จริงหรือพุทธสอนให้ปฏิเสธในพระเจ้าของ อิสลาม คริส หรือ ฮินดู?... หรือ สงค์ท่านนี้มุสา

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 31 สิงหาคม 2009.

  1. เรียนรู้ธรรม

    เรียนรู้ธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +250
    พระพุทธเจ้าไม่ทรงชี้ว่าศาสนานั้นผิด ศาสนานั้นไม่ดีแต่อย่างใด
    อย่างในสมัยที่มีเจ้าลัทธิต่างๆมากมาย มีฤทธิ์เดช มีผู้คนนับถือมากมาย
    เมื่อมีผู้มาทูลถาม ว่าลัทธิใดที่ดีที่สุด ท่านก็ไม่ได้บอกลัทธิอื่นผิด
    และไม่ได้บอกว่าศาสนาพุทธดีที่สุด ผู้มีปัญญาย่อมเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ
    ซึ่งท่านจะกล่าวให้พิจารณาด้วยตนเอง
    หากกล่าวว่าพิจารณาอย่างไร วิธีปฏิบัติดีที่สุดก็คือการปฏิบัติ
    การที่ได้ปฏิบัติแล้วย่อมรู้เอง เนื่องจากธรรมะจะรู้ก็รู้ได้เฉพาะตน เป็นปัตจัตตัง
    อย่างคนได้ฌาณ จะบอกความรู้ที่ได้ ความสงบที่ได้ ให้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติให้รู้ได้อย่างไร
    แต่ผู้ไม่ปฏิบัติมักจะด้นเดาเอาตามความรู้สึก ความนึกคิดที่ถูกกับอุปนิสัยตนเอง
    หรือเมื่อปฏิบัติ ทำไปไม่เท่าไหร่ก็เกิดความท้อ หมดความเพียร แล้วเที่ยวตะแบง
    ว่าปฏิบัติแล้วไม่ได้อะไร ธรรมะไม่มี พุทธะไม่มี ตามประสาปุถุชนคนธรรมดา
    หลงไหลไปตามกิเลส ชอบในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
    ตอนสุขก็กล่าวว่าดีแล้วพอใจแล้วยินดีกับอัตตาภาพ ตอนทุกข์ก็โทษฟ้า
    โทษดิน โทษพระเจ้า พออัตตาเพิ่มมากขึ้น ก็ปฏิเสธทุกอย่างเป็นมิจฉาทิฏฐิ

    ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ ก็ควรศึกษาในเรื่องการปฏิบัติซักหน่อย เมื่อคุณเจริญสติถึงพร้อม
    คุณก็จะรู้ได้ด้วยตนเองจริงๆ ว่าที่พระพุทธองค์กล่าวไว้จริงหรือไม่ พระเจ้ามีจริงหรือไม่
     
  2. B5234T5

    B5234T5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +210
    ธรรมะคือสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน....
     
  3. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,083
    อยู่พันติ๊ปเถอะครับอย่ามาเพ่นพ่านแถวนี้เลยครับ
     
  4. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    อืม...จิง ๆ นึกว่า
    กาทู้นี้ มันิ่งแล้วเชียวนา
    แต่เมื่อมันยังวิ่งอยู่ ก็ไม่เป็นไร
    เด๋ว อิฉันจะช่วยปั่นกาทู้ต่อให้นะจ๊ะ หุหุ

    คุณลมหายใจสุดท้าย

    อ้าง
    ----------------------------
    ทุกท่าน ลองมาปฏิบัติธรรมเถอะ เดี๋ยวก็รู้ว่า อะไรคืออะไรครับ
    ไม่ต้องไปโยนหินถามทาง เดี๋ยวจะกลายเป็นปาหินข้างทางแทน ..ครับ สาธุ
    ------------------------------

    แล้วถ้า อิฉัน นึกสนุก ปาหินข้างทาง
    ตุณว่า อิฉันจะได้บุญ หรือ บาป กันจ๊ะ เหอะ ๆ

    คุณ ราคุเรียวซาย
    เฮ้อ คุณเข้ามาโพสตัวหนังสือ ในกาทู้อิฉัน ทีไร
    ไม่เคยได้อยู่ถาวร เล๊ยยยย หายเกลี้ยงตลอด

