ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย biology_ชีววิทยา, 20 สิงหาคม 2008.

  1. biology_ชีววิทยา

    biology_ชีววิทยา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +8
    ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ

    [​IMG]



    เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เป็นความพยายามของผู้เขียนที่จะเชื่อมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของไอน์สไตน์กับภูมิปัญญาทางธรรมอันเป็นผลจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ผู้เขียนมีเหตุผลที่จะเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นคำถามเรื่องจุดคงที่ของจักรวาล (The absolute ruling point in nature) ที่อัลเบริต์ ไอน์สไตน์ได้ถามเป็นท่านแรกและต้องการค้นให้พบอันเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่บทสรุปของทฤษฎีสัมพัทธภาพ (The Theory of Relativity) หรือ ทฤษฎีสรรพสิ่ง (The Theory of Everything) ที่ไอน์สไตน์ได้ทุ่มเทชีวิตในช่วง ๓๐ ปีสุดท้ายเพื่อหาคำตอบ, คำถามที่ครอบจักรวาลของไอน์สไตน์เหล่านี้ล้วนชี้ไปสู่ความหมายเดียวกันคือ ไอน์สไตน์ต้องการค้นหาสภาวะสัจธรรมอันสูงสุดที่มีอยู่ในธรรมชาตินั่นเอง ซึ่ง
    คำตอบที่เป็นอมตะนี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบแล้วเมื่อ ๒๕๙๔ ปีก่อน ซึ่งท่านใช้คำว่า พระนิพพาน หรือ การหมดทุกข์อย่างสิ้นเชิง

    จุดเด่นและจุดสำคัญยิ่งของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่ตัวผู้เขียนที่กล้ายืนยันว่า "สัจธรรมอันสูงสุดในธรรมชาติมีอยู่" รวมทั้งกล้าประกาศให้ผู้อ่านรู้ว่า เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าสัจธรรมอันสูงสุดหรือสภาวะพระนิพพานคืออะไร เป็นอย่างไร จึงทำให้เธอสามารถตั้งศัพท์ใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเพื่อคนยุคใหม่สามารถเข้าถึงสัจธรรมได้ง่ายขึ้น อันคือ ผัสสะบริสุทธิ์ และ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ การประกาศตนเป็นผู้รู้สภาวะสัจธรรมของผู้เขียนนี้เอง ตัวต่อตัวสุดท้ายที่ยังขาดอยู่หรือเป็น missing link ก็สามารถถูกวางลง ก่อให้เกิดภาพชัดเจนของชีวิตที่เชื่อมโยงกับจักรวาลทั้งหมดได้ และก่อให้เกิดการประสานเชื่อมต่อระหว่างภูมิปัญญาทางโลก โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์กับภูมิปัญญาทางศาสนาที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวของชีวิต การเกิดแก่เจ็บตาย (บทที่ ๑) เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้จึงตั้งอยู่บนรากฐานที่ผู้เขียนอ้างว่าเธอรู้สัจธรรมอันสูงสุด ซึ่งเธอได้อธิบายสภาวะสัจธรรมในฐานะที่เป็น "ที่นี่ เดี๋ยวนี้" (บทที่ ๖) โดยใช้ข้อเปรียบเทียบของรถไฟสองขบวนที่วิ่งพร้อมกัน

    เนื้อหาในบทที่ ๒, ๓, ๔ ของหนังสือเล่มนี้คือ การวิเคราะห์หัวข้อและคำถามที่มักถามกันบ่อยอันเกี่ยวข้องกับเรื่องชีวิต และ จักรวาล เช่น ตัวจริงของเราคืออะไร อยู่ที่ไหน จิตใจที่เป็นปกติคืออะไร และ พรมแดนสุดท้ายของจักรวาลอยู่ที่ไหน ซึ่งผู้เขียนได้พยายามประสานและขมวดหัวข้อที่ดูเหมือนแตกต่างกันมากเหล่านี้เข้าสู่เรื่องสัจธรรมอันสูงสุด หรือ พระนิพพาน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับจุดคงที่ของจักรวาล อันเป็นเนื้อหาส่วนที่จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถมองพระพุทธศาสนาว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเองมากกว่าเป็นเรื่องไกลสุดกู่ และมองใหม่ว่า พระนิพพานไม่ใช่เป็นทางเลือก แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องไปให้ถึง เพราะ การไม่รู้จักพระนิพพานก็คือการไม่รู้จักตัวเอง คือการไม่รู้จักความปกติที่แท้จริงของจิตใจตัวเอง และคือการไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นศูนย์กลางของจักรวาลของตนเอง

