พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์พระอนาคตวงศ์ (๙)

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​
    ขอน้อมกราบขอขมาพระรัตนตรัยอันประเสริฐยิ่ง ขอน้อมอารธนาบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ขอพุทธานุญาตินำเรื่องราวเกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตกาลเบื้องหน้า เพื่อน้อมถวายบุญกุศล อธิษฐานจิตกราบโมทนาคุณความดีอันประมาณมิได้นั้น

    อุเทศที่ ๙ : พระติสสสัมมาสัมพุทธเจ้า

    [​IMG]
    (f) สมเด็จพระจอมโมลีศรีสรรเพชรพุทธเจ้าของเรา ตรัสแก่พระสารีบุตรเถรเจ้าว่าในเมื่อสิ้นศาสนาพระนรสีหะแล้ว แผ่นดินมัณฑกัปป์ก็เกิดไฟประลัยโลก พินาศสังหารผลาญล้างโลกให้ฉิบหาย จนเกิดกัปป์ตั้งแผ่นดินขึ้นมาใหม่ในกาลนั้นเป็นสุญญกัปป์แผ่นดินหนึ่ง ในเมื่อสุญญกัปป์ฉิบหายล่วงแล้ว และเกิดแผ่นดินขึ้นใหม่มีนามชื่อว่ามัณฑกัปป์อีกเล่า พระเจ้า ๒ พระพุทธองค์จะบังเกิดในมัณฆกัปป์นั้น คือ ช้างนาฆาคีรีหัตถี ที่พระเทวทัตต์ให้พระเจ้าอชาตศัตรู ปล่อยออกมาปรารถนาจะให้แทงองค์สมเด็จพระพุทธเจ้านั้น ก็เป็นบรมโพธิสัตว์สัพพัญญูเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามชื่อว่าพระติสสสัพพัญญู คือช้างปาลิไลยหัตถีนั้นตัวหนึ่ง ก็เป็นบรมโพธิสัตว์จักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามชื่อว่าพระสุมงคล พระพุทธเจ้าสองพระองค์นั้นได้ตรัสในมัณฆกัปป์อันเดียวกัน

    [​IMG]
    (f) แต่ช้างธนบาลหัตถี คือนาฬาคีรีนั้น จักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าก่อนทรงพระนามชื่อว่าพระติสสสัพพัญญูพุทธเจ้า เมื่อพระติสสสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสนั้น พระองค์มีพระบวรกายสูงได้ ๘๐ ศอก ไม้ไทรเป็นไม้พระศรีรัตนมหาโพธิมีพระชนมายุยืนได้ ๘ หมื่นปีเป็นกำหนด พระพุทธรัศมีสว่างเสมอดังเปลวเพลิงอันสุกรุ่งเรืองยังดลกธาตุทั้งปวงให้สว่างไป สิ้นทั้งกลางวันกลางคืน พระพุทธรัศมีที่พุ่งผุดผ่องออกจากพระสรีรกาย เป็นเกลียวอันเดียวกัน แล้วก็แตกออกไปเป็นสีต่าง ๆ ก็มีพระพุทธรัศมีอย่างหนึ่งเวียนเป็นทักขิณาวัฏฏ์ เวียนขวาขาวดุจสีสังข์ พระพุทธรัศมีอย่างหนึ่งปรากฏเป็นพุ่มกลุ่มออกไป เปรียบประดุจเศวตฉัตรก็มี พระพุทธรัศมีพุ่งพวยเรียวรีดเร็วออกไปนั้น เปรียบเหมือนชายธงก็มี พระพุทธรัศมีที่ออกจากพระสรีรกาย แล้วล้อมพระองค์ไว้นั้นห้อยย้อยแพรวพราวเป็นสายงาม ประดุจดังว่าระบายสายเศวตฉัตรประมาณพันหนึ่งก็มี ตกว่าพระพุทธรัศมีทั้งหลายที่ออกจากพระสรีรกายนั้น ดูเป็นช่อพัวพันพระองค์อยู่โดยรอบคอบ ควรจะเกิดมหัศจรรย์ยิ่งนัก

    [​IMG]
    (f) ครั้งนั้น ด้วยเดชาพระพุทธานุภาพ เกิดไม้กัลปพฤกษ์ขึ้นมา ให้สำเร็จประโยชน์แก่หมู่มนุษย์ทุกสิ่งทุกประการ มิได้ขัดสนได้บริโภคเลี้ยงชีวิตประดับประดาสรรพาภรณ์ทั้งหลายทั้งปวงเป็นผาสุกภาพโดยสะดวกฯ

    (f) ดูก่อนสำแดงธรรมเสนาสารีบุตร อันว่าช้างนาฬาคีรีหัตถีบรมโพธิสัตว์นั้นได้กระทำกุศลสร้างพระบารมีมาเป็นอันมากอยู่แล้ว แต่กองพระบารมีครั้งหนึ่งปรากฏเป็นยอดยิ่งพระบารมีเป็นปรมัตถคุณอันล้ำเลิศประเสริฐในโลกนี้ มีพระพุทธฏีกาฉะนี้แล้วจึงนำซึ่งอดีตนิทานมาตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า

    [​IMG]
    (f) อตีเต กาเล ในอดีตกาลล่วงลับไปแล้วช้านาน เมื่อครั้งศาสนาพระโกนาคมนเจ้านั้นช้างนาฬาคีรีหัตถีตัวนี้เป็นพระราชโอรสผู้ใหญ่แห่งสมเด็จบรมกฏัตริย์พระองค์ ๑ ทรงพระนาม ชื่อว่าพระยาธรรมราชผู้ประเสริฐ เสวยศิริราชสมบัติในจัมปากนคร บรมกษัตริย์พระธรรมราชนั้น มีพระราชโอรสผู้ชาย ๕ พระองค์ ช้างธนบาลหัตถีนาฬาคีรีตัวนี้ เป็นบรมโพธิสัตว์ ได้เป็นพระราชโอรสผู้ใหญ่มีนามชื่อว่า ธรรมเสนกุมารองค์ ๑ น้องรองลงไปชื่อว่าภัททกุมารองค์ ๑ ชื่อว่ารามกุมารองค์ ๑ ชื่อว่าปมาทกุมารองค์ ๑ ชื่อว่าธัชชกุมารองค์ ๑ เป็นพระราชกุมาร ๕ พระองค์ด้วยกัน น้องรองลงไปชื่อว่าธัชชกุมารองค์ ๑ เป็นพระราชกุมาร ๕ พระองค์ด้วยกัน ครั้งนั้น สมเด็จพระราชบิดา สั่งให้พระราชโอรสทั้ง ๕ พระองค์นั้น ให้ไปเรียนศิลปศาสตร์ในสำนักแห่งทิศาปาโมกขอาจารย์ ณ เมืองตักศิลา พระราชกุมารทั้งหลายก็ไปเรียน ได้วิชชาศิลปศาสตร์คนละอย่างละอย่าง เจ้าธรรมเสนกุมารผู้เป็นพระเชษฐาพี่ชายใหญ่นั้น รู้วิชชาการกล่าวแก้ในทานและศีลเป็นศิลปศาสตร์ฯ เจ้าภัททกุมารนั้น รู้วิชชาศรธนูอันมีพิษเป็นศิลปศาสตร์ฯ เจ้ารามกุมารนั้นรู้วิชชาดอกไม้ไฟเป็นศิลปศาสตร์ฯ เจ้าปมาทกุมารนั้น รู้วิชชาช่างทองเป็นศิลปศาสตร์ฯ เจ้าธัชชกุมารนั้น รู้วิชชามนต์บำราบอสรพิษ เป็นศิลปศาสตร์ฯ อันว่าพระราชกุมารทั้ง ๕ พระองค์เรียนได้ชำนิชำนาญแล้ว ก็ลาอาจารย์ออกจากเมืองตักศิลา มาถึงกรุงจัมปากนครแล้ว ก็เข้าไปยังสำนักสมเด็จพะราราชบิดา ถวายบังคม แล้วจึงกราบทูลสำแดงศิลปศาสตร์แห่งตนที่เรียนมา ถวายแก่สมเด็จพระบิดาต่าง ๆ กัน สมเด็จพระบิดาได้ทัสสนาเห็นศิลปศาสตร์ของพระราชโอรสก็ดีพระทัยนัก ตรัสสรรเสริญพระราชกุมารทั้งหลาย แล้วก็พระราชทานบำเหน็จรางวัลให้พระราชโอรสตามสมควร อยู่จำเนียรกาลมาพระราชโอรสมีวัยเจริญขึ้น สมควรที่จะครอบครองศิริราชสมบัติได้แล้ว ส่วนสมเด็จพระราชบิดานั้น ทรงคิดว่าเรามีความเสนหาในลูกทั้งหลาย ลูกทั้งหลายเมื่ออยู่พร้อมกันทั้ง ๕ คนนี้ แม้เรายกสมบัติให้แก่ลูกผู้ใดแล้ว ลูกทั้งหลายที่ไม่ได้ราชสมบัติ ก็จะเกิดรบพุ่งฆ่าฟันกันชิงเอาราชสมบัติเป็นอันแท้ ด้วยว่าราชกุมารทั้งหลายนี้ ล้วนมีศิลปศาสตร์เรียนมาแต่สำนักอาจารย์ทั้งสิ้น ถ้าชาวเมืองทั้งหลายอื่น ๆ สรรเสริญซึ่งศิลปศาสตร์ของกุมารคนใดแล้ว เราก็จะยกศิริราชสมบัติให้แก่กุมารคนนั้น เมื่อพระองค์ทรงจินตนาดังนี้แล้ว ก็สั่งให้จัดแจงแต่งนาวาไว้พร้อม จึงได้หาพระราชกุมารทั้ง ๕ พระองค์มา แล้วตรัสว่าดูก่อนเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นลูกรักของบิดา ๆ ได้ทรงทราบว่าเจ้าทั้งหลายเรียนศิลปศาสตร์ได้คนละอย่างต่าง ๆ กัน บิดาก็มีความยินดี บัดนี้เจ้าจงพากันไปในพระนครอื่น แล้วจงสำแดงศิลปศาสตร์ให้มนุษย์ชาวเมืองเห็น ถ้ามหาชนทั้งหลายในเมืองอื่นนั้น กล่าวชมเชยสรรเสริญศิลปศาสตร์ของเจ้าคนใด บิดาจะยกศิริราชสมบัติให้แก่เจ้าผู้นั้น มีพระราชโองการตรัสดังนั้นแล้ว ก็ให้พระราชกุมารทั้งหลายไปในสาคร

