เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ลงจากเขากระโดง เราก็มุ่งตรงสู่ ประโคนชัย
ตัดผ่านถนนใหญ่ อุบล-โคราช..ไปทางใต้ เข้าสู่เขตชายแดนเขมร
ยิ่งใกล้เป้าหมาย สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจาก ไร่นา มาเป็น ป่าโปร่ง
เป็นป่าโปร่งที่ ว่างเปล่า เพราะ เริ่มเข้าเขตพื้นที่ ทับซ้อน
ระหว่างเขตแดนไทย-เขมร..ผู้คนจึงไม่มีการทำประกอบอาชีพใดๆ.
เพราะไม่รู้ว่า พื้นที่ จริง อยู่ในเขตประทศใด..เมื่อไม่แน่ใจ ก็ไม่ทำดีกว่า
.........................................................................
รถแล่นผ่านป่าโปร่ง ไปตามถนนที่คดเคี้ยวกลางป่าโปร่ง..
.เป็นถนนลาดยางที่รถพอสวนกันได้..เริ่มสังเกตุเห็น ปราสาทเล็กๆๆ
เรียงรายสองข้างทาง...แปลว่า เรามาใกล้เขตที่ สุดของเขตแดนแล้ว
ในที่สุด เราก็มาถึงท่างตัน.ไปต่อไม่ได้..ข้างหน้า คือ เขมร...จึงต้องจอดรถ
.......................................................................
มองทางขวาเห็นที่ทำการสนามเล็กๆๆ สอง สามหลัง เรียงราย ปักธงไทย
แปลว่า เป็น ของ ฝ่ายไทย..พอจอด ก็มีเจ้าหน้าที่ เดินมาสอง คน..
อยู่ในวัย ฉกรรจ์ พอสมควร..

คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้า ที่ จาก หน่วยกรมศิลปกร.
เพื่อดูแลสถานที่และวัตถุโบราณ..มิให้ มีฝ่ายใด ขนย้าย ข้ามออกไป

อีกคนเป็น ทหารประจำชายแดน ดูแล ความปลอดภัย ของผู้คน.
ที่จะไปเยี่ยมปราสาท ตาเมียนธม
........................................................................
เราบอกความประสงค์เขาว่า จะมา เที่ยวชม ปราสาทตาเมียนธม.
เขาก็ บอกว่า ได้......ยังปลอดภัย.....เมื่อเห็นเราหิ้ว ดอกไม้ธูปเทียน.
เตรียมมาด้วย ก็ บอกว่า.......ช่วงนี้ ไปดูได้ แต่ทำพิธีบูชาไม่ได้
..................................................................
เป็นเพราะ ช่วงที่ มีการทำลาย พญานาคที่ปราสาทเขาพนมรุ้งเมื่อ ปี 2551
มีคนมาทำพิธีแล้ว ลงมือ ทำลาย....เราจึงห้ามฝ่ายเขมร เข้ามาทำพิธี ไหว้บูชา
เพื่อไม่ให้ ซ้ำรอย ประวัติศาสตร์.......เมื่อฝ่ายไทยห้ามคนเขมรเข้ามาไหว้
ฝ่ายทหารเขมร.....ก็ เลยต้องห้ามคนไทย เข้าไป ทำพิธีไหว้บูชาเช่นกัน
.............................................................................
เราก็เลยต้อง เอาของที่ จะไหว้ ทั้งหมด ไว้บนรถ เดินไป แต่ตัว
ตัวปราสาท ตระหง่านอยู่ ตรงหน้า ห่างออกไป ม่เกิน 50 เมตร
อยู่ในพื้นที่ ราบ..ที่ ต่ำลงไป เล็กน้อย..
มีพื้นเรียบ มีหญ้าเขียวโดยทั่วบริเวณ...แสดงว่ามีการดูแล ค่อนข้างดี
.........................................................................

