สุดท้ายก็มีคนว่าเราบ้าอีกเหมือนเดิม

สันโดษจะบอกให้นะ ที่พวกคุณเถียงกันเรื่อง ดูจิต กับมนุษย์ด้วยกันเอง

สันโดษ ดูจิต เเละ ทะเลาะกับตัวเอง สันโดษไม่มีเวลา ยุ่งกับชาวบ้าน

เเค่ เข้าไปในลิฟท์ สันโดษ ก็เเทบตายเเล้ว เพราะ คลื่นอิเล็คตรอนรอบๆ ตัวมนุษย์มีเเต่ลบ

สันโดษเข้าใจเเล้วว่า ทำไมสันโดษ ถึงอยู่ในที่ มนุษย์อยู่ไม่ได้

เพราะ คลื่นพลังงานลบ มันกระจายอยู่ในอากาศ เเละ เข้ามากระทบกายของสันโดษ

เพราะจิตสันโดษว่าง ทุกอย่างก็ไหลเข้ามา คนไหนที่คิดเเง่ลบสันโดษยิ่งอยู่ใกล้ไม่ได้

มนุษย์ทุกคน คือ จักรวาล เเละดึงดูดทุกอย่างเข้าหาตัวเองทั้งสิ้น

พวกคุณเองก็ ยังไม่รู้เลย ว่า โดยจิตจูงจมูกอยู่ พวกคุณถึงคิดโจมตีผู้อื่น

เเทนที่จะเอาเวลาโจมตีผู้อื่น สั่งสอนตัวเอง

จิตพวกคุณ อย่าว่าเเต่ติดต่อกับสิ่งศักดิสิทธิ์ได้เลย เเม้เเต่จิตตัวเองก็ยังไม่เคยอยู่ในตัว

มองออกไปหาชาวบ้าน กระทู้นี้ก็ไม่ได้คิดว่า จะให้ใครมาให้กำลังใจ

เเต่เเค่อยากบ่นพวกคุณก็ทนไม่ได้อีก ต้อง มาสอนมาสั่ง มาพูด เพื่ออะไร?

เพื่อให้จิตสงบ เพราะจิตมันร้อน มันอยากระบาย จึงเขียนเป็นข้อความต่างๆ

เเต่พวกคุณรู้ไหมว่า พวกคุณ คุยกับสันโดษ เเต่ สันโดษ เเละ เพื่อนๆ พวกเรา ใช้โทรจิต

พวกเรา คุยกับวิญญาณ ประจำ น้องๆไปเรียนกลับมาวิญญาณเเฝงร่าง สันโดษเรียกมาคุยกัน

น้องก็ ถูกวิญญาณสิง สันโดษ ก็ช่วยน้องๆ ประจำ พวกคุณทำอะไรได้มั้ง?

อย่างเมื่อคืน สอนให้ดูจิต ไป มีน้องคนนึง

พิมพ์ข้อความว่า "ผมมาจากสหพันธรัฐจักรวาล"

อีกข้อความว่า "ผมต้องการติดต่อกับคุณ"

สันโดษก็บอกน้องไปว่า ดูจิตไป นั้นล่ะ คลื่นที่เข้ามา เเต่ไม่ใช่เรา พวกเรา คือ สติ มีหน้าที่ในการดูจิต

ไม่ใช่ควบคุมจิต จิตมีนิสัยของความรักตัวกลัวกลัวตาย

มันไม่ยอมหรอกที่จะได้หายไป ไร้ตัวตน

จิตทุกดวงล้วนอยากอยู่ในร่างนานๆทั้งนั้น

แต่มันไม่ใช่ จิต ต้อง เกิดเเละดับ

เมื่อไร ที่เป็น อัตตา นั้น คือ การติดอยู่ในภพมนุษย์นั้นเอง

พวกเราไม่เคยเป็นจิต เเต่ จิตควบคุมพวกเราเสมอ ตั้งเเต่เกิดจนโต

ทุกคนในห้องเเชตเข้าใจเเล้วว่า ความคิดมันเป็น คลื่นความคิดของ อีเล็คตรอนจริง

เพราะน้องคนนี้ มีสติรับรู้ทุกประการ เเต่สันโดษ บอกว่า ปล่อยกาย

อยากพิมพ์อะไร ก็ให้พิมพ์ไปเลย เพื่อที่น้องจะได้หลุดพ้นจากการถูกจิตควบคุม

เพียงเเต่มนุษย์ส่วนมากจิตหยาบไม่ว่างไม่โล่งจริง

จึงไม่สามารถสื่อผ่านกับสิ่งที่ละเอียดได้นั้นเอง

 