    จุดเด่นอีกข้อหนึ่งของหนังสือเล่มนี้คือ ผู้เขียนได้พยายามช่วยเหลือปัญญาชนที่บูชาการใช้ความคิดให้รู้จักจุดยืนของตนเองที่เนื่องกับจักรวาล โดยแยกแยะให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแตกระหว่างวิธีการหาความรู้ทางโลกที่ยังอิงกับความมืดบอดของอวิชชากับความรู้ทางธรรมที่จะช่วยให้รู้จักตนเองอย่างแท้จริงอันเป็นเนื้อหาของบทที่ ๔ และ ๕

    ความสมบูรณ์ของหนังสือเล่มนี้คงจะอยู่ที่การบอกทางออกของชีวิต อันคือวิธีการที่จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถค้นพบจุดนิ่งของจักรวาลหรือสัจธรรมอันสูงสุดด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเนื้อหาของบทที่ ๗ ผู้เขียนเชื่อมั่นว่า สติปัฏฐานสี่หรือวิปัสสนาเท่านั้นที่จะเป็นทางออกให้ชาวโลกได้พบกับความสุขและสันติภาพที่แท้จริง และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อ่านที่อยากเริ่มการเดินทางเพื่อแสวงหาตัวเองทันทีที่อ่านทั้ง ๗ บทจบ ผู้เขียนจึงได้นำเรื่อง "การพาตัวใจกลับบ้าน" อันคือวิธีการฝึกสติปัฏฐานสี่ที่ได้ประยุกต์ให้เหมาะสมกับคนยุคใหม่มาไว้ที่ภาคผนวกซึ่งทำให้หนังสือเล่มนี้สมบูรณ์อย่างเต็มเปี่ยม

    [​IMG] สามารถดาวน์โหลดหนังสือฉบับเต็มได้ที่นี่ครับผม

    http://uploads.bizhat.com/file/43614
     
  2. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    หนังสือดีๆแบบนี้แจกฟรีเลยเหรอครับ
    เป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้หรือเปล่า ?

    ถ้าไม่ใช่กระผมขอไม่โหลดดีกว่า มันเป็นการเอาของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ ผิดศีล
     
  3. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    หนังสือเล่มนี้เขียน โดย อาจารย์ ศุภวรรณ กรีน นะคะ มีหนังสือ ของอาจารย์ทุกเล่มเลย แนวการสอนเป็นแบบสติปัฏฐานสี่ สอนโดยใช้ภาษาง่ายๆ ไม่ซับซ้อนเน้นการปฏิบัติจิต ตอนนี้ก็กำลังทำตามอยู่
     
  4. brotherpray

    brotherpray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +177
    ไม่มีความรักใดที่เรียกว่าบาป
    ขอบคุณสำหรับหนังสือครับ
     
  5. nipon_rod

    nipon_rod สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +2
    เว็บไซต์ของอาจารย์ศุภวรรณ มีให้โหลดหนังสือด้วย

    เว็บไซต์ของอาจารย์ศุภวรรณ มีให้โหลดหนังสือด้วย น่าอ่านมาก
    http://www.supawangreen.in.th/book.html
     
  6. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    เรียนทุกท่าน หนังสือเล่มนี้มีแจกฟรี บนเว็บไซต์ของผู้เขียนครับ
    ไม่ได้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แต่ประการใดครับ
     
  7. nice57230

    nice57230 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +163
    ;aa50

    ผมขอแสดงควมคิดเห็นนะคับ
    เรื่องนี้เจ้าของกระทู้น่าจะให้เครดิตเวปต้นฉบับด้วยนะครับ
    อย่างนี้เป็นการเสียมารยาทนะครับ
    และยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายนะครับ

    ยังไงท่านอื่นลองดูได้ที่นี่เลยครับผม
    เวปต้นฉบับเขาน่ะครับ

    http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=386

    คุณคัดลองเขามาก้อน่าจะให้เครดิตเขานะครับ
    (smile)(deejai)(one-eye)
     
  8. Krit kaenkumchon

    Krit kaenkumchon สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    อืม..
     
