พี่ๆๆ ครับ ผมอยากฝึกสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย exman, 8 เมษายน 2009.

  1. exman

    exman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +31
    ผมอายุ 19 ผมอยากฝึกสมาธิ
    ผมเคยลองฝึกทำแล้วนะครับ แล้วผมรู้สึกปวด บริเวณ ตา มากๆ
    แล้วเวลาผมทำสมาธิ จิตผมไม่นิ่ง คิดไปเรื่อย ผมควรทำอย่างไรดีหรือครับ
    ผมอยากรู้วิธีฝึกที่ทำได้ง่ายๆ จิต ไม่วอกแวก น่ะครับ




    รบกวนช่วยบอกด้วยนะครับ......ขอบคุณครับ
     
  2. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    วิ ธี การ มัน ง่าย นะ แต่ การ นำ ไป ทำ จริง จริง มัน ก็ ไม่ ง่าย

    ขอ เอา ใจ ช่วย ครับ

    เหมือน รด น้ำ ต้น ไม้ คอย ดู แล รักษา

    ถึง เวลา มัน ก็ ออก ดอก ออก ผล เอง

    เรื่อง อย่าง นี้ บัง คับ กัน ได้ ยาก ครับ ที่ จะ ให้ มัน ออก มา ได้ อย่าง ใจ เรา
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ฝึกใหม่ๆก็เจอกันทุกคนอะครับ นั่งเเล้วคิดโน่นคิดนี่ วิธีเเก้คือ ไม่ต้องทําอะไรเลยครับ นั่งต่อไป จับอยู่ที่ลมพุทโธพอครับ จิตมันจะคิดอะไร ช่างมัน ไม่ต้องไปสนมัน ทํายังงี้เป็นประจําทุกวัน ซักวันเราจะสงบได้เอง ประมาณว่า หลับตาปุ๊บก็สงบเลย ขอให้เพียรทําต่อไปนะครับ อย่ายอมเเพ้ คุณทําได้เเน่นอน เเล้วจะรู้ว่าความสุขที่เเท้จริงนั้นเป็นอย่างไร อนุโมทนาครับ
     
  4. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    เริ่มจากอานาปาณุสติกรรมฐาน กำหนดรู้ลมหายใจ ทำแบบสบายๆไม่ต้องเครียดหรือตั้งใจมากเกินไป ถ้าเริ่มเครียดก็ให้เลิก ทำวันละเล็กละน้อยก่อนพอนานเข้าจิตจะชินและทรงตัวได้นานขึ้นเองครับ
    อนุโมทนาในความตั้งใจครับ
     
  5. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    จิตต้องการเหตุผลที่จะดับความคิด ใครล่ะจะอธิบายเหตุผลให้จิตได้ละวางความคิด
    ละวางทุกความคิด รู้เท่าทันในปัจจุบัน รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง
    เมื่อรู้ว่าคิดเรื่องอดีต จะผูกพันกับมันทำไมเล่า การยึดติดกับอดีตทั้งดีทั้งงาม สุขและทุกข์ จะทำให้เราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ
    การเดาในอนาคตก็ไม่ใช่ความสุขแท้จริงประการใดเลย รู้เท ่าทันในปัจจุบัน ละวางในปัจจุบัน เพื่อที่จะส่งผลให้ทั้งอดีตและปัจจุบันดับสูญเสียให้จงได้ในชาตินี้
    เคยคิดบ้างไหม อดีต กับ อนาคตมันมาจากไหน มันมาจากการที่เราไม่รู้ในปัจจุบัน ไม่พิจารณาในปัจจุบัน การปล่อยผ่านปัจจับนให้ผ่านไปอย่างสูญเปล่า ละวางปัจจุบันไม่หมดก็เวียนว่ายตายเกิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ อย่างสุดแสนทรมาน
    เมื่อไม่คิด การปฏฺิบัติธรรมก็ไหลลื่น คล่องอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

