ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ขอบ่นหน่อย...ความจริงผมจะเข้ามา..เขียนตั้งแต่๑ทุ่ม..เข้าไม่ได้..ซักที
...ต้องมาเขียนเอา..ตอน..๓ ทุ่ม................................
.ขอบคุณครับ..คุณ พี เสาวภา..คุณ โอ ท่าซุง..คุณ ๑๕ ค่ำ..คุณ trirut
..คุณ Ong..คุณ Lynn@nice..คุณ Orkar..คุณ CofeeMax...
ที่ชม..ให้กำลังใจ..และติดตามรออ่าน...รวมทั้ง..ท่านผู้อ่านทั้งหลายด้วย
...........................กรุงเทพ..ยุค..คลาสสิค...................
...ตอนที่แล้ว..เรามาถึง สี่แยกเพลินจิต..เราก็ต้องเลี้ยวซ้ายข้าม..ทาง..
รถไฟ..เข้าสู่..ถนนสุขุมวิท(ชื่อตาม..พระพิศาลสุขุมวิท)..เรามานิดเดียว
ก็..ถึง..ซอยที่..ฝั่งเหนือ..และ..ฝั่งใต้ของ..ถนนสุขุมวิท..มีชื่อเดียวกัน..
คือ..ซอย นานาเหนือ..และ..ซอย นานาใต้..ที่เดิมทั้งหมดเป็นของ..ต้น
ตระกูล นานา..ตั้งแต่ยุคนั้น..เป็นซอยที่มีห้างร้านหนาแน่น..ตึกแถวสลับ
ตลอดสองข้างซอย..แต่ก่อนไม่ใช่..ชุมนพวกอาหรับ..แบบปัจจุบันมีฝรั่ง
อยู่มาก..เพราะมีโรงแรมชั้นสอง..และร้านอาหารแบบฝรั่ง..
..ขอบเมือง..ตามแนวถนนสุขุมวิทนี่..จะออกไป..ตามซอย..ที่อยู่ด้าน
ทิศเหนือ..ลึกบ้าง..ไม่ลึกบ้าง..แต่ไม่เลยแนว..ทางรถไฟ..ตึกแถว..ทั้ง..
สองฝั่งถนน(ตึกสูง..ไม่ต้องพูดไม่มี)..มีสลับ..กับ..บ้านคน..เพราะเป็น..
ย่้านคนรวยอยู่มา.แต่ไหน..แ่ต่ไร..ตึกแถวจะหนาแน่น..ใกล้..ซอยใหญ่ๆ
สมัยนั้น..บ้านที่ติดถนน..ส่วนใหญ่จะมีที่..กว้างและลึก..ตัวบ้านจะอยู่ลึก
เข้าไปข้างใน..ตอนหลัง..รวยก็รวยเหอะ..ทนแรงเงิน..ไม่ไหว..ต้องตัดที่
ส่วนที่ติดถนน..ขาย..เปลี่ยน..เป็นตึกแถว..ตัวบ้านอยู่หลังตึกแถวอีกที...
ซอย..ที่มีคนอยู่(คนรวย..นะครับ..ไม่ใช่ชุมชน HI-SO'..not..LO-SO
)หนาแน่น..ก็คือ..ซอย..ที่จะเข้า..โรงเรียนวัฒนา(อันนี้..โคตรHI-SO)
หญิงล้วน..โรงเรียนประจำ..ไม่น้อยที่..ชื่อเล่นเด็กนักเรียนที่นี่(ในยุคนั้น)
จะมีคำขึ้นต้น..ว่า..หญิง..เช่น..หญิงใหญ่..หญิงเล็ก..หญิงจิ๋ว..อะไร...
ทำนองนี้..เพราะยุคนั้น..หม่อมราชวงศ์หญิง..ยังมีไม่น้อย(เกิดมาก็..เป็น
คุณหญิง.โดย.อัตนโนมัติ)เหมือนยุคนี้...ซอย..ต่อไป..ก็..ซอยประสาน
มิตร..เพราะก้นซอย..เป็นที่ต้งของ..วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร
(ยังไม่ได้..ยกระดับ)..และ..โรงเรียนสาทิตประสานมิตร..ก็มีบ้านอยู่หนา
แน่นต้นซอยเหมือนกัน....แล้วก็มาถึงซอย..ที่ใหญ่ที่สุด..ก็..ซอยอโศก
(ไม่ใช่ถนนอโศก..ผมเคยคุยกับ..คนรุ่นแก่..กว่าผม..แกก็ยังติดปาก..ว่า
ซอยอโศก..จนปัจจุบัน)..จะมีความกว้าง..กว่าเพื่อน..ลาดยางอย่างดี..
มีบ้านโตๆ..ให้ฝรั่งเช่า..ติดถนนในซอย..เต็มไปหมด..รวมทั้งพวกCourt
