+++Premium พระเครื่องราคาพิเศษ(ปิดกระทู้ชั่วคราว)

ผมขอเหรียญหลวงพ่อกวย ออกวัดเขาใหญ่เลยนะคราบ

2 เหรียญ 500 บาทใช่ไหมคราบ

+ ค่าส่งไหมคราบ

 

ขอจอง 1 องค์ครับ

 

คุณ jomjamp ครับ พระหลวงพ่อโกย 2 องค์ 500 บาท และค่าจัดส่งอีก 30 บาทครับ เป็น 530 บาท ขอบคุณครับ

รับทราบการจองคุณ WN

 

เบี้ยแก้กายสิทธิ์หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน

หลวงปู่สรวง เป็นหนุ่งในคณะหลวงปู่เทพโลกอุดร (เข้าใจว่าคือ ขรัวขี้เถ้า) เบี้ยแก้นี้มีรอยจารทุกองค์ โดยหลวงพ่อสร้อย ศิษย์ของหลวงปู่สรวง โดยหลวงปู่ปลุกเสกให้นับ 10 ครั้ง นอกจากนี้กรรมวิธีการนำปรอทมายังเป็นปรอทดักจากธรรมชาติ โดยใช้ไข่ไก่และอาคมในการเรียก พุทธคุณ ทางด้านกันภัย กันคุณไสย เลือนความ และช่วยเหลือยามฉุกเฉิน


บูชาองค์ละ 1299 - มี 5 องค์ (ใครสนใจส่ง Pmมาจองไว้ก่อนนะครับ ผมจะยังหาไม่เจอว่าไปเก็บไว้ไหน)
แถม สบงหลวงปู่สรวง (ตัดเป็นชิ้นเล็ก) 1 ชิ้น

 

ขอจองเหรียญหลวงพ่อโกย 1 องค์

 

สำหรับผู้ที่จองนะคับ
............................................................................................
เมื่อโอนเงินมาแล้ว โปรดแจ้งผมทาง PM พร้อมที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ครับ
หรือ SMS มาที่เบอร์ที่ให้ไว้ครับ

ผมจัดส่งของทุกวันพุธบ่ายครับ (รบกวนท่านที่จองไว้โอนก่อนช่วงนั้นก็ดีครับ)

ขอบพระคุณที่ให้ความอนุเคราะห์ครับ

 

รูปเหมือนปั้มหลวงปู่ทวด วัดม่วง ปี 2506

เหมาะสำหรับคนที่อยากเก็บพระหลวงปู่ทวดราคายังไม่แพง พิธีดี หลวงปู่ทิมวัดช้างให้ปลุกเสก และ พ.ศ. ลึกครับ

ราคา 1700 บาท
................................................................................