 

ตัวปราสาท ทอดตัวในแนว ทิศตะวันออก- ตะวันตก
มีช่องประตูเรียงเช่นกัน..น่าจะมีสักวันใน ปี
ที่ แสงแดด จะลอด ผ่านทุก ช่อง..แบบเดียวกับที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง
พื้นที่ปราสาท ประมาณ ครึ่งสนามฟุตบอลล์ แต่มี ตัวปราสาทครบเครื่อง.
...........................................................................
เราเดินเข้าไปก็พบว่า มีพลังเทพ รักษาอยู่ ค่อนข้างแรง
สามารถสัมผัสได้ อย่างชัดเจน..
เดินไป ตัวก็วูบวาบไป ด้วยพลังสัมผัส กับสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ที่ มีอยู่
.เดินไป -ถ่ายรูปกันไป เพื่อเป็นที่ ระลึก..จนทั่วบริเวณ
...............................................................................................
ทหารไทยที่เดินคุ้มกันเราไป แต่ง แบบ ฟอร์ม ชุดทหารสีเขียว
ชี้ให้ดู ทหารเขมร ที่ แต่ง ชุดลำลอง นุ่งกางเกง ปกติ
ใส่เสื้อเชิรติ์......เราก็เดินไป เดินมา. ไม่ได้ ทักทายทหารเขมร
เพราะไม่แน่ใจว่า เขาฟังภาษาไทยได้ หรือ ไม่
.เดินไปทั่ว...จนพอใจ ก็ กลับออกมา
.........................................................................................................
ที่ ฝั่งไทย มีต้นไม้ใหญ่ อยู่ชิดบริเวณตัวปราสาท
เราก็มอง สัมผัส..ก็เห็นมีพญานาค 5 เศียร.. เป็น นายทวาร รปภเฝ้า อยู่
ก็เลยไปที่รถ เอาของ ไหว้บูชา......มา ไหว้พญานาคแทน
โดยวางของบูชาไว้ที่ โคนต้นไม้ใหญ่ นั้น..น่าจะเป็น ต้นข่อย ป่า
......................................................................

 

ถอยรถกลับออกมาได้ ประมาณ 300เมตร..ก็พบปราสาทอีกหลัง
มีรถนักท่องเที่ยวแบบเรามาจอด อีกคัน..เป็นขาวต่างประเทศ
นี่คือ ปราสาท มาเมียนโต๊ด....เมื่อ.กลับมาถามคนที่รู้ภาษาเขมร
เขาบอกว่า ตาเมียนธม ..แปลว่า ปราสาทใหญ่
ตาเมียนโต๊จ ที่ จริง ต้องออกเสียง "ตร๊วต" แปลว่า เล็ก
................................................................
มีขนาดเล็กก็จริง ..
พบว่า บริเวณ โดยรอบ มีทวยเทพ เทวดา มาออ กันเต็ม
แปลว่า ปราวสาทนี้ไม่ธรรมดา..มีเหล่า เทพรักษา
...........................................................

พถอเดินจนทั่ว ถ่ายรูปเสร็จก็ออกมา เดินทางต่อ...
ออกมาได้ ประมาณ200เมตรก็ มาถึงปราสาท ที่ มีขนาดเล็ก
มีหลังเดียว แคบๆๆ สั้นๆๆ..อยู่ท่ามกลางแมกไม้ใหญ่.นีคือ ปราสาทตาเมียน
พบว่า ที่ นี่ มีองค์พระศิวะ สถิตย์อยู่..พวกเราจึง สัมผัสได้ อย่างชัดเจน
พวกเราสี่คน เดินไป ก็สัมผัสไป..จนทั่วพร้อมถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ ระลึก
....................................................................

 