..Apartment...สามล้อถีบ..ปากซอยนี่..แน่นเลย..แต่ส่วนใหญ่..คนใช้บริการนี่เป็น..คนใช้(จริงๆ)ตามบ้านที่..ไปซื้อกับข้าว..คนในซอยนี่ส่วน..
ใหญ่..นั่ง BUICK..JAGUAR..DEMLER..CHEVROLET..ฯ..และ..
MERCEDES BENZ...ทั้ง..พ่อ..แม่..ลูก...แถมมี..คนขับรถ..ต่างหาก
.....เอาละครับ...วันนี้..จบแค่..อโศก....ไว้ต่อตอนหน้า......
.....................................................................................
..........เมื่อถึงเวลา..เผา..สัปปเหร่อก็..ทำการเผากองฟอนด้านล่าง...
...ตอนนี้..ก็รออย่างเดียว..ความร้อน..ก็..พอๆกับ..ที่เราใช้ไม้ดุ้นใหญ่ๆ
เอามาสุม..ทำแค้มป์ไฟ..เวลาไปเที่ยวนั่นแหละครับ...ต้องเวลานาน..
..พอสมควร..แต่ยาย..ก็..แปลกใจ..เพราะ่ส่วนที่เหลือตอนนี้..ความจริง
ก็ควรมี..แต่..ลูกหลาน..เพื่อรอเก็บกระดูก..เหมือนงานเผาศพทั่วๆไป..
..แต่พวกชาวบ้านที่มางานศพ..เกือบทั้งหมด..สิบกว่า่คนก็ไม่ไปไหน..
ก็ไปนั่ง..กันอยู่ที่ศาลวัด..เหมือน..ยายกับแม่..ซึ่งสัปปเหร่อ..จะต้องอยู่
ที่กองฟอน..เพื่อ..คอยเขี่ย..และเติมฟืน..และเขา..จะเป็นคนที่รู้ว่าเมื่อ
ไหร่จะเสร็จ..ถึงจะเริ่ม..ราไฟ(ต้องอธิบายหน่อยเดี๋ยวคนรู่นใหม่..บางคน
จะไมทราบ..ก็คือการ..ค่อยๆดับไฟ..ถ้าคุณเคยเผาเตาถ่านก็คงจะทราบ
ว่าจะใช้..ขี้เถ้าของฟืนที่ใหม้แล้วนี่แหละเอาไปกลบ..ฟืนส่วนที่ยังติดไฟ
..ฟืนจะขาด oxygenในการสันดาป..ไฟจะค่อยๆดับลง)..เมื่อ..ยายเห็น
สัปปเหร่อ..เริ่มราไฟ..ยายก็พาแม่..กลับไปที่..กองฟอนเผาชวดชี...แต่
มองเห็นสัปปเหร่อ..ทำหน้าตกใจมองไปที่กองฟอนที่ไฟดับแล้วพวกชาว
บ้านที่ยังไม่กลับไปไหน..ก็เดินตาม..ยายกับแม่ไป..ทั้งหมดก็ต้อง..ตะลึง
..กับสิ่งที่เกิดขึ้น..
......................สิ่งที่เหลืออยู่..จากร่าง..ชวดชี..ของผม..ก็คือ
..วัตถุกลมๆเล็กๆ..ขนาดเล็ก..เหมือนเม็ดแป้งสาคู(..แป้งที่ทำจาก
ต้นสาคู..กลมๆเล็กๆ..ไว้ทำ..ขนม)..แต่ขนาดจะใกล้เคียงกับ..เม็ด
ถั่วเหลืองเล็กๆ..สีขาว..กองอยู่เป็นแนว..ตามร่างท่าน..แต่เหลือ..
ไม่มาก..สัปปเหร่อบอกว่า..ตอนช่วงใหม้..ก็มองไม่เห็นเพราะเปลว
ไฟ..บังอยู่...............พวกชาวบ้าน...ก็พร้อมใจกัน..นั่งยองๆลง
..และยกมือไหว้..ส่วนยาย..หายจากตะลึง..ซักพัก..จึงค่อยๆนั่งลง
แล้วยกมือไหว้..สิ่งที่เหลืออยู่ของแม่ของยายเอง...
(ขอแทรกตอนนี้..ผมเองเคยถาม..ลักษณะของที่เหลืออยู่..ของ
ชวดชี..อย่างละเอียด..คือ..แม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังก่อน..แล้วผมก็
ไปถาม..ยาย(ตอนนั้นท่าน..บวชชี..แล้ว)อีกครั้ง..ซึ่งเล่าลักษณะ
ตรงกัน ...ปกติ..กระดูก..ที่ทำการเผา..แบบนี้..ซึ่งผมมีตัวอย่าง
ดู..เวลาทำบุญกระดูกบรรพบุรุษ..จะใกล้เคียงกันหมดคือ..จะเป็น
