เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

เอ....
ไปเชิญพลังบารมีของท่านมาเกื้อหนุนแบบนี้ ได้ยินว่า ถ้าเราขอยืมมา
เราจะต้องใช้คืนด้วยไม่ใช่หรือเจ้าคะ

ดิฉันเห็นไปในทางเดียวกับ อ.สามตาข้างต้นค่ะ
พุทธภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

เดี๋ยวนี้ดิฉันจึงเลิกแขวนพระ ไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองแน่
แต่จะเอาคุณธรรม ที่ตนเองทำดีตลอดทั้งวัน และที่สะสมมา
เป็นพลังในการปกป้องตนเอง
โดยมีเรายึดถือองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสะระณะค่ะ

นานาจิตตังเช่นกันค่ะ

 

สติปัญญามีไว้พิจารณา

หากมีความยึดติด ว่าสวดแล้วต้องเป็นหนี้ เป็นสิน เป็นกรรมที่พึงชดใช้

ผมก็อยากร้องไห้ ให้กับบรรพบุรุษ และชาวพุทธในหลายประเทศ เพราะถ้า

นับแต่พระคาถาบทนี้ แพร่หลายในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง ผู้ที่ได้สวด ด้วยความ

ศรัทธา จะมีจำนวนเท่าไหร่กัน ที่ต้องตกเป็นหนี้ เป็นกรรม หรืออะไรก็แล้วแต่

ที่เป็นผลลบ สุดแต่ที่จะเรียก ขอให้ลองพิจารณากันดู


และทำไม ไม่เคยได้ยินพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านกล่าวว่าต้องเป็นหนี้

หรือว่าผู้ปฏิธรรม ในสมัยก่อน เขาไม่มีภูมิรู้ ที่จะมาเตือน


หากในยุคของพวกเรา ต่างมาคิดว่า สวดคาถาชินบัญชร แล้วต้องตกเป็นหนี้

หรือต้องติดลบ ผมก็จะไม่สวด หรือแขวนพระ เข้าวัด และเอาธรรมมะของพระ

ที่ีท่านสอน มาใช้เช่นเดียวกัน เดี๋ยวจะเกิดหนี้กรรมไปต่าง ๆ


ผมจึงได้แสดงความคิดเห็น ในเรื่องของวิกิจฉา ว่าไม่ควรแปล หรือเอาคาถามาตี

ความหมาย เพราะถ้าหากมาตีความหมาย คาถาหลาย ๆ บท ป่านฉะนี้...นึกกันเอง


สำหรับวิชาไสยศาสตร์ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับคาถา ครั้งสุดท้าย ที่ผมนำมาใช้งาน

คือเมื่อ 15 ปีก่อน แต่บัดนี้ผมได้ละ และวางสิ่งเหล่านี้ ไปนานแล้วครับ

 

เป็นคำกล่าวที่เยี่ยมจับใจจริง ๆ สำหรับผู้ที่สร้างพระไว้ในใจ

และเชื่อในเรื่องผลของกรรม อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

 

อ่าน ข้อความ ของท่านมังกร แล้ว

เฮ้อ ..... ทำให้ คึก คัก
นึกถึง ท่านอาจารย์ ชุม ไชคีรี.....

ท่านมังกร เล่า มาถึง เรื่อง ปรอท
ก็ ทำให้รู้ ว่า สมัยหนุ่มๆ ท่านมังกร ก็ ซุกซน ไม่เบา ได้ไปเรียน วิชา มาหลายสำนัก

ปรอท ก็ คง ไป เรียนกับ อ.ชม สุคันทรัต มาเป็นแน่
นะซิ..... 55

ถ้าได้ เจอ กัน ตอน หนุ่ม ๆ คง ได้ สนุก กัน ยกใหญ่ ...... 55

 

