นักเรียนนอก กับนักเรียนนานาชาติ ต่างกันยังไง?

​

นักเรียนนอก
แต่งตัวธรรมดา ไม่ใส่ของมียี่ห้อมากมายของบางอย่างก็ของเก๊ใส่แล้วไม่รู้สึกอะไร

นักเรียนนานาชาติ
แต่งตัวต้องเริ่ดหรูของต้องมียี่ห้อและต้องเป็นของแท้คนอื่นจะได้รู้ว่าเรามีตังค์


นักเรียนนอก
ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยเพราะอยู่นอกต้องหาเงินใช่เองเลย
รู้จักคุณค่าของเงิน ซื้อเพราะความจําเป็นไม่ได้ซื้อเพราะความอยากได้

นักเรียนนานาชาติ
แบมือของเงินพ่อแม่ไปวันๆไม่รู้จักคุณค่าของเงินเพราะไม่เคยต้องทํา
งานหาเงินเองอะไรที่ตัวเองอยากได้ก็ถลุงหมด ซื้อเพราะความอยาก
ได้และคนอื่นจะได้มองว่าเรารวย


นักเรียนนอก
ถึงปล่อยให้อยู่ป่าคนเดียวก็อยู่รอดได้เพราะทําอะไรเองเป็นหลายอย่าง

นักเรียนนานาชาติ
ขืนปล่อยให้อยู่ป่าเองคงจะไปไม่รอดถึง 1 วันเพราะมืองึกมืองอทําอะไรไม่เป็นมีคนทําให้หมด


นักเรียนนอก
ไม่อวดรวยไม่หยิ่งถึงแม้ที่บ้านจะมีตังแต่ส่วนใหญ่ (บางคน) ก็ยังติดดิน

นักเรียนนานาชาติ
หยิ่งอวดรวยเป็นที่ 1 ทั้งๆที่ทางบ้านก็มีปัญญาส่งมาเรียนได้แค่ รร นานาชาติ


นักเรียนนอก
ฝรั่งพูดมาตอบกลับได้หมด ภาษาไปเร็วเพราะต้องใช้ภาษาตลอด 24 ชั่วโมง

นักเรียนนานาชาติ
ต้องครูฝรั่งใน รร เท่านั้นที่สามารถพูดตอบได้ พออยู่นอก รร เจอฝรั่งหรืออยู่เมืองนอกก็ ใบ้รับทานทันที พูดไม่ออก เรียนไปก็เท่านั้นให้ตายก็ไม่เป็น ออกจากห้องพูดไทย กลับบ้านพูดไทย ชาติหน้าก็ไม่เป็นหรอก


นักเรียนนอก
กลับไทยขับรถอะไรก็ได้ รถยี่ห้อญี่ปุ่น ธรรมดาก็ได้

นักเรียนนานาชาติ
ต้องขับรถยี่ห้อยุโรปเพราะกลัวคนอื่นจะคิดว่ากูจน



ที่มาจาก fwdmail

 

โห ดีจังตรงดี(มั้ง)

 

ไม่จริงเสมอไปมั้งค่ะ ลูกสาวเราก็เรียน รร เยอรมันอินเตอร์เนชั่นแนล ไม่เห็นเป็นอย่างนั้นเลย ติดดินด้วย ไม่ติดของแบรนเนม ทำอะไรเป็นทุกอย่างแม้แต่ ทำกับข้าว งานบ้าน ทำเองหมด ขนาดอายุแค่ ๑๕ ปีเอง ทั้งอุปนิสัย
ความประพฤษติ การเรียนอื่นๆ ดีมาก ไม่เป็นแบบนั้นสักหน่อย ตรงกันข้ามเลย อีกอย่างเขาพูดได้หลายภาษา ๕ ภาษาร่วมๆแล้ว ทั้งใน รร และนอก รร ด้วยไม่เฉพาะกับครูที่สอนใน รร เท่านั้นนะ

 

อยู่ที่คนมากกว่านะครับผมว่า

 

ผม ในฐานะนักเรียนนอก เห็นด้วยทุกประการกับ ทุกข้อของนักเรียนนอกครับ อยุ่ที่นี่ต้องต่อสู้ทุกอย่าง ส่วนนักเรียนนานาชาตินั้น ผมไม่ทราบครับ

 

แล้วแต่คนมากกว่าค่ะ

 

