✿✿บ้านคุณตัวเล็ก ✿✿ ถูกสุดๆหลวงปู่จักร วัดถ้ำเขารังไก่(หั่นราคากันไปค่ะ)✿

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุณตัวเล็ก, 23 กันยายน 2009.

  1. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    เดี๋ยวขอคุณตัวเล็ก หาก่อนนะคะ ไม่แน่ใจค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม
     
  2. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    รับทราบการจองเจ้าค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  3. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ยังไม่ทานข้าวเย็นเลยค่ะ มั่วแต่ถ่ายรูปอยู่ฮิฮิ กำลังจะลงประกาศให้บูชาในกระทู้ค่ะ
     
  4. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    สรุปวัตถุมงคลที่ยังไม่มีการจองค่ะ

    1. รูปหล่อ รุ่น สุดท้าย หลวงปู่ศรี มหาวีโร ปี51 ราคา 650 บาท เหลือ2องค์ค่ะ
    2.รูปหล่อรุ่นแรก หลวงปู่ขุ้ย รุ่นหยดน้ำมนต์ ราคา 650บาทค่ะ

    3.พระกริ่งโปร่งฟ้า หลวงปู่ญาท่านสวน ราคา 4500บาท ค่ะ
    4.เหรียญนารายณ์ไตรมาส เนื้อทองแดง หลวงพ่อเกาะ 750บาทค่ะ

    5.ดาบสะหรี๋กัญไชย ขนาด 7 นิ้ว ราคา 950บาท เหลือไม่มากแล้วค่ะ
    6.ดาบสะหรี๋กัญไชย ขนาดจิ๋ว ราคา 550 บาท

    7.ผ้ายันต์พิชัยสงคราม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ราคา 450 บาท
    8.จระเข้คาบดอกบัว หลวงพ่อทรงวัดศาลาดิน ราคา 799บาท

    9.ผ้ายันต์แมงปอเรียกทรัพย์ หลวงปู่จักร 1500บาท ค่ะ
    10.มณีอีสาน หลวงปู่ญาท่านสวน ราคา 999 บาท

    11.พระผงรุ่น 8 รอบพิมพ์กรรมการ หลวงปู่ญาท่านสวน ราคา1050 บาท
    12.จระเข้ หลวงพ่อสนิท รุ่น 6รอบ ราคา 1250บาท
     
  5. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    รูปหล่อรุ่นแรก หลวงปู่จักร วัดเขารังไก่

    มี คนมาขอให้หลวงปู่ สร้างรูปหล่อรุ่นแรก หลายร้อยคนหลวงปู่ก็บอกว่ายังทำไม่ได้ ท่านบอกว่า เมื่อไรที่ท่าน ไม่มีอายุ ค่อยทำ หลวงปู่ล่วงเข้าวัย 80
    ใครถามอายุท่านหลวงปู่ก็จะพูด ดุๆว่าท่าน ไม่มีแล้ว หมดแล้ว อายุหมดแล้ว ไม่รู้หลวงปู่หมายถึงอะไร ในพรรษานี้ หลวงปู่ได้สร้างรูปหล่อท่านขึ้น ช่างปั้นก็ดีใจหาย
    ปั้นซะ เหมือนหลวงปู่มากๆ ท่านปลุกเสกรูปหล่อทุกวัน สองเวลา ก่อนทำวัตรเช้าและหลังทำวัตรเย็น ท่านบอกว่า เทวดา จะมาช่วยท่าน รูปหล่อท่านอยู่ที่ไหน
    เทวดาที่ใกล้ที่สุดจะไปช่วยก่อนที่ อำนาจพุทธคุณจะไปถึง มีเรื่องแปลก อยู่ว่า ลูกศิษย์หลวงปู่อยู่ อินโดนีเซีย และพม่า ฝันว่า รูปหล่อหลวงปู่มาหา บอกว่า
    ให้มาเอารูปหล่อ นี้ซะ หลวงปู่จักร สร้างแล้ว แสดงว่ารูปหล่อนี้เก่งไปบอกลูกศิษย์ถึงต่างประเทศได้ ใครที่ รักนับถือหลวงปู่ ก็อย่าพลาดรูปหล่อนี้ เพราะเป็นรุ่นแรก
    ที่ศิษย์หลวง ปู่รอกันมาก ส่วนหนึ่งของรูปหล่อได้เจอะก้น อุดแร่เลือดผา (หรือเหล็กไหลป่าที่หลวงปู่ได้มาตอนธุดงค์ แต่หลวงปู่ไม่ไห้พูดไปท่านจะเรียกว่าแร่เขาอึมคึม
    หรือ แร่ สุคคโต) หลวงปู่ให้เอารูปหล่อนี้ ทำน้ำมนต์ เจริญ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และเอาผ้ายันต์แมงปอ ม้วนๆ แทนที่พรมน้ำมนต์ พรมของขาย พรมบ้าน
    ค้าขายดี อธิฐานอะไรสำเร็จได้ เร็วเท่าใจ ที่ปรารถนา ตอนนี้หายากจังๆค่ะ


    ให้บูชาในราคา 750บาท

    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00220.JPG
      DSC00220.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.3 KB
      เปิดดู:
      99
    • DSC00247.JPG
      DSC00247.JPG
      ขนาดไฟล์:
      54.8 KB
      เปิดดู:
      88
    • DSC00248.JPG
      DSC00248.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.7 KB
      เปิดดู:
      101
  6. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ตะกรุดโทนนารายณ์แปลงรูป 3 นิ้ว ลงรักปิดทอง หลวงปู่จักร และเสือมเหศวร

    "อยู่คง เจตนาจงสำเร็จ สมดังใจ

    ปรารถนาอันใด อธิษฐานได้ไซร้ ดังแก้วนึกสารพัด

    คัดคงอาวุธสรรพ เขี้ยวงาดับ กระบวนอสรพิษพรรณราย

    ปีศาจร้ายมิกรายกล้ำ คุณคนคุณไสยกัน บ่มิโรคภัยพาล

    อธิษฐานทำน้ำมนต์ เลิศล้นมหาศาล อยู่เกษมสำราญ

    นิราศล้างจัญไร พกตะกรุดติดกายคงจงมั่นเทอญ"

    บทสรรเสริญสรรพคุณ "ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป" ที่ "หลวงปู่จักร" วัย 83 คนเมืองสิงห์สืบตะกูลหนังใหญ่ได้รับครอบครูเพชรฉลูกรรณ์ ครูหลวงสมัยรัชกาลที่ 6 ศิษย์หลวงปู่พระครูชั้น วัดวิหารขาว, หลวงพ่อเชน วัดสิงห์, อาจารย์เนา วัดเสาธงหิน, หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง, พ่อเอียด วัดบ้านด่าน, อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง, พ่อเต๋ คงทอง, หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ร่วมกับปู่เสือเฒ่ามเหศวร วัย 94 ปี ฆราวาสศิษย์สายพุทธคุณปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า, ปู่อิม วัดหัวเขา, หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาวหาย จัดทำขึ้น

    หลวงปู่จักร และ หลวงปู่มเหศวร ร่วมกันจัดทำวัตถุมงคลมาก่อนที่จตุคามรามเทพจะดังซะอีก ซึ่งมีตะกรุดโทนตำรับนารายณ์แปลงภาค-นารายณ์แบ่งรูป หลวงปู่จักรนั่งลงจารอักขระในถ้ำเงียบๆ รูปเดียวเลือกวันพิเศษอธิบดี พอลงแล้วก็เสกขึ้นรูปนามเรียกอาการ จากตะกั่วที่แข็งกระด้างจับเป็นนุ่มมือ พอม้วนว่าหิรัญพณาสูญกลืนปฐพี (ถ้าไม่ใช้วิชานี้ม้วนนารายณ์เคลื่อนคลายหมด) ถักเชือกลงรักน้ำเกลี้ยงปิดทองคำแท้ อัญเชิญพุทธบารมีพระนารายณ์อวตารทั้ง 10 บรรจุครบถ้วนไม่ขาดเกิน

    จากนั้นปู่มเหศวรใช้วิชาสมัยฝ่าดงปืน เรียกพระแม่ธรณีช่วยเป็นพยาน พระพุทธเจ้าตอนผจญมาร ปราบได้ฉันใด อานุภาพส่งให้ตะกรุดนารายณ์แปลงรูปนี้ผจญข้าศึกอริราชศรัตรูได้ทุกประเภทฉัน นั้น ทั้ง 2 วิชา 2 แขนงจากเกจิเฒ่าจำศีลและเสือเฒ่าขมังเวท ผนึกในตะกรุดนี้ ทำให้เป็นตะกรุดชั้นเลิศไม่เสื่อมไม่ถอนใดๆ ทั้งสิ้น

    ขณะเสกปู่มเหศวรลืมตาถอนจากสมาธิก่อนบอกว่า "ลงเสร็จแล้วให้ว่าพุทธคุณก็แล้วกัน เราแค่วิชามหากันกับแม่ธรณีก็พอ"

    จากนั้นหลวงปู่จักรอีกครึ่งชั่วโมงกล่าวว่า "เสกตะกรุดมาหลายรุ่นแล้ว มีรุ่นนี้มองเห็นแต่แสงสีประกายรุ้งสว่างมาก"