ชิ้นใหญ่ๆ..สีจะเป็นสีเทาๆ..และส่วนขอบๆจะเป็นรอยใหม้เป็นแบบ
ถ่าน...ซึ่งต่างจากของชวดชี..อย่างชัดเจน..ทั้งขนาดที่ใกล้เคียง
กัน...และสีที่เป็นสีขาวเหมือนแป้ง..ทั้งๆที่เพิ่งถูกไฟเผามา)...
.....ขณะที่นั่งรอกัน...รอให้ความร้อนลด...ยายซึ่งเตรียม..กระปุก
ใบใหญ่..มา ๒ ใบ (เพราะตามปกติเผา..แบบนี้..กระดูก..จะเหลือ
เยอะ..ท่านเองก็คิดว่าไม่ต้องแยก..เถ้า..เพราะเดี๋ยวก็จะเอาไปทิ้ง
ทะเลอยู่แล้ว..ตามที่ชวดชีสั่งไว้)..ก็ขอบคุณ..ชาวบ้านที่ยังรออยู่
เหมือน..จะบอกว่าจบงานแล้ว...แต่ชาวบ้าน..ก็..ถามว่า..เก็บ..
กระดูกท่านแล้วเอาไปไว้ที่ไหน..(ชาวบ้านเหล่านี้เกือบทั้งหมด..
จะมีอายุ(สูงอายุ)..ยาย..จะเด็กกว่า)..ยายก็บอกว่า..แม่ของท่าน
สั่งไว้ว่า..ให้เอาไปทิ้งทะเลให้หมด..ไม่ต้องเก็บไว้...คราวนี้เป็นเรื่อง
เลย..พวกชาวบ้านไม่ยอม..บอกว่ากระดูกท่านเป็นแบบนี้ต้องเป็นสิ่ง...
ศักสิทธิ์..จะเอาไปทิ้งทะเลได้ยังไง..ควรจะบรรจุ..ไว้ในเจดีย์(เจดีย์เก็บ
อัฐิ)ให้ลูกหลาน..และผู้ที่เคารพนับถือท่านสักการะบูชา..ยายก็พยายาม
บอกว่าชวดสั่งไว้..ตัวแกเป็นลูกคนเดียว..แกจะไม่ทำได้ยังไงรับปากกับ
ท่านไว้แล้ว...ปรากฏว่าชาวบ้านก็มาล้อมยาย..บอกว่า..ยังไงก็ไม่ได้..
ความที่ยายคนเดียว..แล้วก็เด็กกว่า...ก็เลยต้องยอม...แต่ยายบอกว่า..
..เมื่อเป็นอย่างนี้..ยายจะเป็นคนที่เก็บคนเดียว..ขอร้องพวกนี้ให้ได้ทำ
หน้าที่..ลูก..เมื่อเก็บแล้วกันการ..ไม่ไว้เนื้อเชื่อถือกัน..ยายจะฝากกระดูก
ชวดชีไว้ที่หลวงพ่อ..เมื่อ..เตรียมสถานที่เรียบร้อย..ค่อยไปทำพิธีบรรจุ
อีกที...ชาวบ้านก็ตกลง...ซึ่งทุกอย่างก็เป็นตามนั้น..ยายบอกว่า..ช่วงที่
ท่านยังอยู่ที่ท้ายเหมือง..ที่เจดีย์ใส่กระดูกชวดก็จะมี..ดอกไม้ธูปเทียน..
จำนวนพอสมควรอยู่ตลอดเวลา...พอคนรุ่นนั้นตายหมดก็ไม่มีแล้ว..เพราะ
..หลังจากนั้น..ที่แม่กลับไปไหว้..หลังจากท่านเสียไปซัก ๓๐ ป๊..ก็ไม่เห็นแล้ว...แต่ความจริงปาฏิหารย์(ผมคิดเอาเอง)หลังจากนั้นที่มีกับ..แม่
.และพ่อ..ก็ยังมีอีก...แต่ผมไม่เล่าดีกว่า..เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการ
เล่าของผม..เรื่องสิ่งที่เิกิดกับ..กระดูกท่านนี่เป็นเรื่องต่อเนื่องที่มาถึงจุด
สุดท้ายของชีวิตท่าน....ผมลืมเล่าไปส่วนหนึ่ง..ตอนที่ยายเก็บกระดูกใส่
กระปุก..ท่านถาม..สัปปเหร่อ..ว่า..แล้ว..เถ้า..อยู่ตรงส่วนไหน..เพราะยายหาไม่เห็น..สัปปเหร่อ..ก็บอกว่าไม่มี..แปลกมาก....
....ก็เป็นอันว่าจบ..เรื่องของบุคคลในรูปที่ห้องพระพ่อ...ตอนหน้าก็จะ
กลับมา..เป็นเรื่องผม..ละครับ.....
.............ขอบคุณทุกท่านที่ได้ติตามอ่านกันทุกๆท่าน..ขอบคุณ..ครับ
.............................สวัสดี......................