;dencee :z7 oishi_

 

....ปุ่มอนุโมทนาหายอีกแล้ว....เลยต้องเขียน อนุโมทนา ไว้ ณ ที่นี้

สำหรับผมเอง....รู้มาว่า...คนไม่ปกติย่อมรับได้ ถึง พลังบวกและลบ... คนกลุ่มเดียวกัน รับพลังแล้วย่อมจะมีความสุข...คนต่างกลุ่มกัน รับพลังแล้ว มีแต่เรื่องยุ่งๆ...ไม่สงบ

... แต่ที่ย่ำแย่กว่านั้น คือ คนที่ ไม่สามารถ จำแนกชนิดของพลังที่เข้ามาสู่ตนเองได้...เวลาที่เหลือ จึงควรให้ความสำคัญกับ เรื่องของตนเอง...จะได้ไม่หลงทาง และ ตกเป็นเครื่องมือ ของ เจ้าของพลัง...

คำพระท่านจึงสอนให้ เราไม่พึงเพ่งโทษ ของ ผู้อื่น...เพ่งตนเองดีกว่า..แต่ยังคงแสวงหา แลก เปลี่ยน ความรู้กันได้...แสวงหาพลังและความรู้จากภายในตน น่าจะปลอดภัยที่สุดนะ...ขออภัย หากข้อความนี้ จะไป ขัดผลประโยชน์ ของใคร...แค่ แลกเปลี่ยนความรู้

 

เริ่มเข้าใจพลังงานด้านลบแล้วที่ทำให้เราดีดตัวออกไป บางครั้งอยู่กับคนบางกลุ่มแล้วรู้สึกอึดอัด แต่อยู่กับคนอีกบางกลุ่มแล้วรู้สึกสบาย มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
อยากแชทกับพี่สันโดษจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

 

พวกเรา ไม่คิดจริง เพราะเรารู้ว่า จิตมันควบคุมพวกเรา จิตไม่สะอาดทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเทพ จะมาร หรือ มนุษย์ต่างดาว ล้วน ควบคุมความคิด

จิตสงสัย ก็ คือ จิตที่โหยหิวความรู้ อยากรู้ อยากสงสัย อยากขัดเเย้ง

พูดง่ายๆ ก็ คือ จิตมันไม่ยอมหยุดคิด เพราะมันอยากเเตกไม่จบสิ้น

คนบางคนถึงเป็นไมเกรนเพราะจิตเเตก ไม่จบสิ้น

ปัญหา ของคนปฏิบัติเเล้วเกิดอาการจิตเเตก

เป็นเพราะว่า จิตได้เกิดการ เเตกตัวเเละกระจายเพื่อ ถึงความละเอียดที่สุด

เพื่อที่จะถึงความว่าง เหมือนการ บดบี้สิ่งหยาบให้เเตกจนเป็นเนื้อเดียวนั้นเองค่ะ

เมื่อ จิตสงสัย เเล้วไม่ได้คำตอบ จิตจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง

นั้นจึงทำให้ พระพุทธเจ้าสมณโคดม จึงรู้ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล

เพราะ ทุกสรรพสิ่งเกิดมาจากจุดจุดเดียวกันคือ ความว่าง

ปรากฏการณ์ บิ๊กเเบง จึงทำให้ ทุกอย่างกระจายออกไป เเละ พัฒนาจากสัตว์เซลล์เดียว

จนเป็นเอกภพ เเละ สิ่งต่างๆมีชีวิตเเละไม่มีชีวิตในห้วงจักรวาล

เเต่มนุษย์ คือ สิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด ในการ สร้างพลังงาน เพราะมีสติเเละกายในการรับคลื่น

มนุษย์ต่างดาว จึงชอบลักพาตัวมนุษย์ไปทดลอง เเละต้องการสื่อสารกับมนุษย์บนโลกนั้นเอง

ดังนั้น เมื่อเราจิตว่าง = จิตว่าง คลื่นดังกล่าว

จึงสามารถสื่อผ่านได้ด้วยคลื่นในอากาศนั้นเอง

เเต่สิ่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ สันโดษอยากรู้ เเต่มันเป็น สิ่งทีได้เรียนรู้ เมื่อสันโดษ ดูจิต