สมัยอายุสิบกว่าขวบ เรียนอยู่แถวถนนพญาไท จำได้ว่า พกไม้ ไม้ฟุตเหล็ก

กระบอง เพราะต้องทำธุระ กับหลายโรงเรียน เลยจำต้อง มีของเล็ก ๆ น้อย ๆ

ไว้ประดับกาย แต่ตอนนี้ ไม่มีความจำเป็น ก็เลยทิ้งไป และมองเห็น

คุณค่าน้อยลง สิ่งที่ดี ที่เรายังหาไม่เจอ มีอีกเยอะ นะตาดาว เห่อะ ๆ ๆ


นาน ๆ เจอะกันครั้งหนึ่ง เอ้า! ท่านดาวทะเล

โปรดรับน้ำชา 1 จอก

 

ขออนุญาตค่าาาาา เอาลิงค์วัดสามแยกที่เอาพระไตรปิฏกมาอ้างอิงนะคะ
แค่อยากให้ศึกษา ผู้ใดจะไปหาพระไตรปิฏกมาอ่านเลยยิ่งจะดีไปใหญ่
ส่วนใครตัดสินใจอย่างไร ก็แล้วแต่การพิจารณาของตัวท่านเองนะคะ
ไม่แย้งใคร คนกันเองทั้งนั้นค่ะ ยังไงก็ติดตามเรื่องเล่าก่อนนอน
(อ่านแต่ละตอนได้ตลอดเวลา)

หัวข้อ: ผู้ชอบสวดมนต์...ห้ามพลาด!!

HTML:

http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=589.0

หมวด พระไตรปิฎก

HTML:

http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=217.msg2923#msg2923

คำเตือน
โปรด อ่านช้าๆ อ่านให้หมด คิดพิจารณาไตร่ตรองตามด้วยค่ะ

 

ลิงค์ที่น้องตัวกลมให้มา ได้เข้าไปอ่านแล้ว พี่มังกรยอมรับ และไม่ปฏิเสธ

และได้โพสท์ลักษณะนี้ ไปแล้วในหลายกระทู้ ซึ่งเห็นด้วย


แต่ว่า...จุดประสงค์ที่เขียนมาทั้งหมด ในหลายเม้นท์

เป็นเจตนาในการเปรียบเทียบ เพื่อบีบให้วงแคบเข้ามา

แต่ผู้ที่เข้าใจ จะมีสักกี่คน เพราะไม่ได้อ่าน แต่ต้นเรื่อง


การจะคิดสิ่งใด กับของที่บริสุทธิ์ ควรคิดในเชิงบวก คิดในทางที่ดี

หากคิดในเชิงลบ หรือคิดมากไป จิตสามารถสร้างอุปทาน

แล้วเชื่อตามอุปทานนั้น เอาเป็นว่า ผมอยากให้ทุกท่าน

สวดพระคาถานี้ต่อไป ไม่ต้องสงสัยอะไร แล้วไม่ควรนำพระคาถา

อันศักดิ์สิทธิ์บทนี้ ตีความเป็นเชิงลบ จะก่อกรรมใหญ่ โดยไม่เจตนา

เรื่องบางเรื่องจะจริง หรือไม่จริง โปรดคิดเสียก่อน ที่จะนำมาเผยแพร่

ผมกลัวใจอนุชนรุ่นหลัง จะเสื่อมจากพระคาถาบทนี้

 

ยังไงเสีย ช่วงนี้ควรตรวจตราสิ่งของ และสัมภาระที่เก็บไว้บ้าง

สังหรณ์ใจว่าจะมีลมแรงจัด วิ่งเข้ากรุงเทพ ในปีนี้อ่ะ

แต่ไม่ใช่ลูกที่เห็นกันตามข่าว ของกรมอุตุ หรือในห้องภัยพิบัติ

ก็ไม่ควรประมาท คิดแต่ในเรื่องรื่นเริง

 

ผมเห็นด้วยกับพี่มังกรเช่นกันครับ มีคนถามผมบ่อยว่าการสวดมนต์บทนี้จะทำให้ไม่มีคู่บ้างละทำให้ตัวเองเจ็บตัวหรืออื่นๆอีกมากมาย ผมก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าถ้าคนกลัวแสดงว่าคนๆนั้นต้องทำไม่ดีหรือเปล่า หรือเพราะเห็นว่าไม่คู่ควรกับตัวเองจึงเกิดความกลัวขึ้น(ถ้ากลัวกันเยอะแสดงว่าประเทศเราขาดคนที่ปฏิบัติดีเหรอน่าคิดนะถ้าแบบนี้) แต่ผมก็จะบอกทุกๆคนเสมอว่า สวดไปเถอะถ้าจิตเราคิดดี ปฏิบัติดี แล้วละก็ มนต์คาถาที่เราสวด ก็จะแสดงผลได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน

 

คุณมังกรบูรพา..ยิ่งขยายความรื่องการสวดชิณบัญชร
ออกไปกว้างมาก...บาปจะยิ่งมาก.
อ่านๆๆดู... รู้สึกจะมาในแนว บอกว่า
อาจารย์ ตาทีสาม ผิด ที่ บอกว่า

การวสวดชิณบัญชร เป็นสิ่งที่ไม่ดี
จะเกิด กรรม
.......................................
ไปอ่านใหม่..ผมเขียนว่า การสวด ดี..
.แต่คนสวด จะต้อง มานั่ง ทำสมาธิ ค่อนข้างนานกว่า ธรรมดา
เพื่อ แผ่กุศลให้ แก่บูรพาจารย์...ที่ ท่านมา ในบทสวด
............................................................
คนที่สวดแล้ว นอนเลย ไม่นั่งสมาธิ แล้ว นอน เลย..จะมีพลังบุญ แค่ไหน

.....................................................................
คงจะเคยได้ ยิน
การใส่บาตร100 รูป ไม่เท่า ถวายสังฆทาน 1 ชุด
สังฆทาน 100 ชุด....ไม่เท่าการนั่งสมาธิ 1 นาที
........................................................................
ผมว่า คุณฯ มังกร หยุดเรื่องนี้ ดี กว่า
อย่ามาตอแย..เหมือนกลุ่มเกรียน ในอดีต เลย
.........................................................................

 

แต่ก่อน ตอนเด็กตั้งแต่ ม 3มักจะสวดเสมอๆ คาถาชินบัญชร พาหุง และ ยอดพระกันฑ์ไตรปิฎก ที่โรงเรียนสอนทำสมาธิ ก็ติดตั้งแต่นั้นมา สวดมาเรื่อยๆ ไม่รู้คำแปล และชอบสมาธิก็ทำมาเรื่อยๆ จน ได้เห็น องค์บาลี คือ เทวดาต่างชาติที่พูดบาลี มวยผมไว้กลางกระหม่อม เหมือนแขก ท่านสวดมนต์ให้ฟังด้วย พอได้มาศึกษาคำแปล ก็คิดว่า เพราะคาถาชินบัญชรกระมัง ถึงได้ มีเทพมารักษา และสมัยเด็กทำสมาธิด้วย จึงเห็นบ่อยๆ เปลี่ยนชุดกันมา บ้างเป็นองค์ไทย บ้างเป็นฝรั่ง

 

ผมขอกราบ ขอขมา สิ่งที่ผมได้ล่วงเกิน

หรือปรมาส ท่านอาจารย์สามตาครับ


ไม่สบายใจทั้งวันครับ เดี๋ยวผมจะลองสวดบทคาถาชินบัญชร

ตามเงื่อนไขที่อาจารย์เขียนไว้ ถือว่าเป็นการพิสูจน์ และจะ

พยายามฝึกสติ ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

 