 

แฟนคลับเข้ามาติดตามครับ สนุก+มีสาระทุกตอนเลย รอติดตามตอนต่อไปครับ ^^

 

ขอบคุณครับ...

 

รออ่านตอนต่อไปนะครับ....(^_^)...

 

สวัสดียามเช้าๆครับคุณลุง

 

สนุกและมีสาระทุกตอนค่ะ เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ
ขอบคุณคะ

 

ติดตามอ่านมาสนุกดีนะครับพี่ เล่าต่ออีกเยอะ ๆ นะครับ พี่เกิด 2498 รุ่นพี่ผม 10 ปีครับ ขอเรียกพี่นะครับ เพราะอายุพอ ๆ กับ พี่ ๆ ที่ทำงานเลยครับ สมัยนี้น่าจะนำถุงโชคดีมาใช้บ้างนะครับ ตอนผมเรียนชั้นประถม พอสอบ ผมจะใช้ ถุงโชคดี ใส่อุปกรณ์การทำข้อสอบ (ปากกา ดินสอ ยางลบ หนังสือสอบ) ไปครับ เพราะเบาดี เรื่องของพี่อ่านแล้วดีนะครับ ให้เด็กรุ่นหลังได้รู้เรื่องของกรุงเทพฯ เมืองฟ้า แดนสวรรค์ในสมัยก่อน ไม่เหมือนสมัยนี้ ลุกเป็นไฟ เป็นนรก เข้าไปทุกที เพราะคนไม่กี่คน เราคนไทยควรรัก และเคารพเทอดทูนพระองค์ท่าน จึงอยากบอกคนไทยทุกคนว่า วันนี้คุณทำความดีเพื่อถวายพระองค์ท่านหรือยัง ตอนเด็ก ๆ เคยเห็นพระองค์ท่านเสด็จมาที่นครปฐม ทางรถไฟ ผมก็ไปยืนที่ข้างทางรถไฟพร้อมกับ เตี่ย แม่ และเพื่อน บ้าน เห็นพระองค์ท่านทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวล ยังจำได้อยู่ทุกวันนี้เลยครับ

 

พี่โชคดีจังครับ ใด้พบพ่อหลวงด้วย.....
ส่วนถุงโชคดี...ผมก็ทันครับ....ด้านหลังมีตารางหมากฮอสด้วย...หุหุ

 