จิตว่าง เเละ เข้ามา ป้อนข้อมูลเพื่อบอกว่า อะไร คือ อะไร

เเละ จิตต้องการให้ เราได้ข้อมูล ของความจริงทุกประการ

อำนาจจิตเดินทาง เร็วยิ่งกว่าเเสง เเต่สิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้คือ จิต

จิตเมื่อทำงานถึงเวลา เขาจะเดินทางไปหาคำตอบเอง โดยอัตโนมัติ

ดังนั้น สันโดษจึงไม่เคยควบคุมคิด ไม่ควบคุมจิต ให้อิสระกับ จิตเเละกาย

เพื่อที่เขาจะได้หาทางออกให้จิตเเต่ละดวงสงบด้วยตัวเอง

สันโดษถ้าเปรียเทียบ คือ สติ ที่ตามดูกาย ดูจิตทำงาน โดยไม่มีความสงสัย

ไม่มีความขัดเเย้ง ไม่มีความเชื่อใจตัวเองอีกเเล้ว เพราะ เรารู้เเล้ว่า

เเม้เเต่ความทุกข์ ความทรมานทางกาย ทางใจ มันเป็น วิบากกรรมในการเกิดในอดีต

เพราะฉะนั้น คิดไป เพื่อหนีทุกข์ มันไม่ใช่ทางดับทุกข์

เเต่การรู้เเละเข้าใจเเล้วว่า การเกิดมา คือ ทุกข์ เเละทุกลมหายใจ คือ ทุกข์

จิตของสันโดษก็จะสงบเอง ในทีสุด เพราะฉะนั้น จิตเขารู้ดีที่สุดอยู่เเล้วค่ะ

 

:z10http://chat.palungjit.org/

สันโดษอยู่ จ.-ศ. หลังหกโมงเย็นจนนอนนะคะ

ส่วน เสาร์-อาทิตย์ ก็อยู่ทั้งวัน

เเต่จะเข้ามาต้องเปิดใจนะคะ

เพราะว่า พวกเรา ให้อิสระกับการเเสดงออก

(มากจนคนอื่นสามารถมองว่าพวกเราเป็นบ้าได้!!!)


เเต่พวกเรามีสติ ระลึกเเละรู้ตัวตลอดเวลา มันเป็นปรากฎการณ์

ที่เกิดจากการปลดปล่อยจิตให้เป็นอิสระเท่านั้นเองค่ะ

เช่น เทพต่างๆ หรือ ปีศาจ มาร หรือ มนุษย์ต่างดาว

อาการเหมือนจะเหมือนถูกสิง เเต่พวกเรา มีสติรู้ตัวตลอดจริงๆของจริงๆ ค่ะ

มันเหมือนกับว่า เรามีหน้าที่ในการเป็น ประจักษ์พยานของ ในโลกของวิญญาณเท่านั้นเอง

ที่พวกเขาอยากเเสดงตัวว่าพวกเขามีตัวตน

ตรงไหนที่ติดขัดเเละสงสัย สันโดษไม่ได้เเก้นะคะ

สอนให้ดูจิตที่เขาเเสดงออกให้ดูอย่างเดียวจริงๆ

 

สวัสดีตอนเช้าคะคุณสันโดษ ปกติไม่เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระทู้คุณสันโดษสักเท่าไหร่ ..แต่ก็ตามอ่านกระทู้คนสันโดษด้วย และความคิดเห็นจากกระทู้ต่างๆๆที่คุณสันโดษเข้าไปแสดงความคิดเห็น...แต่พอได้อ่านกระทู้นี้เราก็ใจหาย..ว่าเอ ทำไมตั้งกระทู้อย่างนี้..เหมือนจะน้อยใจยังไงไม่รู้...แต่อย่างไงแล้วก็เอาใจช่วยนะคะ อย่างน้อยเราคิดดี ทำดี พูดดี เรารู้ตัวเราเอง ว่าอย่างไงก็มีความสุขพอแล้ว..หลายคนหลายความคิดนะคะ..
ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ...สู้ๆๆคะ

 

....

....