    การทำวิปัสสนากรรมฐานไม่ได้ยากเลย ออกง่ายเสียด้วยซ้ำ
    ลองศึกษากระทู้นี้ได้ไหมครับ
    กราบครูบาอาจารย์เหนือเศียรเกล้า
     
  6. mayl8e

    mayl8e Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +55
    ฮ่าๆ อายุไม่สำคัญ ผม 17 เอง

    สมาธิน่ะมีไว้สำหรับคนจิตไม่นิ่งนั่นแหละครับ ปกติคนเราจิตมันไม่เคยนิ่งอยู่แล้วเพียงแต่ปกติเราทำอะไรอย่างอื่นไปเรื่อยๆมันเลยไม่รู้สึก แต่พอมานั่งสมาธิ มันก็เหมือนกับเราพยายามจับลิงดัดลิงที่โตแล้วมานั่งอยู่เฉยๆ มันก็คงยากอ่ะครับ

    สำหรับผู้ฝึกใหม่ก็น่าจะรู้จักกับ การจับลมหายใจนะครับ ติดตามอยู่กับลมหายใจ

    การฝึกสมาธิเป็นการทำให้จิตแน่นิ่งกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานๆเท่าที่จะทำได้ เช่น อานาปานสติ การมีสติรู้ลมหายใจเข้า-ออก ไปเรื่อยๆ จนไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ กสิณ การจำภาพที่มองแล้วนั่งสมาธิก็คิดถึงภาพๆนั้นให้ได้อยู่ตลอดเวลา

    เรื่องพวกนี้ต้องทำจริงๆจังๆครับ และที่สำคัญกำลังใจของคุณสำคัญมาก แล้วถ้าทำ 1 วันไม่ได้ 3 วันไม่ได้ 7 วันไม่ได้ 15 วันไม่ได้ 30 วันไม่ได้ ก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะที่คุณไปเรียนมาตั้งแต่ปฐมยังใช้เวลานานมากกว่าจะจบมัธยม 6 ก็ยังไม่ได้ทำงาน สมาธิให้ทำไปเรื่อยๆครับ มันจะดีขึ้นตามลำดับ

    บางครั้งถ้าท้อ เพราะไม่เห็นมันก้าวหน้าซักทีก็ปรารภกับตัวเองว่า
    "พระอรหันต์ พระอริยเจ้า ทั้งหลาย หรือ พระพุทธเจ้า ท่านต่างก็เคยเป็นคนที่มี สองขา สองแขน มีร่างกายทุกอย่างเหมือนกับเรา ท่านทำนิพพานให้แจ้ง แล้วทำไมเราทำไม่ได้ ? ทั้งๆที่เราก็มีทุกอย่างเหมือนกัน"
     
  7. exman

    exman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณทุกๆๆคนครับ
     
  8. exman

    exman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณทุกๆๆคนครับ
     
  9. พงศ์830

    พงศ์830 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +1,196
    ผมก็กำลังฝึกอยู่ครับ...
     
  10. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    โมทนา สาธุ ด้วย อายุยังน้อย แต่ก็มีจิตใจใฝ่ทางธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี จิตมันจะคิดอะไรก็ปล่อยให้มันคิดไป เพราะจิตคนเรามันเหมือนลิง วิ่งผล่าน กระโดด โลดเต้น มาไม่รู้กี่ร้อย กี่พันภพชาติจะให้มันสงบลงทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้ ต้องอาศัยการฝึกฝน หัดคุมบังเหียนให้เป็นจ๊ะ เวลาที่จิตเราคิดอะไรฟุ้งไปเราก็รีบตัดและรีบดับ เวลาเริ่มนั่งสมาธิก็รองไม่คิดไรปล่อยจิตว่างๆ ไม่ต้องปรุงแต่งไม่ต้องนึกคิด มันอาจจะทำได้เพียงไม่กี่นาืที แต่้ถ้าเราฝึกบ่อยๆมันก็จะดีขึ้นเอง ยกเว้นเสียแต่ว่าหากเราท่องพุทโธได้ทุกขณะจิต จับพุทโธให้อยู่เมื่อนั้นความคิดฟุ้งซ่านมันก็จะหายไปเองในที่สุด ท่องแบบเอาเป็นเอาตายเลย 24 ชั่วโมงไม่ให้ขาดแต่ยาก เพราะสมองก็ต้องมีที่จะคิดเรื่องอื่นบ้าง แต่เราก็พยายามกลับมาที่พุทโธทุกครั้งที่เรานึกได้นี่ก็เป็นการฝึกที่ดีและไม่ยากจนเกินไป เป็นกำลังใจให้จ๊ะ ขอใ้ห้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     
  11. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ลองเปลี่ยนอะไรนิดๆ บางทีเพ่งเเรงไปก็ทำให้เบาๆ ถ้าวิธีไหนไม่ปวดก็ทำวิธีนั้น

