ปาฏิหาริย์กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย MOUNTAIN, 15 ธันวาคม 2005.

  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    เมื่อประมาณปี พ.ศ.2534 พ่อตาผมป่วยด้วยโรคไต มีอาการบวมตามร่างกาย และปวดตามข้อกระดูก นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ ผมกับภรรยาได้ไปเยี่ยม และติดต่อกับทางโรงพยาบาลเพื่อขอย้ายมารักษาต่อที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ

    คืนนั้นประมาณเกือบตีหนึ่ง ผมนึกขอบารมีเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ให้ช่วยในเรื่องการนำพ่อตาไปรักษาต่อกรุงเทพ และให้โรงพยาบาลรับ แอ๊ดมิด(คือหาห้องให้ได้) ผมขับรถออกจากเชียงใหม่ในคืนนั้น มาถึงโรงพยาบาลพระมงกุฏ เกือบบ่าย 2 โมง รอห้องจนถึง ทุ่มเศษ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ เพราะห้องเต็ม ในใจก็นึกถึงเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรตลอดเวลา

    จะบังเอิญหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ผมได้พบกับนายแพทย์ท่านหนึ่ง เป็นน้องชายของเพื่อนผมเข้าพอดี ได้พูดคุยกัน จนเป็นเหตุให้ได้ห้อง ผมเชื่อว่าเป็นเป็นเพราะเสด็จพ่อฯช่วย วันรุ่งขึ้น ผมนำกรอบรูปเสด็จพ่อฯมาไว้ที่หัวเตียงของพ่อตาที่โรงพยาบาล โดยไม่ได้บอกพ่อตาเพราะกำลังหลับ คืนนั้นประมาณ ตี 1 พ่อตายันตัวลุกขึ้นนั่ง ถอดเสื้อผ้าออกหมด เนื่องจากมีอาการร้อนทุรนทุราย และปวดตามข้อกระดูก นึกในใจว่าตายเป็นตาย สักพักพ่อเห็นแสงสว่างวาบมาที่หัวเตียง พ่อบอกว่าเห็นพระอะไรก็ไม่รู้ มีพวงมาลัยแขวนไว้ที่ไหล่ งดงามมาก หลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น จึงยกมือก้มกราบ รู้สึกสื่อในใจมาว่า เชื้อโรคร้ายในกายถ้าเราชนะมันเราก็หาย ถ้าแพ้มันเราก็ตาย จะรับไว้เป็นลูกน้อง คนหนึ่ง ต่อไปให้ภาวนา พุทโธ จำไว้ พุทโธ คือคำนำ

    พอจบสื่อใจ พ่อมีอาการเย็นวูบไปทั้งตัว อาการปวดข้อกระดูกหายไปโดยสิ้นเชิง ยังความรู้สึกตื่นเต้นเป็นล้นพ้น รีบเรียกคนเฝ้า คือ แม่ยายและหลานสาว ให้ลุกขึ้นมาฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รุ่งเช้าผมแวะไปเยี่ยมพ่อ ได้รับฟังเรื่องราวดังกล่าว พ่อบอกว่าพระเจ้าที่มาเมื่อคืนไม่รู้ว่าเป็นพระที่ไหน ไม่เคยรู้จัก ผมจึงชี้ไปที่พระรูปหัวเตียง พ่อมองตามพร้อมกับตกตะลึง กล่าวว่า พระองค์นี้แหละที่มาช่วยเมื่อคืน แล้วมีพวงมาลัย(ผมซื้อถวายแขวนไว้ที่กรอบรูป) เหมือนกับที่เห็นเมื่อคืนเลย นี่คือประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผมในครั้งนั้น ผมจะไม่มีวันลืมในพระกรุณาเมตตาของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ไปตลอดชีวิต

    [b-wai] [b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2008
  2. อรพิน โกรธารพ

    อรพิน โกรธารพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +211
    จะไม่มีวันลืมในพระกรุณาเมตตาของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ไปตลอดชีวิต
     
  3. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    [​IMG]หลวงปู่ศุข
    วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท

    ภูมิลำเนา หลวงปู่ศุขท่านอยู่ในละแวกวัดมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ปัจจุบันยังมีลูกหลานของท่านอยู่ที่บ้านใต้วัดมะขามเฒ่าอีกหลายคน หรือแม้แต่ร้านค้าขายภายในบริเวณวัดเองก็ยังมี หลวงปู่ศุขท่านใช้นามสกุล “เกศเวชสุริยา” อีกสกุลหนึ่ง ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวน ๙ คนด้วยกัน

    เมื่อหลวงปู่ฯ อยู่ในวัยฉกรรจ์ ท่านได้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ทำมาหากินค้าขายเล็กๆ น้อยๆ โดยยึดลำคลองบางเขน ซึ่งมีปากคลองเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาตอนใต้จังหวัดนนทบุรีลงมา ปัจจุบันอยู่ข้างทางเข้าวัดทางหลวง เป็นที่ทำมาหากิน