 

ตอนนี้เวลาอยู่ที่ ม โดยเฉพาะช่วงที่เปลี่ยนวิชาเรียน แต่เราต้องเรียนอยู่ห้องเดิม
คนที่ต้องนั่งรอในห้อง ทำตัวค่อนข้างวุ่นวายมาก
เพราะตอนนี้รุ่นพี่ให้ล่ารายชื่อเพื่อนคณะเดียวกัน ให้ครบห้าร้อยคน
ต่างคนต่าง วุ่นวายกับความคิดตัวเอง เพราะกลัวจะมีรายชื่อไม่ครบ
เมื่อมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นในห้องเยอะๆ เหมือนเป็นแรงที่มากดดันอะไรซักอย่างในตัว
รู้สึกทรมานมากๆค่ะ ยิ่งบางภาคมันหอบสมุดมาเป็นสิบเล่ม เอามาให้เราเซ็น
เจอแล้วก็รู้สึกโมโห เล็กๆ ไม่ใช่เพราะที่พวกเค้าขน สมุดมาให้เขียนนะ
แต่ ไล้รับพลังความดันทุรังของพวกเค้าไปเต็มๆเลย ^^
ทรมานมากๆ เวลาอยู่กับคนที่วุ่นวาย หลายๆคน
ส่วนเพื่อนๆในภาคเดียวกันกะไล้ เค้าไม่มีความทะเยอทะยานเป็นส่วนมาก
ไม่เคยเดินไปขอชื่อเพื่อน อย่างมากแค่ส่งสมุดต่อๆไป ดูแล้ว สงบจริตตัวเอง^^
(โชคดีมากๆที่ได้เพื่อนจริตเดียวกันค่อนภาค ^^)
หรืออย่างบางคนกลัวชื่อเพื่อนไม่ครบ กลัวว่าจะโดนพี่ว้ากแกด่า
เอ้า กรรม คิดลบไปได้อีก -*- เห้ออออ
ตอนนี้อาการเริ่มมาเรื่อยๆ เพราะมีทั้งพลังกดดันของรุ่นพี่(ชอบแกล้ง)
และความคิดไปไกลๆของเด็กปีหนึ่ง หุหุ ยิ่งอยู่ยิ่งทรมาน-*-
หากหมดฤดูกาล ว้ากของพี่ สถาการณ์คงจะดีขึ้น ^^
ตอนนี้ก็ไม่แปลกใจเลย ถ้าไล้มีเวลา ก็จะออนมาในเว็บนี้ (ถึงจะอยู่ในห้อง-*-)
เพราะจิตและร่างกาย เค้าต้องการ พลังงานบวกอย่างมาก
ตอนนี้พูดได้เลย ว่าออนไว้เกือบทั้งวัน
ถึงไม่ได้ทำอะไรมากก็ มานั่งดูดพลังไปเพลินๆ^^
..........................................................................................
บางทีเราก็สงสัยว่า คนอื่นทำไม ไม่รู้สึกทรมานอย่างพวกเรา
ก็คิดว่าตอนนี้เริ่มจะได้คำตอบ มาบ้างแล้ว
จากงาน นักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์ ในตอนที่ สแกนกรรม
ที่แรก ก็ไม่ได้คิดจะไปให้ตรวจ
แต่อาป๋า ก็ลากไปซะเรียบร้อย ^^(ไม่ได้คิด อยู่ๆ็ได้ไปตรวจเอง)
จากที่ดูคนอื่นๆ เค้าตรวจกัน คนล่ะพัก ค่อนข้างนาน
แต่มาที่ไล้ เค้าไม่ได้พูดอะไรมาก เค้าบอกแค่ว่า
จิตเรามันใส มันโล่งอยู่แล้ว หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็คงเป็นแค่เจ้ากรรมนายเวร ที่ตามมา
ก็แค่นั้น หากปฏิบัติไปเรื่อยๆจะทำให้มีอาการดีกว่านี้
เค้าก็ถามกลับ ว่ามีอะไรสงสัยมั้ย ไอ้เราก็ไม่มีเรื่องจะถาม
เพราะเราดูจิตดูกาย ของเรา ทำความรู้จักกับมันได้แล้ว^^
เราก็บอกไปแบบนี้ว่า เวลามีคนมาทวง เค้าก็มาบอกเอง ไม่ต้องเที่ยวไปถามใคร
เค้าก็ยิ้ม บอกว่า เด็กอย่างเราหายาก ^-^ อิอิ
พูดเรื่อยๆเข้า ป๋า ก็พาออกมาเรื่ององค์ ก็มาถาม ว่าไล้มีใครมั้ย
ก็มีจิตตัวนึงที่ผ่านมา ก็เลยโดน ให้ออกมาแสดง
ไล้ก็ดูไป เพราะไม่แน่ใจ ว่าใครผ่านมา พอมาปุ๊บ
ไล้ก็ดูท่าทางคนรอบๆตัว เค้าเปลี่ยนไป ก็ดูไปอีก ว่าที่มาสิงตอนนี้คือใคร
ป๋าบอกให้ จิตที่มาสิง พูดชื่อ แต่เค้าไม่บอก บอกว่าให้คนที่สูงกว่าทักเอาเลย
อันนี้เริ่มแน่ใจแล้ว ว่าพระขันธกุมารมาหา
เราก็นั่งดูไป ว่าท่านสิงมาทำอะไร
ท่านก็เงียบ เพราะไม่มีธุระอะไร ถ้าไม่มีธุระ จะกลับแล้ว
สุดท้ายก็มีเสียงคนบอกมาว่า ให้พรลูกหลานหน่อย^^ -*-
จิตเค้าก็พูดไปๆ เรื่อยๆ จำไม่ได้ว่าอะไร
เห็นแต่ คนยกมือไหว้ จิตที่มาสิง แล้วท่านก็ลา
ซึ่งทุกขั้นตอนที่มาหา ไล้ก็ดู อยู่เรื่อยๆ เพราะไม่ใช่อาการถูกแทรกแบบร่างทรง
บางที จิตอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาแบบพวกเรา หรือภาษาเทพฯลฯ
ก็ผ่านเข้ามา คุยอะไรกันไม่รู้ ฟังไม่ออก แต่แปลกใจ ที่เรารู้คร่าวๆจากความรู้สึก
ตอนนี้เลยได้คำตอบมาแล้วว่า หากสงสัยอะไร ไม่ต้องคิด
จิตเค้าหาคำตอบมาให้เราได้เอง
เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆเคยอยากรู้มากว่าคนที่โดนทรงเค้าไม่รู้สึกตัว
ตอนแทงฯลฯ เค้าเจ็บมั้ย ตอนนี้เราได้คำตอบมาหมดแล้ว
ด้วยการไม่คิด ด้วยการตามดู ^^
เชื่อความรู้สึกตัวเอง