    [​IMG]
    (f) เมื่อพระราชกุมารทั้งหลายไปถึงท่ามกลางมหาสมุทร์เข้าแล้ว ฝ่ายพระราชกุมารมีเจ้าภัททกุมารเป็นอาทิ ซึ่งเป็นพระอนุชาแห่งเจ้าธรรมเสนบรมโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ ไม่มีสติปัญญาสำคัญผิดคิดมิชอบ หลงใหลไปในท้องมหาสมุทร์ ครั้งนั้น เจ้าภัททกุมารเข้าใจว่า ลูกศรอันมีพิษที่อาจารย์สั่งสอนมานั้นว่า มีอยู่ในภายใต้ท้องพระมหาสมุทร์ โดยคิดว่าเราจะโจนลงไปในน้ำสำแดงศิลปศาสตร์ภายใต้มหาสมุทร์ มีชัยชนะได้ลูกศรมีพิษขึ้นมา เมื่อพระบิดาได้ทรงฟังว่า เรามีชัยก็จะยกศิริราชสมบัติให้แก่เรา เจ้าภัททกุมารคิดดังนี้แล้ว ก็โจนลงไปในท้องมหาสมุทร ครั้งนั้นมหามัจฉาปลาใหญ่ก็กินกุมารนั้นเสียฯ

    [​IMG]
    (f) ครั้นสำเภาแล่นไปในเบื้องหน้า จนถึงเวลาเที่ยงคืน น้ำในท้องมหาสมุทรเป็นสีพราย เปรียบเหมือนดอกไม้ไฟ เจ้ารามกุมารสำคัญในใจว่า เพลิงดอกไม้ไฟนั้นมีอยู่ในท้องมหาสมุทร์ ถ้าและเราลงไปได้ขึ้นมา ทราบถึงพระบิดา ก็จะยกศิริราชสมบัติให้แก่เรา คิดแล้วก็โจนลงไปในท้องมหาสสมุทร์ปลาใหญ่ก็กินกุมารนั้นเสียฯ

    (f) ครั้นเวลารุ่งสว่างขึ้นมาถึง ตะวันเที่ยงสำเภาแล่นไป เจ้าปมาทกุมารนั้นเห็นดวงพระอาทิตย์ปรากฏในท้องมหาสมุทร์ ก็สำคัญว่าทองคำเนื้อบริสุทธิ์ปราศจากราคีมีอยู่ในน้ำ เราลงไปดำเอาขึ้นมาได้ เห็นว่าชัยชนะจะพึงมีแก่อาตมา พระบิดาทรงทราบแล้ว ก็จะยกศิริราชสัมบัติให้แก่เราคิดแล้วก็โจนน้ำดำลงไปในน้ำ ปลาใหญ่ก็กินกุมารนั้นเสียฯ

    [​IMG]
    (f) สำเภาแล่นไปอีก จนถึงเมืองหนึ่งเข้า เจ้าธัชชกุมารนั้นขึ้นไปในเมืองเพื่อจะสำแดงศิลปศาสตร์ของตน จึงร่ายมนต์แล้วก็แปลงกายเป็นอสรพิษเลื้อยไปในท่ามกลางมหาชนทั้งหลาย ชาวเมืองเห็นงูร้อยเลื้อยมาดังนั้น ก็ชวนกันกลุ้มรุมตีด้วยไม้ค้อนก้อนหิน กระทำให้ฉแบหายตายอยู่ในที่นั้นฯ

    [​IMG]
    (f) ตกว่าพระราชกุมารทั้งสี่ตายสิ้นด้วยศิลปศาสตร์ของอาตมาอันหาปัญญาสำคัญมิได้ ด้วยคิดวิปลาสผิดไป ก็ได้ซึ่งความฉิบหายดังนั้น ยังเหลืออยู่แต่เจ้าธรรมเสนกุมารผู้เป็นพี่ชาย อาศัยอยู่ในเมืองนั้น ยังมีพระฤาษีทั้งหลายประมาณ ๘ หมื่นมาแต่ป่าพระหิมพานต์ เหาะมาโดยอาศเวหาลงในเมืองนั้นแล้วก็เข้าไปโคจรบิณฑบาตในท่ามกลางเมือง เจ้าธรรมเสนกุมารทัสสนาเห็นมาแต่สำนักตักศิลา ก็เรียนมามากอยู่แล้ว ยังไม่เหาะไปในอากาศได้ พระดาบสทั้งหลายถามว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้านี้เหาะได้ด้วยเหตุดังรือ พระดาบสทั้งหลาย จึงตอบว่า ดูก่อนมาณพ พระฤาษีทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมไปอาศัยอยู่ในมหาวันราวป่าใหญ่แล้ว ก็ได้ซึ่งวิชชาการเหาะได้ในอากาศ เหตุดังนั้น เราจึงได้มาถึงเมืองนี้ฯ เจ้าธรรมเสนกุมารจึงว่า ข้าพเจ้าก็มีศิลปศาสตร์เชี่ยวชาญชำนาญอยู่ ในเมืองจัมปากนคร หาผู้จะเสมอมิได้เหตุไรข้าพเจ้าจึงมิอาจเหาะไปได้ฯ ถ้าข้าพเจ้ารู้วิชชาศิลปศาสตร์เหาะได้ด้วยอุบายของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะขอเป็นทาษพระผู้เป็นเจ้า ๆ จงได้กรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิดฯ

    [​IMG]
    (f) พระดาบสได้ฟังพระราชกุมารดังนั้น ก็มีความเอ็นดูกรุณาแล้ว ก็แสดงอิทธิฤทธิ์พากุมารธรรมเสนนั้นเหาะไปยังป่าพระหิมพานต์ ให้ธรรมเสนราชกุมารบวชเป็นดาบส แล้วก็สอนให้กระทำสมณบริกรรมภาวนาเจริญฌานยังอภิญญาณสมาบัติ ให้บังเกิดบริบูรณ์ได้ซึ่งตาทิพย์รู้จิตต์ผู้อื่นระลึกชาติหนหลังได้ ทรงอิทธิฤทธิ์เป็นศิลปศาสตร์อันประเสริฐ พระดาบสธรรมเสนนั้นได้ซึ่งของอันวิเศษแล้ว ก็คิดว่าเราจะไปแสดงศิลปศาสตร์ให้พระราชบิดาเห็นเป็นอัศจรรย์ คิดแล้วก็ลาพระดาบสแล้ว ก็เข้าฌานกระทำอิทธิฤทธิ์เหาะมาในอากาศเวหา มีหน้าฉะเพาะเมืองจัมปากะฯ

    [​IMG]
    (f) ครั้นถึงแล้วชาวเมืองเห็นพะรดาบสธรรมเสน ก็ชวนกันสรรเสริญยิ่งหักหนา ฝ่ายพระธรรมเสนดาบสก็เข้าไปสู่สำนักพระราชบิดา พระธรรมราชาธิราช ทอดพระเนตรเห็นพระโอรสทรงเพศเป็นบรรชิตดาบสเข้ามาหาดังนั้นก็บังเกิดความเสน่หาเป็นอันมาก ยังพระธรรมเสนดาบสราชโอรส ให้นั่งบนตักแล้ว ก็ตรัสไต่ถามประพฤติเหตุทั้งปวงว่า ดูก่อนพ่อ พระกนิษฐานทั้ง ๔ คนนั้นไปอยู่ในที่ดังรือ จึงมาแต่พ่อผู้เดียวดังนี้ฯ พระดาบสธรรมเสนจึงเล่าความแต่หนหลัง ตั้งแต่ต้นจนอวสานให้พระบิดาฟัง สิ้นทุกสิ่งทุกประการฯ สมเด็จพระเจ้าธรรมราชาธิราชได้ทรงฟัง จึงตรัสว่า ดูก่อนพ่อธรรมเสนผู้ลูกรัรกบัดนี้บิดาแก่ชราอายุมากแล้ว บิดาจะยกศิริราชสมบัติมิ่งมไหศวรรย์เศวตฉัตรมอบให้ในกาลบัดนี้ ฯ เมื่อพระธรรมเสนดาบสได้สดับฟังพระบิดาตรัสดังนั้นก็รับเอาศิริราชสมบัติไว้ตามพระบิดาให้ฯ

    [​IMG]
    (f) จึงมีคำโจทย์เข้ามาว่า พระธรรมเสนดาบสนั้น ทรงเพศบรรพชิตสำเร็จอิทธิฤทธิ์อภิญญาณสมาบัติ ทุกประการอยู่แล้ว เหตุไรเล่า จึงรับเอาศิริราชสมบัติในครั้งนี้ฯ พระอรรถกาจารย์เจ้าผู้เป็นปราชญ์วิสัชชนาแก้ว่าพระธรรมเสนนั้น เป็นหน่อพุทธางกูรจะใคร่ก่อสร้างพระบารมีแสวงหาพระโพธิญาณ ถ้ายับยั้งอยู่ด้วยเพศดาบสบรรพชิตดังนี้แล้ว ก็มิอาจจะกระทำทานมหาบริจาคอันใดได้ ด้วยไม่มีบุตรภรรยายอดรัก ข้าทาษหญิงชาย และโคมะหิงส์ช้างม้าราชรถ สรรพสิ่งทั้งปวงซึ่งจะสละเป็นมหาบริจาค แม้อยู่เป็นฆราวาสประกอบไปด้วยบุตรภรรยาแล้ว จึงอาจสามารถยังมหาทาน ให้บังเกิดกองการทานบารมี เป็นปรมัตถมงกุฏได้โดยสะดวก เหตุดังนั้น พระธรรมเสนดาบสบรรพชิตบรมโพธิสัตว์ จึงรับเอาศิริราชสมบัติที่สมเด็จพระราชบิดายกให้ฯ

    [​IMG]
    (f) ครั้งนั้นพระบรมโพธิสัตว์ธรรมเสนาก็เปลื้องเครื่องบริขารบรรพชิตออกเสียจากสรีรกายทรงเพศเป็นคฤหัสถ์แล้ว ก็กล่าวประกาศเป็นถ้อยคำอธิษฐานดูก่อนอัฐบริขารผู้เจริญเอ๋ย ท่านจงไปยังสำนักพระดาบสทั้งหลายเถิด ในขณะขาดคำอธิษฐานแห่งพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ครั้งนั้นเครื่องบริขารทั้ง ๘ ก็ปลิวลอยไปในอากาศเวหา ลงยังสำนักแห่งพระดาบสทั้งหลาย

    [​IMG]
    (f) ส่วนสมเด็จพระธรรมราชาธิราชผู้เป็นพระบิดา ก็ให้ตีกลองร้องป่าวชาวพระนครให้มหาชนทั้งหลายสันนิบาตประชุมพร้อมกันแล้ว จึงกระทำอภิเษกสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ผู้เป็นพระราชโอรส กับด้วยนางลัมภุสสราชเทวีเป็นอัครมเหสี ครอบครองกรุงจัมปากมหานครเป็นสุขสำราญมาจนพระราชเทวีอัครมเหสีทรงพระครรถ์ ถ้วนทศมาศก็คลอดพระราชบุตร เมื่อพระราชบุตรบทจรยกย่างไปถนัดแล้ว นางก็ทรงครรภ์อีกประสูติพระราชธิดา ลำดับนั้นพระเจ้าธรรมเสนผู้เป็นบรมกษัตริย์แสวงหาพระโพธิญาณ เสด็จด้วยพระราชโอรสทั้งสอง และพระราชมเหสีไปประพาสนอกพระนคร เพื่อจะลงสรงสาครเล่นให้สุขสำราญกับด้วยราชบริวารสาวสนมกรมในทั้งปวง และหมู่มุขมนตรีทั้งหลาย ก็ลงเล่นนำสำราญใจฯ ครั้งนั้นยังมียักษ์ตนหนึ่ง ได้ทัสสนาการเห็นความอยากอยู่ได้ จึงเดินมาสำแดงกายให้ปรากฏฉะเพาะหน้าแห่งพระเจ้าธรรมเสนบรมกษัตริย์แล้ว ก็ร้องขอด้วยคำว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ข้าพเจ้าบัดนี้ มีความปราถนาจะขอรับพระราชทาน ๒ กุมารปิโยราสของพระองค์ พระองค์จงทรงพระกรุณาข้าพเจ้า โปรดเกล้าพระราชทานกุมาร ให้แก่ข้าพเจ้ากินเป็นภักษาหารในกาลบัดนี้เถิดฯ