    แม้ ฟามเห็นของคุณจะดับสูญ ไปแล้ว
    แต่ ลิงติดตังค์อย่างอิฉันก็ทันได้อ่าน อ่ะ

    เลยจะบอกคุณว่า
    คุณเดาใจอิฉันได้ถูกแฮะ
    ไว้ว่าง ๆ จะ ตั้งกาทู้
    " จดหมายเปิดผนึก ถึงสมณะโคดม "
    มาให้ทัศนา นะเจ้าคะ มีพล็อตไว้แล้ว
    คาดว่า หากเอามาโพสจิง ๆ
    คงไม่แคล้วได้รับเกียรติ ให้เป็น สมาชิกถูกแบน แหง๋ ๆ หุหุ

    ไอ้แสบหลานร้ากกกก
    -------------------------------
    ง่า จริงงงงง ครับ
    คนตั้งกระทู้นี้ต้องเจตนาร้ายแน่ๆ
    หึหึ....
    ...............
    มีคนบอกว่า
    สิ่งใดปวงปราชว่าดี เราก็ว่าดี
    สิ่งใดปวงปราชว่าไม่ดี เราก็ว่าไม่ดี
    ตกลงคนพูดยืนจุดไหน?
    --------------------------

    หนอยพอป้าเผลอ ดอดมาใส่ไฟเชียวนะเอ็ง
    มีคนบอกว่า
    สิ่งใดปวงปาดว่าดี เราก็ว่าดี
    สิ่งใดปวงปาดว่าไม่ดี เราก็ว่าไม่ดี
    ตกลงคนพูดยืนจุดไหน?

    คนพูดยืน เก๊าะ ยืนอยู่ตรง จุดที่ส้นตีนมันเหยียบมั้ง
    เพราะ ส้นตีนมันเหยียบตรงไหน ตัวกู ก้ออยู่ตรงนั้น

    ป้าตอบได้ชัดเจนไหมจ๊ะ ไอ้หลานร้ากกกก
    เดี๋ยว ส่ง หลังไมค์ ว่าด้วย เรื่อง ส้นตีนกับจุดยืน ไปให้
    โพส หน้าไมค์ ไม่ได้ว่ะ
    มันเป็น กาทู้ต้องห้ามมมมมม ว่ะเอิ๊ก ๆ


    คุณ เรียนรู้ธรรม
    --------------------------
    ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ ก็ควรศึกษาในเรื่องการปฏิบัติซักหน่อย เมื่อคุณเจริญสติถึงพร้อม
    คุณก็จะรู้ได้ด้วยตนเองจริงๆ ว่าที่พระพุทธองค์กล่าวไว้จริงหรือไม่ พระเจ้ามีจริงหรือไม่
    ------------------------------

    บังเอิญ อิฉัน อยากรู้ เล่น ๆ อ่ะ
    ไม่ได้ อยากรู้จิง ๆ เลยปฏิบัติแบบขำกลิ้งลิงกะหมา อิอิ

    เฮ้อ อจินไตย ไม่ใช่ สิ่งที่ น่าใส่ใจ นี่นะ
    รู้แล้วได้อะไร ไม่รู้แล้วได้อะไร หุหุ

    คุณ Chems
    ถ้า ทำมะ คือ สิ่งที่รู้ตน
    เกรียน ก็ เป็น สิ่งที่ ปรุงแต่ง เฉพาะ ตนเหมือนกันอ่ะ อิอิ

    นึกไง มาแอด
    สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า เกรียน อย่างอิฉัน เป็นเพื่อนล่ะ
    อยากจะเรียนรู้ เกรียน ให้ถ่องแท้ หรือจ๊ะ
    รับแอดแล้วนะ แท้งกิ้ว ที่ หลวมตัวมาแอด เหอ...เหอ....

    คุณ tong 5959
    แหม ? ถ้าอยากขับไสไล่ส่ง
    ให้อิฉันกลับไปเพ่นพ่าน ที่พันติ๊ป จนตัวสั่น
    คุณก็ เมล์ ไปอ้อน ทั่นวรฯ wm ให้คืนอมยิ้มกับอิฉันหน่อยจิ
    ไม่งั้นก็ ขี้ม้าสามศอก ไปฟ้อง เอ๊ย ไปบอกทั่น วี wm
    ให้มาแจกใบแดงให้อิฉันดิ
    อยากจะได้ สถานะ สมาชิกถูกแบนจะแย่ หุหุ



