การอาบน้ำกายทิพย์

คนที่เข้าใจเรื่องกายและวิญญาณ อย่างลึกซึ้ง จะเข้าใจว่า คนเรามีสองกาย คือ กายหยาบ กับกายทิพย์ ที่อยู่ร่วมกัน เหมือนคู่แฝด กายหยาบเดินทางไปใหนๆๆ ก็ด้วย พาหนะนานาชนิด รถยนต์เรือเมล์เครื่องบิน ฯลฯ หรือ เดินไป
ส่วนกายทิพย์จะเหาะไป ที่โน่นที่นี่ ด้วยจิต ที่เรียกว่า ถอดจิต

กายหยาบ เรารักษาความสะอาด ด้วยการอาบน้ำ ฟอกสบู่ทุกวัน เช้า บ้าง
เย้นบ้าง หรือไม่ก็ทั้งเช้าทั้งเย็น ถ้าป่วยก้จะมีพยาบาลมาเช็ดตัวให้

เมืองหนาว เหงื่อไม่ออก กายจึงสะอาด นานๆอาบน้ำทีก็ไม่เป็นไร
มีอยู่เมืองหนึ่ง คือ บังคลาเทศ เพื่อนผมไปเป็นโปรเจคก่อสร้าง นาน 2 ปี ใหม่ๆพบว่า พนักงานที่นั่นเหม็นตัวเขียว เกือบทุกคน ถามได้ความว่า นานมากจึงจะอาบน้ำกัน
เพื่อนผมจึงออกกฏว่า พนักงานทุกคนต้องอาบน้ำอย่างน้อย สัปดาห์ละครั้ง
ปรากฏว่า เป็นเรื่องเลย พักใหญ่ๆๆ คนงานลาป่วยกันแยะ เพราะเป็นโรคผิวหนังผื่นคัน
การที่ไม่อาบน้ำนานๆๆ ร่างกายพวกเขา มีเหงื่อไคลกันหนา นั่นคือเกราะป้องกันตัวโดยธรรมชาติ ร่างกายเป้นเช่นนั้น แบคทีเรียที่อยู่ในเหงื่อไคล เป้นระบบ ร่วมกัน ที่เรียกว่า(Symbiosis) เมื่อล้างออกไป เขาจึงไม่มีเกราะ ทำให้เชื้อตัวอื่นเข้าไปได้ จึงทำให้ป่วย

 

ตั้งแต่นั้นมาเพื่อนผมเขาจึงต้องเลิกกฏที่ว่า
คนเราอาบน้ำกายหยาบกันทุกคน
แต่มีใครบ้างใหมที่อาบน้ำกายทิพย์ของตัวเอง
คำตอบคงจะยอกว่า เคยแต่น้อยเอามากๆๆ

กายทิพย์คือจิต ที่ก็ต้องทำความสะอาด
กายทิพย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับออร่า มากมาย
อาบอย่างไร

สวดนโม สามจบ
กำหนดจิต ให้จินตนาการว่า ได้เอา พระพุทธรูปที่ชอบวางไว้บนศีรษะ ตรง
กระหม่อม
จินตนาการว่า พระพุทธรูปนั้น ปล่อยน้ำอันศักดิ์สิทธิสีทอง ลงมาจากใต้ฐาน
ให้น้ำนั้น ไหลลงมาอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วประมาณ 1 นิ้ว ต่อ เวลา 10 วินาที
ค่อยๆๆเลื่อนลงมาเหมือนระดับน้ำที่ค่อยๆลดลงอย่างช้าๆๆ
ให้กำหนดจิตว่า น้ำอันศักดิสิทธิสีทองนั้น ซึมเข้าในทุกส่วนของเซลล์กายที่น้ำนั้นไหล ผ่าน เช่น เซลล์สมอง เซลล์หัว ใจ เซลล์ปอด..เซลล์อวัยวะทุกชิ้น ฯลฯตลอด แขนขน และลำตัว
ลงมาถึงหลังเท้า ลงมาใต้เท้า และไหลลงดินไป
เมื่อลงดินไป ก็กำหนดจิต ฝากน้ำนั้นไว้กับพระแม่ธรณี
กำหนดจิตแผ่บารมีแก้พระแม่ธรณีที่เราได้ฝากน้ำทิ้งไว้

ทำได้อย่างนี้ กายทิพย์ก้จะสะอาด และ ทำให้ กายหยาบสะอาดไปด้วย
กายหยาบจะมีสุขภาพดี แข็งแรง
กายทิพย์เมื่อสะอาด ก็จะ ทำ สมาธิได้ดี เดินไปบนเส้นทางแห่งการหลุดพ้นได้สะดวก
ลองอาบน้ำกายทิพย์ ดูครับ แล้วจะเห็นผล แทบจะในทันที