    บางทีมันต่างกันนิดเดียวเเต่ผลมันต่างกันเยอะเลย

    ลองสังเกตุบ่อยๆถ้าวิธีไหนดีลองจำเอาไว้ จำได้เอาไว้ทำสมาธิครั้งต่อๆไป
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ทำสมาธิแรกๆก็เป็นอย่างนี้หละน้อง.....ที่เราปวดนั้น...มันเกิดจากเราไปเพ่งมากเกินไปนะ....สังเกตง่ายๆ....ถ้าเพ่งจะขมวดคิว....วิธีการก็คือสบายๆ....ปล่อยอารมณ์สบายๆ....ไม่เพ่ง....ไม่เกร็ง.....ไม่ต้องคิดอะไร.....วางให้หมดนะ......แล้วทำความรู้สึกกับลมหายใจเข้าออก......แรกๆ...มันก็ฟุ้งหมดนะครับ....ไม่มีใครไม่ฟุ้งหลอก.....แต่เมื่อปฏิบัติ.....มันฟุ้งก็ไม่ต้องไปตามมัน....เมื่อรู้สึกตัวแล้ว...กับมากำหนดใหม่....ไม่ยากนะน้อง......เอางี้แล้วกันพี่แนะนำให้เราศึกษา หนังสือ วิธิฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่าย ๆ ของหลวงพ่อนะ อ่านก่อนสัก 1 รอบ แล้วปฏิบัติเลย(ไม่ยาวนัก)....สามารถ ปฏิบัติตามได้เลย..ตอบได้ว่าปัญหาทางสมาธิที่ตอบในบอร์ดนี้ส่วนใหญ่...อยู่ที่นี่....ศึกษาด้วยตนเอง..ไปอีกหน่อยไม่ต้องไปถามใคร..... ยกตัวอย่างนะ...

    <TABLE width="53%" align=center border=1><TBODY><TR><TD>วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่าย ๆ </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    มีท่านพุทธศาสนิกชนมากท่านได้มีจดหมายมาขอวิธีปฏิบัติกรรมฐานแบบง่ายๆ เพื่อฝึก
    ด้วยตนเอง อาตมาจึงเขียนวิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองขึ้นเป็นแบบฝึกในหมวด สุกขวิปัสสโก
    คือฝึกแบบง่ายๆ ขอให้ท่านผู้สนใจปฏิบัติตามนี้

    <TABLE width="16%" align=center border=1><TBODY><TR><TD>
    สมาธิ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    อันดับแรก ขอให้ท่านผู้สนใจจงเข้าใจคำว่าสมาธิก่อนสมาธิ แปลว่า ตั้งใจมั่น หมายถึง
    การตั้งใจแบบเอาจริงเอาจังนั่นเอง ตามภาษาพูดเรียกว่า เอาจริงเอาจัง คือ ตั้งใจว่าจะทำอย่างไร
    ก็ทำอย่างนั้นอย่างเคร่งครัด ไม่เลิกล้มความตั้งใจ


    <TABLE width="43%" align=center border=1><TBODY><TR><TD>
    อาการนั่ง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​


