี้จะส่งผลโดยตรงต่อทารก และ ประทับรอยไว้
    ที่อาจทำให้ทารกเกิดมามีร่างกายพิการ หรือก่อเกิดปัญหาทางพันธุกรรม
    และจะแสดงให้เห็นโรคเกิดขึ้นทางกายภาพ ในที่สุด <o></o>

    ดังนั้นสิ่งนี้จึงเหมือนเราและโลก โลกคือร่างกายภายนอกของพวกเรา
    นี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงเรียกโลก ว่าแม่โลก
    สนามพลังงานรูปพรรณสัณฐาน ของเรา(morphogenetic field : จากแบบพิมพ์เขียวที่มีอยู่)
    เป็นส่วนหนึ่งของ สนามพลังงานรูปพรรณสัณฐาน ใหญ่ของโลก

    -----------------------------------------------------------------------
    <o>
    อธิบายเสริม : morphogenetic field…การศึกษาในแง่การเกิดปรากฏการณ์
    แนวคิดของ ดร.เชลเดรค ที่ว่าหลังจากที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    จะทำให้เกิด "สนามของเหตุการณ์นั้นๆ" ขึ้น เพียงสิ่งใดมีความสอดคล้องกับสนามดังกล่าว
    เรื่องราวแบบเดิมๆ ก็จะเกิดขึ้นอีก สิ่งที่เรียกว่า "สนาม" ในที่นี้ ไม่ใช่สนามของพลังงาน
    แต่มันจะคล้ายๆ กับแปลนบ้านมากกว่า ซึ่งนี่ถือเป็นปรากฏการณ์ "กำทอน"
    ชนิดหนึ่งเช่นกัน ดร.เชลเดรค เชื่อว่า ไม่เพียงแต่เสียงเท่านั้นที่เกิดการกำทอนได้
    สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราก็สามารถเกิดปรากฏการณ์แบบเดียวกันได้
    เขาเรียกการเกิดปรากฏการณ์นี้ว่า "Morphic Field" หรือ "สนามของรูปพรรณสัณฐาน"
    และเรียกเหตุการณ์แบบเดียวกันที่เกิดซ้ำ ๆ ว่า
    "Morphic Resonance" หรือ "การพ้องกันของรูปพรรณสัณฐาน"

    -----------------------------------------------------------------------<o></o>

    ถ้ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับโครงข่ายสนามพลังงานของโลกแล้ว
    เราจะได้รับการถ่ายทอด ปัญหาเหล่านี้ สู่โครงข่ายของเราด้วย
    สิ่งที่เกิดกับพลังงานทางกายวิภาคของเราเป็นเช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดกับโลก
    กับ จักระ เมอริเดียน axiatonal lines และ DNA

    ----------------------------------------------------------------------------------<o></o>
    อธิบายเสริม...meridians เป็นคำละติน แปลว่า midday หรือจุดสูงสุดของวัน
    เที่ยงวัน ส่วนในความหมายนี้ หมายถึงทางเดินของพลังงานลบและบวก
    ซึ่งเป็นช่องทางการถ่ายทอดข้อมูลติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนต่างๆในเซลล์ของมนุษย์
    มักใช้เป็นจุดฝั่งเข็ม ในร่างกาย หากเปรียบเมอริเดียนในลักษณะภูมิศาสตร์
    มันคือเส้นสมมติที่ลากผ่านขั้วโลกเหนือและใต้

    [​IMG]


    ส่วน axiatonal lines

    [​IMG]

    ก็อุปมาดั่ง เป็นเส้นโครงข่ายในร่างกาย อุปมาดั่ง เส้น grid ของโลก
    และ/หรือ เส้น grid ในร่างกายนั่นเอง....ผู้แปล)

    -----------------------------------------------------------------------------------<o></o>
    โดยปกติจักระที่ 13 ของเรา จะร่วมแบ่งปันความรู้สึกร่วมกับโลก ณ แกนของโลก
    ดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของเปลือกโลกขึ้น
    มันจะไปทิ่มแทงโครงข่ายของโลกให้เกิดรอยโหว่
    รอยโหว่เหล่านั้นก็จะทะลุเข้าไปถึง DNA ของพวกเราทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ด้วย<o>