    [​IMG]
    (f) เมื่อพระเจ้าธรรมเสนบรมโพธิสัตว์ ได้ทรงฟังยักษ์ทูลขอพระลูกรักทั้ง ๒ ปิโยรสดังนั้น ก็เกิดความกรุณาจิตต์ขึ้นมาจึงตรัสว่า ดูก่อนยักษ์ผู้เจริญ ท่านกล่าวถ้อยคำดังนี้เพราะนัก เป็นสุนทรวาจาอันยิ่ง ตรัสแล้วก็เสด็จอุฏฐาการจูงเอาข้อพระหัตถ์กุมารทั้ง ๒ องค์ มาส่งให้แก่ยักษ์ตรัสว่า เชิญท่านมารับเอาปิยบุตรทานของเรา แล้วก็จับเอาพระเต้าทองมาหล่อหลั่งอุทกวารีลงเหนือมือยักษ์จึงตรัสว่า ราชกุมารทั้ง ๒ องค์นี้ ใช่ว่าเราจะไม่มีความเสนหาอาลัยหามิได้ แต่เรามีความรักพระสัพพัญญุตญาณนั้นยิ่งกว่ากุมารทั้ง ๒ ได้ร้อยเท่าพันทวี ด้วยเดชะผลทานของเราที่สละกุมารทั้ง ๒ พรองค์ให้เป็นทานแก่ท่านบัดนี้ ขอให้บังเกิดมีผลเป็นที่สุดถึงพระสัพพัญญูสรรเพชุดาญาณ ในอนาคตกาลเบื้องหน้า ดูก่อนยักษ์ผู้เจริญ ด้วยผลแห่งการทานพระโอรสและพระธิดาเราไม่ปราถนาอินทสมบัติ ไม่ปราถนาพรหมสมบัติ ไม่ปราถนาจักรวรรดิสมบัติ ไม่ปราถนาประเทศราชสมบัติ ไม่ปราถนาอัครสาวกสมบัติ ไม่ปรารถนาปัจเจกพุทธสมบัติ ปรารถนาสัพพัญญุตญาณสมบัติ พระองค์ประกาศแก่ผู้เทพดาเจ้าทั้งหลายแล้ว มหัศจรรย์ก็บังเกิดมีต่าง ๆ นานา เป็นต้นว่าแผ่นดินไหวทั่วโลกธาตุ ฯ

    [​IMG]
    (f) ถามว่า ทำไมแผ่นดินจึงไหวฯ ตอบว่า เพราะลมพัดเป็นเบื้องต้น ในครั้งนั้น น้ำก็จะปั่นป่วน เมื่อน้ำปั่นป่วน แผ่นดินก็โยกโครง ในกาลนั้นเพราะฉะนั้น แผ่นดินจึงไหวฯ ในกาลนั้นมหาสมุครสาครก็นองคลื่นฯ ขุนเขาสิเนโรฏ็โน้มอยดบ่ายหน้าไปทางฝั่งแม่น้ำคงคา อุปมาดั่งยอดหวายฯ เสียงบันลือลั่นเป็นอันเดียวกันได้มีถึงพรหมโลกฯ ท้าวสักกเทวราชได้ให้สาธุการดังก้องฯ ท้าวมหาพรหม ทรงตบพระหัตถ์ฯ เทวดาทั้งปวง ได้พากันให้สาธุการดังสนั่นฯ ฟ้าฝนก็คำรามตกเป็นชั่วขณะฯ สายน้ำที่ไม่ใช่ฤดูกาลก็แลบแปลบปลาบไปในอากาศฯ ฝนแก้วตกทั่วจัมปากนครฯ เสียงดังของกลองใหญ่ได้มีทั่วทิศทั้ง ๔ฯ พวกเทวดา คือ พระยาอสูร พระยานาค พระยาครุฑ พระยาคนธรรพ์เหล่านั้น พากันบูชา ครั้นว่ายักษ์ได้รับพระราชทานแล้ว ก็กินกุมารทั้ง ๒ องค์เป็นอาหาร แล้วก็เข้าไปสู่อรัญญราวป่าฯ

    [​IMG]
    (f) ฝ่ายพระเจ้าธรรมเสนบรมกษัตริย์กันพระราชมเหาสีเสด็จกลับเข้าพระนครฯ ในกาลเมื่อเสด็จถึงประตูเมืองพระองค์ ทอดพระเนตรเห็นบุรุษแก่คนหนึ่งนั่งเป็นทุกข์อยู่ในที่นั้น จึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า เหตุไฉน บุรุษแก่ท่านจึงมานั่งเป็นทุกข์อยู่ในที่นี้ บุรุษจึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐจำเดิมแต่เกล้ากระหม่อมเกิดมา จนอายุยืนถึงเพียงนี้แล้ว บุตรภรรยาก็หามีไม่ข้าพระบาทจึงมานั่งเศร้าโศกอยู่ในที่นี้ฯ พระองค์ได้สดับฟังบุรุษแก่กราบทูล ดังนั้นฯ จึงตรัสว่าเราจะยกพระราชมเหสีให้เป็นทานบารมีอันยิ่งแก่ท่าน ตรัสแล้วก็จับเอาข้อพระหัตถ์พระราชมเหสีลงจากยานุมาศ พาพระนางเข้าไปให้ใกล้บุรุษแก่นั้นตรัสว่า ท่านจงมารับเอาองค์พระราชมเหสีของเราไปงโดยเร็วเถิดเรายกให้เป็นทานแก่ท่านบัดนี้ แล้วก็หลั่งอุทกวารีให้ตกลงเหนือมือบุรุษแก่แล้วก็ประกาศด้วยพระวาจาปรารถนาว่า เดชะผลทานที่เราได้ยกนางลัมภุสสราชเทวีอัครมเหสีให้แก่ท่านครั้งนี้ ขอให้เป็นปัจจัยแก่พระสร้อยสรรเพชุดาญาณเถิดฯ ในกาลครั้งนั้นอัศจรรย์ก็บังเกิดมี แผ่นดินไหวเป็นอาทิ ดุจสำแดงมาแล้วแต่หลังฯ

    [​IMG]
    (f) ครั้นบุรุษแก่ได้รับพระราชทานพระมเหสีแล้วมีวาจาปราศัยกับพระนางว่า ดูก่อนเจ้าผู้เจริญ ตัวของเรานี้เป็นคนแก่เฒ่า อนึ่งเล่าทรัพย์สมบัติทั้งปวงก็ไม่มี ดังรือเจ้าจะอยู่ด้วยพี่ได้ฯ ครั้นพระเจ้าธรรมเสนได้ทรงฟังบุรุษแก่กล่าววาจากับด้วยพระนางดังนั้น จึงทรงคิดว่า เราจะยกราชสมบัติให้กับบุรุษแก่เสีย จะออกทรงบรรพชาเป็นดาบส เห็นว่าจะประเสริฐ ดำริดังนี้แล้วจึงให้หาตัวบุรุษผู้นั้นมา ก็พระราชทานราชสมบัติทั้งปวงให้กับบุรุษแก่นั้นแล้วก็ร้องประกาศตั้งความปรารถนาดุจในหนหลัง อัศจรรย์ก็บังเกิดเหมือนแต่ก่อนฯ แล้วพระองค์ทรงพระอธิษฐานว่า ดูก่อนอัฐขารทั้ง ๘ ประการก็เลื่อนลอยมาตกลงตรงพระพักตร์ ดุจดังว่ามีจิตต์วิญญาณ พระบรมโพธิสัตว์ก็ทรงเพศบรรพชาเป็นดาบส เจริญบริกรรมภาวนา ยังอภิญญาณ ๕ สมาบัติ ๘ ให้บังเกิดขึ้นเหมือนครั้งก่อนแล้ว ก็เหาะไปในอากาศเวหา ลงยังป่าพระหิมพานต์ เข้าไปสู่สำนักแห่งหมู่พระฤาษีทั้งหลายฯ


    (f) ในกาลครั้งนั้น ยังมีพระอริยสาวกองค์ ๑ แห่งพระโกนาคมนเจ้า เข้าไปสำราญอยู่ในป่าพระหิมพานต์ พระฤาษีทั้งหลายได้ทัสสนาเห็นพระอรหันต์อันวิเศษมา ก็มีความเลื่อมใสไหว้กราบสักการบูชาพระอริยสาวกเจ้า นิมานต์ให้ยับยั้งอยู่สิ้นราตรีหนึ่งแล้ว ครั้นรุ่งขึ้นเป็นเวลาเช้าพระดาบสธรรมเสนบรมโพธิสัตว์นั้นก็เหาะมายังสำนักสมเด็จพระโกนาคมนเจ้า ด้วยพระอริยสาวกแล้วก็เข้าไปกราบนมัสการแทนพระบาทมูลแห่งสมเด็จพระสัพพัญญู พิจารณาดูทวัตติงสมหาบุรุษลักษณะแล้วก็เกิดความโสมนัสส์ยินดีขึ้นมา จึงกราบทูลอารธนาพระโกนาคมเจ้าให้ตรัสพระสัทธรรมเทศนาฯ

    (f) ครั้งนั้นสมเด็จพระผู้ทรงพระภาคเจ้า จึงทรงพระมหากรุณาตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า ดูก่อนธรรมเสนดาบสผู้เจริญ บัดนี้สมควรตัวท่านจะพินิจพิจารณา ซึ่งกิริยาอันจะให้ไปสู่เมืองแก้วคือพระอมตมหานครนิพพานจึงจะชอบแก่ตัวท่านฯ จึงมีพระพุทธฏีกาตรัสเป็นนัยคัมภีรภาพด้วยประการดังนั้น พระธรรมเสนดาบสได้สดับก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา คิดว่าจะตัดซึ่งเศียรเกล้าออกกระทำสักการบูชาพระสัทธรรมเทศนา แห่งสมเด็จพระโกนาคมนเจ้าเถิด จึงกระทำอธิษฐานเล็บของพระองค์ให้คมดุจดาบ ตัดซึ่งเศียรเกล้าให้ขาดแล้ว ก็วางไว้ในฝ่าพระหัตถ์ชูขึ้นกระทำสักการบูชาสมเด็จพระพุทธเจ้ากล่าวเป็นพระคาถาตั้งความปรารถนา ว่า

