ทำไมจึงเป็นคนอาภัพ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 21 กันยายน 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    ทำไมจึงเป็นคนอาภัพ

    ถาม คนอาภัพ เกิดจากสาเหตุอะไร ทุกวันนี้ผมมีปมด้อยมาก เพราะเป็นคนอาภัพ ไม่ค่อยมีเพื่อนฝูง

    ตอบ คำว่า คนอาภัพ ในทางโลกกับทางธรรมนั้นไม่เหมือนกัน คนอาภัพทางโลกนั้นคือคนที่อยากได้อะไรหรืออยากเป็นอะไรแล้วก็ไม่สมหวัง อยากมีเพื่อนฝูงอย่างคุณผู้ถามเป็นต้น ก็ไม่ค่อยมี แล้วก็กล่าวว่าเป็นคนอาภัพ นี่เป็นความหมายของคนอาภัพทางโลก

    แต่คนอาภัพทางธรรมนั้น หมายถึงคนที่ไม่อาจบรรลุมรรคผลในชาตินี้ ท่านเรียกว่า อภัพพ<WBR>บุคคล ได้แก่คน ๔ ประเภทคือ

    ๑. คนที่เกิดด้วยอุเบกขาสันตีรณะอเหตุกกุศลวิบาก คือเกิดด้วยปฏิสนธิจิตที่เป็น<WBR>ผล<WBR>ของ<WBR>กุศล<WBR>ที่<WBR>ไม่มีเหตุประกอบ เป็นกุศลที่มีกำลังอ่อน เกิดเป็นบ้าใบ้ ตาบอด หูหนวก ปัญญาอ่อนมาแต่กำเนิด คนพวกนี้เป็นคนอาภัพเพราะไม่อาจบรรลุมรรคผลได้ แม้จะได้หันเหชีวิตมาเจริญมรรคมีองค์ ๘ ก็ตาม

    ๒. คนที่ทำกรรมหนักชนิดที่เรียกว่าอนันตริยกรรม คือฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ ฆ่าพระอรหันต์ ทำโลหิตพระพุทธเจ้าให้ห้อ ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน คนที่ทำกรรม ๕ อย่างนี้ แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านเรียกว่าอภัพพบุคคล เพราะแม้จะฉลาดอย่างไรก็ไม่อาจบรรลุมรรคผลได้ เพราะได้ทำกรรมหนักที่จะต้องนำไปสู่นรกทันทีเมื่อตายลง กรรมดีใดๆ ไม่อาจขวางกั้นกรรมหนักได้ กรรมหนักทั้ง ๕ นี้ต้องให้ผลก่อน

    ๓. เป็นมิจฉาทิฏฐิ คือเป็นคนมีความเห็นผิด ไม่เชื่อบุญเชื่อบาปเป็นต้น ใครจะชี้แจงแสดงเหตุผลอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อฟัง คนอย่างนี้เป็นคนอาภัพเช่นกัน เพราะไม่มีทางบรรลุมรรคผลในชาตินี้ได้

    ๔. คนที่แม้จะเกิดมาด้วยไตรเหตุ ไม่ทำกรรมหนัก เป็นสัมมาทิฏฐิ คือเชื่อบุญเชื่อบาปแล้ว แต่ว่าไม่มีศรัทธาประพฤติปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือเป็นผู้เกียจคร้านไม่มีฉันทะในการทำกุศล พวกนี้พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าเป็นคนอาภัพเช่นกัน เพราะ<WBR>ไม่<WBR>อาจ<WBR>บรรลุมรรคผลได้

    บุคคล ๔ พวกนี้แหละ คือคนอาภัพในความหมายของทางธรรม

    คณะสหายธรรมก็ยังเป็นคนอาภัพในทางธรรมเช่นท่านผู้ฟังอีกหลายท่าน รวมทั้งผู้ถามด้วย เพราะฉะนั้นอย่าได้น้อยใจไปเลย เพราะคนที่ยังเป็นคนอาภัพเช่นเดียวกับท่านผู้ถามยังมีอีกมากเหลือเกิน คงจะเกือบทั้งโลกกระมัง

    ก็ในเมื่อคนทั้งโลก มีคนที่บรรลุมรรคผลเป็นพระอริยะ พ้นจากการถูกเรียกว่าคนอาภัพน้อยมาก เพราะฉะนั้นอย่าได้น้อยใจไปเลย ผู้ถามมีพรรคพวกประเภทเดียวกันมากมาย