    <o>
    และนี้ก็เป็นปัญหาหลักๆที่มีอิทธิพล มาตลอดประวัติศาสตร์
    DNA ของพวกเรา ที่แสดงให้เห็นถึงความหายนะหลายครั้งหลายหนที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์
    ได้สร้างความบิดเบือนให้กับ DNA ของดาวนพเคราะห์ อยู่เสมอมา

    นั่นจึงทำให้ ระบบ DNA ของทุกๆสิ่งมีชีวิตบนดาวนพเคราะห์นี้
    แสดงโครงสร้างอย่างผิดไป คือมีสารประกอบทางเคมี เพียง Base-4
    จริงๆมนุษย์ได้รับการสนับสนุนให้มี 12 สารประกอบทางเคมี 12 nucleotide bases
    ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เรามี จำนวนโครโมโซมที่มีสารประกอบทางอินทรีย์เคมีถึง144 อีกด้วย
    แต่ทว่าตอนนี้ เรามีเพียง 46 (โครโมโซมของคนปกติมี 23 คู่)<o>

    ผู้คนส่วนใหญ่ บนดาวเคราะห์นี้มี ต้นกำเหนิดรูปแบบ DNA มนุษย์แห่งเทพ
    (Angelic Human DNA Template) อยู่ด้วย
    ที่เรียกกันว่า Diamond Sun DNA Template หรือ เทวดาตกสวรรค์ (Fallen Angelic)

    <o></o>
    <table class="MsoNormalTable" style="border: 1pt solid blue; width: 416.25pt;" width="555" border="1" cellpadding="0"><tbody><tr style=""><td style="border: medium none blue; padding: 0.75pt; width: 115.5pt; background-color: transparent;" width="154">
    Diamond Sun<o></o>



    </td><td style="border: medium none blue; padding: 0.75pt; background-color: transparent;">
    12 Strands<o></o>



    </td><td style="border: medium none blue; padding: 0.75pt; width: 197.25pt; background-color: transparent;" width="263">
    Seraphei Avian, Insect, Reptilian, Ceres, Serres, Cloister Human Hybrid<o></o>

    </td></tr></tbody></table>​

    ซึ่งมี DNA มี12 สาย หมายถึง 12 มิติของจิตสำนึก
    และ สิ่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการสร้างคุณสมบัติทางมูลธาตุ (transmutation) ของร่างกาย
    จากคาร์บอน เบสส์ ไปสู่ ซิลิการ์เบสส์ และแม้กระทั่งการกลายเป็น ของเหลวเรืองแสง
    ที่ไม่เคยคงรูปแบบมาก่อน (pre-matter liquid light)
    ร่างกายไม่ได้หมายถึง “ความตาย”แต่เป็นเพราะการบิดเบือนในประวัติศาสตร์โบราณ ของ DNA (25,500 B.C)
    ที่ขวางกั้นผู้คนจากการนำแสงสว่างเข้ามาสู่สนามพลังงาน
    และ วิวัฒน์อย่างเป็นธรรมชาติผ่านกระบวนการกระตุ้นใน DNA

    ผู้คนส่วนใหญ่บนดาวเคราะห์นี้ มีการทำงานของ DNA เพียงแค่ 3 สาย

    จึงรับรู้ได้แค่ 3 มิติของจิตสำนึก และดังนั้นพวกเขาจึง ถูกขังอยู่ในโลก 3D<o></o></o></o></o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2010
  3. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขณะนี้ พวกเรามาถึงจุดที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
    เพราะว่า พวกเรามีความสามารถที่จะสร้างรูปแบบรอยประทับของต้นแบบ
    ของเนื้อเยื่อชีวิตสำหรับสุขภาพขึ้นมาใหม่ได้
    โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องมือหรูหราทางวิทยาศาสตร์

    เราแค่เพียงยอมรับที่จะเรียนรู้ ที่จะทำอย่างไรกับสิ่งที่เรานำมันมาด้วย
    ในกายและจิตของพวกเรา จากระบบจิตวิญญาณ ถึง จิตเราโดยตรง
    เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนให้เกิดคลื่นพลัง scalar
    จากการจัดเรียงตัวของ DNA ของพวกเรา
    ---------------------------------------------------------------------------------
    อธิบายเสริม...Scalar Waves :
    “คลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้า” ( Electomagnetic Waves ) ชนิดใหม่
    ที่เกิดขึ้นได้เฉพาะในพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างอะตอมในร่างกายของเรา
    และพื้นที่ว่างเปล่าบนพิภพ บนท้องฟ้า และในจักรวาล
    <o></o>
    คลื่นแม่เหล็กดังกล่าว ขับพลังออกมามหาศาลนิรันดร์ในมิติที่ ๔
    บัดนี้สามารถสกัดออกมาสู่มิติที่ ๓ เพื่อใช้สร้างกระแสไฟฟ้า
    พลังการขับเคลื่อน กระทั่งนำมาใช้ในการรักษาโรคได้เกือบทุกชนิด
    นี่คือมิติใหม่ของพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสกาล่าร์
    พลังงานแห่งความว่างเปล่าจากมิติที่ ๔ ที่มีมาก่อนกำเนิดโลก

