เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

อ๋อ ขำขำน่ะครับคุณดาวทะเลทราย
รู้จักกับท่าน อ.สามตาและ ท่าน อ.สุวิมาหลายปีแล้ว
นานๆ เข้ามาทีก็เลยแซวซะหน่อย.....
ว่าแต่วันนี้ อาจารย์ปู่ไม่เข้ามาเล่าเรื่องต่อหรอครับ กำลังรออ่านอยู่ครับผม
^-^

 

ถามเรื่องกลิ่นของดอกไม้สวรรค์

ที่คุณ คุณ ทั้งหลายช่วยเอารูปดอกมณฑาทิพย์ ดอกไม้สวรรค์มาลงไว้

ไม่ทราบว่ามีใครได้กลิ่นที่หน้าจอบ้างคะ

ดิฉันไม่แน่ใจว่าได้กลิ่นหรือเปล่า

ใครเคยได้กลิ่นจริงๆ มาแล้วบอกด้วยค่ะ

กลิ่นมันคล้ายๆ ดอกบัวเบาๆ หรือเปล่าคะ?

แต่มันเบาแบบฉุนเตะจมูกหนะค่ะ

 

เล่าเรื่องพระเจ้าตากสินบ้างได้ไหมคะ

ไม่ทราบว่าอาจารย์สามตาจะเล่าเรื่องพระเจ้าตากสินบ้างได้ไหมคะ

อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลใจกลางกรุงเทพฯ

มันจะเกี่ยวเนื่องกับดวงเมืองหรือเปล่า

หรืออาจารย์ช่วยเล่าเรื่องเสาหลักเมืองก็ได้ค่ะ อยากฟังจัง

เสาหลักเมืองของเรา มีเทวดารักษาเยอะแยะ น่าจะมีเรื่องเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ได้ไม่แพ้พระนเรศ ใช่หรือเปล่าคะ?

 

เนื้อเรื่อง ของเรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้
ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ ผีๆๆสางๆๆ เทพ ..เทวดา
อ่านๆๆไป ก็ อาจจะสยอง กับคนที่ ใจอ่อน บางคน
ก็เลยต้องใส่บรรยากาศ โรแมนติค..สาวๆๆที่ พวกหนุ่มๆๆชอบ
จะได้ ยิ้มออก กันหน่อย..คลายเครียดไป แยะ
................................................................
มีการแซวข้ามจอ..คุณ สุวิ อยู่อีกจอ ก็ ทนไม่ได้ ต้องข้ามมาแซว
อ้าว...คุณ ตัวกลมๆๆหรือ ใครก็ ได้ ที่ โหลดรูปเก่ง
เอารูป แพนเค้ก กะ พิ้งกี้ ขึ้นมาหน่อย..เอ่าท่า ที่ เซ็กซี่ ที่ สุดน่ะ
เพื่อ จะดู ว่า..น่าจะฝันถึงเวลานอน ตามที่บอกจริงหรือไม่
.................................................................

 

กระทู้เรื่องเล่า ก่อนนอน คืนนี้ เป็นเรื่องเล่า ที่ ไม่เกี่ยวกับ การเมือง
แต่ พีเอ็ม ที่เข้ามา มีมากที่ถามว่า ถ้า มองด้วยตาใน
บ้านเมือง จะเป็น อย่างไร..ใครผิด ใครถูก
....................................................................
ผู้ที่ มีพลังจิต และมีจิตสัมผัสอยู่แล้ว จะรู้คำตอบได้ ดี ว่า อะไร เป็น อะไร
อย่าเชื่อ ตามข่าวที่ แพร่ ออกมา ทั้ง สิ่งพิมพ์ /ทีวี วิทยุ
เพราะ สื่อ ทั้ง หมดมีการแบ่งข้าง..หวังผลประโยขน์ เบื้องหน้า กัน ทั้ง สิ้น
...........................................................................
จะรู้ได้ อย่างไร ว่า ใครดี..ใครเลว..ใครโกหก
พวกพลังจิตสูง ทำได้ ง่าย...ทำดังนี้
................................................................................
เอารูปล่า สุด ที่ นสพ ถ่ายมาลง..บรรดาคนที่ เป็น ข่าวดัง ที่ มีอยู่ สอง ข้าง
มาวางตรงหน้า...ทำจิตให้ว่าง
...........................................................................................
เอานิ้วแตะไป ที่ ทีละคน ที่รูปนั้น..
แล้วถามในจิตว่า เขากำลังคิดอะไร..เป็นคนอย่างไร
..........................................................................
ความคิดและจิต ของ เขาจะมาที่ จิตของเรา/สมองของเรา
เราก็จะรู้ว่า เขาคิดอะไร อยู่ และ เป็นคนอย่างไร
......................................................................
ถ้าจิตของเรา อ่อนไม่พออ่าน..ก็ใช้ ความรู้สึก หนักเบาในอารมณ์ก็ได้
ภ้า เบาก็แปลว่า คนนั้นดี อารมณ์ โปร่ง
ถ้า หนัก ก็แปลว่า คนนั้นไม่ดี..คิดทำแต่ร้าย/และปากแข็ง
...........................................................................
ลองทำดู..แล้ว ห้ามวิจารณ์ มาบนเวบอย่างเด็ดขาด..ให้รู้เองเฉพาะตัว
ไม่อย่างนั้น เวบอาจจะถูกบล๊อค
.............................................................