    คราวนี้ขอพูดถึงคนอาภัพทางโลกบ้าง ซึ่งก็ได้ให้ความหมายของคำว่า<WBR>คน<WBR>อาภัพ<WBR>ใน<WBR>ทาง<WBR>โลก<WBR>ไว้<WBR>แล้ว<WBR>ว่า ได้แก่คนที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ไม่สมหวังไปเสียทุกอย่าง อยากมีเพื่อนก็ไม่มีเพื่อนเป็นต้น อันนี้จัดเป็นผลของอกุศลกรรมที่ทำไว้

    คนที่ทำบุญไว้หลายๆ อย่าง คือทานก็ทำ ศีลก็รักษา ซ้ำเวลาทำทานรักษาศีลก็ไม่ทำคนเดียว เที่ยวชักชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องให้ทำทานรักษาศีลร่วมกับตนด้วย การทำอย่างนี้แหละ เป็นเหตุให้เมื่อต้องการสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้นตามประสงค์ การชักชวนคนอื่นๆ ให้ทำดี เป็น<WBR>เหตุ<WBR>ให้<WBR>ได้<WBR>บริวาร<WBR>มาก

    ในอดีตคุณคงทำบุญไว้น้อย เวลาทำแล้วไม่ได้ชักชวนคนอื่นๆ ด้วย คุณจึงขาดเพื่อนฝูง ถึงอย่างนั้นคุณก็อย่าน้อยใจในความอาภัพของคุณเลย เพราะเราไม่อาจแก้ไขสิ่งที่เราทำไปแล้วได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องทำเหตุในชาตินี้ของคุณให้ดีให้ถูก เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเป็นอย่างนี้ในชาติต่อไป

    ในปัจจุบันนี้ เราก็หาเพื่อนได้ไม่ยากเลย ถ้าเรามีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นอยู่เสมอ ใครๆ ก็อยากคบหาผู้นั้น

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้
    นั่นคือถ้าเราเป็นผู้ให้คือเผื่อแผ่อยู่เสมอแล้ว เป็นธรรมดาใครๆ ก็ย่อมจะรักใคร่เรา คุณลองทำดูเถิด รับรองว่าคุณจะมีเพื่อนมากมายจนคบไม่หวาดไหว แต่ว่าการจะได้เพื่อนกินหรือเพื่อนแท้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของเพื่อนแท้ เราดูกันประเดี๋ยวประด๋าวไม่ได้ ต้องคบกันนานๆ จึงจะตัดสินใจ

    คณะคิดว่าคนอาภัพทางโลกไม่สำคัญ เรามีมิตรดี มิตรแท้ ที่จะชักนำเราไปในทางดี ไม่ประพฤติชั่วเพียงคนสองคนก็พอแล้ว แต่คนอาภัพทางธรรมสิสำคัญมาก เพราะถ้าเราอาภัพทางธรรมอยู่ทุกๆ ชาติ เราก็ต้องพบกับความทุกข์ต่างๆ รวมทั้งการเป็นคนอาภัพเพื่อนฝูงด้วยอยู่ทุกๆ ชาติ ถ้าเราพ้นจากความอาภัพทางธรรมเสียแล้ว ความอาภัพทางโลกจะมีได้อย่างไร เพราะฉะนั้นควรสนใจเรื่องความอาภัพทางธรรมดีกว่า แล้วทำตนให้พ้นจากความเป็นคนอาภัพในทางธรรมเสีย แล้วคุณจะไม่พบกับความอาภัพทั้งทางโลกและทางธรรมอีกเลย

    http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=42
     
  2. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    มีเวลาสิ้นสุดเป็นคนอาภัพไหม

    ถาม จะมีเวลาการสิ้นสุดเป็นคนอาภัพไหม ถ้าได้สิ้นสุดแล้ว ผมจะเข็ดจนตาย ไม่คิดอยากทำกรรมนั้นๆ อีก

    ตอบ กรรมทุกชนิดไม่ว่าดีไม่ว่าชั่ว ล้วนแต่มีกำหนดเวลาให้ผลทั้งนั้น ไม่มีกรรมใดเลยที่มีโอกาสให้ผลแล้วจะไม่สิ้นสุดการให้ผล ครั้งแรกอาจให้ผลหนัก แต่ครั้งต่อๆ ไปก็ให้ผลเบาลงๆ จนหมดไปในที่สุด เพราะฉะนั้น กรรมที่คุณทำไว้คงจะสิ้นสุดลงสักวันหนึ่ง