    อ่านเพิ่มได้จาก... บทความ พลังคลื่นแม่เหล็กสกาล่าร์ กับการควบคุมจิตฝูงชนจำนวนมาก
    -----------------------------------------------------------------------<o>

    เราอยู่ตรงกลางของวัฎจักรการยกระดับ
    ที่มีการเปลี่ยนแปลงของอนุกรมเวลาที่ต่อเนื่องกันอย่างแท้จริง
    จากตอนนี้เข้าสู่ปี 2012 ดาวเคราะห์โลกจะเคลื่อนผ่าน อนุกรมเวลาที่เปลี่ยนแปลงนี้
    ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในทุกๆรอบ 25,556 ปี (เรียกว่าวัฏจักร Euiago มี 6 คาบๆละ 4,426 ปี

    -----------------------------------------------------------------------------------<o></o>
    อธิบายเสริม...วัฏจักร Euiago…ระบบเวลาของดาวเคราะห์
    มีชื่อ องศา การยกระดับ และ จำนวนปี โดย เฉพาะดังต่อไปนี้<o></o>
    <table class="MsoNormalTable" style="" border="0" cellpadding="0"><tbody><tr style=""><td style="border: medium none rgb(232, 232, 232); padding: 0.75pt; width: 3.35pt; background-color: transparent;" width="4"><o></o>


    </td><td style="border: medium none rgb(232, 232, 232); padding: 0cm; background-color: transparent;" colspan="2" width="537">
    </td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(232, 232, 232); padding: 0.75pt; width: 3.35pt; background-color: transparent;" width="4"><o></o>


    </td><td style="border: medium none rgb(232, 232, 232); padding: 0.75pt; width: 398.75pt; background-color: transparent;" valign="top" width="532">One Time Continuum = 6 Time Vectors = 1.25 deg. Shift <o></o>
    One Euiago = 6 Continuum = 7.5 deg. Shift <o></o>
    One Eyugha = 6 Euiago = 45 deg. Shift <o></o>
    4 Eyugha = 24 Euiago = 4 45 deg. Shifts <o></o>
    4 Eyugha of PCM = one 12 cycle = PCM Eyardo = 180 deg. Shift <o></o>
    4 Eyugha of PKA = one 12 cycle = PKA Eyado = 180 deg. Shift <o></o>
    One Eyana Cycle = one PCM Eyardo plus one PKA Eyado = 360 deg.shift. <o></o>
    <o></o>

    Euiago= 1 วัฏจักรใน 6 วงรอบอนุกรมเวลาวงรอบ
    และ 6 Euiago= Eyugha ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาส
    สำหรับดาวนพเคราะห์ทีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับจากมิติ หนึ่ง ไปยัง มิติ 2 <o></o>


    </td><td style="border: medium none rgb(232, 232, 232); padding: 0.75pt; width: 2.5pt; background-color: transparent;" width="3"><o></o>


    </td></tr></tbody></table>
    อ่านเพิ่มเติมได้ที่... Euiago

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------<o></o>
    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ อนุภาคที่เป็นตัว สร้างสนามพลังงาน auric ของโลก
    จะมีจังหวะชีพจรที่เร่งความเร็วขึ้น เพื่อตระเตรียมเปลี่ยนแปลง
    เข้าสู่การ ascension จากมิติที่3 สู่มิติที่4

    เพราะอนุภาคต่างๆจะทำให้ สนามพลังงาน auric โลก เร่งอัตราความสั่นสะเทือนเร็วขึ้น
    และเราเป็นส่วนหนึ่งของสร้างสนามพลังงาน auric ของโลก
    ดังนั้นอนุภาคที่ทำให้เกิด สนามพลังงาน auric ของเรา ก็จะเร่งความเร็วขึ้นด้วย
    ตอนนี้สิ่งนี้ได้กำลังเกิดขึ้นและจะเป็นไปจนกระทั่งข้ามผ่านปี 2012
    มันหมายถึงว่า DNA ของเราจะเปิดการทำงานขึ้น ถึง 4 สาย ในที่สุด
    เพื่อเกิดการยกระดับเข้าสู่มิติที่ 4
    <o></o>
    [​IMG]

