ปาฏิหาริย์กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย MOUNTAIN, 15 ธันวาคม 2005.

  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
     
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
     
  3. anko

    anko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +8,252
    สวัสดีค่ะพี่เม้า แวะเข้ามาชมภาพค่ะ ขอมาชื่นชมในพระบารมีเสด็จพ่อกรมหลวงด้วยคนค่ะ
     
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    วันนี้(อาทิตย์ 23/4/49) 8.00 น. ผมแวะไปสักการะบูชาเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ ที่หน้ากองทัพเรือกรุงเทพ พบพี่ตุ๊ มาสักการะเหมือนกัน

    พี่ตุ๊เล่าว่า หลังจากที่โดนรถเฉี่ยวชน
    จนหน้าอกบวมช้ำ ต้องรีบทำประคบ
    โดยหมอแผนโบราณ จนทุเลาขึ้น
    แต่เหนื่อยมาก เวลาไสล้อรถ
    ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน
    เป็นผลมาจากอาการช้ำในที่อก

    จึงบอกกล่าวเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรฯ
    ให้ทุกอย่างคลี่คลาย
    ได้ผลอัศจรรย์ทันตาเห็น
    แม่ของคนขับรถเฉี่ยวพี่ตุ๊ ออกค่ารักษาเบื้องต้นให้
    หนึ่งพันบาท จริงๆแล้วพี่ตุ๊ต้องการแค่ค่ารถแท็กซี่
    เดินทางไปรักษาตัวเท่านั้น
    ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้

    พอจากนั้นถัดมาอีกวัน
    อาการเหนื่อยจากการไสรถ ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
    ด้วยพระบารมีของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรฯแท้ๆ
    จึงเดินทางมากราบพระบรมรูปพระองค์ท่าน
    ที่กองทัพเรือ ถนนอิสรภาพ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD>ประวัติ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์






    [​IMG]

    พระประวัติกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    "องค์บิดาแห่งกองทัพเรือ"
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กำลังรบทางเรือของไทย มีกำเนิดมาควบคู่กับ การสร้างอาณาจักรไทย ตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่ในอดีตไม่ได้มี การแบ่งแยกเป็น กองทัพบก หรือกองทัพเรือ ดังเช่นปัจจุบัน เมื่อยาตราทัพไป ทางบก เพื่อทำสงครามก็เรียกว่า " ทัพบก " หากเมื่อยาตราทัพ ไปทางเรือ ก็เรียกว่า " ทัพเรือ " ในอดีต และปัจจุบันทหารเรือ ได้ยกย่อง พล.ร.อ. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เป็น " องค์บิดาแห่งกองทัพเรือ " ซึ่งนับเป็น การเทิดทูน พระเกียรติคุณ อย่างสูงสุด เนื่องจากพระองค์ ได้ทรงนำความ เจริญรุ่งเรือง มาสู่กองทัพเรือ และ ประเทศชาติ โดยทรงวางรากฐาน การบริหารงานของกองทัพเรือ ระเบียบวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ภายในกองทัพเรือ จนทำให้ทัพเรือไทย มีความทันสมัย มีมาตรฐาน และ เจริญก้าวหน้า ทัดเทียมกับ อารยะประเทศ มาจวบจนทุกวันนี้ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทรงมี พระนามเดิมว่า " พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ " เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 28 ใน พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 เป็นพระเจ้าลูกยาเธอองค์ที่ 1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ( วร บุนนาค ) ผู้บัญชาการทหารเรือวังหลวง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p
    </O:pพล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศักดิ์ เป็นเจ้านายพระองค์แรก ที่สำเร็จการศึกษา วิชาการทหารเรือ จากประเทศอังกฤษ พระองค์ทรงมีจุดประสงค์ อันแรงกล้าที่จะฝึก ให้ทหารเรือไทย เดินเรือทะเลได้อย่างชาวต่างประเทศ และ สามารถทำการรบ ทางเรือได้เนื่องจากในอดีต ประเทศไทย ได้ว่าจ้างชาวต่างชาติ มาเป็นผู้บังคับการเรือ มาโดยตลอด แม้แต่ในคราวที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จประพาสฯ ยุโรปครั้งแรก ก็ยังได้ว่าจ้าง " กัปตันคัมมิ่ง" และคณะนายทหาร เรืออังกฤษ เป็นผู้เดินเรือ ภายหลังจากที่พล.ร.อ. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สำเร็จการศึกษา และเข้ารับราชการ ทหารเรือแล้ว พระองค์ได้แก้ไข ปรับปรุงระเบียบการ ในโรงเรียนนายเรือ ทรงเป็นครูสอนนักเรียนนายเรือ และริเริ่มการใช้ ระบบการปกครองบังคับบัญชา ตามระเบียบ การปกครองในเรือรบ คือการแบ่งให้นักเรียนชั้นสูง บังคับบัญชารองลงมา นอกจากนี้ยังทรงจัดเพิ่ม วิชาสำคัญสำหรับชาวเรือขึ้นเพื่อให้สำเร็จการศึกษา สามารถเดินเรือ ทางไกลในทะเลน้ำลึกได้คือ วิชา ดาราศาสตร์ ตรีโกณมิติ อุทกศาสตร์ การเดินเรือเรขาคณิต พีชคณิต ฯลฯ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p
    </O:pในปี 2462 พระองค์ทรงเป็นผู้บังคับการเรือ โดยนำเรือหลวงพระร่วงจากประเทศอังกฤษ เข้ามายังกรุงเทพมหานคร นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทย เดินเรือได้ไกลข้ามทวีป ที่สำคัญพระองค์ทรงเป็นหัวเรี่ยวหัวเเรงที่สำคัญ
    <O:p</O:p
    ที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงเห็นความสำคัญ และโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชวังเดิม ให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ เมื่อ วันที่ 20 พ.ย. 2449 ทำให้กิจการทหารเรือมี รากฐานมั่นคงนับตั้งแต่บัดนั้น<O:p</O:p
    และกองทัพเรือจึงยึดถือ วันดังกล่าวของทุกปีเป็น "วันกองทัพเรือ" จากการที่พระองค์ ทรงเป็นนักยุทธศาสตร์ ที่เล็งเห็นการไกล พระองค์ได้ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานที่ดินบริเวณอำเภอสัตหีบ เพื่อสร้างเป็นฐานทัพเรือ<O:p</O:p
    เนื่องจากทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า อ่าวสัตหีบเป็นอ่าว ที่มีขนาดใหญ่ น้ำลึกเหมาะแก่การฝึกซ้อม ยิงตอร์ปิโดได้และเกาะน้อยใหญ่ ที่รายล้อมรอบสามารถบังคับคลื่นลมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเรือภายนอกเมื่อแล่นผ่าน<O:p</O:p
    พื้นที่ดังกล่าว จะไม่สามารถมองเห็นฐานทัพได้เลย นอกจากพระองค์ ทรงเป็นนักยุทธศาสตร์แล้ว ด้านการแพทย์พระองค์<O:p</O:p
    ทรงศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง และเสด็จไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ให้กับประชาชนด้วยพระองค์เอง ไม่ว่าเป็นคนไทยหรือคนจีน จนกระทั่งชาวจีนย่านสำเพ็ง มีความทราบซึ้ง ในพระกรุณาธิคุณ และได้เรียกพระองค์ท่านว่า "เตี่ย" ซึ่งหมายถึงพ่อ<O:p</O:p
    ทำให้ในเวลาต่อมาทหารเรือได้เรียกพระองค์ว่า "เสด็จเตี่ย" สำหรับในหมู่คนไข้ชาวไทย ที่พระองค์รักษานั้น มักจะเรียกขานนามพระองค์ว่า "หมอพร" <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พล.อ.ร.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงประชวร และสิ้นพระชนม์ ในขณะที่ประทับอยู่ที่หาดทรายรี ปากน้ำเมืองชุมพร เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2466 เวลา 11.40 น. ยังความโศกเศร้ามาสู่บรรดาทหารเรือยิ่งนัก<O:p</O:p<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    บันทึกของเสด็จใน<O:p</O:p
    กรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศักดิ์

