วิธีดูกรรมง่ายๆ ลองศึกษาดู

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">โดย พระครูเกษมวรกิจ ( วิชัย เขมิโย)</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">************************************</TT>


<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ยึดติดกับสิ่งไรตายไปแล้ว ก็เฝ้าหวง อยู่กับสิ่งนั้น</TT>
​

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุรูปหนึ่งบวชเป็นพระได้ไม่นานยังฝึกกรรมฐานไม่มากถึงแม้จะอยู่ไกล พระพุทธเจ้าก็ตาม อยู่มาวันหนึ่ง เศรษฐีมาถวาย ผ้าไตรจีวร และพระภิกษุรูปนี้ก็ได้รับผ้านั้นด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันจะจับต้อง ลูบคลำ เอาผ้ามาดูอยู่เสมอแต่ได้ชื่นชมอยู่ไม่นานพระองค์นี้ ก็ถึงแก่ความตายตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">พอตายแล้ววันรุ่งขึ้น พระพุทธเจ้าฯ ได้บอกต่อพระอานนท์ว่า "ผ้าจีวรผืนนี้ อย่าเพิ่งเอาไปใช้ให้รอครบ 7 วันก่อน จึงค่อยนำไปซักล้าง"</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ฝ่ายพระที่หลงใหล ในผ้าจีวรผืนใหม่นี้เมื่อตายไปแล้วได้ไปเกิดเป็นตัวเล็นซึ่งเป็นแมลงเล็กๆ ชนิดหนึ่งแล้วอาศัยอยู่กับผ้าผืนนั้นตลอดจนอายุขัย คือ 7 วัน จึงตายจากไป</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">การที่พระรูปนี้เมื่อมรณภาพไปแล้วไปเกิดเป็นแมลงเล็ก ๆทันทีแล้วเฝ้าติดอยู่กับผ้า ที่ตัวเองเฝ้าหวง รักมันเป็นเพราะว่า ขณะที่กำลังจะตายไปนั้นได้มีจิตใจจดจ่อกับผ้านั้นตลอดจนแม้กระทั่งจะดับจิต ก็ยังมีความคิดอยู่เช่นนั้นเมื่อเกิดใหม่จึงเป็น แมลง มาเฝ้ารักสมบัติที่ตัวเอง ทั้งห่วง ทั้งหวงนั่นเอง</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">พระพุทธเจ้าทรงมีญาณรู้ว่าพระรูปนี้เมื่อมรณภาพไปแล้วจะต้องไปเกิดเป็นแมลงอยู่ในผ้าจีวรจึงทรงห้ามพระอานนท์ไม่ให้นำไปซักล้าง ปล่อยให้แมลงตัวนี้ตายไปก่อน จึงค่อยนำมาใช้ฉะนั้นคนเราเมื่อจะตายควรปล่อยวางทุกอย่างอย่ายึดทุกสิ่งมิฉะนั้นต้องกลับมาอีกและอาจจะเกิดเป็นแมลงเป็นจิ้งจก เป็นสุนัขเป็นงูมาเฝ้าสมบัติของตัวเองก็ได้</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ครูบาอาจารย์ทั้งหลายจึงเฝ้าอบรมให้ฝึกสมาธิให้หัดนั่งกรรมฐานอยู่เสมอเพื่อที่จะได้มีสติรู้อยู่ตลอดเวลาเมื่อถึงคราวที่จะตายก็สามารถกำหนดจิตเข้าญาณได้จะให้ตายแล้วไปเป็นเทวดาเป็นเทพอยู่สวรรค์ชั้นไหน ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่มีสติในช่วงที่จะตายก็จะไปเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้คือเลือกไม่ได้อย่างพระองค์นี้ถึงจะตายในผ้าเหลือง ก็ตาม </TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ผู้มี บุญวาสนา </TT>​