    ตะกรุดนี้ผีไม่คบ ผีหนีไกลหมดทุกตัว ไปไหนเป็นมหาอำนาจ สมัยก่อนตะกรุดอย่างนี้เขาลือกันว่า ทหาร-ตำรวจพกติดตัวลูกปืนมาเป็นห่าฝนก็ไม่ถูก ยามคับขันแม่ธรณีจะมาช่วยใช้เล็บเท้าจิกพื้นธรณี กำตะกรุดเรียกแม่ธรณีต้องมา อยู่ไกลแค่ไหนทนอยู่มิได้ ติดตัวมีแต่ความผาสุกทุกภัยหนีไกล พระนารายณ์มีฤทธานุภาพชนะทุกอย่างฉันใด ตะกรุดนี้ดุจมีหัวใจนารายณ์แปลงรูปแสดงฤทธิ์ให้ชนะเภทภัยฉันนั้น เป็นตะกรุดโทนที่เป็นเลิศทุกทาง

    สร้างจำนวน 999 ดอก



    ให้บูชาในราคา 750บาท


    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00267.JPG
      DSC00267.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.6 KB
      เปิดดู:
      150
    • DSC00268.JPG
      DSC00268.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.5 KB
      เปิดดู:
      87
    • DSC00269.JPG
      DSC00269.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.7 KB
      เปิดดู:
      68
  7. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,773
    ค่าพลัง:
    +83,788
    เยี่ยมชมพระสวยๆ ครับ
     
  8. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ขอบคุณมากๆค่ะ ที่มาเยี่ยมชม อย่าลืมมาดูเรื่อยๆนะคะ
    เพราะของเด็ดกำลังจะมา
     
  9. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ตะกรุดโทนกระทิงเถื่อน หลวงปู่จักร วัดถ้ำเขารังไก่

    หลวงปู่จักร วัดเขารังไก่ ตะกรุดโทนกระทิงเถื่อน *ตะกรุดหนังกระทิง* ทำจากหนังกระทิงป่าสีดำเงา มีใบโพธิ์ที่หน้าผากสีขาว ข้อเท้าสีขาว หลวงปู่เรียกว่า *วัวพระยา* หลวงปู่ลงคาถาแบบเดียวกับที่ลงรอบเขา แล้วระเบิดด้าน ม้วนแล้วปลุกเสกยู่หลายวัน หลวงปู่ลงยันต์มหาอำนาจกลืนเลือด หุ้มเข้าไปอีกชั้น หลวงปู่บอกว่าเป็นตะกรุดที่แคล้วคลาดกันภัยดีมาก จำนวนสร้างน้อยเพียง 738 ดอก

    ตะกรุดโทนกระทิงเถื่อน หลวงปู่จักร วัดถ้ำเขารังไก่ สมัยก่อนเขารังไก่โดนวางระเบิดรอบเขา (เขารังไก่เป็นเขาหินอ่อน นายทุนต้องการ) ระเบิดทุกลูกด้าน หลวงปู่สร้างพระไว้รอบเขา คุ้นเคยชอบพอปู่ เสือ มเหศวร
    ประลองวิชากัน แล้วข่มกันไม่ได้ เสือเฒ่ายอมรับว่าหลวงปู่องค์นี้มีดี สุดท้ายจึงเป็นเพื่อนสนิทกัน ช่วยงานวัดนี้มิขาดนี่ก็ของแปลกอีกแล้ว ที่หลวงปู่จักร สร้าง เป็นตะกรุดโทนหนังกระทิงสีดำเงา มีใบโพธิ์ที่หน้าผากแต้มเป็นสีขาว และท้าวทั้งสี่ ใส่ถุงเท้าขาว (หลวงปู่เรียก วัวพระยา) ลูกศิษย์นำมาถวายให้หลวงปู่ท่านลองนั่ง หลวงปู่ก็นั่งฉลองศรัทธาปลุกเสกของอยู่ เป็นหลายคืน ท่านก็เห็นดีเห็นงามด้วยที่จะเอาหนังกระทิงนี้มาทำตะกรุด ท่านบอกว่า กระทิงนี้มัน ปราดเปรียว มันเด็ดเดี่ยวเดินตัวเดียว และดุ ดี ถ้ามาทำตะกรุด จะ เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น ฮึกเหิม
    มีพลัง ดี ซ่อนอยู่ ว่า แล้ว หลวงปู่ก็ลงวิชาตะกรุดโทน ที่ แบบเดียวกับลงรอบเขา ระเบิดด้าน หรือ ยิงข้ามเขาหลวงปู่ไม่ได้ ม้วนและปลุกเสกตะกรุดอยู่หลายวัน จากนั้นเอาหนังกระทิงที่รองนั่งปลุกเสกมาตัดเป็นแผ่น ลงยันต์ " มหาอำนาจ กลืนเลือด" หุ้มเขาไปอีกชั้นหนึ่งและทำการถักเชือกที่หัวท้าย ลงทองและปลุกเสกอีก หลวงปู่บอกว่า ตอนปลุกเสกแปลกดี นิมิตออกไปทางตะกรุดโทน แต่ มี ๆมากเลย มีเด็ดเดี่ยว แบบไม่ต้องง้อใคร คนส่วนใหญ่จะมาง้อเรา เอง ทางเมตตาก็มีไปทางให้ คนเอาอกเอาใจ มีพลัง แปลกๆแฝงอยู่ มันจะฮึกเหิม มาคนเดียว คนจะเห็นเราเป็นกองทัพ เราเองจะมีพลังแฝงอยู่ไม่หมดเลย เอ !!! พูดไม่ค่อยถูกว่าตะกรุดนี้ดีทางไหน
    แต่ ดูๆ ไปก็ครบทุกอย่าง ครอบจักรวาลเลย ละมั้ง เอาว่า มีตะกรุดนี้ดอกเดียว มีใจสู้ ไม่ถอยเลยละ ชนะซะด้วย คนที่ กลัวนั้นกลัวนี้ ไม่ต้องกลัวเอาตะกรุดนี้พกไว้
    ชนได้หมดชนะเป็นของเราด้วยนะ


    ให้บูชาในราคา 750บาท

    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00257.JPG
      DSC00257.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      217
    • DSC00258.JPG
      DSC00258.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.3 KB
      เปิดดู:
      88
    • DSC00259.JPG
      DSC00259.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.9 KB
      เปิดดู:
      90
  10. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ล็อกเก็ต รุ่นแรก หลวงปู่ชื่น วัดตาอี

    หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ
    วัดตาอี อ. บ้านกรวด จ. บุรีรัมย์


    พระผู้เรืองเวทย์ตำรับเขมรโบราณ ผู้มากด้วยเมตตาบารมี เสกหินโยนลงสระน้ำกลายเป็นงูยักษ์ชาวบ้านเห็นตะลึง

    สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดกลียุคทั่วโลก ยิ่งประเทศเล็กประเทศน้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากข้าวยากหมากแพงแล้ว ประชาชนยังต้องรับกรรมหนักเพราะครอบครัวแตกสลายเนื่องจากความแร้นแค้นยากจน เป็นสาเหตุใหญ่

    ครอบครัวของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาก็ได้รับความรุนแรงของไฟสงครามเช่นเดียวกัน ทำให้ญาติพี่น้องของหลวงปู่ชื่นล้มหายตายจากไปหลายคน ซึ่งประเทศกัมพูชาขณะนั้นร้อนระอุสุดๆ จนดูโหดร้ายไปทุกอย่าง ทำให้หลวงปู่ชื่นเกิดความเบื่อหน่ายจึงเดินธุดงค์เข้ามายังแผ่นดินไทยที่มี แต่ความสงบร่มเย็น

    “หลวงปู่ชื่น” นามเดิม ชื่น นามสกุล ศรีโสด เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 11 ปีมะเมีย ตรงกับปี พ.ศ. 2461 เกิดที่บ้านหินกอง อำเภอหินกอง จังหวัด สวายศรีโสพล ประเทศ กัมพูชา โยมบิดา ชื่อ นายชุม โยมมารดา ชื่อ พิม ศรีโสด มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน คือ นายเรียว นายโพธิ์ นายบุญ นายเกิด หลวงปู่ชื่น นางยอด และนางยาว ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้านในชนบททั่วไปของชาวเขมร

    ชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงปู่ชื่นนิสัยท่านเป็นคนใจบุญ มีความสุขุมลุ่มลึก และมีใจโอบอ้อมอารีชอบเอื้อเฟือเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง-ญาติพี่น้อง ทั้งยังมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาตั่งแต่เด็กๆ พออายุได้ 15 ปี ได้ขอบิดา-มารดา บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งพ่อ-แม่ไม่ขัดของ ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร วัดในหมู่บ้านเกิดของท่าน

    หลังจากบวชเณรได้ระยะหนึ่งพอถึงอายุ 20 ปี หลวงปู่ชื่นก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยได้รับนามฉายาว่า “ติคญาโณ”

    เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ชื่นได้ศึกษาบทสวดมนต์และบทสวดปาติโมกข์ ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งพรรษาก็สวดพระปาติโมกข์ได้แล้ว นับว่าหาพระที่เก่งเช่นนี้น้อยมาก เพราะการท่องบทพระปาติโมกข์พระบางรูปต้องใช้เวลานานนับ 5 ปี 10 ปี เนื่องจากเป็นบทสวดที่ยาวและยากที่สุดนั้นเอง