โอเค..นะครับ
.............................................................

 

กำลังฝันกลางวัน..เรื่อง น้องแพนเค้ก กะ น้อง พิ้งกี้
มีเสียงรูดม่านแว่วมา..ก็ตกใจลืม ตา..สวรรค์เลยล่ม
ลืมตามอง..ม่านรูดออก จริงๆๆๆ
..........................................................
หลวงปู่หงส์ พรหม ปัญโญ ท่านนั่งเบื้องหน้า
อยู่บนพื้นที่ ยกสูง กว่า ที่เรานั่งอยู่ หนึ่ง ชั้น
อยู่ในท่า นั่ง สมาธิ..ใบหน้ามีราศี และใจเมตตา
..........................................................
เมื้อสามปี ก่อน เคยมากราบท่าน..
ตอนนั้น ท่านยังดูอ้วนท้วนสมบูรณ์
แต่ตอนนี้ซูบไปมาก..แปลว่า ช่วงหลัง รับกิจนิมนต์แยะ
สังขารจึงโทรม ลงไป มาก
...........................................................

 

หวงปู่เป็นคนไทย เชื้อสายเขมร ท่านจึงพูดไทย สำเนียงเขมร
ความที่ท่านมีอายุมาก จึงไม่มีฟัน มีแต่เหงือก..และพูดแบบลิ้นไก่ สั้น
ขนาดเรานั่ง อยู่ หน้า สุด ก็ ยัง ฟังไม่รู้ว่าท หลวงปู่ พูดอะไร
.....................................................................
แต่มีเด็กหนุ่ม คนหนึ่ง นั่งชิดหลวงปู่ ทางขวาเป็น ล่าม
แปลภาษาแผ่ว สำเนียงเขมร มาเป็น ภาษาไทย ปกติ ดังฟังชัด
...................................................................
หลวงปู่ ขึ้นมาก็เทศน์ สั้นๆๆ ได้ ใจความสำคัญ ว่า
...." อีกไม่นาน ทั้งโลก จะเกิด วิกฤติ..จะเกิดสงครามใหญ่
เพราะ ผู้มีอำนาจบ้าอำนาจ อยากแย่งแผ่นดิน..อยากรบกัน
จะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์...จะมีโรคระบาด ชนิดใหม่ ที่ รักษาไม่ได้
คนจะตายไป เกือบ ครึ่งโลก...รวมทั้งประเทศไทย
คนที่ มีบุญ และปฏิบัติ ดี เท่า นั้นจะรอดไปได้..ใครอยากรอด
ก็ขอให้ถือศีล..ทำบุญ..จะได้บารมีบุญมาช่วยปกป้อง....
.....................................................................

 