ขอบคุณสำหรับเรื่องราว เรื่้องเล่าที่สนุก น่าติดตาม มีเนื้อหา สาระมากค่ะ

เป็นกำลังใจให้ในการเขียนนะคะ รอเรื่องเล่าต่อไปอยู่ค่ะ

อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

...ขอบคุณครับ..คุณTrirut..คุณNarrogate..คุณโอ ท่าซุง..คุณ๑๕ค่ำ
คุณ Lynn@nice.....คุณSpecialized...............................
ขอบคุณและยินดีต้อนรับ..คุณ ดาวจรัสแสง.......................คุณ
กำธร นครปฐม(ผมเกิดปี ๒๔๙๗ ปีมะเมียครับ)...ที่..ชม..ให้กำลังใจ..
และติดตามอ่าน..รวมทั้ง..ท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกันตลอด......
..........ก็เข้าเลยครับ..กรุงเทพ..ยุค..คลาสสิค..............
....ใหญ่รองมาจาก..ซอยอโศก...คนอยู่กันแน่น..ก็รองมาจาก..ซอยอโศก
...ความลึก..ก็ใกล้เคียงกัน..นี่เลยครับ..ซอยทองหล่อ(พวกชอบหัวปลา
หม้อไฟ..ก็..ที่ปากซอย)...ซอยนี้..คนที่อยู่ก็รวยน้อยกว่า..อโศกหน่อย..
แต่ที่ปากซอยนี่..มีตลาดมาตั้งแต่แรก...ที่เหนือกว่า..ซอยอโศก..ก็คือ..มี
ร้านขายผลไม้ร้านหนึ่งที่พิเศษ..เป็น..๑ใน๒..(อีกร้าน..อยู่ข้างๆโรงพยา
บาลวชิระติดถนนสามเสน...ไม่ได้เป็นอะไรกัน..แต่มีความเหมือนกันบาง
อย่าง)ที่เมื่อ ๔๐ ปีก่อนขึ้นไป..สามารถหาซื้อทุเรียนกินได้ทั้งปี..ในโลก
ใบนี้..ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่เป็นเรื่องจริง..ขนาดอยู่เมืองนนท์เองยัง
หากินไม่ได้..เพราะต้องเอามาส่งที่..๒ ร้านนี้เท่านั้น..คนรุ่นนี้อย่า
เพิ่ง..งง..สมัยนั้นทุเรียนดี..มีที่นนทบุรีท่านั้น..แถว..จันท์..ระยอง
..เพิ่งปลูก..สู้กันไม่ได้..และสมัยโน้น..ทุเรียน..ออกปีละครั้งเท่านั้น
จะมีไม่กี่ต้น..ที่เป็นทวาย...และสมัยก่อนพันธุ์ที่เป็นอันดับ ๑..ก็คือ
..ก้านยาว...ก้านยาวอร่อยที่สุดในโลก..ต้องที่เมืองนนท์..ปลูกยก
ร่อง..ปุ๋ยใบทองหลาง..ไม่ต้องใส่อะไรเพิ่ม..อร่อยเป็นที่ ๑ จนทุก
วันนี้..แม้จะเหลืออยู่ไม่กี่ต้นก็ตาม...แล้วคุณคิดว่า..ถ้าเมียคุณแพ้ท้อง
..อยากกิน..ก้านยาว..นอกฤดู...จะต้องเสียเงินมากขนาดไหน..ถ้าต้องมา
ที่ร้านนี้..................ถัดออกไปอีก...ก็..ซอยเอกมัย..ที่เป็นซอยค่อน
ข้างใหญ่..มีถนนลาดยาง..อย่างดี..มีคนอยู่มากพอสมควร..ฝั่งตรงข้าม
ก็..สถานีขนส่งภาคตะวันออก..วิ่ง..กันไปถึงตราด..แต่เ้ส้นทางวิ่งสมัยก่อน
(..อย่าลืม...ว่า..ยุคนั้น..ไม่มีถนนบางนา-ตราด..ถนนศรีนครินทร์)...
...ทุกสาย..จะวิ่งบนถนนสุขุมวิท(สายเก่า)..คือ..วิ่งตรงไป..ผ่าน..สำโรง
...ตรงไปจนเกือบเข้าตัวเมืองปากน้ำ..แล้วเลี้ยวซ้ายที่..คุก..แล้วก็วิ่งผ่าน
..บางปู..ผ่าน..สถานตากอากาศบางปูของทหารบกทีขึ้นชื่อลือชาในยุคนั้น
..ขาลีลาศ..ทุกคน..ต้องเคยไป..เสาร์-อาทิตย์..ฟลอร์แน่นเปรี้ยะ..ขนาด
ต้องเสียเวลานั่งรถไปเป็นชั่วโมงๆ..ก็ต้องไป................
..........ข้างๆสถานีเอกมัย..ตอนนั้น...ยังไม่มี..ท้องฟ้าจำลอง..โรงเรียน
ปทุมคงคา..เพิ่งจะย้าย..ออกมาจาก..วัดปทุมคงคา(วัดสำเพ็ง)..ใหม่ๆ
..วิ่งบนถนนสุขุมวิท..เลยซอยเอกมัย..แป๊บเดียว..ซ้ายมือ..ก็เป็นวัด...
ธาตุทอง..ซึ่งสมัยก่อน..ตรงที่เป็น..ลานจอดรถนี่เป็นต้นไม้ครึ้มไปหมด..
..วัดธาตุทอง..จะเรียกว่าย้ายมาก็ได้..เพราะที่เดิม..อยู่คลองเตยที่เป็น..