    “หลวงปู่ชื่นสอบ นักธรรมชั้นตรีได้ในพรรษาที่ 3 หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินธุดงค์ปลงสังขารลัดเลาะไปตามป่าดงพงพี ข้ามเขาลงห้วยในดินแดนประเทศกัมพูชา ทำให้ท่านได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ อยู่หลายรูป ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่ตนมีอยู่ให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น โดยเฉพาะฤาษีที่บำเพ็ญพรตอยู่กลางป่าดงดิบได้ถ่ายทอดวิชาขั้นสุดยอดให้หลวง ปู่ชื่น เพื่อให้นำไปช่วยเหลือศิษย์ต่อไปอีก”

    หลวงปู่ชื่นเป็นพระ เถระที่มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีศีลจารวัตรที่งดงาม ชอบบำเพ็ญกุศลเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้น ท่านจะตื่นตั่งแต่ตีสามทำวัตรสวดมนต์ และช่วงค่ำก็เช่นกันท่านจะสวดมนต์มิได้ขาด (นอกจากจะมีกิจนิมนต์และป่วยเท่านั้น)

    “หลวงปู่ชื่นชอบทำประโยชน์ให้ แก่ส่วนรวมเป็นที่สุด และให้ความเป็นธรรมแก่ศิษยานุศิษย์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ทั้งหลาย อีกด้วย ท่านจึงเป็นที่รักเคารพของศิษย์และประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมากในขณะนี้”

    หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ “หลวงปู่เอื้อย” และหลวงปู่ดี สุวรรณดี สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังอิทธิฤทธิ์-ปาฎิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา

    หลวงปู่ชื่นได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า “พระเวทวิทยาคม” ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาทั้ง ยัง ได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่างๆในอนาคตภายหน้าแน่นอน ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น

    “หลวงปู่ชื่นท่านเรียนกรรมฐานควบคู่ไปกับวิชาอาคมจนท่านเรียนรู้ได้อย่าง แม่นยำและรวดเร็ว โดยมีการทดสอบจากผู้เป็นอาจารย์จนเป็นที่พอใจ โดยเฉพาะหลวงปู่เอื้อยท่านมีเมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่างๆให้หลวงปู่ ชื่นจนหมดสิ้น หลวงปู่เอื้อยท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเขมร ดังชนิดผู้หลักผู้ใหญ่ในเขมรขณะนั้นยังมอบตัวเป็นศิษย์หลายคน”

    ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่เอื้อยมรณภาพลง หลวงปู่ชื่นจึงออกเดินธุดงค์บุกป่าฝ่าดงในดินแดนเขมรเพื่อแสวงหาครูบา อาจารย์อีกมากกมาย จนกระทั่งท่านได้พบกับ หลวงปู่ดี สุวรรณดี บน “เขากุเลน” ซึ่งท่านเป็นพระผู้มากด้วยอภิญาญานชั้นสูง และเป็นผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือโลกโดยแท้

    ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ทำให้หลวงปู่ดีรับหลวงปู่ชื่นเป็นศิษย์แล้งจึงพากันออกเดินธุดงค์ไปด้วยกัน ตามสถานที่ต่างๆ

    “หลวงปู่ชื่นได้ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคมกับธาตุทั้ง 4 ตลอดจนเกร็ดเคล็ดลับการสร้างของขลังการปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางต่างๆมากมายจากหลวงปู่ดี ทำให้ท่านมีวิชาติดตัวมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้”

    หลวงปู่ชื่นได้เมตตาเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ของท่านให้ฟังว่า

    “หลวงปู่ดีท่านนี้เก่งมาก ท่านเชียวชาญพระเวทแทบทุกชนิด ท่านเคยเสกผ้าให้เป็นนกกระยางได้ และเสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตนได้ ทั้งยังรู้ภาษาสัตว์แทบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถล่องหนหายตัวและย่นระยะทางได้ ตลอดจนท่านเดินบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย”

    หลวงปู่ชื่นเล่า ว่า หลวงปู่ดีท่านเคยแสดงให้ดูมาแล้ว ท่านเห็นกับตามาแล้วจึงกล้ามาเล่าให้ฟัง ท่านแสดงให้ดูก็เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมสืบต่อกันไปนั่นเอง

    “การเรียนวิชาอาคมจะมีฤทธิ์เข้มขลังได้ ต้องประกอบไปด้วยพลังจิตอันเป็นสมาธิแก่กล้าควบคู่กันไปด้วย” หลวงปู่ชื่นกล่าว

    หลวงปู่ชื่นเป็นพระที่คงแก่เรียน คือ ท่านชอบศึกษาค้นคว้าตำรับตำราและวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระ เลขยันต์ หรือ วิชาอาคมอะไรท่านจะทดลองสร้างทดลองปลุกเสกอยู่เสมอ เมื่อท่านลองแล้วเห็นว่าดีจริงและใช้ได้ผลดีจริงตามตำรา ท่านก็คัดวิชาวิเศษเหล่านั้นนำมาสร้างมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้บรรดาลูกศิษย์ และลูกหลายท่านให้ได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลเป็นของวิเศษไว้บูชากัน

    จาก การคัดเลือกพิจารณาตรวจจากหลวงปู่ชื่นแล้วว่า “ดีจริงเห็นผลจริง” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ต่อเนื่องเรื่อยมา จนเป็นที่กล่าวขานร่ำลือจากปากของผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นว่ายอด เยี่ยมอยู่ในขณะนี้

    ด้วยเหตุนี้จึงขอนำท่านทั้งหลายได้รู้จักหลวงปู่ชื่น เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้มีโอกาสรู้จักหลวงปู่อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และใกล้ชิดหลวงปู่มากขึ้นเพราะลูกศิษย์หลวงปู่บางคนอยู่ห่างไกลซึ่งยังไม่มี โอกาสเดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ จะด้วยสาเหตุและปัจจัยใดๆก็ตามกระผมขอเป็นสื่อกลาง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการหยั่งความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ศิษย์ที่มี ความเคารพนับถือหลวงปู่

    หรือท่านที่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นไว้แล้ว ขอให้รู้ว่าเราทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์องค์เดียวกัน เพราะมีวัตถุมงคลที่มาจากการปลุกเสกจากหลวงปู่ด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อช่วยจรรโลงเกียรติคุณของหลวงปู่ชื่นให้แพร่หลายขจรไป ตลอดยั่งยืนนานต่อไปในภายภาคหน้านั้นเอง





    พบสหธรรมิกเก่า

    หลังจากที่หลวงปู่ชื่นธุดงค์ไปในที่ต่างๆมานาน จนกระทั่งท่านเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนารากอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ท่านอยู่ได้ 5 พรรษาจึงได้เดินธุดงค์ต่อเรื่อยไปจวบจนอายุท่านมากขึ้นกำลังวังชาถดถอย ท่านจึงอยู่กับที่ระยะหนึ่ง

    ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2524 หลวงปู่ชื่นได้รับนิมนต์เดินทางไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดแห่งหนึ่งในเขต จังหวัดบุรีรัมย์ งานนั้นหลวงปู่นิล อนุตโร เจ้าอาวาสวัดตาอีรูปปัจจุบันซึ่งเคยเป็น “สหธรรมิก” (เพื่อน) เก่าก่อนกันมาก็ได้รับนิมนต์จากทางเจ้าภาพให้เป็นพระคู่สวดเช่นกัน

    หลังจากพระทุกองค์เสร็จจากกิจนิมนต์แล้ว ทางเจ้าภาพได้จัดถวายอาหารเพลให้ฉัน หลวงปู่นิลกับหลวงปู่ชื่นได้นั่งฉันในวงเดียวกัน หลวงปู่นิลหันมองพระที่นั่งอยู่ข้างตัวท่านคิดอยู่ในใจว่าคล้ายเคยเห็นกันมา ก่อน แต่ท่านยังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นกันที่ไหน เพราะความที่จากกันมานานหลายสิบปีทำให้ท่านทั้งสองแทบจำกันไม่ได้

    หลวงปู่นิลได้แต่คิดในใจว่าพระองค์นี้ทำไมช่างเหมือนหลวงปู่ชื่นเสียเหลือ เกิน จนอดใจไม่ไหวจึงเอ่ยถามไปว่า “หลวงพ่อท่านอยู่วัดไหน ชื่ออะไร” หลวงปู่ชื่นตอบกลับไปทันที “อาตมาชื่อชื่น เป็นพระธุดงค์ยังไม่มีวัดจำพรรษา” หลวงปู่นิลนั่งคิดตั้งนานที่แท้ก็ใช้หลวงปู่ชื่นจริงๆด้วย เมื่อท่านทั้งสองได้สนทนากันแล้วหลวงปู่นิลจึงได้ออกปากนิมนต์หลวงปู่ชื่น ให้มาจำพรรษาอยู่ด้วยกันที่วัดตาอี ประกอบกับช่วงนั้นหลวงปู่ชื่นมีอายุมากแล้วและชาวบ้านตาอีก็ได้นิมนต์ท่าน ไว้ไม่ให้เดินธุดงค์อีก นับตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่ชื่นจึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาอีเรื่อยมาจนกระทั่ง ปัจจุบันนี้



    เพชรเริ่มทอแสง

    หลังจากหลวงปู่ชื่นมาอยู่วัดตาอีแล้วท่านได้เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในกุฏิ หลังเล็กๆ เหมือนพระหลวงตาแก่ๆธรรมดา แทบไม่มีใครรู้เลยว่าท่านเป็นพระที่มี “พลังจิต” และมีอาคมเข้มขลังมาก