 

ตอนนี้มีอยู่เหตุการณ์นึงที่เกิดเป็นปกติคือ
ไม่ว่าไล้จะหาเส้นทางไปที่ไหนๆก็ตาม หากสงสัยว่าจะไปยังไง
ไม่นานก่อนที่จะได้ไปที่นั่น จะมีคนมาชวนไปทำธุระอื่นๆซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย
แต่ก้ทำให้เราได้ ผ่านเส้นทางซึ่งเป็นเส้นที่เรากำลังสงสัย
เป็นแบบนี้มาตลอด เราก็ได้แต่ตามดู หลายครั้งมาก จนสรุปได้แล้วว่า
นี่เป็นการหาคำตอบ ของจิต จิตเค้าหาคำตอบได้เอง จ๊ะ^^

 

จะพูดอะไรมากมาย

อั๊วว่า พวก ลื๊อ ทั้งหลาย ดูกาย ดูจิต ไป แค่ดู แค่เนี้ยะ

พวกลื๊อจะอะไรนักหนา ถ้าพวกลื๊อดูไปนะ ดูอย่างถูกต้องนะ

พวกลื๊อ ไม่มาเถียง ว่ากันหรอก ไม่มีอะไรมาพูดหรอก

มันไม่มีสาระ เอาล่ะ อั๊วโพส ละ

ใครจะตอบอะไร อั๊วไม่สน อั๊ว ดูกาย ดูใจ ของ อั๊ว

ไม่ต้องมาดูกายใจของอั๊ว พวกลื๊อ ก็ไปดูของ ลื๊อ สิ

 

*** เริ่มด้วยเมตตาตน ****

เราไม่มีหน้าที่ไปตัดสินผู้อื่น
ไม่เห็นว่า ตัวเองดีแล้ว
อุเบกขา คือเมตตาทั้งตัวเราและตัวเขา
หยุดตอบโต้ ทำให้ได้เหมือนอรหันต์ไม่ตอบโต้
กิเลสนิสัยตัวไหนที่เราทำลายได้แล้ว ก็นำไปโปรดสอนมนุษย์ต่อไปได้
คือพึ่งการกระทำตนเองได้ก่อน แล้วจึงเป้นที่พึ่งของสัตว์โลกต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เมื่อคืนนี้ นั่งสมาธิหมุน เกิดอาการ เเปลกๆ เพราะว่า

ขณะที่ดูจิต ดูกาย (อย่างมีสติหรือ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่)

เกิดอาการ ขยับ ลักษณะท่าทาง ลักษณะ เหมือน สุนัข เหมือนเเมว เหมือน สัตว์ประหลาด

เเล้วเมื่อสักครู่ ก็ ออกอาการ วิงเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลม เเล้วก็ ทำหน้า เหมือนปีศาจอีกเเล้ว

