บทเชิญเทวดากลับ

เชิญเทวดากลับ

ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา

ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา

โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา

โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน

เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ

สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง

สัพเพ เทวา นุโมทันตุ

สัพพะสัมปัตติสิทธิยา

ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ

สีลัง รักขันตุ สัพพะทา

ภาวะนาภิระตา โหนตุ

คัจฉันตุ เทวะตา คะตาฯ

สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา

ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง

อะระหันตานัญจะ เตเชนะ

รักขัง พันธามิ สัพพะโสฯ

แปล..........

ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ถึงแล้วซึ่งทุกข์
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์ และที่ถึงแล้วซึ่งภัย
จงเป็นผู้ไม่มีภัย และที่ถึงแล้วซึ่งโศก
จงเป็นผู้ไม่มีโศก และขอเหล่าเทพเจ้าทั้งปวง
จงอนุโมทนาซึ่งสมบัติอันเราทั้งหลายก่อสร้างแล้ว
ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้
เพื่ออันสำเร็จสมบัติทั้งปวง
มนุษย์ทั้งหลาย จงให้ทานด้วยศรัทธา
จงรักษาศีลในการทั้งปวง
จงเป็นผู้ยินดีแล้วในการภาวนา
เทพยดาทั้งหลายที่มาแล้ว เชิญกลับไปเถิด
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ล้วนทรงพระกำลังทั้งหมด
กำลังใดแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย
และแห่งพระอรหันต์ทั้งหลายมีอยู่
ข้าพเจ้าขอผูกความรักษา ด้วยเดชแห่งกำลังนั้น
โดยประการทั้งปวง

ผิดพลาดประการใด ขออภัยใว้ ณ ที่นี้ ...

คนไกลฝั่ง... <!-- / message -->

 

อนุโมทนาครับ ผมใช้บทสั้นๆเก็บมาจากในนี้แหละครับ
เย สุปปะยุตตา นะมะสา ทันเห
ข้าพเจ้า ขอส่งเทพยดาเจ้าทั้งหลาย โปรดเสด็จกลับสู่ทิพยวิมานมงคลสถาน ตามคติภูมิวิสัยของท่านเถิด

 

ขอเรียนถาม จขกท. หรือผู้รู้ค่ะ..
เนื่องจากสวดมนต์ และเจริญภาวนากรรมฐานในแต่ละครั้ง ไม่เคยสวดบทชุมนุมเทวดาเลยสักครั้งค่ะ.. แต่ภายหลังจากปฏิบัติและแผ่เมตตาจิตแล้วนั้น เราจึงขอให้เทพเทวาได้ร่วมอนุโมทนาบุญกับการปฏิบัติของเราด้วย

เพราะเห็นว่าในการทำบุญใหญ่ สำคัญๆ พระภิกษุสงฆ์ถึงจะสวดบทชุมนุมเทวดา และไม่มีสวดเชิญเทวดากลับ..

โปรดช่วยอธิบาย เพื่อเป็นธรรมทานต่อไปค่ะ ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ให้คำอธิบายมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ..

 

