อรหันต์แล้ว ไม่สนใจศีล จิตไหลออกจากสาวกภูมิ เข้าพุทธภูมิ สุดท้ายไม่นิพพาน ได้อรหันตโพธิสัตว์

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ชาไม่รู้, 9 มีนาคม 2009.

  1. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    คราวนี้รู้รึยังละคับ เพื่อน
    ว่าทำไม พระมหากัสสป ถึงต้องทำสังคยายนา

    เพราะนี่ขนาดพระขีณาสพท่านทำสังคยามาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก้ตาม
    ก็ยังมี มิจฉาทิฐิ มาให้เห็นในโลกอินเตอร์เน็ตอย่างนี้เลย ทั้งๆที่ตอนนี้พระสัทธรรมยังบริบูรณ์อยู่ก็ตาม

    เพื่อนๆจงดูเอาเป็นตัวอย่างแล้วสำรวมระวังตนเองอย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยนะคับ เพราะค้านคำสอนบิดเบือนพระธรรมนั้น โทษหนักมาก ลำพังจะเกิดเป็นคนครบ 32 ก็แย่พอแล้ว นี่ยังไปอบายอีก กว่าจะได้กลับมาสู่สุขติภูมิไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าใดเลย

    อนุโมทนาสาธุ

    ปล.ตัวผมเองก็ต้องระมัดระวังเหมือนกัน ตอนนี้พออเจอกะทู้นี้ก้ได้แต่ปลงธรรมสังเวช นี่ถ้าพระมหากัสปะท่านไม่ริเริ่มทำสังคยานา พระศาสนาตอนนี้จะเป็นเช่นไรหนอ
     
  2. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    มีเราจึงมีทุกข์ มีทุกข์ เพราะมีอุปาทาน



    อนุโมทนาทุกความเห็นครับ
     
  3. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ผมว่านะผู้ดูแลเว็บถ้าพบข้อความที่ไม่ถูกไม่ควร จัดการโดยเร็วที่สุดจะดีมากครับ
     
  4. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    พระอรหันต์ท่านหมดสิ้นกิเลส ตัณหา อุปาทานและอกุศลกรรมแล้วค่ะ
    ไม่มีเชื้อที่จะนำมาเกิดอีก พระอรหันต์จึงไม่เกิดอีก
    ส่วนพระโพธิสัตว์ก็คือบุคคลที่สร้างบุญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้า
    พระโพธิสัตว์ยังไม่บรรลุธรรมใดๆ แต่ถ้าบรรลุธรรมแล้วถึงเรียกว่าพระพุทธเจ้าค่ะ
    (นอกจากว่าจะลาพุทธภูมิ ก็กลายเป็นสาวกภูมิค่ะ)
    ต้องแยกความแตกต่างค่ะ คุณชาลองไปศึกษาดูอีกทีนะคะ
     
  5. SP2517

    SP2517 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +24
    ปรามาสพระอริยสงฆ์ กรรมหนักมากๆ
    ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน

    ช่วงนี้มี web หลายๆ web บิดเบือนคำสอนเยอะ ไม่รู้มีจุดประสงค์อะไร เห็นแล้วหดหู่ใจ

    เจ้าหน้าที่ web พลังจิต ช่วยกรองหน่อยก็ดีนะครับ
     
  6. lagunaram

    lagunaram เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +697
    เค้าอยากไปอยู่เป็นเพื่อนพระเทวทัตก็ปล่อยเค้าเถิด บิดเบือนคำสอนของพระองค์ ก็ มหานรกอเวจีน่ะล่ะ
     
  7. godzenki

    godzenki สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    อ่านแล้วน่าเห็นใจ แก่ผู้ที่ไม่ได้รู้จริง เกรงกลัวว่าจะสับสน บางสิ่งก็ใช่บางสิ่งก็คลาดเคลื่อน ผู้ที่ยังไม่แตกฉานอาจแยกไม่ออกว่าอะไรจริงเท็จ แต่จงอ่านมากๆเถิด ศึกษามากๆ เพื่อที่จะเข้าใจได้ถูกต้อง แต่อย่าไปฟันธงว่าสิ่งนี้หรือสิ่งนั้นถูกต้องที่สุด เพราะในเรื่องความถูกหรือผิดเองก็ไม่ได้มีมาแต่แรกเช่นกัน จงปฏิบัติไปเถิดไม่ต้องสนใจว่าตนจะต้องเป็นอะไร แค่ปฏิบัติแล้วตัวเราเย็นลงได้ ไม่ทุกข์ได้ แค่นั้นก็นับว่าไม่เสียที่ที่เกิดมาแล้ว หากตอบไม่ตรงประเด็นก็ขออภัยด้วยครับผม อนุโมทนาสาธุครับ
     