    (i) (i) (i) พระองค์ทรงพระนามชื่อว่าพระโกนาคมนเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูผู้ประเสริฐแล้ว นานไปในอนาคตกาลเบื้องหน้าข้าพระบาทขอปราถนาให้ได้สำเร็จพระศรีสรรเพชญ์พุทธเจ้าองค์หนึ่ง ด้วยศีลทานของข้าพระบาทนี้ อนึ่งเล่าพระองค์ผู้ทรงพระมหากรุณาเป็นที่พึ่งแก่ไตรโลกแล้วจะล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่เมืองแก้วก่อนข้าพระบาทเล่า ข้าพระบาทขอปรารถนาให้สำเร็จพระนิพพาน ในกาลเบื้องหน้าด้วยเดชะผลศีลทานของข้าพระบาทในครั้งนี้ฯ
    (i) (i) (i)

    (f) กล่าวพระคาถาเป็นใจความสองข้อ ด้วยประการดังนี้แล้ว ดาบสธรรมเสน ก็จุติไปบังเกิดในดุสิตาสววค์ อัศจรรย์ก็บังเกิดมีดุจในหนหลังฯ นี่แหละ ดูก่อนสำแดงสารีบุตร อันว่าช้างนาฬาคีรีหัตถีเป็นบรมโพธิสัตว์แต่ครั้งศาสนาพระโกนาคมน ได้สร้างพระบารมีมาเป็นอันยิ่ง นานไปเบื้องหน้าจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามชื่อว่า พระติสสสัพพัญูฯ

    (f) ดูก่อน สารีบุตรผู้มีธรรมราชา ผู้เจริญ สัตว์ทั้งปวงถ้าไม่ได้ธรรมอันเลิศในศาสนาของพระพุทธเจ้า ๘ พระองค์เหล่านี้ คือ เรา พระอริยเมตไตรย พระราม พระธรรมราชา พระธรรมสามี พระนารท พระรังสีมุนี พระเทวเทพ พระนรสีหไซร้ พระหัตถีธนปาลจักเกิดเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ในอนาคตมหาชนทั้งปวง จงปรารถนาพบพระติสสพุทธเจ้าเถิดฯ

    (f) แสดงมาด้วยเรื่องราว ช้างนาฬาคีรีหัตถีบรมโพธิสัตว์คำรบ ๙ ก็สิ้นเนื้อความยุตติลงแต่เท่านี้ฯ เอวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้

    อุเทศของพระหัตถีธนบาลผู้จะเป็นติสสพุทธเจ้า
    อุเทศที่ ๙ จบแล้ว​
     
  2. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    พระอนาคตวงศ์ฉบับราษฏร์พระอนาคตวงศ์ (๑๐)

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    กราบน้อมขอขมาต่อพระรัตนตรัยอันสมเด็มพระทีปแก้วเป็นต้น ขอน้อมอารธนาบารมีอันไม่มีประมาณของสมเด็จพระภัควันต์ทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พร้อมทั้งพระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย สืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นที่สุด ขอพระรัตนานุญาตินำเรื่องราวของการบำเพ็ญพระปรมัตถบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์ที่จะมาตรัสรู้โปรดหมู่สัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากวัฏฏสงสารอันเป็นห้วงทุกข์ ในอนาคตกาลเบื้องหน้า เพื่อให้ท่านผู้เจริญทั้งหลายได้สดับตรับฟังเรื่องราวอันประเสริฐและร่วมโมทนาในบุญกุศลของพระพุทธองค์ท่านผู้จะล่วงทุกข์แล้วทั้งหลาย

    อุเทศที่ ๑๐ : พระสุมงคลสัมมาสัมพุทธเจ้า

    [​IMG]
    (f) ภควา อันว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแห่งเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงพระนามว่าพระติสสสัพพัญญูพุทธเจ้าเสด็จล่วงลับดับขันธ์ เข้าสู่พระปรินิพพานสิ้นกาลช้านานแล้วฯ ในลำดับนั้น อันว่าช้างปาลิไลยหัตถีตัวนี้ ก็เป็นพระบรมโพธิสัตว์สร้างพระบารมีมาเป็นอันมาก จักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามชื่อว่าพระสุมงคลในอนาคตกาล

    [​IMG]
    (f) พระสุมงคลทศพลญาณนั้น มีพระองค์สูงได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนดไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่างดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวันแล้ว จะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับมีประการต่าง ๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรมวาณิชกรรม ได้อาศัยซึ่งต้นไม้กัลปพฤกษ์นั้นประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่งอาตมา มนุษย์ทั้งหลายมีความผาสุขสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำ ตกแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตรเทพธิดาได้ซึ่งทิพยสมบัติ ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติ เห็นปานดังนี้ฯ อ้นว่ากองพระบารมีปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทานฯ

    [​IMG]
    (f) ดูก่อนสำแดงสารีบุตร แต่กาลก่อนล่วงลับไปแล้วช้านาน ช้างปาลิไลยตัวนี้เป็นพระบรมโพธิสัตว์ บังเกิดเป็นสมเด็จพระบรมจักรพรรติราชธิราชทรงพระนามชื่อว่า พระเจ้ามหาปนาทบรมจักร์ ในภัททกัปป์อันนี้ และมีแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ๑ นางแก้ว ๑ แก้วมณีโชติ ๑ ช้างแก้ว ๑ ม้าแก้ว ๑ ปริณายกแก้ว ๑ คฤหบดีแก้ว ๑ สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักร์ ไดด้เสวยศิริราชสมบัติอยู่ในทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อย ๒ พันเป็นบริวาร พระองค์ ทรงพระสำราญอยู่เป็นปกติมาจนถึงกาลสมเด็จพระกกุสนธสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดในโลก

    [​IMG]
    (f) กาลครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักร์ได้ทรงทราบว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสในโลกแล้วจึงตรัสประกาศสั่งจักร์แก้วว่า ดูก่อนจักร์แก้วผู้เจริญ ท่านจงไปยังท้องพระมหาสมุทร์ ถือเอาซึ่งดวงแก้วมณีมาให้แก่เราจักร์แก้วนั้นก็ไปยังท้องพระมหาสมุทร์ ดุจดังว่ามีจิตต์วิญญาณนำเอาแก้วมณีมาถวายฯ แล้วอยู่มาภายหลังพระองค์ จึงตรัสสั่งช้างแก้วว่า ดูก่อนช้างแก้วผู้เจริญ ท่านจงไปในที่ฉัททันตสระ แล้วพาช้างแก้วมาให้แก่เราฯ ครั้งนั้นช้างแก้วก็เหาะไปยังฉัททันตสระ พาเอาช้างชาติฉัททันต์ทั้งหลายประมาณ ๘ หมื่นมาถวายฯ แล้วพระองค์จึงสั่งกับม้าแก้วว่า ดูก่อนม้าแก้วผู้เจริญ ท่านไปในอากาศถึงริมฝั่งสินธพนที แล้วก็พาม้าแก้วมาถวายฯ แล้วพระองค์จึงตรัสสั่งนางแก้ว พระราชมเหสีนั้นว่า ภทฺเท ดูก่อนเจ้าผู้มีพักตร์อันเจริญเจ้าจงไปยังแว่นแคว้นอุดรกุรูทวีป พานางแก้วทั้งหลายมาให้แก่เราฯ ขณะนั้นนางแก้วผู้เป็นพระราชมเหสี ก็เหาะไปยังอุดรกุรูทวีป พาเอานางแก้วทั้งหลายประมาณ ๘ หมื่นมาถวายฯ แล้วพระองค์จึงตรัสสั่ง แก้วมณีโชติว่า ดูก่อนแก้วมณีโชติผู้เจริญ ท่านจงไปยังเขาวิบุลบรรพต นำเอาแก้วมณีมาให้แก่เราฯ อันว่าแก้วมณีโชติ ก็เลื่อนลอยไปยังเขาวิบุลบรรพต นำเอาแก้วมณีทั้งหลายประมาณ ๘ หมื่นดวงมาถวายฯ แล้วพระองค์ตรัสสั่งปริณายกขุนพลแก้วของพระองค์ว่า ดูก่อนปริณายกแก้วผู้เจริญ ท่านจงไปยังอุดรกุรูทวีป และมรโคยานทวีป และบุพพวิทหทวีปทั้ง ๓ ถอดเอาดวงแก้ว ในยอดเขากัมภูฉัตร มาให้แก่เราฯ ฝ่ายขุนพลแก้วผู้เป็นปริณายกรับพระราชโองการแล้วก็เหาะไปยังทวีปทั้ง ๓ จึงถอดเอาดวงแก้วมณีที่ยอดเศวตฉัตร แห่งมหากษัตริย์ผู้เสวยศิริราชสมบัติในทวีปทั้ง ๓ มาถวายฯ

    [​IMG]
    (f) แล้วพระองค์ตรัสสั่งคฤหบดีแก้วผู้เป็นขุนคลังว่า ดูก่อน คฤหบดีแก้วท่านจงไปในโสฬสมหานครใหญ่ทั้ง ๑๖ เมืองนั้น นำเอาดวงแก้วมณีมาให้แก่เราฯ คฤหบดีแก้ว ก็เหาะปในโสฬสมหานคร ครั้นถึงแล้วได้ทัสสนาการเห็นสมเด็จพระพุทธกุกกุสนธสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จยับยั้งอยู่ในพระวิหารในกาลนั้น คฤหบดีแก้วก็มิได้รู้จักซึ่งสมเด็จพระกกุสนธเจ้า ว่าเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทโธ จึงเข้าไปยังสำนักพระกกุสนธเจ้าแล้วถามว่า มาณว ดูก่อนมาณพผู้เจริญ ตัวท่านนี้มีนามชื่อไร จึงมีรูปโฉมงามบริสุทธิ์เป็นอันดีฯ ครั้งนั้นสมเด็จพระผู้ทรงพระภาคเจ้าจึงมีพระพุทธฏีกาตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดีแก้ว เราหรือมีนามชื่อว่าศาสดาจารย์ คฤหดีจึงถามว่า ดูก่อนมาณพผู้เจริญท่านมีนามชื่อว่าศาสดาจารย์ ด้วยเหตุเป็นดังรือฯ จึงทรงมหากรุณาตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดีแก้ว เราชื่อพระศาสดาจารย์นั้น เพราะเหตุประกอบไปด้วยอาจริยคุณ ๓๑ ประการฯ คฤหบดี จึงถามว่า คุณ ๓๑ ประการ แห่งท่านปรากฏเป็นประการใด จึงได้ชื่อว่าอาจริยคุณน สมเด็จพระกกุสันธเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนคฤหับดี แก้วคุรเป็นอาทิ คือ อิติปิ โส ภควา นี่แหละเป็นคุณแห่งเราปรากฏกิตติศัพท์ทั่วโลก จึงมีนามชื่อว่า พระศาสดา จริยคุณ ๓๑ ประการฯ