คุณวิษณุเล่าว่า...ที่ปราสาทตาเมียน องค์พระศิวะ ปรากฏตัว
บอกว่าดีใจที่ได้พบกับผู้ที่ศรัทราในองค์..และถือว่า เป็นลูกอีกคน
และมอบหินก้อนเล็กๆๆ สำคัญให้ ก้อนหนึ่ง
......................................................................................................
เขาก็กำไว้.......แต่พอจะเดินออกมา กลับขึ้นรถ
ถูกพญานาค ซึ่งเป็น รปภ เฝ้า สถานที่อย่าง เคร่งครัด
ไม่ยอมให้ เอาก้อนหินที่ พระศิวะให้ไว้..ออกมานอกบริเวณ.
วิษณุ ก็ วางคืนไว้ที่พื้น..ไม่เอาออกมา...
แต่ก็งงที่ องค์พระศิวะให้ มาแต่พญานาคไม่ให้ เอาออกมา
.............................................................
คืนนั้นภาพตามมาในมิติ มองเห็นองค์พระศิวะ..
ทำลายต้นไม้ใหญ่ ที่ พญานาคอาศัย..โค่นล้มลง.
ด้วยความโกรธ ที่ ห้ามไม่ให้ เอาของ ที่พระองค์ให้ลูกออกมา
........................................................
เป็นการโค่น ท่างกายทิพย์ .....ถ้าไม่มีการแก้ไข.
.ต้นไม้ใหญ่ นั้น จะต้อง ถูกโค่นและตายจริง ภายใน 7 วัน.
เราเป็นคนกลางจะทำยังไงดี หนอ...
เพราะ พญานาค ทำหน้าที่ รปภ อย่างเคร่งครัดที่ สุด..
จะต้องไม่ให้ เสีย ทั้งสอง ฝ่าย..
ทำยังไง?????????
............................................................
(มีต่อ)

 

ปล่อยให้ค้างอีกแย้วว >_<

 

พญานาคได้ทำหน้าที่ของตนแล้ว

พระศิวะให้ของมา แล้วเอาออกมาไม่ได้เพราะ รปภ พญานาค

ถ้าอย่างนั้นก็ย้ายพลังสิคะ ย้ายพลังจากสิ่งนั้นมาไว้กับอย่างอื่นที่ไม่ใช่วัตถุชิ้นนั้น

เช่น ย้ายพลังของวัตถุชิ้นนั้นมาที่เหรียญบาท ที่ the third eyes ชอบย้ายพลังบ่อยๆ ไง

แค่นี้ก็กราบขอบคุณพระศิวะได้แล้ว และก็เอาสิ่งนั้นออกมาได้เพราะย้ายไปอยู่ในเหรียญบาท

พระศิวะก็ไม่น่าจะโกรธต่อไปอีกใช่ไหมคะ

ไม่ทราบวิธีนี้ใช้ได้เปล่า??

 

สวัสดีครับอาจารย์ รออ่านนานมากเลยครับอาจารย์ แต่ช่วงนี้คิดว่าอาจารย์คงงานเยอะ

 

สำหรับใครที่มีความรู้สึกอยากไปรู้ไปสัมผัสอย่าที่อาจารย์เล่าให้ฟัง
ก็จะมีการจัดทริปทัวร์คนตาทิพย์ อยู่ครับใครอยากไปก็ไปสอบถามกันได้ครับ
ไปแบบเช้าไปเย็นกลับ แต่ก็มีการคัดตัวคนที่จะไปครับ ถ้าได้ไปก็สนุกแน่ครับ
ได้เจอไห้รู้สัมผัสได้อย่าที่อาจารย์เล่าแน่นอนครับ

 

น่าสนใจวิธีแก้ไขจริงๆเลยค่ะ เรื่องของชาวทิพย์นี่ ก็มีขั้นมีตอนนะคะ รออาจารย์มาเฉลย F5บ่อยๆเลย(y);41

 

มาแวะเยี่ยมเยียนอาจารย์ตาที่ 3 หน่อย ไหน ๆ ก็ใกล้เทศกาลสงกรานต์แล้ว
ถือโอกาสนี้ มารดน้ำดำหัวอาจารย์ซะเลย ขอให้อาจารย์มีสุขภาพ แข็งแรง
สมบูรณ์ ปราศจากโรคภัย มีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้ ร่ำรวยด้วยศีล
ด้วยบุญบารมีตลอดไปค่ะ

 

สดชื่นค่ะ ขอบคุณคุณไอย ที่มาเริ่มเทศกาลสงกรานต์ก่อนใครเลย
ขอคุณพระศรีรัตนไตรคุ้มครอง อำนวยพร ให้อาจารย์สามตา
(ยัยตัวเล็กบอกว่า ไม่ยอม...ถนัดเรียกแต่อาจารย์ตาที่สาม)
และพี่น้องผองเพื่อน ที่เข้ามาเขียนมาอ่าน มีแต่ความสุข สมหวังดังตั้งใจ
เดินทางที่ใดขอให้ปลอดภัยนะคะ
qsquเหม่ เล่น คัดตัวแบบทิพย์สัมผัส ป๋มก็อดจิค้าบบบท่านvisnu
แต่ว่าได้อ่านก็เปิดโลกทัศน์ตัวเองแล้วแหละ สนุกและแปลกดีค่ะ
ยังไงก็อย่าลืมมาเล่านะเจ้าคะ เป็นมิตรรักแฟนเพลงแถวหน้า รอเล่ม 11อยู่ อิอิrabbit_