    จนกระทั่งกลางปี พ.ศ. 2542 หลวงปู่ชื่นได้สร้างวัตถุมงคลออกมา 2-3 รุ่น ผลปรากฏว่าผู้ที่นำวัตถุมงคลของท่านไปบูชาต่างมีประสบการณ์ต่างๆนานามากมาย จากปากต่อปากทำให้วัตถุมงคลที่ท่านบรรจุพลังจิตเวทวิทยาคมที่มี “พลังมหัศจรรย์” ความวิเศษขลัง ยับยั้งภัยพาล อาถรรพณ์จัญไร ขจัดสรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัย

    ที่มีอานุภาพ ทั้งเมตตามหานิยม มหาโชค มหาลาภ ค้าขายดีเยี่ยม คุ้มครองป้องกัน ทำให้ชื่อเสียงของหลวงปู่ชื่นดังขึ้นมาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้นเป็น ลำดับ จากปากผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นไปแล้ว ซึ่งผู้นำวัตถุมงคลของท่านไปบูชาส่วนใหญ่ยอมรับว่าวัตถุมงคลของท่านเยี่ยมดี จริงๆใช้แล้วได้ผลเกินคาด ส่วนสาเหตุที่ท่านยอมเปิดตัวและจัดสร้างวัตถุมงคลออกมาเป็นทางการเนื่องจาก ท่านกำลังก่อสร้างอุโบสถซึ่งยังขาดปัจจัยอยู่อีกมาก อีกประการหนึ่งหลวงปู่เคยบอกไว้ว่า “ถึงเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านให้เปิดตัวแล้ว เพื่อนำความรู้เวทวิทยาคมที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์พุทธศาสนิกชน และจัดสร้างถาวรวัตถุเพื่อการพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรื่องสืบต่อไป”



    เสกหินลงสระกลายเป็นงูยักษ์

    เมื่อครั้งที่หลวงปู่ชื่นมาอยู่ที่วัดตาอีใหม่ๆนั้น ท่านได้เร่งทำความเพียรปฏิบัติธรรมจนพลังจิตแก่กล้า ด้วยท่านเป็นพระที่รักสันโดษชอบเก็บตัวเงียบๆอยู่แต่ภายในกุฏิ ชาวบ้านจึงคิดว่าท่านเป็นหลวงตาแก่ๆไม่มีอะไร เป็นพระธรรมดาไม่มีวิชาอาคมอันใด

    ต่อมาทางวัดได้ขุดสระใหม่ทางเจ้าอาวาสจึงประกาศบอกชาวบ้านว่า “ห้ามลงอาบน้ำในสระ” เพราะสระน้ำแห่งนี้พระเณรต้องใช้ดื่มกิน แต่ชาวบ้านขาดความเกรงใจท่าน ตกเย็นทั้งหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่นในสระอย่างสนุกสนาน บ้างก็นำผ้ามาซักทำให้ฟองแฟ็บที่ซักลอยเต็มคุ้งสระ บอกแล้วก็เฉย เตือนแล้วก็ไม่หยุด

    หลวงปู่ชื่นจึงใช้ไม้ตายเพื่อให้รู้จักที่ต่ำที่สูง และที่มิควรกันบ้าง ท่านจึงนำก้อนหินมาสองก้อนแล้วเสกด้วยคาถาอาคมจากนั้นท่านจึงโยนลงไปในสระ น้ำ

    “สามวันต่อมาพวกที่ชอบลงเล่นน้ำในสระภายในวัดต่างก็ตกใจแตกตื่นขึ้นตลิ่งกัน แทบไม่ทัน เพราะเห็นพญางูยักษ์สองตัวว่ายน้ำไปมาในสระให้เห็นกับตากันจะจะ ชาวบ้านตาอีเห็นกันทั้งหมู่บ้าน”


    ล็อกเก็ตรุ่นแรกหลวงปู่ชื่น อุดของดีเพียบ พิเศษที่หลวงปู่ชื่นจารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
    และพิเศษที่สอง เลี่ยมเงินอย่างดีพร้อมขึ้นคอค่ะ

    ให้บูชาในราคา 1200 บาท
    ไม่แพงค่ะ ไม่แพง

    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00249.JPG
      DSC00249.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.5 KB
      เปิดดู:
      74
    • DSC00250.JPG
      DSC00250.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      80
    • DSC00251.JPG
      DSC00251.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.8 KB
      เปิดดู:
      74
    • DSC00252.JPG
      DSC00252.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      80
  11. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    จองล็อกเก็ตหลวงปู่ชื่นครับ
     
  12. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    รับทราบการจองค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  13. อภิณญา

    อภิณญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +597
    แวะมาเยี่ยมชมบ้านคุณตัวเล็กครับ
     
  14. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ผ้ายันต์ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี

    หลวงปู่ชื่น วัดตาอี ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์

    ผ้ายันต์ครอบจักรวาล มีโชคลาภ ค้าขายดี ผืนขนาดใหญ่มาก พร้อมเหรียญเจริญพร รุ่นสร้างพระอุโบสวัดตาอี เนื้อทองแดง ตอกโค้ดค่ะ

    หลวงปู่ชื่น มาอยู่วัดตาอีแล้วท่านได้เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในกุฏิหลังเล็ก ๆ เหมือนพระหลวงตาแก่ ๆ ธรรมดา แทบไม่มีใครรู้เลยว่าท่านเป็นพระที่มี “พลังจิต” และมีอาคมเข้มขลังมาก จนกระทั่งกลางปี พ.ศ. 2542 หลวงปู่ชื่นได้สร้างวัตถุมงคลออกมา 2-3 รุ่น ผลปรากฏว่าผู้ที่นำวัตถุมงคลของท่านไปบูชา
    ต่างมีประสบการณ์ต่าง ๆ นานามากมาย จากปากต่อปากทำให้วัตถุมงคลที่ท่านบรรจุพลังจิตเวทวิทยาคมที่มี “พลังมหัศจรรย์” ความวิเศษขลัง ยับยั้งภัยพาล อาถรรพณ์จัญไร ขจัดสรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัยที่มีอานุภาพ ทั้งเมตตามหานิยม มหาโชค มหาลาภ ค้าขายดีเยี่ยม คุ้มครองป้องกัน ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่ชื่นดังขึ้นมาเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไปมากขึ้นเป็น ลำดับ จากปากผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปบูชาส่วนใหญ่ยอมรับว่าวัตถุมงคลของ ท่านดีเยี่
    ยมจริง ๆ ใช้แล้วได้ผลดีเกินคาด ส่วนสาเหตุที่ท่านยอมเปิดตัวและจัดสร้างวัตถุมงคลออกมาเป็นทางการเนื่องจาก ท่านกำลังก่อสร้างอุโบสถซึ่งขาดปัจจัยอยู่อีกมาก อีกประการหนึ่งหลวงปู่เคยบอกไว้ว่า

    “ถึงเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านให้เปิดตัวแล้ว เพื่อนำความรู้เวทวิทยาคมที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์พุทธศาสนิกชน และจัดสร้างถาวรวัตถุเพื่อการพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป”

    หินลงสระกลายเป็นงูยักษ์

    เมื่อครั้งที่ หลวงปู่ชื่น มาอยู่ที่วัดตาอีใหม่ ๆ นั้น ท่านได้เร่งทำความเพียรปฏิบัติธรรมจนพลังจิตแก่กล้า ด้วยท่านเป็นพระที่รักสันโดษชอบเก็บตัวเงียบ ๆ อยู่แต่ภายในกุฏิ ชาวบ้านจึงคิดว่าท่านเป็นหลวงตาแก่ ๆ ไม่มีอะไร เป็นพระธรรมดาไม่มีวิชาอาคมอันใด

    ต่อมาทางวัดได้ขุดสระใหม่ ทางเจ้าอาวาสจึงประกาศบอกชาวบ้านว่า “ห้ามลงอาบน้ำในสระ” เพราะสระน้ำแห่งนี้พระเณรต้องใช้ดื่มกิน แต่ชาวบ้านขาดความเกรงใจท่าน ตกเย็นทั้งหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่นในสระอย่างสนุกสนาน บ้างก็นำผ้ามาซักทำให้ฟองแฟ๊บที่ซักลอยเต็มคุ้งสระ บอกแล้วก็เฉย เตือนแล้วก็ไม่หยุด

    หลวงปู่ชื่น จึงใช้ไม้ตายเพื่อให้รู้จักที่ต่ำที่สูง และที่ควรมิควรกันบ้าง ท่านจึงนำก้อนหินมาสองก้อน แล้วเสกด้วยคาถาอาคมจากนั้นท่านโยนลงไปในสระน้ำ

    “สามวันต่อมาพวกที่ชอบลงเล่นน้ำในสระภายในวัดต่างก็ตกใจแตกตื่นขึ้นตลิ่งกันแทบไม่ทั
    น เพราะเห็นพญางูยักษ์สองตัวว่ายน้ำไปมาในสระให้เห็นกับตากันจะจะ ชาวบ้านตาอีเห็นกันทั้งหมู่บ้าน”


    เรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือกันมากในอำเภอบ้านกรวด ถ้าหากใครมีโอกาสได้ไปที่วัดตาอีลองสอบถามชาวบ้านดูก็ได้ และจากวันนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่มีใครกล้าลงไปเล่นน้ำในสระ ที่วัดตาอี
    กันอีกเลย...