    [​IMG]
    (f) เมื่อคฤหบดีแก้ว ได้สดับพระพุทธวจนะดังนั้น จึงจารึกเอาพระอิติปิ โส ภควา เป็นอาทิลงไว้ในแผ่นทอง เป็นตัวอักษรเสร็จแล้วจึงถามพระผู้ทรงพระภาคเจ้าว่า ดูก่อนมาณพผู้เจริญ ท่านรู้คุณวิเศษมีประมาณเท่านี้แลหรือ หรือว่าคุณ อย่างอื่นยังมีอยู่ประการใดฯ จึงมีพระพุทธฏีกาตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดีแก้ว อันว่าคุณวิเศษอย่างอื่นแห่งเรามีอยู่เป็นอันมากฯ จึงตรัสพระสัทธรรมเทศนา ทรงแสดงซึ่งคุณในกายคตนุสติกัมมัฏฐาน บอกอาการ ๓๒ มีเกสาโลมาเป็นอาทิให้แก่คฤหบดีแก้ว คฤหบดีแก้วก็จารึกพระรูปพระโฉมของสมเด็จพระกกุสนธเจ้าอันงามพร้อมด้วยทวัตติงสมหาบุรุษลักษณะเป็นอันดีลงในแผ่นทอง แล้วจึงกำหนดพระองค์สูง มีประมาณ ๖๐ ศอก ลงในแผ่นทองทั้ง ๒ เสร็จแล้ว คฤหบดีแก้วก็เหาะนิวัตตนากลับมายังสำนักสมเด็จพระบรมจักร์มหาปนาท ถวายซึ่งแผ่นพระสุวรรณบัตร ให้ทอดพระเนตรพระรูปพระโฉมของสมเด็จพระกกุสนธเจ้า กับทั้งตัวอักษรที่จารึกพระพุทธคุณมานั้น ฯ

    [​IMG]
    (f) ฝ่ายสมเด็จพระบรมจักร์มหาปนาท ทอดพระเนตรพระอักษร ซึ่งจารึกพระพุทธคุณนั้นในแผ่นพระสุวรรณบัตรนั้นฯ ทรงอ่านแล้ว มิได้ทรงรู้จักว่าเป็นพระพุทธคุณจึงตรัสถามพราหมณ์ปุโรหิตว่า ดูก่อนท่านอาจารย์ อันว่าอักษรที่คฤหบดีจารึกมานั้น จะเป็นพระพุทธคุณจริงแลหรือประการใด ฝ่ายว่าพราหมณ์ปุโลหิตนั้น เป็นผู้ทรงคุณวิชชาไสยศาสตร์ จึงกราบทูลว่า มหาราชข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ อันว่าอักษรนี้เป็นคุณวิเศษแน่แล้ว เป็นยอดคุณทั้งปวงสิ้น ก็คุณวิเศษอย่างอื่น ๆ นั้นจะได้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้หาบมิได้ อักษรนี้เป็นพระพุทธคุณเที่ยงแล้ว สมเด็จพระบรมจักรมหาปนาทได้ทรงฟังพราหมณ์ปุโรหิตกราบทูลดังนั้น ก็ทรงพระโสมนัสส์ปีติปลาบปลื้มพระทัย สลบลงกับที่ฯ ครั้นพระองค์ฟื้นสมประดีแล้วตรัสถามพราหมณ์ปุโรหิตว่า ดูก่อนท่านอาจารย์เราได้ฟังว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ อันว่าคุณวิเศษนี้ พระองค์อย่าได้สงสัยในพระกมลหฤทัยเลย เป็นพระพุทธคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเที่ยงแท้แล้ว ครั้นได้ทรงสดับฟังพราหมณ์ปุโรหิตกราบทูบซ้ำอีกดังนั้น พระองค์ทรงปีติปลื้มพระทัยสลบลงอีกครั้งหนึ่ง เป็นคำรบ ๒ แล้วฟื้นพระองค์ขึ้น ตรัสถามปุโรหิตอีกว่า รูปภาพที่คฤหบดีแก้ววาดเขียนมานี้ เป็นอย่างพระพุทธรูปจริงหรือประการใด ปุโรหิตก็กราบทูลว่า พระรูปพระโฉมที่คฤหบดีแก้ววาดเขียนมานี้ คือพระรูปพระโฉมของสมเด็จพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้พระองค์อย่าได้สงสัยเลยฯ

    [​IMG]
    (f) สมเด็จพระบรมจักร์มหาปนาทได้ทรงฟังว่า เป็นพระพุทธรูปของสมเด็จพระพุทธเจ้าจริงแน่ ก็สลบสิ้นสติสมปฤดีไปอีกครั้งหนึ่งว่า บัดนี้เราได้ฟังประพฤติเหตุแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้า อันเป็นดวงแก้วหาค่ามิได้ เพราะเหตุตัวของท่านอันเราใช้ไป เครื่องสักการบูชาสิ่งอื่น หาควรจะกระทำสักการบูชาแก่ท่านไม่ ด้วยท่านมมีความชอบแก่เราครั้งนี้เป็นที่สุด เราจะยกสมบัติจักรพรรดิอันยิ่งในมนุษยโลกนี้กระทำสักการบูชาแก่ตัวท่าน ตรัสประภาษสรรเสริญคฤหบดีแก้วดังนี้แล้ว จึงอภิเษกคฤหบดีแก้วให้เสวยศิริราชสมบัติจักรวรรดิยศ ยกให้เป็นบำเหน็จความชอบแก่คฤหบดีแก้ว ในครั้งนั้นคฤหบดีแก้วก็ตั้งอยู่ในศิริราชสมบัติบรมจักร์เสวยอิสสริยยศสมบัติสืบต่อไปฯ

    [​IMG]
    (f) ส่วนสมเด็จพระบรมจักร์มหาปนาทนั้น แต่พระองค์เดียวว ก็เสด็จบทจรไต่เต้าไปตามมรรคาหนทางโดยทิศาภาค ในที่สถิตแห่งสมเด็จพระบรมครูกกุสันธเจ้านั้นฯ ครั้นไปถึงมหานิโครธไทรไหญ่ต้นหนึ่ง ก็ทรงประทับนั่งอาศัยอยู่ใต้ต้นไทรนั้นพอหายเหนื่อยเป็นอันดีแล้ว ก็ยกอัญชลีประนมถวายนมัสการลงด้วยเบญจางคประดิษฐ์ อันได้สดับว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่ตรงนี้ ทรงกระทำอธิษฐานปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงามความปีติโสมนัสสืแห่งข้าพระพุทธเจ้าบังเกิดมีในพระองค์แล้ว ด้วยเดชะความสัตย์นี้ ขอให้เครื่องอัฏฐบริขาร ๘ ประการ อันเป็นทรัพย์มฤดกแห่งพระภิกษุสงฆ์ เลื่อนลอยมายังสำนักแห่งข้าพระพุทธเจ้า

    [​IMG]
    (f) ครั้งนั้น สมเด็จพระกกุสนธสัพพัญญูทรงทราบวาระน้ำจิตต์ แห่งบรมจักร์มหาปนาท ปรารถนาจะบรรพชาบวชในพระพุทธศาสนาจึงมีพระพุทธฏีกาตรัสว่า ดูก่อนอัฏฐบริขาร ๘ ประการ บัดนี้ บุคคลมีชื่อโน้น ปรารถนาจะทรงบรรพชาบวช ท่านจงไปยังสำนักแห่งบุคคลนั้นเถิดฯ ขณะนั้นเครื่องอัฏฐบริขารทั้ง ๘ ประการ ก็ลอยมาตกลงตรงพระพักตร์แห่งสมเด็จพระเจ้ามหาปนาท ด้วยพุทธานุภาพฯ ครั้นสมเด็จพระบรมจักร์มหาปนาททรงเห็นเครื่องอัฏฐบริขาร ๘ ประการพร้อมแล้ว ด้วยพระเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระเศียรเกล้า แล้วออกพระวาจาว่า ดูก่อนอัฏฐบริขารขึ้นทูนเหนือพระเศียรเกล้า แล้วออกพระวาจาว่า ดูก่อนอัฏฐบริขาร ๘ ประการผู้เจริญเราอาศัยซึ่งท่านจักใคร่ออกจากสังสารทุกข์ ให้ได้พบเห็นพระนิพพาน อันประเสริฐสุดโลกวิสัย ตรัสเท่านั้นแล้วก็เปลื้องเครื่องราชอาภรณ์ของพระองค์ออกจากพระสรีรกาย ทรงสะบงครองจีวรสังฆาฏิ คาดกายพันธ์มั่นคงทรงบรรพชาเป็นพระภิกษุภาวะเสร็จแล้ว จึงเอาพระมงกุฏแก้ววางลงในฝ่าพระหัตถ์ตรัสว่า ดูก่อนมงกุฏแก้ว ท่านจงไปยังสำนักแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้ากราบทูลแจ้งประพฤติเหตุข่าวศาส์นแก่พระองค์ว่า บัดนี้พระเจ้ามหาปนาทบรมจักร์เสียสละศิริราชสมบัติ ออกทรงบรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความปรารถนาเพื่อจะมายังสำนักสมเด็จพระทศพลญาณ ท่านจงไปกราบทูลศาส์นแด่สมเด็จพระพุทธองค์ ด้วยประการดังพระองค์ทรงพระอธิษฐานฉะนี้แล้ว มงกุฏแก้วของพระองค์ก็ลอยเลื่อนไปในอากาศเวหา ประดุจว่าพระยาสุวรรณราชหงส์ ลงยังสำนักพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่แทบฝ่าพระบาทกราบทูลประพฤติเหตุดังนั้นแก่สมเด็จพระกุกกุสนธ์ ประดุจดังว่ามีจิตตวิญญาณ สมเด็จพระบรมดลกุตตมาจารย์ก็มีพระพุทธฏีการับว่า สาธุฯ

    [​IMG]
    (f) ลำดับนั้นพระยามหาปนาท ซึ่งทรงเพศเป็นภิกษุ ก็เที่ยวโคจรบิณฑบาตไปตามบ้าน ได้อาหารพอเป็นยาปนมัตต์บริโภคสำเร็จแล้ว ก็เจริญพระกัมมัฏฐานอยู่ในที่อันสมควร พิจารณาซึ่งพระพุทธคุณมีพระ อิติปิ โส ภควา เป็นอาทิ และพระกายคตาสติกัมมัฏฐานมีเกสาเป็นต้น เจริญไปด้วยความอุตสาหะ ดังนั้น ยังโลกียฌานให้บังเกิดขึ้นในขณะนั้นแล้ว เหาะไปโดยอากาศเวหาถึงสำนักสมเด็จพระพุทธเจ้า ได้ทัสสนาการพระรูปพระโฉม ของสมเด็จพระกกกุสนธ์ อันประดับไปด้วยพระทวัตติงสมหาบุรุษลักษณะ และพระอสีตยานุพยัญชนลักษณะงามบริบูรณ์พร้อมทุกประการ ก็บังเกิดความปีติเต็มตื้นซาบทั่วสรรพางค์ ตลอดสิ้นสกลกายก็สลบลงในที่นั้น สมเด็จพระภควันตบพิตรเจ้า ทรงเอาอุทกวารี มาประพรมลงเหนือพระอุระก็ฟื้นสมปฤดีขึ้นมา แล้วถวายนมัสการกราบลงด้วยเบ็ญจางคประดิษฐ์แทบพระบาทกราบทูลอารธนาให้สมเด็จพระพุทธองค์ทรงประทานพระสัทธรรมเทศนาฯ