จากการ สังเกตุกาย เเละ จิต คิดว่า คงจะเป็น การ เเฝงร่าง ของ จิต จาก วิญญาณร้าย

หรือ เจ้ากรรมนายเวร ก็ไม่เเน่ใจ เพราะว่า ไม่ได้คุยอะไร ดูอย่างเดียว (มันส์กว่า)

ความรู้สึกเหมือนเเปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ผสม เเดร็คคูลล่าที่ดูในหนัง

หรือ ไม่ก็อาจจะเป็น มนุษย์ต่างดาว จากดวงดาว ที่ชั่วร้าย

เพราะ ความรู้สึก ที่ดูจิตเเละกายขยับรู้สึก โกรธ โมโห เเละ เหมือน สมองจะระเบิดให้ได้

ในขณะที่ดู สักพัก จิตก็ ดับ (เหมือนทุกครั้ง) เเต่เเปลกดี เพราะว่า ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน

เเต่เมื่อคืนนี้ วิญญาณ ได้คุยผ่านข้อความพิมพ์ในห้องเเชต

เเล้ว เกิดอาการ อยาก ล้างโลก อยาก ทำร้ายมนุษย์(อีกเเล้ว) เเต่ก็ชินเเล้ว

เพราะว่า มาเเบบนี้ ส่วนมาก ก็จะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะเเบบนี้บ่อยๆ

 

พูดถึง เวียนหัวบ่อยๆ ตอนนี้ เข้าใจเเล้วว่า เป็น เรื่องของ จักระ 7 หรือ จักระมงกุฎ

จุดสูงสุด ของการสื่อผ่านกับจักรวาล ตอนนี้เข้าใจเเล้วว่า

อาการธาตุไฟเข้าเเทรก คือ อะไร ที่เเท้ พลังจิตในตัวมากเกินไปนั้นเอง

เพราะว่า สันโดษ ชอบดูจิต คุยกับจิต เเต่ไม่เคย ดูกาย เลยไม่ได้ฝึกควบคุมกับ กายานุสติ

ที่คนปฏิบัติ เดินจงกรม เดินดูลม นั้นเอง

ดังนั้น พลังจิต หรือ คิดไม่ได้ถ่ายเทออกไปจากร่างกาย

เพราะว่า คิด = จิต = ธาตุไฟ (อืม ตอนนี้เข้าใจเเล้ว)

อย่างที่บอกว่า การฝึกสมาธิหมุนของสันโดษ ตอนนี้ ลักษณะเหมือนการ ฝึกวิทยายุทธ

รำไทเก๊กเองบ้าง รำโยคะเองบ้าง หรือ เเสดงท่าทางประหลาดๆ ทั้งหลาย

เป็นเรื่องของ การเเสดงออกของ เจากรรมนายเวร จิตใต้สำนึก เเละ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

เเต่คนสำคัญที่สันโดษจะไม่ลืม คือ

พระอาจารย์มหาสีไพรเเละ คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->dhammashare คนที่เอามาลง

สมาธิเพื่อการผ่อนคลายรักษาสุขภาพกายและจิตโดยองค์รวม<!-- google_ad_section_end -->

สันโดษ คิดว่า ตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรของสันโดษ คงอโหสิกรรมเเล้ว

สันโดษจึงมีโอกาสได้ ฝึก เดินลมปราณ จากในเว็บ

ตอนนี้ เดินลมปราณเองไม่ต้องมีครูบาอาจารย์ จิตเขาสอนของเขาเอง

อย่างที่บอกว่า สันโดษ เชื่อจิตตัวเอง เชื่อว่า จิตทำอะไรก็ได้

เพราะว่า จิตเขา คือ พลังงาน เป็น สิ่งที่จับต้องไม่ได้ เเต่ ควบคุมกายของเรา

ลมปราณ = พลังจิต + อากาศ เหมือน จิต กับกาย ขับเคลื่อน จึงก่อให้เกิด ปัญญา

ไม่รู้ซิเเต่ตอนนี้ อาการธาตุไฟเข้าเเทรกหรือ จิตเเตกของสันโดษดีขึ้นมากเเล้ว

ต่อไป ก็ ตั้งใจจะเรียนรู้เรื่อง พลังจักราลให้ดีที่สุด เพราะตอบอะไรได้เยอะเลย

นอกจากอาการปวดหัวอย่างรุนเเรงเเละการเจ็บหน้าอกเหมือนคนบีบหัวใจ

ที่เเท้เป็น อาการของ จักระที่ 4 เปิดนั้นเอง

จักระที่ 4 เป็นส่วนที่สื่อสารกับวิญญาณที่ดีหรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ส่วน อาการ ปวดหัวหน่วงๆ ที่หน้าผาก เพราะจักระที่ 6 หรือ ตาที่สาม เปิดนั้นเอง