เมื่อ หลวงปู่เทศน์จบ..คนอื่นที่ฟังก็มีอาการกลัว
แต่พวกเรารู้เรื่องนี้ กันมานานแล้ว จึงเฉยๆๆ
รอดูแต่ว่า...จะมาจริงๆๆเมื่อไหร่
..........................................................
พอเทศน์จบ หลวงปู่ก็เริ่ม จับทีละถาดที่ ใส่ของที่ จะไห้ ท่านเสกใหม่
ท่านก็เป่า เสก ท่องมนต์ สั้นๆๆ..แตะของทีละชิ้น..ของแต่ละคน
ของกลุ่มเราเป็น ถาดที่ สาม..ท่านก็เป่าๆๆเสก..พอเร็จเราก็ ถอยออกมา
ให้คนอื่นเข้าไป บ้าง..ถัดไปก็คงเป็น คิว สาวหน้า ละห้อย มาดู ดวง
...........................................................................
เราจึงกลับออกมา..มายืนเต๊ะท่า หน้า ประตู
แต่ละคนถือ ของ เต็มมือ..ที่ถือ ขวดน้ำ..นั่นไม่ธรรมดา
เป็นน้ำมนต์ ที่ไปตักมาจาก หน้า ศาลา ของ วัด.
ดูเหมือนเห็นแวบๆๆว่า..มีคนเอารูปที่ ยืนถ่ายขึ้นจอมาแล้ว
หล่อๆๆกัน ทั้งนั้น...ดูนาฬิกา...เกือบ ห้าโมงเย็น แล้ว

ก็เลยบึ่งรถกลับมานอน ที่ บุรีรัมย์
ได้โรงแรมเล็กๆๆ นอกเมือง (ในเมืองเต็ม)
เป็นโรงแรม สะอาดพอ สมควร
ไม่มี คาราโอเกะ /ไม่มีสปา/ไม่มีอาบอบนวด
พวกเราก็เลยนอนกัน ตั้งแต่หัว ค่ำ
เพราะพรุ่งนี้ มีรายการท่องเที่ยวอีก ยาวไกล
นอนก่อน ละ ครับ
.....................................................
(มีต่อ)

 

พอจบที่อาจารย์เล่าคืนนี้ ขอปาดด้วยรูปที่ท่านอาจารย์สั่ง
ชอบน้องแพนเค้กเหมือนกันเน้อ ดูแค่นี้ก็น่ารักแล้วล่ะค่ะ

 

อาจารย์สามตาคะ มีไหมคะที่คนไทยไปเกิดใหม่เป็นคนพม่า คนพม่าไปเกิดใหม่เป็นคนไทยหนะค่ะ

มันน่าจะมี และเป็นไปได้ใช่ไหมคะ??

 

ถ้าอ่านตามกะทู้ในห้องนี้ก็จะทราบคำตอบแล้วครับ

 

อยากทราบว่า หลวงปู่หงส์ พรหม ปัญโญ กับท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ท่านเกี่ยวข้องอะไรกันหรือป่าวค่ะ ทำไมนามของท่านจึงคล้ายกันจังเลยค่ะ

 

บอร์ดปรับปรุงใหม่แว้ว
จารย์มาเล่าต่อเร็วๆนะครับ

:z1 :z1 :z1

 

สวัสดีอีกรอบจ๊ะ^-^

 

วันนี้ไปทัวร์ไหว้พระเก้าวัดตามสไตร์คนตาทิพย์ เจออะไรแปลกๆเต็มไปหมดเลยแล้ว
จะมาเล่าให้ฟังครับ............ยั้วน้ำลายไว้ก่อน..5-5-5

 

ความคาใจกับ Pub ไฟไหม้ต้นปี 2552

ฟังเรื่องคนอื่นเล่ามาแล้ว เล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาบ้าง

เป็นเรื่องของความรู้สึกที่ค้างคาใจที่เกิดขึ้นกับ Pub ไฟไหม้ต้นปี 2552 ที่กลายเป็นข่าวใหญ่
the third eyes บอกว่าห้ามเอ่ยชื่อ เพราะเดี๋ยวพวกเขาจะแห่กันมาที่เว็บไซต์นี้ ตามชื่อที่เขียน

โบราณว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด เลยขอไม่เอ่ยชื่อ แต่เป็นที่รู้กันนะคะ
ดิฉันเคยเดินผ่านแถวนั้นตั้งแต่เล็ก และตั้งแต่ยังไม่ได้ปรับปรุงเป็น Pub ทางเดินนั้นจะเป็นทางผ่านไปยังวัดภาษีเอกมัยและตลาดเอกมัยได้

ช่วงก่อนเกิดเหตุ จำได้ว่าเคยเดินผ่านไปแล้วมองที่ปากทาง สถานที่นั้นเขาได้เชิญพระแม่ธรณีบีบมวยผมมาประดิษฐาน มีชุดไทยสวยๆ 3-4 ชุด แขวนอยู่ข้างกำแพงชัดเจน แปลกตาอย่างมาก

สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ ดิฉันเดินไปวัดเหมือนเคย ผ่านบริเวณนี้ แล้วก็มองไปแบบไม่ตั้งใจอะไรมาก