ไม่จริงฮับ นู๋เป็นทั้งนักเรียนนอก และ ก็เรียนนานาชาติที่นี่มาด้วย ก็ไม่เห็นเป็นกันนี่ฮับ ตอนเรียนนานาชาติ เพื่อนร่วมร.ร. ที่บ้านไม่ค่อยให้ตังค์มาเรียนก็มี นั่งรถเมลล์มาก็มี ติดดินชนิดที่เห็นแล้วต้องถามมันว่า เอ็งเป็นนักเรียนนานาชาติจริงเหรอฟระก็มี มาขอบุหรี่เราสูบเกือบทุกวันก็มี (ไอ้รุ่นน้องคนนี้ตอนนี้เป็นดาราดังอยู่นี่ไง) พวกเวอร์ๆก็มี วันๆเอาของแบรน์เนมาอวดกันก็มี ส่วนใหญ่มันจะอยู่แต่ในกลุ่มของมัน ฯลฯ
ส่วนที่เมืองนอก น่ะ เวอร์ๆน่ะก็เยอะ วันๆไม่เข้าเรียนเอาแต่โฉบไปโฉบมาก็แยะ ไม่เข้าห้องเรียนนั่งเม้าท์แตกเรื่องชาวบ้านก็แยะ เข้าห้องสอบ ไปลอกเขาโนอาจารย์ประจานซะคนไทยอับอายไปทั้งชุมชนก็มี เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็เยอะ เกินครึ่งด้วยมั้ง ตั้งใจเรียนจริงๆก็มี ติดดินสุดๆใส่กางเกงชาวเลรองแตะแบบหนีบออกมาเดินซื้อของ ซะเจ้ถิ่นฮือฮาก็มี พ่อแม่ส่งตังค์ให้หมดในวันเดียวก็มี(วันที่เหลือก็มาม่ามันทุกมื้อ เพื่อนฝูงเห็นอดสงสารไม่ได้ ต้องหมุนเวียนกันให้มันมากินข้าวด้วยแทบทุกมื้อ ขนาดเด็กเอธิโอเปีย เห็นแล้วอาจเมตตาแบ่งอาหารให้มันกินบ้างก็เป็นได้ ) ฯลฯ

สรุปแล้ว มันอยู่ที่คนนั่นแหละฮับ ชั่วดีปะปนกันไปนาฮับ

 

กระทู้อ่านแล้วเหมือนไปอิจฉาเขาหนักๆ ลูกๆผมนะเรียนนานาชาติ ภรรยาผมเป็นอาจารย์โรงเรียนนานาชาติ
ไม่เห็นเขาเป็นอย่างที่เอามาเขียนเลย
โรงเรียนนานาชาติ=สถานศึกษาของเด็กนานาชาติ
ถ้าโรงเรียนที่หลักสูตรภาษาอังกฤษมีเด็กไทยเรียนทั้งโรงเรียนหรือมหาลัยที่สอนในหลัดสูตรภาษาอังกฤษ
นั่นมันนานาชาติที่ไหนละ มันก็แค่สอนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษเท่านั้น
จึงควรเรียกตัวเองว่าสอนในหลักสูตรภาษาอังกฤษจึงจะถูก
ที่มาเรียกนานาชาติกันก็เพราะจริตมันออกกระแดะเท่านั้นเอง ฟังแล้วออกอาการยกตัวว่าดีกว่าคนอื่น
เคยได้ยินคำนี้ไหมครับข่มกันต่อๆ เจ๊กไล่ที่ไทย ไทยไปไล่ที่ลาว ลาวไปไล่ที่ลิง
บ้าของนอกคำว่าอินเตอร์มันฟังแล้วเหมือนจะขึ้นสวรรค์มั่ง
ลองบอกอินเตอร์ลาว อินเตอร์เขมร มันคงบอกว่าเชยต้องอินเตอร์ฝรั่งในชั้นมันก็มีแต่นักเรียนไทย
เคยมีเด็กนานาชาติจากโรงเรียนนานาชาติแท้ๆไปเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ
ในมหาลัยชั้นนําในประเทศที่มีอาจารย์ชาวไทยที่ล้วนแล้วแต่จบ.ด.ร.จากเมืองนอกมาสอน
เด็กที่มีความรู้ระดับเจ้าของภาษาบอกว่า ภาษาของอาจารย์ที่ใช้สอนกับห่วยแตกฟังไม่รู้เรื่อง
อ่านตำรายังเข้าใจมากกว่าการฟังการสอนของอาจารย์
กระทู้ที่ตั้งโดยสมาชิกบางท่านนั้นเกินไป ไม่มีปัญญา ภูมิจิต ภูมิธรรม โพสมาก แต่ไร้สาระ
ไปเก็บข่าวพวกแท๊บลอยย์รายวันจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แล้วมาลงตั้งกระทู้ซึ่งกระทู้เหล่านี้
ส่วนมากก็ผ่านตาสมาชิกนักอ่านมาทั้งสิ้น คนเราเขาจะมีจะจนมันของธรรมดาไม่ต้องเอาเขามาวิจารณ์
ยังกะพวกละครไทยเน่าๆที่ล้างสมองจนเยาวชนไทยทุกวันนี้ ที่แยกแยะไม่ออกเลยเอานิสัยชั่วๆแบบนั้นมาใช้ในสังคมมองคนไม่รู้จักด้วยหางตา เปรียบเทียบฐานะข้าวของที่ใช้บ้าสินค้ามีชื่อ
บ้าคนเดียวยังไม่พอถ้าคนอื่นไม่บ้าตามมันหรือใช้สินค้าเหมือนมัน มันก็ว่าเขาเชย
ไม่ทันสมัย เสี่ยว พวกตํ่าๆ พวกสินค้าไร้สาระเป็นสินค้าของคนที่จิตอ่อนขาดความมั่นใจในตัวเอง
เปิดตัวสินค้าแต่ละตัวต้องเปิดที่สยามพารากอนจึงจะขลังไง
กลุ่มรักชาติกลุ่มต้านสินค้านอก ลองไปซื้อกระเป๋าแพงๆรุ่นล่าสุดแล้วเอาไปแจกผีขนุนที่สนามหลวง
เอานักข่าวไปทำข่าวดูสิ..ว่าผีขนุนในเมืองไทยใช้กระเป๋าของแท้มีแบรนด์..พวกไฮโซจะขว้างกระเป๋าทิ้งทั้งที
เนืองจากต้องหนีแบรนด์ที่ผีขนุนใช้...