การสร้างพระเครื่องรูป หลวงปู่ทวดครั้งนี้ เกิดจากความศรัทธาของ พระอาจารย์ยิ้ม อาภาธโร ซึ่งได้เดินทางไปศึกษาธรรมทางภาคใต้อยู่ช่วงหนึ่ง ได้ไปเป็นศิษย์ศึกษาธรรมกับ ท่านพระอาจารย์ทิม แห่งวัดช้างให้ จึงมีความคิดที่จะสร้างพระบูชาขนาดใหญ่ เพื่อประดิษฐานไว้ที่วัดม่วง บางแค กรุงเทพฯ พร้อมกับสร้างพระเครื่องเพื่อให้ประชาชนบูชา จึงได้ขออนุญาตพระครูปัญญาวรคุณ และ ขอให้ พระอาจารย์ทิม มาดำเนินการให้ ซึ่งพระคุณเจ้าทั้งสอง ก็ยินดีเป็นธุระจัดการให้ตามความประสงค์ ซึ่งพระเครื่องที่สร้างขึ้นในครั้งนี้
มีมวลสารอันหลากหลายเช่น ว่าน ๑๐๘ ซึ่งจัดหาโดยวัดม่วง และ ยังมีผงว่านของพระหลวงปู่ทวดรุ่นแรก ( 2497 ) ที่พระอาจาย์ทิมมอบให้ และได้น้ำมนต์ของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มาผสมในการกดพิมพ์อีกด้วย การสร้างเริ่มกดพิมพ์ตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษาของปี พ.ศ.2505 ซึ่งได้พระภิกษุ สามเณร และ กรรมการวัด มาช่วยกันกดพิมพ์ในระหว่างพรรษา ได้พระจำนวนทั้งสิ้น 84,000 องค์ตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ปั้มหลังตัวหนังสือไม่ปรากฎทราบ จำนวน และเหรียญปั๊มขาโต๊ะหลวงพ่อทวด หลังเจดีย์ มีพระบาท <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
สร้างแค่ 1000 เหรียญเท่านั้น ไม่ปั๊มเยอะเป็นหลักแสนเป็นหลักล้าน และมีเสริมเหมือนสมัยนี้ เจตนาการสร้างดี พิธีดี พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณร่วมสมัย เป็น ของดีที่ถูกลืม พิธีและพุทธคุณเทียบเท่า วัดช้างให้ ครับ
หลังจากนั้นจึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษก ในวันที่ 18-20 ธันวาคม พ.ศ.2505 โดยมียอดพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง เข้าร่วมพิธีกัน 30-40 รูป อาทิ เช่น <O></O>
1.พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ปัตตานี <O></O>
2.หลวงพ่อเขียนน สำนักถ้ำขุนเณร จ.พิจิตร <O></O>
3.หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ จ.อยุธยา <O></O>
4.หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆษิตารม จ.กรุงเทพฯ , <O></O>
5.หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม , <O></O>
6.หลวงพ่อทบ วัดพระพุทธบาทเขาน้อย จ.เพชรบูรณ์ , <O></O>
7.หลวพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา , <O></O>
8.หลวงพ่อนา วัดจางวางพ่วง จ.อยุธยา , <O></O>
9.หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม , <O></O>
10.หลวงปู่เต็ม วัดบางแค ธนบุรี , <O></O>
11.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม , <O></O>
12.หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง จ.สมุทรสาคร <O></O>
และที่ไม่ได้กลกล่าวนามอีก ร่วม 30 รูป เป็นต้น ซึ่งถ้าดูจากรายนามพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง ที่มาร่วมนั่งปรกในพิธีพุทธาภิเษก ก็ถือว่าชั้นหัวกระทิของเมืองไทยในเวลานั้นแล้ว อีกทั้งพระเครื่องที่สร้างยังเป็น หลวงปู่ทวด ที่มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์รูปหนึ่งของเมืองไทย ทำให้พระเครื่องที่สร้างในครั้งนี้มีพุทธคุณครบถ้วน สามารถบูชาได้อย่างสนิทใจเนื่องจากจำนวนการสร้างมีมากถึง 84,000 องค์ทำให้ยังพอพบเห็นได้ในสนามพระ อัตราเช่าหาก็ยังไม่สูงมาก สำหรับพิมพ์ใหญ่ ก็อยู่ที่หลักร้อยปลาย ถึงพันนิดๆ แต่ถ้าเป็นพิมพ์ใหญ่พิเศษ ก็น่าจะอยู่ราวๆ พันห้าขึ้นไป ยิ่งถ้าเป็นชุดกรรมการ ปิดทองเดิมๆมาจากวัด พร้อมเลี่ยมจากวัดมาตั้งแต่ พ.ศ.2505 ก็คงต้องบวกค่าอนุรักษ์ขึ้นไปอีกหน่อยน่ะครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหน พุทธคุณล้วนเสมอเหมือนกันครับ เกือบลืมไป พระเนื้อว่านพิมพ์หลวงปู่ทวดของวัดม่วง ด้านหลังจะต้องโรยเกล็ดตะไบทองเหลืองไว้ด้วยนะครับ เช่าหาอย่างไรก็ขอให้ดูกันให้ละเอียด ของเก๊ นั้นยังไม่พบเห็นครับ เช่าหาได้สบายใจ แต่อีกหน่อยก็ไม่แน่นะครับ มือผีสมัยนี้ พระร้อยสองร้อยมันก็ทำกันแล้ว ช่างไม่กลัวบาปกรรมกันเลย แถมท้ายอีกนิดนะครับ สำหรับพระพิมพ์ใหญ่พิเศษ พระอาจารย์ทิม ท่านเป็นผู้ควบคุมการพิมพ์พระจนครบ และ เป็นผู้ติดแร่ที่ด้านหลังองค์พระด้วยตัวท่านเองทุกองค์เลยนะ ครับ

 

ขอจอง 3 องค์ครับ

 

บูชาองค์ละ 1299 - มี 5 องค์ (ใครสนใจส่ง Pmมาจองไว้ก่อนนะครับ ผมจะยังหาไม่เจอว่าไปเก็บไว้ไหน)
แถม สบงหลวงปู่สรวง (ตัดเป็นชิ้นเล็ก) 1 ชิ้น <!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูป</LEGEND>
</FIELDSET>
จอง 1 องค์
โอนเงินสิ้นเดือนครับ
สาธุ...

 

ขอจอง 1 องค์ ครับ

 

ขอจองด้วยครับ
ขอสอบถามครับ ที่ให้บูชาในรูปเป็นลักษณะแบบองค์ไหนครับ ขอลงรูปให้ดูด้วยครับ

 

ขอจอง 1 องค์


เบี้ยแก้กายสิทธิ์หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน

<!-- google_ad_section_start -->บูชาองค์ละ 1299 -

 

หลวงปู่ทวด วัดม่วง

ขอโทษนะครับ ลืมรูปของหลวงปู่ทวดไป
พระที่ออกห่างจากจากปั๊มปี 05 ปีเดียว แต่ราคาต่างกันเกือบ 100 เท่าครับ

 

พระรอดวัดพระสิงห์ปี 2496

พระรอดวัดพระสิงห์ปี 2496 พิมพเล็ก (พิมพ์หายาก เพราะมีประสบการณ์รถเกือบตกเหวที่ดอยสุเทพ)
องค์นี้มีคราบดินเกาะ สภาพแท้ดูง่าย ไม่ผิดวัด (เซียนพระรอดวัดพระสิงห์ดูมาแล้ว เก๊คืน 2 เท่าองค์นี้)