    เจอบันทึกนี้ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรู้ว่า<O:p</O:p
    "กูกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักด์"<O:p</O:p
    ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า<O:p</O:p
    แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษ ได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้<O:p</O:p
    ไอ้อีมันผู้ใด คิดชั่วร้ายทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์<O:p</O:p
    ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม<O:p</O:p
    จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว<O:p</O:p
    ก่อนที่ที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม<O:p</O:p
    อันเป็นที่รักของกู<O:p</O:p
    ตราบใดที่คำว่า "อาภากร"<O:p</O:p
    ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู<O:p</O:p
    ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา<O:p</O:p
    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น<O:p</O:p
    แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข<O:p</O:p
    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    จากหนังสืออนุสรณ์พระนคร '39<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แม้นว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม<O:p</O:p
    แต่พระราชกรณียกิจและคุณงามความดีของพระองค์<O:p</O:p
    ที่ทรงมีต่อประเทศชาตินั้น ยังคงจารึกไว้ในความทรงจำ<O:p</O:p
    ของปวงชนชาวไทยอยู่อย่างมิลืมเลือน<O:p</O:p
    ความเลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยที่มีต่อพระองค์นั้น<O:p</O:p
    จะเห็นได้จากอนุสาวรีย์และศาลของพระองค์ที่มีมากมาย<O:p</O:p
    ทั่วประเทศกว่า 120 แห่ง<O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
     
  7. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,148
    ^^
     
  8. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    กรมหลวงชุมพร พบ หลวงพ่อเงิน

    พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เกียรติคุณของพระองค์ท่านไพศาลขนาดไหน เห็นจะไม่ต้องบรรยายความ พระอาจารย์ของพระองค์ยิ่งยงขนาดไหนก็เห็นจะไม่ต้องพรรณนาอีกเหมือนกัน แต่ก็อดที่จะกล่าวถึงมิได้ พระเกจิอาจารย์องค์สำคัญๆ ในอดีตนั้น ล้วนแล้วแต่ได้เคยมีความสัมพันธ์กับพระองค์ทั้งสิ้น เป็นต้นว่า หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก ธนบุรี และยังมีอีกหลายองค์ที่เสด็จ ในกรมได้เสด็จไป ทรงพบและร่ำเรียน ทางเวทมนตร์คาถา และไสยเวทย์ด้วย
    แต่โอกาสนี้จะขอกล่าวถึง "เมื่อเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จไป ทรงพบกับหลวงพ่อเงิน บางคลาน โพธิ์ทะเล จ.พิจิตร" ตามบันทึกความด้วยสมองของผู้ตามเสด็จไปในครั้งนั้น คือคนสนิทของพระองค์ที่มีชื่อว่า "นายหลิ่ม"
    ครั้นเมื่อ...กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จไปยังวัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท อยู่เสมอๆ ด้วยความศรัทธามั่นต่อหลวงพ่อศุข เกจิอาจารย์ ผู้ปราดเปรื่องเรื่องเวทมนตร์คาถาอาคมนั้น พระองค์ได้พบกับความมหัศจรรย์ทางพุทธเวทย์เป็นที่ประจักษ์แก่สายตานับครั้งไม่ถ้วน จึงยกให้หลวงพ่อศุข เป็นอาจารย์ของพระองค์ ได้รับการถ่ายทอดวิชานานัปการ อันประมาณมิได้จากหลวงพ่อเป็นถ้วนทั่ว ฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ มีปรีชาสามารถ ปรากฏตามเรื่องราวของพระองค์กับหลวงพ่อศุข ดังที่ได้เคยมีผู้รจนาไว้จำนวนมาก เป็นที่ทราบความกันดีแล้วๆ นั้น จึงมิขอกล่าวถึงอีก แต่จะกล่าวถึงครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อศุขได้ทูลเสด็จในกรมมีความว่า
    "ถ้าจะดูของดีๆ แปลกๆ นอกเหนือจากของฉันแล้ว ก็เห็นจะมีเกลอกันกับฉันอีกองค์หนึ่ง เคยศึกษามาจากอาจารย์เดียวกัน คือท่านเงิน อยู่บางคลาน โพธิ์ทะเล เมืองพิจิตร หากจะไปหาก็จงบอกว่า ฉันแนะทางมาเถิด"
    เมื่อเสด็จในกรมได้ทราบดังนั้นแล้ว จึงมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเดินทางไปยังเมืองพิจิตร เพราะพระองค์ชอบ ในการแสวงหาบรรดาเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาอาคมขลังอยู่เป็นทุนแล้ว และเมื่อสบโอกาสอันเหมาะควรแล้ว จึงได้ชวนกันกับนายหลิ่มคนสนิท เดินทางไปเมืองพิจิตรทันที
    พิจิตร สมัยนั้นเส้นทางไม่สะดวกเหมือนสมัยนี้ พิจิตรเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ซึ่งรายรอบไปด้วยป่าทึบโดยทั่วไป ระยะทางจากเมือง ไปยังหมู่บ้านรอบๆ พิจิตร กางกั้นด้วยป่าทึบบ้างป่าโปร่งบ้าง ห้วยละหานลำธารคุ้งคดเลาะลัดอยู่ทั่วๆ ไป การเดินทางจึงลำบาก ส่วนใหญ่นิยมใช้ช้างเดินทางเป็นหลัก เพราะจะต้องอาศัยความแข็งแกร่งของช้างเท่านั้น ที่จะผ่านไพรแบบนั้นไปได้
    โพธิ์ทะเล เป็นตำบลที่ห่างเมืองพิจิตรไปทางทิศใต้ใกล้เขตชุมแสง นครสวรรค์ จึงถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้เป็นส่วนใหญ่ สำหรับ บางคลาน อันเป็นที่ตั้งของวัดบางคลานก็เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำยม ชิดเขตชุมแสง ซึ่งเต็มไปด้วยป่าโปร่งพันธุ์ใหญ่ๆ เกือบทั้งสิ้น รายรอบไว้ทุกด้าน
    เสด็จในกรมฯ กับคนสนิทคือ นายหลิ่ม ใช้ช้างเป็นพาหนะเดินทางจากเมืองนครสวรรค์ ขึ้นไปในฤดูแล้งของปีหนึ่ง ผ่านออกไปทางป่าทึบเมืองชุมแสง ลัดเลาะไปปากเกยชัยแหล่งชุกชุมด้วยจระเข้ ป่าเปลี่ยว เข้าเขตป่าลึกของชุมแสง
    ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ วันหนึ่งตอนพระอาทิตย์กำลังพลบค่ำ และถึงเวลาพักช้าง เสด็จกรมหลวงฯ และนายหลิ่มได้ทำเลค้างแรมได้แล้วจึงเตรียมจะจัดทำอาหารนั้นเอง
    ก็ปรากฏร่างชายแก่ในชุดห่มขาว แต่คล่ำไปด้วย ความเก่าและขาดวิ่น หนวดเครายาวรุงรังนั่งสงบนิ่ง อยู่ในซุ้มไม้ใกล้กันนั้น
    ดวงตาหลับสนิท ริมฝีปากขมุบขมิบ บริกรรมพระเวทอยู่ตลอดเวลา เสด็จในกรม จึงตรงเข้าไปหา พร้อมกับนายหลิ่มคนสนิท ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ซุ้มไม้ อันร่มครึ้มนั้นชายแก่ก็ลืมตาขึ้น