 

แล้วแต่คนครับ
ผมเป็นมาแล้วทั้งนักเรียนนอก(สมัยเรียนมัธยม) และนักเรียนนานาชาติ(สมัยเรียนมหาวิทยาลัย)
มันก็มีปนๆกันไปนั่นแหล่ะ
นักเรียนนอกอวดรวย ก็มีมากมาย
นักเรียนนานาชาติสมถะ ก็มีเช่นกัน (ผมนี่ไง อิอิ)
หัวข้อกระทู้เพียงแค่ชี้ให้เห็นความแตกต่างแบบสุดโต่ง เอาไว้อ่านเล่นหนุกๆเท่านั้น หุๆๆๆๆ

 

เคยเจอน้องชาวกรีกที่เรียนหลักสูตรภาษาอักกฤษที่มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงฯบ่นอยู่เหมือนกันว่า มันฟังอาจารย์สอนแทบไม่รู้เรื่องเลย หุ หุ หุ

 

ไม่ทราบเจตนาของผู้เขียน
อีกอย่างก็ไม่น่าจะเป็นงานวิจัยใดๆทั้งสิ้น
เป็นเรื่องอารมณ์ ความคิด อคติมากกว่า
ข้อมูลมีทั้งจริงและไม่จริงผสมกัน
นักเรียนนอกของไทย ต้องนับเริ่มต้นที่ สมัย ร.5
ท่านส่งบุตรหลานและข้าราชการไปเรียนยุโรป เพื่อกลับมารับใช้ราชการในไทย นำความรู้ความเจริญกลับมา ต่อมาในระยะหลังๆ100ปีต่อมา ก็เกิดบรรดานักเรียนนอกในปัจจุบัน
มีทั้งประเภททุนหลวง ทุนราษฎร์ ประเภทคาบช้อนเงินช้อนทอง และ ประเภท ปากกัดตีนถีบล้างจานส่งเสียตัวเอง
ส่วนนักเรียนนานาชาติ เพิ่งเกิด พวกลูกทูตต่างๆตามบิดามา ก็ต้องมีที่เรียนให้เขา ส่วนคนไทยที่ส่งลูกเรียนด้วย ก็เพราะไปนอกมันแพง ในถูกกว่าและใกล้หูใกล้ตาผู้ปกครองด้วย นี่ก็มีทั้งรวยและปากกัดตีนถีบส่งลูกเรียน
สรุปก็คือ คนไทยไม่มีองค์ความรู้ทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงจำเป็นที่จะต้องส่งบุตรหลานไปเอาองค์ความรู้้นี้จากเมืองนอกหรือภายในเมืองไทย จบ.