    คลองบางเขนนี้ทอดขึ้นไปเชื่อมกับคลองรังสิต เมื่อก่อนนี้เป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญและกว้างขวางเป็นอย่างมาก เมื่อการคมนาคมทางบกเจริญขึ้น การสัญจรทางน้ำก็หมดความสำคัญลง ปัจจุบันคงจะตื้นเขินไปแล้วก็ได้ เพราะขาดการทนุบำรุงเท่าที่ควร

    หลวงปู่ฯ ท่านทำมาหากินอยู่ในคลองบางเขนอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งได้ภรรยาชื่อ นางสมบูรณ์ และเกิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อ สอน เกศเวชสุริยา

    หลวงปู่ฯ ท่านครองเพศฆราวาสอยู่ไม่นาน พออายุท่านครบ ๒๒ ปี ท่านได้ลาไปอุปสมบท ณ วัดโพธิ์บางเขนหรือปัจจุบันชื่อว่า วัดโพธิ์ทองล่าง ซึ่งอยู่ปากคลองบางเขนตอนล่าง ส่วนวัดโพธิ์ทองบน อยู่ตอนเหนือของปากคลองบางเขน ตอนบนบริเวณจังหวัดปทุมธานี

    พระอุปัชฌาย์ของท่านชื่อ หลวงพ่อเชย จันทสิริ อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองล่าง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ฝ่ายรามัญที่ถือเคร่งในวัตรปฏิบัติและพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงพ่อเชยท่านยังเป็นอาจารย์ทางฝ่ายวิปัสสนาธุระมีความรู้และความชำนาญรู้แจ้งแทงตลอด อีกทั้งทางด้านวิทยาคมก็แก่กล้าเป็นยิ่งนัก หลวงปู่ฯ ท่านได้รับถ่ายทอดวิชาความรู้จากอุปัชฌาย์ของท่านมาพร้อมกับอาจารย์เปิง วัดชินวนาราม และหลวงปู่เฒ่า วัดหงษ์ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเชย วัดโพธิ์ทองล่างเหมือนกัน

    หลวงปู่ฯ ท่านเพลินอยู่ในธรรมเสียหลายปี จนกระทั่งมารดาท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ได้ชราภาพลงตามอายุขัย และความเจ็บไข้มาเยือนอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในบิดามารดาของท่านจึงได้เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม และได้อยู่จำพรรษาปีแรกๆ ทีวัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณที่อยู่ลึกเข้าไปในคลองมะขามเฒ่า หรือบริเวณต้นแม่น้ำท่าจีนในปัจจุบัน แต่ทว่าสภาพของวัดอู่ทองขณะนั้นได้เกิดการชำรุดทรุดโทรมลงตามสภาพ เกินกว่าที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ให้กลับคืนมาสู่สภาพที่ดีได้ต่อไป ท่านจึงได้ขยับขยายออกมาที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และได้สร้างกุฏิขึ้นครั้งแรกหนึ่งหลังพอเป็นที่อยู่อาศัยไปพลางก่อน

    สืบต่อมามารดาของหลวงปู่ๆ ได้ถึงแก่กรรมและได้จัดการฌาปนกิจศพ และในงานนี้เอง หลวงปู่ฯ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลในรูปพระพิมพ์สี่เหลี่ยมซุ้มรัศมีออกแจกเป็นของที่ระลึกเป็นครั้งแรก เมื่อผู้ที่ได้รับแจกพระเครื่องจากท่านไปได้ปรากฏอภินิหารทางอยู่ยงคงกระพัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกันเขี้ยวงา คือสุนัขกันไม่เข้า ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่บังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะบ้านนอกอย่างในชนบทสมัยก่อนนั้นไม่ค่อยจะมีรั้วรอบขอบชิดเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็ได้อาศัยสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นยามเฝ้าบ้าน ฉะนั้นการที่จะแวะเวียนไปบ้านหนึ่งบ้านใดนั้นจะต้องระวังเรื่องสุนัขลอบกัดให้ดี มิฉะนั้นท่านจะถูกสุนัขกัดเอาง่ายๆ พระของหลวงปู่ฯ จึงมีชื่อเรื่องสุนัขกันไม่เข้า เป็นปฐมเหตุก่อน จึงบังเกิดความนิยมไปขอท่านมาแขวนคอบุตรหลานเพื่อกันเขี้ยวงาและภยันตรายต่างๆ สมัยก่อนพระวัดปากคลอง เนื้อตะกั่ว จุมีแขวนอยู่ในคอเด็กในท้องถิ่นเกือบจะทุกคน แล้วถ้าจะไปขอพรหลวงปู่ศุข ท่านมักจะถามว่า “เอ็งมีลูกกี่คน?” ท่านจะให้ครบทุกคน