  8. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    อยากเก่ง อยากให้คนสรรเสริญ ก็น่าจะศึกษาให้มากๆ หน่อย อวดเก่งแต่กลายเป็นอวดโง่ ไม่น่าไปหลงทำผิดแบบนั้น ไม่คุ้มเลย หรือจะเรียกว่ากรรมเก่าพาไปกระมัง ปรามาสเสียจนชิน แต่ก็ยังพอกลับใจไปเป็นมารได้นะ พยายามหน่อย รู้ถูกรู้ผิดให้เยอะๆหน่อย สู้นะตัวเอง
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เห็นคอมเม้นท์ต่อๆมา ค่อยสบายใจได้บ้าง ที่หลายคนสามารถกลั่นกรองข้อมูลได้และมีพื้นฐานทางธรรมที่ดี

    ความเห็นแจ้งนั้นเกิดจากการปฏิบัติที่ถูกต้องแล้วเท่านั้น

    อ่านมากไปใช่ว่าจะดี

    ปฏิบัติอย่างไรเรียกว่าถูกต้อง ให้ดูว่าลงกับสติปัฏฐานได้ไหม อยู่ในมรรคมีองค์แปดไหม ลด ละ ทุกข์ ได้ไหม...นี่แหล่ะสำคัญ

    เราไม่ปฏิบัติเพื่อความวิเศษใดๆ เราปฏิบัติเพื่อความไม่มีอะไรต่างหาก...
     
  10. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    สำหรับคุณ ชาไม่รู้ ตอนนี้คงจะรู้อะไรขึ้นมาบ้างนะครับ

    การบิดเบือนพระสัทธรรมนั้น กรรมหนักมาก

    คุณยังเป็นมนุษย์อยู่ ยังมีกัลยาณมิตรที่สามารถตักเตือนได้ ยังพอแก้ไขได้ครับ...
     
  11. chakapong

    chakapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    497
    ค่าพลัง:
    +1,305
    ไปกันใหญ่แล้วไอ่พวกบ้าลัทธิ พวกนี้แหละที่จะทำให้ศาสนาเสื่อม
     
  12. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    -ไม่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฏกฉบับไหน

     
  13. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    อารมณ์พระอรหันต์
    โอกาสนี้บรรดาท่านสาธุชนพุทธบริษัท และพระโยคาวจรทั้งหลายได้พากันสมาทานศีล พากันสมาทานพระกรรมฐานแล้ว ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายโปรดตั้งใจสดับคำ การศึกษาซึ่งจะแนะนำในด้านอรหัตผล

    สำหรับภาคนี้เป็นภาคของ พระอรหัตผล ท่านทั้งหลาย คงจะยังไม่ลืมว่า ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า สำหรับพระโสดาบันกับพระสกิทาคามีเป็นผู้ทรง อธิศีล คือ มีสมาธิเล็กน้อย มีปัญญาเล็กน้อย แต่ทว่าเป็นผู้มีความมั่นคงในศีล

    สำหรับพระอนาคามีเป็นผู้ทรง อธิจิต นี่หมายความว่าศีลของท่านบริสุทธิ์ถึงศีล 8 และก็มีจิตทรงสมาธิมั่นคงถึงฌาน 4 อย่าลืมว่าจริยาคือ อาการของพระอนาคามี ท่านผู้ทรงความเป็นพระอนาคามีนั้น จะมีศีล 8 เป็นปกติ จะสมาทานหรือไม่สมาทานไม่มีความสำคัญ ผู้มีศีลไม่ได้ถือว่า จะต้องมานั่งสมาทานกันทั้งวันทั้งคืน ศีลที่มีจริง ๆ อยู่ที่ตัวเว้น เราไม่สมาทานเลย แต่ว่าเราเว้น ที่เขาเรียกกันว่า วิรัติ