เรื่องเล่าก่อนนอนครับ
เมื่อวานได้มีโอกาศไปวัด ศรีษะทองสุดยอดของพระราหู ผมกับท่านนั้นไม่ถูกกัน
มานานแล้้ว เหตุที่ไม่ถูกก็ไม่ขอกล่าวถึงแล้วกันครับ เมื่อวานเป็นพิธีไหว้ใหญ่ของวัด
ท่านก็ลงมาเป็นประธานเลยเราเห็นแต่ไกลก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วแตไหนๆมาแล้ว
ก็ไปดูซักหน่อย ภาพที่ผมเห็นราหู คงจะไม่เหมือนคนอื่นเห็น เล่าตามที่เห็นครับ
คือเป็นร่างกายมนุษย์สูงใหญ่นั่งบนอาสนะ ขัดสมาธข้างนึ่งอีกข้างขึงห้อยลงมา
ร่างกายส่วนบนถึงใต้ราวนมเป็นชิ้นนึงลอยอยู่ส่วนตัวก็ตั่งอยู่ เหมือนคนปรกติ
แต่แค่ตัวขาดออกจากกันระหว่าง สองส่วนกว้างประมาณ 1ฝ่ามีอ กายเป็นสีดำ
มีประกายดุจเพชร เหมือนนิลแต่แวววาวกว่า เครืองทรงสีดำ ขับกับลิ่มทอง
แต่ที่แปลกก็คือฝ่าเท้าเป็นสีเงินยวงแวววาวกว่าส่วนใดๆ รัศมีเหมือนพระศรีอริย
จึงทราบได้เลยว่าท่านกำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ ผมคงไม่รอท่านมาเป็นองค์พระสัมมาหลอก
เจอท่านจริงๆแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ก็เลยว่าทำไมไหว้ท่านทีไรมีแต่โทษ
แค่คิดก็ได้คำตอบเลย บรรดาสมุนท่านลอยมาแต่ไกล เป็นรูปแบบยักที่มีตัวเป็นยักร์
แต่ท่อนล่างเป็นงู ลอยลงมาในงานพิธีเต็มไปหมดเลย จึงทราบว่า ตัวท่านเอง
สร้างบารมีแต่สมุนยังไม่ เหมือนกับหัวหน้าโจรกลับใจ แต่ลูกน้องก็ยังเอา
สงสัยต้องใช้เวลาอีกเยอะ กว่าจะเปลี่ยนทั้งหมด
ได้ขอสรุปไหว้ เหมือนเดิมดีแล้ว 5-5-5 เล่าขำๆ ลดบรรยากาศ มาคุ เลย...

 

ผมก็ไม่ค่อยถูกกับท่านซักเท่าไร.. อยากถามพี่visnu สรุปแล้วที่ให้โทษ บาปนพเคราะห์นี้เป็นสมุนท่าน ไม่ใช่ตัวท่านพระราหูใช่ไหมครับ อยากทราบเรื่องราวท่านราหูแบบเรื่องทิพย์ๆอยู่นะครับ อ.อาชวินก็ให้ห้อยพระนารายณ์ทรงครุฑประทับราหูอยู่ด้วย ^^ เวลาไหว้บูชาท่านรู้สึกอึดอัดแบบแปลกๆ นึกว่าไหว้ของดำท่าน ท่องบูชาท่าน แล้วท่านจะชอบ ช่วยลดเคราะห์กรรมให้ -"-

 

อ่านเรื่องราวของเจ้าหนุ่มหน้าแขก ตาโต ก็ดูสนุกดีนะ แต่สามบรรทัดสุดท้ายนี่ ฟังดูทะแม่ง ๆ

สะดุ้งอยู่เหมือนกัน อืม! สงสัยจะเปรียบเป็นท่านพระราหู นี่ถ้าเป็นฉันล่ะก็ เห่อะ ๆ ๆ

เดี๋ยวพาสมุนถล่มบ้านแน่ ตาบาส

 

ขณะนี้มีความคิดที่แตกต่างกันอยู่ สองประเด็น
ก็ให้คงไว้..และให้ ผู้ที่ เชื่อ แบบใด แบบหนึ่ง..ก็เชื่อไป
.............................................................
ความคิดแบบที่ 1.
ในพิธืกรรมโบราณ..ในการปลุกเสก ของขลังประเภท หนังเหนียว
คงกระพัน/ ฟันแทงไม่เข้า../ในบางครั้ง จะมีการอัญเชิญ
พระพุทธเจ้า5 พระองค์
กกุสันโท /โกมนาคม/ กัสสปะ / สมณโคดม/ พระศรีอาริยเมตไตรย์
ลงมาร่วมพิธีด้วย..โดยไม่ต้องเสียกำลังบุญ
ถ้า มีการเสีย..คนที่ รับของ ที่ ปลุกเสกไปใช้ ..ก็จะเป็นหนี้บุญ..มหาศาล
เพราะ เป็นการเชิญ สุดยอด แห่ง ความศักดิ์ สิทธิ์
.........................................................................