บูชาพิเศษเพียงองค์เปิดตัวองค์เดียว 630 บาท (ในพื้นที่ต้องหลักพันต้น)
...............................................................................
ประวัติพระรอดวัดพระสิงห์
พระรอดวัดพระสิงห์เชียงใหม่ 2496 พระเกจิสร้างพิธียิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ล้านนา พระรอดเป็นหนึ่งในพระเครื่องในชุดเบญจภาคี ซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างสูงและมีราคาแพงมาก หากไม่มีพระรอด มหาวัน พระรอดรุ่นใดทีมีพุทธคุรใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุดหลายท่านยืนยันว่า พระรอดวัดพระสิงห์ เชียงใหม่ ปี2496 ใช้ดีไม่แพ้พระรอดอายุพันกว่าปีของลำพูน ในการสร้างพุทธสถาณเชียงใหม่ ซึ่งได้กระทำพิธีวางศิลาฤกดิ์ เมื่อวันที่28 พค 2496 เวลา 11.45 น. และในเดือนเดียวกันนั้นเอง ตรงกับวันขึ้น10ค่ำ เดือน7 ปีมะเส็ง จัตวาศก จุลศักราช 1315 เริ่มพิธี 9 นาฬิกา 21นาที 41 วินาที และเริ่มจุดเทียนชัยเวลา 19.20 น. โดยมีพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นประธาน ประกอบพิธีมหามงคล สร้างพระรอด จำนวน 84,000 องค์ เพื่อนำรายได้สมทบทุนสร้างพุทธสถาณเชียงใหม่ วัสดุในการสร้างใช้ดินบริเวณทิศเหนือของวัดพระคง จังหวัดลำพูน ซึ่งเชื่อกันว่าพระรอดมหาวันในสมัยแม่เจ้าจามเทวีวงศ์ก็ใช้ดินบริเวณนี้สร้าง จึงทำพิธีตั้งศาลเพียงตาอารธนาขอจากพระพุทธรูปและอารักษ์ที่รักษา ดินแดนแห่งนั้น จากนั้นขุดลงไปเพียง3ศอกก็พบดินขวยปูตามที่ต้องการ ลักษณะดินละเอียดเหนียว เมื่อนำมาสร้างพระแล้วแกร่งและสวยงามมาก เมื่อได้ดินที่ต้องการแล้วก็ให้อ.ผู้ทรงคุณวุฒิละลายดินด้วยน้ำพระพุทธมนต์ แล้วนำมากรองด้วยผ้าขาว เก็บผงดินที่ละเอียดเหมือนแป้งมาผสมกับผงพระธาตุ ผงพระเปิม ผงพระเลี่ยง ผงพระคง ผงพระรอด ผงสมเด็จบางขุนพรหม ผงตรีนิสิงเห ผงปั้ทมัง ผงพุทธคุณ และผงอิทธิเจของพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า เช่นหลวงปุ่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อผสมจนเข้าเนื้อเดียวกันแล้วก็ปั้นเป็นก่อนกลม ขนาดเท่าผลส้ม ส่งลงมากรุงเทพ ให้อ.ฉลอง เมืองแก้ว (อ.ขมังเวทย์) เป็นผู้ทำพิธีใส่ธาตุ แล้วนำกลับสู่เมืองลำพูน เพื่อให้ช่างพิมพ์องค์พระออกมาซึ่งมีทั้งหมด11พิมพ์ เมื่อถึงเวลาฤกดิ์ พระมหาราชครูวามมุณี กับท่านพราหมณ์พระครูศิวาจารย์แห่งกรุงเทพ เป็นประธานฝ่ายพราหมณ์ มหาปัญจพิธีโอมอ่านศิวะเวทย์อัญเชิญท้าวเทพยดาทั้งหลายที่สิงสถิตในแผ่นดินล้านนา อัญเชิญพระวิญญาณ เจ้าแม่จามเทวีและกษัตริย์ทุกพระองค์ เมื่อจุดเทียนชัย พระมหาราชครูอ่านโองการชุมนุมเทวดา เสร็จแล้วพราหมณ์เป่าสังข์ จบแล้วคณาจารย์ทั้งหมดนั่งปรกบริกรรม ปลุกเศกเป็นเวลา3วัน3คืน คณาจารย์ที่ร่วมในพิธี เจ้าคุณศรีสมโพธิ์ วัดสุทัศน์ เจ้าคุณศรีสุวรรณวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง หลวงปุนาค วัดระฆัง หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ครูบาวัง วัดบ้านเด่น พระครูอาคมสุนทร วัดสุทัศน์ หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อภักดิ์ วัดบึงทองหลาง หลวงพ่อทบ วัดเขาชนแดน(พุทธาภิเษกครั้งแรกของหลวงปู่ก็ถ่ายรูปไม่ติดแล้ว) หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว หลวงพ่อสำเนียง วัดเวฬุวัน ฯลฯ (ในกระทู้หลวงปู่ครูบาอิน คุณไก่เล่าว่าหลวงปู่ได้แจกพระรอดวัดพระสิงห์ให้สาธุชน บอกว่าท่านไปร่วมพิธี ผมเชื่อว่า ครูบาพรหมจักร ครูบาอินทจักร และครูบาชุ่ม ครูบาขาวปี และศิษย์หลวงปู่มั่นหลายๆรูปที่อย่เชียงใหม่ขณะนั้น ต้องร่วมพิธีกรรมด้วยแน่นอน แต่ตอนนั้นท่านยังไม่ดังประวัติจึงไม่ได้บันทึกไว้)ในขณะทีทำพิธีบวงสรวงเจ้าแม่จามเทวี มีฝูงผีเสื้อเป็นจำนวนมากบินมาอยู่เหนือเครื่องสังเวย แล้วกระจายบินหายไป คืนที่กระทำพิธีฟ้าคะนองตลอด เกิดแสงแปลบปลาบทั่วท้องฟ้า อากาศเยือกเย็นผิดจากวันอื่นๆ ส่วนคณาจารย์ทั้งหลายต่างเกิดนิมิตรเป็นมงคลต่างๆกัน