    เอาล่ะ ปั่นกาทู้เสร็จแย้ว
    ----------------------------------------
    ขออนุญาต ตัดริบบิ้น ปิดกาทู้ เจ้าค่ะ
    ----------------------------------------

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. tapranksan

    tapranksan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +5
    ศาสนาพุทธไม่มีพระเจ้าล้านเปอเซน ถาม มหาลัยสงฆ์ดูสิ

    ในทางพระพุทธศาสนานั้นปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า และเชื่อว่า โลกนี้เกิดขึ้นจาก กฎแห่งธรรมชาติ ( นิยาม ) 5 ประการ อันมี กฎแห่งสภาวะ (อุตุนิยาม) หรือมีธาตุทั้ง5คือ ดิน น้ำ ลม ไฟและ อากาศ ที่เปลี่ยนสถานะเป็นธาตุต่างๆกลับไปกลับมา กฎแห่งชีวิต (พีชนิยาม) คือกฎสมตา กฎวัฏฏตาและกฎชีวิตา ที่ทำให้เกิดชีวิตินทรีย์ ( เซลล์) กฎแห่งวิญญาน (จิตนิยาม) การมีนามธาตุต่างๆที่ประกอบกันตามกระบวนการเป็นจิต ดูที่ปฏิจจสมุปบาท ที่เป็นไปตาม กฎแห่งเหตุผล (กรรมนิยาม) และ กฎไตรลักษณ์ (ธรรมนิยาม) คือ
    ทุกขัง (ความไม่เที่ยงแท้ ทนอยู่ในสภาพเดิมมิได้ตลอดกาล) คือสิ่งทั้งปวงหยุดนิ่งมิได้เหมือนจะต้องระเบิดอยู่ตลอดเวลา อย่างแสงอาทิตย์ต้องวิ่งมาชนโลก โลก จักรวาล กาแล๊คซี่ต้องหมุน ลมต้องพัด เปลือกโลกต้องเคลื่อน ทำให้มีกฎแห่งการปรับสมดุล(สมตา ) เช่นเรานอนเฉยๆต้องขยับ หรือวิ่งมากๆต้องหยุด เช่นความร้อนย่อมต้องการสลายตัวไปที่เย็นกว่า ไฟฟ้าในเมฆพายุฝนที่มีมากทิ้งมาที่พื้นโลกจนเกิดฟ้าผ่า ที่ ๆ เป็นสุญญากาศย่อมดึงให้สิ่งที่มีอยู่เข้ามา ความทุกข์ทำให้เกิดการวิวัฒนาการของสัตว์ พืช เช่นพืชที่ปลูกถี่ๆกันย่อมแย่งกันสูงเพื่อแย่งแสงอาทิตย์ในการอยู่รอด หรือการปรับสมดุลจึงเกิดชีวิต กฎสมตาทำให้เกิดอิริยาบถที่ปิดบังทุกขัง อนิจจัง (ความไม่แน่นอน) ทำให้สิ่งทั้งปวงย่อมต้องเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม อย่างธาตุดิน (ของแข็ง) เปลี่ยนเป็นธาตุน้ำ (ของเหลว) เปลี่ยนเป็นธาตุลม (แก๊ส) และเปลี่ยนเป็นธาตุไฟ (แสง ความร้อน พลังงาน) และเปลี่ยนไปไม่สิ้นสุด แม้จะเปลี่ยนแปลงแต่การเปลี่ยนแปลงก็มีขีดจำกัดทำให้เกิดกฎแห่งวัฏจักร (วัฏฏตา) โลก จักรวาล กาแล็กซี ย่อมหมุนเป็นวงกลม สิ่งมีชีวิตเริ่มต้นถึงที่สุดก็กลับมาตั้งต้นใหม่ วิชชุรูป(อิเล็คตรอน)ของปรมาณู(อตอม)ย่อมหมุนรอบมูลรูป(โปรตรอนและนิวตรอน)เพราะกฎแห่งเหตุผลทำให้ลูกมาจากปัจจัยพ่อแม่ของตนเหมือนพ่อแม่ตน ความไม่แน่นอนทำให้สัตว์ พืช อาจไม่เหมือนพ่อแม่ของตนได้นิดหน่อย เช่นสัตว์ที่ใช้ชีวิตในที่หนาวเย็น ตัวที่มีขนยาวกว่าพ่อแม่ตนนิดหน่อยมีเปอร์เซ็นรอดชีวิตได้มากกว่า นานๆไป สัตว์ที่อยู่ในที่หนาวเย็นส่วนใหญ่มีขนยาวเป็นพื้นฐาน กฎวัฏฏตาทำให้เกิดสันตติ การสืบต่อที่ปิดบังอนิจจัง
    อนัตตา (สิ่งทั้งปวงไม่มีตัวตนอย่างแท้จริง ดูเหมือนมีตัวตนเพราะอาศัยปัจจัยต่างๆประกอบกันขึ้น เช่น ต้นไม้ย่อมอาศัยแสง ดิน น้ำ แร่ธาตุ ราก ใบ กิ่ง แก่น ลำต้น อากาศ ทำให้ดำรงอยู่ได้) สิ่งทั้งปวงย่อมเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกันทำให้เกิดการผสมผสาน ทำให้เกิดความหลากหลายยิ่งขึ้น อย่างร่างกายของเราย่อมเกิดจากความเกี่ยวข้องกันเล็กๆน้อยและเพิ่มขึ้นซับซ้อนขึ้น เมื่อสิ่งต่างมีผลกระทบต่อกันในด้านต่างๆทำให้เกิดกฎแห่งหน้าที่ (ชีวิตา) เช่น ตับย่อมทำหน้าที่ของตับ ไม่อาจทำหน้าที่เป็นกล้ามเนื้อหัวใจ และถ้าธาตุทั้งสี่ไม่มีกฎแห่งหน้าที่อันเป็นเหตุให้ธาตุประกอบกันเป็นร่างกาย ร่างกายของย่อมแตกสลายไปราวกับอากาศธาตุ กฎชีวิตาทำให้เกิดฆนะ รูปร่าง หรือการเป็นก้อนๆ ที่ปิดบังอนัตตา
     