    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการกระตุ้น DNA จึงสำคัญมากในตอนนี้
    ถ้าพลังงานของคุณถูกปิดกั้น อุปกรณ์ติดตั้ง auric รอยประทับแห่งกรรมใน DNA ที่ผิดรูป
    หรือการถูกปิดผนึกของพลังงานอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
    และแล้ว คุณจะไม่มีความสามารถที่จะเร่งอนุภาคให้เร็วขึ้น
    และ ไม่สามารถมีระดับความถี่ที่จำเป็นร่วมกัน ที่จะทำให้เกิดอนุกรมเวลาแห่งการยกระดับขึ้นได้

    ความถี่ระดับสูงที่กำลังเคลื่อนเข้ามาในสนามพลังงานของคุณ
    จะเร่งให้กระบวนการให้ร่างกายของคุณเสื่อมลงเร็วขึ้น
    และหลายๆผลแสดงออกมาให้เห็นในปัญหาทางร่างกายไม่สบาย
    ตอนนี้หลายๆคนสังเกตุเห็นอาการเหล่านี้
    และนี่คือเหตุผลว่าทำไม พวกเขาสังเกตุเห็นเวลาที่เร่งเร็วขึ้นอีกด้วย<o>

    การวิวัฒนาการของพวกเรา ผูกติดอยู่กับโลกอย่างแนบสนิทโดยตรง
    และเป้าหมายโดยตรงของความเป็น มนุษย์แห่งเทพ (Angelic Humans)
    คือการเข้าช่วยเหลือโลก ด้วยสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้

    นี่คือเหตุผลที่ว่า “ทำไมเราจึงมาอยู่ที่นี่”
    เพื่อที่จะยกระดับความถี่ของพวกเราและนำแสงสว่างที่เจิดจ้า
    เข้ามาสู่สนามพลังงานได้มากขึ้น ด้วยการเปิดการใช้งาน DNA

    เมื่อผู้คนทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเพียงพอ และเกิดเหตุการณ์
    “ วิกฤตการจำนวนมาก ”(จิตสำนึกรวมหมู่)
    โครงข่ายของโลกที่ผิดรูปผิดร่างไปจะถูกตั้งโปรแกรมใหม่ ได้อย่างแท้จริง
    ดังนั้น พวกเราก็จะสามารถเลื่อนระดับไปด้วยกัน ในปี2012

    เหล่าคุรุทั้งหลาย ที่ได้มาอยู่ที่นี่ ต่างก็รู้ดีถึง
    วิธีที่จะเปิดการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบของ DNA

    และการวิวัฒน์ทางจิตวิญญาณจะเกิดขึ้นไม่ได้
    หากปราศจากกระบวนการเหล่านี้<o></o>
    </o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2010
  4. su_ra

    su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +736
    ผมทึ่งกับความรู้นีัจริงๆ
    ขอบคุณสำหรับการนำข้อมูลเหล่านี้มาแบ่งปันกัน
    ด้วยรัก
     
  5. uuuu0010

    uuuu0010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +247
    ติดตามอ่านอยู่ตลอดนะคะ ได้ความรู้และกำลังใจมากมาย
    ขอขอบคุณ ในความพยายามในการแปลและนำมาแบ่งปัน
    ด้วยน้ำใจดี และขอให้คุณ kindred ได้รับการตอบแทนเป็น
    ร้อยเท่าทวีคูณ ต่อน้ำใจดีที่มีต่อผู้อ่านนะคะ
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เป็นกำลังใจให้กับคุณเดรดอยู่เสมอนะครับ

    สิ่งดีๆ สานต่อต่อไปเถอะนะครับ

    ชยุต
     
  8. mawmee

    mawmee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +622
    กลับมาอ่านอีกครั้งหลังจากครั้งแรกที่มึนๆงงๆไปรอบหนึ่ง กลับมาอีกทีเข้าใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณที่หาเนื้อหาดีๆมาให้อ่านนะคะ
     
  9. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    กระทู้นี้อ่านยังไม่จบเลยค่ะ
    แปะไว้ก่อนนะเดี๋ยวมาอ่านต่อ
     
  10. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    แวะมาดัน อิอิอิ
     
  11. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    แวะมาดู อิอิอิ

    ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจ
    คอยมาช่วยดูและช่วยดัน...
    จขกท ไม่ค่อยว่างอะ

    รอจักหน่อยแน้ กำลังปั่นอยู่...
     