การสะสมพระก็ต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานมองอนาคตไปด้วยถึงจะสนุกและมีความสุข วันนี้พระรอดล้วนๆ ก็ขอฝอยสรรพคุณ เฉดสีพุทธานุภาพ ของพระรอดไปด้วยเลย สีขาว ดีด้านเมตามหานิยมและแคล้วคลาด สีเหลือง ( พิกุล) ดีด้านเมตามหานิยม ค้าขายดี เสริมส่งบุญบารมี สีแดง ดีด้านแคล้วคลาด กำลังดาข้าศึกศัตรูผู้ลอบทำร้าย สีเขียว ดีด้านใช้เดินป่าป้องกันสัตว์ร้าย ภูตผีปีศาจ แคล้วคลาดจากภัยธรรมชาติ สีดำ ( หายากสุดๆ) ดีด้านคงกระพันชาตรี บารมี ชื่อเสียง มหาอำนาจ และแคล้วคลาด ไหนๆก็ไหนๆ แล้วแถม พระคาถาปลุกเสก วีธีใช้พระรอดไปด้วย ถ้าจะยาตราไปแห่งใดๆให้ตั้งสัจจะบารมีต่อคุณพระพุทธเจ้าก่อน เอาปัญญาพิจารณาเหตุว่าคุณพระพุทธเจ้า จะเป็นที่พึ่งได้แค่ 3 ประการคือ อุปัจเฉทกกรรม 1 อุปปีลกกรรม 1 ปัจจุบันกรรม 1 นี้คุณพระพุทธเจ้าช่วยได้เที่ยงแท้ แต่บุราณกรรม สิ่งเดียวที่พระพุทธเจ้าช่วยมิได้เลย เป็นเที่ยงแท้ แต่อันกุจะไปบัดนี้จะรู้ว่าเป็นกรรมสิ่งใดมิได้รู้ ถึงการเป็นบุราณกรรมแล้วก็ดี ก็จะเอาชีวิตแลกกับพระนิพานเกิด ให้ปลงต่อความตายแล้วจึงไปเกิด หาอันตรายมิได้เลย คาถานี้ใช้ได้กับ พระรอดรุ่นเก่า รุ่นใหม่ทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ทุกวัด และอีกพิมพ์หนึ่งที่คนรู้จักน้อยคือ พิมพ์และบล๊อคเดียวกับ พระรอดเสาร์ 5 ก้นปั้ม

 

รูปหล่อบูชาคุณหลวงปู่ครูบาคำ วัดศรีดอนตัน

รูปหล่อรุ่น 2 ที่ทางวัดจัดสร้างเอง (รุ่นแรกที่ศิษย์หลวงปู่ดู่ถวายองค์หลักพันแล้วครับ) มีพุทธาภิเษกวันที่ 20 มีนาคม 2549 โดย ครูบาคำ ครูบาอินตา วัดวังทอง ครูบาอินตา วัดเชตวัน และครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน
ครูบาคำ เป็นพระที่สำเร็จ เกศาแปรสภาพเป็นพระธาตุ ถ่ายร่างตอนละสังขารมีแสงเจิดจ้าเต็มไปหมด ท่านเคยธุดงค์พบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และได้รับการชี้แนะกรรมฐาน
พระองค์นี้ดีอย่างไร ขนาดศิษย์สายหลวงปู่ดู่ สายพระราชพรหมญาณ และสายหลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ ต่างเคารพท่าน

ใต้ฐานอุดผงวิเศษหลวงปู่(ซึ่งคณะศิษย์นำมาถวายซึ่งมากมาย) รวมถึงเกศาของท่านด้วย เนื้อนี้เป็นเนื้อโลหะผสม

ให้บูชา 450 บาท ( มีองค์เดียวครับ ) พระของท่านเป็นพระที่มาแรงที่สุดในเกจิยุคใหม่ของภาคเหนือครับ
..............................................................................

ประชาสัมพันธ์ครับ ผมได้รับผงหัวเชื้อของหลวงปู่ครูบาคำ สังวโร มาจำนวนหนึ่ง ท่านใดจัดสร้างพระโดยเจตนาดี และบริสุทธิ์ ผมยินดีมอบให้เล็กน้อยโปรดติดต่อมาครับ

 

ไม่ทราบว่ายังเหลืออยู่เหรือเปล่าครับ
เบี้ยแก้กายสิทธิ์หลวงปู่สรวง

ถ้ายังเหลือขอจอง 1 องค์น่ะครับ

 

ไม่ทราบว่ายังเหลืออยู่เหรือเปล่าครับ
เบี้ยแก้กายสิทธิ์หลวงปู่สรวง

ถ้ายังเหลือขอจอง 1 องค์น่ะครับ

 

ไม่ทราบว่ายังเหลืออยู่เหรือเปล่าครับ
เบี้ยแก้กายสิทธิ์หลวงปู่สรวง

ถ้ายังเหลือขอจอง 1 องค์น่ะครับ

 

เหรียญหลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวน 2528

ประวัติและอภินิหาร ของ หลวงพ่อครึ้ม สุลโภ วัดคลองสวน ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

บางส่วนอ้างอิงจาก นิตยสารพระเครื่อง ลานโพธิ์ ปีที่33 ฉบับที่ 982 (อย่างเป็นทางการ), นิตยสารกระแสพระ และผู้บรรยายเอง (ในฐานะที่บวช และศึกษาประวัติของท่านอยู่ที่ วัดคลองสวน)

หลวงพ่อครึ้ม สุลโภ หรือพระเดชพระคุณพระครูสมุทรโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองสวน ตำบลบ้านคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์
จังหวัดสมุทรปราการ

เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา สืบทอดพุทธาคมจากพระเกจิที่โด่งดังหลายรูป...เช่น

หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว (ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์และยังเป็นหลานของ หลวงพ่อดิ่ง อีกด้วย) ท่านเป็นพระที่ค่อยอยู่รับใช้ หลวงพ่อดิ่ง แม้กระทั่งการแจกเหรียญของ หลวงพ่อดิ่ง รุ่นแรก ที่โด่งดังคับฟ้า นั้น ก็ผ่านมือของ หลวงพ่อครึ้มทั้งนั้นครับ ท่านจะนั่งอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อดิ่ง ในมาถวายของ หลวงพ่อดิ่ง จะแจกเหรียญ ก็ให้ไปรับที่ พระครึ้ม ทั้งยัง ได้รับมอบหมายให้ จารอักขระ หามวลสารทำลูกอม อีกด้วย

จากการที่ผมได้เคยไป สอบถาม จากหลวงพ่อฟู วัดบางสมัครนั้น ทราบว่า ท่านเป็นสหธรรมิกกันมาก่อนเคยอยู่ที่วัดบางวัว มาด้วยกัน
แต่ว่า หลวงพ่อฟู ย้ายมาที่บางสมัครเสียก่อน ส่วนหลวงพ่อครึ้ม นั้น หลวงพ่อฟู ท่านว่า (ขออนุญาติใช้คำพูดของท่านครับ) "ฉันอยู่ที่นั้น ไม่นานเท่าไหร่ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว (บางสมัคร) แต่คนนั้นน่ะ(หลวงพ่อครึ้ม) เค้าอยู่กันจนตาย

หลวงพ่อดิ่ง ท่านรักของท่าน คนนั้นเค้าได้ไปเกือบทุกอย่าง" หากใครเคยไปกราบ หลวงพ่อฟู ลองถามท่านดูได้ครับ ผมเคยไปนั่งคุยกับท่านเรื่อง หลวงพ่อครึ้ม อยู่เป็นชั่วโมง เมื่อประมาณปี 45 ได้รับการยืนยันจากท่านว่าอย่างงั้นนะครับ

หลวงพ่อจอม วัดบางสมัคร ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาจารย์ของท่าน ท่านนี้นั้นสำคัญมาก ๆ

เพราะเป็นอาจารย์ที่สอนท่านทำปลัดขิก อันมากประสบการณ์ และ รูปลักษณ์ที่คล้ายกัน ตอนท่านไปขอเรียน ปลัดขิก จาก หลวงพ่อฟัก นั้น ท่านได้ไปกัน 3 รูป นอกจาก หลวงพ่อครึ้ม แล้ว 1 ใน 3 นั้นก็มี หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร อยู่ได้ด้วยลองไปถามท่านดูนะครับ

เมื่อไปถึงได้ กราบ หลวงพ่อฟัก เพื่อขอเรียนวิชา หลวงพ่อฟัก ไม่สอนให้ใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่ได้บอกกับหลวงพ่อครึ้ม ว่า ท่านอยากได้ กะลาตาเดียว ที่เป็นสมบัติ และของสะสม ของ หลวงพ่อโม (อดีตเจ้าอาวาส วัดคลองสวน ก่อนหลวงพ่อครึ้ม น่ะครับ และ หลวงพ่อโม นี้ยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ หลวงพ่อฟัก อีกด้วย) ให้ได้หรือป่าว ถ้าได้ก็จะยอมสอนวิชาให้

ตกลง หลวงพ่อครึ้ม ท่านยอมถวายให้ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อฟัก เพียงแค่รูปเดียว ส่วนหลวงพ่อฟู นั้นท่านว่า ท่านรักและเคารพ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส มาก ๆ จึงหันไปเรียนจาก หลวงพ่อ คง แทน

หลวงพ่อผล วัดพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมจากท่านอาจารย์ทั้งหลายจนหมดสิ้น

หลวงพ่อครึ้มเมื่อสมัยเป็นเด็ก ได้ช่วยโยมบิดามารดา ตามประสาเด็กบ้านนอก สมัยนั้นชาวบางวัวมีอาชีพทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักและเมื่อว่างจากช่วยบิดามารดาแล้ว หลวงพ่อคิดใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม จึงข้ามฝั่งมาวัดบางวัว เพื่อศึกษาหาความรู้กับหลวงพ่อดิ่ง ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 100 เมตร

จึงมีความผูกพันกับวัดและหลวงพ่อดิ่งมาก ท่านขออนุญาตบิดาและมารดาบวชเณร บิดามารดาก็อนุญาตให้บวช อยู่กับหลวงพ่อดิ่งที่วัดบางวัวได้ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อดิ่งเรื่อยมา