    เสด็จในกรม ทราบได้ดีว่าเป็นผู้ทรงศีล จึงทำความเคารพและ ถามว่าเป็นใคร ก็ได้รับคำตอบว่าชื่อ เหมือน เที่ยวหาความสงบอยู่ตามป่าเขตนี้ เพื่อบำเพ็ญสมาธิ หลบหนีจากผู้คนหาความวิเวกอยู่ตามลำพัง
    หลังจากสนทนากันจนเป็นที่พอใจแล้ว นายหลิ่ม จึงชวนเสด็จในกรมให้กลับไปจัดการเรื่องที่พักและอาหารเสียก่อน สักครู่ เสด็จในกรมได้หันไปมองทางชายแก่นั้น น่าประหลาดใจ ไม่พบชายแก่ชื่อเหมือนคนนั้นเสียแล้ว จึงให้นายหลิ่มเดินตามหาในละแวกนั้นก็ไม่พบ เป็นที่แปลกมากในเวลาเพียงไม่นานนักที่ชายแก่ขนาดนั้น จะหลบเร้นหายไปได้อย่างรวดเร็ว นับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์โดยแท้
    ลัดเลาะตามไพรทึบ จนถึงชายฝั่งแม่น้ำยม คนนำทางพาเลียบชายฝั่งแม่น้ำยมขึ้นไปทางเหนือ ฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำยมขอดแห้ง สักครู่ก็พบวัดเก่าแก่อยู่ฝั่งตรงข้าม คนนำทางบอกว่า นั่นคือ วัดบางคลาน ที่ต้องการมาพบ หลวงพ่อเงิน
    เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ได้ข้ามแม่น้ำยม ซึ่งมีน้ำไม่มากนัก ช้างเดินข้ามสบาย สอบถามหา หลวงพ่อเงิน ได้ความว่า ออกป่าไปได้สองวันแล้ว ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อใด บางทีก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ บางทีก็เจ็ดวัน พระในวัดรูปหนึ่งได้บอกกับเสด็จในกรมว่า ก่อนหน้าที่หลวงพ่อเงินจะออกไปป่าได้พูดเปรยขึ้นกับพระหลายรูปว่า
    "อีกสองวันจะมีคนดี เขามาหาฉัน เห็นทีจะอยู่ไม่ได้แน่ ต้องออกป่าสักพัก" แล้วท่านก็ออกป่าในเย็นวันนั้น
    เสด็จในกรมทรงแปลกพระทัยมาก ครั้นจะคอยอยู่ก็เกรงว่าจะไม่พบ และไม่ทราบว่านานเท่าใดหลวงพ่อจึงจะออกจากป่า จึงตัดสินพระทัยคอยอยู่สองคืน แล้วจึงกลับไปยังนครสวรรค์
    ขณะเดินมาถึงกลางทาง ได้พบกับชายแก่ที่ชื่อเหมือนอีก เสด็จในกรมอยู่บนหลังช้างได้เห็น ชายแก่ผู้นั้นเดินอยู่กลางทุ่งหญ้าไกลๆ จำได้ถนัด เพราะหลังคุ้มและใส่ชุดขาวเก่าคร่ำคร่าขาดวิ่น จึงเร่งช้างให้เข้าไปใกล้โดยเร็ว และทันใดนั้นเอง ชายแก่ก็ลับหายไปในทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เสด็จในกรมจะนั่งช้าง เดินหาจนทั่วบริเวณก็หาพบไม่ ได้ทอดพระทัยและตรัสกับนายหลิ่มว่า เป็นเรื่องแปลกเหลือเกิน มาพิจิตรคราวนี้ต้องการ พบใครก็ไม่พบ
    เสด็จในกรมพักอยู่ที่นครสวรรค์ได้ ๑๐ วัน ตั้งใจจะกลับกรุงเทพฯ แต่ลังเลพระทัย จึงชวนนายหลิ่มว่า ลองขึ้นไปพิจิตรใหม่อีกครั้ง ก่อนออกเดินทางเสด็จในกรมให้นายหลิ่มหาซื้อ เสื้อคอจีนหนึ่งตัว ไม้คานหนึ่งอัน กางเกงจีนหนึ่งตัว สาแหรกและเข่งสองชุด หมวกกุ้ยเล้ยหนึ่งใบ แล้วจึงออกเดินทางด้วยช้างกับคนนำทาง ตรงไป วัดบางคลาน อีกครั้งหนึ่ง
    ระหว่างทางได้ไปพบ จระเข้เผือกขนาดใหญ่ นอนขวางลำน้ำอยู่ที่ปากเกยชัย เสด็จในกรมให้นายหลิ่มเอาขันตักน้ำมาทำน้ำมนต์ แล้วทรงปลุกเสกร่ายพระเวทย์บริกรรมทำน้ำมนต์อยู่เป็นเวลานาน แล้วเทน้ำมนต์ลงไปในน้ำ ซึ่งจระเข้นอนขวางทางอยู่ ทันทีที่น้ำมนต์เทออกจากขัน กระทบผิวน้ำ จระเข้เผือก ที่นอนสงบนิ่งอยู่ ก็ฟาดหางไปมา แล้วดำน้ำหายไปทันที เหลือแต่พรายน้ำวนเป็นวงกลมอยู่เบื้องหน้าเสด็จในกรม
    จากนั้นเสด็จในกรม จึงได้เดินทางต่อไป จนลุถึงริมฝั่งแม่น้ำยม ขณะนั่งพักช้างปล่อยช้างกินหญ้ากินน้ำอยู่นั่นเอง ก็เหลือบไปที่โคนต้นไม้ใหญ่ ใกล้กันนั้นเห็นชายแก่ชื่อเหมือนที่พบกันครั้งก่อนนั่งหลับตาสงบนิ่งอยู่ เสด็จในกรมจึงรีบตรงเข้าไปแสดงความเคารพ
    ผู้เฒ่าเหมือนลืมตาขึ้น แล้วบอกว่า "พรุ่งนี้เข้าไปหาท่านจึงจะพบ"
    เสด็จในกรมนั่งฟังโดยไม่ได้กล่าวอะไร ผู้เฒ่าเหมือนก็เอ่ยขึ้นอีกว่า "หลวงพ่อท่านไม่ชอบเจ้าชอบนาย"
    เสด็จในกรมนั่งเงียบฟังเฉยอยู่ ผู้เฒ่าเหมือนได้ล้วงลงไปในย่าม แล้วหยิบแหวนทองเหลืองออกมาจากย่าม แล้วส่งให้เสด็จในกรมแล้วพูดว่า
    "เก็บไว้ให้จงดี ฉันทำเตรียมไว้แต่ครั้งก่อน แต่ยังเป็นยามไม่เหมาะ จึงให้ไม่ได้"