    กิตติศัพท์ในความขลังประสิทธิในพระพิมพ์สี่เหลี่ยมของท่านจึงค่อยๆ เผยแพร่จากปากหนึ่งไปสู่อีกปากหนึ่ง ในเวลาไม่ช้าไม่นาน คุณวิเศษของท่านจึงค่อยๆ โด่งดังขจรขจายไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลัก การขนส่งสินค้า ตลอดจาการทำมาค้าขาย จะขึ้นล่องจะต้องอาศัยสายน้ำเจ้าพระยาเพียงแห่งเดี่ยวเท่านั้น เพราะในสมัยนั้นถนนหนทางทางบกยังทุรกันดาร พอตกเพลาพลบค่ำพ่อค้าแม่ขายเรือเล็กเรือใหญ่จะมาอาศัยนอนค้างแรมที่แพหน้าวัดของท่าน เพื่ออาศัยบารมีของท่านช่วยป้องกันขโมยขโจรที่จะมาประทุษร้ายต่อเลือดเนื้อชีวิตและทรัพย์สิน ถ้าจะเปรียบไปแล้วหน้าวัดของท่านจึงเป็นเสมือนหนึ่งเป็นชุมทางที่สำคัญนี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ช่วยเสริมส่งให้เกียรติคุณของท่านแผ่ขยายไปทั่วทุกภาคของประเทศ ชื่อเสียงของท่านจึงเป็นที่รู้จักกันดี “หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า”

    อาจจะเป็นด้วย บุญกุศลของหลวงปู่ศุขกันเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งราชนาวี ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ นับลำดับราชสกุลวงศ์เป็นพระองค์ที่ ๒๘ และเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ ๑ ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้สร้างสมกันมาแต่ชาติปางก่อน ดลบันดาลให้เสด็จในกรมฯ ซึ่งทรงศรัทธาเลื่อมใสในทางมหาพุทธาคมอยู่แล้วได้เสด็จประพาสไปในภาคเหนือ จึงเป็นเหตุให้หลวงปู่ศุขและพระองค์ท่านได้พบกัน และเป็นที่ต้องอัธยาศัยซึ่งกันและกัน จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ – อาจารย์ เพื่อจักได้ศึกษาทางมหาพุทธาคม และปรากฏว่า พระองค์เป็นศิษย์ที่มีความรู้ความสามารถได้ศึกษาแตกฉานจนกระทั่งหลวงพ่อเองก็หมดความรู้ จึงได้ให้เสด็จในกรมฯ ไปศึกษาเคล็ดวิชากับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตรต่อ ดังเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วนั้น

    เมื่อหลวงปู่ศุข ท่านมีลูกศิษย์อย่างเสด็จในกรมฯ จึงเป็นกำลังสำคัญให้ท่านสามารถที่สร้างวัดปากคลองมะขามเฒ่าให้เสร็จสมบูรณ์ ถาวรวัตถุทางพุทธศาสนาที่คงเหลือเป็นประจักษ์พยานในปัจจุบันนี้ก็คือ ภาพเขียนฝีมือเสด็จในกรมฯ บนฝาผนังพระอุโบสถ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ยังรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นภาพเขียนฝีมือเสด็จในกรมฯ บนฝาผนังพระอุโบสถ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ยังรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นภาพเขียนสีน้ำที่ทางกรมศิลป์ยกย่องว่าเสด็จในกรมฯ ทรงฝีมือในการเขียนภาพเป็นอย่างมาก และทรงสอดแทรกอารมณ์ขันในภาพพระพุทธเจ้าชนะมาร ในการะแสน้ำที่พระแม่ธรณีบีบมวยผมทำให้เกิดอุทกธาราหลากไหลพัดพาเอาทัพพระยามารไปนั้น พระองค์ท่านเขียนเป็นภาพลิงใส่นาฬิกาและหนีบขวดวิสกี้กำลังเดินตุปัดตุเป๋ไปเลย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฤาษีปัญจวัคคีเมื่อเห็นเจ้าชายสิทธัตถะเลิกทรมานการหันมากินอาหาร ก็นึกว่าพระองค์คงจะถ้อถอยละความเพียรแล้ว จึงพากันผละหนีพระองค์ไปนั้น เสด็จในกรมฯ ท่านเขียนใบหน้าของฤาษีปัญจวัคคี โดยสอดอารมณ์ที่ยิ้มเยาะเย้ยหยันอย่างไม่อะไรไยดีต่อพระองค์เน้นความรู้สึกได้เด่นชัดมาก