  6. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    อ้าว!!! (คุณยีนเขาไปไหนแล้วอะ - -)


    (ข้อความโมฆะครับ)
    กำ เอาเข้าไปพระเจ้าคือผู้สร้างฝ่ายโลกียะ คือ อวชชา ดีๆนี่เอง
    ไม่เกี่ยวอะไรกับพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นโลกุตตระนะครับ
    ฝ่ายโลกุตตระต้องหักเรือนผู้สร้าง
    แล้วพระเจ้าของศาสนาเหล่านั้น ก็สอนแปลกๆด้วย เหอะ
    ไม่มีเวียนว่าย ไม่มีผลของบาป-บุญ มิจฉาทิฏฐิชัดๆ
    ใครไม่เชื่อในพระเจ้าของตนก็ลงนรกไป - -

    ถามอะไรหน่อย คุณมีความเกี่ยวข้องกับคุณพลศักดิ์หรือเปล่าครับ
    มาแนวคล้ายๆกันเลย อุอุ อะอะ อิอิ โอะโอะ
    แนวแถแหลกไม่แจกโชคเนี่ยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2009
  7. olive36

    olive36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +152
    เจ้าของกระทู้นี้


    เกรียน อย่างแรง
     
  8. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    ผมมองว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ปฏิเสธ
    แต่สอนให้เชื่อ และใคร่ครวญบนหลัก "กาลามสูตร"

    หลักพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ เป็นเรื่องสากล
    สำหรับผม ในระดับปรัชญา ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของวิถีชีวิต " Way Of Life "
    พุทธเราไม่เคยบังคับให้ใครหันมานับถือ หากแต่ว่า ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ
    สามารถนำเอาหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
    ทั้งยังสอนให้เรารับรู้และค้นหาความจริง ซึ่งไปไกลกว่าสิ่งที่เรารับรู้ด้วยประสามสัมผัส
    และเกิดการตั้งคำถามตามหลักกาลามสูตร เพื่อนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้ และรู้แจ้งในที่สุด

    สัจธรรมมีเพียงหนึ่ง ไม่ว่ามองจากมุมใหน ก็เป็นตัวเดียวกัน ขึ้นอยู่กับบุคคล เนื่องจากประสบการณ์ของบุคคลเป็นเรื่องเฉพาะตัว

    การเชื่อหรือไม่เชื่อพระเจ้า อาจไม่ผิด เพราะในขณะที่เรากระหายที่จะค้นหาความจริง
    สักเราเราจะรู้ด้วยตัวเองว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่หรือไม่

