ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

หิมะตกหนักปกคลุมทั่วอเมริกาเหนือและยุโรป​

​

ชิคาโก 8 ม.ค. - กระแสลมหนาวจากขั้วโลกเหนือและหิมะที่ตกลงมาแผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของสหรัฐ และแคนาดา เมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้ธุรกิจในภาคการเกษตรชะงักงันและส่งผลกระทบต่อการผลิตก๊าซธรรมชาติ

ที่ยุโรปหิมะตกหนักลงมาปกคลุมพื้นที่ปลูกข้าวสาลีรายใหญ่ในฝั่งตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ อย่างไรก็ตาม หิมะที่แผ่ปกคลุมพืชไร่ทำให้ไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำค้างแข็ง ขณะที่อากาศหนาวจัดในสหรัฐเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าทะยานขึ้นต่อไป เนื่องจากมีความต้องการใช้น้ำมันทำความร้อนกันมากขึ้น

บริษัทวิจัยด้านพลังงานในสหรัฐ รายงานว่า การผลิตก๊าซธรรมชาติอาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย หากอากาศเย็นจัดทำให้บ่อน้ำมันปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งในรัฐที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น เท็กซัส และลุยเซียนา โดยมีรายงานหิมะตกหนาถึง 30 นิ้วในรัฐไอโอวาเมื่อวันพุธ และยังตกลงมาเพิ่มอีก 5-6 นิ้วเมื่อข้ามคืนที่ผ่านมา สภาพอากาศที่รัฐฟลอริดา ซึ่งหนาวเย็นมากที่สุดแห่งหนึ่ง อาจส่งผลกระทบต่อไร่ผลไม้จำพวกส้ม และมะนาว ส่วนที่รัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดา อุณหภูมิที่ดิ่งลงสู่จุดเยือกแข็งยังไม่ส่งผลกระทบต่อปศุสัตว์มากนัก โดยชาวไร่บางส่วนอาจรอเคลื่อนย้ายปศุสัตว์ในช่วงที่อากาศอบอุ่นกว่านี้ และคาดว่าอุณหภูมิหนาวเย็นจะไม่กินเวลานานจนส่งผลกระทบร้ายแรง .-สำนักข่าวไทย

2010-01-08 09:20:11

อากาศหนาวในจีนทำให้พลังงานขาดแคลน ราคาอาหารแพงขึ้น​

​

ปักกิ่ง 7 ม.ค. - หลายพื้นที่ในประเทศจีนประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน และราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ทางการจีนเตือนความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตร ขณะเผชิญสภาพอากาศอันหนาวเย็น ซึ่งพยากรณ์อากาศคาดว่าจะหนาวเย็นลงอีก

สถานีวิทยุแห่งชาติจีนรายงานว่า สภาพอากาศอันหนาวเย็นเป็นประวัติการณ์ในจีน ส่งผลให้ไฟฟ้าและถ่านหินขาดแคลน เนื่องจากความต้องการของประชาชนเพิ่มขึ้น สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าว่า จีนยังไม่ได้เผชิญวิกฤติพลังงาน แต่กังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น โดยก่อนหน้านี้ในปี 2552 จีนเคยประสบภาวะขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรง เนื่องจากสภาพอากาศอันหนาวเย็น ทั้งนี้ ความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่ตึงตัว ทำให้หลายมณฑลและภูมิภาคเริ่มใช้มาตรการปันส่วนพลังงานหรือมาตรการควบคุมอื่น ๆ โดยพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบได้แก่ มณฑลเจียงซู ชานตง เหอหนาน หูเป่ย์ เจียงซี และหูหนาน รวมถึงเทศบาลนครฉงชิ่งและเซี่ยงไฮ้

เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรเปิดเผยว่า ราคาอาหารกำลังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขนส่งหยุดชะงักและสภาพอากาศอันหนาวจัดทำลายผลผลิตทางการเกษตร โดยราคาผักในบางพื้นที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรยืนยันว่า จีนไม่ได้ประสบภาวะวิกฤติด้านผลผลิตทางการเกษตร ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า หิมะจะตกหนักอีกในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงเหนือในช่วงหลายวันข้างหน้า. - สำนักข่าวไทย

2010-01-07 16:52:39

จีนสั่งให้โรงงานเวียนกันหยุดกิจการชั่วคราวเพื่อประหยัดพลังงาน​

​

ปักกิ่ง 7 ม.ค. - ทางการจีนมีคำสั่งให้โรงงานหลายร้อยแห่งในภาคกลางของประเทศ หมุนเวียนกันหยุดกิจการชั่วคราว เพื่อให้ตามบ้านเรือนมีไฟฟ้าใช้ทำความร้อนเพียงพอท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัด

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์อู่ฮั่น อีฟนิ่ง นิวส์ รายงานว่า ในสัปดาห์นี้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในจีนมากขึ้น ภายหลังอุณหภูมิดิ่งลงเรื่อย ๆ และพายุหิมะตกลงมาทางภาคเหนือ บ้านเรือนหลายแห่ง โดยเฉพาะทางใต้ขาดแคลนไฟฟ้าทำความร้อน ซึ่งชาวบ้านต่างจำเป็นต้องใช้ทำความอบอุ่นในช่วงอากาศหนาว ที่เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย โรงงานผลิตเหล็กกล้า และโรงงานแปรรูปอาหาร ราว 1,815 แห่ง ต้องปิดกิจการสัปดาห์ละ 2 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมเป็นต้นมา หลังจากมีปัญหาการจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้องทางเทคนิค

ด้านศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติ ระบุว่า หิมะและอุณหภูมิเย็นจัดติดลบแผ่ปกคลุมไปทั่วภาคเหนือของจีนวันนี้ ส่วนภาคใต้มีฝนตกและอากาศเย็นจัดเช่นกัน ก่อนหน้านี้พื้นที่บางแห่งของจีนเมื่อฤดูหนาวที่แล้ว ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ หลังขาดแคลนพลังงานและพายุหิมะพัดกระหน่ำยิ่งทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น .- สำนักข่าวไทย

2010-01-07 19:28:31

หลายประเทศในยุโรปยังถูกหิมะปกคลุม ​

​

โปแลนด์ 8 ม.ค. - หิมะและอากาศหนาวจัดยังคงแผ่ไปในหลายประเทศของยุโรป สร้างความโกลาหลไปทั่ว และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวนมาก

หลายเมืองทางตะวันออกของโปแลนด์ ทางการต้องส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านไปทำงานหรือซื้ออาหารได้ เนื่องจากหิมะปกคลุมเส้นทางตัดขาดจากโลกภายนอก ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในอังกฤษและสกอตแลนด์ ต้องดูแลปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากพวกมันกำลังจะอดตาย เพราะขาดแคลนอาหาร และทนกับอากาศหนาวไม่ไหว แต่อุณหภูมิได้ลดต่ำลงอีก ทำให้หิมะจับตัวเป็นน้ำแข็ง ซึ่งเป็นอันตรายต่อการสัญจรและใช้ยวดยาน

ขณะที่เยอรมนี อุณหภูมิที่หนาวเหน็บถึง -15 องศาเซลเซียส ทำให้คนไร้บ้านเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9 คน คาดว่าหลายประเทศในยุโรปจะเผชิญอากาศหนาวเหน็บเป็นประวัติการณ์ต่อไปจนถึงสัปดาห์หน้า. - สำนักข่าวไทย

2010-01-08 02:11:55

หิมะตกหนักกระทบภาคธุรกิจครั้งใหญ่ในอังกฤษ​

​

ลอนดอน 8 ม.ค. - สภาอุตสาหกรรมอังกฤษ หรือซีบีไอ รายงานว่า สภาพอากาศหนาวจัดส่งผลกระทบครั้งรุนแรงต่อบริษัทที่กำลังเผชิญปัญหาจากเศรษฐกิจถดถอย

แถลงการณ์ระบุว่า สภาพอากาศหนาวรุนแรงทำให้การประกอบธุรกิจทั่วประเทศชะงักงัน และส่งผลกระทบต่อพนักงานด้วย ทั้งที่บริษัทอยู่ในช่วงยากลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การที่บริการระบบอินเตอร์เนตความเร็วสูงปรับปรุงดีขึ้น จึงทำให้ชาวอังกฤษหลายคนทำงานจากบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะการที่อากาศหนาวเย็นจนเป็นน้ำแข็งปกคลุมไปทั่ว ทำให้พนักงานเดินทางไปทำงานลำบาก ซึ่งนับเป็นเรื่องดีที่เทคโนโลยีอันทันสมัยทำให้บริษัทประกอบธุรกิจได้ง่ายขึ้น สำหรับสภาอุตสาหกรรมอังกฤษ เป็นองค์กรผู้ประกอบการรายใหญ่สุดของประเทศ โดยมีสมาชิกราว 240,000 บริษัท .-สำนักข่าวไทย

2010-01-08 09:09:00

โคลอมเบียประกาศภัยพิบัติไฟป่า​

​

โบโกตา 8 ม.ค. – โคลอมเบียประกาศให้ไฟป่าหลายจุดซึ่งกำลังโหมลุกไหม้เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ และเผยว่า สหรัฐจะส่งอุปกรณ์ดับเพลิงมาให้ความช่วยเหลือ นับเป็นการกระชับความสัมพันธ์อีกขั้นระหว่างสองประเทศ

โคลอมเบียกำลังประสบภาวะภัยแล้ง เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอเมริกาใต้ โดยเกิดไฟป่าในพื้นที่ 11 จังหวัด จากทั้งหมด 32 จังหวัด ทางการโคลอมเบียออกคำสั่งปิดอุทยานแห่งชาติบางแห่งชั่วคราวแล้ว เนื่องจากเหตุไฟป่า ด้านประธานาธิบดีอัลวาโร อูริเบ แห่งโคลอมเบีย เผยว่า สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ดับเพลิง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างสหรัฐและโคลอมเบีย ทำให้ความสัมพันธ์ของโคลอมเบียกับประเทศเพื่อนบ้านฝ่ายซ้ายบางประเทศประสบปัญหา โดยประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลา เปิดเผยว่า ข้อตกลงทางการทหารซึ่งลงนามโดยโคลอมเบียและสหรัฐในเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา อาจนำไปสู่การรุกรานประเทศของตนได้ แต่ทั้งสองประเทศปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว -สำนักข่าวไทย

2010-01-08 10:22:31

กลาโหมสหรัฐอนุมัติขายอุปกรณ์ปรับปรุงจรวดแพทริออตให้แก่ไต้หวัน ​

​

ไทเป 7 ม.ค.-โฆษกของสถาบันอเมริกันในไต้หวัน ซึ่งเปรียบเหมือนสถานทูตสหรัฐ เปิดเผยว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐ อนุมัติขายอุปกรณ์ปรับปรุงจรวดแพทริออตให้แก่ไต้หวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขายอาวุธที่รัฐสภาสหรัฐ อนุมัติเมื่อกว่า 1 ปีมาแล้ว

กระทรวงกลาโหมยินดีให้บริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ได้สัญญาการปรับปรุงจรวดแพทริออตให้แก่ไต้หวัน ตามข้อตกลงขายอาวุธชุดใหญ่ที่รัฐสภาอนุมัติไปเมื่อปี 2551 ในสัญญาดังกล่าวประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ปรับปรุงจรวดขั้นต้น

การอนุมัติครั้งนี้คาดว่า จะสร้างความไม่พอใจให้แก่จีนซึ่งคัดค้านสหรัฐ ขายอาวุธให้แก่ไต้หวันมาโดยตลอด โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงข่าวเมื่อวันอังคารว่า รัฐบาลปักกิ่งได้หารืออย่างจริงจังในประเด็นนี้กับรัฐบาลวอชิงตัน โดยฝ่ายจีนเรียกร้องสหรัฐยกเลิกการขายอาวุธให้ไต้หวันเพื่อจะได้ไม่สร้างความเสียหายให้แก่ความสัมพันธ์ของสองประเทศ

ทั้งนี้ในข้อตกลงขายอาวุธที่รัฐสภาอนุมัติเมื่อเดือนตุลาคมปี 2551 มีมูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย จรวดแพทริออตรุ่นปรับปรุงใหม่ (รุ่นแพค 3) จำนวน 330 ลูก มูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สำหรับสัญญาที่บริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ในครั้งนี้มีมูลค่า 968.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งดูเหมือนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ในปี 2551.- สำนักข่าวไทย

2010-01-07 17:14:55

เหตุชนเผ่าซูดานปะทะเดือดมีผู้เสียชีวิตกว่า 140 คน​

​

ซูดาน 8 ม.ค. - เหตุปะทะจากความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าคู่อริ ทางภาคใต้ของซูดาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 140 คน ขณะที่หลายฝ่ายเตือนอาจปะทุเป็นสงครามกลางเมือง

เจ้าหน้าที่รัฐวารับ ทางภาคใต้ของซูดาน เปิดเผยว่า สมาชิกชนเผ่านัวร์บุกโจมตีผู้เลี้ยงปศุสัตว์ ซึ่งเป็นสมาชิกชนเผ่าดิงกา ในเมืองทองจ์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การปะทะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 140 คน ก่อนที่สมาชิกชนเผ่านัวร์จะยึดเอาปศุสัตว์หลายพันตัวของชนเผ่าดิงกาไป

สำหรับพื้นที่ที่เกิดการปะทะ เป็นดินแดนที่เรียกว่า เซาท์ ซูดาน ซึ่งทำสงครามกลางเมืองกับ นอร์ท ซูดาน มานานกว่า 22 ปี ขณะที่ทั้ง 2 ชนเผ่าในพื้นที่ภาคใต้ก็เกิดการปะทะจากความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน โดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากเหตุความขัดแย้งระหว่าง 2 ชนเผ่า มากกว่า 2,000 คน และว่า สถานการณ์อาจทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้. - สำนักข่าวไทย

2010-01-08 03:26:20

เกาหลีใต้พบการแพร่ระบาดของโรคปาก-เท้าเปื่อย​

​

เกาหลีใต้ 8 ม.ค. - พบการแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในเกาหลีใต้ ทำให้ทางการมีแผนจะกำจัดปศุสัตว์เพื่อระงับการแพร่ระบาด

การแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในปศุสัตว์ของเกาหลีใต้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยพบว่าโคนม 6 ตัว ของฟาร์มในเมืองโปชอน ซึ่งห่างจากกรุงโซลไปทางเหนือ 45 กิโลเมตร ติดเชื้อโรคดังกล่าว ทำให้ทางการต้องเตรียมแผนกำจัดโคนม 346 ตัว สุกร 1,500 ตัว รวมทั้งแพะและแกะอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ในรัศมี 500 เมตร เพื่อจำกัดวงการแพร่ระบาดของโรค และจะเข้มงวดเรื่องการขนย้ายสัตว์ในรัศมี 10 กิโลเมตร อย่างไรก็ดี โรคปากและเท้าเปื่อยในปศุสัตว์นี้ไม่ติดต่อสู่คน.-สำนักข่าวไทย

2010-01-08 09:22:27

ที่มา http://news.mcot.net/international/

 

วันที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 16:34 น. ข่าวสดออนไลน์