เเละ ปวดหัวเเทบระเบิด เพราะว่า มัน คือ จักระที่ 7 เปิด เป็นส่วนที่ติดต่อทั้งจักรวาลเลย

อาการปวดตามจุดต่างๆ ก็เหมือนการระเบิดทะลุทะลวงของ ลำกล้องปืนนั้นเอง

ตั้งเเต่จุดที่ 1 ไล่ขึ้นมา จนถึงจุดที่ 7 ทุกจุดที่เคยปวด เจ็บปวดเเทบขาดใจเสมอ

เพราะ จักระทั้ง 7 อยู่ตรงแกนกลางของลำตัวของร่างเรา

เเต่สันโดษ ก็ ติดต่อมานานเเล้วล่ะ เเต่ไม่เคยปวดหัว หนักขนาด จิตเเตก

เเต่ทุกอย่างสันโดษรอได้ เพราะทุกอย่างย่อมเป็นไปตามขั้นตอนของ วิบากกรรม

สันโดษดีใจที่ตัวเองได้เรียนหลายศาตร์

จึงทำให้สามารถเอาหลายๆศาสตร์มาทำความเข้าใจกับอาการที่เกิดกับตัวเอง

ไม่ว่าจะ ทางโลก ทางธรรม สามารถตอบคำถามสันโดษได้หมด

เเต่ต้องยกความดีให้กับ จิตมากกว่า เพราะสันโดษ เชื่อ พลังของจิตว่าเขามีจริง

เเละพลังจิตของเรา จะเกิดต่อเมื่อเรา เชื่อ เพราะความเชื่อ คือ พลังให้จิตมีพลังมากที่สุด

 

พระพุทธองค์ สอน สติปัฏฐานสี่ ดู กาย เวทนา จิต ธรรม

หลวงปู่ดุลย์สอน ให้ดูจิต

หลวงพ่อปราโมทย์ สอนให้ฝึกดูจิต ดูกาย ตลอดเวลา นั้นคือ ปฏิบัติ

พระอาจารย์มหาสีไพร สอนเรื่องการนั่งสมาธิหมุน(รักษาโรค)

ท่านบอกว่าเวลานั่งถ้าอยากนั้นถึงขั้นที่ 6

จุดที่สื่อสารติดต่อ กับคลื่นพลังงานหรือ จักรวาลได้ ก็นั่ง ต่อเนื่อง12 ชั่วโมง ขึ้นไป

ที่เเท้ เป็น กุศโลบาย ของ พระอาจารย์มากกว่า

เพราะ ไม่มีใครหรอกที่จะนั่งสมาธิได้นานขนาดนั้น 12 ชม.

สันโดษลองทำดูโดยคิดว่าจะลางานไม่คิดอะไรเลย

ตื่นมาปุ๊บดูกาย ดูจิตว่าวันนี้มันจะทำอะไรมั้ง ทั้งวัน

จะนั่งสมาธิหมุนทั้งวันละ จะนั่งดูเจ้ากรรมนายเวร ทั้งวันซิ

(เพราะติดใจกับสมาธิหมุนมากๆ)

เเต่ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ มันไม่ได้หมุนนะซิ เเล้วก็ไม่ได้รำไทเก๊ก

เเต่ เดินทางมาทำงานเอง

ทำทุกอย่างเหมือนปกติ นั้นล่ะ ความมหัศจรรย์ของ สติ

ที่เเท้ สันโดษ ก็เข้าใจเเล้วว่า สันโดษ ไม่ได้บ้า เเต่ มันคือ จิตที่เขาทำงานเอง

เคลื่อนไหวเอง เเละ ทำงานเอง เรามีหน้าทีในการดูจิตเพียงเท่านั้นจริงๆ

ปัญหาของสันโดษ คือ ดูเเต่จิตเเต่ไม่เคยดูกาย!!! นั้นเอง

ทำให้ปวดหัวอย่างรุนเเรง เพราะจิตว่าง มีเเต่พลังจิตไหลเข้ามาในร่าง

หรือ จิตคนอื่นวิ่งเข้ามาหาเรา

ดังนั้น พลังจิตไม่ได้ถ่ายเทออกไปจากกาย จึงทำให้ธาตุไฟเเตก

วิธีแก้ คือ นั่งสมาธิ หมุน (หรือ การเดินลมปราณนั้นเอง)