    ฝีมือของเสด็จในกรมฯ อีกชิ้นหนึ่งก็คือภาพเขียนสีน้ำมันเป็นรูปหลวงปู่ศุขยืนเต็มตัวและถือไม้เท้า ภาพนี้เขียนขึ้นในขณะที่หลวงปู่มีอายุมากแล้วจึงต้องเดินสามขา

    ศิลปวัตถุในพุทธศาสนาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า นอกจากพระอุโบสถแล้วยังมีมณฑปจตุรมุขประดิษฐ์บานรอยพระพุทธบาท ประตูทั้ง ๔ บานนั้นแกะด้วยไม้สัก แกะลวดลายลึกถึงสามชั้น เคยมีคนสมคบกันเอาบานประตูมณฑปจตุรมุขออกขาย เอาลงมากรุงเทพฯ เตรียมใส่เรือกระแชงในคลองมหานาคเพื่อออกต่างประเทศ ด้วยดวงวิญญาณในหลวงปู่ศุขท่านผูกพันอยู่กับศาสนาวัตถุที่ท่านสร้างเอาไว้ในบวรพุทธศาสนา ท่านจึงเข้าประทับทรงจากหิ้งบูชาจังหวัดนครสวรรค์ รับเอาท่านแม่ทัพที่นครสวรรค์ (ขออภัยผู้เขียนจำชื่อท่านไม่ได้) และมารับเอาท่านนายอำเภอประจำจังหวัดชัยนาทในขณะนั้น คือ คุณสุธี โอบอ้อม แล้วนั่งรถเข้ากรุงเทพฯ ร่างทรงหลวงปู่ฯ ได้พาคณะลดเลี้ยวเข้าครอกเข้าซอยจนมาถึงเรือกระแชงที่บรรทุกบานประตูมณฑปเตรียมขนออกนอกได้อย่างทันท่วงที ยึดเอาบานประตูทั้ง ๔ บาน คืนกลับไป ขณะนั้นยังคงเก็บรักษาไว้ที่วัดป่าพานิชวนาราม อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท และยังไม่ได้ส่งคืนวัดปากคลองมะขามเฒ่า เพราะเหตุอะไรนั้น ชาวจังหวัดชัยนาทเขาทราบกันดี

    เรื่องทรงเจ้าเข้าผีนี้ จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ แต่ที่ทรงจริงๆ นั้นมันมีน้อย อย่างในกรณีดวงวิญญาณหลวงปู่ศุขประทับทรงแล้วซอกแซกลงมาจากนครสวรรค์ถึงกรุงเทพฯ เกือบ ๓๐๐ กม. แล้วยังพาคณะเข้าครอกตรอกซอยจนถึงเรือกระแชงที่จอดลอยลำอยู่ในคลองมหานาคนั้นมันเป็นการเดินทางที่สลับวับซ้อนและวกวนน่าดู แต่ร่างทรงก็พาคณะไปจนพบและยึดบานประตูกลับคืนมาได้นั้น มันเป็นเหตุการณ์อันมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง และบานประตูมณฑปทั้ง ๔ บานดังกล่าวแล้วนั้น ทั้งเสด็จในกรมฯ และหลวงปู่ศุขได้ช่วยกันสร้างเป็นชิ้นสุดท้าย ระบุปี พ.ศ. ๒๔๖๕ อยู่ที่ซุ้มหน้ามณฑปอีกด้วย

    ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์นอกจากจะถูกอัธยาศัยกันเป็นยิ่งนัก จักเดินทางไปมาหาสู่กันเสมอแล้ว ถ้าเสด็จในกรมฯ ติดราชการงานเมือง หลวงปู่ก็จะลงมาหา โดยเสด็จในกรมฯ ได้สร้างกุฏิอาจารย์ไว้กลางสระที่วังนางเลิ้ง ซึ่งต็มไปด้วยดอกบัววิคตอเรีย มีใบกลมใหญ่ขนาดถาด และรู้สึกว่ากลางใบจะมีหนามคมด้วย อันนี้ได้รับคำบอกเล่าจากลุงผล ท่าแร่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ติดสอยห้อยตามหลวงปู่ฯ มาแต่เล็ก ท่านเป็นชาวอุตรดิตถ์หรือพิษณุโลกจำได้ไม่ถนัดนัก หลวงปู่ศุขท่านขอพ่อแม่มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อสิ้นบุญหลวงปู่ฯ ท่านก็เลยลงหลักปักฐานได้ภริยาอยู่ที่ตำบลท่าแร่ อำเภอวัดสิงห์ ชัยนาท เลยเรียกกันติดปากว่า ลุงผล ท่าแร่