 

ถ้าไปฮาๆก็ไปได้ แต่เดี๋ยวกลัวท่านอื่นที่ไปแบบไม่ฮา กับมาเดี๋ยวมาว่ากันครับ
ไปกันสนุกๆครับ กับงบไม่เกินพัน สนุกกันเช้ายังเย็นไปกันไม่เกิน 10คนครับ
คือขาประจำก็4-5คนแล้วก็เอาเพิมอีก 3-4คนครับ นอกจากจะไปเยอะกันจริงๆ
ถึงจะว่ากันอีกทีครับ


<embed src="http://widget-dc.slide.com/widgets/slideticker.swf" type="application/x-shockwave-flash" quality="high" scale="noscale" salign="l" wmode="transparent" flashvars="cy=h5&il=1&channel=3530822107873136348&site=widget-dc.slide.com" style="width: 426px; height: 320px;" name="flashticker" align="middle">

 

หลายคน คงสงสัย ว่า จะแก้ปัญหา ระหว่างองค์พระศิวะ กับ รปภ พญานาค เรื่องให้ ของ แล้ว เอาออกไม่ได้..กันอย่างไร จึง จบลงด้วยดี..จะเฉลย ตอน ท้ายๆๆ..ไอเดีย คุณ
adittarn...ใกล้เคียงมาก..เพราะ มีจิตรู้ค่อนข้างสุง
............................................................................................................
มีคนหลายคนเริ่ม สาดน้ำ สงกรานต์ให้ สามตา แล้ว
อูย...หนาว..เดี๋ยวก็เขียนเล่าต่อไม่ไหวหรอก..ก็ขอขอบคุณ ทุกท่านที่ อวยพรมา..สิ่งใดที่ ให้ มา ก็ ขอ คืนไปด้วย แรงมากกว่า 3 เท่า
..............................................................................................................

 

อาจารยยย์ มาช่วยจุ๊ยทำบ้านหน่อยค้าบ
ตรวจฮวงจุ้ยคนอื่นแล้ว
ช่วยมาตรวจ-มาออกแบบให้ลูกศิษย์ลูกหามั่งจิค้าบ ถือว่าช่วยลูกเต่านะค้าบ
จะทำบ้านใหม่ค้าบ (มีคนเชียร์ เค้าบอกว่าให้เก็บตังกับคนเชียร์ด้วยล่ะ 55)
เผื่อๆ จะรวยกับเค้าม่างงงง

 

เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ ทัวร์ อิสานใต้ (ต่อ)
..............................................................................