    เสด็จในกรมรับแหวนจากมือผู้เฒ่า แล้วก้มลงพิจารณาแหวนนั้น เป็นแหวนทองเหลืองอมดำออกสีคล้ำๆ ตรงกลางแหวนมีเหล็กแร่สีดำ เป็นมันฝังอยู่เม็ดเล็กๆ หนึ่งเม็ด แล้วมีอักขระขอมลงด้วยเหล็กจารรอบๆ วง เสด็จในกรมตรัสว่า คงจะเป็น เหล็กไหล แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองทางผู้เฒ่าเหมือน ปาฏิหาริย์ ผู้เฒ่าเหมือนหายไปจากตรงนั้นแล้ว รวดเร็วอย่างไม่คาดฝัน เสด็จในกรมถึงกับอุทานออกมา แล้วหันมามองทางนายหลิ่ม ซึ่งนั่งอ้าปากค้างอยู่
    เลียบฝั่งแม่น้ำยม อันแห้งขอดขึ้นไปทางเหนือเหมือนครั้งที่แล้ว มุ่งหน้าตรงเข้า วัดบางคลาน ทันที พบพระอยู่หน้าวัด เสด็จในกรมถามว่า หลวงพ่ออยู่หรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า อยู่ที่กุฏิพลางชี้มือไปที่กุฏิ เสด็จในกรมจึงมุ่งหน้าตรงไปที่กุฏิทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ไม่มีหลวงพ่อเงินบนกุฏิ ไม่มีหลวงพ่อเงินในบริเวณวัด พระเณรช่วยกันหาเป็นเวลานานก็ไม่พบหลวงพ่อ
    เสด็จในกรมนั่งคอยอยู่ที่กุฏิ จนเย็นเห็นว่าไม่พบแน่ จึงสั่งคนนำทางและนายหลิ่มให้เดินทางกลับในวันนั้น ข้ามแม่น้ำยมมายังฝั่งชุมแสง พักแรมอยู่ในละเมาะไม้ใกล้ชายฝั่ง แล้วตรัสกับนายหลิ่มว่า "พรุ่งนี้เช้ากลับแน่ พักนครสวรรค์สักสองคืนแล้วเข้ากรุง"
    เช้าวันรุ่งขึ้นในตอนสาย เสด็จในกรมถามหาสิ่งของที่ให้นายหลิ่มซื้อมาจากนครสวรรค์ เมื่อได้ของครบแล้ว บอกให้นายหลิ่มไปคอยที่ริมฝั่งแม่น้ำ แล้วเสด็จในกรมหายเข้าไปในป่าสักครู่ ก็ออกมาที่ริมฝั่งแม่น้ำยม ฝั่งตรงข้ามหน้าวัดในชุดชาวจีนหาบของสวมหมวกกุ้ยเล้ย บอกให้นายหลิ่มเดินตามหลังไปห่างๆ แล้วเสด็จข้ามแม่น้ำยม มุ่งไปยังวัดบางคลานทันที ถึงศาลาหน้าวัดเห็นพระแก่รูปร่างใหญ่โต ลักษณะท่าทางน่าจะเป็น หลวงพ่อเงิน นั่งหันหลังออกมาฝั่งที่ขึ้นไป ตัดสินพระทัยแน่นอนว่า ต้องเป็น หลวงพ่อเงิน แน่ จึงรีบวางหาบของแล้ววิ่งเข้าไปทางข้างหลัง เมื่อถึงจึงโอบมือรัดเอวเอาไว้แน่น พลางตรัสขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
    "ได้หลวงพ่อแล้ว ได้หลวงพ่อแล้ว"
    หลวงพ่อหันหน้ามามอง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังเช่นกันว่า
    "เสียท่าเขาแล้ว เสียท่าเขาเข้าแล้ว"
    เสด็จในกรมก้มเข้ากราบหลวงพ่อเงิน พอเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อเงินได้พูดว่า
    "วันนี้เป็นยามดี ที่เราจะได้พบกับลูกศิษย์ท่านศุข นี่พยายามดีเหลือเกิน"
    จากนั้นหลวงพ่อเงินได้เดินนำเสด็จในกรมขึ้นไปบนกุฏิ เมื่อถึงบนกุฏิได้นั่งสนทนาถามถึงทุกข์สุขของหลวงพ่อศุขว่าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่พอสมควร หลวงพ่อเงินก็เอ่ยขึ้นกับเสด็จในกรมว่า
    "คอยสักครู่เถอะ ฉันจะสรงน้ำก่อน"
    หลวงพ่อเงินพูดแล้วลุกขึ้นจากที่นั่งเดินหายเข้าไปในกุฏิ เป็นเวลาไม่กี่อึดใจ ก็ปรากฏเสียงดัง "กริ๊ก กริ๊กๆๆ" ขึ้นที่กาน้ำซึ่งวางอยู่ข้างเสากลางกุฏิ ทั้งเสด็จในกรมและนายหลิ่มหันไปที่กาน้ำนั้นทันที เสียง "กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก" ยังดังอยู่ต่อไป ทำความแปลกใจให้เสด็จในกรมอย่างยิ่ง จึงอดทนต่อความสงสัยต่อไปไม่ได้ ตรงเข้าไปที่กาน้ำนั้นทันที พลางเปิดฝาออกดูว่ามีสิ่งใดอยู่ภายใน ทันทีที่เสด็จในกรมเปิดฝาออกก็ถึงกับพรึงเพริดพระทัยแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ร้องเรียกว่า
    "ไอ้หลิ่มมาดูอะไรนี่ซิ" นายหลิ่มรีบตรงเข้าไปก้มมองดูในกา ถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ถูก เพราะว่าภาพที่ปรากฏในกาน้ำใบนั้นคือ
    ร่างของหลวงพ่อเงินขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย มือกำลังสรงน้ำถูเนื้อถูตัวอยู่อย่างขะมักเขม้น น้ำในกากระเพื่อมไปมา จนกระฉอกกระเด็นออกมานอกกาน้ำ
    เสด็จในกรมค่อยๆ ปิดฝากาลงอย่างฉงนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พลางตรัสกับนายหลิ่มว่า
    "ไม่เสียเที่ยวที่มาเมืองพิจิตร หลวงพ่อท่านพูดไว้ถูกทีเดียวว่า จะได้ดูของแปลกๆ นอกเหนือจากท่านก็ให้มาที่นี่"
     