จนอายุครบบวชพระ จึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2485 ณ วัดบางวัว โดยมี
พระครูพิบูลย์คณารักษ์ (หลวงพ่อดิ่ง ) วัดอสุภาราม (วัดบางวัว) อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมกิจจานุรักษ์
(หลวงพ่อชื้อ) วัดทองนพคุณ คลองสาน กรุงเทพฯ เป็นพระกรรรมวาจาจารย์ และพระมหาจอม โฆสโก ตอนหลังได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูเมธีธรรม
วัดบางสมัคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “สุลโภ”

ด้านการศึกษาพุทธาคม หลวงพ่อท่านได้วิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดให้ดังนี้​

1.หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อและพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังเข้มขลังวิทยาคม สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย เช่น เหรียญ ตะกรุด เสือ เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ลูกอม และโดยเฉพาะสุดยอดเครื่องรางหนุมานแกะจากรากพุดซ้อน และยังได้ศึกษาวิชานะทรงแผ่นดิน กระทู้เจ็ดแบกและวิชาไล่ผี ​

ทุกครั้งที่หลวงพ่อดิ่งจะปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านจะเอาอาวุธเช่นมีด ปืน หอก ระเบิดมือจากทหารเรือ ปืนทุกกระบอกขึ้นลำพร้อมที่จะใช้งาน ​

เรียกวิชาข่มอาวุธทุกครั้งที่หลวงพ่อครึ้มปลุกเสกวัตถุมงคลจะระลึกถึงอาจารย์และใช้วิชาข่มอาวุธปลุกเสกของด้วยเสมอ​

2.หลวงพ่อจอม วัดบางสมัคร จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ของหลวงพ่อครึ้มสอนวิชาสร้าง ”เสืออาคม” ตำหรับเดิมของหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ยจังหวัดสมุทรปราการ​

3.หลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในวิชาทำปลัดขิก หลวงพ่อครึ้มท่านศึกษาวิชาทำปลัดขิกจากหลวงพ่อฟักจนสำเร็จ​

4.หลวงพ่อผล วัดพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร ศึกษาวิชาทำผ้ายันต์สิงห์​

วัตถุมงคล​

หลวงพ่อครึ้มท่านได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2507 ได้สร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อศิริชัย(พิมพ์พระประธาน) พระยอดธงหล่อโบราณ โดยมีพระที่มานั่งเสก จำนวน 18 รูป เช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ คงทอง , หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ , หลวงปู่โสม ชลบุรี (องค์นี้หลวงพ่อครึ้ม ประทับใจในอภินิหารท่านมาก ๆ ) , หลวงพ่อแฉ่ง ฯ.....​

และต่อมาท่านได้สร้าง
เหรียญรูปเหมือน ตะกรุดโทน ผ้ายันต์ หนุมาน ตะกรุด 7 ดอก พระปิดตา พระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ และปลัดขิก​

เมื่อหลวงพ่อครึ้มถูกนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดคลองสวนนั้น หลวงพ่อดิ่งได้มอบลูกอมของท่านให้มาแจกแก่ผู้ที่ชวยสร้างวัดประมาณ 4000 เม็ด โดยท่านเป็นคนหามวลสารเองตามที่ หลวงพ่อดิ่งสั่งไว้ แล้วทำถวายท่านเสก แต่ไปรับเอาตอนที่ หลวงพ่อดิ่ง เสียแล้ว ​

กล่าวกันว่าผู้ใดมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อครึ้มไว้ติดตัวแล้ว จะแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายใดๆทั้งปวง เรื่องประสบการณ์ต่าง ๆ นั้นลอง ๆ สอบถาม ตำรวจ สน.ทุ่งครุ ,ราษฏร์บูรณะ , พระประแดง ,สาขลา ดูได้ว่า ของ ๆ ท่านเป็นอย่างไร ไม่เป็นรองใครยังไง หลวงพ่อครึ้มท่านได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 ​

ชาววัดคลองสวน ชาวพระสมุทรเจดีย์ และบรรดาศิษยานุศิษย์ ต่างอาลัยต่อการจากไปของท่านเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านและลูกศิษย์ต่างมีความเห็นกันว่าไม่ให้ฉีดยาและเก็บร่างท่านไว้
ประมาณ 2 ปี ต่อมาทางวัดคลองสวนจะนำร่างของท่านมาดำเนินการตามประเพณี บรรดาลูกศิษย์ได้เห็นว่าร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพเดิมไม่มีอะไรบุบสลายหรือ ขาดหายไป แต่ตัวท่านลอยอยู่ในน้ำภายในโลง ซึ่งน้ำดังกล่าวคาดว่าเป็นน้ำที่เคยท่วมวัดใของท่าน จึงพร้อมใจกันนำร่างของท่านเก็บไว้ในโรงแก้ว เพื่อให้ผู้เคารพนับถือกราบไหว้บูชา ​