เราจบการเที่ยวและสัมผัส กลุ่มปราสาทชายแดนทับซ้อน ไทย-เขมร
อันมี ปราสาทตาเมียนธม / ปราสาทตาเมียน โต๊ด/ ปราสาทตาเมียน
ก็เดินทางต่อ ไป ยัง อำเภอ ปราสาท อันเป็น ที่ ตั้ง ของ
ปราสาทเขาพนมรุ้ง /ปราสาทเมืองต่ำ..ที่อยู่ห่างไม่เกิน 40 กม.
.....................................................................
เนื่องจากเรา แล่นรถมาตามถนน ด้านใน..เป็นถนน ระหว่างหมู่บ้าน
หรือ ที่เรียกกันว่า ถนน รพช..เป็นถนน ที่ ลาดยาง แคบๆๆ รถพอสวนได้
ถนน รพช เป็น ถนนที่ มีงบสร้าง..แต่ไม่มีงบ บำรุงรักษา
ใหม่ๆๆก็ดี..พอใช้ไปนานๆๆ ก็ลำบาก..ถนนเสีย แผ่นดิน
เราเสียเวลา พอสมควร กว่า จะมาถึง ปราสาทตามเป้าหมาย
.............................................................................
ตามโปรแกรม เดิม เราจะต้อง ผ่าน ปราสาทเขาพนมรุ้งก่อน
แต่พอมาทางด้านใน..เราจึงมาถึง ปราสาทเมือง ต่ำ ก่อน..
จึงต้องดู ก่อน
.................................................................................
ปราสาทเมืองต่ำ ตั้งอยู่ในที่ราบกว้าง มีพื้นที่ มากกว่า 20ไร่
สร้างก่อน ปราสาทเขาพนมรุ้ง..เพราะ ให้สร้างก่อน เป็นการฝึกฝีมือ
ก่อนที่ จะให้ไป สร้าง ปราสาทเขาพนมรุ้ง บนเขาอย่างจริงจัง
...................................................................................
เราจอดรถตรงหน้า ประตูเข้า...ที่ มีป้ายบอก
และมีอาคารเล็กๆ เก็บค่าชมสถานที่..เจ้าหนาที่แนะนำว่า..
ถ้า เสียค่าผ่านที่เดียว โดยรวม ค่าชม ปราสาทเขาพนมรุ้ง ด้วย
จะได้ ส่วนลด...เราก็เอาตามที่เขาแนะนำ
......................................................................
พแผ่นประตูเข้าไป..ก็ มองเห็น เด็ก นักเรียนในเครื่อง แบบ อยู่สามคน
เป็นเด็กชาย อายุ่ 13-14หนึ่งคน และเด็ก หญิง อีก สอง คน อายุ ไม่เกิน สิบ
คงจะเป็นเด็กหาเงิน ค่าเรียน โดย อาสาเป็นไกด์ นำเที่ยว
คงเป็นประเภท ท่อง จำมา ว่า ตรง นั้น คือ อะไร ตรงนี้ คือ อะไร
มีที่ มาเป็นอย่างไร...ก็จำแล้วพูดไป เรื่อยๆๆ
..........................................................................
กลุ่มเรา คนตาทิพย์...เป้าหมายคือ มาเพื่อ สัมผัส
และ พบสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ เช่น มหาเทพ ที่เฝ้า อยู่ ในบริเวณ ปราสาท/
พญานาค ผู้ดูแล..สนทนากัน..
ซึ่งแน่นอน เกิน ความสามารถ ของเด็กที่ จะทำได้
เราไม่ได้ มาเพียง เดินๆๆไป ดูไป ว่า สวยใหม/ เก่าใหม
ถ้ามาในแบบนั้น เดิน แค่ ครึ่งชั่วโมงก็ รอบ แล้ว
.......................................................................

 

ในใจเรารักเด็ก..ก็เรียกมา เอาเด็กชายที่ อายุมาก กว่า เพื่อน
และน่าจะรู้เรื่องมากกว่า เพื่อน..มาเป็นไกด์..อยากให้เขาได้ สตางค์
ดีกว่าวัยรุ่นอื่นๆๆ ที่ ทำ แต่เรื่องเหลวไหล /เที่ยวเตร่ /เล่นเกมส์ ทั้งวัน
.........................................................................
เราเดินไปด้วยกัน ทั้งหมด...ทาง้ดินก่อเป็น แผ่น อิฐ แข็ง ทอดยาว
มองด้วยตา มันไกล มากพอสมควร มากกว่า 150 เมตร
จึงจะไปถึง ตัวปราสาท...ไม่รู้ว่า คนออกแบบ แปลนคิด ยังไง
ปราสาทอยู่ด้านหนึ่ง..ประตูเข้าอยู่อีกด้านหนึ่ง
แบบนี้ คนแก่ เดิน สามขา /เดิน สี่ ขา /พวกพิการที่เรียกว่า กลุ่มเดี้ยง
ไม่มีสิทธิมาเที่ยว..ไหนจะไกล..ไหนจะต้อง ปีนขึ้นลง ระหว่าง ตัวปราสาท
..............................................................................
ระหว่างเดินไป..ก็ปล่อยให้ไกด์พูดไป เรื่อยๆๆ..เรื่อง ประวัติและความเป็นมา
เดินมาได้ จนถึง บริเวณ หน้าปราสาท..
มองเห็น สระน้ำศักดิ์ สิทธิ์ สำหรับทำพิธี อยู่ทางขวาและ ซ้าย
...................................................................
เข้าไป อีก30 เมตรก็มาถึง มุขปราสาทหลังแรก
มีบันได หิน เป็น ทาง ขึ้น...คนโบราณ ตัว คงใหญ่น่าดู
เวลาจะก้าวขึ้น..เรียกว่า ปีนเอาดีกว่า..ก้าวขึ้นอย่างธรรมดา ไม่ได้
..........................................................................
ขึ้นบันได ไป ก็เจอ ประตู เทวาลัย อันแรก
ก็เข้าไป แบบ ฮินดู..คือ เอามือ แตะที่ ปาก
แล้ว แตะที่ สอง เสา และ แตะที่ ธรณีประตู..ก่อนจะก้าวข้ามไป
พอก้าวข้ามไป ก็ เจอ..สิ่งแรกเลยนั่นคือ .."ดอกบัวเหล็ก แปดเหลี่ยม"
ซึ่งเป็น จุด ที่ เป็น ทางขึ้นลง และติดต่อ กับเบื้องบน
..........................................................................