กทม.แจ้งปิดสะพานพงษ์เพชรขาออกสุดสัปดาห์นี้

เปลี่ยนราวสะพานฝั่งขาออก

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. นายจุมพล สำเภาพล ผอ.สำนักการโยธา (สนย.) กล่าวถึงกรณีข้อร้องเรียนของประชาชนที่พบว่าราวสะพานข้ามแยกพงษ์เพชร ฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปแยกแครายยังคงเป็นของเดิม ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนเหมือนอย่างสะพานตัวอื่น ทั้งๆ ที่สะพานดังกล่าวนั้นได้เปิดให้ใช้บริการแล้วว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของการปรับปรุงสะพานข้ามแยก แต่เหตุที่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนราวสะพานฝั่งขาออกนั้น เพราะระยะเวลาการปรับปรุงนั้นไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนราวสะพานอันใหม่ ทั้งนี้ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 9 ม.ค. จนถึงรุ่งเช้า ทางบริษัทผู้รับจ้างจะเข้าไปดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะไม่กระทบกับสภาพการจราจร เบื้องต้นจะใช้เวลาประมาณ 2 วันในการรื้อและเปลี่ยนราวสะพานใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงเวลา 05.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมคณะผู้บริหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อและผู้เกี่ยวข้อง เข้าตรวจการปิดการจราจรเพื่อซ่อมแซมสะพานข้ามแยกวงศ์สว่างฝั่งขาเข้า เป็นเวลา 45 วัน การปิดจราจรเป็นไปอย่างเรียบร้อย

ฮุนเซน"ไร้คู่แข่งรั้งเก้าอี้นายกฯ




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ในวันที่กัมพูชาจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 31 ปีการล่มสลายของยุคเขมรแดง เมื่อพล พตถูกโค่นอำนาจ มีชาวบ้านหลายพันคนในกรุงพนมเปญออกมาร่วมงาน นายเจีย ซิม ประธานพรรคซีพีพี และประธานวุฒิสภา กล่าวว่า นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีวัย 57 ปี จะเป็นตัวแทนพรรคเพียงหนึ่งเดียวที่ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยไม่มีคู่แข่ง หลังจากยึดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาตลอดนับจากการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2536

ด้านรอยเตอร์รายงานว่า การเมืองกัมพูชาตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึม หลังนายฮุน เซน ซึ่งครองอำนาจผู้นำมา 25 ปี ยาวนานที่สุดในเอเชียตอนนี้ ประกาศว่า จะจับใครก็ตามที่แจกใบปลิวต่อต้านตน เป็นการประกาศศึกครั้งใหญ่กับกลุ่มพลังเงียบที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม

ฮุน เซนกล่าวขู่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่า จะจับคนที่แจกใบปลิวต่อต้านตนหรือนโยบายรัฐบาล หลังได้เห็นใบปลิวที่ไปพิมพ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย และเตรียมนำมาแจกในกัมพูชาแล้ว พร้อมกับปฏิเสธว่า ตนไม่ได้ใช้ศาลเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูทางการเมืองจากกรณีที่ศาลกัมพูชาเพิ่งออกหมายจับกุมนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับตนมานาน พร้อมทั้งเตือนสม รังสี ที่ลี้ภัยอยู่ในยุโรปว่า ให้เตรียมตัวมารับโทษจำคุก เพราะจะไม่มีทางได้รับการอภัยโทษ

ท่าทีแข็งกร้าวของฮุนเซนเกิดขึ้นหลังจากที่ศาลเพิ่งออกหมายจับนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านที่นำชาวบ้านไปถอดหลักปักปันเขตแดนชายแดนติดกับเวียดนาม และกลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มที่ต่อต้านฮุน เซนต่างประณามว่ารัฐบาลฮุน เซนใช้อำนาจโดยมิชอบในการทำลายล้างฝ่ายค้านทางการเมืองจนหมดสิ้น

หมวยตกชั้น18รอดตาย!หิมะช่วย




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ไชน่าเดลี่รายงานวันที่ 7 ม.ค.ว่า หญิงชาวจีนรายหนึ่งในกรุงปักกิ่งรอดตายมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากพลาดตกระเบียงจากชั้นที่ 18 ของอาคารที่อยู่อาศัย ระยะสูงจากพื้นดิน 60 เมตร ระหว่างเดินออกไปตากผ้าปูที่นอน ผู้เห็นเหตุการณ์รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์เปิดเผยว่า กระดูกสันหลังร้าวหลายจุด คาดว่าที่หญิงสาวรอดมาได้เพราะมีพุ่มไม้ รวมไปถึงกองหิมะหนาจากการที่หิมะตกหนักช่วยรองรับไว้

วันเดียวกัน ซินหัวรายงานว่า ชาวจีนในหลายพื้นที่เผชิญภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิง เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นจัด เพราะเกรงว่าจะเกิดวิกฤตขาดแคลนไฟฟ้าจนเป็นอัมพาตทั่วประเทศอย่างเมื่อปี 2550 นอกจากนี้บางแห่งราคาสินค้าเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ พุ่งสูงขึ้นไปแล้วร้อยละ 10 ขณะที่ทางการเป็นห่วงว่าน้ำแข็ง และหิมะจะทำลายผลผลิตทางการเกษตรหนักขึ้น เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าจะมีหิมะตกหนักในอีกหลายวันข้างหน้า

จีนยะเยือก




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
เจ้าโอดี้ สุนัขพันธุ์ชิวาว่า วัย 6 ปี สวมเสื้อกันหนาวและรองเท้าเต็มยศ เดินจ๊อกกิ้งท้าลมหนาวกับเจ้านายในกรุงปักกิ่งของจีน ขณะที่ตอนเหนือและตอนกลางของจีนหนาวยะเยือกจากอิทธิพลของลมหนาวไซบีเรีย และหลายแห่งทางเหนือมีหิมะตกเป็นหิมะที่ปริมาณมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ชาวจีนต้องสร้างความอบอุ่นในบ้านจนเกิดภาวะขาดแคลนถ่านหินและพลังงาน (ภาพ-เอเอฟพี)
หมาใส่รองเท้าด้วยละ

"สวิตช์เบลด" แมงกะไซค์บินได้

หมุนก่อนโลก

วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขึ้นชื่อว่า "จักรยานยนต์" ย่อมจัดเป็นพาหนะประเภท "เนื้อหุ้มเหล็ก" อยู่แล้ว

ขนาดขี่บนท้องถนนยังเสี่ยงอันตราย...

แต่ขณะนี้นายแซม บอสฟิล ประธานบริษัทแซมซันมอเตอร์เวิร์กส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กำลังวางโครงการเสี่ยงครั้งใหญ่

ด้วยการเดินหน้าสร้าง "จักรยานยนต์บินได้" รุ่น "สวิตช์เบลด มัลติโหมด วีฮิเคิล"
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>


โดยมีลักษณะเป็นจักรยานยนต์ 3 ล้อ 1 ที่นั่ง

ยามวิ่งบนพื้นราบ คล้ายๆ ยวดยานพาหนะทั่วๆ ไป

แต่เมื่อต้องการขึ้นบิน จะสามารถสั่งให้ระบบ "กางปีก" ออกมา เพื่อ "เทก-ออฟ" ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า!

ในใจของนายบอสฟิลยอมรับว่า การพัฒนา "สวิตช์เบลด" ไม่ใช่เรื่องง่าย

เอาแค่ต้องออกแบบรถให้สอดคล้องกับ "กฎหมาย" ของกรมทางหลวงและสำนักงานการบินพลเรือนก็ยากเลือดตาแทบกระเด็น

อย่างไรก็ตาม บอสฟิลมั่นใจว่า นวัตกรรมนี้มีความปลอดภัยเพียงพอ เทียบเท่ากับเครื่องบินเล็ก

อาทิ ตัวถังทำจากพลาสติกเสริมแรง ประกบเข้ากับโครงเหล็กกล้า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 120-150 แรงม้า มีระบบปรับความดันภายในห้องโดยสาร และเติมน้ำมันไร้สารตะกั่ว

จุดเด่น "สวิตช์เบลด" คือ เมื่อทัศนวิสัยบนฟ้าไม่ดี คนขับก็เลือกนำเครื่องลงมาวิ่งบนถนนได้ ช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง

สำหรับสนนราคาถือว่าหนักพอสมควร โดยรวมทั้งตัวรถ เครื่องยนต์ และระบบการบิน ตกราวๆ 2,975,000 ล้านบาท

วัน-เวลาวางตลาดกำหนดไว้ไม่เกินปี 2554

น่าลุ้นอยู่เหมือนกันนะครับว่า จะมีเศรษฐีบ้าบิ่นกล้าซื้อไปซิ่งบนฟ้ากันสักกี่คัน!?!

ปิดซ่อมข้ามแยกวงศ์สว่าง กทม.แนะทางเลี่ยงหนีรถติด




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
วันนี้กทม.จะเริ่มปิดซ่อมสะพานเหล็กข้ามแยกวงศ์สว่าง ใช้เวลาปิดซ่อม 90 วัน

โดยจะเริ่มปิดซ่อมแซมและปิดการจราจรฝั่งขาเข้า มุ่งหน้า ถ.รัชดาฯ ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 8 ม.ค.ไปจนถึงวันที่ 7 เม.ย.นี้ จากนั้นจึงจะปิดการจราจรฝั่งขาออกติดห้างบิ๊กซี วงศ์สว่างเพื่อปรับปรุงต่อไป

นับเป็นสะพานข้ามแยกตัวที่ 5 ที่ปิดซ่อม หลังจากเริ่มปิดซ่อมสี่แยกรัชโยธินเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 52 ระยะเวลาปิดซ่อม 30 วัน, สี่แยกบางพลัดเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 52 ระยะเวลาปิดซ่อม 90 วัน, สี่แยกพงษ์เพชรเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 52 ระยะเวลาปิดซ่อม 90 วัน และพระรามที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 52 ระยะเวลาปิดซ่อม 90 วัน

โดยต่อจากนี้จะเริ่มทยอยปิดซ่อมสะพานตัวต่อไป ประกอบด้วย สี่แยกคลองตันเริ่ม 16 ม.ค. 53 ระยะเวลาปิดซ่อม 180 วัน, สามเหลี่ยมดินแดงเริ่ม 8 มี.ค. 53 ระยะเวลาปิดซ่อม 30 วัน, สี่แยกเกษตรเริ่ม 1 เม.ย. 53 ระยะเวลาปิดซ่อม 30 วัน, สี่แยกท่าพระเริ่ม 23 เม.ย. 53 ระยะเวลาปิดซ่อม 90 วัน และสี่แยกประชานุกูลเริ่ม 1 พ.ค. 53 ระยะเวลาปิดซ่อม 90 วัน

ในการปิดซ่อมสะพานแต่ละทิศทางจะใช้เวลากึ่งหนึ่งของระยะเวลารวมตามที่แจ้งไว้ข้างต้น ยกเว้นคลองตัน 4 สะพาน สะพานละ 45 วัน ขณะที่แยกดินแดงและแยกเกษตรปิดการจราจรทั้งสะพาน
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>


กทม.ชี้แจงการปิดซ่อมสะพานอย่างต่อเนื่องว่า เป็นไปตามแผนปรับปรุงสะพานทั้ง 10 แห่ง ที่มีอายุการใช้งานมานานกว่า 10-15 ปี และมีความชำรุดเสียหาย และผิวจราจร ราวสะพาน ฯลฯ เสื่อมสภาพ หากปล่อยไว้อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนได้

และแผนการปิดซ่อมสะพานก็พิจารณาร่วมกันะหว่างกทม. กองบัญชาการตำรวจนครบาล สถานีตำรวจทุกท้องที่ที่สะพานตั้งอยู่ เพื่อวางแผนการปฏิบัติให้เกิดผลกระทบต่อจราจรให้น้อยที่สุด

ส่วนที่มีประชาชนวิจารณ์ว่าทำไมต้องซ่อมในช่วงฤดูฝน กทม.อธิบายว่า ตามแผนการปิดปรับปรุงสะพานจะมีเพียง 3 สะพานที่ปิดซ่อมในช่วงหน้าฝน ส่วนอีก 7 สะพานที่เหลือจะดำเนินในช่วงนอกฤดูฝน เนื่องจากสะพานที่ต้องซ่อมมีถึง 10 สะพาน ไม่อาจปิดซ่อมแซมในช่วงปิดเทอมได้ทั้งหมด จึงต้องทยอยปิดซ่อม

ประโยชน์ที่ได้รับจากการซ่อมสะพาน คือ ความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้เส้นทาง, สะพานมีความมั่นคงแข็งแรงตามมาตรฐานสากล, สะพานรองรับการใช้งานปัจจุบันได้อย่างปลอดภัย, สะพานมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น, ขยายขีดความสามารถต้านทานแรงแผ่นดินไหว, อัตราการเสื่อมสภาพของสะพานลดลง และวางแผนดูแลและบำรุงรักษาสะพานได้อย่างถูกต้อง

ลักษณะงานซ่อมแซมกทม.แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วนคือ งานตรวจสอบและประเมินสภาพโครงสร้าง ดำเนินการตรวจสอบโดยศูนย์วิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และส่วนงานซ่อมแซมและปรับปรุงสะพาน

การปรับปรุงส่วนประกอบของสะพานที่ชำรุดเสียหายหรือเสื่อมสภาพ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานของประชาชน ประกอบด้วย ปรับปรุงผิวจราจรบนสะพาน ปรับปรุงโครงสร้างเชิงลาดสะพาน ปรับปรุงรอยต่อสะพาน ปรับปรุงยางรองสะพาน ปรับปรุงระบบระบายน้ำ

สำหรับการปิดซ่อมสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง เพื่อลดปัญหาจราจรติดขัด กทม.แนะเส้นทางเลี่ยงเอาไว้ในหลายเส้นทาง

โดยเส้นทางเข้าเมืองรถที่มาจากสะพานพระราม 7

1.ให้เลี้ยวซ้ายไป ถ.พิบูลสงคราม เข้าแยกแคราย เลี้ยวขวาเข้า ถ.งามวงศ์วาน เข้า ถ.วิภาวดีฯ

2.เลี้ยวซ้ายไป ถ.พิบูลสงคราม เข้าถนนแคราย เลี้ยวขวาเข้า ถ.เลียบคลองประปา ถึงแยกประชานุกูล เข้า ถ.วิภาวดีฯ

3.เลี้ยวซ้ายวนไป ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ถึงแยกบางโพ เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ถึงแยกบางโพ เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ประชาราฎร์สาย 2 ตรงไป เลี้ยวซ้ายแยก ถ.ประชาชื่น ตรงไปถึงแยกประชานุกูล เลี้ยวขวาเข้า ถ.วิภาวดีฯ

4.เลี้ยวซ้าย วนไป ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ถึงแยกบางโพ เลี้ยวซ้ายตรงไป ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 ขึ้นสะพานสูงบางซื่อเลี้ยวซ้ายไปทางสถานีรถไฟบางซื่อ เลี้ยวขวาเข้า ถ.เทอดดำริ U-TURN ซ้ายข้ามทางรถไฟไป ถ.กำแพงเพชร 5 ผ่านจตุจักร-อ.ต.ก.ถึงแยกลาดพร้าว เข้า ถ.วิภาวดีฯ