    วัตถุมงคลสุดยอดแห่งแดนอิสาน เกจิขมังเวทย์สายเขมร ที่โด่งดังมากด้านเครื่องราง ของขลังโดยเฉพาะด้านเมตตา มหานิยม มีเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป

    จำนวนสร้าง 999 ผืน


    ให้บูชาในราคา 800 บาทไม่แพงค่ะ ไม่แพง

    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00278.JPG
      DSC00278.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      81
    • DSC00279.JPG
      DSC00279.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      81
    • DSC00280.JPG
      DSC00280.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.1 KB
      เปิดดู:
      58
    • DSC00282.JPG
      DSC00282.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.2 KB
      เปิดดู:
      87
    • DSC00285.JPG
      DSC00285.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.8 KB
      เปิดดู:
      70
    • DSC00286.JPG
      DSC00286.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.1 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSC00288.JPG
      DSC00288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.3 KB
      เปิดดู:
      158
    • DSC00289.JPG
      DSC00289.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58 KB
      เปิดดู:
      73
  15. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาเยี่ยมชม มาบ่อยๆนะค่ะ ฮิฮิ
     
  16. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ผ้ายันต์ พิชัยสงครามติดธงชาติ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ผ้ายันต์พิชัยสงครามแบบมีธงชาติ หายากค่ะ ของหลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง

    อานุภาพ ผ้ายันต์พิชัยสงคราม

    เรื่องนี้เป้ของคุณ บุญถึง สุวรรณวิสิฏฐ์ คัดบางตอนจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑ หน้า ๗๖-๗๙

    ...ตอนปลุกเสกผ้ายันต์แดงนี้ซิ หลวงพ่อผู้เป็นเจ้าตำรับไม่เป็นไร โอ้โหพระครูวิชาญนี่ท้องเดินไม่หยุดเลย
    เข้าส้วมมองไปที่ใต้ถุนร้าน เห็นอุจจาระพุ่งเป็นหลาวเลย ส้วมแบบโบราณเจาะรูเปิดกระดาน ๑ แผ่นแค่นั้น
    จึงเห็นชัดเจนว่า อุจจาระพุ่งเป็นหลาว พระหรือเณรไปบอกหลวงพ่อๆ ก็บอกว่า"เออทำผิดวิธีบวงสรวง"
    หลวงพ่อบอกให้เอาผ้ายันต์แดงนี่ไปต้ม พอเอาผ้ายันต์แดงต้มแล้ว เอาน้ำที่ต้มมาให้ฉัน หายปลิดทิ้งเลย
    ผ้ายันต์แดงพิมพ์กันเป็นหมื่นๆ ผืน ใช้ผ้าเป็นไม้ๆ เลย แผ่นนิดเดียว พิมพ์แจกกัน
    พวกบ้านดอนก็เอาไปแขวนกับต้นไม้ ไปทดลองยิงกัน ยิงไม่ออก คนเลยเข้าแถวเวียนเทียนแจกกันไม่หวาดไม่ไหว
    พระครูวิชาญก็ออกมาช่วยไม่ไหว พอฉันน้ำต้มผ้ายันต์หายแล้ว ก็ออกมาแจกของได้ตลอดงาน งานนี้ไม่รู้ฤทธิ์ใคร
    ต้องไปถามหลวงพ่อเอาเอง
    อานภาพผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม ในเหตุการณ์ระหว่างปี ๒๕๑๘-๒๕๒๐ เล่าโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    คัดบางตอนจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๑๐๔-๑๐๗

    ...สมัยนั้น ผกค.มีอิทธิพลสูง ได้ยึกเทือกเขาภูพานได้เป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า
    หากจะตีเขาได้ต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ พล.ต.ยุทธศิลป์ เกสรสุข
    (ยศในขณะนั้น ปัจจุบันมียศ พล.ท.) ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ จึงนำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อๆ เป็นพระ
    จะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านมีวิธีช่วยเป็นกำลังใจให้กับทหารดังนี้
    ๑. ท่านเดินทางไป พร้อมกับคณะเพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อน ที่ฐานทัพของทหาร
    ๒. แจกผ้ายันต์ ธงมหาพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้น ทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)
    ๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีกันรบกัน
    เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรกันนั้น พระท่านต้องอุเบกขา
    - ผมจำได้ว่า หลวงพ่อทำพิธีตั้งแต่เช้ามาก เพราะจากรูปถ่ายที่ นาวาตรี ประชาสิกขวานิช ร.น. ถ่ายไว้
    ปรากฏพุทธนิมิตเป็นฉัตร ๕ ชั้น ทอดมาตามแสงแดดครอบคลุมองค์หลวงพ่อท่านนั้น ยังทำมุมน้อยมาก
    (มีรูปถ่ายที่บ้านสายลม และที่วัดท่าซุง) ...ต่อ..
    - หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ
    เพื่อฟังการบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร เมื่อบรรยายจบ ปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาดถาม
    ได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้ ผกค.อยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอาไม้เท้าชี้ไปที่แผนที่ทหาร
    ปรากฏว่าท่านชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิด หรือต้องเสียเวลา ฝ่ายทหารต่างร้อง อือ พร้อมๆ กันหลายคน
    และบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางคนไม่ฉลาดถามก็ถามวิธีเข้าโจมตี
    หลวงพ่อก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนวิธีการถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ...
    - หลังจากจากหลวงพ่อและคณะ ได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหาร ตามหน่วยต่างๆ แล้ว ก็กลับไป กทม.
    และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พล.ต.ยุทธศิลป์ ก็สั่งทหารแค่ ๑ กองร้อยเข้าโจมตีที่มั่น ผกค.เป็นการหยั่งเชิง
    โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่บนเครื่องบิน ผลปรากฏว่าดีมากเกินคาดหมาย
    แต่มีรายงานทางวิทยุว่ามีทหารตาย ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร
    เพราะท่านมั่นใจว่าทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย (ต่อ)
    ...ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น จึงสั่งลงมาจากเครื่องบิน ให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบอะไรติดตัวบ้าง
    โดยเฉพาะผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่า ไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมาก
    ที่เขาไม่พกผ้ายันต์แดงไปด้วย ทั้งๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวกลับฐานทัพ
    ก็สอบหาข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์แดง
    ก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามาเมื่อวานนี้เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ.ปากท่อ) ท่านจึงร้องอ้อ
    - วันที่ ๒ ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็น ๒ กองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุจาก
    ไม่มีผ้ายันต์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่น "ความลับไม่มีในโลก"
    ทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าว รู้อิทธิปาฏิหารย์ของผ้ายันต์ ธงมหาพิชัยสงคราม กันหมด ผลคือ
    ทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์สีแดงจะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ
    - ดังนั้น เพื่อขัวญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้น
    เพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุกคน


    วันที่ ๓ ทุกคนมีขัวญ และกำลังใจเต็ม ๑๐๐% ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่าสามารถยึดฐานโหญ่
    และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมด ชนิดที่ ผกค.ขัวญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี้
    ทหารทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใครยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก
    ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยเวลาอันสั้น
    และไม่มีใครเสียชีวิตเลย
    - ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็น ผกค.ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใหร่ก็ไม่โดนตัว
    หรือโดนก็ไม่เข้า คงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่ทำจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผน
    ท่านแม่ทัพเสกหุ่นให้เป็นทหารรบที่ไหนก้ชนะหมด)
    - หลวงพ่อท่านทราบข่าวจากรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะก็ไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้น ในวันต่อมา หลังจากได้คุยกับ
    ทหารหน่วยรบพิเศษนี้แล้ว ผมพอสรุปย่อๆ ดังนี้
    ๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค.ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญาบอกว่าไม่โดนแต่เฉี่ยว หรือเฉียดตัวไป
    รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว
    ๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้ายๆ
    มีแมลงหรือผึ้งบินมาชนตัวเท่านั้น
    ๓. มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่าว่า ขณะที่เดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิงปืนใส่ข้าศึกบ้าง
    รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่แปลกใจว่า ทำไมมาม่ามันถึงแข็ง และเหนียวนัก
    เลยคลายออกมาจากปากดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่ข้าศึกยิงมาโดนตัว แต่ไม่เข้า
    ลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่
    ๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้น บางครั้ง ก็มองเห็นข้าศึก ที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง
    เห็นตามันค้างคล้ายกัยหุ่น หรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารย์ว่า คงเป็นเพราะอานุภาพของผ้ายันต์แดง
    ทำให้เกิดอาการ "นะ จัง งัง" ขึ้น หรือเพราะมันตกใจจริงๆ ที่ไม่เคยเห็คนที่ไม่ยอมหลบลูกปืน
    จึงมีสภาพคล้ายเห้นผี
    ๕.เรายึดได้ฐานใหญ่มาก จนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้ มีทั้งโรงพยาบาล และเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพลศึกษา
    สนามบาส โรงครัวขนาดใหญ่ พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี อาวุธมากมาย เครื่องปั่นไฟ และน้ำมัน
    โดญเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองแม่ทัพบอกว่า ต้องใช้รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด
    แสดงว่ามีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่นานหลายปี
    ๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากยึดพื้นที่ไว้ ก็เสี่ยงเกินไป เพราะตอนกลางคืน
    มันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็น ผกค.
    ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ๆ เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก๗.
    เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นมา ผกค.ก็หายซ่าไปเลย
    - เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมากยากที่ผมจะเล่าให้ฟังหมดได้ และดดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไป
    ผลแทนที่มันจะมากตามส่วน กลับไม่ได้ผล หรือกลับเป็นผลเสีย...ผมจึงขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้
    แต่ก่อนจะจบขอสรุป เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้
    ๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ
    ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น
    ๒. ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง
    ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย
    ๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
    ๔. เวลาทำ พิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน
    และรูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้
    ๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย
    มีผูเล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิฐานขอ
    และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย...สาธุ
    อานุภาพมหาภิชัยสงคราม โดยคุณจันทร์นวล นาคนิยม บางตอนจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๓๖