 

เอาของที่เตรียมมาตั้งแต่เช้าสำหรับการบูชา มหาเทพ
นั่นคือ พวงมาลัย / ดอกไม้/ธูปเทียน/และ ขวด เปล่า เอ็ม 150 ใส่ทรายมา
การไปไหว้เทพ ตามปราสาท..จะต้อง เตรียม ขวด เอ็ม 150 หรือ เทียบเท่า
อย่าง กระทิงแดง/ หรือ ฉลาม..เพราะในการปักธูป..
จะทำไม่ได้ เพราะ พื้นจะเป็น หิน..ไม่มีดินให้ ปัก
.............................................................................
เราเริ่ม โดยการ เอาขวด ที่ใส่ทรายมา วางไว้ก่อน
จุดธูป 9 ดอก..แล้ว ปักในขวดเพื่อ บูชา..
วางดอกไม้ ลงที่ขอบ เหล็ก ที่ กั้น บัวเหล็กไว้
สวดมนต์ สั้นๆๆ แล้ว กำหนดจิต ขอส่ง ของถวายขึ้นเบื้องบน
เอามือ แหย่ เข้าไป ใน พื้นที่ ภายในของ บัวเหล็ก
.....................................................................
ด้วยตาใน เราจะมองเห็น อย่าง ชัดเจน ว่า มีแสงสีม่วงส่อง
ขึ้นสูง สู่ฟ้า หายไป ยัง เบื้อง บน..ลองเอามือ แหย่..
จะสัมผัส กับแรงยกมือ ให้ ลอยขึ้น..โดยมีแรงดันยก ข้างใต้ มือ
การที่ มองเห็น แสงสีม่วงส่อง ขึ้นสูง และ มือสัมผัสได้ กับแรงยก
ก็แปลว่า ..สิ่งของที่นำมาถวายนั้น..ได้ขึ้นสูงไปสู่ มหาเทพแล้ว
....................................................................
เด็กไกด์ ยืนงง..ว่า เราทำอะไรกัน..แต่เราก็ไม่อธิบาย
เพราะการอธิบายเรื่อง แปลกๆๆ ที่ คนที่ มีธรรมภูมิต่ำ..เขาจะไม่เข้าใจ
และจะคิดว่า ..พวกเราผิด ปกติ..เสียอีก
........................................................................

 