    ไม่ใช่เรื่องที่จะไปปฏิเสธหรือกล่าวหาความเชื่อคนอื่น
    เพียงเพราะมุมมองเขาต่างออกไป สิ่งที่เรารู้อาจเหมือนคนตาบอดคลำช้างเท่านั้น
    ของพวกนี้ไม่สู้ขวนขวาย และปฏิบัติให้รู้ พิสูจน์ด้วยตัวเองดีกว่า

    อ้อ อีกเรื่อง สมัยพระพุทธเจ้านี่ พระยะโฮวากับพระอัลเลาะห์ยังไม่เกิดนะครับ
    คุรเจ้าจองกระทู้สับสนอะไรหรือเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2010
  9. ปืนอัดลม

    ปืนอัดลม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    สมาชิกใหม่ครับ.......

    ในพระไตรปิฎกไม่มีคำว่าพระผู้เป็นเจ้า,พระยะโฮวา,พระอิศวร,พระนารายณ์,พระแม่อุมา,...พระอาทิตย์,พระจันทร์,....หนุมาน,หรือคำว่าผีครับ
    พระพุทธองค์ทรงอธิบายถึงชั้นสวรรค์ - ชั้นพรหม-อรูปพรหม โดยละเอียดแล้ว ( พระพรหมในพระพุทธศาสนาก็คือเทพหรือเทวดาพวกหนึ่งซึ่งตอนเป็นคนได้เข้าญานตาย ("ญาน" น หนู=สมถะ) ) และทรงเรียกทั้งหมดนี้ว่า " อทิสมานกาย "
    ดังนั้นจากที่กล่าวมา
    คำถามที่ว่า: จริงหรือพุทธสอนให้ปฏิเสธในพระเจ้าของ อิสลาม คริส หรือ ฮินดู?
    ต้องตอบว่า:พระพุทธองค์ไม่สอนให้ปฏิเสธและพระพุทธองค์ไม่พูดถึงด้วย (ดังนั้นคุณจะถามทำไมให้ขัดใจกัน)
    ที่พระพุทธองค์ทรงสอนก็คือ

    1.ละชั่วทั้งปวง ทาง กาย วาจา ใจ
    2.ทำดี ทางกาย วาจา ใจ การทำดีย่อแล้วมี 3 อย่างคือ ทาน ศีล และภาวนา(สมถะและวิปัสนา)
    3.ทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลศ เพื่อความพ้นทุกข์หรือหลุดพ้นสู่นิพพาน


    ตามความมุ่งหมายของwebนี้ละครับ............ด้วยความเคารพทุกท่านครับ
     
  10. su37berkut

    su37berkut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,121
    ...ศาสนาพุทธของเรา ไม่มีพระเจ้าอย่างแน่นอน...
    แต่เท่าที่ผมเคยอ่านมา พระพุทธองค์ ได้กล่าวตำหนิศาสนา และลัทธิอื่นๆ ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ
    อย่างตอนกล่าวถึง นิครณ์นาฏบุตร (พระมหาวีระของศาสนาเชน)
    ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ
     
  11. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ขำกลิ้ง ลิงกะหมา
    ทามมายในนี้ผู้วิเสดแยะจัง
    บ้างอ้างว่า ปฎิบัติเอง รู้เอง
    ไม่ทราบว่าเห็นวิมานเอง เห็นเจดีย์จุฬามณีเองด้วยรึป่าว
    เผลอๆได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์แรกด้วยตัวเองอีก
    หลับตาก็เห็นได้ด้วยตัวเองทันที มิทันได้สอบทานให้ดีเสียก่อนว่า พระพุทธโคดมสอนเรื่องนั้นๆ(เอกายโนมัคโค)ว่าอย่างไร เลยได้เห็นแต่พระพุทธรูป มายืนบังพระพุทธโคดมจนมิด

    ๕๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม

    ธาตุ นั้นคือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง

    ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง

    ครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก

    ทำให้เข้าใจง่ายว่า สังขาร ทั้งปวงไม่เที่ยง

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม

    ธาตุ นั้นคือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง

    ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์[/COLOR]