    [​IMG]
    (f) ครั้งนั้น สมเด็จพระกกุสนธบรมทศพลญาณ ก็ทรงประทานพระสัทธรรมเทศนาว่า ดูก่อนภิกษุ ท่านจงพิจารณาซึ่งสภาวธรรม ที่จะนำตนไปสู่พระนิพพานเถิด มีพระพุทธบรรหารตรัสดังนี้ ฝ่ายพระเจ้ามหาปนาทบรมพุทธางกูร ได้ทรงสดับ กระแสพระพุทธฏีกาตรัสเป็นนัยดังนั้น พระองค์ก็มีปีติซาบซ่านทั่วสกลกาย จึงทรงพระอธิษฐาน เด็ดพระเศียรเกล้าด้วยเล็บของพระองค์ทรงกระทำสักการบูชาแทบพระบาทมูลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าฝ่ายพระเศียรเกล้านั้น จึงกราบทูลพระกรุณาว่า

    (i) (i) (i)
    ภนฺเต ภควา ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเจ้าพระองค์ได้โปรดฝูงสัตว์ทั้งหลายก่อน ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็มีความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อภายหลัง ด้วยผลศีลทานของข้าพระบาทในครั้งนี้ขอเชิญองค์อัครมุนีผู้ทรงพระภาคเจ้าจงเสด็จเข้าสู่พระนิพพานก่อนข้าพระบาทเถิด ข้าพระบาทขอตามเสด็จพระพุทธองค์เจ้าเข้าสู่พระนิพพานต่อภายหลัง
    (i) (i) (i) ​

    (f) พอขาดคำลงแล้ว พระเจ้ามหาปนนาทก็ดับขันธ์สิ้นชีวิตอินทรีย์ ไปบังเกิดในดุสิตาสวรรค์ เสวยทิพยศิริสมบัติเป็นสุขสถาพรไปในอนาคตกาลเบื้องหน้าจะได้ตรัสเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามชื่อว่าพระสุมงคลฯ
    [​IMG]
    (f) ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ฝูงสัตว์ทั้งหลาย ไม่ได้มรรคและผลธรรมวิเศษในพระศาสนาพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีพระตถาคตเป็นต้น มีพระติสสะเป็นปริโยสาน แล้วก็ให้มหาชนปรารถนาไปให้พบให้เห็นพระศาสนาช้างปาลิไลยหัตถี ที่ได้เป็นพระบรมจักร์มหาปนาทนี้ ซึ่งจะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระพุทธในอนาคตกาล ทรงพระนามชื่อว่า พระสุมงคลสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นจะได้มรรคและผลธรรมวิเศษสิ้นสังสารทุกข์ทั้งปวง เข้าสู่พระอมตะมหานครนิพพานฯ
    [​IMG]
    (f) แสดงมาด้วยเรื่องราวช้างปาลิไลยหัตถี บรมโพธิสัตว์เป็นคำรบ ๑๐ ก็สิ้นความยุตติแต่เพียงนี้ฯ
    อุเทศของพระหัตถีปาลิไลยกะผู้จะเป็นพระสุมงคลพุทธเจ้า
    อุเทศที่ ๑๐ จบแล้ว
     
  3. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์พระอนาคตวงศ์ (สรุป)

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมกราบขอขมาพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า ขออารธนาบารมีพระทุกพระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นที่สุด ตามข้าพพระพุทธเจ้าได้ขอพระพุทธานุญาตินำเรื่องราวของการบำเพ็ญเพียรของพระมหาโพธิสัตว์เจ้าที่จะมาตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้าทั้งสิ้น ๑๐ พระองค์ มาแสดงให้ทุกท่านผู้เจริญทั้งหลายได้สดับตรับฟังและร่วมจิตน้อมกราบโมทนาบุญพระองค์ท่านทั้งหลายแล้วนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าได้กระทำกิจทั้งหลายเหล่านี้เสร็จสิ้น ตามคำอธิษฐานแล้ว มีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยอาศัยบารมีอันไม่มีประมาณของพระฯช่วยมาตลอด และต้องขอกราบขอบพระคุณ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ และ ผศ.บำเพ็ญ ระวิน ที่ได้สรรสร้างหนังสือประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์พระอนาคตวงศ์ให้ประจักษ์แก่มหาชนทั้งหลายในประเทศสยาม ให้ได้รายละเอียดที่สำคัญยิ่งเกี่ยวกับเรื่องราวอันประเสริฐหาที่สุดมิได้เหล่านี้

    ดังนั้นข้าพพระพุทธเจ้าจึงขอน้อมนำเรื่องราวทั้งหมดมาสรุปให้แก่ทุกท่านอีกครั้งเพื่อน้อมถวายบุญทั้งหมดแก่พระฯ และขอพรพระฯทุกพระองค์จงดลบันดาลให้คำอธิษฐานจิตที่ตั้งไว้ดีแล้วของข้าพเจ้าและทุกท่านจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ...... และมีที่สุดเป็นพระนิพพานด้วยเถิด สาธุ.... สาธุ...... สาธุ.....

    สรุปพระชนมายุ ประมาณแห่งพระสรีรกาย และต้นไม้ตรัสรู้

    พระบรมโพธิสัตว์อันจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตกาลเบื้องหน้า ๑๐ พระองค์นั้น

    :cool: ที่ ๑ คือพระศรีอาริยเมตไตรย พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ ๘๘ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระมหาโพธิ ในภัททกัปป์นี้ฯ

    :cool: ที่ ๒ คือพระรามเจ้าพระองค์ มีพระชนม์ได้ ๙ หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้จันทร์แดงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๓ คือพระเจ้าปเสนทิโกศล จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระธรรมราช พระองค์มีพระชนม์ได้ ๕ หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ ๑๖ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๔ คือพระยามาราธิราช จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระธรรมสามีพระองค์มีพระชนม์ได้ ๑๐ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้รังเป็นพระศรีมหาโพธิ ในสารกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๕ คือพระยาอสุรินทราหู จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระนารทะพระองค์มีพระชนม์ได้หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๒๐ ศอก มีไม้จันทร์เป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๖ คือโสณพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระรังสีมุนี พระองค์มีพระชนม์ได้ ๕ พันปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๖๐ ศอก มีไม้ดีปลีก็ว่า ไม้เลียบก็ว่า เป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๗ คือสุภพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระเทวเทพพระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้จัมปาเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๘ คือโตไทยพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนรสีหะ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘๐ ปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๖๐ สอกมีไม้แคฝอยเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๙ คือช้างนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระดิสสะ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปีมีพระกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้ไทรเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    :cool: ที่ ๑๐ คือช้างปาลิไลย จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าพระสุมงคล พระองค์มีพระชนม์ได้ ๑๐ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๖๐ ศอกมีไม้กากะทิงเป็นพระศรีหมาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

    รวม ๑๐ พระองค์
     
  4. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    อันเป็นเหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ (7)

    [​IMG][b-wai] :cool:
    จากกรณีตัวอย่างของบุคคล3ท่านและคณะบุคคล1คณะฯเท่านั้น จะเห็นว่าท่านลาพุทธภูมิกันเป็นส่วนใหญ่ตามหลวงพ่อฯ ซึ่งก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆขึ้นในพระศาสนาฯหลายประการ ซึ่งจะยังประโยชน์แก่พระศาสนาเป็นอันมากในกาลข้างหน้าตลอดไป พร้อมทั้งทำให้มีการเชื่อมต่อกันระหว่างยุคของพระศาสนาอย่างเด่นชัดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งคุณประโยชน์อันมหาศาลที่หลวงพ่อฯท่านได้ลาพุทธภูมิยังมีอีกมากที่เราไม่รู้ เกินที่จะบรรยายได้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ไม่ยึดติดกับบุญบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมาในตลอด16อสงไขยฯ ซึ่งถ้าหลวงพ่อฯไม่ทำแล้วคงไม่มีใครทำ ท่านเป็นตัวอย่างอันยิ่งใหญ่ของพุทภูมิจริงๆ การให้ของท่านบริสุทธิ์เหลือประมาณ จักเป็นตำนานเป็นเรื่องเล่าขานให้จารึกไว้ในพระศาสนาชั่วนิรันดร์ฯ
    กราบขอขมาคุณพระรัตนตรัยฯ ขอกราบโมทนาบุญทั้งหมดในพระศาสนาฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระทุกพระองค์จงดลบันดาลให้พระศาสนาเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นตลอดกาลนานเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  5. leklek

    leklek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +1,014
    [​IMG] พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

    [​IMG]ขอนอบน้อมด้วยเศียรเกล้า น้อมโมทนาบุญอันประมาณมิได้นี้ด้วยพุทธเจ้าข้า [​IMG]
     
  6. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่งกับพระฯ ทอดกฐินสร้างพระประธานพระสาวกฯ พระอุโบสถ ณ วัดปงอ้อม ต.เสด็จ อ.เมือง จ.ลำปาง
    น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาและเพื่อพระนิพพานในชาตินี้<!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2006
  7. จิตว่าง

    จิตว่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +3,098
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    อ่านแล้วประทับใจค่ะ น้ำตาจะไหล พูดอะไรไม่ถูกค่ะ นึกถึงหลวงพ่อค่ะ ไม่อยากเกิดค่ะ กราบขอขมาพระทุกพระองค์แทบเท้าค่ะ ขอบารมีพระคุ้มครองทุกๆท่านด้วยค่ะ ขอร่วมโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ ขอพระ ขอหลวงพ่อเป็นกำลังใจให้ลูกด้วยนะค่ะ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
  8. nisau

    nisau เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +2,878
    ขอร่วมโมทนาบุญธรรมทาน ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    [​IMG] ขอโมทนาบุญทุกอย่างค่ะ ดีมากค่ะ ขอบารมีพระคุ้มครองทุกคนนะค่ะ
    (verygood) (f) (verygood) (f) (verygood) (f)
     
  9. nisau

    nisau เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +2,878
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทะบูชาฯ

    อ่านแล้วคิดถึงหลวงพ่อมากค่ะ พูดอะไรไม่ออกค่ะ น้ำตามันจะไหล ดีใจค่ะที่ได้เกิดมาเป็นลูกหลานหลวงพ่อ จะตั้งใจทำตามหลวงพ่อสอนทุกอย่างค่ะ ขอหลวงพ่อคุ้มครองลูกด้วยนะค่ะ
    (verygood) (f) (verygood) (f) (verygood)
     