    อาการนั่ง ถ้าอยู่ที่บ้านของท่านตามลำพัง ท่านจะนั่งอย่างไรก็ได้ตามสบาย จะนั่งขัดสมาธิ

    นั่งพับเพียบ นั่งห้อยเท้าบนเก้าอี้ หรือ นอน ยืน เดิน ตามแต่ท่านจะสบาย ทั้งนี้หมายถึงหลังจากที่ท่าน

    บูชาพระแล้ว เสร็จแล้วก็เริ่มกำหนดรู้ลมหายใจเข้า และหายใจออก คำว่า กำหนดรู้ คือหายใจเข้าก็รู้

    หายใจออกก็รู้ ถ้าต้องการให้ดีมาก ก็ให้สังเกตด้วยว่าหายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้น
    ขณะที่รู้ลมหายใจนี้ และเวลานั้นจิตใจไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ เข้าแทรกแซง ก็ถือว่าท่านมีสมาธิแล้ว
    การทรงอารมณ์รู้เฉพาะลมหายใจเข้าออก โดยที่อารมณ์อื่นไม่แทรกแซง คือไม่คิดเรื่องอื่นในเวลา
    นั้น จะมีเวลามากหรือน้อยก็ตาม ชื่อว่าท่านมีสมาธิแล้ว คือตั้งใจรู้ลมหายใจโดยเฉพาะ



    <TABLE width="41%" align=center border=1><TBODY><TR><TD>
    ภาวนา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​


    การเจริญกรรมฐานโดยทั่วไปนิยมใช้คำภาวนาด้วย เรื่องคำภาวนานี้อาตมาไม่จำกัดว่า

    ต้องภาวนาอย่างไร เพราะแต่ละคนมีอารมณ์ไม่เหมือนกัน บางท่านนิยมภาวนาด้วยถ้อยคำ

    สั้น ๆ บางท่านนิยมใช้คำภาวนายาว ๆ ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่ท่านจะพอใจ อาตมาจะแนะนำคำภาวนา

    อย่างง่ายคือ "พุทโธ" คำภาวนาบทนี้ ง่าย สั้น เหมาะแก่ผู้ฝึกใหม่ มีอานุภาพและมีอานิสงส์มาก
    เพราะเป็นพระนามของพระพุทธเจ้า การนึกถึงชื่อของพระพุทธเจ้าเฉย ๆ พระพุทธเจ้า
    ตรัสไว้ในเรื่อง มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ว่าคนที่นึกถึงชื่อท่านอย่างเดียว ตายไปเกิดเป็นเทวดา
    หรือนางฟ้าบนสวรรค์ไม่ใช่นับร้อยนับพัน พระองค์ตรัสว่านับเป็นโกฏิ ๆ เรื่องนี้จะนำมาเล่า
    ข้างหน้าเมื่อถึงวาระนั้น
    เมื่อภาวนาควบคู่กับรู้ลมหายใจจงทำดังนี้ เวลาหายใจเข้านึกว่า "พุท" เวลาหายใจออก
    นึกว่า "โธ" ภาวนาควบคู่กับรู้ลมหายใจตามนี้เรื่อย ๆ ไปตามสบาย ถ้าอารมณ์ใจสบายก็ภาวนา
    เรื่อย ๆ ไป แต่ถ้าเกิดอารมณ์ใจหงุดหงิดหรือฟุ้งจนตั้งอารมณ์ไม่อยู่ก็จงเลิกเสีย จะเลิกเฉย ๆ
    หรือดูโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุหรือหาเพื่อนคุยให้อารมณ์สบายก็ได้
    (เพื่อเป็นการผ่อนคลายอารมณ์) อย่ากำหนดเวลาตายตัวว่าต้องนั่งให้ครบเวลาเท่านั้นเท่านี้แล้วจึงจะเลิก ถ้ากำหนด

    อย่างนั้นเกิดอารมณ์ฟุ้งซ่านขึ้นมาจะเลิกก็เกรงว่าจะเสียสัจจะที่กำหนดไว้ ใจก็เพิ่มการฟุ้งซ่าน

    มากขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ ก็จะเกิดเป็นโรคประสาทหรือเป็นโรคบ้า ขอทุกท่านจงอย่าทนทำ
    อย่างนั้น


    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=7
    </B>

    (smile)(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)(smile)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2009
  13. พระกระพี้

    พระกระพี้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +54
    อนุโมทนา ครับผม

    สายตามีโฟกัสเดียว จะเห็นชัด ๆ แค่สิ่งเดียว
    เช่นมองเทียน ๒ เล่ม เล่มหนึ่งจะชัดเจน แต่อีกเล่มหนึ่งจะมัว ๆ เป็นต้นฉันใด
    จิตก็ฉันนั้น เวลากำหนดลมหายใจ แล้วบริกรรม "พุทโธ"
    จิตก็คิดไปเรื่อย สนใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ ไม่มีหยุด
    ถ้ามัวสนใจแต่สิ่งเหล่านั้น ลมหายใจและพุทโธ ก็จะไม่ชัด

    ควรปรับให้เสมอกัน ในอินทรีย์ ๕ ประการนี้* คือ
    สัทธากับปัญญา
    ถ้าสัทธามากเกินไป ปัญญาน้อย มักงมงาย เชื่อเป็นตุเป็นตะ
    ถ้าปัญญามากเกินไป สัทธาน้อย มักอวดตัว น้อมมาปฏิบัติได้ยาก
    สมาธิกับวิริยะ
    ถ้าสมาธิมากเกินไป วิริยะน้อย มักเกียจคร้าน ไม่สม่ำเสมอ
    ถ้าวิริยะมากเกินไป สมาธิน้อย มักฟุ้งซ่าน ดันทุรัง
    ส่วนสติ ไม่มีเกิน มีแต่ขาดอยู่ร่ำไป

    *วิสุทธิมรรค แปลภาค ๑ ตอน ๒

    แนะนำได้พอประมาณ ที่สำคัญคือ ศีลต้องบริสุทธิ์โดยประการทั้งปวง
     
  14. Shio_Ri

    Shio_Ri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +122
    เป็นกันทุกคนค่ะ ช่วงแรกจะวอกแวก ยิ่งถ้ามีเรื่องกวนใจจะปวดหัวตุ้บๆเลย ดังนั้นค่อยๆฝึกไป อย่ารีบร้อนและอย่าฝืนด้วย เราก็เพิ่งฝึกได้ไม่นานนัก ยังวอกแวกอยู่เลย อิๆ


    เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆๆๆ
    ปล.อายุเท่าเราเลย 5555+
    อนุโมทนาด้วยน่ะค่ะ ^-^
     
  15. hmm

    hmm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    เริ่มฝีกแรกๆนี้ ประมาณ 10 นาทีได้ไหมครับ
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646

    ไม่ควรจำกัดเวลานะครับ.....

    ศึกษาดูได้จากที่ผมให้นะครับจะเข้าใจเอง.....หลวงพ่อบอกละเอียดแล้วครับ....ไม่ยาก...ศึกษาดูก่อนนะครับ....
    ;k03
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2009
  17. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ลองฝึก ห้อยแขวนคำพิพากษา ก่อนก็ได้ เวลาเราไปคุยไปสนทนากับใคร ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องเที่ยว เรื่องการปฏิบัติ เราหัดฟังเชิงลึก คือ ฟังเสียงภายในของเราเองดูบ้าง เสียงที่มันบ่น มันรำคาญ มันชอบตัดสิน พิพากษาคนอื่น อันนี้ก็ไม่ชอบ อันนี้ดีจัง สวยจัง เบื่อวะ เซ็งเป็ด ท้อ dkชpe@3+!dk*.. ฯลฯ