    คณะไม่อยากให้พะวงถึงกรรมที่ทำไว้แล้ว เพราะเราแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุด คุณควรจะทำกรรมในชาตินี้ให้ดีที่สุด คือทำแต่กรรมดี ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์เป็นต้น แล้วก็พยายามชักชวนคนอื่นๆ ให้เขาทำดีด้วย

    ผลของความดีที่คุณทำเองและชักชวนผู้อื่นนั่นแหละ จะทำให้คุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการพร้อมทั้งเพื่อนฝูงบริวารในอนาคต ไม่ทราบว่าคุณทำดังนี้อยู่หรือเปล่า ในขณะนี้ ถ้าไม่ได้ทำก็โปรดได้ลงมือเสียแต่บัดนี้
    ข้อสำคัญ หากคุณทำตนให้พ้นจากความอาภัพทางธรรมแล้ว คุณจะสิ้นสุดการเป็น<WBR>คน<WBR>อาภัพ<WBR>ทุก<WBR>อย่าง<WBR>โดย<WBR>เด็ด<WBR>ขาด

    http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=43
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    เคยมีคนอายุห้าสิบกว่าบอกว่า ยิ่งเราโตมากขึ้นเท่าไหร่า เราไม่จําเป็นต้องมีเพื่อนเยอะเลย ขอเเค่มีเพื่อนคนเดียวที่รักเราจริงก็พอเเล้ว
     
  4. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ



    ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วยทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา
     
  5. kacher

    kacher เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +235
    เพื่อนที่ดีมีหนึ่งถึงจะน้อย
    ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
    เหมือนเกลือดีมีนิดหน่อยน้อยราคา
    ยังมีค่ากว่าน้ำเค็มเต็มทะเล
     
  6. อชิระ

    อชิระ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +3
    อชิระ

    คบคนพาล พาลพาไปหาผิด

    คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล

    แต่ถ้าเราคบคนพาลแล้วพาคนพาลไปทำดีก็อาจจะมีคนดีเพิ่มขึ้นอีกนะครับ;aa23
     
  7. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    ใช่ๆๆๆ


    [​IMG]
     
  8. หมูสวย

    หมูสวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +123
    อนุโมทนาค่ะ มีเพื่อนดีๆ 2-3 คนดีกว่ามีเพื่อนกินเป็นกลุ่ม
     
  9. แง็บ_แง็บ

    แง็บ_แง็บ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +61
    :VO
     
  10. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ครับอนุโมทธา
    ตอนแรกเข้าใจว่าตัวเองอาภัพเช่นกัน

    รักใคร ชอบใครแต่ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน คบกับเพื่อนยาก ไม่ค่อยมีเหตุการประจวบเหมาะเหมือนคนอื่นๆ เพื่อนๆผมก็มีเป็นกลุ่มๆ แต่ ถ้าถามว่าข้อใดไม่เข้าพวก คงต้องวงกลมผม

    แต่ตอนนี้เรา ผู้เกิดมาคนเดียว ย่อมเดินไปคนเดียว เพียงแต่อาสัยกายเนื้อนีจากบิดาและมารดา
    เพราะเหตุที่ว่ามาโดยตัวเปล่า ไม่ได้ชักชวนใคร จึงได้ทำอะไรคนเดียว แต่มักพบมิตรที่ดีคอยชี้แนะ(แต่ก็อยู่ไม่นาน ตามหลักไตรลักษณ์)
    เราย่อมยืนอยู่บนเท้าทั้งสองของเราเอง
    ท่องเที่ยวไปในวัฎสงสารโดยลำพัง บำเพ็ญเพียรธรรมโดยลำพัง
    หลีกเร้นสันโดษโดยลำพัง จึงจะเเสวงหาโพธิอันยิ่งใหญ่ได้

    จึงไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนครับ หากเเต่มีเมตตาจิต จริงใจและปราถนาดี ต่อบุคคลและสัตว์ที่เข้ามาในชีวิต ชี้แนะแนวทางดีๆ มอบสิ่งดีๆ ไม่เสียใจที่ได้เตือนหรือบอกกล่าว ไม่คาดหวังสิ่งใดๆตอบแทน

    หากไม่พบมิตรผู้มีปัญญาและธรรมเหนือกว่าพึงท่องไปคนเดียวและพยายามไม่ทำความชั่วครับ

    ทางของผมผู้แสวงหาสัจจธรรมด้วยตนเอง เดินไปผู้เดียว โดยอาศัยหลักคำสอนและคำชี้แนะจากพระพุทธเจ้าและพระผู้ไปดีพ้นแล้ว พระโพธิสัตว์ตลอดจนกัลญาณมิตรทั้งหลาย

    ปัจเจกโพธิมุตมันติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...