 

ความติดที่ 2

พระพุทธ 5 พระองค์ จะจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์
บำเพ็ญตน..จนถึงระดับ ตรัสรู้
และนำพามนุษย์ไปสู่ ..แสงสว่าง
รายละเอียด อ่านได้ จาก หนังสือ "พระพุทธค์ตรัสรู้อะไร"

พระองค์ นำมนุษย์ ไปสู่ ความสว่าง
ด้วยหลัก ของ ศีล / สมาธิ / ปัญญา

ในสายปฏิบัติเช่นนี้..พระเกจิอาจารย์ ที่ เจริญ รอยตาม
เช่น หลวงปู่มั่น/ หลวงปู่แหวน/หลวงปู่หลัยส์/ หลวงพ่อชา...ฯลฯ
สายนี้..เป็น สายปฏิบัติ...ไม่มีการปลุกเสก ของ ขลัง แต่อย่างใด

องค์พุทธะ ทั้ง5 พระองค์..เป็นผู้นำแห่ง สายปฏิบัติ
จึงไม่น่าจะเป็นไปได้..ที่ จะลงตามคำเชิญของผู้มีอาคม
ที่จะลงมาตั้งวง..ช่วยกันปลุกเสก ของ ขลัง

การปลุกเสก นั้นผู้มีอาคมและตะบะเตโชสูง
ต้องการให้ ดู แข็ง แรง..ก็ใส่บทสวด ที่ มีโองการเชิญให้ ลงมา
จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ ทั้ง 5 องค์พุทธะจะลงมา
แต่ด้วยอำนาจตะบะเตโช ของ ผู้ ทำการสูง
ของขลังนั้น..จึงมีฤทธิ์ เดช..ในการให้เกิด อำนาจ คงกระน/หนังเหนียวได้
...........................................................................
ทั้งสอง ความคิดให้คงไว้..เป็น อิสสระ..
ให้ผู้คน อยากเชื่อ ข้างใด ก็ไปตามที่ตนศรัทรา
แล้วแต่ ปัญญา ตามระดับ ที่ ตัว มี
............................................................................

 

รอคุณ visnu มาเล่าต่อ กำลังติดตามว่าแล้วยังไงต่อไปคะ...???
ท่านบริวารของพระราหูหนะค่ะ...

จำได้ตอนไปเข้าเฝ้าองค์พระอินทร์ ทรงมีกายสีขาวและเนื้อละเอียดมากๆ
(ตอนไปบ้านสายลมทำมโนยิทธิ)

คุณ Visnu มาเล่าหน่อยนะคะ

ลดควันประทุ...

 

- ผมเชื่อเรื่องของอนุภาคปรมาณู เชื่อในเรื่องของพลังงาน ของอริยะเจ้า

ของพระผู้ปฏิบัติดีแล้ว ยังคงสถิตย์และล่องลอย อยู่ทุกอณูของอากาศ


- แต่ผมไม่เชื่อว่า จะมีมนุษย์คนไหน ที่มีขีดความสามารถขนาดอัญเชิญ

พระอรหันต์ ที่เป็นจิตแท้ ๆของท่าน และจำนวนหลาย ๆ องค์ มาสิงสถิตย์

ในกาย ตามตำแหน่งต่าง ๆ


- แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่มานั้น เป็นกระแสจิต ที่อยู่ในรูปของพลังงานบริสุทธิ์

ที่ยังล่องลอยอยู่ สิ่งนี้ต่างหาก ที่เราอัญเชิญมา

(ข้อความที่เขียนไว้แล้ว ในหน้าที่ 142)

---------------------------------------------------------------------------
ผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ต่อท่านอาจารย์ ตามภูมิความรู้ที่ได้สะสมมา
ผิด/ถูกประการใด ขอท่านอาจารย์ ได้ชี้แนะด้วยครับ

- ตึกแถวแห่งหนึ่ง ที่มีคู่สามีภรรยา และคนในครอบครัว ต่างทะเลาะเบาะแว้ง
กันไม่มีที่สิ้นสุด โต้เถียงกันด้วยประการต่าง ๆ นา ๆ อารมณ์ที่รุนแรงของคน
ในครอบครัว จะส่ง หรือ แผ่ออกมาเป็นกระแสจิต สู่ยังตึกแถวหลังนี้