  9. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
     
  10. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    [​IMG]
    วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5647​

    เสด็จเตี่ย


    คอลัมน์ คอลัมน์ที่13

    กรณีที่คนร้ายขโมยพระรูปหล่อกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ"เสด็จเตี่ย" จากศาลหน้าภัตตาคารเรือนทะเลบางเสร่ ที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วนำไปฝากเซียนพระขายไป แต่กลับได้คืนทันทีภายในวันเดียวนั้น

    เป็นเรื่องที่ชาวบ้านย่านนั้นกล่าวขวัญกันยกใหญ่

    เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมี.ค. คนร้ายมาทุบตู้บริจาคที่ศาลแห่งนี้ขโมยเงินไป

    ไม่นานก็ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนเสียชีวิต

    กิตติศัพท์ของ"เสด็จเตี่ย"ยิ่งขจรขจาย

    เสด็จเตี่ยคือชื่อเรียกที่บรรดาทหารเรือเรียก พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ด้วยความเคารพรัก

    ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาโหมด ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2423 ทรงพระนามเดิมว่าพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์

    ชันษา 13 ปี สมเด็จพระบรมชนกนารถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาที่ประเทศอังกฤษ ทรงเลือกศึกษาวิชาการทหารเรือ

    นับเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ศึกษาวิชาการทหารเรือในต่างประเทศ

    พ.ศ.2443 ทรงเข้าศึกษาวิชาเดินเรือและการนำร่องที่วิทยาลัยนายเรือกรีนิซ เมื่อสำเร็จการศึกษา เสด็จกลับมาได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศเป็นนายเรือโท (เทียบเท่านาวาตรีในปัจจุบัน)

    พ.ศ.2443 ทรงรับราชการในกรมทหารเรือ สมเด็จพระบรมชนกนารถทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณพระราชวังเดิม ฝั่งธนบุรี เป็นโรงเรียนนายเรือ เสด็จในกรมฯ จึงทรงปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาใหม่ทั้งหมด