 

อุบายวิธีนี้คล้ายๆ การเดินลมปราณครับ

 

ว้าวชอบจังเลย

 

เรียนคุณ the third eyes

ไม่ทราบว่าแล้วถ้ากายทิพย์ไม่สบายคะ จะมีวิธีทางไหนบ้างที่เกี่ยวกับการรักษาโดยกำหนดจิต คะ
ขอบคุณค่ะ

 

เรียนถามคุณ the third eyes อีกครั้ง
ถามนอกเรื่องนิดนึงค่ะ คืออยากว่าคนที่พ่อแม่ไม่มีบุตร หรือคุณย่า-ยาย ไม่มีบุตร แล้วไปขอลูก ขอหลานมา จากพระ ศาลเจ้า เจ้าที่ อะไรอย่างนี้นะค่ะ ให้มาเกิด ได้ยินว่าโบราณเขาบอกว่าเลี้ยงดีก็ดี เลี้ยงไม่ดีก็ร้าย ไปเลย เป็นเพราะอะไรคะ
แล้วถ้าเกิดว่าเขาเกิดมาแล้วเจอพ่อ หรือแม่ชอบแช่งด่าลูก หรือไม่สนใจเป็นเพราะกรรมของเขาเหมือนกันใช่ไหม๊คะ

 

การเจ้บป่วย นั้นคนเราป่วยทั้งกายหยาบและกายทิพย์ คนเราจึงต้องรักษาทั้งสองกาย
กายหยาบอย่าสำมะเลเทเมา กินอาหารให้ถูกต้องตามหลักการกินของ ออร่า ฝึกทพสมาะ ถือศีล เพื่อให้เกิดปัญญา หัดทำจิตให้ว่าง ให้เป็นอุเบกขาเพื่อลดอวิชชา ความไม่รู้และกิเลส เป็นการเดินไปสู่ถนนแห่งการหลุดพ้น

กายทิพย์ก้ต้องรักษาให้มีจิตที่นิ่ง คืดแต่สิ่งที่ดี กายหยาบ สอนกายทิพย์ให้รู้จักการละวาง อย่าให้กายทิพย์มีความรู้สึก ชอบ หรือไ ม่ชอบ เพราะจะเป้นการ
พูกพันธ์ต่อไปในชาติหน้า ที่เรียกว่า การลดเวทนา ในสัญญา เพื่อช่วยให้หลุดพ้นจากวงจร ปฏิจจมสุปบาท หรือ วัฏฏสงสาร การเวียนว่าย ตายเกิด ได้

เมื่อกายทิพย์ป่วย สามารถ รักษาได้ด้วยการอาบน้ำทิพย์ตามวิธีที่บอก
และเสริมได้ด้วยพลังทั้งหลายที่ใช้จิต เช่น พลัง จักวาล พลังโยเร พลังเรกิ พลัง คอสมิค พลัง จี กง แม้แต่ไทเก็กมวยจีนก็ใช่ ฝึกโยคะ ก็ใช่
ถ้าเรามีกายทพย์ และกายหยาบที่ดีในชาตินี้ จะทำให้ชาติหน้าเกิดมาใหม่
จะเป้นคนที่มีสุขภาพดี เพราะ เชื้อ ดีเอนเอ ทางวิญญาญ จะตามไป 30 %

การรักษากายทิพย์ และกายหยาบให้ดี ก็เหมือน การมีรถยนตืที่ ดี ทั้งยางนอก และยางใน เมื่อดี ทั้งสองอย่าง ก้จะทำให้วิ่งไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้ วิ่งไปบนถนนที่ไปสู่การหลุดพ้น หรือนิพพานได้สะดวก
ดังนั้นผู้ที่ฉลาด ย่อมจะทำให้ยางนอกดี (กายหยาบ)
ยางในก็ต้องดี (กายทิพย์)
อยากไปนิพพานก็ต้องทำอย่างที่ว่า
ทำอย่างไร

พระพุทธองค์ทรงบอกไว้แล้วให้ทำอย่างไร
นานมาแล้ว กว่า2500 ปี วิชาที่พระพุทธองค์สอน เป็นปรัซญา ไม่ใช่เทพนิยาย
เป็นจริงของสากล ไม่เน้น ศาสนา ใครๆก็ทำได้
ความสุขปฏิบัติจงมีแก่ทุกผู้ที่ปฏิบัติด้วยเทอญ