บางรายเป็นนักเลงหวยก็มาเขย่าติ้วไม้ไผ่ของโชคลาภ บางรายเป็นนักเรียน จะสอบเข้าทำงาน หรือเรียนต่อก็จะมาบนบานกับท่าน ก็ประสบผลสำเร็จสมความมุ่งหมาย ทำให้ชาวบ้านแถบคลองสวนและพื้นที่ใกล้เคียงนับถือท่านมาตลอดจนทุกวันนี้
ส่วนอภินิหารและประสบการณ์ในวัตถุมงคงของท่านนั้น มีมากมายเกินจะเอ่ยได้หมด ​

แม้แต่หมูที่ท่านเลี้ยงไว้ เป็นหมูป่าผสมหมูบ้าน) ที่วัดเรียกกันว่า *** อู๊ด ยังเหนียว สุด ๆ ​

เริ่มต้นเดิมที่มันไม่ดุ ไม่ทำร้ายใคร แต่มันมีเมียอยู่เป็นคู่กัน แต่พอหลังจากตัวเมียตาย *** อู๊ด ก็ดูเศร้า ๆ ไป จนถึงวันสงกรานต์ปีหนึ่ง ได้มีคนเอาน้ำ เอาแป้ง ไปสาดใส่ ไปแกล้งมัน ทำให้มันหงุดหงิด และทำร้ายเอา หลังจากนั้น *** อู๊ด ก็มีนิสัย ดุร้ายเรื่อยมา ​

วีรกรรมที่มันทำร้ายคนหรือพระในวัดนั้น ใคร ๆ ก็รู้ดี ไม่มีใครเข้าหน้ามันติดซักคนเดียว ถึงขนาด หลวงตา ก. ยังเคยย้ายวัดหนีมันมาแล้ว ​

จะมีก็แต่ หลวงพ่อครึ้ม คนเดียวเท่านั้นที่ *** อู๊ด มันนอบน้อม เชื่องเหมือนลูกสุนัขเลย และมีเรื่องที่น่าแปลก ไม่ว่า *** อู๊ด จะอยู่ไกล แค่ไหน ก็ตาม เพียงหลวงพ่อครึ้ม ท่านเอ่ย เรียกชื่อมันเบา ๆ เท่านั้น มันก็จะรีบวิ่งมาหาท่านทันที ​

หรือเวลาที่ *** อู๊ด ไปเที่ยวนอกวัด แล้วเที่ยวไปพังศาลเพียงตา ตามวังกุ้งข้างวัดแล้วโดนเจ้าของ ยิงมาหลวงพ่อท่านยังรู้ได้เลย พอคนที่ยิงมาวัดเจอหน้าหลวงพ่อ ก็จะโดนหลวงพ่อเอ็ดเอา ​

ที่ตัว *** อู้ดนั้น หลวงพ่อครึ้ม ไม่เคยห้อย ตะกรุดหรือ ของขลังใด ๆ ให้มันเลย มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับที่ท่านทำให้มันคือ บ้วนน้ำหมากลงบนหัวของมัน เท่านั้นครับ โดนรุม ยิงด้วยปืน สองกระบอก ออกบ้างไม่ออกบ้าง ​

แต่สุดท้ายมันกลับมาวัด วิ่งไปหา หลวงพ่อ มีตะกั่ว บี้ติดอยู่ที่หน้าผากของมันครับ พระมันไปขวิดเค้าไส้ไหล ไปนอน ที่ รพ.บางประกอก 3 เลยที่เดียว ใครจะตี จะยิง จะทำอะไรมัน ก็ทำมันไมได้แต่สุดท้าย *** อู๊ด จนน้ำตาย ครับ หลวงพ่อ ยังให้ตัดเขี้ยวของมันมาดู แล้วพูดว่า “แหมเสียดาย ที่ไม่ตัน” เขี้ยวนั้นปัจจุบันเก็บไว้อยู่ที่ กุฏิรองเจ้าอาวาส (พระมนู) ​

ส่วนประสบการณ์ที่เกิดกับคนนั้นมีมากมายเกินจะเล่าได้หมด ขอเล่า เพียงส่วนน้อยเท่านั้นนะครับ​

-เคยมีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซด์ด้วยความเร็วสูงตามประสาวัยรุ่น มาตามถนนสายหนึ่ง ใน กทม บังเอิญขณะนั้นมี รถบรรทุก สิบล้อ คันหนึ่งจอดพักรถอยู่ริมถนน เด็กคนนั้นมองไม่เห็นเพราะเป็นเวลากลางคืนจึงขี่ลอดเข้าไปใต้ท้องรถ ปรากฏว่า รถยับเยิน ซ่อมไม่ได้ แต่เด็กวัยรุ่นนั้น ไม่เป็นอะไรเลย มีเพียง รอยช้ำ เล็กน้อยเท่านั้น ภายหลังจะทราบว่า ห้อยวัตถุมงคล ของ หลวงพ่อครึ้ม เพียงองค์เดียวเท่านั้น​

-อีกรายเป็นเด็ก นักเรียนเทคนิคกรุงเทพ บ้านอยู่แถวคลองสวน มีวันหนึ่งขณะเดินทางไปเรียน ก็เจอนักเรียนต่างวิทยาลัยที่เป็นอริกัน มาคอยดักทำร้ายอยู่ ได้ยิ่งเด็กคนนี้แต่ยิงไม่ออก เนื่องจาก ตัวเด็กคนนี้มีตะกรุดโทนของท่านติดตัวอยู่เท่านั้น​