แค่ทางผ่าน แต่วันนั้นรู้สึกต่างจากทุกครั้ง เพราะรู้สึกอ้าวๆ ไม่เย็นชุ่มเหมือนคราวอื่นๆ

ยังคิดในใจว่า แปลก ทุกทีไม่รู้สึกอย่างนี้ ทำไมคราวนี้รู้สึกอ้าวขึ้นมาเฉยๆ มองไปที่เสื้อผ้าไทย ก็ยังแขวนปรกติ ของเส้นไหว้ ไม่ได้สังเกตดีนักว่าเปลี่ยนใหม่หรือเปล่า เพราะมันก็สายแล้ว ถ้าเขาจะไหว้คงเป็นช่วงเช้า หรือค่ำ จึงไม่ได้มองให้ดีว่าผิดปรกติยังไง พอเดินผ่านจุดนั้นไป ความรู้สึกอ้าวชั่วครู่นั้นก็หายไป ด้วย จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก
จนกระนั้นคืนวันส่งท้ายปีเก่า แถวนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มี Pub เกิดใหม่มาก โดยเฉพาะซอยทองหล่อ ซึ่งมีแยกติดกันกับเอกมัย เขาก็จะจุดพลุกันเป็นประจำ เสียงดังมากจนนอนไม่ได้

ดังนั้นปีนี้ไหนๆ ไม่ได้นอนแล้ว ก็เลยจะไปวัด เพราะท่านเจ้าอาวาสบอกว่าปีนี้จะสวดมนต์ข้ามวันไปเลย ป้าๆ ที่ถือศีลแปด ก็ว่าจะมา และมีคนสนใจมาร่วมเยอะทีเดียว

พอถึงวันใหม่ ในวัดยังมีพิธีรดน้ำมนต์ อะไรต่อมีอะไรต่อไป เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ดิฉันเดินออกมาก่อน เพราะไม่อยากมาแย่งกันแห่ออกมาตอนเลิกงาน ดิฉันเดินข้ามถนน มารอรถเมล์ เพราะไม่อยากเดินกลับ มันมืด
ทั้งๆ ที่เดินไปก็ได้ เดินมาตั้งแต่เด็กดังกล่าว 4 ป้ายรถ เดินสบายๆ แต่ไม่เอา กลัวคนดักปล้นทำร้าย แต่รอแล้วรอเล่า เกือบ 20 นาทีผ่านไป ไม่มีรถเมล์มาเลย

เอาวะ... เดินก็เดิน ตอนนั้นมีรถตู้เปิดไซเรนประมาณ 6 คัน ขับเข้ามาบนนถนน มองไม่ทันว่าเป้นรถอะไรบ้าง เพราะมาอย่างเร็ว แล้วก็เกิดเสียงดังไปทั่ว แต่ดิฉันก็ยังไม่รู้เรื่อง ก็เดินบนทางเท้าไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงไซเรนดังอยู่ข้างหน้าขึ้นเรื่อยๆ แล้วบนทางเท้าก็มีผู้หยิงกอดคอกันร้องไห้นั่งบนทางเท้าบ้าง หลบมุมร้องไห้กันทางโค้งตึกบ้าง

ดิฉันก็ยังไม่เอะใจ จนกระทั่งเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เริ่มได้กลิ่นไหม้ ยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ข้างหน้า รถตู้ที่ผ่านหน้าดิฉันไป จอดอยู่ตรงนั้น มีเจ้าหน้าที่มาช่วยคนถูกไฟไหม้ที่แขน มีคนโบ่ยหน้าให้คนที่มาด้วยกันมองดู ที่แขนของเธอเป็นน้ำสีขาวๆ ไหลออกมา ดิฉันเข้าใจว่าน่าจะเป็นน้ำเหลือง แต่เธอมีสติที่ดี และกำลังคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ กับคนที่เธอรู้จัก แต่คงยังรู้จักกันไม่นาน เพราะเป็นการถามกันถึงเบอร์โทรศัพท์ของคนที่แขนมีน้ำเหลือง