 

ขอบคุณครับสำหรับคำชี้แนะนี้

 

-ขอบคุณค่ะ ได้ลองปฏิบัติดูแล้ว รู้สึกจิตใจผ่องใส อะไรที่หนักใจอยู่ก็โล่งไปเลย และรู้สึกเหมือนว่ากายก็เบาสบายมากเลยค่ะ

 

อนุโมทนาครับ

 

หรอคับ จิตคือการจินตนาการ แล้วก็ทำให้จิตมีความสุขเพราะการจิตนการที่มีความสุขหรอคับ เมื่อจิตคิดว่าร่างกายเราดีขึ้น ก็แสดงว่าร่างกายเราดีขึ้น ทั้งที่ร่างกายยังเหมือนเดิม แต่เป็นเพราะอำนาจจิตที่ครอบนำความคิดเราไว้หรอคับ ทำให้เราไม่คิดว่าเราเจ็บเราป่วย แต่ทำให้รู้สึกสบายขึ้น นี้เป็นเพราะจิตของเราที่จินตนาการใช่ไหมคับ

 

อยากทราบค่ะว่า ที่ให้เราอาบน้ำกายทิพย์นะคะ (คืออยากทำน่ะคะ) แต่ไม่แน่ใจว่า เราสามารถทำในห้องนอน หรือที่ไหนก็ได้ใช่ไหมคะ ไม่จำเป็นจะต้องไปยืนอยู่บนพื้นดินจริง ๆ รบกวนช่วยอธิบายหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

อยากทราบค่ะว่า ที่ให้เราอาบน้ำกายทิพย์นะคะ (คืออยากทำน่ะคะ) แต่ไม่แน่ใจว่า เราสามารถทำในห้องนอน หรือที่ไหนก็ได้ใช่ไหมคะ ไม่จำเป็นจะต้องไปยืนอยู่บนพื้นดินจริง ๆ รบกวนช่วยอธิบายหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

การอาบน้ำทิพย์ ต้องอาบในที่สงบ
จิตจะต้องนิ่ง การอาบจึงจะสะอาด
ต้องยืนอยู่บนพื้นชั้นล่าง เป็นพื้นซีเมน หรือ สนามหญ้า จะดีที่สุด
เพราะในท้ายสุด น้ำที่อาบจะต้องลงสู่ดิน
และ เราควรที่จะกล่าวฝากน้ำนั้นไว้กับพระแม่ธรณี
และต้องแผ่บารมีให้ท่าน ที่ช่วย เก็บน้ำที่ใช้แล้วให้เรา
จะได้ไม่เป้นหนี้บุญ กันต่อไป

 

อย่าลืมนะครับ
วันสงกรานต์ เรามีการสาดน้ำกัน
อย่าลืมสาดให้กายทิพย์ด้วย
ร่างกายจะได้สดชื่น ทั้ง ข้างนอก และข้างใน

และอาบกายทิพย์ ทุกครั้งก่อนไป ทำสังฆทานหรือวันทำบุญ ใหญ่
อย่าลืมชวนพระแม่ธรณีไปด้วย
เพื่อเพิ่มบารมีด้วยกัน

 

ขอบคุณท่าน อ.อาชวินที่เมตตา สอนสิ่งที่ดีให้ค่ะ

 

ความจริงสร้างมโนภาพในตอนที่อาบน้ำทุกครั้งเลยก็ได้ว่ากำลังชำระกายทิพย์ไปด้วย
วิธีนี้ใช้กันมาแต่โบราณในหลายแห่ง ปัจจุบันที่เห็นก็ยังมีกลุ่มนักบวชญี่ปุ่นใช้วิธีนี้อยู่

 

อาจารย์ตาที่สาม ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วครับ


http://palungjit.org/threads/ขอไว้อ...ันหันของอาจารย์อาชวิน-อาจารย์ตาที่สาม.252514/

 

อาจารย์จะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไปค่ะ คิดถึงอาจารย์ จึงตามมาอ่านกระทู้ที่อาจารย์เขียนไว้ ขอบคุณคุณสันโดษมากด้วยค่ะ

 

เหนด้วยกับคุณmind^-^power ค่ะ

นึกถึงวันที่ได้มีโอกาสพบอาจารย์ จะจำทุกสิ่งที่อาจารย์ได้สอนและชี้แนะด้วยใบหน้าที่มีเมตตา ขอไว้อาลัยและขอนำคำสั่งสอนของอาจารย์นำไปใช้และแนะนำคนใกล้ชิด ขอขอบคุณอาจารย์จริงๆ