5.เลี้ยวซ้าย วนไป ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ถึงแยกบางโพ เลี้ยวซ้ายตรงไป ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 ขึ้นสะพานสูงบางซื่อ เลี้ยวขวา ถ.เตชะวณิช ถึงแยกสะพานแดงเลี้ยวซ้าย ตรงไป ถ.ประดิพัทธ์-สุทธิสารเข้า ถ.วิภาวดีฯ

ส่วนเส้นทางออกเมือง รถที่มาจากสะพานรัชวิภา

1.เลี้ยวซ้าย ถ.ประชาชื่น ถึงแยกประชาชื่นเลี้ยวขวาเข้า ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 ถึงแยกบางโพ เลี้ยวขวาเข้า ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ไปสะพานพระราม 7

2.เลี้ยวขวา ถ.ประชาชื่น ถึงแยกพงษ์เพชรเลี้ยวซ้าย ถึงแยกแครายเลี้ยวซ้าย เข้า ถ.พิบูลย์สงคราม ไปสะพานพระราม 7

สำหรับใครที่มีข้อเสนอแนะและข้อซักถามติดต่อได้ที่โทร.1555, 1197

ก่อนออกจากบ้านคงต้องวางแผนการเดินทางให้ดี

แผนการระบายน้ำ

แยกประชาชื่น

ล็อกล้อ



กลางสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ

ปัญหาที่ตามมายังคงเหมือนเดิม คือ เกิดน้ำท่วมขังบนถนนหลายสาย และทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก

เพราะฝนตกลงมาในช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงตอนเย็น ซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนหลังเลิกงาน

โดยย่านถนนรามคำแหงเป็นจุดที่มีการจราจรติดขัดที่สุด เพราะเป็นจังหวะที่มีการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติจอร์แดน

ส่วนถนนที่ติดขัดสาหัสจากปัญหาน้ำท่วมขังก็ยังคงเป็น ถนนศรีนครินทร์ ถนนรัชดาภิเษก และถนนแจ้งวัฒนะ

แต่ละสายมีน้ำท่วมสูงเกือบ 20 เซนติเมตร

ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ จุดที่เกิดปัญหาก็ยังคงเป็นจุดเดิมๆ ที่เกิดปัญหาแบบเดิมซ้ำๆ กันอย่างนี้ทุกครั้ง

แต่กทม.ก็ยังไม่สามารถดูแลแก้ไขผ่อนหนักให้เป็นเบาได้สักครั้ง

ด้วยข้อจำกัดที่ว่า กทม.ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ถ้าปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเกินกว่า 60 ม.ม.ต่อชั่วโมง

แม้จะเป็นเหตุผลที่น่าเห็นใจ

แต่ถ้ากทม.ยังคงเหตุผลนี้มากล่าวอ้าง โดยไม่ได้ลงมือแก้ไข หรือปรับปรุงศักยภาพในการระบายน้ำจากผิวการจราจร

จากเหตุผลก็เป็นได้แค่ข้ออ้างปัดความรับผิดชอบ หรือข้ออ้างในการใช้งบประมาณแก้ปัญหา ที่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ

จากภาวะโลกร้อนทำให้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปจนคาดเดาได้ยาก

ซึ่งเห็นได้ชัดเมื่อประเทศไทยมีฝนตกหนักได้ในทุกฤดู

ในเมื่อกทม.เองก็ให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ความพยายามกอบกู้โลกของกทม.ก็น่าชื่นชม แต่ถ้าจะให้น่าชื่นชมยิ่งขึ้นไปอีก กทม.ก็ควรเร่งกอบกู้ชาวกทม.ให้ออกจากปัญหาซ้ำซากเหล่านี้

คงถึงเวลาที่กทม.ต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนแผนการระบายน้ำที่ใช้อยู่เป็นประจำทุกปี ให้สอดคล้องกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

หลังความพยายามที่จะแก้ปัญหา ถึงจะไม่เสร็จสมบูรณ์ ก็ยังน่าเห็นใจต่อความพยายามที่เกิดขึ้น

หลวงตาบัวเตรียมมอบทอง



พระสมภพ อภิวัณโณ พระเลขานุการของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตามที่หลวงตามหาบัว ได้จัดตั้งโครงการช่วยชาติ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อรับบริจาคทองคำ และเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งเงินสกุลอื่นๆ จากศรัทธาประชาชนทั่วทุกสารทิศ เพื่อนำเข้าคลังหลวง หรือบัญชีฝ่ายออกบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เพิ่มพูนมั่นคงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาหลวงตามหาบัวได้มอบทองคำและเงินดอลลาร์เข้าคลังหลวงไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 14 ครั้ง ได้ทองคำน้ำหนัก 11,637.5 กิโลกรัม และเงินดอลลาร์ 10,214.600 เหรียญสหรัฐ โดยดำเนินโครงการมาเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2541 เป็นต้นมา และได้ปิดโครงการนี้ไปแล้ว ดังนั้น เมื่อโครงการดังกล่าวสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว แต่ยังมีผู้มีจิตศรัทธาและเห็นประโยชน์ของโครงการในการอุดหนุนชาติ ได้นำทองคำมาถวายให้กับหลวงตามหาบัว จนถึงขณะนี้มียอดในการรับบริจาคทองคำรวมกว่า 450 กิโลกรัม ทางวัดจึงกำหนดทำพิธีมอบเข้าคลังหลวงเป็นครั้งที่ 15 เพื่อช่วยประกันความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ในภาวะปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยจะมีพิธีมอบทองคำเข้าคลังหลวงในวันที่ 9 มกราคม 2553 เวลา 11.00 น. ที่ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธี ถือเป็นอีกวาระหนึ่งที่สาธุชนคนไทยทั้งหลายจะได้ร่วมกันอนุโมทนาสาธุการกับจิตใจแห่งความรักชาติ เสียสละ และรู้รักสามัคคีของชาวไทย ทั้งส่วนที่อยู่ในประเทศและที่พำนักอยู่หลายประเทศทั่วโลก ให้กลายมาเป็นทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 412.5 กิโลกรัม ซึ่งหลวงตามหาบัว จะมอบเข้าคลังหลวงเป็นครั้งที่ 15 และเมื่อรวมกับทองคำที่มอบไว้ครั้งก่อน จะมีมากถึง 12,050 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน กว่า 14,000 ล้านบาท"

เหยื่อสุดท้ายโดน2ปรมาณู-ลาโลก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เอพีรายงาน เมื่อ 6 ม.ค. ว่า นายทสึโตมุ ยามะงุจิ ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวอย่างเป็นทางการจากเหตุการณ์การโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐ ทั้งที่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของญี่ปุ่น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 93 ปี ด้วยโรคมะเร็งหน้าท้อง

ช่วงที่สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรก นายยามะงุจิกำลังอยู่ที่เมืองฮิโรชิม่า เพื่อติดต่อธุรกิจต่อเรือ ทำให้บาดเจ็บสาหัสเป็นแผลไหม้ครึ่งตัว เมื่อพักรักษาตัวแล้วจึงเดินทางกลับบ้านในเมืองนางาซากิ ปรากฏว่าเป็นช่วงที่สหรัฐโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 อีกครั้ง กระทั่งญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ใน 6 วันถัดมา

นายยามะงุจิ กล่าวว่า ปริมาณกัมมันตรังสีในตัวของตน เป็นเสมือนเครื่องเตือนใจให้คนรุ่นหลังรู้ถึงประวัติศาสตร์อันน่าสะพรึงกลัวของระเบิดปรมาณูในครั้งนั้น นายยามะงุจิยังเคยขึ้นกล่าวในเวทีการประชุมสหประชาชาติปี 2549 ว่าอาวุธดังกล่าวสมควรถูกกำจัดทิ้งให้หมดไปจากโลก

ถุงนอนเคลื่อนที่

เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เรื่องคิดสินค้าอะไรแผลงๆ นี่ต้องยกให้พี่ยุ่นเค้าล่ะ!

เว็บข่าวพิสดารเอเชีย "weirdasianews" บอกว่า ของแปลกล่าสุดจากญี่ปุ่น ก็คือเจ้า "ถุงนอนบวกผ้าห่ม" ชนิดสวมใส่ได้ชุดนี้นี่แหละ

เวลาต้องออกจากบ้านไปเผชิญลมหนาว ก็ใส่ออกไปเดินถนนได้เลย หรือถ้าอยู่ในบ้านก็ใช้เป็นถุงนอนแสนอุ่น

แหม่...ไอเดียก็พอไหวอยู่หรอก แต่ดูๆ ไปมันคล้ายๆ เอา "ถุงขยะ" มาสวมอยู่นา!?




5ดาวใหม่นอกระบบสุริยะ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>บีบีซีรายงานว่า สำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (นาซ่า) เผยความคืบหน้าการส่งกล้อง โทรทรรศน์อวกาศ "เคปเลอร์" สำรวจห้วงจักรวาล ว่า ล่า สุดกล้องตรวจพบดาวเคราะห์ 5 ดวงแรกที่อยู่นอกระบบสุริยจักรวาล และประกาศชื่อดาวเคราะห์ทั้ง 5 ต่อที่ประชุมสมาคมดาราศาสตร์อเมริกันว่า เคปเลอร์ 4b, เคปเลอร์ 5b, เคปเลอร์ 6b, เคปเลอร์ 7b และเคปเลอร์ 8b

ดาวเคราะห์ที่พบมีขนาดแตกต่างกัน ไล่ตั้งแต่ดวงเล็กที่สุด มีรัศมีใหญ่กว่าโลก 4 เท่า ไปถึงดวงที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดี โดยโคจรอยู่ใกล้ดาวแม่ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ ใช้เวลาโคจรครบ 1 รอบ 3.2-4.9 วันเท่านั้น แตกต่างจากโลกซึ่งใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 365 วัน

"การที่พวกมันโคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ส่งผลให้อุณหภูมิของดาวเคราะห์แต่ละดวงสูงถึง 1,200-1,650 องศาเซลเซียส จึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้" นาซ่า แถลง

รายงานแจ้งว่า นาซ่าส่งกล้องเคปเลอร์ขึ้นสู่อวกาศเมื่อต้นเดือนมีนาคมปีก่อน หลังจากนั้นตรวจพบเทหวัตถุที่มีความเป็นไปได้ว่าคือดาวเคราะห์หลายร้อยดวง

อวบสวยได้



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>นิตยสารวี V Magazine สหรัฐ ฉบับ 14 ม.ค.2553 นำเสนอภาพแฟชั่นของนางแบบหุ่นอวบและตุ้ยนุ้ย ในชุดแบรนด์เนมของกุชชี่และดอยเช่แอนด์แกบบานา เป็นปรากฏการณ์ของวงการแฟชั่นที่หันมาเอาใจสาวที่ไม่ได้หุ่นเพรียว เมื่อ 6 ม.ค. (เดลี่เมล์)






ยุ่นสร้างปลาทองพันธุ์ใหม่-เห็นอวัยวะภายใน



เดลี่เมล์รายงานว่า นักวิจัยในประเทศญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการสร้าง "ปลา ทอง" ที่มีผิวหนังโปร่งแสงและโปร่งใสจนสามารถมองเห็นอวัยวะภายในด้วยตาเปล่า

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยูตากะ ทามารุ แห่งภาควิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยมิเอะ ผู้นำการวิจัย ให้สัมภาษณ์ว่า ปลาทองโปร่งใสดังกล่าวเกิดจากการนำเอาปลาทองกลายพันธุ์ ซึ่งบนตัวมีผิวสีซีดสองชนิดมาผสมพันธุ์กัน เพื่อให้เม็ดสีบนผิวของปลาทองรุ่นลูกเกิดความผิดปกติ

ผลลัพธ์ปรากฏว่า ได้ปลาทองที่มองเห็นทั้งสมอง หัวใจ และอวัยวะภายในอื่นๆ ทำให้การเรียนการสอนด้านชีววิทยาในอนาคต ไม่ต้องนำปลาทองมาฆ่าชำแหละดูอวัยวะภายในอีกต่อไป

"เราคาดว่าปลาทองโปร่งใสจะมีอายุอยู่ได้ราวๆ 20 ปี เมื่อโตเต็มที่ลำตัวจะยาว 25 เซนติเมตร หนัก 2 กิโลกรัมเศษๆ ถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าปลาประเภทอื่นๆ ที่เราเคยนำมาทดลองในลักษณะเดียวกัน" ทามารุ เผย

อภิมหาตึกระฟ้า ปลุกภัยแผ่นดินไหว?

หมุนก่อนโลก

วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวานเล่าถึงการประกาศศักดา "เทคโนโลยีขนส่งมวลชน" ผ่านรถไฟหัวกระสุนสาย "ฮาร์โมนี่เอ็กซ์เพรส" ของพญามังกรจีน ซึ่งวิ่งทำความเร็วสูงสุดในโลก

วันนี้ขอข้ามทวีปมายังภูมิภาค "ตะวันออกกลาง" ตามดูความสำเร็จของการเปิดใช้สถาปัตยกรรม "ตึกระฟ้า" อภิมหาสูงที่สุดในโลกแห่งใหม่

"บูร์จ ดูไบ" ของนครรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

เจ้าของความสูง 828 เมตร...รวมแล้วกว่า 160 ชั้น!

เฉพาะตัวตึกมีมูลค่า 52,500 ล้านบาท ถ้าบวกกับราคาที่ดิน-อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ โดยรอบจะพุ่งไปถึง 700,000 แสนล้านเลยทีเดียว!

ถือเป็นเอาฤกษ์เอาชัยต้อนรับศักราชใหม่ของดูไบ ภายหลังปีที่ผ่านมาต้องเผชิญมรสุมวิกฤตการเงิน หมดปัญญาชำระหนี้นับแสนล้านบาท

แต่เคราะห์ดีได้ "นครรัฐอาบูดาบี" ขี่ม้าขาวช่วยปล่อยกู้ จึงรอดพ้นปัญหาล้มละลายหวุดหวิด

และด้วยเหตุนี้เองว่ากันว่า ทำให้ฝ่ายดูไบตัดสินใจเปลี่ยนชื่อตึกใหม่เป็น "บูร์จ คาลิฟา" เพื่อเทิดพระเกียรติ "ชีก คาลิฟา บิน ซาเอด อัล นาห์ยัน" เจ้าผู้ครองนครอาบูดาบีและประธานาธิบดียูเออีคนปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความวิตกกังวลในเชิงวิทยาศาสตร์ ก็คือ

ต้องติดตามคอยดูอย่างใกล้ชิดว่า ในอนาคต โครงสร้าง-น้ำหนักมหาศาลหลายพันตันของ "บูร์จ ดูไบ"

จะส่งผลกระทบทาง "ธรณีวิทยา" เหมือนเมื่อครั้งที่อดีตแชมป์เก่าตึกสูงสุดในโลกอย่าง "ไทเป 101" ของเกาะไต้หวัน..

จนมีส่วนเพิ่มความเสี่ยง กระตุ้นให้เกิด "แผ่นดินไหว" บ่อยขึ้นด้วยหรือไม่!?