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">หลาย ๆ คน มีความสงสัยในเรื่องของความแตกต่างกันของมนุษย์เราในด้านฐานะความเป็นอยู่คือพวกคนรวยกับ คนจน หรือทำไมจึงมีคนได้เป็นเศรษฐีเรื่องนี้ทาง ครูอาจารย์ท่านสอนว่าเป็นเรื่องของบุญวาสนาของแต่ละคน ซึ่งได้ทำมาไม่เหมือนกัน</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ในอดีตชาติคนที่เป็นเศรษฐีเขาได้ทำบุญสร้างกุศลกันมามากแล้วพอมาเกิดในชาตินี้สิ่งที่เขาได้สร้างสมกันมาก็สนองตอบให้เขาเป็นคนร่ำรวยเรื่องนี้เขาเรียกกันว่า "บุญเก่า"</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ส่วนคนยากจน ตกยากมีกินบ้างไม่มีบ้างในชาติก่อนพวกเขาได้ทำบุญมาน้อยในชาตินี้จึงต้องตกทุกข์ได้ยากนี่เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมหรือเป็นเรื่องของธรรมชาติใครทำอะไรก็จะต้องได้สิ่งนั้น</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ส่วนคนที่มีฐานะปานกลางก็เท่ากับว่าได้สร้างบุญกุศลมาบ้างเหมือนกันคือไม่มากไม่น้อยนั้นเอง แล้วคนยากจนในชาตินี้จะมีโอกาส ร่ำรวยได้หรือไม่ ? และถ้าอยากจะเป็น คนมั่งมีจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร ? </TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">การทำบุญสร้างกุศลของคนที่เกิดมาในชาติปัจจุบันนี้พระท่านเรียกว่า "บุญใหม่ หรือ กรรมใหม่"ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐีหรือคนจนแล้วก็ยิ่งต้องสร้างบุญ ให้กับตัวเองและครอบครัวให้ได้ทุกวันอย่างน้อยต้องมีการตักบาตรให้พระทุกวัน และถ้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็ต้องปฏิบัติตามข้อ 1 - 2 และ 3 ของคาถาเงินล้านชีวิตนี้ก็จะไม่มีวันตกต่ำกว่านี้ส่วนงานบุญอื่นสามารถทำได้ก็รีบทำเสีย เพื่อเป็นการสร้างสมบารมีในภพชาตินี้ชาติหน้าเกิดมาจะได้มีฐานะมั่นคงขึ้น</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">สำหรับพวกเศรษฐีมีกินก็อย่าได้ประมาทในเรื่องนี้มิฉะนั้นจะกลายเป็นยาจก เช่นเรื่อง เศรษฐี กลายเป็น ขอทาน พวกที่มี ทรัพย์สินเงินทองแล้วไม่สร้างบุญต่อเขาเรียกว่า "กินบุญเก่า" ฉะนั้นทุกท่าน อย่าได้ประมาทในเรื่องนี้เพราะชาติหน้ายังรอเราอยู่ไม่ว่าเราจะทำกรรมดีหรือ กรรมชั่วต่างต้องได้รับ ทั้งสิ้น</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไร </TT>​

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">เรื่องอนาคตนั้นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราในชาติปัจจุบันนี้เรียกว่ากรรมใหม่เราอยากจะเป็นอะไรหรือ? ถ้าอยากเป็นเศรษฐีให้หมั่นทำบุญสร้างทานอยู่เสมอแล้วให้อธิษฐานทุกๆ ครั้งว่า "บุญใดที่ข้าพเจ้า ได้กระทำมาแล้วในอดีตทุกภพทุกชาติที่ผ่านมาและผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้ว ในภพชาตินี้ขอให้ผลบุญนั้นจงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เป็นผู้มั่งมีทรัพย์สินเป็นเศรษฐีทุกๆ ชาติเทอญ" อธิษฐานไว้เรื่อยๆ ทุกๆ ครั้งในการทำความดีรับรองว่าคนนั้น จะต้องได้เป็นมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ถ้าใครอยากเป็นครูบาอาจารย์สอนคนไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือ จะเป็นผู้สอนศาสนาเผยแพร่ธรรมะก็ให้รีบฝึกนั่งสมาธิแล้วทำตัวให้อ่อนน้อมต่อผู้คนอย่าแข็งกระด้างดื้อด้านเราก็จะเป็นอาจารย์ใหญ่มีชื่อเสียงมีคน เชื่อถือ และกราบไหว้</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">สรุปว่าสิ่งที่เราทำในชาตินี้จะไม่สูญหายบางคนยังได้รับผลในชาตินี้ก็มีเพราะเป็นแรงส่งของกรรมเก่า กับกรรมใหม่ ผสมกันฉะนั้นเราท่านจึงสามารถรู้อนาคต รู้ชาติหน้าของตัวเราเองได้ ด้วยเหตุนี้</TT>