 

นักเรียนนอก จะได้เรียนรู้วัฒนธรรม ระเบียบวินัย ของประเทศที่พัฒนาแล้ว
ส่วนนักเรียนนานาชาติ ก็คงไม่ต่างกับนักเรียนธรรมดาเท่าไรนัก อาจจะได้โอกาสฝึกภาษานานาชาติ

 

ออกทะเลไปแล้ว ลองอ่านของจริงดูสิwww.isb.ac.th

 

นี่รายชื่อมหาลัยทั่วโลกที่เด็กจบม.6หรือเกรด12ไปเรียนต่อปี2007
ตัวเลขที่มีวงเล็บด้านท้ายของมหาลัยคือจำนวนของเด็กนักเรียนที่ไปจากโรงเรียนนี้
www.isb.ac.th./University_Acceptances2

 

นักเรียนธรรมดากะนักเรียนนานาชาติต่างจ๊ะ นักเรียนนานาชาติ เรียนตามหลักสูตรของประเทศที่โรงเรียนเขาสังกัดอยู่ อย่าง isb เขาก็เรียนตามหลักสูตรอเมริกัน ถ้า french international school ก็เพิ่มภาษาฝรั่งเศสเข้าไป singapore international school ก็ เพิ่มภาษาจีนกลางเข้าไปเป็นสองภาษา ฯลฯ
วัฒนธรรม ทำเนียมการปฎิบัติในร.ร. แทบไม่เป็นไทยเลยอ่ะจ๊ะ ยิ่งหลักสูตรประเทศอังกฤษ ไม่เพียงแต่ได้เรียนภาษาอังกฤษ แต่เราเรียนภาษาอังกฤษกันในระดับ literature จะสอบผ่านหรือตกก็อีกเรื่องจ๊ะ การเรียนการสอนทุกอย่างใช้ภาษาอังกฤษทั้งสิ้น ยกเว้นวิชาภาษาอื่นๆถ้ามี จบแล้วต้องไปสอบ "O"level หรือ "A" level ผ่าน "O" level 4 วิชา ก็สามารถเทียวุฒิม.6 ที่ประเทศไทยได้เลยอ่ะจ๊ะ และ"O"level ที่ว่าน่ะ ใช้เวลาเรียนกันแค่10ปีเองจากป.1ขึ้นไป เขาสอบกันตอนอายุ16กันอ่ะจ๊ะ หุ หุ หุ

 

มันเป็นภาพภายนอกของคนที่ไม่ได้รุ้จักกับนักเรียนเหล่านี้จริงๆครับ
ผมซึ่งไม่รู้จักนักเรียน 2 แบบ ก็เห้นว่าที่เค้าพูดเป็นตามนั้น

ภาพลักษณ์ ภายนอกจริงๆ
มันเป็นความคิดที่ใครทำให้คิดก็ไม่ทราบว่า นักเรียนนานาชาติ
ต้องเป็นเด็กมีเงินเรียนกัน มันเลย+ไฮโซ เข้าไปด้วย

 

นานาชาติของจริงเขาผลิตนักเรียนไปเรียนปริญญาตรีเมืองนอกกันทั้งนั้น
นอกจากคนต้องการสังคมมีพวกมีสีจึงไปต่อโทภายหลัง
พ่อแม่ของนักเรียนนานาชาติส่วนมากก็จบเมืองนอกทั้งนั้น
อะไรคือสมมุติบัญญัติของคำว่าไฮโซเล่า..บางคนชอบสังคมบางคนไม่ชอบ
แต่จำไว้คำหนึ่งคนมีจริงนะเขาไม่อวด..ไปหาหมอดูถามว่าจะรวยแค่ไหน..สังคมคุณมีแค่ไหนละครับ
เพื่อนรอบข้างคุณแค่ไหนคุณก็อยู่ในวงนั้น..ลองกับไปดูเว๊ปที่ผมลงไว้สิ.
ว่าค่าเทอมค่าอาหารกลางวันบวกค่ารถโรงเรียนแล้วแค่เรียนประถมถึงม.ปลาย
ค่าเล่าเรียนจะตก1ล้านบาทต่อปีใช่ไหม..ขณะเดียวกันการศึกษาระดับนี้ในต่างประเทศรัฐเขาให้ฟรี
แล้วมาลองดูเด็กที่เรียนมาต้องมาเอนเข้ามหาลัยแค่เป็นสนามแข่งระดับประเทศ
ขณะเดียวกันดูรายชื่อโรงเรียนมหาลัยที่ผมลงไว้ข้างบนจะเห็นว่าเด็กของเขาไปลงแข่งในสนามระดับโลก
คือมหาลัยในระดับโลกนั้นมีนักศึกษาระดับมันสมองจากทั่วโลกที่ไปเข้าเรียนกัน
เวลาเรียนที่ต่างประเทศก็เรียนให้มันจริงจะทำงานก็ช่วงปิดเทอม
ไม่ใช่ภาษาอังกฤษมีจํากัด หาแต่งานตํ่าๆล้างจานเสริฟอาหาร แล้วไปว่าเด็กนานาชาติเขาทำงานไม่เป็น ก็พ่อรวยมีอะไรหรือเปล่า