    คำว่าวิรัติ แปลว่าเว้น เว้นจากความชั่ว 5 ประการ ชื่อว่าเป็นผู้มีศีล 5 เว้นจากความชั่ว 8 ประการ ชื่อว่าเป็นผู้มีศีล 8 ฉะนั้นท่านที่ทรงความเป็นพระอนาคามี จะมีศีล 8 เป็นปกติ เพราะว่าศีลเป็นศีลพรหมจรรย์ จะเห็นว่าพระอนาคามี หมดกามฉันทะ หมดความโกรธ พยาบาท และปฏิฆะ คือ อารมณ์ที่ไม่พอใจ อารมณ์ที่สะดุดใจให้ไม่สบายเกิดขึ้น เป็นความขัดข้องไม่มีในพระอนาคามี

    สำหรับพระอรหันต์เป็นผู้ทรง อธิปัญญา รวมความว่าพระอรหันต์นี้ทรงครบศีลก็บริสุทธิ์ สมาธิก็ทรงตัวตั้งมั่น ปัญญาก็รอบรู้จริง ๆ สำหรับการปฏิบัติ เท่าที่ผมอธิบายมารู้สึกว่ามันเยิ่นเย้อเกินไป แต่ว่านั่นเป็นแนวแห่งคำสอน วิธีปฏิบัติจริง ๆ นี่ไม่มีใครเขามุ่งพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ก็ขึ้นต้นกันจริง ๆ ก็มุ่งอรหัตผลกันเลย เพราะว่าการมุ่งอรหัตผลนี้ เขาถือว่าอย่างเลวที่สุดจิตจะจับไว้เฉพาะพระโสดาบันก่อนเป็นอันดับแรก เพราะว่าเป็นของง่าย

    ความจริงการทรงพระโสดาบัน ไม่มีอะไรจะยาก เพียงทรงศีลบริสุทธิ์ ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์เราก็เป็นมนุษย์ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าร่างกายเป็นมนุษย์ เขาก็ถือว่า มนุสสเปโต คือ ร่างกายเป็นมนุษย์แต่ใจเป็นเปรต
    มนุสสติรัจฉาโน ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ทว่าจิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    มนุสสนิรโย ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นสัตว์นรก ตายแล้วก็ไปตามนั้น

    คำว่า มนุษย์ แปลว่า ผู้มีใจสูง หมายความว่า บุคคลผู้นั้นเป็นผู้ทรงศีล 5 ประการหรือว่าทรงกรรมบถ 10 โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านถือว่า ผู้ใดทราบกรรมบท 10 ผู้นั้นมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์ เพราะว่ากรรมบถ 10 เป็นธรรมให้บุคคลเกิดเป็นมนุษย์

    เป็นอันว่าตอนนี้เรามาพูดกันถึงอรหัตผล ก็ขอย้อนต้นไปถึงปลาย อันดับแรกการที่จะเข้ามาเจริญพระกรรมฐาน ก็ต้องใช้อารมณ์อย่างหนึ่งที่เราทิ้งไม่ได้ แม้แต่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา เป็นพระพุทธเจ้าแล้วท่านยังไม่ละ พระอรหันต์ทุกองค์ที่ทรงความเป็นอรหันต์แล้วไม่ละ นั้นก็คือ สมถภาวนา 3 ประการ ได้แก่

    1. อานาปานุสสติกรรมฐาน การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เพื่อความอยู่เป็นสุขของเรา เพราะเป็นการระงับทุกขเวทนา
    2. กายคตานุสสติ สำหรับสมถะพิจารณาเห็นว่า ร่างกายมันเป็นของสกปรกโสโครกไม่ทรงตัว
    3. ขอแถมนิด พระอรหันต์ก็ดี พระพุทธเจ้าก็ดี ไม่ลืมความตาย

    เป็นอันว่าถ้าบรรดาท่านทั้งหลายทรงอารมณ์ทั้งสามประการนี้ทรงตัว คำว่าทรงตัวท่านเรียกกันว่าฌาน คำว่าฌานคือ อารมณ์ชิน