จากเทวาลัยหน้า สุด..เราก็เดิน ต่อ ทะลุ ออกประตูช่อง ต่อไป
ออกมายืน ที่ ลานพักสูง หน้า บันได..ที่สูงเอาการ
เพ่งไป ข้างหน้า..เห็น เทวาลัย หลังที่ สอง..
อยู่ห่างออกไป ประมาณ 40 เมตร..เพ่งไป ที่หน้าบัน
ที่แกะสลัก เป็น รูป มหาเทพ และมีพญานาค อยู่ด้วย
................................................................
เพ่ง แว๊บเดียว..ทางโน้นคงจะรู้..จึงเห็นอะไร บางอย่าง เคลื่อนที่
ลงมาจากหน้า บันนั้น..ลอยมาเหนือ พื้น..เป็น ตัวยาวสีฟ้า
เลื้อย แค่ สอง สาม วินาที..ก็มายืน ตรงหน้า เราแล้ว
พญานาค สีฟ้า ตัวยาวประมาณ 7-8 เมตร...นั่นเอง
....................................................................
พวกเราสามคน จึงรีบกระโดดลงบันได ลงมา หาเขา
ส่วนวิษณุ..เดินหายไป อีกทาง เมื่อไหร่ไม่รู้
พอลงมา..ตัวเขาพอ ยก เศียร ก็ พอ ดี กับ ระดับ เอว
เราจึงทักทาย และ ขอ สัมผัส..เขาก็ไม่ว่า อะไร
..................................................................
เอามือ ลูบตัว เขา..เป็นพลังเย็น แห่ง พุทธะ และ ความเมตตา
ลูบอยู่ สักพัก..ก็ ขอบ คุณ เขาที่ มาต้อน รับ
บอก แผ่เมตตาบุญ ที่ได้ ทำในวันนี้ ..ให้เขาไป
เขาก็เลื้อยกลับไป ยัง หน้า บัน ที่ ออกมา
................................................................

 

เราก็เดิน ชมพื้นที่ ต่อไป..โดยผ่าน เทวาลัย ด้านหลัง
สัมผัสพลังได้ ตลอดเวลา แรงบ้าง อ่อนบ้าง
ในที่สุดก็มานั่ง ทำสมาธิ ที่ ริม สระศักดิ์ สิทธิ์ ใหญ่..ที่เรียกว่า บรรณาราย
ที่ นั่งทำตรงนั้น ก็เพราะรู้ว่า ในบ่อ น้ำนั้น มีพญานาค สถิตย์อยู่
.......................................................................
นั่งนาทีแรก..รู้สึก ร้อน เพราะ แดด แรง
นาทีต่อ มาพญานาค ขึ้นมาดู และ จ้อง เราสามคน
เราก็ จ้องเขา..และทักทายเขา
เขาก็แผ่พลังเย็นมาให้..เราเลยนั่ง กลางแดด ทำสมาธิ
แต่ หนาวเย็น ไม่ร้อน เพราะ พญานาค คงจะรู้ว่ามนุษย์นี้ ขี้ร้อน
จึงพ่นลมเย็น แบบแอร์ มาให้..ก็สะบายไป
......................................................................
ด้านหลัง สามตาไม่ได้ ไป..นั่งอยู่ แถวกลางๆๆ
วิษณุ กับ จิรศักดิ์ เดินกลับมา..บอกว่า กำแพง ด้าน หลัง ทางขวา.
ดูด้วยตาเนื้อ เห็นเป็นกำแพง ตัน ก่อ อิฐศิลาแลง
แต่พอมอง ด้วยตาใน..เห็น เป็น ประตู สีทอง กว้าง ซ้อนอยู่
ไม่รู้ ประตูอะไร คงเป็น ประตูพิเศษ
.......................................................................
มาบอก ตอน กำลัง ออกมาจะถึงรถแล้ว...
จึงไม่ได้ กลับไปดู ว่า ประตูอะไร
คิดอยู่ว่า ในคราวต่อไป ถ้ามาอีก..ก็จะลอง ถอดจิต เดินทะลุประตูเข้า ไป
คงจะได้ เห็น อะไร ดี มารอ อยู่...
อาจจะเป็น กลุ่ม นางอัปสร ที่ สวยงาม นุ่ง กระโปรงโบราณ ยาวย้วย
แต่ไม่ใส่เสื้อ..เช่นที่คุณ ตัวกลมๆๆ เคยเอารุปมาลงให้ ดูทีนีง แล้ว
ถ้าจริง ก็ อะฮ้า อะฮ้า อะฮ้า..ติดอยู่ในนั้น..แหละดี..ดี ดี ดี ดี
..........................................................................
(มีต่อ)

 

โอ๊ะ... กลับมาฝึกสมาธิจริงๆจังๆดีกว่าแฮะ..
อยากถอดจิตติดอยู่ในอีกมิติจังงงง