การท่าเรือปัจจุบัน..เดิมชื่อ..วัดทอง..ก็..อยู่ใกล้ๆกับ..วัดเงิน..ที่เป็น..
เจ้าของ..พระกรุวัดเงินที่ขึ้นชื่อ..แต่ที่วัดทอง..ตอนย้ายไม่พบอะไร...
..สองวัดครับ..ที่ต้องย้าย..วัดทอง..ย้ายมา..ที่สุขุมวิท..เป็น..วัดธาตุทอง
..วัดเงิน..ย้ายมาก้น..สาธุประดิษฐ์..ใกล้สวนลินจี่..ของกรุงเทพที่ขึ้นชื่อ
(ถนนนางลิ้นจี่..ได้ชื่อมา..จากสวนลิ้นจี่)..เป็น..วัดไผ่เงิน....
..ผมจะบอกให้ว่า..ในยุคนั้น..ลิ้นจี่สีแดงเข้ม..หวาน..อมเปรี้ยวนิดๆ...ที่
เป็นยอดนิยม..กินกัน..ก็มาจาก..สวนลิ้นจี่ที่นี่..กับ..บางส่วนที่..แม่กลอง
........เอาละครับวันนี้..จบที่วัดธาตุทอง...ไว้ต่อ..ตอนหน้า..............
.................................................................................
.....กลับมาเข้าเรื่องของผมต่อ...สมัยช่วงปี๒๕๐๖..เกิดเหตุการณ์อย่าง
หนึ่งขึ้น..แล้วผมยังเสียดายจนทุกวันนี้..อันรับรองว่าเป็นจริงอย่างแน่นอน
..เหลือเชื่อมาก..แต่คุณไม่เชื่อ..ผมก็ไม่ว่า..เพราะมันเหลือที่จะเชื่อได้
.............บ้านพ่อผม..เป็นบ้านตำแหน่งที่อยู่ใน..กรมทหารราบที่ ๑๑
รักษาพระองค์...กว้างขวางใหญ่โต..มีสระ..ขนาดใหญ่ ๓ สระ..สระเล็ก
๑ สระ..สนามหญ้าขนาดใหญ่..ประมาณ ๑ ไร่..แทบไม่ต้องวิ่งไปไหน..
วิ่งในบ้าน..ก็ อ้วกแล้ว..เนื่องจากมีเนื้อที่มาก..พ่อก็กลัว..มันจะโล่ง..ไร้
ชีวิตชีวา..พ่อจึง..เอา..ไก่..มาเลี้ยง..มี..ประมาณ ๓๐ กว่าตัวได้..ปล่อย
อิสสระ...หากินตามสนามหญ้า..โปรยข้าวปลือกเลี้ยงบ้าง..ตามอารมณ์
..กลางคืนก็มีต้นไม้ขนาดใหญ่..ยักษ์..หลายต้น..ให้ไก่บินขึ้นไปนอน...
ตามคาคบ..ไม่ต้องแย่งกัน...แบ่งเป็น..๓..ฝูง..๓..พันธุ์..มี..เรดฮอร์น
..ไก่ชน..และ..ไก่เตี้ย(..ไก่แจ้ตัวเล็ก..และ..เตี้ย..)..ข้อดีของที่กว้างก็คือ
ให้..ไอ้พวกเรดฮอร์น..กับ..ไก่เตี้ย..ได้มีที่ำสำหรับ..วิ่งหนี..ไก่ชน...มัน
ก็ออกลูก..ออกหลานกัน..ขนาดแบ่งเอา..ไข่ไปกินมั่ง..ยังมีเพิ่มเรื่อยๆ..
..ปรากฎ..ว่ามีไก่แปลกอยู่ ๑ ตัว..พันธ์เตี้ย..มันเป็นไก่ตัวเมีย..แต่มี....
ลักษณะ..ที่เหมือน..ตัวผู้..คือมีหงอน..ใหญ่และยาวใกล้เคียงกับตัวผู้..
ส่วนหางค่อนข้างยาว..มีขนกรวย(ขนหางส่วนที่ยาวโค้ง..ของไก่ตัวผู้)...
เหมือนกัน..แต่ไม่ยาวและโค้งเท่า..ขนสีดำขลับทั้งตัว(แบบตัวเมีย)..รูป
ทรง..ก็แบบตัวเมีย..แต่มีเดือยออกมา..หน่อยๆ..มันชอบอยู่ตัวเดียว...
ไม่มีสังคม..ไม่เคยเห็นว่ามีตัวผู้มาทับ(..เพราะผมเห็นว่ามันแปลก..ก็เลย
เฝ้าสังเกตมันอยู่เรื่อยๆ)....แล้วอยู่มาวันหนึ่ง..มันก็...ออกไข๋..แล้วมันก็
กก..อยู่อย่างนั้นเป็น..เกือบ ๒ อาทิตย์..ผมสงสาร.ถ้าอยู่..ผมจะเอาข้าว
เปลือก..น้ำไปให้มัน..วันที่ไปเรียนหนังสือก็บอก..แม่ครัวให้ทำแทนให้..
..ไข่รุ่นๆเดียว..กันเค้ากลายเป็นไอ้เจี๊ยบ..วิ่งกันปร๋อไปตั้งนานแล้ว...แต่
ไอ้นี่..เงียบฉี่..จนวันหนึ่งมันก็..เบื่อ..แล้วก็..เลิกกก..ตอนนั้นผมเด็ก..
ผมไม่รู้ว่า..ต้องมีตัวผู้มาทับ..มันถึงจะ..กลายเป็นไอ้เจี๊ยบได้..ผมก็เฝ้า
ทะนุถนอมไม่..เคยไปเลิกท้องมันดูไข่เลย..ลืมบอกไปอีกอย่างหนึ่งคือ..
ตัวมันเล็กกว่าไก่ตัวเมียทั่วไปด้วย..หลังจากมันทิ้งรัง..ผมก็ไปดู..ปรากฎ