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>​

<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">รู้อดีตชาติปัจจุบันอนาคตด้วยตัวเอง !?</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New"></TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ตัวเราก็สามารถที่จะรู้อนาคตของเราเองได้เรื่องอนาคตข้างหน้านั้น ใครๆ ก็อยากรู้ทั้งนั้นคนที่ไม่ได้อนาคตังสญาณแล้วจะรู้ได้อย่างไรเรื่องนี้แรกๆ ได้ฟังพระท่านฯ สอนก็งงๆ อยู่ต่อเมื่อพระท่านฯ อธิบายแล้วจึงเข้าใจ</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">พระท่านสอนว่าชาติปัจจุบันที่เราเสวยสุขของเรื่องต่างๆอย่างนี้เป็นเพราะการกระทำที่เราได้ทำมาแล้วในอดีตชาตินั่นเองเช่นคนที่ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ก็เพราะเขาได้ทำบุญให้ทานมาแล้วในชาติก่อนส่วนพวกที่เป็นคนจนแสดงว่าทำมาน้อย หรือไม่ได้ทำบุญ ให้ทานมาในชาติก่อนชาตินี้จึงต้องจน</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ถ้าคนนั้น มีสติปัญญาดีฉลาดรอบรู้แสดงว่าคนนั้นได้เคยทำสมาธิ เจริญกรรมฐานมาอย่างต่อเนื่องและถ้าบุคคลใดที่โง่เง่าปัญญาอ่อนหรือมีสติปัญญาไม่สมประกอบแล้วแสดงว่าในอดีตชาตินั้นชอบดื่มสุราเมรัยเรียกว่าเมาทุกวัน</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ส่วนคนที่ในชาตินี้ ต้องอกหักผิดหวังในเรื่องของความรักแสดงว่า ชาติก่อนเคยทอดทิ้ง หลอกลวงผู้อื่นมาแล้วทำให้เขาชอกช้ำใจมาก่อนชาตินี้จึงต้องรับกรรมเรื่องอกหักไป</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">สรุปว่าในชาตินี้เราได้รับประสบผลกรรมอะไรมาก็ตามนั่นเป็นสิ่งที่เราได้เคยสร้าง เคยทำมาแล้วทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องที่ไม่ดีมีความสุขหรือมีแต่ความทุกข์ต่าง ๆ ก็เรานั่นแหละเป็นผู้สร้างมาแล้วนั่นเอง</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">พระท่านบอกว่าปลูกต้นมะม่วงก็ต้องได้ผลเป็นมะม่วงจะได้ผลเป็นทุเรียนที่ราคาแพงกว่านั้นจะเป็นไปได้อย่างไร มันเป็น ไปไม่ได้ หรือทำชั่วได้ชั่ว ทำดีต้องได้ดีนั่นเอง แม้เชื่อในเรื่องกรรม ไม่มีผู้ใด จะได้รับ สิ่งที่ตนได้ทำไว้ด้วยตนเองทำไว้ในอดีตมารับผล ในปัจจุบันได้ทำในปัจจุบันก็จะได้รับผลในอนาคตเช่นกันและอนาคตนั้นไม่หมายถึงต้องข้ามภพข้ามชาติเสมอไปอนาคตในภพชาตินี้ ก็ได้</TT>
<TT style="FONT-FAMILY: Courier New">ดังนั้นแม้เชื่อในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรมหรือไม่เชื่อก็ตามก็ไม่สามารถ (สมควร) เสี่ยง รับผลร้ายที่จะเกิดแต่การทำความไม่ดี หนักหนาเพียงไรยิ่งให้ผลร้ายแรงเพียงนั้นยิ่งไม่สมควรเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำความไม่ดี หนักหนานั้น</TT>




<HR>ที่มา http://www.lekpluto.com/tham/tham_03.htm

 

ระวังจะแบบหลวงพี่เท่งปลูกถั่วเขียวได้ถั่วงอก อย่าซีเรียสครับล้อเล่น
คนเราถ้าเข้าใจเรื่องกรรมก็สามารถพาตัวเองให้พ้นทุกข์ได้เพราะมีสติ ไม่สร้างกรรมเพิ่มสร้างแต่กุศลกรรม

 

อนุโมทนา สาธุ...