    - ตำราธงพิชัยสงคราม เป็นตำราของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เมื่อหลวงปู่ปานมรภาพ ตำราก็เก็บไว้ที่นั่น
    - หลวงพ่อเล่าว่า ถ้าใครเอาตำราไปใช้ต่อ คนนั้นต้องรำดาบเข้าไปในที่ๆ ไว้ตำรา
    และจะต้องมีปรากฏการณ์เกิดขึ้น คือ ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ฝนตก แล้วจึงจะเอาไปใช้เป็นตำราได้
    จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีใครมีความสามารถที่จะไปเอาตำรามาได้ จนประเทศชาติมีภัยคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น
    หลวงปู่ปานมาบอกให้หลวงพ่อไปเอาตำรานี้ เพื่อมาทำแจกพวกทหาร ตำรวจ ที่รักษาประเทศตามชายแดนได้ใช้กัน
    สำหรับพระสงฆ์ถือดับเข้าไป ไม่ต้องรำดาบ
    - หลวงพ่อก็ยกพวกไป มีข้าพเจ้า, ป้าสะอาด, คุณพวง, คุณดำรง นุตาลัย ยกขบวนไปกันเยอะ
    ข้าพเจ้าจำชื่อไม่ได้หมด ไปถึงก็ไปกินข้าวปลาเสร็จ พอตกบ่ายหลวงพ่อก็ถือดาบเข้าไป
    ตอนนั้นท้องฟ้ายังอยู่ในสภาพปกติยังไม่ผ่า หลวงพ่อถือดาบฟ้าก็ร้อง ฟ้าผ่า ลมแรง ฝนตกใหญ่
    พอตอนกลับลงเรือฝนก็ตก ฟ้าร้อง ลมแรง มาตลอดทางที่นั่งเรือกลับมาวัดท่าซุง (ต่อ)
    - เมื่อได้ตำรามาแล้ว หลวงพ่อก็ทำยันต์ (แดง) พิชัยสงคราม ออกแจกทหารและตำรวจชายแดนตามภาคเหนือ ภาคอีสาน
    และภาคใต้ แต่มีที่ภาคใต้พวกนับถือศาสนาอิสลามหลายคน เขาไม่ขอรับแจก ต่อมาพวกนายทหาร
    ออกตรวจเยี่ยมลูกน้อง ก็ถูกคอมมิวนิสต์ยิงรถ ก็ต่อสู้กัน พวกก่อการร้ายก็หนีเข้าป่า
    พวกที่ที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่ไม่ยอมรับธงพิชัยสงครามตาย ส่วนพวกมีธงพิชัยสงครามรอดตายไม่เป็นไร
    หลวงพ่อบอกว่า ใครได้ธงนี้ไป ถ้าคิดคดทรยศต่อชาติจะมีอันเป็นไปภายใน ๓ วัน หรือ ๗ วัน
    หรือทำให้สมองเสื่อม คิดไม่ออก นี่คืออานุภาพธงพิชัยสงคราม
    - เหตุการณ์ทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเล่ามานี้ ข้าพเจ้าประสบมาด้วยตัวเองทั้งสิ้น ข้าพเจ้ามีความเคารพ
    และมีความเชื่อมั่นในคำสั่งสอน ตลอดจนปฏิปทาของหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง
    ข้าพเจ้าเล่าถวายเป็นการบูชาคุณครูบาอาจารย์ คือหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าเคารพเป็นอย่างยิ่ง
    - ขออวยพร ให้หลวงพ่อได้อยู่เป็นร่มโพธิ์แก้ว ปกป้องรักษาข้าพเจ้า และลูกหลานไปนานแสนนานเทอญ


    ขอบอกค่ะว่า หายากเป็นที่สุด ไม่ได้ใช้เลย เก็บอย่างดีค่ะ

    ให้บูชาในราคา 1050 บาท ไม่แพงค่ะ ไม่แพง

    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00255.JPG
      DSC00255.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.2 KB
      เปิดดู:
      96
    • DSC00256.JPG
      DSC00256.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      81
    • 11.jpeg
      11.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      29.6 KB
      เปิดดู:
      114
  17. คชบุตร

    คชบุตร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,637
    ค่าพลัง:
    +4,388
    จอง ผ้ายันต์ ติดธงชาติ ครับ
     
  18. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    ตะกรุดมหาอุตหล่อรุ่น ๑ เนื้อทองเเดง หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน อ่างทอง

    ตะกรุดมหาอุตหล่อรุ่น ๑ เนื้อทองเเดง หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน อ่างทอง