พอเดินต่อไป ดิฉ้นก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไฟไหม้เต็มสองตา ยืนดูอยู่แบบเดียวกับคนอื่น คิดในใจว่ายังเห็นสถานที่แห่งนี้กันอยู่ดีๆ ไม่น่าเลย แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะดิฉันไม่คุ้นเคยกับการเที่ยวกลางคืน จึงไม่รู้ว่า ช่วงเทศกาลภายในนั้นคนจะมาใช้บริการที่นั่นกันอย่างกับมด รถดับเพลิงทำเอาถนนกลางคืนรถติดไปเลย ไม่รู้เรื่องรู้ราว กลับเข้าบ้านดีกว่า นอนหลับไปทั้งๆ ที่เสียงรถไซเรนยังดังให้ได้ยินตลอด

ตื่นเช้ามาไปบ้านเพื่อน เอาของไปฝากแม่เพื่อนปีใหม่ ถึงได้รุ้จากเพื่อนว่ามีข่าว Pub และมีคนติดในนั้น เราก็เหวอเลย ทำไมถึงร้ายแรง

มานั่งนึกย้อนอีกที ถึงสถานที่เกิดเหตุ ใจก็นึกไปถึงพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่อยู่ๆ วันนั้นเดินผ่านไปก็รู้สึกอ้าวขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า...
คิดว่าเขาอาจไม่ได้บูชา ในช่วงหลังๆ หรือเปล่า เลยไม่มีเทพมาคอยดูแล จึงทำให้รู้สึกอย่างนั้น เสียดายว่าวันที่รู้สึก
น่าจะเดินเข้าไปดูรอบๆ ศาลพระแม่ธรณีสักหน่อย คงจะไม่เกิดความรู้สึกคาใจอย่างนี้

 

เยอะแยะเลยค่ะ ก็กฏแห่งกรรมนี่ไงคะ ใครกดขี่ใครไว้ ก็ได้มารับใช้ ใช้แรงงานคืนเขา
ทางที่ดี คือ อย่าไปข่มเหงน้ำใจใครดีกว่าค่ะ โอบอ้อมอารีกันไว้ ไม่งั้นก็สับตำแหน่งกันอีกในชาติต่อไปเนอะ

ขอบคุณคุณatidtarnค่ะ ที่แบ่งปันเรื่องราวให้ได้อ่านกัน
ง่ะ ไปทัวร์วัดอีกรอบแล้ว อันเก่ายังไม่ใส่รายละเอียด แบบคนเห็นผีจะๆเลยหนา (*)

วันที่ไปบูธ042 อาจารย์สามตาพาดพิงถึงสอพินยา ที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างหน้า ข้าน้อยเลย
ไปหา ผู้ชนะสิบทิศอ่าน ยังไม่ไปทิศไหนเลย ก็สงสารตะละแม่กุสุมาเสียแล้ว
ยาขอบแต่งได้เก่งจริงๆ มิน่าสมัยโน้น น้าถึงได้ติดนิยายนักหนา
ไอ้เราก็พลอยรู้จักตัวละครไปด้วย นี่แหละข้อดีของการมีญาติ

 

แวะเข้ามาจะเขียนเล่าต่อ..พบว่า เวบ ปรับปรุงอย่างขนานใหญ่
เข้าไม่ได้ ไป สี่-ห้าวัน..หลายเรื่องเลยค้างเติ่ง
ค้างไว้คือ ปราสาทตาเมียนธม/ปราทตาเมืยนโต๊จ/ ปราสาทตาเมียน/ ปราสาทพนมรุ้ง/ปราสามเมืองต่ำ...กว่าจะจบก็คงเป็นเรื่องยาว..อีกชุด
........................................................................
นี่ก็ใกล้สงกรานต์..มีความคิดจะไป บำบุญ 9 วัด
ไปวันสงกรานต์ คงไม่เหมาะ..เพราะเดินไป -ถูกสาดน้ำไป
ก็เลยมาลงเอย วันที่ 6 เมษายน 2552 เป็นวันจักรี
เป็นวันหยุด..ก็ไป 9 วัด ตามลำดับ ดีงนี้
1. วัดแค สุพรรณบุรี.....มีตัวต่อ ขาดใหญ่ที่ สุดในโลก และมีคุ้มขุนแผน
2. วัด พระลอย...ท่านลอยน้ำมา
3. วัดพระนอน..พระพุทธในท่า นอนหงายราบ
4.วัดไก่เตี้ย..มีไก่ ตัวใหญ่มากๆๆ
5.วัดพร้าว..มีพระศรีอริยะเมตไตร
6.วัดโพธิเก้าต้น
7.วัดไลย์
8.
9.
พอถึงคิวเล่า ก็จะมาเล่าต่อ..ได้ หนังยาวอีกเรื่อง..คอยติดตาม..นะครับ