    แต่อย่างไรก็ตาม ภายในกำหนด ๑ ปี หลวงปู่ศุขท่านจะต้องลงมากรุงเทพฯ ๑ ครั้งเป็นอย่างน้อย เพราะเสด็จในกรมน ท่านจะกระทำพิธีไหว้ครูราวๆ เดือนเมษายน งานจะจัดเป็น ๓ วัน วันแรกไหว้ครูกระบี่กระบอง วันที่สองไหว้ครูหมอยาแผนโบราณ และวันที่สามจะไหว้ครูทางวิทยายุทธ์พุทธาคมและไสยศาสตร์ จัดเป็นงานใหญ่มีมหรสพสมโภชทุกคืนกับมีการแจกพระเครื่องรางของขลังจากหลวงปู่ศุขอีกด้วย แต่ในระยะหลังๆ หลวงปู่ศุขท่านมีอายุมากแล้วสุขภาพไม่ค่อยจะสมบูรณ์เท่าใดนัก ท่านจึงไม่ค่อยจะได้ลงมา

    จากการที่ผู้เขียนได้เคยศึกษาตำราอักขระเลขยันต์จากอาจารย์ท่านมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ อำเภอวัดสิงห์ ชัยนาท ผู้สืบสายมาจากท่านใบฎีกายัง วัดหนองน้อย อำเภอวัดสิงห์ ชัยนาท ซึ่งเป็นฐานาในหลวงปู่ศุข และเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่ศุขรูปหนึ่ง ตำราอักขระเลขยันต์ซึ่งคุณหมอสำนวน ปาลวัฒน์วิไชย แห่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดชัยนาท ซึ่งท่านได้ใช้เวลาค้นคว้าและรวบรวมพระเครื่องในหลวงปู่ศุข ตลอดจนประวัติและเรื่องราวของท่านตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปี ได้นำออกมาตีพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือรวมเล่มขนาดหนานั้น ได้ตีพิมพ์ตำราอักขระเลขยันต์ของหลวงปู่ศุขที่สอนให้กับลูกศิษย์ของท่างลงไปด้วย และบางตอนบางหน้ายังเป็นลายมือของหลวงปู่อีกด้วย นับว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาสำหรับผู้ที่สนใจจริงๆ แต่ทว่าในตำราอักขระเลขยันต์ของท่านนั้นเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานทั่วๆ ไป ซึ่งมีอยู่ในตำรามหาพุทธาคมที่เราได้ร่ำเรียนกันอยู่ในปัจจุบันนี้ อย่างเช่นการเรียนสูตรสนธ์จากคัมภีร์รัตนมาลา ในพระอิติปิโส ๕๖ พระคาถาห้องพระพุทธคุณ ลงเป็นยันต์เกราะเพชรหรือตาข่ายเพชร ยันต์พระไตรสรณาคมน์ตลอดจนคัมภีร์นะ ๑๐๘ และนะพินธุ หรือนะปฐมกัลป์ หรือนะโมพุทธายะใหญ่ และยันต์ประจำตัวของท่านที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำก็คือ ตัวพุทธมวันโลก ที่ท่านใช้จารลงที่หลังพระพิมพ์สี่เหลี่ยมของท่าน นอกจากนั้นยังลงด้วยยันต์สามลง มะ อะ อุ ที่ขมวดยันต์ลงหลังรูปถ่ายของท่าน เรียกว่า ยันต์เพชรหลีกน้อย นอกจากนั้นท่านจะนิยมหนุนหรือล้อมด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ นะ มะ พะ ทะ

    อนึ่งการที่ท่านทำพระเครื่องรางของขลังได้ประสิทธิมีฤทธิ์มีเดชทั้งๆ ที่ใช้อักษรเลขยันต์พื้นๆ นั้น เป็นเพราะอำนาจจิตที่ท่านได้ฝึกฝนมานั้นกล้าแกร่งยิ่งนัก โดยเฉพาะกสิณธาตุทั้ง ๔ มี ดิน น้ำ ไฟ ลม นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เป็นบ่อเกิดเห่งอำนาจอิทธิฤทธิ์ทางใจเลยทีเดียว สำหรับการสำเร็จวิชาชั้นสูงเรียกว่า มายาการ คือความเชื่อถือและการปฏิบัติที่มุ่งหมายให้เกิดผลด้วยการใช้พลังหรืออำนาจเหนือธรรมชาติ เช่น ของขลัง พิธีกรรม หรือหลีกลี้ลับ บังคับให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ เช่น ท่านเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย ตลอดจน การผูกหุ่นพยนต์ด้วยฟางข้าว เสกคนให้เป็นจระเข้ เป็นต้น มันเป็นมายาการชั้นสูง คือการบังคับให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ แท้ที่จริงแล้วใบมะขามก็คงเป็นใบมะขาม หัวปลีก็คงเป็นหัวปลี และหุ่นฟางก็คงเป็นหุ่นฟางเหมือนเดิม เว้นแต่ด้วยอำนาจจิตของท่านทำให้เราเห็นไปเอง