 

เอาไว้จะลองดูนะคะ

 

ต้องไม่ลืมกรวดน้ำด้วยคาถาแบบนี้ด้วยนะ
http://www.hs604.com/forum/forum_posts.asp?TID=495&PN=1

 

โมทนา สาธุ

 

สาธุครับ

 

ขออนุโมทนาค่ะ
...........
ยิ่งศึกษา ยิ่ง ลึก
กรรม เวร
วิ่งหนีให้ ดีๆๆ

 

สังคมทุนนิยม คือนับถือเงิน ทำไมพุทธศาสนา ชอบเอาความรำรวยมาล่อให้คนทำบุญ เคยได้ยินเพลงนี้ไหม "กินมีเหลือ เผื่อแผ่กันวันนั้น วันนี้คงไม่ต้องล่องเรือ" เลยกลายเป็นว่าคนรวยทุกวันนี้ ทั้งรวยและดีด้วย รวยคือความถูกต้องและยุติธรรมแล้ว จนแล้วไม่ดี ไม่น่าคบหาเพราะมันไม่ยอมทำบุญมาแต่ชาติปางก่อน คนเลยไม่ค่อยมองกันถึงคุณค่าทางจิตใจ ว่าทำบุญแล้วใจก็สบาย ละความโลภ หลงในสมบัติ ไม่ยึดติดความสบาย ไม่หลงไหลคำยกยอปอปั้น เพราะไม่ได้ปรารถนาดีต่อกันโดยแท้จริง ขอทานถึงได้เกลื่อนเมือง บ้านเมืองถึงได้ไม่พัฒนากันเสียที แจกแต่เงิน ไม่แจกปัญญา คนทุกวันนี้ เลยทั้งโง่และจน อย่าว่ามองในแง่ร้ายเลยนะ แค่ขอมองต่างมุมบ้าง

 

โมทนาค่ะ

 

ขออนุโมทนาสาธุครับ...

เยี่ยมมากครับ...อย่างนั้นให้เรามาเร่งสร้างบุญบารมีกันนะครับ...
--------------------------------------------------------------
วิธีสร้างบุญบารมี...ของสมเด็จพระญาณสังวร...

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19673

เว็บไซต์ประวัติและธรรมเทศนาหลวงปู่หลวง กตตฺปุญฺโญพระสุปฏิปันโนสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

http://members.thai.net/varanyo/pooluang.asp<O</O<O</O

ลักษณะพุทธศาสนา...สมเด็จพระญาณสังวร<O</O<O</O

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=168173<O</O<O</O

สัพพาสวสังวรสูตร...สมเด็จพระญาณสังวร<O</O<O</O

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=168329

 

สาธุ

 

สาธุค่ะ ตอนนี้กำลังชดใช้วิบากกรรมอยู่ ไม่คิดเลย ว่าวันชื่นคืนสุข จะทำให้ทุกข์ได้ขนาดนี้ ตอนนี้กำลังพยายามใช้สติเฝ้าดูความเจ็บปวด และรอวันสิ้นสุดอยู่ วันที่ 26-29 นี้ จะไปบวชชีพรามห์ที่วัดอัมพวัน จะเอาบุญมาฝากทุกๆ คนนะค่ะ

 

โมทนาด้วยคับ

 

อยากไปบ้าง

////
เวลาไปวัดอัมพวัน ต้องติดต่อทางวัดก่อนหรือเปล่าคะ ค่าใช้จ่ายเท่าไร ต้องมีชุดขาวหรือเปล่า ขอบคุณค่ะ

 

แล้วถ้าต้องการไปนิพพานก่อนตายต้องทำอารมณ์และนึกถึงอะไรคะ

 

สาธุ

 

ดิฉันก็ขออนุโมทนาสาธุและขอให้ทุกๆๆ คนหมั่นทำบุญ ทำกุศล เพื่อชาติหน้าจะได้เกิดในภพภูมิที่ดี

ด้วยความปรารถนาดีจาก แม่ชี ผู้มีความศรัทธาในพุทธศาสนา

 

มาทำความดีกันเถอะ

(bb-flower

 

มาทำความดีกันเถอะ

(bb-flower อนุโมถนาครับ