    ความเป็นอรหันต์อยู่ตรงไหน

    อันดับแรกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้พิจารณาสักกายทิฏฐิ พิจารณาร่างกายคือ ขันธ์ 5 ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้ง 5 อย่างนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ไปลงกับสมถะคำที่เรียกว่า ตาย สมถะเห็นว่าร่างกายตาย

    วิปัสสนาเห็นว่ากายพัง เราไม่มีอำนาจควบคุมกายให้ทรงตัว กายมันจะแก่ เราห้ามแก่ไม่ได้ กายมันจะป่วยเราห้ามป่วยไม่ได้ กายมันจะตายเราห้ามตายไม่ได้

    เขาทำกันยังไง วิธีเขาทำเขาใช้ปัญญานั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ นอนอยู่ ทำกิจการงานอยู่ มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าคนที่มีอิริยาบถอย่างเรา ๆ นี่ท่านตายไปแล้วนับไม่ถ้วนในสถานที่ที่เรานั่งอยู่ เรายืนอยู่ เราเดินอยู่หรือเราอาศัยอยู่ ในสถานที่ที่ตรงนี้เคยมีคนตายแล้ว สัตว์ตายแล้วนับไม่ถ้วน

    ถ้าหากว่าเราตายแล้วเกิดจะมีผลอะไร ดูผลของการเกิด เกิดอยู่ในท้องแม่ก็ทุกข์ ออกมาจากท้องแม่เป็นเด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ทุกข์ เป็นเด็กโตขึ้นไปหน่อยทุกสิ่งทุกอย่างต้องอาศัยแม่ อาการที่เราอาศัยท่าน ท่านมีเมตตาก็จริงแหล่แต่ทว่าสิ่งที่เราปรารถนามันไม่ค่อยจะสมหวัง เราก็เป็นทุกข์ โตขึ้นมาแล้วพ้นจากอกพ่ออกแม่ก็ต้องประกอบกิจการงานหนัก งานทุกอย่างเป็นปัจจัยของความทุกข์

    เราก็มาพิจารณาไปว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราโดยนำเอา สักกาทิฏฐิ กายคตานุสสติ และอสุภกรรมฐาน มาควบหาความเป็นจริง ว่าร่างกายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เป็นแท่งทึบ ร่างกายนี้แบ่งเป็นอาการ 32 เต็มไปด้วยความสกปรก ถ้าเราปรารถนาในการมีคู่ครองมันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เราอยู่ตัวคนเดียวเราก็เป็นทุกข์ ถ้าเรามีคู่ครองก็เพิ่มทุกข์อีก

    มาด้านความโทสะความโกรธ พออนาคามีตัดได้ด้วยอาศัย พรหมวิหาร 4 กับสักกายทิฏฐิ ควบกันตามที่ได้อธิบายมาแล้ว นี่ต้องใช้ปัญญานะ จะไปนั่งภาวนาอยู่เฉย ๆไม่ได้
    เมื่อถึงอนาคามีแล้ว ความเป็นอรหันต์เก็บเล็กเก็บน้อยเป็นของสบาย ๆ ใช้ปัญญาว่ารูปฌานและอรูปฌาน เป็นบันไดสำหรับก้าวเข้าไปสู่พระนิพพาน เราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้

    มานะการถือตัวถือตน ไปถืออะไรกันตรงไหน ถือนี่มันถือกาย หรือถือความเลว ถือชาติตระกูล ถือฐานะ ถือวิชาความรู้ ไอ้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันไม่ทรงตัว จะไปถืออะไรกัน คนกับสัตว์มีสภาวะเท่ากัน ถ้าเรายังเห็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์ขี้เรือนเป็นที่น่ารังเกียจ เวลานั้นชื่อว่าเรายังเป็นผู้ตัดมานะไม่ไม่ จำให้ดีนะเท่านี้นะ ทำใจให้มันลงตัว


    และอุทธัจจะ อารมณ์ฟุ้งซ่านนี่ หมายความว่าอารมณ์เราจับนิพพานตรงหรือเปล่า โลภะความโลภมีในจิตหรือเปล่า ราคะความกำหนัดยินดีมีในอารมณ์หรือเปล่า จิตเรายังนึกถึงว่านั่นเป็นเรา นี่เป็นของเราอยู่หรือเปล่า ถ้ายังมีอยู่ยังตัดไม่ได้อารมณ์ต้องเบาในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ทั้งหมดจิตกำหนดเฉพาะพระนิพพานเป็นอารมณ์ อย่าง อย่างนี้ชื่อว่าตัดอุทธัจจะ คือ อารมณ์ฟุ้งซ่านได้