ว่า..มีไข่อยู่..ฟองเดียว..ขนาดเล็กกว่า..ไข่ไก่เตี้ยทั่วไป(ไข่ไก่เตี้ย..จะ
เล็กกว่า..ไข่แจ้)..ขนาดฟอง..พอๆกับ..ไข่นกกระทา..สีสัน..ก็เหมือนกับ
ไข่ไก่นี่แหละ..แต่พอผมหยิบขึ้นมา..ผมก็ต้องแปลกใจ..เพราะ..มันหนัก
..หนัก..พอๆกับ..ไข่ไก่ธรรมดา..ทั้งๆที่ขนาดต่างกันลิบ..ผมอยู่กับ
ไก่..เก็บไข่ไก่มา..ไม่น้อย..ก็คุ้น..กับ..น้ำหนักมันดี...ผมก็เลยมา..
เขย่า..ปรากฎว่า..ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ..แบบไข่ทั่วไป...
......ผมก็เลยเก็บใส่มือ..เดินมา..แต่สิ่งผมไม่เคยใหอภัยตัวเองจน
ทุกวันนี้..คือ..เอาไข่..มาเดาะเล่นในมือ..ซึ่งผมว่าเด็กๆที่ไหนเขา
ก็ชอบ..เดาะของในมือเล่น..ทั้งนั้น..แล้วบังเอิญ..ทางเดินไปตัว
บ้านใหญ่..เป็นปูนซีเมนต์..ผมเดินไป..เดาะไข่ไป..ใกล้จะถึง..ประตู
อยู่แล้ว..บังเอิญพลาด..ไข่ร่วงลงพื้นปูน..ปรากฎว่า..มันแตก..
ไปครึ่งหนึ่ง..เศษที่แตกกระจายที่พื้น..มันเป็นลักษณะเดียวกับ..
การที่คุณทำ..แก้วน้ำก้นหนาๆ..หล่นพื้น..เศษของมัน..เป็น..เสี้ยว..
..เว้า..แหลม..และมันแผลบ..มันคือแก้วดีๆนี่เอง..ซึ่งผมคุ้นตา...
เพราะทำแตกบ่อย..ผมแปลกใจ..หยิบ..ส่วนที่แตกเป็นเสี้ยวดูมัน..
แข็ง..และดูน่ากลัวเหมือนแก้วแตก..พอผมไปหยิบชิ้นใหญ่ที่เหลือ
ประมาณครึ่งหนึ่ง..ก็ได้เห็นว่า..ส่วนที่เป็นเปลือก..ก็เหมือนเปลือก
ไข่ปกติ..และแยกส่วนกับข้างใน..ส่วนที่เป็นแก้วก็คือ..ไข่ขาวและ
ไข่แดง..ที่เห็นได้ชัดเจน..เพราะมันก็แยกตัวกันอย่างชัดเจน..ไข่
ขาวหุ้มไข่แดง..ผมเอาไเล็บไปขูดๆตรงที่เห็นเป็นไข่แดง..มันยังมี
เสี้ยวเล็กๆขูดเล็บผมติดกับผิว..เลย..ขณะผมกำลังพิจารณา.....
ผมก็ได้ยิน.เสียงรถที่แม่ขับ..กลับมาจากตลาด..แม่ผมเป็นคนที่ดุ
มากๆอย่างที่..ผมเคยเล่าไปแล้ว..ผมโดนตีบ่อยมากเรื่องทำของพัง
..เพราะความซน..ผมก็ไม่ลังเลเลย..ที่จะรวบทุกอย่างที่อยู่ที่พึ้น..
..แล้ว..ก็วิ่งไปหลังบ้าน..ที่มี..สระเล็กอยู่..แล้วโยนทุกอย่าง..ลงไป
ในสระ..เพื่อทำลายหลักฐาน..ความซน..ที่ทำของเสียของผม....
..ผลของมันคือ..เศษไข่ที่แตก..มันบาดมือผม..ต้องปากดูดเลือด
..แล้วหลบๆซ่อนๆแม่..ไม่งั้นโดนถามอีกว่า..ซนไปเล่นมีด..ไม่วาย
ถูกตีอีก...................ตอนนั้นผมก็ไมู่้รู้ว่ามันเป็น ๑ ใน ล้าน ที่จะ
เกิดขึ้นได้..คิดแต่เพียงว่ามันแปลก...มารู้เอาตอนโตแล้ว..เริ่มตะ
หงิด..ตอนเรียน..วรรณคดีไทย..ขุนช้าง-ขุนแผน..ตอนที่ขุนช้าง
แต่งตัว..แล้วพกเครื่องราง..พอผมอ่านเจอคำว่า.."ไข่เป็ดหิน...
ขมิ้นผง.."..ผมก็กลับมานึกถึง..ไข่ใบนั้น...หลังจากเริ่มศึกษาเรื่อง
..ของขลังที่เกิดขึ้นเอง..โดย..ธรรมชาติ..เช่น..ขนุนทองแดง..
ผม..ก็..ถึง..บางอ้อ..ด้วยประการฉะนี้..อีกอย่างหนึ่งคือ..อีไก่
กระเทยตัวนั้น..มันไม่เคย..ออกไข่อีกเลย..จนตาย
.....................ก็รับรู้ไปเล่นๆเพลินๆ..นะครับ..เพราะมันไม่มีโอกาศที่
จะเกืดกับผมอีก..แค่รู้สึกเสียดาย..และอีกอย่างผมคิดว่า..ผมก็คงมีบุญ
ไม่พอที่จะครอบครอง....
............ขอบคุณครับทุกท่านที่ติดตามอ่านกัน..ตอนนี้..ก็เป็นเรื่องเบาๆ
...ไว้..ต่อกัน..ตอนหน้า....ขอบคุณ..ครับ...
......................................สว้สดี.................................