    ครั้นแล้ว จึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก

    ทำให้เข้าใจง่ายว่า สังขาร ทั้งปวงเป็นทุกข์

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม

    ธาตุ นั้นคือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง

    ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

    แต่มาบัดนี้ พุทธมามกะกลับไปถามหาพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ นัยว่า เป็นตัวเลือกให้ได้บูชา เหนือกว่าพระพุททธเจ้าทั้งปวง แล้วยังขาดหิริโอตตัปปะ หาพุทธพจน์มากล่าวอ้างยักเยื้อง ให้ตรงกับทิฏฐิของตนเอง แทนที่จะน้อมพุทธพจน์มาพิจารณาเพื่อให้ได้ปัญญา
    ตรงนี้ถูกใจดำตรงเป็ง
    ส่วน ครูเทพ ที่ดีที่สุด ในพุทธสาดหนา (ตามสายตาป้า )
    คือเจ้าตัวอวิชชา ( เพราะถ้าไม่มีมัน อรหันต์เก๊าะไม่เกิด 5555 )

    เพิ่งคิดในใจหลัดๆว่า ถ้าไม่ทุกข์จนหมกไหม้เพราะอวิชชา ก็ไม่เห็นคุณค่าของปัญญา(วิชชา) พูดได้ตรงใจจริงๆ ต้องขอบใจอวิชชา จึงเห็นค่าของปัญญา

    ผู้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เป็นผู้ต้องการที่จะสร้างความขัดแย้ง ไห้เกิดขึ้น ในสังคม เจตนาร้ายแน่นอน มีจุดประสงค์ร้ายแน่นอน 1ต่อชาติ 2 ต่อ.....3 ต่อ.......ขอท่านผู้อ่านกระทู้นี้ ทุกๆท่าน ลองใช้ปัญญาในการพิจรณา ตามข้อความ ข้อคิดเห็นของผมดูดีดีนะครับ (มีนัยยะ แอบแฝง)
    พิจารณาความเห็นแล้ว ได้ความว่า มีสติ แต่ต้องพยายามโยงนำไปสู่ปัญญานะครับ อย่าโยงไปสูงความหลง กระทู้นี้สอนให้ใช้ปัญญาใคร่ครวญ เฟ้นธรรม(ธัมมวิจัยยะ) เพื่อได้เสวนาภาษาเพื่อนๆ จึงดูเหมือนพูดสนุกๆ แต่แฝงให้ผู้อ่านขวนขวายหาคำตอบ จะได้ไม่ต้องไปเที่ยวขอบารมีพระพุทธองค์กันพร่ำเพรื่อ จนจะกลายเป็นลัทธิสวดอ้อนวอนกันมะรอมมะร่อแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2010
  12. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ทำไมอันนี้แปลกจัง จะไปตอบแทนคุณให้ใคร พระนารายณ์ปางที่เก้า
    พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อทำหน้าที่หลอกลวงคน ลัทธิฮินดูบูชาพระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตารปางมายาโมหะ คือปางหลอกลวงคน หลอกลวงอย่างไร คือเขาแต่งเป็นเรื่องว่า มีมนุษย์จำนวนมากที่เป็นพวกของอสูรร้ายเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเป็นเจ้าและต่อพระ เวท พระนารายณ์ก็เลยอวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อหลอกลวงคนเหล่านี้เอามารวมเข้าด้วยกันไว้ เพื่อช่วยให้เทพเจ้าทำลายคนเหล่านี้ได้สะดวกทีเดียวหมดเลย หมายความว่า ฮินดูให้พระพุทธเจ้าเป็นพระเอกในบทบาทของผู้หลอกลวง และถือว่าชาวพุทธก็คือพวกลูกน้องของอสูร