    จากหนังสือ “พระกฐินพระราชทาน สมาคมศิษย์อนงคาราม ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เรื่องพระใบมะขาม” ท่านผู้เขียนอดีตเป็นพระมหา มีหน้าที่ไปอุปัฏฐากหลวงปู่ศุข ขณะที่อาราธนาท่านมาปลุกเสกพระชัยวัฒน์ และพระปรกใบมะขาม (พ.ศ. ๒๔๕๙) ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

    “เมื่อข้าพเจ้าไปอุปัฏฐากหลวงพ่อแล้ว มีชาวบ้านชาววัดมาขอให้หลวงพ่อลงกระหม่อมบ้าง ลงตะกรุดพิสมรบ้าง โดยยื่นแผ่นเงิน ทอง นาก ให้ลงคาถา บางคนขอเมตตา บางคนขอการค้าขาย หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ลง ข้าพเจ้าถามว่าการค้าขาย จะให้ลงว่ากระไร? หลวงพ่อบอกว่า “นะชาลิติ” บางคนขอเมตตา ข้าพเจ้าถามว่า จะให้ลงว่ากระไร? หลวงพ่อพูดติดตลกว่า “เมตยายไม่เอาหรือ เอาแต่เมตตาเท่านั้นหรือ?” คนขอจึงบอกขอเมตตาอย่างเดียว ข้าพเจ้าถามว่า จะให้ลงว่ากระไร? ท่านบอกว่า “นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู” ข้าพเจ้าจึงบอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมไม่มีความขลัง ลงไปก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไร” หลวงพ่อบอกว่า “มันอยู่ที่ผมเสกเป่านะคุณมหา”

    ข้อนี้ยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะระหว่างนั่นข้าพเจ้าให้หลวงพ่อลงกระหม่อม แล้วท่านเสกเป่าไปที่ศีรษะตั้งหลายครั้ง เมื่อท่านเป่าที่กระหม่อมที่ไร ข้าพเจ้าขนลุกชันทั่วทั้งตัวทุกครั้ง ทั้งทีข้าพเจ้าฝืนใจไม่ให้ขนลุกก็ลุกซู่ทุกครั้งที่ท่านเป่า ข้อนี้เป็นมหัศจรรย์จริงๆ ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นแต่ข้าพเจ้าคนเดียว ไปสอบถามภิกษุอุปัฏฐากรูปอื่นๆ ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน ข้อนี้ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า “ท่านสำเร็จสมถะภาวนาแน่ๆ”

    อนึ่ง ท่านเป็นพระที่น่าเคารพนับถือ สำรวมในศีลเป็นอย่างดี ไม่ใคร่พูดจา นั่งสงบอารมณ์เฉยๆ ไม่ถามอะไร ท่านก็ไม่ตอบไม่พูด บางอย่างข้าพเจ้าถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น เช่น “เขาว่าหลวงพ่อเสกใบไม้เป็นต่อ และเสกผ้าเช็ดหน้าเป็นกระต่ายได้ และแสดงให้กรมหลวงชุมพรฯ เห็นจนยอมเป็นศิษย์” หลวงพ่อตอบข้าพเจ้าว่า “ลวงโลก” แล้วท่านก็นิ่งไม่ตอบว่าอะไรอีก หลวงพ่อพูดต่อไปว่า “เวลานี้กรมหลวงชุมพรฯ ไปต่างประเทศ (เข้าใจว่าไปรับเรือพระร่วง) ถ้าอยู่ก็ต้องมาหาท่าน และปรนนิบัติท่านจนท่านกลับวัด และว่ากรมหลวงชุมพรฯนี้ตกทะเลไม่ตาย แม้จะมีสัตว์ร้ายก็ไม่ทำอันครายได้”

    หลวงพ่ออยู่ที่กุฏิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) พุทธสรมหาเถรเป็นเวลาสิบวันเศษ ได้ทราบว่าสมเด็จเรียนวิทยาคมกับหลวงพ่ออีกด้วย

    อนึ่ง การที่เราคนรุ่นหลังจักเขียนเรื่องราวและวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ศุข ซึ่งท่านมรณภาพล่วงไปแล้วกว่าครึ่งศตวรรษให้ได้ใกล้เคียงกับความจริงนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ อาศัยหลักฐานทางเอกสารที่หลงเหลืออยู่บ้าง จากการไต่ถามบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านซึ่งส่วนมากจักล้มหายตายจากกันไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การที่ท่านได้รับรู้จากการเขียนของ “ท่านมหา” ซึ่งเคยอุปัฏฐากหลวงปู่ ดังกล่าวแล้วนั้นคงจักทำให้ท่านมองเห็นสภาพของหลวงปู่ศุข ได้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