 

กำลังอยากจะรู้เรื่องไข่หินอยู่เลยค่ะ คงจะเหมือนพวกคต ที่เป็นธาตุกายสิทธิใช่ไหมค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ

 

ตามอ่านอยู่อย่างสม่ำเสมอค่ะ แต่ไม่ค่อยได้เขียน ราตรีสวัสดิ์นะค่ะคุณลุง น้ำไปเล่นแชทแระ

 

ตามมาให้กำลังใจน้าอีกเหมือนเดิมครับ...ผมเพิ่งรู้ว่าน้ามาเปิดกระทู้เล่าเรื่องใหม่อีกติดตามเรื่อยๆครับผม

 

ตามมาให้กำลังใจน้าอีกเหมือนเดิมครับ...ผมเพิ่งรู้ว่าน้ามาเปิดกระทู้เล่าเรื่องใหม่อีกติดตามเรื่อยๆครับผม

 

ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวดีๆๆมีสาระ กำลังสนุกเลย รอตอนต่อไปครับ ^^

 

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องีราวดี ๆ
จะรออ่านตอนต่อไปนะครับ

 

ไข่หินน่าสนครับ น่าแปลกดีนะครับ

 

ขอบคุณครับ...

 

รอฟังเรื่องดี ๆ อยู่นะค่ะคุณลุง