 

เรื่องเล่าก่อนนอน คืนนี้ ต่อ (ทัวร์ประสาทอิสานใต้)
...............................................................
ค้างคืนคืนแรกในเขตจังหวัดบุรีรัมย์.
พอเช้าก็ติ่น ตอน เกือบ ตีห้า.ทำสมาธิสวดมนต์
เช้าหกโมงครึ่งเทื่อทุกคนพร้อม ก็ ออกเดินทางต่ก ตามกำหนด
สิ่งแรกที่ ทำ คือ ท้องต้องอิ่มก่อน...กองทหารเดินด้วยท้อง
..................................................................
ถามทางชาวบ้าน เพื่อไป หาอาหารเช้าที่ ตลาดสดประจำเมือง
เพราะเช้าๆๆอย่างนี้ ..ยังไม่มีร้านอาหารที่ไหนเปิด
ต้องไป ตลาดสดอย่างเดียว ที่ จะมีทุกอย่าง
การไปตลาดสด..จะทำให้เรารู้ว่า จังหวัด นั้นๆๆ มีความเจริญ.
ผู้คน อยู่ดี กินดี หรือ ไม่...ดูจาก สถาพตลาด..ถ้า ผู้คน หนาแน่น คึกคัก
ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ หมูเห็ด เป็ดไก่ อ้วนพี...เต็มตลาด
ก็แปลว่า จังหวัด นั้นเจริญ เศรษฐกิจดี..น่าอยู่
ถ้า แห้งแล้ง...ผู้คนหรอมแหร็ม..อาหารมีนอย แห้งๆๆ
ก็แปลว่า จังหวัด นั้น ล้า หลัง จังหวัดอิ่น
..................................................................
ที่ ตลาด บุรีรัมย์ เราพบว่า อยู่ในระดับ กลาง..พอมีพอกิน..
มีอาหารเช้า ข้าวต้ม/ข้าวแกง/หมูปิ้ง ขนมหวานๆๆ วางเต็ม ตลาดส่วนหน้า
ยังเช้าเกินไป ที่ จะกิน..ก็เลย ซื้อ ไก่ ย่าง/หมูปิ้ง/ข้าวเหนียว
ส่วนน้ำก็ เอาจาก ร้าน 7-11 ที่อยู่ใกล้ๆๆ..กะนั่งรถไป กินไป..ไม่เสียเวลา
...........................................................................

 

มุ่งไปตามถนนสู่ ประโคนชัย..ที่อยู่ห่างออกไป ทางใต้ ประมาณ 40 กม.
ออกมาได้ ประมาณ15 กม. ก็มาถึง จุดแรกที่หมายตาคือ
"อุทธยานเขากระโดง"...เป็นอุทธยาน ที่ มีต้นไม้ และมีวัดอยู่บนยอดเขาสูง
การขับรถ ต้องค่อยๆๆไต่ขึ้นสูง ตามถนน ที่ สร้างวนรอบเขา
วนประมาณ 3 รอบก็ถึงข้างบนสุด
........................................................................
ที นั่นมีลานจอดรถกว้าง..มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สูงกว่า 70ศอก
ในปาง มารวิชัย..หันหน้า ไป ยัง เมือง บุรีรัมย์
ที่ นั่นมีจุดชมวิว..มองได้ไกล ถึง ตัวเมืองบุรีรัมย์
เหมือนมองตัวเมืองเชียงใหม่ จาก ดอยสุเทพ
..............................................................
เราสี้คน ก็ คารวะ กราบพระและสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ ที่ สถิตย์อยู่บนนั้น
ขาลง..ก็ต้องวนกลับลงมา..มองเห็น ปล่องภูเขาไฟ ที่ ลึกลงไปเป็นเหว
มีคำอธิบายไว้..เป็น ภูเขาไฟที่ดับมานานแล้ว
แต่ในอนาคต เมื่อแกนโลก ตะแคง เอียง มวล หินละลาย ลาวา
จะกลับไหลเทมา...ทำให้ ภูเขาไฟ ระเปิด ปะทุขึ้นได้ อีก
......................................................................
ในอนาคต บุรีรัมย์อาจจะมีสิทธิ์ จมโคลนภูเขาไฟ
อย่างเช่น เมือง ปอมเปอี จมใต้ภูเขาไป"เวียตสุเวียต
ในอิตาลีเมื่อพันกว่าปีมาแล้ว
.....................................................................