    ทรงนำคณะนักเรียนไป "อวดธง" ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทยว่าเป็นประเทศเอกราช

    และยังทรงเปลี่ยนสีเรือรบไทยจากสีขาวเป็นสีหมอกตามแบบเรือรบอังกฤษ จนกลายเป็นแบบอย่างมาจนทุกวันนี้

    พ.ศ.2465 กราบบังคมทูลขอพระราชทานที่ดินที่สัตหีบ เพื่อจะสร้างฐานทัพเรือในภายหลัง

    ตำแหน่งสุดท้ายทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ที่ต.ทรายรี จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2466 พระชันษา 44 ปี

    กองทัพเรือยึดถือพระองค์เป็นพระบิดาของทหารเรือไทย

    มิใช่เฉพาะแต่พระเกียรติคุณในราชการ

    ชาวบ้านทั่วไปยังรู้จักพระองค์ในฐานะ "นักเลง" ผู้มีวิชาดี ทั้งไสยศาสตร์-ในฐานะลูกศิษย์ของพระอาจารย์ชื่อดังหลายองค์ในยุคนั้น

    และในฐานะหมอชาวบ้านชื่อว่า "หมอพร" ที่ออกรักษาโรคให้คนทั่วไป

    ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์จึงกระจายหลายแห่งทั่วประเทศ แต่ที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนั้นมีอยู่ 3 แห่งคือ

    บริเวณหาดทรายรี ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่มีเรือตอร์ปิโดขนาดใหญ่ คือเรือรบหลวงชุมพร จอดตั้งบนบกเคียงคู่

    ที่กองบังคับการฐานทัพเรือสัตหีบ กระโจมไฟชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ยอดเขาแหลมปู่เจ้า

    และที่บริเวณฐานทัพเรือกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี

    ซึ่งแต่ละแห่งมีการทำพิธีบวงสรวงเป็นประจำทุกปี

    ขณะที่จังหวัดตามชายทะเลอื่นๆ ก็มักจะมีศาลเสด็จเตี่ยทั้งสิ้น เช่น จ.ภูเก็ต จ.ตราด จ.ระยอง แม้จังหวัดอื่นๆ เช่น กรุงเทพฯ ก็มีหลายแห่ง เช่น ที่สวนลุมไนท์บาซาร์ ตรงหัวมุมถนนวิทยุ, ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล, วัดโพธิ์, ร.พ.รามา, พณิชยการพระนคร ย่านนางเลิ้ง

    สำหรับการสักการะนั้นส่วนมากจะบนโดยการจุดธูป 19 ดอก และกุหลาบแดง และวิธีบนแก้บน แก้ตามคำกล่าว หรือถวายกุหลาบแดง ประทัด หมากพลู ผลไม้

    ผู้ที่ให้ความเคารพนับถือศาลกรมหลวงชุมพรฯ เพราะเชื่อกันว่าท่านจะช่วยคุ้มครองดูแลผู้ที่เดินเรือและออกทะเล

    รวมถึงปกปักรักษาผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งและที่ตั้งของศาลให้พ้นภยันตรายต่างๆ
     
  12. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    วันที่ 19-21 พ.ค.2549 ฐานทัพเรือกรุงเทพ วังนันทอุทธยาน ถนนอิสรภาพ
    จัดงานเทอดพระเกียรติ เนื่องในวันอาภากร วันที่ 19/5/49 มีพิธีวางพวงมาลา ในตอนเช้า

    ผมได้จัดทำภาพเสด็จเตี่ยขนาดห้อยคอ สายสินจน์หลวงพ่อเกษม เขมโก และแก่นหินพระธาตุสีเลือด รวม 200 ชุด เหรียญย้อนยุค นปข จำนวน 200 เหรียญ เพื่อนำไปแจกให้กับผู้ที่ไปร่วมงาน ไม่เกิน 2 วัน ก็หมดครับ ใครมีเวลาขอชวนเชิญไปสักการะพระองค์ท่าน นะครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    กรณีที่คนร้ายขโมยพระรูปหล่อกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ"เสด็จเตี่ย" จากศาลหน้าภัตตาคารเรือนทะเลบางเสร่ ที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วนำไปฝากเซียนพระขายไป แต่กลับได้คืนทันทีภายในวันเดียวนั้น

    เป็นเรื่องที่ชาวบ้านย่านนั้นกล่าวขวัญกันยกใหญ่

    เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมี.ค. คนร้ายมาทุบตู้บริจาคที่ศาลแห่งนี้ขโมยเงินไป

    ไม่นานก็ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนเสียชีวิต

    กิตติศัพท์ของ"เสด็จเตี่ย"ยิ่งขจรขจาย

    เสด็จเตี่ยคือชื่อเรียกที่บรรดาทหารเรือเรียก พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ด้วยความเคารพรัก

    ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาโหมด ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2423 ทรงพระนามเดิมว่าพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์

    ชันษา 13 ปี สมเด็จพระบรมชนกนารถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาที่ประเทศอังกฤษ ทรงเลือกศึกษาวิชาการทหารเรือ

    นับเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ศึกษาวิชาการทหารเรือในต่างประเทศ