     
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ขอขอบคุณคุณ vacharaphol เป็นอย่างสูง ที่เมตตานำเสนอข้อความข้างต้น นับเป็นประโยชน์ต่อผู้นับถือเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรมาก ขออนิสงค์แห่งความดีมีน้ำใจนี้จงเป็นพลวปัจจัย ให้คุณ vacharaphol มีความสุขในชีวิตตลอดกาลนานเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  5. slogan

    slogan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +46
    ทำงานด้วยใจรัก
     
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ภวตังจิตตัง ปรมังสุขขัง ไปไหนมาไหนในสถานที่ต่างๆ ให้ท่องไว้ในใจ
    ทะ อะ ระ หัง ทะ นะ อาโป อุปปันนัง นะ ท่องไว้ป้องกันภัยสารพัด
    คาถาหลวงปู่ให้ไว้ นำมาฝากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  7. นิรมิต

    นิรมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +171
    จะไม่มีวันลืมในพระกรุณาเมตตาของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ไปตลอดชีวิต
    ทำงานด้วยใจรัก
    ภวตังจิตตัง ปรมังสุขขัง ไปไหนมาไหนในสถานที่ต่างๆ ให้ท่องไว้ในใจ
    ทะ อะ ระ หัง ทะ นะ อาโป อุปปันนัง นะ ท่องไว้ป้องกันภัยสารพัด
    คาถาหลวงปู่ให้ไว้ นำมาฝากครับ
     
  8. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]

    ภาพจาก คุณอาภากร เวปพลังจิต ขออนุโมทนาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4xc02.jpg
      4xc02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      194.6 KB
      เปิดดู:
      4,478
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  9. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ภาพนี้คือภาพศักดิ์สิทธิ์ที่ผมนำไปไว้บนหัวเตียงตอนคุณพ่อป่วยอยู่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ครับ
    [​IMG]
     
  10. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ที่พระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ หน้ากองทัพเรือ ถนนอิสรภาพ มีปาฏิหาริย์ เกี่ยวกับพระองค์ท่าน มากมาย จากปากผู้ได้รับความเมตตาจากพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ ของเสด็จท่าน เล่าให้ฟังว่า

    มีอยู่คืนหนึ่งฝันว่าเสด็จเตี่ย บอกให้ไปกราบท่านที่พระอนุสาวรีย์ กองทัพเรือ กรุงเทพ เข้าไปที่มีทหารขอตรวจบัตร จึงจะนำรถเข้าไปได้ แล้วให้ไปเสี่ยงเซียมซี ผู้เล่าตื่นขึ้นมา ก็รีบจัดแจงเตรียมตัวไปกราบท่านตามที่ฝัน ทุกอย่างเหมือนในฝันทั้งหมด หลังจากกราบสักการะเสร็จ ก็เสี่ยงเซียมซี พอหวยออก ผู้เล่าเรื่องก็นำ หัวหมู เครื่องสักการะอีกมากมาย มากราบสักการะพระองค์ท่านอีก บอกว่า ท่านให้โชคลาภแล้ว
    ใครพอมีประสบการณ์เกี่ยวกับเสด็จพ่อกรมหลวงฯ เล่าสู่กันฟัง เพื่อเทิดพระเกียรติและพระคุณของท่านร่วมกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  11. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
    กรมหลวงชุมพรฯ (หมอพร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  12. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    บันทึกของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    เจอบันทึกนี้ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรู้ว่า

    "กูกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์"
    ผู้เป็นโอรสของพระปิยะมหาราช ขอประกาศให้พวกมืงรับรู้ไว้ว่า
    แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตเข้าแลกไว้
    ไอ้อีมันผู้ใด คิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    ฤๅ กระทำการทุจริตก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม

    จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว
    ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโครต
    ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกู
    ตราบใดที่คำว่า "อาภากร" ยังยืนหยัดอยู่ในโลก
    กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู
    ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา
    แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข
    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น.


    (บันทึกนี้ถูกจารึกไว้ที่หัวเรือรบหลวงจำลอง ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ศาลของพระองค์ท่าน ณ หาดทรายรี จ.ชุมพร)
     
  13. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    คาถาหลวงปู่ศุข

    พุทธคุณทางเดินทาง...ขับรถลงเรือ ให้ภาวนาอยู่เป็นนิจ

    ตั้ง นะโมฯ สามจบก่อนว่าคาถานี้

    "สัตถาเทวมนุษย์สานัง พุทโธ ภควาติ มะอะอุ"
     
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    สมัยเมื่อแรก ๆ ที่องค์หลวงพ่อฯ มาอยู่ที่วัดท่าซุง....
    มีญาติโยม เขียนจดหมายมาถึงองค์หลวงพ่อฯ เพื่อสอบถามข้อปัญหา เป็นจำนวนมาก
    บางครั้ง บางที องค์หลวงพ่อฯ มีกิจนอกวัดฯ จึงมีโอกาสตอบจดหมาย ได้ช้า....