-อีกราย เป็นตำรวจ เคยได้รับเหรียญของท่าน รุ่นแรก ติดตัวไว้ตลอด ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังขี่รถ ตรวจพื้นที่อยู่ ได้ถูกคนร้าย ใช้ปืนลูกซอง ยิงเข้าเต็มหน้าอก จนรถล้มลง คนร้ายนึกว่า ตำรวจรายนี้ตายแล้วจึงหนีไป ส่วนตำรวจที่ถูกยิงนั้น พอลุกขึ้นได้ก็สำรวจตัวเองว่าเป็นอะไรบ้าง ปรากฏว่า เสื้อขาดเป็นรอยรูกระสุน แต่ผิวหนังมีเพียงจุด แดง ๆ เท่านั้น​

-อีกรายกลุ่มวัยรุ่นบางกระเจ้า(ฝั่งสวนดงคนดุ)ไล่ยิงแลกกันกันจะๆเหมือนหนังสงครามที่งานพระสมุทรเจดีย์ กับกลุ่มวัยรุ่นวัดใหญ่เจ้าถิ่น ต่างฝ่ายต่างยิงก็ไม่ออกเลยสักนัด วัยรุ่นบางกระเจ้ามีเหรียญหลวงปู่บุศวัดบางกระเจ้านอก ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่วัดใหญ่มีเหรียญหลวงพ่อครึ้มคลองสวนปี2540​

- และยังมีเรื่อง ถูกถีบตกกะทะทอดปาท่องโก๋ ไม่เป็นอะไร(คนโดนตอนนี้ก็บวชอยู่ที่วัดครับ) ,ไล่ยิง ไล่ฟัน ตกวังกุ้ง รอด,ห้อยลูกอม ประสานงากับสิบล้อรอด ,ทหารที่ป้อมพระจุลฯ โดนยิงตกเรือ ไม่เป็นอะไร ,ถูกยิงตกสะพาน ที่หัวกระบือ ไม่เข้า , มีเรื่องกัน ถูกผลักล้มลง แล้วเหยียบอก ยิง ก็ไม่ออก คนที่ยิง คิดว่าห้อยพระเปิดเสื้อดูไม่เจอสร้อยพระ ยิงซ้ำก็ไม่ออก ยิงกรอกปากก็ยังไม่ออก แต่ยิงขึ้นฟ้าออก โมโหเลยเอาด้ามปืน ทุบเข้าที่หางคิ้วขวา ปู้ดเป็นลูกมะนาวเข้ามาหา ท่านตอนเช้า ,ของ ๆ ท่านแม้กระทั่งอิสลามที่ว่า เคร่ง ๆ แถว ๆ นี้บางคน ยังพกติดตัวครับและยังอีกหลาย ๆ เรื่องครับ​

ผู้เขียนของบอกไว้เลยว่า ถ้าท่านยังอยู่ คงไม่ได้มาเล่าอย่างนี้เพราะท่านไม่ชอบ ไม่เอาเรื่องชื่อเสียงเงินทอง และท่านไม่อยากให้ใครทำของท่านออกมาเก๊ เพราะกลัวว่า คนที่ห้อยจะไม่ได้รับพุทธคุณจากพระของท่าน ถ้าเราคิดในแง่เมตตานั้น ท่านมีสูงมาก ท่านเป็นพระที่พูดน้อย สมถะ เรียบง่ายครับ ตอนนี้ท่านเสียไป นานแล้ว วัตถุมงคลของท่านหลายปีที่ผ่านมา ก็ถูกละเลย จะพอมีประสบการณ์เข้า จึงค่อยมาแสวงหากัน จน หายาก ขึ้นทุกที ๆ ของหลัก ๆ บางอย่าง มีเงิน ก็หาไม่ได้ครับ ​

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บศิษย์หลวงพ่อครึ้มครับ
.........................................................................​

เกจิอาจารย์ยุคใหม่ ที่คงกระพันจริงๆ นอกจากหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ครูบาวัดดอนตัน หลวงพ่อกวย หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อเย่อ วัดอาษาสงคราม หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ครูบาคำ วัดดอนปิน หลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช แล้วยังมีหลวงพ่อครึ้ม วัดคลองสวนนี่แหละครับ ที่ท่านทำได้จริง เหมาะสำหรับบูชาในรถ และผู้ที่ทำงานเสี่ยงครับ
มี 2 เหรียญ บูชาเหรียญละ 220 บาท (ช่วงแนะนำ)
นิมนต์หมดแล้ว​

ศึกษาเพิ่มเติมจาก http://palungjit.org/threads/ประวัต...ล-หลวงพ่อครึ้ม-วัดคลองสวนเกือบทุกรุ่น.124137/​

 

พระรูปเหมือนหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน

หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน ชื่อนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้วครับ

องค์นี้สร้างปี 2506 ไม่ทันหลวงพ่อปลุกเสก สร้างจากผงเก่าของหลวงพ่อก่อนมรณภาพ จัดสร้าง 70 กว่าองค์ (หายากมากๆๆๆๆ)

ความสุดยอดพิเศษของพระชุดนี้คือ ด้านหลังได้อุดพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่บนหัวนอนของหลวงพ่อ พระที่วัดต้องการตัดปัญหาศิษย์แย่งกัน จึงนำมาอุดหลังองค์พระ องค์ละ 1 องค์ ซึ่งความหายากนี่ระดับมากๆ



บูชา 550 บาท มีองค์เดียวครับ