    ประวัติพระครูสิริ บุญเขต (หลวงพ่อมี จิตฺตธโม) อายุ 81 ปี พรรษาที่ 61 เจ้าอาวาสวัดม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พระ เกจิอาจารย์ขมังเวทย์ ด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคลัวคลาด เมตตามหานิยม มหาอุต สิริมงคล โชคลาภ มีญาณสมาบัติแก่กล้า ปฏิปทาหน้าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปัณโน ที่กราบได้อย่างสนิทใจ
    ชาติภูมิ หลวงพ่อมี มีนามเดืมว่า บุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2470 เป็นบุตรคนใดในจำนวนทั้งหมด 6 คนคือ 1.หลวงพ่อมี 2.นายเพี้ยน 3.นางบาง 4.นางเชิด 5.นายช่วย 6.นายชอบ ของโยมพ่อชั้น โยมแม่เจียก ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง จบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน เมื่อจบการศึกษาแล้วได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
    อุปสมบท ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดม่วงคัน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2491 โดยมีหลวงพ่อนุ่ม ธฺมมาราโม วัดนางในเป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดินเป็นพระธรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺธีโร วัดนางในเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อมีได้รับฉายาว่า จิตฺตธโม ครั้นอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีประขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่ วัดนางในและวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
    การศึกษาพุทธาคม ไสยเวทย์มนต์คาถา หลวงพ่อมี จิตฺตธโมนั้น เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ได้อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม หลวงพ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาสตร์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากาหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อิ่มวัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าจากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งพระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนแต่มีวัตถุมงคลที่มีค่านิยมหลักหมื่นต้น ๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่ม เหรียญรุ่น1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้ เล่นหากันราคาสูงและหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก หลวงพ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้มีไสยเวทย์มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า "มนต์พระสงข์" ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น แม้ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศจนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนาง ใน หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น
    ในลำดับแรกท่านได้สอนวิชาทำสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ถ่ายวิชาจุพลังคุณ พระคาถาผงมนต์ พระสงข์ ทำเบี้ยแก้ มหาอุต คงกระพันชาตรี เมตตาค้าขาย ทำน้ำมนต์แก้คุณไสย ขับภูตผี ทำตะกรุด ทำผงปถมังอิธิเจ ตรีนิสงเห และผงมหาราช หน้าพระลักษณ์ เมื่อศึกษาจบสิ้นแล้ว ได้ลาพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์มุ่งสู่อำเภอพุทธบาทผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร พระธาตุพนม จ.นครพนม สู่ประเทศลาว แล้วกลับมาทางนครราชสีมา เขาปักธงชัย จ.นครนายก ต่อไปวัดยางมณี อ.วิเศษไชยชาญ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาสะกดสัตว์ร้ายจากท่านพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ท่านเชี่ยวชาญเรื่องวิชาป้องกันสัตว์ร้าย วิชาทำข้อกำไรแขน เชือกผูกเอว ผูกแขนป้องกันสัตว์ร้ายได้สารพัด เมื่อได้เรียนวิชาแล้วก็ลาหลวงพ่อชวน
    จากวัดยางมณีไปกราบนมัสการหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว 2 พรรษา ได้ขอศึกษาไสยเวทย์พุทธาคมจากหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น หลวงพ่อซวงท่านเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์เช่นกัน มีพลังจิตสมาธิแก่กล้า ไสยเวทย์เข้มขลังพิสดาร เก่งทางมหาอุต อยุ่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวัตถุมงคลที่ ศักดิ์สิทธิ์ มีค่านิยมเล่นหากันสูงเป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงการพระเครื่องทั่วเมืองไทย พระรูปเหมือนของท่านมีพุทธคุณมหาอุต อยู่คงกระพันชาตรีมากเล่นหากันหลักหมื่น พระลีลาเนื้อเงินยวงก็เล่นกันหลักหมื่น ผ้ายันต์มีประสบการณ์รถตกจากสะพานลอยตีลังกาหลายตลบ รถหมุนมาตั้งในสภาพปกติไม่มีใครบาดเจ็บ รถก็ไม่ชำรุดเสียหาย วัตถุมงคลหลวงพ่อซวงถือเป็นสุดยอด เรียกหาต้องการกันมาก หลวงพ่อซวงได้สอนไสยเวทย์วิชาต่าง ๆให้หลวงพ่อมี เช่น วิชาสมถะกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน อสุถะกรรมฐาน กสิณ 10 ทำน้ำมนต์ไล่ผี จับคูณไสย เสกมีดหมอ ทำตะกรุด ผ้ายันต์ ผ้ากระเจียด ผ้ายันต์หมาระงับดับทุกข์ภัย วิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาสะท้อน มหาอุต ลงแหวนพิรอดปลอดภัย ลงเขี้ยวงา
    เมื่อจำพรรษาได้ 2 พรรษาก็ได้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดม่วงคันในปี พ.ศ.2498 ซึ่งที่บ้านม่วงคันนี้เป็นถิ่นกำเนิดของหลวงพ่อมี ตลอดระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่ที่วัดม่วงคัน หลวงพ่อมีท่านยังได้เดินทางไปมายังวัดนางในและวัดชีปะขาวอยู่เสมอ ในครั้งที่หลวงพ่อซวงชรามาก หลวงพ่อมีจะเดินทางไปดูแลรับใช้หลวงพ่อซวง จนถึงวาระสุดท้าย ท่านได้มรณภาพละสังขารไป ในช่วงที่หลวงพ่อมีได้มาจำพรรษาที่วัดม่วงคันนั้น เป็นช่วงที่พระอธิการผลเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคันสืบต่อจากพระอาจารย์เต๊ะ ซึ่งพระอาจารย์เต๊ะได้ลาสิกขาไป
    ต่อ มาในปีพ.ศ.2486 พระอธิการผลก็ได้ลาสิกขา เนื่องจากสุขภาพสังขารไม่อำนวย ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ทำให้วัดม่วงคันวางเว้นขาดเจ้าอาวาสอยู่ 2 ปี ต่อมาในปีพ.ศ.2500 หลวงพ่อมี จิตฺตธโม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคัน สืบต่อจากพระอธิการผล จวบถึงปัจจุบันนี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ในปีพ.ศ.2513 แต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นเอกพิเศษในนามพระครูสิริบุญเขตในปีพ.ศ.2542 ขอหยิบยกประวัติพระอาจารย์เต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วงคันองค์แรกมากล่าวให้พอสังเขปในที่นี้ เพราะมีความเป็นมาที่มีความสำคับต่อวัดม่วงคันมาก แรกเริ่มเดิมทีของการสร้างวัดม่วงคันในที่แรกเป็นสำนักงานสงฆ์ในราวปีพง ศ.2452 พุทธศาสนิกชนชาวบ้านม่วงคันและหมู่บ้านใกล้เคียงได้ร่วมกันสร้างสำนักงาน สงฆ์ม่วงคันขึ้น เพื่อสะดวกแก่การประกอบศาสนกิจและการกุศลต่างๆ ด้วย ยังไม่มีวัดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้เลย เนื่องจากท้องที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่า มีประชาชนอยู่อาศัยยังไม่หนาแน่น การคมนาคมก็ไม่สะดวก
    ในระยะแรก ๆ ต้องไปสืบเสาะนิมนต์พระสงฆ์มาจากในที่ห่างไกลมาอยู่จำพรรษา อยู่ไม่นานก็ลาสิกขาหรือกลับไปที่เดิมเสีย ในที่แรกสำนักงานสงฆ์มีสภาพ กุฏิเสาไม้ไผ่ ฝาขัดแตะหลังคามุงด้วยหญ้าคา (แฝก) ชาวบ้านจึงได้ไปนิมนต์พระภิกษุเต๊ะ ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วังหลวงตำบลศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง มาจำพรรษา แต่งต้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคันองค์แรก ในปีพ.ศ.2462 ตั้งแต่นั้นมาได้สร้างถาวรวัตถุของวัดเจริญขึ้นตามลำดับ เปลี่ยนจากเสาไม้ไผ่มาเป็นเรือนไม้ สร้างหอฉัน ศาส่าการเปรียบและหอสวดมนต์ พระอาจารย์เต๊ะ นอกจากเป็นพระนักพัฒนาแล้ว ยังใฝ่วิชาเรียนรู้ไสยเวทย์พุทธาคมเป็นศิษย์ได้สืบทอดไสยเวทย์พุทธาคมจาก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา หลวงพ่อเข็ม วัดข่อย หลวงพ่อชื่น วัดกำแพง พระอาจารย์เต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วงคันได้นำเอาตำราไสยเวทย์คาถาอาคมต่างๆ หลายสำนักมาอยู่ที่วัดม่วงคัน รวมทั้งที่ท่านได้บันทึกมา ทำให้หลวงพ่อมีได้ศึกษาเรียนรู้จากตำราไสยเวทย์ต่างๆ เหล่านี้ด้วย เช่น สูตรการทำผลพุทธคุณตามตำราหลวงพ่อปาน ทำผงอิธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงหน้าพระลักษณ์อันเป็นยอดของผงวิเศษที่สมเด็จพระพุทธจารย์ (โต พรหมรังษี) วัดระฆังและหลวงปู่ภู วัดอินทร์ สมเด็จพระพุทธจารย์ (ทัต) สมเด็จปิลันทน์ วัดระฆัง
    ซึ่งเชื่อกันว่าได้ทำผงวิเศษสูตรนี้ผสมลงในเนื้อพระที่ท่านได้สร้างขึ้นมา ในปีพ.ศ.2471 พระอาจารย์เต๊ะได้ขอพระราชทานวิสูงดามสีมา อุโบสถ และได้รับพระราชทานในปีต่อมาในปีพ.ศ.2472 หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้รวบควมจตุปัจจัยจากพุทธศาสนิกชนและศิษย์ยานุศิษย์ของท่านมาร่วมสร้าง อุโบสถ หลังแรกของวัดม่วงคัน พร้อมเป็นประธานเททองหล่อพระประธานองค์แรก โดยได้ว่าจ้างนายไฮ้ เป็นช่างหล่อในเวลานั้นและหลวงพ่อปานได้ตั้งชื่อว่าหลวงพ่อศรีเป็นพุทธรูป ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวตำบลรำมะสักและตำบลใกล้เคียงนับถือสักการะบูชามาขอพร บนบานสิ่งใดมักจะได้ผลเสมอ ปัจจุบันอุโบสถได้ชำรุดทรุดโทรมไปมาก หลวงพ่อมีได้ให้ทำการซ่อมแซมมุงกระเบื้องหลังคา ทำผนัง และพื้นอุโบสถขึ้นใหม่ หลวงพ่อมีเป็นพระปฏิบัติและนักพัฒนา วัดม่วงคัน เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก พุทธศาสนิกชนชาวบ้านรำมะสัก ศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อมีดุจดังเทพเจ้าแห่งรำมะสัก อีกทั้งมีศิษย์ยานุศิษย์มากมายหลายจังหวัดเช่น อ่างทอง อยุธยา สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท ลพบุรี ชาวรำมะสักและตำบลใกล้เคียงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ดีมีสุข มีความสามัคคีกลมเกลียวน้ำหนึ่งใจเดียว
    ถ้าหลวงพ่อมีมีงานขึ้นภายในวัดม่วงคัน บริเวณวัดจะล้นไปด้วยผู้คน ล้นออกไปถึงนอกบริเวณวัดทุกครั้งไป หลวงพ่อมีได้วางผังพัฒนาถาวรวัตถุและสิ่งปลูกสร้างภายในวัดขึ้นใหม่เกือบ ทั้งหมด อันดับแรกประมาณปีพ.ศ.2515 ได้ทำการสร้างศาลาหอฉัน และกุฏิสงฆ์ในพื้นที่เดียวกันพร้อมห้องน้ำ ต่อมาในปีพ.ศ.2531 ทำการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นสำเร็จลุล่วงในปีพ.ศ.2540 และได้ทำการผูกพัทธสีมาในปีพ.ศ.2541 ในปีพ.ศ.2543 ทำการสร้างเมรุและศาลาธรรมสังเวชและในปีเดียวกันนี้หลวงพ่อเกรียง วัดวังน้ำเย็น ศิษย์เอกหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาวได้พาตัวหลานชายชื่อมนัส มาอุปสมบทที่วัดม่วงคันแล้วอยู่ช่วยงานหลวงพ่อมีในด้านพัฒนาวัด และให้เป็นพระเลขของหลวงพ่อมี หลวงพ่อมนัส ผลิโก มีความรู้ความสามารถช่วยติดตามดูแลงานก่อสร้างอีกแรง ทำให้วัดม่วงคันยิ่งพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมสภาพวัดมีแต่ตอไม้รกรุงรัง เปลี่ยนมาเป็นแมกไม้ที่เป็นระเบียบงดงาม ร่มรื่น เต็มไปทั้งอาณาบริเวณวัด
    เมื่อสร้างเมรุและศาลาธรรมสังเวชเสร็จเรียบร้อย ต่อมาในปีพ.ศ.2544 ได้ทำการสร้างซุ้มประตูวัดด้านทิศเหนือ ในปีพ.ศ.2546 ได้ทำถนนคอนกรีตภายในวัดและรั้ววัด พ.ศ.2547 สร้างซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกและทำการบูรณะซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่า ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จและเมื่อปลายปีพ.ศ.2547 ชาวบ้านรำมะสักและหมู่บ้านใกล้เคียงได้ร่วมกันเททองหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เพื่อเป็นพุทธบูชากราบไหว้ได้ประดิษฐานในอุโบสถวัดม่วงคัน รูปเหมือนเท่าองค์จริงหลวงพ่อปานองค์นี้ได้ให้หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม วัดตาลกงเบิกพระเนตรและปลุกเสกโดยหลวงพ่ออุ้นและหลวงพ่อมี นอกจากได้พัฒนาวัดในเนื้อที่ 19 ไร่แล้ว ยังจัดเนื้อที่สร้างโรงเรียนและอนามัยเพิ่มอีกรวมเนื้อที่ 18 ไร่ หลวงพ่อมีเป็นประธานอุปถัมภ์โรงเรียนวัดม่วงคันมาโดยตลอด หลวงพ่อมี ในด้านการปฏิบัตินั้นมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีสมาธิแก่กล้า ถือมักน้อยสันโดษ มีปฏิปทาน่าเลื่อมใสบริสุทธิ์ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม มีเมตตาบารมีสูง มีไสยเวทย์เข้มขลัง เป็นพระสุปฏิปัณโน สมเป็นสมณศักดิ์พุทธในพระพุทธศาสนาอีกรูปหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนศรัทธา เลื่อมใส กราบไหว้ด้วยความอิ่มใจเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตลอดไป มีแต่รุ่งเรือง ร่ำรวย และมีแต่สิ่งที่ดี ๆ จะมีสมชื่อขอเชิญพุทธศาสนิกชนมีเวลามีโอกาสเดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อศรี และรูปเหมือนหลวงพ่อปาน รวมทั้งหลวงพ่อมี จิตฺตธโม เจ้าอาวาสวัดม่วงคัน
    การเดินทางมีอยู่ 3 เส้นทางด้วยกันคือ เส้นทางที่ 1 จากตลาดอำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ที่ทางแยกบ้านควาย มีป้ายบอกทางหลวงศรีประจันต์-แสวงหา เลี้ยวขวาตรงไปถึงวัดม่วงคันระยะทาง 12 กม. เส้นทางที่ 2 ขึ้นรถเมล์ที่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ถึงวัดม่วงคัน และเส้นทางที่ 3 เริ่มต้นตลาดอำเภอโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เส้นทางสู่อำเภอศรีประจันต์ถึงวัดม่วงคันระยะทาง 18 กม. ทั้ง 3 เส้นทางจะมีป้ายบอกทุกเส้นทาง
    วัตถุมงคลและประสบการณ์ เหรียญเสมารุ่น1 มีประสบการณ์ปืนยิงไม่ออก ได้เกิดเหตุยิงกันในวันงานยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดม่วงคัน มีวัยรุ่นไล่ยิงกันมาอีกฝ่ายวิ่งหนี อีกฝ่ายถือปืนวิ่งตาม คนวิ่งหนีเข้าไปในร้านค้าป้าหวุย เป็นร้านค้าอยู่หน้าวัดม่วงคัน หนีออกทางประตูหลังร้าน ในขณะเดียวกัน ลูกชายป้าหวุยเจ้าของร้านไม่รู้เรื่องได้เดินสวนออกมา วัยรุ่นที่ถือปืนตามมา คิดว่าเป็นพวกออกมาจะต่อสู้จึงได้ยิงด้วยปืน .38 ทันทีหลายครั้ง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก ลูกป้าหวุยโดนยิงแต่กระสุนไม่ออกได้แขวนเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมีอยู่ในคอเหรียญเดียว ชื่อนายจิมมี่ แสงอำนาจเจริญ เป็นบุตรชายของป้าหวุย แสงอำนาจเจริญ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างงานผู้คนมากมายรู้กันทั้งตำบล และมีประสบการณ์อีกหลายครั้ง
    ครั้งที่ 2 เกิดเรื่องยิงไม่ออกอีก เกิดในคืนวันงานผูกพัทธสีมาผังลูกนิมิต วัดม่วงคันในปีพ.ศ.2541 ตำรวจนอกเรื่องแบบ อดีตเป็นตำรวจอยู่ประจำสน.รำมะสักได้ย้ายไปอยู่สน.อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้มาเที่ยวงานวัด มากินอาหาร ดื่มสุราที่ร้านเบียร์สดหน้าวัดจนเมามาย ได้พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.รำมะสักที่คุ้นเคยรู้จักกัน อยู่ในชุดเครื่องแบบรักษาการอยู่ได้โซเซเข้าไปชักชวนมาร่วมดื่มสุราด้วย ตำรวจในชุดรักการอยู่บอกปฏิเสธว่า "มึงไม่รู้เรื่องหรือ กูกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่" เท่านั้นแหละ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เมาสุราไม่พอใจ กระโดดเข้าชกต่อย เกิดการต่อสู้กัน ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ชักปืนออกมาแล้วยิง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก เหตุเกิดขึ้นในงานใกล้ปากประตูเข้าวัด มีผู้คนรู้เห็นมากมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงไม่ออก มีเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมี ห้อยคออยู่เหรียญเดียว และอีกประสบหนึ่งมีชาวบ้านห้อยแขวนเหรียญเสมารุ่น1 นี้อยุ่ในคอเหรียญเดียว ถูกรถชนกระเด็นไปหลายวา ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแม้นเลือดออกแม้แต่หยดเดียว รอดชีวิตมาได้อย่างปฏิหารย์ เหรียญเสมารุ่น1 นี้ ออกแจกให้ชาวบ้านและศิษย์จำนวน 5,000 เหรียญออกในปีพ.ศ.2514 เป็นเนื้อทองแดง เนื้อเดียว ได้ปลุกเสกอธิฐานจิตโดยหลวงพ่อมี องค์เดียว เหรียญรุ่น1 นี้ค่อนข้างหายาก ชาวบ้านต่างหวงแหน


