ทริปเข้าพรรษา ภูทอก-วัดเจติยาศีรีวิหาร จ.หนองคาย

เราขึ้นไปบนศาลาทันถวายกฐินของกลุ่มบุญกลุ่มใหญ่
เลยได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย แล้วต่อยอดด้วยการเอาแผ่นทองเหลือง
มาให้คนในกลุ่มช่วยอธิษฐานจิตในการสร้างพระเจ้าองค์แสน
เขียนกันได้เพียงไม่กี่คน เพราะกลุ่มนี้ต้องรีบเดินทางกันไปอีกหลายวัด


มีผู้ร่วมทำบุญในการสร้างพระเจ้าองค์แสนมาอีก ๔๔๐ บาท




จากนั้นเราได้ร่วมถวายสังฆทานกับหลวงตาแยง เจ้าอาวาส
มีธูป เทียน ไฟแช๊ก ยา
หมวกไหมพรมจากตู้ปณ.๔๕
หนังสือเพชรประกายพรึก
พระบรมสารีริกธาตุ
เหรียญทำน้ำมนต์
และปัจจัย



และหลวงตาแยงเมตตาจารแผ่นทองเหลืองร่วมสร้างพระเจ้าองค์แสนด้วย

 

หลังจากนั้นเราก็ขออนุญาติหลวงตา ขออยู่ปฏิบัติภาวนาที่วัด






หลวงตาก็เมตตาให้คนนำเราไปพักที่ บ้านพักโยม ๒ ชั้นล่าง





ภายในประกอบไปด้วยห้องนอนแยกไว้ 3 ห้อง
มีห้องโถงรวมใหญ่อีก 1 ห้อง มีห้องน้ำ 2 ห้อง
ซึ่งกะประมาณแล้วสามารถจุคนได้ราว 30 คน





เราเอาสัมภาระมาเก็บแล้วตกลงกันว่าจะไปกราบขอความเมตตา
หลวงตาอีกครั้ง เพื่อจะขึ้นไปปฏิบัติกันบนภูทอก
เราเตรียมถุงนอนและของใช้จำเป็น เดินไปที่กุฏิหลวงตา

 

เมื่อหลวงตาบอกว่า "ไปโลด"
เราก็เลยขึ้นภูทอกทางด้านกุฏิหลวงตา




เราเดินผ่านศาลาที่ประดิษฐานพระนาคปรก




ตามทางเป็นต้นไม้ครึ้ม ไม้ยืนต้น และต้นไผ่ ขึ้นอยู่เป็นระยะ




มีลานหินกว้างๆ



รวมถึงลานหินลักษณะแปลกๆ ที่แผ่นหินดูเหมือนเป็นเกล็ดซ้อนกันไปมา




เราเดินมาจนถึงทางขึ้นชั้นที่ ๑




เราขึ้นตามบันไดไม้ไปจนถึงชั้นที่ ๒

 

จากชั้นที่ ๒ นี่เองที่เราได้พบกับน้องโน่
ซึ่งกำลังจะขึ้นภูไปตามคนมาช่วยยกเสา




ด้วยเป็นคนบอบบาง ผอมแห้งแรงน้อย แต่อยากได้บุญใหญ่




เลยร้องบอกหนุ่มๆให้ช่วยน้องโน่ยกเสาขึ้นภูหน่อย




บุญใหญ่ บุญมาก มหาบุญ




ถือได้ว่าเป็นงานนำบุญที่ยิ่งใหญ่จริงๆ




ในที่สุดเสาก็ถึงที่หมาย เก็บภาพเป็นที่ระลึกหน่อย

 

เราเดินขึ้นมาจนถึงทางแยกตรงทางขึ้นชั้น ๕
ซึ่งพี่นาคาเคยบอกว่าด้านขวาจะชันกว่าด้านซ้าย
งั้นขอทางง่ายๆ กันก่อนก็แล้วกัน ตกลงไปทางซ้าย



เดินมาสักพักเจอบันไดที่ชันมากขึ้น
แหงนหน้ามอง ชันไม่ใช่เล่น





ขอหยุดพักก่อนสักนิ๊ดละกัน







ตามก้อนหินมีมอสขึ้นเขียวเป็นพืดไปหมด


พี่หนอนปีนนำขึ้นไปก่อนเลย

 

บ่ายโมงกว่าเราขึ้นถึงถ้ำพระวิหาร



สิ่งที่สะดุดตาครั้งแรกคือคุณพี่นี่แหละ





ต่อมาจะเป็นพระประธานพร้อมพระอัครสาวกซ้ายขวา





ด้านในขวาสุดจะเป็นรูปหล่อหลวงปู่จวน





มีตู้แสดงรูปเกจิอาจารย์หลายต่อหลายท่านที่มาพำนักที่ภูทอกแห่งนี้
ตู้จะอยู่จากซ้ายมือก่อนตู้แสดงโครงกระดูก แต่ต้องขออภัยลืมเก็บภาพมา
ได้มาเพียงรูปที่ตั้งไว้กับพระเท่านั้น







มุมที่มองลงมาจากถ้ำพระวิหาร
จะเห็นสวนยาง และบึงน้ำกว้าง

 

คราวนี้เราก็ตระเวณดูตามชั้นต่างๆ เริ่มกันที่ ชั้น๕

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญ กับทุก ๆ ท่าน ด้วย ทุก ๆ ประการค่ะ
ขอบคุณ พี่ ณ. ที่ถ่ายภาพบรรยากาศ พร้อมคำบรรยาย มาฝากด้วยค่ะ
น่าไปมากมาก เลยค่ะ ,, ^.^ ,,