- เวทีลีลาศและสถานบังเทิง ยามนั้นเวลานั้น ต่างได้เลิกและจัดงานเลี้ยงไปแล้ว
แต่ผู้ที่มีจิตสัมผัสดี ย่อมสามารถจับกระแสจิต หรือพลังงาน ของความสนุกสนาน
รื่นเริง ของพลังงานที่ถูกทิ้งไว้

- ผ้าไตรจีวีรหรือเครื่องอัฐบริขาร ที่พระสงฆ์หรือพระอรหันต์ ที่ท่านได้ใช้สอยนุ่งห่มอยู่
เป็นประจำ แม้ท่านเหล่านั้นได้เข้านิพพานไปนานแล้ว แต่พลังงานและกระแสจิต
ยังมีอยู่ในสิ่งของที่ท่านใช้

- องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์ จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว แต่รอย
ฝ่าพระบาท ที่ท่านได้เสด็จไปยังทุกสถานที่ ย่อมมีกระแสจิตหรือพลังงาน สิงสถิตย์อยู่

- พระศรีอริยเมตตรัย หากพระองค์ท่านยังไม่มาจุติ เพื่อสั่งสอน และโปรดสัตว์โลก
เราจะไม่สามารถ สัมผัสหรือรับรู้กระแส พลังงานของพระองค์ ตราบใด กาลเวลาใด
ที่ท่านได้เสด็จมาแล้ว สู่โลกแล้ว และพระองค์เคยเสด็จไปยังสถานที่ใด สถานที่แห่งนั้น
จะเต็มเปี่ยมไปด้วยบารมี ของพระองค์

- หากแต่พระองค์ ถ้าทรงประทับ ณ สถานที่ใด ย่อมได้เห็นเหล่าเทพเทวาน้อยใหญ่
หลายสวรรค์ชั้นฟ้า ต่างห้อมล้อมพระองค์ ด้วยแสงแห่งบารมีนั้น

จะเป็นวิชาที่ว่าด้วยโองการก็ดี คุณไสยเวทก็ดี ต่างล้วนพึ่ีงพาบารมี พึ่งพากระแสจิต

พึ่งพาพลังงาน ที่ยังคงสถิตย์ อยู่ในทุกอณูของอากาศ ไม่ใช่คิดกันว่า

พระพุทธเจ้าประทับอยู่กับฉันแล้ว พระอรหันต์เสด็จอยู่ที่บ่าแล้ว ซึ่งถ้าจะคิดกัน

ให้ถ่องแท้ (สำหรับผู้มีวาสนา) ผมว่านะ เรากำลังอัญเชิญกระแสจิต

หรือพลังงานของท่านมา ซึ่งไม่ใช่องค์จริง แม้ว่า ท่านจะละจากโลกนี้ไปแล้ว

 

กรรมมังกร...

ในระหว่างที่กำลังนอนเล่น จะว่าหลับก็ไม่ใช่ ตื่นก็ไม่เชิง แหม!

ไปนึกถึงวัดหลักสี่ นึกเพลินไปเพลินมา รู้สึกเหมือนมีสุนัขเข้ามากัด

ที่แขน แต่มาแปลกตรงว่า ร่างกายที่กำลังนอนเพลิน ๆ อยู่ เกิดชักกระ

ตุกรุนแรง และหดแขนกลับอย่างรวดเร็ว เหมือนกับถูกสุนัขนั้นกัดจริง


สิ่งที่เล่ามาเพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วัน อ้ายเราก็มาคิดว่า สงสัยพลังงาน

หรือกรรม ที่เราึคยปลดปล่อย หรือทำไม่ดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ณ ที่แห่งนี้

ยังติดเป็นกระแสอยู่ หรือไม่ก็อาจเป็นชาติใดชาติหนึ่ง ที่ทำกรรมไว้

พอเราไปยังที่แห่งนั้น พลังงานหรืออาจเรียกว่ากรรมก็ได้ เลยส่งผลมา