    ดีไม๊ครับ
    ดูลัทธเดียรถีย์หน่อยปะไร
    ลัทธิที่ขัดต่อหลักกรรม เช่น ถือแต่ส่วนอดีต มีผู้สร้างบันดาล หรือเหตุบังเอิญ อย่างพุทธพจน์ว่า ภิกษุทั้งหลาย ลัทธิเดียรถีย์ ๓ ลัทธิเหล่านี้ ถูกบัณฑิตไต่ถามซักไซร้ไล่เลียงเข้าย่อมอ้างการถือสืบ ๆ กันมา จัดเข้าในพวกอกิริยา คือ
    ๑. สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ดี อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตามที่คนเราได้เสวยทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นเพราะกรรมที่กระทำในปางก่อน ลัทธินี้ เรียกว่า ปุพเพกตเหตุ (ปุพเพกตวาท)
    ๒. สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ดี อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตามที่คนเราได้เสวยทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นเพราะการบันดาลของพระผู้เป็นเจ้า เรียกว่า อิสสรนิมมานเหตุ (อิศวรนิรมิตวาท)
    ๓. สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ดี อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตามที่คนเราได้เสวยทั้งหมดนั้น ล้วนหาเหตุหาปัจจัยมิได้เรียกว่า อเหตุอปัจจยะ (อเหตุวาท)๔
    ๔. พระพุทธเจ้า ตรัสกรรมเก่า คือ อายตนะ ๖ กรรมใหม่ คือ การทำปัจจุบันและทางดับกรรม คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ พระพุทธเจ้า สอนกรรมเพื่อให้พึงตนเอง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน
    ๕. กรรมเป็นกฎธรรมชาติ จะมีใครเชื่อไม่เชื่อก็มีผลคงเดิม ไม่ขึ้นอยู่กับค่านิยม ค่านิยมที่ผิด การนิยมวัตถุ ความสบายมาก ๆ ไม่คิดถึงด้านจิตใจ เมตตาธรรม สังคมก็ได้รับอกุศลวิบากอยู่แล้ว
    (กรรมไม่ง้อใครเชื่อ เชื่อไม่เชื่อมันก็ทำงานตามปกติของมันโดยอัตโนมัติ)

    อ่านแล้วเป็นไงมั่งครับ น่าจะกตัญญูรู้คุณหรือกลับไปเนรคุณดีเนี่ย
    รู้รึเปล่าครับ พราหมณ์นั้นเดิมทีมีพระอินทร์เป็นเทพสูงสุดองค์เดียว ต่อมาในช่วงก่อนสมัยพุทธกาล ก็ค่อยๆเพิ่มพระพรหมณ์ มามีตัวเลือกเพิ่ม ตอนสักราวพ.ศ.ห้าร้อยกว่าๆนี่เอง ก็เกิดมีพระอิศวร พระนารายณ์พระนารายณ์เองเมื่อตอนนั้นมีไม่กี่ปาง มาแถวพ.ศ.เก้าร้อยกว่าๆ ก็เพิ่มปางที่เก้าขึ้นมาไงครับ เพราะศาสนาพุทธจะฟื้นตัว ต้องทำให้ย่อยยับจนหมดไปจากชมพูทวีปซะ ชาวพุทธบูชาเทพ ลองไปศรีลังกาให้พวกทมิฬเห็นหน่อย ดูซิว่า เขามองชาวพุทธอย่างไร


    สูท่านมีปัญญากว้างขวางถูกใจข้าน้อยยิ่งนัก นับถือ นับถือ

    แล้วท่านมาเพ่นพ่านอะไรแถวนี้ ทำไมไม่ไปอยู่ท่าพระจันทร์ เค้านั่งส่องพระที่นุ่นไม่ใช่เหรอครับ ที่นี่เขามีพระไว้สักการะ ไม่ใช่มีไว้เล่น

    ช่าย ช่าย สู้ไปเปิดกรรมของคนอื่นดูต่อดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2010
  13. ปรม

    ปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +325
    ไม่น่าสนใจ
     
  14. ดีเลว อย่าโทษดวงทำ

    ดีเลว อย่าโทษดวงทำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +62
    ชาวพุทธ ไม่สร้างสงครามครับ

    ไม่เคยมีประวัติ ชาวพุทธ ไปทำสงครามกับใครครับ

    นิพพาน คือ ที่ไป สวรรค์ คือ ที่พัก ระหว่างทาง ครับ


    พระเจ้า นั้น ก็มีกรรมครับ
    พุทธ ไม่เคย บอกว่าให้ห้ามให้ไม่เชื่อศาสนาอื่น
    ไม่ต่อว่าด้วย พุทธ เค้า สงบ

    คุนว่าเค้า คุนหัน มอง ดู ตัวเองทีนะ คนอื่นเคาพิมนิดเดียว คุนพิมซะกลัวยาวมากมาย
    กลัว เถียง ไม่ทันหรอ ครับ


    อ้าง พระเจ้า นับถือ ร้องขอโอดครวญ วิงวอน ยั่งกับเป็นสามีที่กำลังจะทิ้งไป เเหน่ะ ครับ
    นับถือ ไปทำไมครับ คุนคิดว่าไม่ทำบุญบารมี ตายไป จะได้ขึ้นไปสวรรค์หรอ ครับผม