    แต่ก็มีเทวดาที่ทำหน้าที่ คอยช่วยเหลือ และตอบแทนท่าน เสมอ ๆ
    องค์หลวงพ่อฯ บอกว่า....
    เขาหละ.. ที่ทำหน้าที่ เป็นผู้ตอบแทน....

    ท่านเป็นหนึ่งในสี่ ของท้าวมหาราช ในชุดปัจจุบัน นี้....
    องค์หลวงพ่อ บอกว่า..ปัจจุบันท่านทรงพระอนาคามี....
    คือ..ท้าววิรุฬหก....

    กราบ.. กราบ.. กราบ....

    สงสัยไหมครับ....
    ว่าทำไม ท่านฯ จึงมาตอบจดหมาย แทนองค์หลวงพ่อฯ
    ทำไม ท่านฯ จึงมาช่วยงานองค์หลวงพ่อฯ อย่างใกล้ชิด....

    (เพราะว่า.. หากไม่เคยเนื่องกันมา ก็คงไม่มาช่วยงานอย่างใกล้ชิด เช่นนี้....)
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
    หลวงปู่ศุข พระอาจารย์ของเสด็จในกรมฯ
     
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]
    พระอนุสาวรีย์ หน้าฐานทัพเรือกรุงเทพฯ วังนันทอุทธยาน ถนนอิสรภาพ กรุงเทพฯ เปิดให้สักการะ ตั้งแต่ 6.00 น. - 18.00 น. โทร. 0-2475-5806
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    "พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์"
    http://www.soonphra.com/content/viewtopic/viewtopic.php?topicid=115&topicdetailid=138
    <TABLE class=a4 style="WIDTH: 680px" borderColor=#0000ff cellSpacing=0 cellPadding=5 width=680 background=../../images/bg01.gif border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=650>
    <TABLE class=a4 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="14%"><TABLE class=a4 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#000000>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
    กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top width="86%">พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
     
  19. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    มีเรื่องราวของเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรฯ จากความทรงจำของผม มาบอกเล่าให้ฟังกันอีกเรื่องนะครับ เมื่อประมาณปี 2533 ช่วงนั้นผมขึ้นล่อง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นประจำทุกเดือน (เกี่ยวกับงานที่ผมทำอยู่ในขณะนั้น) ผมจะแวะไปกราบศาลของเสด็จพ่อฯ ที่แม่ริม(เลยตัวอำเภอแม่ริมไปทางแม่แตง ประมาณ4-5 ก.ม.) พร้อมกับนำพระรูปหล่อขนาดห้อยคอ จำนวน 50 องค์ ไปฝากไว้ให้ พี่เนาวรัตน์(ผู้ดูแลศาลฯ) เพื่อแจก หรือให้ผู้ศรัทธาทำบุญ โดยจะแบ่งอีกครึ่งหนึ่ง ไปให้ที่ตำหนักของสด็จพ่อฯในตัวเมืองเชียงใหม่ แจกลูกศิษย์ ทุกเดือนที่ผมไปผมก็จะทำเช่นนี้เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่ริม เมื่อผมแบ่งรูปหล่อห้อยคอของท่านแล้ว ผมก็นับดู ได้ 21 องค์ ส่วนที่เหลือนำไปฝากไว้ที่ตำหนักในเมือง ผมลองขอท่านเสี่ยงโชค โดยซื้อล็อตตอรี่เลข 21 จำนวน 11 ใบ ไม่น่าเชื่อเลยครับ ผมถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว งวดนั้น ตั้ง 11 ใบ ในชีวิตผมไม่เคยถูกหวยมากมายขนาดนั้น และเป็นคนไม่ยุ่งเรื่องหวยเบอร์เท่าไรนัก นับเป็นครั้งเดียวในชีวิตจนถึงปัจจุบันนี้ คงเป็นเพราะผมจะมีโชค ท่านถึงประทานให้
    หากใครได้ผ่านไปทางแม่ริม อย่าลืมแวะกราบท่าน นะครับ ศาลท่านอยู่ทางซ้ายมือ จากแม่ริม จะไป แม่แตง ทางเข้าเป็นทางเดียวกับทางเข้าวัดพระธาตุจอมแตง เข้าไป 500 เมตร แล้วเลี้ยวขวาขึ้นเนิน ไปไม่ถึง200 เมตร ก็ถึงแล้วครับ พี่เนาว์ คนดูแล อัธยาศัยดีมาก เป็นอดีตทหารเรือ กรมอุทกศาสตร์ แม่ริม
     
  20. oill

    oill Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2006
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +88
    สมาชิกที่ยังไม่เคยไปนมัสการพระองค์ท่านที่สัตหีบ ก็หาเวลาว่าง ไปนะคะ ได้เที่ยวธรรมชาติที่สวย ๆๆ(เที่ยวไทย)
     

แชร์หน้านี้

Loading...