 

จากจุดนี้เห็นบรรยากาศสวยๆ




สะพานไม้เชื่อมต่อกับหินด้วยลิ่มเหล็กเล็กๆ



สะพานที่ยังชุ่มไปด้วยน้ำฝน



บางจุดฝนก็สาดไม่ถึง ตรงนี้ทางจะกว้างกว่าจุดอื่นหน่อย
ซึ่งทางส่วนมากจะกว้างแค่กระดานไม้ ๕ แผ่นเท่านั้น
บางจุดก็มีเพียง ๒-๓ แผ่น


แหงนมองขึ้นไปที่ชั้น ๖ อืม...

 

มุมสวยๆ สบายตา


มีกุฏิพระสร้างอยู่ตามชะง่อนหินเป็นระยะ


ผาผึ้ง






มีผึ้งมาทำรัง
รังใหญ่มาก
และมีอยู่หลายจุดด้วยกัน
บางจุดเหลือแต่เพียงรอยไขผึ้งสีเหลือง
คาดว่าคงมีคนมาตีเอาน้ำผึ้งไปแล้ว

 

ทางเข้าพุทธวิหาร


มีสะพานเล็ก เชื่อมระหว่างหินสองก้อน...






เราได้แต่มองจากด้านนอก
เพราะติดกุญแจเข้าไม่ได้...

 

ต่อกันที่ชั้น ๖


ถ้ำพญานาค








มีพระปางนาคปรกประดิษฐานอยู่ ๒ องค์
พระปางมารวิชัย ๑ องค์


ด้านหลังมีบ่อน้ำเล็กๆ ที่มีการก่ออิฐกันเป็นขอบบ่อเอาไว้
มีความเชื่อกันว่าเป็นบ่อพญานาค

 

เดินผ่านจุดนี้ไป ก็จะมีชะง่อนหิน เป็นหน้าผา


ซึ่งเป็นจุดที่น้องนิคชอบมากเป็นพิเศษ
จะว่าไปก็ชอบกันทุกคน
เป็นจุดที่รับลมดีมาก ลมเย็นพัดมาตลอด
สดชื่นมาก


มองจากหน้าผาลงไป จะเห็นเจดีย์อัฐิหลวงปู่จวน


ภูทอกใหญ่อยู่ไม่ไกลนัก


มีดอกกระเจียวสีขาวขึ้นให้เห็นเป็นระยะ


ดอกขาวๆ เป็นช่อนี่ก็น่ารักดี

 

สะพานไม้เล็กๆ ที่ไต่ไปตามผา


มองจากดงชมพูลงสู่เบื้องล่าง




ทิวทัศน์เบื้องล่างงดงาม


มองจากชะง่อนหินก็ให้อารมณ์อีกแบบ




จากจุดนี้มองเห็นพุทธวิหารอยู่ไม่ไกลนัก

 

ลงมาอยู่ที่ชั้น๕
ห้าโมงกว่าหมอกเริ่มโรยตัวลงมา






หมอกหนาขึ้นทุกขณะ








แต่ก็ได้บรรยากาศที่สวยไปอีกแบบ

 

สองทุ่มกว่าพวกเราร่วมทำวัตรเย็นกับหลวงเตี่ยช้าง(เรียกตามแม่ขาวตูน)
และพระอีกหลายรูป ต่อด้วยนั่งสมาธิ
จบวันนี้ด้วยการนอนเรียงกันเป็นตับ
อยู่หน้าพระประธาน

 

เช้าวันที่ ๖ หกโมงกว่า เราพากันเดินลงจากภู
พร้อมกับสายฝนที่ยังไม่หยุดเม็ด
แน่นอนว่าเสื้อกันฝนเป็นผู้ช่วยสำคัญมากสำหรับทริปนี้

เสร็จจากการจัดการกับภาระกิจส่วนตัวแล้ว
เราไปร่วมอนุโมทนาบุญกับคนที่มาร่วมทำบุญบนศาลา
และเรายังได้ร่วมทำบุญกฐินก่อนอาหารมื้อเช้าอีกด้วย




อาหารมื้อแรกของพวกเราที่ภูทอก


จากนั้นพวกเราก็ไปต่อกันที่บ่อปลา
เอาข้าวเหนียวที่เหลือไปเลี้ยงปลา




มีเจ้าน้องหมาซึ่งพี่ลีตั้งชื่อให้ว่าดิ๊คกี้ มาร่วมกินข้าวเหนียวด้วย

 

ว๊าววววว .... ภาพเซ็ทนี้ บรรยากาศได้ใจดีมากกกกก ,,, ชอบจังเลยย ค่ะ

 

จากนั้นเราขึ้นไปกราบอัฐิหลวงปู่จวนบนเจดีย์


เจดีย์ตั้งอยู่โดดเด่นเห็นได้อย่างชัดเจน


ประตูมองจากด้านนอก


ประตูมองจากด้านใน เป็นไม้แกะสลักสวยงาม


ภายในมีรูปหล่อหลวงปู่ฯ ในลักษณะยืนถือไม้เท้า

 

มีการจัดแสดงประวัติหลวงปู่ฯ












มีอัฐิของหลวงปู่ฯ ที่เป็นพระธาตุจัดแสดงไว้ด้านหน้ารูปหล่อ