 

หลวงตามหาบัว กับ หลวงปู่มั่นไม่เห็นไปเรียน เมืองนอกเลย
ท่านเป็นแต่นักเรียนใน

พวกนักเรียนนอกนี้ไปไม่ไกล เพราะไปนอก ฟุ้งซ่าน
ส่วนพวกนักเรียน นานาชาติ นี้ก็เพี้ยนหนักไปอีก มันเอาไม่ได้สักที่สรุป มันจะเอาชาติไหนกันแน่

ต้องนักเรียนใน อย่าง หลวงตามหาบัว หลวงปู่มั่น พระพุทธองค์ นี่ท่านเป็นนักเรียนใน
คือ แทนที่จะไปเรียนเรื่องไร้สาระ ก็กลับมาเรียนเรื่องเกี่ยวกับ ภายในจิตใจ

ก็จะไม่เวอร์ ก็จะเป็นคนฉลาด ก็จะเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเพ้อเจ้อ เช่นพวกนักเรียนนอก หรือ นานาชาติ เพราะภาษาไทยมันยังพูดไม่ชัด อิอิ อุอุ หิหิ อะไรกันอยู่ กระแดะไปพูดภาษานอก จะไปเรียนนอก เรียนใน แค่ 5 วิชา ได้แก่ ขันธ์ 5 ยังเรียนไม่ทั่วเลย จะไปเรียนนอก

มันเป็นค่านิยม แต่จะว่าไป มันก็มีประโยชน์ แต่ มันไม่เสมอไป เพราะว่า มันเพิ่งจะมาบูมสมัย ร 5 ท่านส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ พอกลับมาก็จะเป็น เจ้าคนนายคน มาปกครองประเทศ มันก็เลยเป็นค่านิยม ให้คนสมัยนี้ ชอบพูด ภาษาฝรั่งเร็วๆโชว์ว่าพูดภาษาประกิตเก่ง กลับมาทำอะไรไ่ม่เป็นหรอก นอกจากเสริฟอาหาร
มันเท่ห์ตรงไหน เสริฟอาหาร อยู่บ้านใช้แม่ มันยังกับทาส ไปอยู่เมืองนอกไปเสริฟอาหารให้ฝรั่งกิน

ทางที่ดี มันอยู่เมืองไทยนี่แหละ เสริฟอาหารให้พ่อแม่มันกิน แล้วก็ศึกษาธรรมในใจนี้แหละ

ดูไอ้คนจีนที่เป็นชาวนาประดิษฐของสิ นั่นเขาก็ไม่ต้องไป เมืองนอกเมืองนา

บรรพบุรุษเรานั้น ท่านรักษาเอกราชไว้ให้เรา ท่านประดิษฐ ตัวอักษรไทย ตั้งแต่สมัยอเมริกายังไม่มีใครไปอยู่เลย นั่น อารยธรรมเราเจริญกว่าอเมริการเท่าไร เขาไม่มีศิลปะ ที่เป็นเอกลักษณ์ แบบเรานะ เขาไม่มีเครื่องดนตรีแบบเรา เขาไม่มีตัวอักษรแบบเรา
ความเจริญของมนุษยนี้มันวัดกันตรง นี้แหละ ไม่ใช่วัดกันที่ ศาสตร์เพ้อเจ้อแบบอเมริกา หรือที่โลกเรียนอยู่ตอนนี้

ต้องเปลี่ยนค่านิยมใหม่ให้หมด

 

ความคิด เป็นอาหาร ของจิตใจ

รู้จักกิน กินเป็น ก็มีประโยชน์ ต่อตัวเอง กินเพื่อดำรงชีวิต เพื่อมีแรง จะได้เคลื่อนแบบมีสติ

กินไม่เป็น ก็อร่อยกิน กินกันไม่เลิก กินแล้วกินอีก กินไม่อิ่มซักที ก็เพลินอยู่กับกินกันต่อไป

ปล. ท่าทางข้อความนี้จะไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้นะ นอกเรื่องไปอีกแระเรา