  10. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญฯ ถวายเป็นพุทูบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง โดยเฉพาะธรรมทานฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระทุกพระองค์จงปกป้องคุ้มครองท่านและครอบครัวให้ประสพแต่ความสุขสำเร็จสมหวังสมความปรารถนาทุกประการนับแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ
    ปล.ขอพระฯให้ท่านได้บังฝนฝุ่นลมแดดฯปรกพระฯตามที่ได้อธิษฐานไว้ด้วยเถิด
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  11. นำธรรม

    นำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +2,914
    คำนมัสการ สมเด็จองค์ปฐมฯ

    คำนมัสการ สมเด็จองค์ปฐม

    วันทามิ พุทธัง ภะวะปาระติณณัง ข้าพเจ้าขอนมัสการพระพุทธเจ้า ผู้ข้ามพ้น

    ตีโลกะเกตุง ติภะเวกะนาถัง ฝั่งแห่งภพ ผู้เป็นธงชัยแห่งโลกทั้งสาม

    ผู้เป็นที่พึ่งเอกของสามภพ

    โยโลกะเสฏโฐ สะกะลัง กิเลสัง ผู้ประเสริฐในโลก ตัดกิเลสทั้งสิ้นได้แล้ว

    เฉตะวานะ โพเธสิ ชะนัง อนันตังฯ ช่วยปลุกชนหาที่สุดมิได้ ให้ตื่น

    ตะมะหัง องค์ปฐม พุทธัง อภิปูชะยามิ ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่งเฉพาะสมเด็จองค์ปฐมพุทธเจ้า

    ตะมะหัง องค์ปฐม พุทธัง เม สิรสา นมามิ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมสมเด็จฯด้วยเศียรเกล้า

    มหากรุณิโก นาโถ อัตถายะ พระบรมโลกนาถประกอบแล้วด้วยพระกรุณาอันยิ่งใหญ่

    หิตายะ สุขายะ สัพพะปาณินัง ยังบารมีทั้งสิ้นให้เต็มแล้วเพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล

    ปูเรตะวา ปารมี สัพพา เพื่อความสุขแก่สัตวทั้งปวง

    ปัตโต สัมโพธิมุตตมัง ได้บรรลุแล้วซึ่งพระสัมโพธิญาณอันอุดม

    สัพพะสันตุปสัคคา สัพพุปัททะวันตรายะ พระองค์สามารถในอันห้ามเสียซึ่งความเดือดร้อน

    นิวาระณะสะมัตถัสสะ อุปสรรค และ อุปัทวันตราย ทั้งปวง

    สุคะตะมะมิตะพุทธิง โลกะนาถัง กุศลใดเราบูชาแล้วซึ่งสมเด็จองค์ปฐม

    ปูชิตะวา สุคตโลกนาถเจ้า ผู้มีพระปัญญานับไม่ได้

    ปุญญัสสิทานิ กตัสสะ บุญอันข้าพเจ้าทำแล้ว ณ กาลบัดนี้ด้วย

    ยานัญญานิ กตานิ เม บุญทั้งหลายอื่น อันข้าพเจ้าทำแล้วในกาลก่อน

    กุสละมุปะจิตัง ยันเตนะ สร้างสมไว้แล้วด้วยเดชอันแรงกล้า

    เตชุสสะเทนะ จะ แห่งกุศลนั้นและเดชแห่งบารมี

    ตัสสะ ปารมิเตเชนะ ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น

    วิละยะมุปะนะยันตะ สัพพุปัททะวา สรรพอุปัทวะ จงถึงความพินาศไป

    สะทา มหาลาโภ ภะวันตุเม ขอลาภใหญ่ จงมีแก่ข้าพเจ้า

    เตสัง สัจเจนะ สีเลนะ ด้วย สัจจะ ด้วยศีล ด้วยพลังแห่งขันติ

    ขันติเมตตาพเลนะ จะ และเมตตา ของพระพุทธเจ้านั้น

    เตปิ อัมเห อนุรักขันตุ แม้คุณธรรมเหล่านั้น จงตามรักษาซึ่งเราทั้งหลาย

    อโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ด้วยความเป็นผู้ไม่มีโรค ด้วยความสุข

    สะทา อัมเห รักขันตุ สุรักขันตุ รักษาเราทั้งหลายเป็นอันดี ทุกเมื่อ

    นิรุปัททะวา สันตุปะสัคคา วูปะสะเมนตุ โน ให้ไม่มีอุปัทวะ แม้ความเดือดร้อนและอุปสรรคทั้ง หลายของเราจงสงบไป




    นำธรรม อนันตชัย(bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flowerขอด้วย เดช อำนาจ บารมีแห่งองค์สมเด็จองค์ปฐม ขอให้ข้าพพระพุทธเจ้าและท่านผู้เจริญทั้งหลาย ทุก ๆ ดวงจิตมีพุทธะบังเกิดเป็นฉับพลัน มีสติพร้อมปัญญาบารมีทั้งปวงเพื่อความพ้นทุกข์ สิ้นภพชาติ ถึงเหตุแห่งสุขอันนิรันดร์นิพพานเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2006
  12. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    :cool: ถวายปัจจัยแผ่นทอง สร้างพระประธานปางอินเดีย หน้าตัก 119 นิ้ว ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวายวัดจิตภาวัน พัทยา

    :cool: ถวายปัจจัยแผ่นทอง สร้างพระประธานหน้าตัก 59 นิ้ว พระโมคัลลา-สารีบุตร ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวาย วัดอภัยศีรี ต.แม่จะเราะ อ.แม่ระมาด จ.ตาก

    :cool: ถวายปัจจัยแผ่นทอง สร้างพระประธานปางสุโขทัยหน้าตัก 29 นิ้ว ณโรงหล่อพระอ่างศิลา ถวายวัด(ไม่ทราบชื่อ) จ.ร้อยเอ็ด

    :cool: ถวายปัจจัยแผ่นทอง สร้างหลวงพ่อโสธร ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวาย วัดเจดีย์ 3 ยอด จ.เชียงใหม่

    :cool: ถวายปัจจัยแผ่นทอง สร้างพระปางอุ้มบาตร ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวายวัดแม่ก๊า(วัดเจดีย์เหลื่ยม) จ.เชียงใหม่

    :cool: ถวายปัจจัยแผ่นทอง สร้างพระสิวลี ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวายวัดร้องขุด อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่

    :cool: ถวายปัจจัยแผ่นทอง สร้างพระประธาน ถวายวัดท่าตุ้ม จ.เชียงใหม่(verygood) (verygood) (verygood) (verygood)

    (i) (i) น้อมถวายพระเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อพระนิพพานในชาตินี้...
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  13. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    พระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ ผู้เจริญยิ่ง

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​

    ข้าพเจ้าขอน้อมกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัยแก้วมณีโชติ สว่างไสวไปทั่วสากลพิภพ ขอน้อมอาราธนาบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นที่สุด ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาตินำเรื่องราวของสมเด็จพระจอมไตรประทีปแก้ว ๒๘ พระองค์มาร้อยเรียงให้ประจักษ์แก่สาธุชนผู้เจริญทั้งหลาย ได้สดับตรับฟังเรื่องราวอันประเสริฐ เพื่อน้อมจิตถวายบุญกุศลแก่พระทุกองค์บนพระนิพพานและน้อมจิตกราบโมทนาในบุญกุศลอันไม่มีประมาณนั้น

    (i) พระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นแล้วมีจำนวนมากมายจนไม่อาจนับได้

    แต่ถ้าจะนับเฉพาะในช่วงอสงไขยกับแสนกัปป์ซึ่งเป็นช่วงที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญปรมัตถบารมีจนได้ตรัสรู้เป็นพระสมณโคตมพุทธเจ้านั้นนับได้ ๒๘พระองค์

    ลองมาไล่เลียงดูจำนวนพระพุทธเจ้าเฉพาะที่พระโพธิสัตว์เคยผ่านพบมานะครับ
    ช่วงบำเพ็ญสามัญบารมี๗ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑๒๕,๐๐๐ องค์ คือ

    . นันทะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า,๐๐๐ องค์
    . สุนันทะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า,๐๐๐ องค์
    . ปัฐวีอสงไขยพบพระพุทธเจ้า๑๐,๐๐๐ องค์
    . มัณทะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า๑๑,๐๐๐ องค์
    . ธรณีอสงไขยพบพระพุทธเจ้า๒๐,๐๐๐ องค์
    . สาคระอสงไขยพบพระพุทธเจ้า๓๐,๐๐๐ องค์
    . ปุณทริกะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า๔๐,๐๐๐ องค์

    ช่วงบำเพ็ญอุปบารมี ๙ อสงไขยพบพระพุทธเจ้า ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์ คือ

    . สัพพถัททะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า๕๐,๐๐๐ พระองค์
    . สัพพผุลละอสงไขยพบพระพุทธเจ้า ๖๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๐. สัพพรตนะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า ๗๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๑. อสุภขันธะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า ๘๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๒. มานีภัททะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า ๙๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๓. ปทุมะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า ๒๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๔. อุสภะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า๑๐,๐๐๐ พระองค์
    ๑๕. ขันธคมะอสงไขยพบพระพุทธเจ้า ,๐๐๐ พระองค์
    ๑๖. สัพพผาละอสงไขยพบพระพุทธเจ้า,๐๐๐ พระองค์

    ช่วงบำเพ็ญปรมัตถบารมี ๔ อสงไขยกับเศษแสนกัป พบพระพุทธเจ้า ๒๗ พระองค์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่๒๘ พระนามของพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์มีดังนี้

    เมื่อสิ้นสุดสัพพผาละอสงไขยแล้วมีสารมัณฑกัปมาคั่นอยู่ มีพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ คือ

    . พระตัณหังกรพุทธเจ้า
    . พระเมธังกรพุทธเจ้า
    . พระสรนังกรพุทธเจ้า
    . พระปัจฉิมทีปังกรพุทธเจ้า

    จากนั้นเป็นสุญญอสงไขยชื่อว่าเสละอสงไขยตามด้วยสารกัป มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๑ พระองค์ คือ

    ๕. พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า

    จากนั้นเป็นสุญญอสงไขยชื่อว่าภาสะอสงไขยตามด้วยสารมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๔ พระองค์ คือ

    ๖. พระสุมังคละพุทธเจ้า
    . พระสุมนะพุทธเจ้า
    . พระเรวตะพุทธเจ้า
    . พระโสภิตะพุทธเจ้า

    จากนั้นเป็นสุญญอสงไขยชื่อว่าชยอสงไขย ตามด้วยวรกัปมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๓ พระองค์ คือ

    ๑๐. พระอโนมทัสสี
    ๑๑. พระปทุมะ
    ๑๒. พระนารทะ

    จากนั้นเป็นสุญญอสงไขยชื่อว่ารุจิอสงไขย
    จากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงเศษแสนมหากัปสุดท้ายมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติอีก ๑๖ พระองค์
    เศษกัปที่ ๑ มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๑ องค์คือ