ตอบ คุณสวนะ

ก่อนอื่น ขออธิบายก่อนว่า ผมไม่ใช่พระที่เล่าเรียนมา และปฏิบัติชอบผมเป็นคนธรรมดา และก็ไม่รู้อะไรมากหรอกครับ สิ่งที่นำมาลง ก็มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีบางครั้งที่อาจจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวให้ท่านพิจารณาเอาครับ ตามประสปการณ์เล็กๆ น้อย ๆ ที่ได้พบ ได้อ่านมา ก็เก็บมาเล่าสู่กันฟัง ไม่ขอยืนยันว่าถูกหรือผิดครับ เพราะถือว่าผมก้ไม่รู้จริงครับ. หากจะยืนยันไป ถ้าถูกก็ดีไป ถ้าผิดก็กลัวบาปครับ เพราะถ้าเอาคำสอนของพระพุทธองค์มาบอกคนผิดๆนั้น ทำให้คนเห็นผิด จะเป็นบาปครับ แม้จะคิดดีก็ผิด ยังทำให้คนเห็นผิด ไม่ไปสู่ทางที่ควร เหมือนกับเราหลงทางแล้วดึงให้คนอื่นหลงตาม อย่างเช่นเรื่องของ ลัทธิ กุกกุรวัตร และโควัคร ที่ผมอ่านเจอในหนังสือวิมุตติรัตนมาลี ของท่าน พระพรหม โมลี ท่านได้รจนาไว้ และได้รับรางวัลชนะเลิศจาก ธ.กรุงเทพ ด้าน วรรณกรรม เมื่อหลายปีก่อน เกี่ยวกับศาสดาของลัทธินั้น พากันปฏิบัติแบบผิดๆ แล้วคนหลงเชื่อ สุดท้ายเมื่อทำกาลกิริยาตายไป ก้ไปเกิดเป็น สุนัข เป็น โค ตามวิถีทางที่ตนปฏิบัติผิดๆมา ซึ่งคนที่หลงเชื่อ ก็พลอยเป็นไปด้วยครับ.ถ้าสนใจก็หาซื้ออ่านได้ จากร้านหนังสือ แถว ๆ ท่าพระจันทร์ครับ เล่มเก่าไม่ผลิตแล้ว ใหญ่ หนาพันกว่าหน้า ปัจจุบันเป็นเล่มเล็กพ๊อคเก็ตบุค มี 2 เล่ม หนาเล่มละ หกร้อยกว่าหน้า ราคา เล่มละ 250 กับ 265 บาทโดยประมาณ (จำไม่ได้) ขอแนะนำว่า น่าอ่านมากๆ เนื้อหาจะเล่ามาตั้งแต่ครั้งยังไม่มีพระพุทธเจ้าครับ.

สำหรับความคิดเห็นของผมนั้นผมเคยได้ยินพระท่าน กล่าวว่า ทุขขัปปัตตา จะ นิททุขขา ภะยัปปัตตา จะ นิพพะยา.....ครับ ตามที่ได้นำมาลงไว้นั้น ผมได้ซื้อหนังสือของ ธรรมสภา ครับ เป็นบทสวดมนต์ ซึ่งเห็นบทนี้ ก็เลยนำมาลงไว้ เห็นว่าน่าสนใจดีครับ
การจะรู้ว่าควรจะทำอย่างไร สงสัยอะไรนั้นพระท่านว่าถ้าเราปฎิบัติเอง เราจะรู้เองครับ แต่อย่างว่าแหละ ผมก็ยังทำไม่ได้หรอกครับ.

ผมก็ตอบได้แค่นี้แหละครับ และขอให้ได้พบคำตอบที่ต้องการครับ.

ขออภัยหากเกิดความผิดพลาดในที่นี้

คนไกลฝั่ง...

 

ในการเจริญพระพุทธมนต์(สวดพระปริตร) ซึ่งเป็นพิธีกรรมเต็มรูปแบบ
จะมีการสวดอัญเชิญชุมนุมเทวดา และจะสวดบทส่งฯ

แต่ในหลายๆกรณี ท่านก็นิยมสวดชุมนุมฯ แต่ไม่สวดบทส่งฯ

ในขณะที่ครูบาอาจารย์เก่าๆทางเหนือ เช่น หลวงปู่ครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า
และหลวงปู่แว่น วัดถ้ำพระสบาย ต่างสอนศิษย์ให้สวดบทส่งฯ เพื่อเอาอานิสงส์ให้เทวดา
รักษาเมตตาเอ็นดู ศิษย์ของท่านจึงอาจสวดบทส่งฯ ด้วยปฏิบัติตามคำครู โดยไม่คำนึง
ว่าต้องสวดอัญเชิญชุมนุมเทวดาหรือไม่

สรุปได้ว่า ใครใคร่สวดอย่างไรย่อมดีทั้งนั้นครับ ขอให้สวดด้วยความเคารพ ทรงสติสมาธิ
ให้แน่วแน่ก็แล้วกัน

 

ไปๆๆซธได้ก็ดี ชีวิตมีแต่มาร มาคอยผจญอะ เมื่อไรมันจะไปซักทีหวะ

 

อนุโมทนาครับ<!-- google_ad_section_end --> สาธุ...