เพราะในทางทฤษฎี แรงกดทับจากสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่เหนือพื้นโลก เช่น เขื่อนและตึกระฟ้า สามารถส่งผ่านลงสู่ใต้ดิน ทำให้โครงสร้าง "เปลือกโลก" เปลี่ยนแปลง-ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ซึ่งหมายถึงปรากฏการณ์แผ่นดินไหวนั่นเอง

เมื่อมนุษย์ต้องการเอาชนะธรรมชาติ ก็น่าเป็นห่วงว่าธรรมชาติจะสยบยอมโดยดีหรือไม่!!

 

นอร์เวย์ กับ ปี ค.ศ. 2012
โดยคุณ jesdath


​

นักการเมืองของประเทศนอร์เวย์ ได้พยายามสืบเรื่องการสร้างอุโมค์ลับ--ที่หลบภัยของประเทศนี้---ทำเพื่ออะไร-เพื่อความปลอดภัยของประชาชน แล้วจะเสร็จเมื่อไำหร่--"ปี 2011ครับ"- (แล้วทำไมต้องเสร็จปีนี้ด้วย) ยุ้งเก็บอาหาร(เพื่ออยู่ได้ 5 ปี-น้ำก็ต้องมีบ้าง) ได้ถูกสร้างบริเวณรอบเมืองสวาลบาร์ดด้วยความร่วมมือของอเมริกาและชาติอียูทั้งหลาย มีการเตรียมพื้นที่ของนักวิทย์และพวกแพทย์ รวมแล้วประมาณ สองล้านคน

ส่วนอีก สองล้านหกแสนจะมีอนาคตที่มืดดำ (ผู้เขียนเรื่องนี้จะหลบลงใต้ดินของเขตทหาร ซึ่งสร้างไว้อย่างปลอดภัย) มีประตูบานใหญ่ และรถรางที่จะเชื่อมส่วนต่างๆ ฐานใต้ดิน --บังเกอร์(มีเรือขนาดใหญ่)เข้าด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลนอร์เวย์เริ่มสร้า่งและปกปิดข้อมูลมาตั้งแต่ปี 1983 มาจนทุกวันนี้ นักการเมืองใหญ่จะรู้เรื่องนี้ และจำใจปกปิด เพราะกลัวโดนตัดรายชื่อออก-เพราะถึงเวลานั้น จะมีรถรางแค่ 12 ขบวนที่จะทำไปสู่เรื่อยักษ์(โครงการโนอาห์) พวกนี้

ผมผู้เขียนขอบอกว่า เชื่อร้อยเปอร์เซนต์ว่าสิ่งต่างที่เป็นภัยพิบัตินี้จะเกิดขึ้น มนุษยชาติต้องมีอยู่ต่อไป มีเวลา 4 ปีที่จะปิดเกมส์ ด้วยอาวุธต่างๆประหารกันเอง ก็จะเหลือกลุ่มสุดท้ายที่รอดชีวิต (อีกแหล่งข่าวบอกว่ารัฐบาลนอร์เวย์ได้สร้างธนาคารเมล็ดพันธ์ราคา 5 ล้านดอลล่าร์ ที่เมืองสปิทเบอร์เก้น เพราะจากแนวโน้ม(คอมิวเตอร์พล็อต)เรื่องโลกร้อน ที่นี่จะกลายเป็นเขตที่เย็นมากที่สุด)--อีกข่าวหนึ่งบอกว่า มีเหตุหลายอย่างที่เตรียมรับมือไว้ ได้แก่ ภาวะโลกร้อน ,การรุกรานจากต่างดาว, การก่อการร้าย --อีกข่าวหนึ่งบอกว่า มี 3 ชาติ รวมทั้งนอร์เวย์ ได้ส่งยานสำรวจออกไปในปี 1983 ว่ามีดาวนิบิรูอยู่จริงหรือไม่ ดาวนี้ใหญ่กว่าดาวพฤหัสถึง 5 เท่า บ้างว่าเป็นดาวคู่แฝดกับดวงอาทิตย์

ทุกครั้งที่ผม(ผู้เขียนเรื่อง)ส่งข้อมูลเรื่องนิบิรูไปยังผู้นำประเทศต่างๆ จะไม่มีการตอบกลับมา ซึ่งแสดงว่า ผู้นำทุกชาตินั้นรู้แล้ว แต่ไม่ต้องการให้มวลชนเกิดการตื่นตกใจ จะทำไห้เศรษฐกิจทั้งโลกหยุดขะงักได้ ข่าววงในกล่าวว่า อิสราเอล และชาติอื่นก็ทำอุโมงค์แบบนี้อยู่ (พม่าก็ด้วยหรือไง) อันนี้ยังไม่รวมที่มีการเจาะอุโมงค์ขนาดยักษ์์ โดยทำเป็นฐานบัญชาการของประธานาธิบดี เมื่อเกิดภัยต่างๆ รวมทั้งสงครามนิวเคลียร์ ได้ยินว่าบ้านของ บิลเกต์ ก็เจาะเป็นอุโมงค์ยักษ์แบบนี้ ใหญ่ขนาดสิบล้อหรือรถบัสวิ่งเข้าไปได้สบายๆ

jesdath 7 มกราคม 2553 20:18:17 น.

ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกมากมาย ติดตามอ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

• ชาวต่างดาวฝ่ายธรรมมะ-ชาวพลีอิเดี้ยน-พลีจารัน
• นอร์เวย์กับ2012--เอดส์คือสงครามเชื้อโรค
• การสร้างญาณ-ความหยั่งรู้-ญาณขณะหลับฝัน
• ทบทวนตัวเอง
• ข่าวถึงผู้อ่าน--ด่วนครับ
• ข่าวย่อยและสุขภาพ
• แปรความแค้นให้เป็นพลัง
• แจกฟรี-มีไอเดีย
• ข่าวอนาคตเมืองไทยและโลก
• เรื่องดีๆ-เบาสมอง
• ภาพข่าวสิ่งลี้ลับบนดาวอังคาร
• ฮาแตกเพราะโดนแหกตา-โครงการอพอลโล่ปาหี่
• 2012 คำบอกเล่าจากต่างดาวและหลักฐาน
• 2012 ที่ผมคิดได้แล้ว-มาจับเข่าคุย
• อิลลูมิเนติ-ฟรีเมสัน-องค์กรลับครองโลก-ภาค 3
• ข่าวต่างดาวภาค2-ภาพที่น้อยคนนักจะเคยเห็น
• อิลลูมิเนติ-ฟรีเมสัน-องค์กรลับครองโลก-ภาค 2
• ความน่าพิศวงของเทคโนโลยี่ยุคก่อน
• ชะตามนุษย์ปี2012-และองค์กรลับอิลลูมิเนติ-ฟรีเมสัน
• มนุษย์ต่างดาว-ชาวอาร์คทอเรี่ยน
• ภาพข่าวต่างดาว
• นวนิยาย-กรรมแห่งรัก
• ข่าวด่วนจากชาวต่างดาว
• มนุษย์ดาวอังคารอยูในทำเนียบขาว 3 ปี
• ข่าวล่าสุด
• ปฎิบัติแต่ข้อธรรมมะสูงๆ แต่ลืมคุณธรรมพื้นฐาน-แก้ไขแล้ว
• อดีตชาติของผมเอง
• จิปาถะ นานา(ไร้)สาระ
• อาวุธชนิดใหม่-การบังคับลมฟ้าอากาศ
• วัดแห่งแรกของไทย--ไปถึงพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย
• เรื่องสำคัญมาก-ที่ไม่อยากพูด
• (ปฏิบัติธรรม)ทำอย่างไร-ไล่จับเงา-จะเอาอะไร
• จุลจักรวาล 10 มิติ-ช่วงเวลากำเนิดจักรวาล
• ความงามเป็นพิษ-ชีวิตกับกรรม
• ศาสนาอนาคต-ศาสนาสากล
• ความรักไม่ใช่ความใคร่
• มารู้จักกับมนุษย์ต่างดาว เผ่า เกรย์ กันครับ
• ทฤษฎีโกลาหล(เคออส)-อนุกรมแมนเดิลบร็อท-สิ่งทรงปัญญาสูงสุด
• บรรลุธรรมแบบส้มหล่น--มาโดยประมาท
• อะไรกันวะ..ธรรมมะกับทางโลก
• ปัญหาเสียวสวาสดิ์--จักรวาลวิทยา-ปัญหาธรรม
• จดหมายถึงพี่สาว
• ศัพท์ลี้ลับ-พระพิฆเณศ
• อย่าดูถูกผู้ชาย-อย่าทำร้ายทุกชีวิต
• วัตถุ-จิตใจ-สรรพสิ่ง-นิพพาน- และจากใจของผม
• ฝันหรือจิต...
• พลังลี้ลับ
• กรรมที่ทำกับแม่
• แม่--สตรีเหล็กหัวใจเพชร
• ธรรมะคืออะไร
• ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านครับ
• คนธรรมดา ชีวิตธรรมดา บรรลุธรรมได้ไหม
• เล้นทางสายธรรม ตอน 2 ผลพลอยได้ของการปฎิบัติ The Side Effect
• เรื่องทุกขลาภ เป็นคุณ คุณจะยอมไหม
• อิทธิฤทธิ์ แอนด์ เดอะ ปาฏิหารย์
• เจ้ากรรมปะทะนายเวร
• เดินทางสายธรรม--ง่ายหรือยากลำบาก
• สัตว์ประหลาด งูหัวคน และอื่นๆ
• โลกจะสิ้นสุดปี 2012 จริงหรือ
• ดนตรีเพื่อผ่อนคลายความเครียด ทำสมาธิ และกล่อมนอน
• แก้กรรม

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=secret-world&date=05-01-2010&group=1&gblog=61

 

นอรเวย์เปิดธนาคารเมล็ดพันธุ์ใต้ภูเขา​

​

​

นอรเวย์เปิดธนาคารเมล็ดพันธุ์ใต้ภูเขาในเขตขั้วโลกเหนือ เพื่อปกป้องพวกมัน ในกรณีที่ธนาคารเมล็ดพันธุ์อื่นๆทั่วโลก เสียหายจากสาเหตุนานับประการ

นายกรัฐมนตรี เจนส์ สโตลเทนเบิร์ก ของนอรเวย์ ประกอบพิธีเปิดห้องเก็บเมล็ดพันธุ์พืชที่อยู่ใต้ภูเขา บนหมู่เกาะหินปะการังของนอรเวย์ ที่อยู่ห่างไกลชื่อ สวาบาร์ด ในเขตขั้วโลกเหนือ เพื่อปกป้องเมล็ดพันธุ์ของโลกจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ สงคราม และความวิบัติอื่นๆ

นายกรัฐมนตรีบอกว่าช่วงที่ปัญหาสภาพอากาศและอื่นๆ มีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายต่อความหลากหลายของชีวิต นอรเวย์ภูมิใจที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสถานที่ที่สามารถปกป้องสิ่งที่ไม่ได้เป็นเฉพาะแค่เพียงเมล็ดพันธุ์พืช หากแต่เป็นพื้นฐานของความเจริญของมวลมนุษยชาติ งานนี้ หนึ่งในแขกสำคัญที่มาร่วมพิธี ก็รวมถึงนายโฮเซ่ มานูเอล บาร์รูซู ประธานคณะกรรมการยุโรป และนาง วังการี มาไธ เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพชาวเคนยา

คลังเก็บเมล็ดพันธุ์พืชที่นี่ อยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือราว 1 พันกิโลเมตร และอยู่ลึกลงไปใต้ภูเขาที่หนาวเย็นจัด 130 เมตร มันจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสำรองของธนาคารเมล็ดพันธุ์ต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลก นอรเวย์ใช้งบในการจัดสร้างกว่า 9 ล้านดอลล่าร์

มันมีชื่อเล่นว่าเรือโนอาห์ของพืช ที่นี่สามารถจัดเก็บตัวอย่างเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วโลก 4 ล้าน 5 แสนชุด มันมีระบบป้องกันเมล็ดพันธุ์จากภัยพิบัติทั้งจากธรรมชาติ และที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ การที่มันอยู่ใต้ภูเขาที่เย็นจัดตลอดปี มันจึงสามารถทนต่อการโจมตีของแผ่นดินไหว และอาวุธนิวเคลียร์ได้

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=220857

 

ข้าพเจ้า ดีใจมากๆๆที่ยังมีคนดีๆๆในสังคนไทยแบบ คุณเกษม ที่ได้สละเวลาที่มีประโยชน์ของตนเองเพื่อประโยชน์แก่คนส่วนมาก ข้าพเจ้าขอนับถือท่านเป็นอย่างมาก เยิ่ยมจริงๆๆ
ในอนาคตข้างหน้าเราคงจะได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับท่านสักครั้ง เยิ่ยมจริงๆๆ

 

ถอดรหัส corp circles

<object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/N6QMxgWCtls&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/N6QMxgWCtls&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>

 

กรุงเทพอาจมีชะตากรรมเหมือนโยนกนคร ที่กลายเป็นทะเลสาปเชียงแสน
------------------------------------------------------------------------------------------
ธรรมปฏิเวธ เรื่อง ธาตุน้ำบนโลกเปลี่ยนแปลงไปเกินกว่าที่ตาเห็น




มนุษย์มักเชื่อในสิ่งที่ตามองเห็น แต่กว่าจะเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ก็สายเกินไปเสียแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เราเชื่อว่าโลกร้อนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเป็นน้ำลงทะเล แต่เราไม่คิดต่อเลยว่าน้ำแข็งละลายลงน้ำทะเลอย่างเดียวจริงๆ หรือ มันไม่จริงหรอก ไปได้หลายทาง สิ่งที่ตามองไม่เห็นตอนนี้คือ น้ำแข็งขั้วโลกมีการ “ระเหิด” ด้วย โดยน้ำแข็งขั้วโลกเหนือระเหิดกลายเป็นไอน้ำขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมาก และปริมาณไอน้ำจำนวนมากนี้ ได้แผ่ขยายลงมาทางด้านล่าง โดยพื้นที่ส่วนใกล้ขั้วโลกเหนือจะได้รับอิทธิพลความเย็น ทำให้ไอน้ำเหล่านั้นมีสภาพเป็น “หิมะ” ดังนี้ หิมะปริมาณมากจึงตกที่จีน, อังกฤษ และประเทศในเขตหนาวเหนือเส้นศูนย์สูตร ในขณะเดียวกันไอน้ำปริมาณมหาศาลได้แผ่ขยายลงมาถึงประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรด้วย ทำให้ปะทะกับมวลอากาศร้อนของพื้นที่แถบเส้นศูนย์สูตร กลายเป็นไอน้ำ ไม่ใช่หิมะ (ในช่วงแรก แต่มันจะไม่ใช่ในช่วงต่อๆ ไป) ไอน้ำปริมาณมาก เมื่อกระทบกับภูเขา ต้นไม้ ทำให้จับตัวกลายเป็นน้ำค้าง หยดน้ำ และทำให้น้ำปริมาณมากตกลงตามภูเขา ทำให้ต้นไม้และป่าที่เสื่อมโทรมฟื้นคืนสภาพได้