    พ.ศ.2443 ทรงเข้าศึกษาวิชาเดินเรือและการนำร่องที่วิทยาลัยนายเรือกรีนิซ เมื่อสำเร็จการศึกษา เสด็จกลับมาได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศเป็นนายเรือโท (เทียบเท่านาวาตรีในปัจจุบัน)

    พ.ศ.2443 ทรงรับราชการในกรมทหารเรือ สมเด็จพระบรมชนกนารถทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณพระราชวังเดิม ฝั่งธนบุรี เป็นโรงเรียนนายเรือ เสด็จในกรมฯ จึงทรงปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาใหม่ทั้งหมด

    ทรงนำคณะนักเรียนไป "อวดธง" ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทยว่าเป็นประเทศเอกราช

    และยังทรงเปลี่ยนสีเรือรบไทยจากสีขาวเป็นสีหมอกตามแบบเรือรบอังกฤษ จนกลายเป็นแบบอย่างมาจนทุกวันนี้

    พ.ศ.2465 กราบบังคมทูลขอพระราชทานที่ดินที่สัตหีบ เพื่อจะสร้างฐานทัพเรือในภายหลัง

    ตำแหน่งสุดท้ายทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ที่ต.ทรายรี จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2466 พระชันษา 44 ปี

    กองทัพเรือยึดถือพระองค์เป็นพระบิดาของทหารเรือไทย

    มิใช่เฉพาะแต่พระเกียรติคุณในราชการ

    ชาวบ้านทั่วไปยังรู้จักพระองค์ในฐานะ "นักเลง" ผู้มีวิชาดี ทั้งไสยศาสตร์-ในฐานะลูกศิษย์ของพระอาจารย์ชื่อดังหลายองค์ในยุคนั้น

    และในฐานะหมอชาวบ้านชื่อว่า "หมอพร" ที่ออกรักษาโรคให้คนทั่วไป

    ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์จึงกระจายหลายแห่งทั่วประเทศ แต่ที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนั้นมีอยู่ 3 แห่งคือ

    บริเวณหาดทรายรี ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่มีเรือตอร์ปิโดขนาดใหญ่ คือเรือรบหลวงชุมพร จอดตั้งบนบกเคียงคู่

    ที่กองบังคับการฐานทัพเรือสัตหีบ กระโจมไฟชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ยอดเขาแหลมปู่เจ้า

    และที่บริเวณฐานทัพเรือกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี

    ซึ่งแต่ละแห่งมีการทำพิธีบวงสรวงเป็นประจำทุกปี

    ขณะที่จังหวัดตามชายทะเลอื่นๆ ก็มักจะมีศาลเสด็จเตี่ยทั้งสิ้น เช่น จ.ภูเก็ต จ.ตราด จ.ระยอง แม้จังหวัดอื่นๆ เช่น กรุงเทพฯ ก็มีหลายแห่ง เช่น ที่สวนลุมไนท์บาซาร์ ตรงหัวมุมถนนวิทยุ, ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล, วัดโพธิ์, ร.พ.รามา, พณิชยการพระนคร ย่านนางเลิ้ง

    สำหรับการสักการะนั้นส่วนมากจะบนโดยการจุดธูป 19 ดอก และกุหลาบแดง และวิธีบนแก้บน แก้ตามคำกล่าว หรือถวายกุหลาบแดง ประทัด หมากพลู ผลไม้

    ผู้ที่ให้ความเคารพนับถือศาลกรมหลวงชุมพรฯ เพราะเชื่อกันว่าท่านจะช่วยคุ้มครองดูแลผู้ที่เดินเรือและออกทะเล

    รวมถึงปกปักรักษาผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งและที่ตั้งของศาลให้พ้นภยันตรายต่างๆ
     
  14. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    รูปหล่อเหมือนปี 36 สร้างด้วยปลอกกระสุนที่ใช้ยิงต่อสู้กับข้าศึกด้านชายแดนจันทบุรีและตราด ปลุกเสกที่วัดหลวงพ่ออี๋ โดยมีหลวงพ่อที่ทรงวิทยาคมจำนวนมาก เช่นหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ดีทางแคล้วคลาด มีคนลองยิงด้วย 11 มม.ไม่ออก
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    วันนี้(19/5/49) เป็นวันอาภากร วันคล้ายวันสวรรคตของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร มีการจัดงานขึ้นในวันที่ 19-21/5/49 ณ ฐานทัพเรือกรุงเทพ บริเวณลานพระอนุสาวรีย์ เริ่มวางพวงมาลา ในวันที่ 19/5/49 เวลา 7.30 น. ท่าน ผบ.ทร.เป็นประธานในพิธี

    มีภาพมาฝากครับ

    [​IMG]บรรยากาศตอนเช้า เวลาประมาณ 6.30 น.

    [​IMG]บริเวณพิธี

    [​IMG]เต๊นท์นิทรรศการ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
     
  18. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  19. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  20. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]อินทรธนู ของเสด็จเตี่ย นำมาโชว์ที่เต๊นท์นิทรรศการ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]อุปกรณ์บดยา สมัยเป็นหมอพร
     

แชร์หน้านี้

Loading...