    ตะกรุดมหาอุตหล่อรุ่น ๑ เนื้อทองเเดง หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน อ่างทอง

    ให้บูชาในราคา 550 บาท
    *ไม่แพงค่ะ ไม่แพง*

    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00270.JPG
      DSC00270.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSC00272.JPG
      DSC00272.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      70
    • DSC00273.JPG
      DSC00273.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.6 KB
      เปิดดู:
      95
    • DSC00274.JPG
      DSC00274.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.1 KB
      เปิดดู:
      61
  19. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    รับทราบการจองค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  20. คุณตัวเล็ก

    คุณตัวเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,881
    ค่าพลัง:
    +8,536
    เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ผ่าน วัดวัดป่าประทีปปุญญาราม

    "หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป" วัดป่าประทีปปุญญาราม ต.เซือม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร

    พระเถราจารย์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เช่น หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดอรัญญวิเวก อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร, หลวงปู่อุ่น อุตตโม วัดอุดมรัตนาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร

    ลวงปู่ผ่านท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในศีลปฏิบัติและ ธรรมปฏิบัติอย่างสะอาดหมดจด ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์อย่างเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด
    โดยไม่มีข้อด่างพร้อยให้ต้องตะขิดตะขวงใจ จนเป็นที่นับถือของชาวบ้านใกล้เคียงและยังแผ่ขยายขจรขจายออกไปโดยทั่ว อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    หลวงปู่ผ่านท่านเป็นพระที่ไม่แตะต้องปัจจัย
    ใครนำเงินไปถวาย หลวงปู่จะชี้ให้นำไปหยอดใส่ตู้รับบริจาคที่ตั้งอยู่ภายในกุฏิของท่านในบริเวณที่ท่านใช้ ต้อนรับญาตโยมทุกคน
    และท่านจะบอกให้ผู้บริจาคทุกคนเขียนใบปวารณาที่วางอยู่ใกล้ๆกับตู้รับบริจาคนั้นด้วย ทุกครั้ง

    หลวงปู่ผ่านท่านเป็นพระที่มีความเป็นกันเองกับลูกศิษย์ทุกผู้ทุกนาม
    อย่างไม่มีข้อยกเว้นในฐานันดรใดๆในการเข้าพบเพื่อกราบไหว้ขอพรจากท่าน
    ทุกคนเสมอภาคกันหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน
    การสนทนากับลูกศิษย์ท่านจะสอบถามด้วยความห่วงใยต่อลูกศิษย์ของท่านอยู่เสมอด้วยความยิ้มแย้มและเอาใจใส่อย่างทั่วถึงทุกคน

    ให้บูชา 650 บาท เหรียญรุ่นแรก ปี 19 หลวงปู่ผ่าน พร้อมรอยจารทั้งด้านหน้า และด้านหลังค่ะ พิเศษจริงๆ ท่านเมตตาสูงมากๆค่ะ ไปกราบท่านให้ได้นะค่ะ

    สนใจบูชาโอนเงินมาที่ 159-218-260-7 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ชื่อบัญชี คุณอรพิน เววา ติดต่อโทร 087-036-0456



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00204.JPG
      DSC00204.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58 KB
      เปิดดู:
      90
    • DSC00205.JPG
      DSC00205.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSC00206.JPG
      DSC00206.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSC00207.JPG
      DSC00207.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.4 KB
      เปิดดู:
      79
    • DSC00212.JPG
      DSC00212.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.2 KB
      เปิดดู:
      94

แชร์หน้านี้

Loading...