    แล้วก็อวิชชา มันไม่มีอะไร อวิชชานี่แปลว่า ไม่รู้ เหลือนิดเดียวอวิชชา ที่อารมณ์จิตคิดว่า การทรงเป็นพระอนาคามียังดี เกิดเป็นเทวดาหรือพรหมก็หมดกัน อย่างนี้เราตัดทิ้งมันไป ตั้งใจเฉพาะพระนิพพานเป็นอารมณ์ พอจิตเข้าถึงอรหัตผล จิตใจของเราจะมีอาการของความเบา ไม่มีความรู้สึกหนักในกรณีทั้งปวง จะมีอารมณ์โปร่ง มีใจเป็นสุข

    เท่านี้แหละบรรดาท่านทั้งหลาย เป็นอาการที่การปฏิบัติตนให้เข้าถึงอรหัตผล ผมพูดมาน่ะมันยาวเกินไป แต่ความจริงการปฏิบัติ เขาปฏิบัติกันแบบนี้ เขาลัด ประเดี๋ยวหนึ่งถึง เอาละเวลาก็หมดลงเสียแล้ว ขอความสุขสวัสดิ์จงมีแด่ท่านทั้งหลายสวัสดี
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,692
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ผู้ที่รู้ในทุกย่างก้าว...ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    คือ องค์โลกุตตระธรรม
    คือ เรื่องราวความจริงที่เกิดขึ้นในศาสนา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. สายลมสีขาว

    สายลมสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +144
    บรรลุอรหันต์แล้วก็แปลว่าบรรลุแล้วต้องเข้านิพพานแน่นอนนิครับ ไม่มีทางย้อนกระแสไปเข้าภพภูมิอื่นก่อนแล้วค่อยไปนิพพาน ถ้าแบบนั้นผมคิดว่าน่าจะยังไม่บรรลุมากกว่า หรือไม่ก็ตั้งใจจะบำเพ็ญบารมีอธิฐานพุทธภูมิมากกว่า

    มีด้วยหรอครับ ใช้บุญใหญ่ให้หมดก่อนไม่งั้นเข้านิพพานไม่ได้ ผมว่าผู้เขียนควรไปศึกษาใหม่นะครับ
     
  16. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    ไม่ใช่อรหันต์ไม่มีศีล เพียงแต่ท่านปฏิบัติตามศีลจนเป็นเรื่องปกติตะหาก จึงเรียกว่าท่านไม่มีศีลก็ได้ เพราท่านเขาใจองค์แห่งศีลจิงๆแล้ว จึงปฏิบัติเพียงแก่ของมันก็พอ ศีลข้อปลีกย่อยจึงไม่จำเป็นสำหรับท่านอีกต่อไปตะหาก
     
  17. มรรคา

    มรรคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2009
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +101
    ฝึกจิตให้ถึงฝั่งพระนิพพานให้ได้ก่อนเรื่องที่สงสัยจะทราบเอง
     
  18. กล่องเปล่า

    กล่องเปล่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +189

    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

    ปล. พระอรหันต์ท่านจะยังปีติยินดีกับการได้ร่วมสวดมนต์กับผู้อื่นจนต้องมาเกิดได้อีกหรือครับ
     
  19. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    "...แต่อรหันตสาวกนั้น ไม่ทราบถึงกรรมอันเป็นอจิณไตยนี้ สามารถก่อกรรมแล้วสร้างชาติสืบภพใหม่ได้มากมายจึงจำเป็นต้องอาศัย
     
  20. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ไม่เสมอไปหรอกที่เป็นพระอรหันต์แล้วจะต้องไม่ยุ่งกับการสร้างบารมี หรือการทำบุญ

    เพราะพระอรหันต์บางท่านก็ได้เคยปรารถนาพุทธภูมิ และถ้าจะลาการสร้างบารมีก็ต้อง

    ช่วยหมู่คณะ หรือสาวกที่ติดตามมา เลยต้องสงเคราะห์คนหนักและมาก อย่างเช่น

    หลวงพ่อสด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...