ไม่เท่านี้ ไอน้ำที่มีปริมาณมาก เมื่อเคลื่อนตัวลงมาเรื่อยๆ มันจะขับดับไล่ให้อาการร้อนจากแถบเส้นศูนย์สูตรลงไปด้านล่าง ทำให้ประเทศออสเตรเลีย ประสบภาวะร้อนและแล้งจัดอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ แต่นี่เป็นระยะเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อมวลอากาศร้อนถูกขับลงมา มันมีความเบากว่าจะลอยขึ้นสูง แต่มวลอากาศเย็นหนักกว่าจะลอยเรียบต่ำใกล้พื้น ดังนั้น มวลอากาศเย็นจะมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู ที่มีคางแหลมๆ ค่อยๆ ยื่นคืบคลานไปที่ขั้วโลกใต้อย่างช้าๆ ส่วนมวลอากาศร้อนก็จะไหลเทลงไปทางขั้วโลกใต้ โดยถูกดันให้ไหลขึ้นบนและพัดไปทางขั้วโลกใต้ ในท้ายที่สุด มวลอากาศร้อนเหล่านี้จะรวมตัวกันเหนือขั้วโลกใต้ปริมาณมาก และทำให้น้ำแข็งขั้วโลกใต้ละลายอย่างฉับพลัน ระดับน้ำทะเลที่ขั้วโลกใต้จะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แบบทีละน้อย ไม่ใช่ตามสูตรที่คำนวณกัน แต่มันจะเพิ่มขึ้นแบบฉับพลัน เพราะมวลอากาศร้อนที่ถูกไล่ลงมารวมตัวกันนั่นเอง และผลสุดท้ายคือ ออสเตรเลียจะถูกน้ำทะเลมหาศาลจู่โจมชนิดไม่ทันตั้งตัว ยิ่งกว่าคลื่นสึนามิ




น้ำแข็งขั้วโลกที่กำลังละลายไม่ได้มีภัยเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำแล้ว มันจะเป็นน้ำเย็นก่อน มีมวลหนักกว่าน้ำร้อน มันจึงไหลลงด้านล่างต่ำสุด และพาเอาความเย็นและความดันที่มากขึ้นลงพื้นทะเลเบื้องล่าง ทำให้สัตว์น้ำทะเลที่อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลตายเรียบ เมื่อตายแล้วเพราะอุณหภูมิและความดันเปลี่ยนแปลงฉับพลันนั้น มันก็ค่อยๆ ไหลต่อไป จนถึงฝั่ง ก็พาซากสัตว์ที่ตายนั้นมาเกยฝั่ง ดังนี้ เราจึงได้พบสัตว์ทะเลลึกจำนวนมาก ขึ้นมาเกยฝั่งตายจำนวนมาก เมื่อใดก็ตามที่เราพบซากสัตว์เหล่านั้น ให้ทราบเถิดว่าน้ำทะเลที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งนั้นได้เคลื่อนตัวถึงฝั่งเช่นกัน นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของน้ำ น้ำทะเลที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งนั้น ไม่มีเกลือผสมอยู่ ทำให้มันมีค่าออสโมซิสที่แตกต่างจากน้ำทะเลทั่วไป อัตราการแพร่เข้าสู่ฝั่งของน้ำทะเลที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งมีมากกว่า เพราะไม่มีเกลือช่วยละลาย การละลายของเกลือเกิดขึ้นไม่ทัน เพราะไม่มีใครช่วยกวนทะเล ให้เกลือละลายพอดีกัน ดังนั้น น้ำทะเลพวกนี้จึงเค็มน้อยลง และสัตว์ทะเลจำนวนมากตายเพราะเหตุที่ความเค็มลดลง เมื่อมันเค็มน้อยลง จึงมีอัตราการแพร่เข้าสู่แผ่นดินได้มากขึ้น ดังนั้น มันได้ส่งผลกระทบต่อใต้พื้นดินต่ออีก นั่นคือ น้ำปริมาณมหาศาลได้แพร่เข้าทางใต้ดิน ในปริมาณและความเร็วที่มากกว่าปกติ และการแพร่ที่รวดเร็วนั้นส่งผลให้เกิดการ “กัดเซาะ” ส่วนโครงสร้างทางธรณีวิทยาเก่าก่อน และทำให้โพรงใต้ดินถูกทำลาย เมื่อโพรงใต้ดินถูกทำลายแล้ว จึงส่งผลให้แผ่นดินด้านบน “ยุบตัว” ดังนั้น ปัญหาแผ่นดิบยุบตัวจึงเกิดขึ้นตามมามากมาย



ที่น่ากลัวคือ เมืองที่สร้างด้วยอิฐหินน้ำหนักมากๆ ระยะไม่ไกลจากฝั่งทะเล เช่น กรุงเทพ, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, แม้แต่หลายๆ รัฐของอเมริกา จะถูกน้ำทะเลที่มีความเค็มน้อยกว่าปกตินี้ กัดเซาะโครงสร้างชั้นใต้ดิน และเกิด “ดินยุบตัว” ไม่ใช่บ่อเล็กๆ แต่เป็นทั้งเมือง


–จบ-

link http://www.oknation.net/blog/buddhabath/2010/01/09/entry-4

 

แนะนำบทความครับ ลิงค์ http://www.oknation.net/blog/buddhab.../01/09/entry-2<!-- google_ad_section_end -->

มหาธรรม เรื่อง นิกายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์และสยามวงศ์




พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล ไม่มีนิกาย มีแต่การปฏิบัติเถรตรง คือ ตรงไป, ตรงมา ไม่มีเพิ่มสิ่งใหม่ ไม่มีลดสิ่งเดิม เดินตามคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไปตรงมา เมื่อหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วประมาณสองร้อยปีก็เริ่มมีนิกายเกิดขึ้น นิกายต่างๆ มีแนวการปฏิบัติที่แตกต่างไปเล็กน้อย ในต่างประเทศจำนวนมากที่นับถือนิกายมหายานลัทธิต่างๆ เช่น นิกายมหายาน ลัทธิสุขาวดี, นิกายมหายาน ลัทธิเซน, นิกายมหายาน ลัทธิตันตระ, นิกายมหายาน ลัทธิวัชระยาน ฯลฯ นิกายมหายานเหล่านี้ มุ่งเน้นการโปรดสัตว์ให้หลุดพ้นก่อนตนเองเป็นสำคัญ ยังมีนิกายอีกนิกายหนึ่งที่ไม่มุ่งเน้นการโปรดสัตว์โดยตรงแต่เน้นการรักษาพระธรรมวินัยไว้ให้ได้มากที่สุด โดยการท่องบ่น จดจำ สวดมนต์ บันทึกพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้ให้ได้มากที่สุด นิกายนี้คือ นิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศศรีลังกา ในสมัยสุโขทัย ได้มีการอัญเชิญพระสงฆ์สายนี้มาทำการบวชเพื่อสืบทอดสายธรรม ทำให้พระธรรมคำสอนของพุทธศาสนาในประเทศไทยมีมากและรวบรวมไว้ได้มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่นับถือมหายาน ซึ่งไม่เน้นการรู้ทั้งหมดของพระไตรปิฎก แต่เน้นการใช้พระสูตรสำคัญๆ เพียงบางพระสูตรเพื่อการเข้าถึงธรรมอย่างรวดเร็วฉับพลันเป็นสำคัญ ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีพระธรรมในคัมภีร์ไตรปิฎกที่สมบูรณ์มาก ในขณะที่ต่างประเทศที่มีพระพุทธศาสนาจะมีคำสอนใหม่ๆ ที่เกิดจากพระสงฆ์ที่บรรลุธรรมออกมาเพิ่มเติมตามยุคตามสมัย เช่น งานเขียนเรื่องชีวิตช่วงเข้าสู่ความตาย (บาร์โด) ของลามะทิเบต เป็นต้น ในสมัยหลังๆ ศรีลังกาเองมีปัญหาทางการเมืองและส่งผลให้พระสงฆ์นิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์สูญสิ้นลง เมื่อเหตุการณ์สงบลง จึงได้อัญเชิญพระสงฆ์ไทยกลับไปบวชสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ในประเทศศรีลังกา และเรียกพระสงฆ์กลุ่มที่เกิดใหม่นี้ว่าพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ลัทธิสยามวงศ์เหตุที่ไม่เรียกว่าเป็นลัทธิลังกาวงศ์ดังเก่าก่อนเพราะแนวทางการปฏิบัติของพระสงฆ์ไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กล่าวคือ เดิมลัทธิลังกาวงศ์ ใช้การสวดมนต์ เป็นเครื่องบันทึกพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ใช้การสวดมนต์ในการทำพิธีการต่างๆ ของประชาชนในทางโลกเลย แต่ในสยามประเทศมีความนิยมแพร่หลายมาก ที่จะนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดตามบ้านเรือนในกิจต่างๆ ในพิธีต่างๆ เพื่อการสนับสนุนพระพุทธศาสนา สนับสนุนกิจกรรมการสวดมนต์ทำวัตรของพระสงฆ์ในลัทธิลังกาวงศ์ ทว่า ผลจากการสนับสนุนนี้ ทำให้พระสงฆ์ในสยามประเทศ มีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับทางโลกมากขึ้น มีเรื่องพิธีกรรมทางโลกมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แนวทางเดิมของลัทธิลังกาวงศ์ ดังนี้ ทางศรีลังกาจึงไม่ยอมรับว่าพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เป็นลัทธิลังกาวงศ์ดังเดิมอีกต่อไป และเรียกว่า “ลัทธิสยามวงศ์” เพราะมีการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากเดิมดังกล่าวมาแล้ว




ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาในประเทศไทยยุคก่อนกรุงรัตนโกสิน นับได้ว่าเป็นพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ลัทธิสยามวงศ์ ทว่า เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยรัตนโกสิน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีก กล่าวคือ ในสมัยรัชการที่สี่เริ่มเปิดประเทศมากขึ้น ประเทศไทยรับเอาวิทยาการใหม่ๆ เข้ามามากมาย ทั้งศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีการรับเอาพระพุทธศาสนานิกายมหายานลัทธิจีนนิกายเข้ามาด้วย การเกิดขึ้นของพุทธศาสนานิกายมหายาน ลัทธิจีนนิกาย เริ่มจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย ทำให้มีการสร้างวัดจีนขึ้น ไม่เท่านั้น เข้าสู่รัชการที่เก้าแห่งกรุงรัตนโกสิน การเปลี่ยนแปลงประเทศเกิดขึ้นมากมาย ประเทศไทยเปลี่ยนการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นประชาธิปไตย พระพุทธศาสนาส่วนหนึ่งจากทิเบต ก็แพร่เข้ามาประเทศไทย โดยท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดธรรมและแต่งตั้งตำแหน่งผ่านพระลามะทิเบตมาโดยตรงให้มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยก่อนที่ประเทศทิเบตจะล่มสลายและสูญเสียเอกราชให้แก่ประเทศจีน ดังนั้น สายธรรมของท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง จึงเป็นพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ลัทธิใหม่ ไม่ใช่ลัทธิจีนนิกาย เพราะไม่ได้มาจากทางจีน แต่มาทางทิเบต แม้เราจะไม่มีชื่อเรียก แต่ขอใช้สมมุติเบื้องต้นไปก่อนเป็น “ลัทธิทิเบต” ก็แล้วกัน ผู้เขียนได้ลองไปฝึกสมาธิสายท่านเจ้าคุณมาแล้ว พบว่าแตกต่างจากในนิกายมหายาน ลัทธิจีนนิกาย ในพระพุทธศาสนามหายาน ลัทธิจีนนิกายนั้น ส่วนใหญ่ถ่ายทอดผ่านฆราวาส และมีเรื่องการฝึกกังฟู และลมปราณด้วย ซึ่งเป็นแนวทางแบบดั้งเดิมของพระสงฆ์จีน ที่จะมีการถ่ายทอดการฝึกกังฟูเป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง กรรมฐานที่แตกต่างจากกรรมฐานสี่สิบนี้ จึงพอเรียกได้ว่าเป็น “จีนนิกาย” ผู้เขียนได้พบท่านผู้หนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดกำลังภายในสายนี้มา ซึ่งผู้เขียนเองก็ได้ฝึกผ่านครูบาอาจารย์ท่านอื่นพบว่าวิธีการทำสมาธิของจีนและทิเบตนั้น แตกต่างกันมาก จึงจะนับเป็นลัทธิเดียวกันไม่ได้




จริงๆ แล้วหากจะจำแนกดีๆ ในประเทศไทยเราเองก็เกิดการแตกแยกเป็นลัทธิต่างๆ อีกมากในช่วงหลังๆ เช่น พระสายครูบาศรีวิชัย ซึ่งสมัยก่อนพระสงฆ์ไทยเราห้ามเด็ดขาดเรื่องการเรี่ยไรเงิน แต่ยุคของครูบาศรีวิชัยเป็นยุคบุกเบิก ท่านไม่ได้เรี่ยไรเงิน แต่บุญบารมีของท่าน ส่งผลให้ชาวบ้านเก็บรวมเงินมาให้ท่านใช้พัฒนาพุทธศาสนา การต่อสู้ของท่านนำมาซึ่งแนวทางพระพุทธศาสนาแบบใหม่ ที่ไม่เหมือนพุทธศาสนานิกายเถรวาท ลัทธิสยามวงศ์แต่เดิม กลายเป็น “สายครูบา” ไป คือ สายที่รับเงินและนำเงินมาพัฒนาพุทธศาสนาได้นั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้ เดิมทีไม่มีมาก่อน แต่ปัจจุบัน ต้นนิกายเถรวาท ลัทธิสยามวงศ์ก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ไม่เหมือนเดิมอีก ค่อยๆ ผ่อนปรนลงในบางเรื่อง และเพิ่มเติมกฎบางส่วนขึ้นใหม่ จึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็น “ลัทธิสยามวงศ์” ได้อีก ผู้เขียนอยากขอใช้คำว่า “รัตนโกสินวงศ์” มากกว่า เพราะแตกต่างจากสมัยก่อนเก่าจริงๆ เราได้แตกแยก แตกต่างจากบรรพบุรุษของเรามามากมายแล้ว (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะผิดหรือจะไม่ดีแต่อย่างใด สิ่งนี้เป็นเรื่องอนิจจัง) นอกจากนี้ ยังมีพระสงฆ์สายสมณะโพธิรักษ์ ที่แยกตัวออกไปปฏิบัติอีกแบบ และเรียกตัวเองว่า “สมณะ” เพื่อเลี่ยงการปะทะกับมหาเถรสมาคม กลุ่มนี้เรียกว่า “สันติอโศก” อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของคนเสื้อเหลืองด้วย ไม่ได้ปกปิดแต่อย่างใด เพราะมีการทำอาหารเลี้ยงคนเสื้อเหลืองอย่างโจ่งแจ้ง จึงเป็นพระพุทธศาสนานิกายใหม่ คล้ายพระลามะทิเบต คือ เล่นการเมือง หรือเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ ให้กำเนิดโดยท่านสมณะโพธิรักษ์ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นนิกายมหายาน ลัทธิสันติอโศก อนึ่ง การเกิดขึ้นของลัทธินี้มีเสมอ ตามหลักอนิจจัง เราไม่อาจบอกได้ว่าลัทธิเก่าหรือใหม่ที่ถูกต้องมากกว่ากันเพราะต่างก็มีแนวทางต่างกัน มีข้อดีและด้อยทั้งสิ้น แต่หากเราต้องการของดั้งเดิมแท้ ก็ต้องปฏิบัติแบบไม่มีนิกายคือ เถรตรง ตรงไป ตรงมา ไม่ทำอะไรใหม่เพิ่ม ไม่ลดทอนของเก่า พระธรรมวินัยมีเท่าไร ทำเท่านั้น ให้ได้มรรคได้ผล พระธรรมจะให้ปัญญาแก่เราเองว่าอะไรควรไม่ควรในยุคสมัยใหม่นี้ และพระวินัย ๒๒๗ ข้อนั้น แม้ไม่ครอบคลุมสิ่งใหม่ๆ ไม่ทันโลกยุคปัจจุบัน แต่หากเราใช้ประคองตนเองแล้วเร่งปฏิบัติธรรมให้ได้มรรคผลโดยพลัน ก็จะทราบเองว่าอะไรควรไม่ควรในท้ายที่สุด