[BIGVDO]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=26537[/BIGVDO]​

 

สวัสดีคะ คุณสันโดษ ดีใจด้วยนะคะที่สามารถฝึกอะไรต่ออะไรได้เองโดยไม่ต้องมีครู
Lisy สงสัยที่คุณพูดถึงการดูจิตอยู่บ่อยๆ ไม่ทราบว่าพอจะอธิบายการดูจิตแบบ very basic ได้ไหมคะ lisy อยากลองทำดู

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
ปล. ถ้า lisy จะโทรไปคุยด้วย ไม่ทราบจะรังเกียจไหม

 

โทรมาคุยได้ค่ะ พูดถึง ดูจิต ของสันโดษ ตอนเด็กๆ พูดจริงๆนะคะ

คือ สันโดษ ขี้เกียจคิดนะคะ เเล้วก็ นอนไม่คิด ตอนนั้น ไม่ได้คิดว่า ดูจิต

เเต่คิดว่า เหมือนมีอะไรมาสิงมากกว่า เเล้วก็ นั่งสมาธิเท่าไร

เเต่มันไม่เห็นนิ่งเหมือนชาวบ้านเลย ตัวมันหมุนก็เลยดูกายขยับ

สันโดษไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะคะ คือ เเค่ สันโดษ เเค่ ขี้เกียจคิดเฉยๆ

ตอนเเรก คิดว่า โดนผีสิงเเต่ต่างกันตรงที่เรารู้ตัว เเละอยากรู้เลยไม่คุมร่างกาย

เเต่ตอนนี้ศึกษาธรรมะจึงเข้าใจเเล้วว่า มันไม่ใช่ เพราะ จิตไม่ใช่เรามาตั้งเเต่เเรกเเล้วนะคะ

สันโดษก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เเบบง่ายๆ เพราะสันโดษ เเค่ ไม่คิด เท่านั้นเอง


ลองฟังหลวงพ่อปราโมทย์บ่อยๆ จะทำให้เข้าใจเรื่อง ดูจิตได้ดีมากขึ้นค่ะ

ท่านสอนตั้งเเต่เริ่มเลยค่ะ http://www.fungdham.com/sound/pramote.html

 

สวัสดีตอนเช้าคะคุณสันโดษ ทักทายอีกวันนะคะ วัชก็นั่งสมาธิเหมือนกันแต่จิตมันไม่นิ่งเลย นั่งได้นานพอสมควร แต่จิตฟุ้งซ่านควบคุมไม่อยู่เลยคะ มีวิธีสั้นๆ แนะนำไหมคะ

 

สวัสดีตอนเช้าก๊ะมาม๊า วันนี้หนูเพิ่งกลับมาจากงานไหว้ครูที่ ม เกษตร
ทรมานอีกแยะ T~T รู้ว่างานจบ กลับบ้านได้ ก็รีบมาออน เปิดบทสวดฟัง
งือๆๆ ทำไมพลังมันมาหาเยอะจังแงะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก หนูทรมาน -*-

 

ดีมากเลยค่ะ เพราะรู้เเละเห็นจิตว่าควบคุมไม่อยู่ (เรียกว่า ดูจิตเเล้วค่ะ)

เพราะฉะนั้น ปล่อยจิตเเสดงออกเลยคะ

ปกติ เวลาเรานั่งสมาธิ เราได้สมถะ คือ จิตนิ่ง เหมือนลูกบอล

เเต่เรา ควบคุม เราจึงไม่ได้เห็น จิต

พอที่นี้เราสามารถเห็น จิตเเล้ว ก็ปล่อย กายปล่อยจิต ตามสบาย

เเล้วดูจิต ดูกาย เเสดงออกค่ะ ถ้าเกิดอาการ โอนเอน โยกไปมา

เคลื่อนไหว หรือ วูบวาบ ขนลุก เรียกว่า อุปจารสมาธิ

ก็ตามดูตามรู้ไปค่ะ ไม่มีอะไรมาก ตามดู ตามรู้ พอค่ะ

ถ้าเรานั่งไปเรื่อยๆ อาการเราเเสดงออกมากๆ จนเรากลัว เช่น ร้องไห้ สั่น หรือ อ้วก

นั้นคือ เจ้ากรรมนายเวรเเสดงตัวค่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัวให้ตามดูไปเรื่อยค่ะ