  12. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    แวะมาดูและดัน
    ยังปั่นไม่เสร็จล่ะซี่...

    :p
     
  13. ryuta006

    ryuta006 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +30
    อืม ความเชื่อมโยงงั้นหรอครับ ผมเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งมีจุดศูนย์กลางครับ
     
  14. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    เอา ออร์เดิร์ฟมาเสริฟให้ก่อนจ้า รับชมและชิมไปพลางๆก่อนนะคะ
    เดี๋ยว เมนคอร์สตามมา (กะลังปั่นยิกๆ)

    ----------------------------------------------------------------

    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cambria Math"; panose-1:2 4 5 3 5 4 6 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1107304683 0 0 159 0;} @font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1073750139 0 0 159 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627400839 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-unhide:no; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; margin-top:0cm; margin-right:0cm; margin-bottom:10.0pt; margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} .MsoChpDefault {mso-style-type:export-only; mso-default-props:yes; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} .MsoPapDefault {mso-style-type:export-only; margin-bottom:10.0pt; line-height:115%;} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:72.0pt 72.0pt 72.0pt 72.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin-top:0cm; mso-para-margin-right:0cm; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-theme-font:minor-fareast; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin;} </style> <![endif]--> The Rules for being Human
    กฎของการเป็นมนุษย์
    ที่มา...being Human

    เมื่อคุณเกิดมา คุณไม่ได้มีคู่มือการใช้ชีวิตติดตัวมาด้วย
    คำแนะนำเหล่านี้ จะทำให้ชีวิตคุณทำงานได้ดีขึ้น


    1.คุณจะได้รับร่างกาย ที่คุณอาจจะชอบหรือไม่ก็ได้
    แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่คุณจะมั่นใจได้ว่ามันจะอยู่กับคุณตลอดชีวิตของคุณ

    2.คุณจะถูกทำให้เข้าร่วมเรียนในบทเรียนที่มีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า...
    ชีวิตบนโลกมนุษย์("Life on Planet Earth”)
    ทุกๆคนและทุกๆเหตุการณ์ที่มาเกี่ยวข้องกับคุณ
    คือครูของจักรวาล(UniversalTeacher)

    3.ไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่า”ผิด”มีเพียงบทเรียน
    การเจริญเติบโตเป็นกระบวนการของการทดลอง
    ความล้มเหลวที่มากมายเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ

    4.การเรียนรู้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะเรียนจบ
    บททดสอบจะมาในรูปแบบต่างๆจนกว่าคุณจะเข้าใจได้
    และจากนั้นก็จะผ่านไปสู่บทเรียนต่อไป


    5.ถ้าคุณไม่ยอมที่เรียนรู้ง่ายๆมันจะยิ่งยากขึ้น
    ปัญหาที่เกิดภายนอกเป็นผลสะท้อนที่เที่ยงตรงแม่นยำของสภาพภายใน(ภาวะจิต)
    เมื่อคุณกำจัดสิ่งกีดขวางภายในออกไปได้แล้ว โลกภายนอกของคุณจะเปลี่ยนแปลงไป
    ความเจ็บปวดเป็นวิธีที่จักรวาลเรียกร้องความสนใจจากคุณ(ว่าอย่าละเลย)

    6.คุณจะรู้ว่าคุณได้เรียนรู้บทเรียนแล้ว เมื่อการกระทำของคุณเปลี่ยนแปลงไป
    การปฏิบัติจึงจะทำให้เกิดปัญญา

    การทำอะไรบ้างนิดๆหน่อยๆดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย

    7. “ที่นั่น” ไม่ได้ดีไปกว่า“ที่นี่” เมือคุณอยู่ "ที่นั่น"มันก็จะกลายเป็น “ที่นี่”
    ที่ๆคุณจะรู้สึกอยากได้รับ "ที่นั่น" อันอื่นอีกซึ่งคุณรู้สึกว่ามันดูดีกว่า“ที่นี่”(มั้ง)