อนึ่ง การปฏิบัติแบบเถรตรงไม่มีนิกายนั้น ผู้ปฏิบัติจะไม่เพิ่มเติมอะไรใหม่ลงไป และไม่ลดทอนของเก่าด้วย แต่จะมุ่งปฏิบัติให้ได้มรรคได้ผลก่อนเป็นสำคัญ ที่เหลือก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ท่านผู้ปฏิบัติได้ก่อน เมื่อถ่ายทอดแก่ผู้ปฏิบัติตามหลัง จะไม่มีการสร้างรูปแบบ, แนวทาง, หรือสิ่งใดๆ ใหม่มาให้ผู้ปฏิบัติตาม แนะนำได้บ้าง ที่เหลือก็ให้ไปดูเอาเองจากไตรปิฎก มีเท่าไรก็ใช้เท่านั้น ก็ไม่มีกรรม เพราะไม่มีการสั่งใช้, การห้าม, การชี้ใช้ ให้ผู้ปฏิบัติตามหลังต้องทำหรือไม่ทำอะไรตามความคิดเห็นของตน เรียกว่าเลี่ยงการใช้ทิฐิ หรือความคิดเห็นส่วนตนในพระพุทธศาสนา ตนปฏิบัติได้อย่างไร มีคนถามก็ตอบไป แต่ก็พยายามบอกเสมอว่าอย่าเชื่อตนมาก เพราะตนอาจไม่ถูกต้องก็ได้ ให้ไปดูเอง ศึกษาเอง ให้สำเร็จมรรคผลด้วยตนเอง ก็จะรู้เอง เป็นสำคัญ ดังนั้น จึงไม่มีการทำสิ่งใหม่ ถ่ายทอดแนวคิดใหม่ๆ อะไรลงไปเลย ทั้งยังไม่ลดทอนของเก่าด้วย ผู้ถ่ายทอดใช้วิธีนี้ ก็ปลอดภัยจากกรรม ไม่เกิดลัทธินิกายใหม่ๆ ซึ่งผู้ปฏิบัติตามนั้น อาจทำได้ไม่เหมือนกัน เพราะความเข้าใจของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ไม่ผิดปกติจากธรรมชาติแต่อย่างใด เราไม่อาจชี้ถูกชี้ผิดให้ใครได้ เราได้แต่แสดงความคิดเห็นเฉพาะตัวเมื่อถูกถาม และไม่ผูกมัดให้ใครต้องมาเหมือนตน เพราะตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทิฐิส่วนตนนี้ใช่สิ่งที่ถูกต้องตรงทางหรือไม่ ดังนั้น ผู้ปฏิบัติตามจึงต้องพยายามด้วยตนเอง ถูกหรือผิดก็ขึ้นอยู่กับตนเอง แตกต่างกันไปตามกรรม ผู้ถ่ายทอดจึงไม่ต้องรับกรรมในการนี้

–จบ-
<!-- google_ad_section_end -->

 

*** หลักธรรมของโลกุตตระ ****

สัจจะ คือ แก่นสารการกระทำนำพาสัตว์โลกหลุดพ้นทุกข์
ปัจจุบัน สัจจะคำสอน ถูกความเห็นความเชื่อนอกศาสนาบดบังจนมองกันไม่เห็น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

โลกป่วย
[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.828528/[/MUSIC]

 

เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.5 ริกเตอร์ที่แคลิฟอร์เนีย​

​

ลอสแองเจลิส 10 ม.ค. - ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.5 ริกเตอร์ บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น

เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.27 น. วันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับ 07.27 น.วันอาทิตย์นี้ตามเวลาในไทย ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองซาคราเมนโตราว 360 กิโลเมตร และอยู่ลึกใต้พื้นดิน 16 กิโลเมตร

สื่อท้องถิ่นในรัฐแคลิฟอร์เนียรายงานว่า ตำรวจได้รับแจ้งเหตุความเสียหายตามอาคารสถานที่ราชการส่วนท้องถิ่น แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ และยังเกิดแรงสั่นสะเทือนหรืออาฟเตอร์ช็อคตามมาอีก 3 ครั้ง ขนาด 3.5, 3.7 และ 3.8 ริกเตอร์ สามารถรู้สึกได้ไกลถึงนครซานฟรานซิสโก เจ้าของร้านค้าท้องถิ่น กล่าวว่า ข้าวของในร้านตกแตกเสียหาย ผู้คนต้องพากันหลบลงใต้โต๊ะ และบางคนวิ่งหนีออกไปข้างนอก .- สำนักข่าวไทย

2010-01-10 10:00:04

เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.3 ริกเตอร์ใกล้หมู่เกาะโซโลมอนในแปซิฟิก​

​

โฮนีอารา 9 ม.ค.- เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.3 ริกเตอร์ใกล้หมู่เกาะโซโลมอนในเขตแปซิฟิกตะวันตก แต่ไม่มีคำเตือนการเกิดคลื่นสึนามิ

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ รายงานว่า แผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปประมาณ 35 กิโลเมตร และห่างจากเมืองกิโซ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 146 กิโลเมตร

หมู่เกาะโซโลมอนก็เช่นเดียวกับในหลายประเทศแปซิฟิก ซึ่งมักเกิดเหตุแผ่นดินไหวอยู่เป็นประจำ.-สำนักข่าวไทย

2010-01-09 13:53:59

หิมะตกหนักทำให้ต้องอพยพผู้คนในซินเจียง​

​

ปักกิ่ง 10 ม.ค. - สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ทางการจีนต้องจัดสรรเต็นท์และสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังเขตซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ภายหลังหิมะตกหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต และต้องอพยพผู้คนเกือบ 5,500 คน

พายุหิมะถล่มบ้านเรือนพังราบ 799 หลัง และเสียหายอีก 4,897 หลัง ทั้งยังทำให้เกิดอากาศหนาวเย็นจัดนับตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา รวมทั้งไฟฟ้าดับ และการจราจรปั่นป่วนในพื้นที่บางส่วนของซินเจียงที่มีเขตแดนติดต่อกับเอเชียกลาง กระทรวงกิจการพลเรือนจีนจัดส่งเต็นท์ 5,000 หลัง และอุปกรณ์ยังชีพอื่น ๆ พร้อมเงิน 15 ล้านหยวน (73 ล้านบาท) ให้ผู้ประสบภัยแล้ว

สภาพอากาศหนาวจัดในจีนทำให้มณฑลและพื้นที่หลายแห่งของจีนต้องร่วมกันประหยัดไฟ เพื่อปันพลังงานไฟฟ้าไปใช้สำหรับทำความร้อนสร้างความอบอุ่นตามบ้านเรือนต่าง ๆ .- สำนักข่าวไทย

2010-01-10 09:57:13

ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ตยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบิน​

​

เบอร์ลิน 9 ม.ค. - เกิดหิมะตกหนักส่งผลให้ต้องยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ในเยอรมนี

ผู้บริหารท่าอากาศยานเปิดเผยว่า เที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ 216 เที่ยวบิน ถูกยกเลิกจนถึงเที่ยงวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ท่าอากาศยาน 2 แห่ง ในกรุงเบอร์ลิน มีรายงานเที่ยวบินล่าช้า แต่ไม่มีการยกเลิกเที่ยวบินแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เครื่องบินแอร์ เบอร์ลิน ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ และติดอยู่ท่ามกลางหิมะ เมื่อกลางดึกคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ท่าอากาศยานในเมืองเนิร์นแบร์กต้องปิดบริการนานกว่า 2 ชม. -สำนักข่าวไทย

2010-01-09 19:45:08

แอลเบเนียเกิดน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี​

​

10 ม.ค. - ทางการแอลเบเนียต้องอพยพชาวบ้านหลายพันคนออกจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม หลังเกิดฝนตกหนัก และหิมะละลาย

ประชาชนเกือบ 5,000 คน ในเขตสโกดร้า ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ห่างจากทางเหนือของกรุงติรานาราว 120 กิโลเมตร ต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยหลังบ้านเรือนกว่า 2,400 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วม เนื่องจากมีฝนตกหนักและหิมะละลาย ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี และคาดว่าในช่วง 2-3 วันต่อจากนี้สถานการณ์จะย่ำแย่ลงอีกเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย. -สำนักข่าวไทย

2010-01-10 10:22:59

ท่าเรือในจีนเผชิญวิกฤติน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง​

​

จีน 10 ม.ค. - ท่าเรือทางตอนเหนือของจีน ซึ่งติดอันดับหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์หนาวจัด จนน้ำกลายเป็นน้ำแข็งในรอบ 30 ปี

ท่าเรือในเมืองเทียนจิน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ และเป็นเมืองท่ายักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านสภาพอากาศครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปี เมื่อน้ำกลายเป็นน้ำแข็งในวันนี้ เรือเจาะน้ำแข็งหลายลำต้องเร่งเปิดทางบริเวณผิวน้ำ ขณะที่ทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือประชาชนราว 40 คน ออกมาจากเรือที่อาจได้รับอันตรายจากน้ำแข็ง

ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นอกจากฤดูหนาวที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีตลอดสัปดาห์ที่แล้ว กรุงปักกิ่งยังเผชิญกับอากาศช่วงเช้าตรู่ที่หนาวเย็นที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี และหิมะตกหนักที่สุดนับแต่ปี 2494 ทั้งนี้ คาดว่าอุณหภูมิตลอดสัปดาห์หน้าในกรุงปักกิ่ง ยังจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อไป. - สำนักข่าวไทย

2010-01-10 01:21:04

สหรัฐช่วยเหลือเต่าทะเลจากน้ำเย็นจัด​

​

สหรัฐ 10 ม.ค. - นักวิทยาศาสตร์ในฟลอริดา ช่วยกันนำเต่าทะเลหลายร้อยตัวขึ้นจากน้ำทะเลที่เย็นจัด มาไว้บนฝั่งที่อบอุ่นกว่าแทน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซา ได้จัดตั้งทีมงานร่วมกับองค์การอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อช่วยกันนำเต่าทะเลออกจากแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเกาะเมอร์ริตต์ ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์อวกาศเคนเนดี โดยเต่าเหล่านี้มีอาการช็อกจากอากาศหนาวเย็น

อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิของน้ำลดลงต่ำกว่า 60 องศาฯ และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่เต่าเกิดภาวะเช่นนี้ในฟลอริดา โดยเจ้าหน้าที่สามารถเคลื่อนย้ายเต่าหายากเกือบ 300 ตัว ออกจากศูนย์เคนเนดี ก่อนนำมาประเมินผล ชั่งน้ำหนัก และรักษาตามอาการ หลังจากนั้นจึงเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ที่อุ่นอบ เพื่อรอให้สภาพอากาศดีขึ้นกว่าเดิม. - สำนักข่าวไทย

2010-01-10 04:18:22

อังกฤษชูอินเทอร์เน็ตลดผลกระทบเศรษฐกิจจากภัยหนาว ​

​

ลอนดอน 10 ม.ค. – นักวิเคราะห์คาดภัยหนาวรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีจะไม่กระทบเศรษฐกิจของอังกฤษมากนัก เหตุนักบริโภคเพียงชะลอการจับจ่าย ขณะที่แรงงานอาศัยวิธีทำงานจากที่บ้าน

สภาอุตสาหกรรมแห่งอังกฤษ (ซีบีไอ) ชี้ว่า สภาพอากาศหนาวกำลังเป็นอุปสรรคใหญ่ของผู้ประกอบการท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ดีคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะไม่รุนแรงนักเนื่องจากบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เริ่มแพร่หลายทำให้ประชาชนสามารถสั่งซื้อสินค้า หรือทำงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากที่บ้าน

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า พายุหิมะและสภาพอากาศหนาวจัดไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงดังที่เคยวิตกกัน โดยเห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจจะกลับมาหมุนเวียนอีกครั้งเมื่อสภาพอากาศเป็นปกติ และขณะนี้เห็นว่าผู้บริโภคเพียงชะลอการจับจ่าย หรือหันไปจับจ่ายสินค้าที่เหมาะสมกับช่วงพักหลบหนาวในบ้าน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่า การผลิตและกิจกรรมธุรกิจจะฟื้นตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังสภาพอากาศเริ่มดีขึ้น.- สำนักข่าวไทย

2010-01-10 11:23:51

อินเดียกล่าวหาปากีสถานยิงจรวดข้ามพรมแดน​

​

อัมริตสา 9 ม.ค. - กองกำลังรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนอินเดีย (บีเอสเอฟ) กล่าวหาว่า ปากีสถานยิงจรวดอย่างน้อย 4 ลูกเข้าไปในรัฐปัญจาบ ทางภาคเหนือของประเทศในวันนี้ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่บีเอสเอฟ ผู้ขอสงวนนาม ระบุว่า จรวด 4 ลูกที่ปากีสถานยิงข้ามพรมแดนมานั้น มีอยู่ 2 ลูกที่ระเบิดในพื้นที่เกษตรของอินเดีย ส่วนที่เหลืออีก 2 ลูกไม่ระเบิด ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ส่วนผู้บัญชาการกองกำลังตามแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศได้พบหารือเรื่องนี้กันในเมืองอัมริตสา ของอินเดีย ล่าสุดยังไม่มีการแสดงความเห็นจากรัฐบาลปากีสถาน แต่ผู้บัญชาการของปากีสถานระบุว่า ไม่ได้ยิงจรวดข้ามพรมแดนตามที่ถูกกล่าวหา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นครั้งที่ 2 นับแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา หลังทหารปากีสถานถูกกล่าวหาว่า ยิงจรวด 2 ลูกไปตกใกล้กับแหล่งท่องเที่ยววากะห์ ในรัฐปัญจาบ.- สำนักข่าวไทย

2010-01-09 14:40:16 ​

เวเนซุเอลาส่งเอฟ 16 บินสกัดกั้นเครื่องบินสหรัฐรุกล้ำน่านฟ้า​

​

การากัส 9 ม.ค.- ประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ผู้นำเวเนซุเอลา เปิดเผยว่า เขาสั่งการให้เครื่องบินรบเอฟ 16 จำนวน 2 เครื่อง บินสกัดกั้นเครื่องบินทหารของสหรัฐลำหนึ่ง ซึ่งล่วงล้ำน่านฟ้าเวเนซุเอลา 2 ครั้งเมื่อวันศุกร์