    ๑๓. พระปทุมมุตระ

    เศษกัปที่ ๒-๓๐,๐๐๑ รวม ๓๐,๐๐๐ กัปเป็นสุญญกัป
    เศษกัปที่ ๓๐,๐๐๒ มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๒ องค์ คือ

    ๑๔. พระสุเมธะ
    ๑๕. พระสุชาตะ

    เศษกัปที่ ๓๐,๐๐๓-๙๐,๐๐๒ รวม ๖๐,๐๐๐ กัปเป็นสุญญกัป
    เศษกัปที่ ๙๐,๐๐๓ วรกัป มีพระพุทธเจ้า ๓ องค์ คือ

    ๑๖. พระปิยทัสสี
    ๑๗. พระอัตถทัสสี
    ๑๘. พระธรรมทัสสี

    เศษกัปที่ ๙๐,๐๐๔-๙๙,๙๐๗รวม ๙,๙๐๔ กัป เป็นสุญญกัป
    เศษกัปที่ ๙๙,๙๐๘ สารกัป มีพระพุทธเจ้า ๑ องค์คือ

    ๑๙. พระสิทธัตถะ

    เศษกัปที่ ๙๙,๙๐๙-๙๙,๙๑๐ รวม ๒ กัปเป็นสุญญกัป
    เศษกัปที่ ๙๙,๙๑๑ มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๒ องค์ คือ

    ๒๐. พระดิสสะ
    ๒๑. พระมหาปุสสะ

    เศษกัปที่ ๙๙,๙๑๒ สารกัป มีพระพุทธเจ้า ๑ องค์คือ

    ๒๒. พระวิปัสสี

    เศษกัปที่ ๙๙,๙๑๓-๙๙,๙๗๒ รวม ๖๐ กัปเป็นสุญญกัป
    เศษกัปที่ ๙๙,๙๗๓ มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๒ องค์ คือ

    ๒๓. พระสิขขี
    ๒๔. พระเวสสภู

    เศษกัปที่ ๙๙,๙๗๔-๑๐๐,๐๐๔ รวม ๓๑ กัปเป็นสุญญกัป
    เศษกัปที่ ๑๐๐,๐๐๕ ภัททกัปซึ่งเป็นกัปปัจจุบัน
    มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติแล้ว ๔ พระองค์ คือ

    ๒๕. พระกกุสันธะ
    ๒๖. พระโกนาคมมะ
    ๒๗. พระกัสสปะ
    ๒๘. พระโคตมะ

    (i) (i) (i) ขอบุญกุศลทั้งหลายอันไม่มีประมาณนี้ จงดลบรรดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป(i) (i) (i)

    ขอการสำเร็จแล้วซึ่งอิทธิฤทธิ์อภิญญาเต็มกำลังและการบรรลุธรรมเป็นพระอริยสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจงปรากฏแก่ข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้เถิด และมีที่สุดเป็นพระนิพพานในชาติปัจจุบัน เมื่อตายแล้วขอให้ร่างกายแปลงสภาพกายเป็นพระธาตุดอกมะลิแก้วมณีโชติ บูชาและอารักขาพระบรมธาตุและรอยพระฯ ทุกหนแห่ง สาธุ.... สาธุ.....สาธุ......

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2006
  14. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ผู้เจริญยิ่ง (๑)

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา​
    ข้าพเจ้าขอน้อมกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัยแก้วมณีโชติ สว่างไสวไปทั่วสากลพิภพ ขอน้อมอาราธนาบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นที่สุด ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาตินำเรื่องราวของสมเด็จพระจอมไตรประทีปแก้ว ๒๘ พระองค์มาร้อยเรียงให้ประจักษ์แก่สาธุชนผู้เจริญทั้งหลาย ได้สดับตรับฟังเรื่องราวอันประเสริฐ เพื่อน้อมจิตถวายบุญกุศลแก่พระทุกองค์บนพระนิพพานและน้อมจิตกราบโมทนาในบุญกุศลอันไม่มีประมาณนั้น

    (i) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย้อนขึ้นไป ๒๘ พระองค์ นับตั้งแต่สมเด็จพระองค์ปัจจุบัน (คัดลอกจากหนังสือ ปู่สอนหลาย หน้า ๑๔๒-๑๗๐)

    (i) พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์นี้ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ได้คัดลอกจากภาษาล้านนา และแปลเก็บไว้ในหอพระไตรปิฏก ณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จ.ลำพูน

    :cool: ๑. องค์สมเด็จพระพุทธตัณหังกร - ผู้กล้าหาญ
    ปรสูติในตระกูลกษัตริย์
    พระพุทธบิดา พระนามว่า พระเจ้านันทราช
    พระพุทธมารดา พระนามว่า พระนางสุนันทราชาเทวี
    เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองราชย์ได้ ๑๐,๐๐๐ ปี
    ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้ นาน ๗ วัน
    พระวรกายสูง ๑๘ ศอก
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๒๐,๐๐๐ ปี

    :cool: ๒.องค์สมเด็จพระพุทธเมธังกร - ผู้มียศใหญ่
    ประสูติในตระกูล กษัตริย์
    พระพุทธบิดาพระนามว่า พระเจ้าเทโว
    พระพุทธมารดาพระนามว่า พระนางยะสุนทราชาเทวี
    เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองราชย์ได้ ๘๐,๐๐๐ ปี
    ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้ นาน ๑๕ วัน
    พระวรกายสูง ๑๘ ศอก
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี

    :cool: ๓.องค์สมเด็จพระพุทธสรณังกร - ผู้เกื้อกูลแก่โลก
    ประสูติในตระกูล กษัตริย์
    พระพุทธบิดาพระนามว่า พระเจ้าสุมาเลราชา
    พระพุทธมารดาพระนามว่า พระนาง ยสะเทวี
    เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองราชย์ได้ ๑๐,๐๐๐ ปี
    ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้ นาน ๒ เดือน กับ ๒๐ วัน
    พระวรกายสูง ๑๘ ศอก
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๖๐,๐๐๐ ปี

    :cool: ๔.องค์สมเด็จพระพุทธทีปังกร - ผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญาอันรุ่งเรือง
    สถานที่ประสูติ กรุงรัมมวดีมหานคร
    ประสูติเมื่อ วันเพ็ญ เดือน ๘ อาสฬหนักขัตฤกษ์
    ประสูติในตระกูล กษัตริย์
    พระพุทธบิดาทรงพระนามว่า พระเจ้านรเทวราช (พระเจ้าสุเทพ)
    พระพุทธมารดาทรงพระนามว่า พระนางปทุมาราชเทวี
    พระราชโอรสพระนามว่า พระอสุภขันธกุมาร
    เสด็จออกบรรพชาหลังจากครองราชย์ เมื่อพระชนมายุ ๑๐,๐๐๐ ปี
    พาหนะที่ทรงออกบรรพชา ช้างพระที่นั่ง
    รัตนบัลลังค์ที่ประทับนั่งวันตรัสรู้ กว้าง-ยาว-สูง ๙ ศอก
    ไม้ศรีมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ชื่อว่า ต้นปิปผลิ
    ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้ นาน ๑๐ เดือน
    วันตรัสรู้ วันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขปุณณมี
    พระอัครสาวก ได้แก่ พระสุมังคลเถร และพระติสสเถร
    พระอุปัฏฐาก ชื่อว่า พระสาคตเถร
    พระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระนินทาเถรี และพระสุนันทาเถรี
    อัครอุปัฏฐาก ชื่อ ตปุสสะ และิภัลลิกะ มหาอุบาสก
    อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อ นางสิริมา และนางโสณา มหาอุบาสิกา
    มีพระอรหันต์เป็นพุทธบริวารแวดล้อม จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ องค์
    พระวรกายสูง ๘๐ ศอก
    พระรัศมีแ่ผ่ออกโดยรอบพระวรกาย กว้างไกล ๑๐ โยชน์
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี
    อายุพระศาสนา ๑๐๐,๐๐๐ ปี

    ขอความปรารถานาของทุกท่านจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ.........



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2006
  15. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมทอดผ้าป่า,สร้างพระประธาน,พระสาวก,พระอุโบสถ,ศาลาหอฉัน,ถวายภัตตาหารเพล ณ วัดบุญนาค ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน
     
  16. sasiwimon

    sasiwimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1,311
    ร่วมโมทนาบุญถวายเป็นพุทธบูชา วิหารน้ำน้อย

    เมื่อเดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปทำบุญและถวายเงินร่วมสร้างเขื่อนแนวกั้นน้ำบริเวณวิหารน้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเป็นพุทธบูชา
    เนื่องได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมทุกปีทำให้ดินพังทลายลงทุกปี
    หากผู้ใดมีจิตศรัทธาจะร่วมทำบุญสร้างเขื่อนรวมทั้งกำแพงบริเวณวิหารขอเชิญร่วมทำบุญได้ที่ วิหารน้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
    [b-wai] (bb-flower [b-wai] (bb-flower
     
  17. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    อานิสงส์แห่งการถวายสัพพทาน ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    อานิสงส์ถวายสัพพทาน


    ...... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทานของสัปบุรุษเหล่านี้ ๘ อย่าง คือ ๑. ให้ของที่สะอาด
    ๒. ให้ของประณีต ๓. ให้ถูกกาล ๔. ให้ของที่สมควร ๕. เลือกให้ ๖. ให้เสมอ ๆ
    ๗. กำลังให้ยังจิตให้เลื่อมใส ๘. ครั้นให้แล้วปลื้มใจ สัปปุริสทาน ๘ อย่างนี้ประเสริฐยิ่งนักหนา



    ในกาลครั้งนั้น องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก็สถิตสำราญอยู่ในป่าเชตวันอันเป็นอารามของนายอนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีอยู่ในที่ใกล้ ๆ นครสาวัตถี

    ในกาลครั้งนั้นมีพระยาองค์หนึ่ง ชื่อ มหานามะ ก็เอา ประธูปประทีปคันธรสของหอม แล้วพาหมู่บริวารทั้งหลายเข้าไปสู่ที่เฝ้าพระสัพพัญญูเจ้า แล้วก็นั่งในที่ควรแห่งหนึ่ง จึงทูลถามพระสัพพัญญูเจ้าว่า
     
  18. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัยร่วมทำบุญซื้อ "พระ แม่ธรณี Server ให้กับเว็ปพลังจิต เพื่อความเจริญแห่งพระศาสนา ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ถวายปัจจัยทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมยกช่อฟ้าสร้างพระอุโบสถ พระประธาน พระสาวก ถวายภัตตาหารเพล ณ วัดคลองตาสังข์ ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

    ร่วมบริจาคปัจจัยสร้างโรงอาหาร แจกทุนการศึกษาเด็ก สร้างโรงเรียนดอนแก้ว ต.แม่พลู อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์


     
  19. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    น่าอัศจรรย์นัก(f) :cool: (f)
     
  20. sasiwimon

    sasiwimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1,311
    ขอร่วมโมทนาบุญด้วยนะคะ^^

    ขอโมทนาบุญด้วยนะคะ (f)
     

แชร์หน้านี้

Loading...