    8.ผู้อื่นเสมือนเป็นบานกระจกที่ส่องให้เห็นความเป็นตัวคุณ
    คุณไม่สามารถที่จะรักหรือเกลียดชังสิ่งแปลกปลอมอื่นๆได้
    เว้นเสียแต่ว่ามันจะสะท้อนบางสิ่งที่คุณรักหรือเกลียดชังในตัวคุณเอง
    (มันคือส่วนหนึ่งของคุณในตัวผู้อื่น)


    9.ชีวิตขึ้นอยู่กับคุณ ชีวิตคือผืนผ้าใบที่คุณจะเป็นผู้วาด
    คุณจะดูแลมันเอง หรือคุณจะให้ผู้อื่นมาจัดการให้

    10.คุณจะได้รับสิ่งที่คุณปรารถนาเสมอ
    จิตใต้สำนึกของคุณตัดสินใจอย่างถูกต้องว่าต้องใช้พลังงานแบบไหนที่จะดึงดูดประสบการณ์และผู้คน
    – ดังนั้น ทางเดียวที่จะไม่ให้ล้มเหลว(foolproof way)
    คือต้องรู้ว่าคุณมีสิ่งที่คุณต้องการนั้นอยู่แล้ว
    ไม่มีใครหรืออะไรที่ตกเป็นเหยื่อ มีเพียงแต่นักเรียนเท่านั้น

    11.ไม่มีสิ่งใด “ผิด”หรือ"ถูก" มีแต่ผลลัพท์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น
    การปรับปรุงด้านศีลธรรมจรรยาก็ไม่ได้ช่วยอะไร
    การพิพากษา เป็นเพียงการยึดถือรูปแบบณ ตรงนั้น

    คุณทำเพียงแค่...ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น

    12.คำตอบของคุณนั้นอยู่ภายใน เด็กๆต้องการได้รับคำแนะนำอื่นๆ
    :ในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่(เติบโตเต็มที่แล้ว) เราเชื่อมั่นหัวใจของเราเองได้
    ณ ที่ซึ่งกฎของจิตวิญญาณได้ถูกจารึกไว้

    คุณมีความรู้มากไปกว่าสิ่งที่เคยได้ยิน,ได้ฟังหรือได้รับการบอกเล่ามา
    สิ่งที่คุณทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องทำคือ มองดู ฟัง และเชื่อมั่น


    13.คุณจะลืมสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

    14.และในเวลาที่คุณต้องการ คุณจะจำมันได้

    ลงชื่อ...ผู้เขียนที่ไม่ทราบชื่อ(Unknown author)
     
  15. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    กระทู้นี้ใครไม่ได้อ่านน่าเสียดายมาก

    กระทู้นี้ใครไม่ได้อ่านน่าเสียดายมากครับ
    ขออนุโมทนา สาธุการ
     
  16. AFIKLIFI๋

    AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอบคุณนะ
     
  17. thanathama

    thanathama เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +129
    มาดัน บทความดี ๆ ครับ
     
  18. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ขอบคุณ ชอบ
     
  19. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    มนุษย์ กับ ความเป็นซีโร่พอยต์

    อันนี้คิดในแง่ตรรกะตามความเข้าใจเอาเอง

    ด้วยการเกิดขึ้น การมีขึ้น ของอะไรแม้เพียงสักอย่าง
    ต้องเริ่มต้นมาจากการกำหนดค่า(ให้ความหมาย)ของตัวแปรในทั้งหมด

    เช่น a คืออะไร bคืออะไร อะไรจึงเรียกว่าศูนย์ อะไรจึงเรียกว่าหนึ่ง ฯลฯ

    เมื่อตัวแปรองค์ประกอบในแบบลักษณะนี้ จำนวนเท่านี้
    บวก ลบ คูณ หาร ถอดรูท ยกกำลัง ยำกันไปยำกันมา กี่ขั้นตอนก็ช่าง
    ซึ่งสมการแบบนี้พอกระทำต่อกันแล้ว ได้ค่ามาเป็น ดีเอ็นเอของมนุษย์
    สมการอีกแบบพอกระทำต่อกันแล้ว ได้ค่ามาเป็น ดีเอ็นเอของสัตว์ทะเล
    สมการอีกแบบกระทำต่อกันแล้ว ได้ค่ามาเป็นของไหลที่มีคุณสมบัติเป็นแบบนั้นแบบนี้
    สมการอีกแบบกระทำต่อกันแล้วได้ค่ามาเป็นสสารแข็ง ที่มีคุณสมบัติเป็นแบบนั้นแบบนี้