ผู้นำเวเนซุเอลาแสดงภาพถ่ายของเครื่องบินที่รุกล้ำน่านฟ้า ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่น พี-3 นับเป็นการละเมิดน่านฟ้าเวเนซุเอลาครั้งล่าสุดโดยเครื่องบินรบอเมริกันที่มาจากฐานทัพบนเกาะแคริบเบียนของเนเธอร์แลนด์และจากฐานบินในโคลอมเบีย

ประธานาธิบดีชาเวซ กล่าวว่า เอฟ 16 ได้บินประกบเครื่องบินลำดังกล่าวให้ออกไปพ้นน่านฟ้า หลังจากที่เครื่องบินลำนี้ละเมิดน่านฟ้าถึง 2 ครั้งเป็นเวลา 15 นาทีและ 19 นาที อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมและทำเนียบขาวของสหรัฐ ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

2010-01-09 10:00:19

ฮิลลารี เรียกร้องอิสราเอล ปาเลสไตน์เจรจาสันติภาพทันทีและไม่มีเงื่อนไข​

​

บีบีซี นิวส์ ออนไลน์ 9 ม.ค.- นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้องปาเลสไตน์และอิสราเอลรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพให้เร็วที่สุดและปราศจากเงื่อนไข

นางคลินตัน กล่าวเรียกร้องหลังจากหารือกับนายนาสเซอร์ ยูเดห์ รมต.ต่างประเทศจอร์แดน โดยเธอบอกว่า ถ้าประเด็นเรื่องเขตแดนรัฐปาเลสไตน์ได้รับการแก้ไข ก็จะทำให้ความขัดแย้งเรื่องการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลหมดสิ้นไป นางคลินตันเปิดเผยถึงท่าทีของรัฐบาลสหรัฐ ต่อข้อตกลงสันติภาพว่ารัฐปาเลสไตน์จะต้องตั้งอยู่บนเส้นเขตแดนเมื่อปีพ.ศ. 2510 ซึ่งเป็นปีที่อิสราเอลยึดครองเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา

นางคลินตัน สนับสนุนการสร้างความมั่นคงให้แก่อิสราเอล โดยการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเขตยึดครองจะยังคงมีอยู่บ้าง ซึ่งเป็นความต้องการที่สำคัญของอิสราเอลมาโดยตลอด ทั้งนี้ อิสราเอลและปาเลสไตน์ต้องการให้สหรัฐให้หลักประกันบางประการในประเด็นเหล่านี้เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เข้าสู่โต๊ะเจรจา แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักประกันอย่างเป็นทางการจากสหรัฐ

นางคลินตัน ระบุว่า ข้อตกลงเรื่องเขตแดนจะนำมาสู่การแก้ปัญหาการตั้งถิ่นฐานได้โดยพฤตินัย แต่การแก้ปัญหาสุดท้ายจะต้องรวมหลายประเด็น ทั้งเรื่องเขตแดน ความมั่นคง นครเยรูซาเลม ผู้อพยพ และแหล่งน้ำ ขณะที่ประเทศในกลุ่มอาหรับกล่าวว่าต้องการเห็นการขยายตัวการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวยุติลง แต่ก็ยอมรับว่าการหาแนวทางเพื่อผ่าทางตันและให้กลับมาเริ่มต้นเจรจาเป็นสิ่งที่สำคัญก่อนที่รัฐบาลสหรัฐ จะไปยุ่งกับประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน.-สำนักข่าวไทย

2010-01-09 11:26:30

ผู้นำอิหร่านยืนยันไม่เลิกล้มโครงการนิวเคลียร์แม้ถูกคว่ำบาตรรอบใหม่​

​

เตหะราน 9 ม.ค. – ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด ของอิหร่าน กล่าวในวันนี้ว่า การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ไม่อาจขัดขวางอิหร่านไม่ให้เดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ได้

ผู้นำอิหร่านยืนยันในขณะกล่าวสุนทรพจน์ซึ่งถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า อิหร่านจะไม่ยอมทำตามแรงกดดันจากนานาชาติที่ให้ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งชาติตะวันตกเกรงว่าอาจเป็นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งที่อิหร่านยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด นอกจากนี้ ผู้นำอิหร่านยังกล่าวว่า อิหร่านไม่ได้สนใจในประเด็นความขัดแย้ง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลอิหร่านจะปกป้องสิทธิของอิหร่านอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ผู้นำอิหร่านยังได้บอกปัดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนว่าเป็นเพียงเกมเท่านั้น แรงกดดันและการโฆษณาชวนเชื่อไม่อาจทำลายประชาชนและประเทศอิหร่านได้.- สำนักข่าวไทย

2010-01-09 17:58:21

ที่มา http://news.mcot.net

 

เยอรมนีเจอพายุหิมะ-ทั่วยุโรปยังอ่วมภัยหนาว




ทั่วทวีปยุโรปยังเผชิญอากาศหนาวจัด ส่งผลกระทบหลายด้าน ล่าสุดเยอรมนีประกาศเตือน กักตุนอาหารและยา เพราะจะมีพายุหิมะในคืนวันที่ 9 ม.ค. ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ว่า ทั่วทวีปยุโรปยังเผชิญอากาศหนาวจัด โดยทางการเยอรมนีเตือนว่าจะมีพายุหิมะ และหิมะจะตกหนาถึง 20 ซม.
ในคืนวันที่ 9 ม.ค. ขอให้ประชาชนกักตุนน้ำดื่ม อาหารและยาให้พอใช้นาน 4 วัน และให้หลีกเลี่ยงการเดินทางถ้าไม่จำเป็น

ส่วนเกาะรูเกนมีหิมะหนาถึง 30 ซม. ขณะที่กรุงเบอร์ลินปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง ที่อังกฤษซึ่งอากาศหนาวที่สุดในรอบ 30 ปี อุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส
ในคืนวันที่ 9 ม.ค. ทางการต้องสั่งควบคุมการใช้ก๊าซเพื่อการอุตสาหกรรม โดยบริษัทใหญ่อีก 27 แห่งถูกสั่งให้หยุดใช้ก๊าซ หลังบริษัทใหญ่ 97 แห่งหยุดใช้ก๊าซก่อนหน้านี้
สนามบินหลายแห่งต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว

รถไฟ “ยูโรสตาร์” เชื่อมอังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ต้องลดบริการลงครึ่งหนึ่ง โรงเรียนหลายพันแห่งยังปิด การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีกในช่วงสุดสัปดาห์ถูกยกเลิกหลายนัด รวมทั้งคู่ทีมลิเวอร์พูลกับทอตแนม ฮอตสเปอร์ และมีชาย 2 คนเสียชีวิตเพราะตกลงไปในทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็งในเมืองเลสเตอร์ ในฝรั่งเศส หิมะที่ตกหนักทำให้รถไฟหลายสายล่าช้า
พื้นที่ภาคใต้ไม่มีไฟฟ้าใช้ ทางการขอให้สายการบินต่างๆ ลดเที่ยวบินเข้าออกสนามบินชาร์ลส์ เดอ โกลในกรุงปารีสลง 1 ใน 4

ส่วนในนอร์เวย์ อุณหภูมิลดต่ำถึงติดลบ 42 องศาเซลเซียสที่หมู่บ้านโฟลล์ดาลทางภาคกลาง ที่โปแลนด์ มีผู้เสียชีวิตอีก 9 คนใน 48 ชม.หลัง
ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพราะสภาพอากาศพุ่งถึง 139 ราย ตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนจรจัด

ขณะที่ในสวิตเซอร์แลนด์ อุโมงค์กอตธาร์ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมอเตอร์เวย์สายยุทธศาสตร์ในยุโรป ทอดยาวจากเยอรมนีไปอิตาลี
มีกำหนดเปิดให้รถบรรทุกใช้บริการแล้วหลังมีหิมะตกหนัก

ที่มา เยอรมนีเจอพายุหิมะ-ทั่วยุโรปยังอ่วมภัยหนาว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์ 9 มกราคม 2553, 23:20 น.

 

คำทำนายจาก FW mail
โดยคุณ omimo
(เป็นเพียง Fw mail อย่าไปเชื่อถืออะไรให้มากนัก)​

สืบเนื่องจากเมื่อคืนผมนั่งดูสัมภาษณ์ หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เลยติดใจในคำพูดว่าจะมีคนชื่อ ว. มาเป็นนายกในปี 54 แล้วบ้านเมืองจะสงบ ก็เลยเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในพันธ์ทิพย์ ก็เลยไปเจอบทความทำนายบทความหนึ่ง ไม่ได้ระบุที่มา แต่อยากเอามาให้ลองอ่านดู ฟังหูไว้หูละกัน ที่จริงผมเคยทำนายไว้ก่อนกฤษณ์จะออกรายการอีกครับ ข้อที่พวกท่านสงสัย เอา 10 ข้อนะครับ

1. อาโนลด์จะเป็นประธานาธิบดีอเมริกา นี่จริงครับ คะแนนเสียงถล่มทลายด้วยชัวร์

2. นายกคนต่อไปของไทยจะมี คุณวิกรม กรมดิษฐ์ (เจ้าของอมตะนคร)จะได้เป็นนายกคนต่อไปแน่นอนครับชัวร์ ตอนนี้ในวงในกระสุนดินดำมาจากท่านนี้เยอะครับ (บางพรรคมาจากเครือเบียร์ยักษ์ใหญ่ของไทย) แต่ก่อนที่จะได้นายกคนนี้การเมืองไทยจะแย่มาก ใน ต.ค.ปลายปี 52 ถึง พ.ค.ต้น ปี 53 ครับชัวร์

3. คุณวิกรม จะเล่นการเมืองสมัยเดียวทั้งที่จริงตามดวงเป็นนายกได้ 2 สมัย เสียงตอบรับถล่มทลาย

4. คุณวิกรม บริหารประเทศให้หมดหนี้ที่ประชาธิปปัตย์กู้มาครับ

5. ภายใน 5 ปีนี้ประเทศไทยจะเกิดการสูญเสียบุคคลอันยิ่งใหญ่ของคนไทยครับ ( ข้อมูลให้ได้แค่นี้ครับ )

6. ปลายปี 2552 ถึงปลายปีปี 2553 บารัคโอบามาจะโดนลอบสังหารครับ แต่ไม่ตายครับ

7. จะเกิดมหันตภัยครั้งใหญ่กับเมืองไทยและทั่วโลกใน ส.ค.-ธ.ค. 2553 และ 2555 นี่รุนแรงสุดๆครับชัวร์

8 . เนวินชิดชอบจะเป็นนายกคนต่อไปของไทย(เริ่มจากตำแหน่งรองนายกก่อน) ต่อคนที่ถัดจากคุณวิกรม

9. ปลายปี 2552 ถึงต้นปี 2553 เดวิด เบคแฮม กับภรรยาจะเลิกกันครับ

10. กฤษณ์ คอนเฟริ์มมีมีดวงถึงฆาตไม่ใช่ภายในอายุ 30 ครับ อายุ 28 ปี เขาจะเจ็บหนักอาจถึงฆาตแต่ถ้าเขาแก้ดวงก็รอดครับชัวร์

11. ข้อนี้แถมครับ (เอาแบบไกล้เลย) ปลายปี 52 ดาราดังของไทยผู้ชายหล่อมากๆ ทุกคนในเมืองไทยไม่มีใครไม่รู้จัก จะเลิกกับภรรยาเนื่องจากมือที่ 3 และหนี้สิน ครับชัวร์

11. 1 แถมอีกข้อ ภายใน 2 เดือนนี้ประเทศไทยจะมีอุบัติภัยเหตุการณ์เกี่ยวกับการตายหมู่อย่างมาก ข่าวใหญ่จนขึ้นหน้า 1 ทุกฉบับ เซฟคำทำนายผมไว้นะครับแล้วมาดูกันว่าของจริงคือใคร.......ชัวร์

ข้อมูลจาก FW mail โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ด้วยครับ

โดยคุณ omimo วันที่: 10 ธันวาคม 2552 / 10:02

ที่มา http://dek-d.com/board/view.php?id=1530674

 

ถ้าหมายถึง อาโนลด์ที่เป็นผู้ว่าแคลิฟอร์เนียละก้อ ผิดตั้งแต่ข้อแรก เพราะกฏหมายรัฐธรรมนูญอเมริกา คนที่จะเป็นประธานาธิบดี ต้องเกิดที่ประเทศอเมริกาของเขาโดยกำเนิด อาโนลด์ไม่ได้เกิดที่อเมริกามาเปลี่ยนสัญชาติตอนหลัง ตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงเลือกตั้งเพื่อเป็นประธานาธิบปดีเลย

 

​

วิกรม กรมดิษฐ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ก่อตั้งมูลนิธิอมตะ เขียนหนังสือ "ผมจะเป็นคนดี" แจกนักเรียน นักศึกษา คนพิการผู้ด้อยโอกาส และ ผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ

ในจับเข่าคุยตอนที่ผ่านมา อมตะคาสเซิ่ล ลงทุน 2,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 6 ไร่ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี คุณสรยุทธ์ถามคุณวิกรมว่าทําไมต้องสร้างสูง 8 เมตร

คุณวิกรมบอกว่าเผื่อน้ำท่วมโลก ส่วนตัวเขาเชื่อเรื่อง Globlal warming มาก ถ้าหากเกิดน้ำท่วมโลกจริง อมตะคาซเซิ่ลจะต้องอยู่อมตะตามชื่อ รวมถึงเรื่องที่สร้างมุมแฉกบริเวณเสาด้านรอบ ไว้กรณีที่เกิดอุกกาบาตชนอ่าวไทยก็จะไม่ได้รับผลกระทบ

คุณวิกรมเชื่อมั่นว่าอมตะคาซเซิ่ลจะทนทานมาก เพราะสร้างกําแพงล้อมรอบหนา 1 เมตร ด้วยหินทราย นอกจากนี้คุณวิกรมยังพูดถึงถ้ำที่หลบภัยใต้ดินที่เตรียมไว้ด้วย กรณีฉุกเฉิน มีอาหาร เสบียง ทุกอย่างพร้อมสรรพ ซึ่งเตรียมการไว้หมดแล้ว คุณวิกรมยังพูดติดตลกว่า ถึงวันนั้นคุณสรยุทธิ์จะไปหลบภัยในนั้นกับผมก็ได้

ขออภัยที่หาภาพมาโพสไม่ได้เนื่องจากจะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ครับ อมตะคาซเซิ่ลปัจจุบันกําลังดําเนินการอยู่ในระหว่างก่อสร้าง

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->wellrider<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_775773", true); </SCRIPT> สมาชิก 25-10-2007, 01:38 PM

ที่มา เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม

<!-- google_ad_section_end -->

 

ผู้ว่าคนเหล็กเปิดอก อยากเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา​

​

อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และอดีตดาราภาพยนต์ฮอลลีวู้ดเจ้าของฉายา"คนเหล็ก" ยอมรับในการให้สัมภาษณ์รายการทางโทรทัศน์ "60 Minutes" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขาไม่ได้พอใจในความทะเยอทะยานทางการเมืองเพียงแค่ได้เป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เพราะเขาชอบการท้าทาย เขาอยากขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยอมให้ชาวอเมริกันที่เกิดในต่างประเทศ มีสิทธิ์ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้

สำหรับปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้ที่ชวาเซเนกเกอร์จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี เพราะเขาเกิดในออสเตรีย เพิ่งได้เป็นพลเมืองสหรัฐฯเมื่อปี 2526 ไม่ได้เป็นพลเมืองสหรัฐฯโดยกำเนิดอย่างที่รัฐธรรมนูญระบุ และยังอาจมีปัญหาอื่นอีกด้วย เพราะแม้เขาจะได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐเมื่อปี 2546 โดยชูนโยบายจะเข้าไปซ่อมแซมระบบเศรษฐกิจของรัฐ

แต่ปัจจุบัน รัฐแคลิฟอร์เนียเจอวิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงสุดในประวัติศาสตร์ โดยเจ้าหน้าที่เตือนว่า รัฐนี้อาจไม่มีเงินสดเหลือตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า ขณะที่ชวาเซเนกเกอร์มีเวลาอยู่ในตำแหน่งอีก 2 ปี

ชวาเซเนกเกอร์แสดงความมั่นใจว่าเขามีพรสวรรค์ เหมาะที่จะขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐ และว่าอาชีพนักแสดงช่วยให้เขามีความได้เปรียบแบบเดียวกับอดีตประธานาธิบดีโรแนลแรแกน อดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เขาบอกว่าเรแกนพูดถูกที่ว่า หากเขาไมได้ผ่านการฝึกเป็นนักแสดง ตำแหน่งประธานาธิบดีคงเป็นงานที่ยากลำบากมาก

Posted by ThelastKGB วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม 2551

ที่มา http://www.oknation.net/blog/inter/2008/12/23/entry-5

 

มกราคม-กุมภาพันธ์ 2553
เกิดสงครามกลางเมือง?​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sutatip_b<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2829416", true); </SCRIPT> สมาชิก

วานนี้พบกับแม่ของสมาชิกเขากะลารุ่นหนึ่งท่านหนึ่ง ท่านมีสัมผัสที่หกอย่างมากในเรื่องมนุษย์ต่างดาว เคยเห็นตัวใสๆขับยานลำใสๆ ขนาดลูกฟุตบอลล์

สัปดาห์ก่อนท่านเห็นลูกไฟใหญ่เท่าพระอาทิตย์ กำหนดจิตถามได้คำตอบว่า ประเทศไทยจะมีภัยใหญ่จากมนุษย์ ในราวเดือนนี้ (มกราคม) หรือเดือนหน้า(กุมภาพันธ์) 2553

ท่านจึงเตือนลูกหลานให้ตุนข้าวสาร เผื่อออกจากบ้านไม่ได้ เติมน้ำมันรถให้เต็มถังไว้

ครั้งก่อนที่ท่านเตือนคลังน้ำมัน ปตท.ที่ชลบุรี ก็เกิดระเบิดในวันรุ่งขึ้น ครั้งนี้จึงแจ้งเพื่อทราบตามเคย คิดว่าเราเป็นคนในครอบครัวท่านด้วยก็แล้วกัน<!-- google_ad_section_end -->

11-01-2010, 12:53 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อความจาก-กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย-เขากะลา.86674/page-623

 

ไม่มีชื่อประเทศไทย(มีแต่ชื่อประเทศสยาม)ในแผนที่อนาคต<!-- google_ad_section_end -->
โดยคุณ วิกรม หลานพระคุณลุงเชียงใหม่​

​

วิกรม หลานพระคุณลุงเชียงใหม่

เป็นนิมิตที่ไม่ดีนักสำหรับหลายคน ผมอฐิษธานจิต ให้จิตเคลื่อนไปถึงยังเวลาในช่วง ที่ผมสิ้นอายุขัยตอน 82 ปี เพื่อไปดูว่าผมจะตายในสถานที่อย่างไร ตายขณะที่จิตทรงสมาธิหรือไม่?

ผมพบมีเรื่องประหลาด ที่ต้องเรียนถามครูบาอาจารย์ และท่านที่ฝึกจิตทั้งหลายครับ น่าประหลาดใจ ในขณะนั้น ไม่มีชื่อประเทศไทยแล้วครับ แต่เนื่องจากร่างจิตของผมยังไม่อาจเจรจาได้ ผมไม่แน่ใจว่าเราไปรวมกับลาวหรือเปล่าเพราะภาษา จับสำเนียงได้ประมาณนั้นครับ ฝากพี่ๆ ที่มีระดับจิตสูงกว่าผมไปดูด้วยครับ"ขอท่านอย่าอยู่ด้วยความประมาท" ครับผม

11-01-2010, 04:53 PM

คุณคนไกล จากเว็บคนเมืองบัว

เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียวกัน) ท่านไหนที่ขยันหมั่นเพียร รักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง

26-01-2005, 04:32 PM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tossapornk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2829558", true); </SCRIPT> สมาชิกเว็บพลังจิต

ถึงตอนนั้นชื่อประเทศไทยได้ถูกเปลี่ยนเป็น "สยาม" อีกครั้ง แต่ฝรั่งจะเรียกเราว่า "ไซแอม" มีผู้มีอภิญญาท่านหนึ่งเคยบอกผมไว้ตั้งแต่ปี 2545 ครับ แต่จะเปลี่ยนเมื่อไหร่ไม่ทราบครับ<!-- google_ad_section_end -->

11-01-2010,01:56 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Supernova<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2830052", true); </SCRIPT> สมาชิกเว็บพลังจิต

จะมีเหตุการณ์บางอย่างครับ แต่เป็นในทางที่ดี ทำให้อาณาเขตของไทยรวมกับลาวและเข้าไปถึงพม่าบางส่วน รวมถึงดินแดนสิบสองปันนาของจีน<!-- google_ad_section_end -->

11-01-2010,01:58 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/ไม่มีชื่อประเทศไทย-ในแผนที่อนาคต.222070/

แนวโน้มการเปลี่ยนชื่อ “ประเทศไทย” ไปเป็นชื่อ “ประเทศสยาม”

ในอดีตที่ผ่านมาคนไทยจำนวนหนึ่งไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลไทยที่ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 โดยมี นายพันเอก หลวงพิบูลสงคราม หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นผู้ที่มีนโยบายสร้างชาติโดยอาศัยเชื้อชาติไทยเป็นหลัก การเปลี่ยนชื่อประเทศดังกล่าวกระทำโดยการเปลี่ยนในรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ที่ใช้นามประเทศว่า สยาม และ Siam ต้องกลายเป็นไทย และ Thailand

ในปัจจุบันนี้พบว่า มีการทบทวนความเหมาะสมในการเปลี่ยนชื่อจากประเทศสยาม เป็นประเทศไทยอยู่หลายครั้ง ตามวาระของเหตุการณ์ได้แก่

1. ในวันที่ 24 มิ.ย. 2552 ในโอกาสครบรอบ 70 ปี การเปลี่ยนชื่อประเทศ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้มีการจัดสัมมนารำลึกเหตุการณ์นี้ “77 ปี อภิวัฒน์การปกครอง 2475...70 ปี เปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นไทย”

โดยมีปาฐกถาที่สำคัญของบรรดานักวิชาการ เช่น อาจารย์ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ในหัวข้อ “พัฒนาการของรัฐชาติกับความขัดแย้งภายในของชาวสยาม” ที่ให้ความเห็นที่น่าสนใจส่วนหนึ่งไว้ว่า

“จากสยามเป็นประเทศไทย ทำให้ขอบเขตแห่งดินแดนมีความชัดเจนขึ้น มีพลเมือง คนไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ชนชาติไทย มีเอกลักษณ์ก็คือเพลงชาติไทย มีอัตลักษณ์คือภาษาไทย และวัฒนธรรมไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆที่อยู่บนพื้นแผ่นดินสยาม ผลักดันให้ชนชาติพันธุ์เหล่านั้นกลายเป็นคนชายขอบ ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากชนกลุ่มใหญ่ที่เรียกตัวว่า ไทย”

2. เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2552 สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนาภายใต้ กลยุทธ์การวางแผนและการอยู่รอดทางการตลาดในภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Positioning Yourself Survival in Recession) โดยมีนายแจ๊ค เทราท์ (Jack Trout) นักการตลาดระดับโลกซึ่งเป็นผู้คิดทฤษฎีการวางตำแหน่งตลาด (Positioning and Marketing Warfare) มาบรรยาย

นายเทราท์ กล่าวถึงการการปรับตำแหน่งการตลาดของประเทศไทย ในด้านการท่องเที่ยวควรนำ สยาม กลับมาโปรโมต เพื่อสร้างกระแสและทำให้เกิดความแปลกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกับศรีลังกา ที่ใช้คำว่า ซีลอน ซึ่งเป็นชื่อเดิมของประเทศ เพราะคำว่าสยาม สามารถบอกบ่งถึงความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมและประเพณีที่ชาวตะวันตกรู้จักมาแล้วตั้งแต่ในอดีต

จากกรณีข้อเสนอการแนะนำให้ชูชื่อ “สยาม” กลับมาใช้ด้านการโปรโมตการท่องเที่ยวนั้นของนายแจ๊ค เทราท์นั้นได้มีนักวิชาการได้ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนหลายท่านได้แก่

ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของสยามประเทศ ที่เป็นผู้ริเริ่มแนวคิด เปลี่ยนชื่อไทยกลับไปเป็นสยามอีกครั้ง โดย ดร.ชาญวิทย์ ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการประกาศใช้ชื่อประเทศสยาม และ Siam บรรจุลงในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า

“เรื่องนามประเทศสยาม Siam หรือ ไทย Thailand นี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราถูกรัฐบาลอำนาจนิยม/อำมาตยาธิปไตย บังคับใช้มานานตั้ง 68 ปี ดังนั้นก็ฝังรากลึกมากๆ”

“เราต้องการเปลี่ยนเฉพาะนามประเทศ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงว่าด้วยเชื้อชาติ เพราะประเทศของเรานั้น ‘รวมเลือดเนื้อเชื้อชาติต่างๆ’ ที่หลากหลายมากมาย อาจจะมากกว่า 40 หรือ 50 เชื้อชาติด้วยซ้ำไป ไม่ได้มีแต่ ‘ไทย’ เชื้อชาติเดียว”

นอกจากนี้นักวิชาการท่านอื่นได้เสนอแนะความเหมาะสมของชื่อประเทศสยามไว้ว่า นามของประเทศหรือดินแดนแถบนี้ที่เรียกว่า “สยาม” หรือ “Siam” นั้น เก่าแก่กว่าหนึ่งพันปี

คำว่าสยาม หรือ Siam นั้นหมายถึงดินแดนหรือแผ่นดิน หมายถึงบ้านเมือง คำว่าสยามมีกำเนิดเก่าแก่มาจากคำในตระกูลภาษาไท/ลาวโบราณ คือ “ซำ” ซึ่งหมายถึงแผ่นดินที่มีน้ำ เป็นที่อยู่อาศัยทำมาหากินได้ คำนี้ยังหลงเหลือใช้กันอยู่ เช่น แขวงซำเหนือ ในประเทศลาว และคำๆ นี้ก็ออกเสียงเพี้ยนกันไปตามลิ้นภาษา

เขมรเรียกว่า “เสียม” อย่างเช่น ภาพเสียมกุกที่ปราสาทนครวัด ส่วนมอญออกเสียงว่า “เซ็ม” มลายูออกเสียงว่า “เสียม”หรือ “เซียม”

จีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ้องและราชวงศ์เหม็งก็เรียกดินแดนของเราว่า “เสียน” หรือ “เสียม” ในพระราชสาส์นจากปักกิ่งเรียกเราว่าประเทศ “เสียมล้อ” หมายถึงสุพรรณบุรีผนวกเข้ากับลพบุรี กลายเป็นราชธานีศรีอยุธยาเมื่อฝรั่งตะวันตกเข้ามา ก็รับคำนี้ไปออกเสียงกันต่างๆ นานา แต่ที่รับรองกันเป็นสากลมาหลายร้อยปี ก็คือคำว่า “Siam”

ส่วนคำว่าไทย Thai/Tai หมายถึงคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ อาศัยร่วมกับคนชนเชื้อชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไทย/ไท ลาว คนเมือง คนอีสาน มอญ เขมร กูย แต้จิ๋ว กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ไหหลำ จาม ชวา มลายู ซาไก มอแกน ทมิฬ เปอร์เซีย อาหรับ ฮ่อ พวน ไทดำ ผู้ไท ขึน เวียด ยอง ลั๊วะ ม้ง เย้า กะเหรี่ยง ปะหล่อง มูเซอร์ อะข่า ขะมุ มลาบรี ชอง ญากูร์ ฝรั่งชาติต่างๆ แขกชาติต่างๆและ ลูกครึ่งอื่นๆ

สรุป ในปัจจุบันนี้ ชื่อ สยาม นั้น ยังถือว่าเป็นที่รู้จักแพร่หลายอยู่ ทั้งในและต่างประเทศ การเปลี่ยนชื่อจากประเทศไทยไปเป็นประเทศสยาม ไม่เพียงแต่มุ่งหมายแค่ดึงการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่มีนัยของการให้ความสำคัญกับเชื้อชาติอื่นๆที่อาศัยอยู่ในแดนดินนี้มาอย่างยาวนาน ไม่เฉพาะแต่เชื้อชาติไทยเท่านั้นนั่นเอง

ซิลเวีย: เรียบเรียง
4 ตุลาคม 2009, 23:05:22

ที่มา http://www.iqraforum.com/forum/index.php?topic=2608.0<!-- google_ad_section_end -->

 

======================================

11 ม.ค. 53

ถ้าคนชื่อ ว. มาเป็นผู้นำของประเทศจริงในปี 54 ก็ขอให้ทุกท่านระวังเรื่อง
แผ่นดินไหวที่จะตามมา เพราะมาตรงกับสัญญาณของผมที่ได้ลงเตือนค่อนข้าง
จะบ่อยในระยะ 2ปีที่ผ่านมา

ส่วนสัญญาณอื่นๆที่ลง เช่นบทความที่แล้ว คือ ปัญหาของรถตู้ หรือบทความ
อื่นๆที่ได้ลง แต่มิได้เกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง ประเทศไทยจะเกิดภัยฯ ก็ต้องขออภัย
ท่านผู้อ่าน ที่ผมลงเพราะผมต้องการตรวจสอบสัญญาณของผมว่า เมื่อได้รับแล้ว
จะเป็นจริงหรือไม่? ส่วนใหญ่เกิดจริง สัญญาณแต่ละสัญญาณจะเป็นฐานให้ทุกท่าน
ตัดสินใจว่า สิ่งที่ได้แจ้งเตือนให้ท่านทราบเมื่อเกิดขึ้นจริงแล้ว
ท่านจะทำอย่างไร? ต่อไป

บางสัญญาณผมไม่ได้แปล ท่านอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ต้องขออภัยด้วย
เช่น กินคำสุดท้าย เงินเดือนๆสุดท้าย ไชโย.....เพลงดีมีสาระ คนเอน จบลง
ด้วยความเศร้า (หลังจากที่ผมได้ลงไปแล้ว ผมได้ดูข่าวทางทีวี ท่านรองนายก
ท่านหนึ่ง ท่านได้ออกมาพูดเรื่องนี้ ที่ตรงกับสัญญาณของผมแล้ว ถ้าท่าน
บังเอิญได้ดูและฟังท่านก็จะเข้าใจ)


องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

สยาม นามอยู่ยั้ง ยืนยง