    ครูบาอาจารย์ผมสอนว่า เห็นต่างอย่าต่อต้าน ฝึกสติขึ้นมารู้ให้ทันตรงนี้ ทำได้ป่าว การเห็นต่างทำให้เกิดการเรียนรู้ ถ้าทำได้เห็นได้ ได้ยินเสียงภายในตนเองอย่างนี้บ่อย ๆ แล้วใช้สติควบคุมเขาได้ ไม่ให้ออกอาละวาดได้ นี่แหละ คือไม่วอกแวกล่ะ เราจะได้ความรู้จากการฟังเยอะทีเดียว

    โชคดีนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2009
  18. Bkkianmar

    Bkkianmar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +55
    สมาธิต้องทำตลอด
    พอเลิกทำมันก็เสื่อม
     
  19. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175
    ให้เริ่มฝึกจาก "สติ" ก่อน........ให้พยายามมี "สติ".....ในทุกอิริยาบถ.......ตั้ง "สติ" อยู่ในปัจจุบันขณะ.......ให้มากที่สุด........เมื่อ "สติ" ... ชัดเจน ดีแล้ว ... สมาธิ และ ปัญญา......ก็จะตามมาเอง........ตรงกันข้าม.....หาก ขาดสติ.....แม้ ธรรมในส่วนอื่นๆ ก็จะเสื่อมถอยไป.........ลองไปดูที่ "อนุสติ" ทั้ง 10 ประการ......ฝึกจาก ง่าย ไปหา ยาก......ก็จะได้รับผลเอง......เป็น ปัจจัตตัง.....รู้ได้เฉพาะตน........เพียงแค่มี "สัมมาสติ" เป็นพื้นฐาน......มี "สัมมาทิฏฐิ"......เป็นกำลังหนุน........เมื่อนั้น ธรรมทั้งหลาย ย่อมตามมาเอง.....

    ครูบาอาจารย์บางท่าน แม้จะศึกษาเล่าเรียนมาน้อย.......บางท่าน อ่านหนังสือ ไม่ออกเลย.......แต่ก็ปฏิบัติธรรม ได้ผล........เพราะ เริ่มฝึกจาก "สติ" นี้เอง......จนกลายเป็น "มหาสติ".........นำไปสู่ความหลุดพ้นได้..........สมาธิ ที่ขาด "สัมมาสติ" .....และ....."สัมมาทิฏฐิ" นั้น........จะกลายเป็นเพียง "มิจฉาสมาธิ" ......แม้มี ฤทธิ์.....ก็หลงทางได้.......

    ลองจับ ลมหายใจ ดูเล่นๆ.......ก็ได้ครับ......เป็น กรรมฐานกลาง.......ใช้ สติจับ นะครับ.......ค่อยๆ ทำไป.....ทำบ่อยๆ เนืองๆ.....เหมือนกับการ กินข้าว.....ไม่ต้องไปนับช้อน.....ค่อยๆ กินไป....ถึงเวลาอิ่ม ก็จะรู้เอง.....ครับ.......ส่วน นิมิตต่างๆ นั้น.....ก็เปรียบเหมือนกับ รสชาติของอาหาร ครับ....อร่อยแค่ไหน ก็ไม่เที่ยง ครับ.....

    ยกเว้น......เราจะนับถือในครูบาอาจารย์องค์ไหน เป็นพิเศษ......ก็ให้กำหนดจิตระลึกถึงท่าน นะครับ......จะไปได้เร็ว กว่าปรกติ.....ด้วยกำลังศรัทธาของเราเอง และ ด้วยบารมีของท่าน ครับ......
     
  20. nui_sirada

    nui_sirada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2008
    โพสต์:
    399
    ค่าพลัง:
    +371

    เห็นด้วยค่ะ ฝึกใหม่ๆจิตไม่นิ่งเลย แค่5นาทีจะไม่ให้คิดฟุ้งซ่านก็ยากแสนยาก แต่เมื่อลองฝึกบ่อยๆ จิตเราจะสงบได้เอง และได้นานกว่าเก่าค่ะ สู้ๆน่ะค่ะ คุณเจ้าของกระทู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...