    ซึ่งถ้าตัวแปรต่างๆ โดยมีสิ่งอันเป็น"ซีโร่พอยต์"กำหนดค่าอย่างหนึ่งเอาไว้
    เช่น ตัวแปรแบบนี้กระทำต่อกันแล้ว เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบไปด้วยดีเอ็นเอ

    ซึ่งเราไม่รู้หรอก ว่าอะไรคือ ซีโร่พอยต์ของการเกิดมีมนุษย์ที่ประกอบไปด้วยดีเอ็นเอ
    แต่เรารู้ว่า เราสามารถนำข้อเสียของดีเอ็นเอของมนุษย์มาปรับปรุงผ่านวิทยาการได้
    เพื่อกำหนดการเกิดใหม่ของมนุษย์ให้มีดีเอ็นเอในแบบที่เราต้องการ
    แล้วเราก็ต่อยอดการสร้างมนุษย์ซึ่งมีการควบคุมพันธุกรรมในแบบที่เราต้องการไปเรื่อยๆ

    กับสัตว์ หรือพืช สิ่งมีชีวิตทั้งหมด เราก็ทำแบบเดียวกัน
    แม้กระทั่งสสารวัตถุซึ่งไม่มีชีวิต เราก็ต่อยอดในการสร้างสารชนิดใหม่
    ที่มีการเกิดและการทำลายต้องผ่านเครืองมือและกระบวนการอันซับซ้อน

    ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว สิ่งอันเป็นซีโร่พอยต์ของเดิม
    ที่ทำให้เกิดมีมนุษย์ มีสัตว์ มีพืช มีสสารวัตถุต่างๆ
    รวมไปถึงมีสิ่งที่เป็นสภาพแวดล้อม

    "ซีโร่พอยต์ของเดิม"จะเสียสมดุลไปหรือถูกทำให้สูญหายอย่างถาวรหรือไม่

    ด้วยแนวคิดและการทดลองต่างๆ
    ทำให้มนุษย์พยายามค้นหาสิ่งอันเป็น"ซีโรพอยต์"
    โดยหนทางและวิธีการซึ่งอาจจะทำให้
    สิ่งอันเป็น"ต้นเกิดของเดิมๆ"ซึ่งเคยมีพลังงานแบบไม่จำกัด
    หมดสิ้นพลังลง(หรือเปล่า)



    หมายเหตุ กระทู้ยังอ่านไม่จบเลย เดี๋ยวค่อยมาอ่าน อิอิ ขอมาเม้นท์ก่อน :d:d
     
  20. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    และอีกหนึ่งคำถาม

    ซึ่งถ้ามนุษย์ไม่สามารถค้นหาซีโร่พอนต์เจอ แต่ย่อมสามารถ
    ควบคุมสิ่งอันเป็น"ต้นเกิด"
    ด้วยการนวัตกรรมทางดีเอ็นเอ และความสามารถที่จะกำหนดสภาพแวดล้อม
    ดินฟ้าอากาศ
    ซึ่งเมื่อเวลาได้ดำเนินไปถึงยังจุดหนึ่ง
    ซึ่งการยื้อกันระหว่างซีโร่พอยต์เดิม กับ ต้นเกิดอันใหม่
    เกิดความไม่สมดุล หรือรวมเข้ากันไม่ได้ในทางพลังงาน
    มันสามารถจะก่อให้เกิดการพังทลายของสภาพแวดล้อมที่เป็นหายยะ
    ที่เป็นการล้างระบบที่ด้อยกว่าแบบศุนย์สมบูรณ์

    เราก็อดคิดไม่ได้ว่า ชาวแอตแลนติส อาจคิดค้น
    การกำหนดสิ่งอันเป็นซีโร่พอยต์ควบคุมการเกิด และสภาพแวดล้อมได้
    หากแต่ภายใต้ข้อจำกัดที่ต้องมีเนื้อมีหนังมีลมหายใจและต้องมีสมองที่ใช้คิด

    อย่างไรมันก็จะไม่เป็นอนันต์ ในที่สุด
    เมื่อไม่สามารถครอบคลุมพลังงานธรรมชาติได้ในทั้งหมด
    มันก็ถูกม้วนหายไปอย่างไม่เห็นเสื่อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...