    ผมไม่เคยนับถือเลย เพราะเค้าช่วยอะไรเรา ไม่ได้เลย

    ผมตายไป ก็เป็นใด้เหมือนกันครับ เทพ เทพเจ้า อะไรของคุน


    พระเยซู อะไรทีคุนๆ ว่ากัน

    ท่านไป เเถบ อินเดีย เเหล่ะครับ เจอ กับผู้ทรงบารมี ฝึกสมาธิ
    จนใด้รับญานไปสวรรค์ ชั้นหนึ่งเจอพวก ครุฑ เทวดามีปีกเเหละครับ
    ก็สนทนา เรื่องศาสนาเเหละ ครับ
    แล้วกลับมาที่โลก
    ก็เอาศาสนา พุธมาสอนแต่ตัวเองเป็นศาสดาซะเอง แล้ว บิดเบือนไป
    ไบเบิ้ล เค้าเปลี่ยน ทุกปีเเหละครับแก้ไปหมด เละเทะ

    ผมไม่อยากพูดเลย เพราะ มันอาจสร้างโทสะ ให้ไครบางคน

    ไม่ได้ โกหก ครับ ผมมีศีล เรื่องนี้ หลวงพ่อ ท่าน ก็ นั่งทางใน แล้ว เล่ามาไห้ศิษย์ๆ ท่านฟัง



    มีแต่พวก ไม่คิดจะทำดี แล้วอยากไป สวรรค์ เเหละครับ พวก เชื่อเทพเจ้าอ่ะคับ
    เหมือน ชาวนา ไม่ทำนา ไม่ทำนา แต่อยากใด้เงินใช้ ชั่วชีวิต เเหละครับ


    ไม่เชื่อตอนเป็น หรือ จะไปเห็นตอนตาย
     
  15. piya9999

    piya9999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +56
    ป้าบัวนี่จริงๆเล้ยยย
    อิอิ ป้าแกใจดี ทะเลาะกับชาวบ้านไปทั่ว แต่ไม่เอามาเป็นอารมณ์
     
  16. th258258

    th258258 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +119
    จริงหรือพุทธสอนให้ปฏิเสธให้นับถือพระเจ้าในศาสนาอื่น

    ไม่หรอก ทุกศาสนาจะรวมกันเป็นหนึ่งเพราะทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี แต่หลักศาสนาพุทธจะสอนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยหน่อย แต่เราก็สามารถนับถือได้ทุกศาสนาแม้กระทั่งนับถือทุกศาสนาในขณะเดียวกันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าพิธีอะไรเหมือนคนในศาสนานั้น แค่เคารพด้วยใจและรับฟังคำสั่งสอนแล้วพิจรณาในคำสอนของศาสนานั้น แล้วค่อยๆทำตามเท่าที่เราจะทำได้ โดยยึดถือเอาความว่างเป็นที่พึ่งและละกิเลส เท่านั้นคุณก็สามารถนับถือได้ทุกศาสนาแล้ว




    เทพสังหรณ์...
     
  17. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    หึ หึ หึ หึ หึ
     
  18. ไข่น้อย

    ไข่น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +348
    นิมนต์ฮะ

    หึ หึ หึ หึ หึ
     
  19. Sarikanon

    Sarikanon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +22
    หึหึหึหึ
    ศาสดา เห็นถึงใหน ก็จะสอนคนให้ไปถึงตรงนั้น
     
  20. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    คริสต์ อิสลามเกิดทีหลัง ตัดไปได้เลย ส่วนฮินดูและฮิบรู(สุเมเรี่ยน)มีส่วนแต่ก็ต้องตัดไปเพราะไม่ทำชั่วหรือบาป แต่ลัทธิที่หมายถึงตามที่กล่าวมาคือ พวกนอกรีตจากฮินดูและฮิบรูอีกทั้งยังเหล่าสาวกที่แตกแยกออกไป อันนี้ถ้าศึกษาแต่พุทธก็จะไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นเช่นไร คนไม่เข้าใจก็อยากเสนอสิ่งที่ตนไม่รู้ คนที่รู้ก็รู้เพราะกูเกิ้ล(เป็นส่วนใหญ่) จึงไม่จริง ผมก็ไม่ได้รู้มากนักหรอก เพียงแต่สมัยก่อนตั้งใจอ่านของแต่ละคัมภีร์มีประวัติบันทึกไว้
    ปล. อย่ามาทดสอบค่อยเด้อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...