  9. jaib1000

    jaib1000 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    เขาเอามาให้อ่านเพื่อให้รู้มิใช่หรือ หนังสือก็ถือเป็นความรู้ที่สืบทอดกันมาเราอนุโมทนาให้กับเจ้าของแล้ว และขอบคุณที่เขาได้เขียนหนังสือดี ๆ แบบนี้ ผู้ที่เอามาให้เราอ่านถือว่าเป็นบุคคลที่เอาบุญมาให้ ก็เหมือนมีซองผ้าป่าคนที่นำซองมาเรี่ยไรก็ถือว่าเป็นคนกลางที่นำบุญมาให้ถึงที่ ไม่เห็นจะผิดศีลตรงไหนเลย ผิดศีลคือการเอาของ ๆ คนอื่นมาถือว่าผิดไหมก็ผิด แต่ถ้าคนที่อ่านแล้วหลุดพ้นจากความทุกข์ที่เขากำลังดำเนินอยู่ในชีวิตก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมิใช่หรือไงกัน ถามว่าเข้าใจในหลักธรรมกันไหม ทุกคนต้องตอบว่าเข้าใจเข้าใจอย่างไรกัน เข้าวัดหรือ หรือไปเที่ยวที่วัด คุยกับพระ คงเคยได้ยิ่งว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา บุคคลนี้อีกไม่นานก็คงจะพยายามให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทุกข์เหมือนกัน
     
  10. siritach

    siritach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2005
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +555
    ผมซื้อมาอ่าน 1 เล่ม อ่านเสร็จแล้ว รู้สึกไม่ดี เลย

    ผมซื้อมาอ่าน 1 เล่ม อ่านเสร็จแล้ว รู้สึกไม่ดี เลย
    อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
    1.ผู้เขียน ได้กล่าวอ้าง ว่า ตนได้ เข้าถึงแดนนิพานแล้ว
    จึงสามารถเล่า เรื่องราวต่างๆ ได้
    2. ในหนังสือมีประเด็น ที่แปลกคือ ผู้เขียน บอกว่าตนเอง
    ไม่เก่ง ด้านคำนวน ประมาณนี้
    3.ผู้เขียน อ้างอิง พระพุทธเจ้ามากเกิน ไป จนดูว่าตัวเองรู้เรื่อง
    พระพุทธเจ้า เมื่อ2500ปีก่อน แบบชนิดที่เห็นด้วยตาตนเอง
    4.มีความคิด ที่ประมาณว่า รู้มากกว่าพระพุทธเจ้า -ข้อนี้ ต้อง อ่านหนังสือ แล้วจะรู้เอง
    5.ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านหนังสือของตน เชื่อว่า ผู้เขียน บรรลุ ถึงขั้นนิพานแล้ว
    6.ลักษณะ การเขียน ก็ไม่ได้แตกต่างอะไร จากผู้อื่น เหมือนเอาปรัชญา+ธรรมะ +วิถีชีวิต ก็แค่นั้น
    -----คนที่เอา เรื่องที่พระพุทธเจ้า สอน มาสอน เราต่อ แล้วมาบอกว่าตนเอง ถึง นิพาน-----
    อันนี้ แล้วแต่ นะครับ แต่ส่วนตัวของผม รู้สึกแย่ ที่ทำไม ผู้เขียน ต้องยก ตนเอง ซะสูง ขนาด นั้น คนที่ถึงแดนนิพาน แต่ยังมีกิเลส หนา เฮ้อ
     
  11. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    <table width="100%" align="center" bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="8" cellspacing="0"><tbody><tr><tr><td class="font" valign="top">สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับท่านสู่เว็บไซต์ของศุภวรรณ กรีน

    จุดประสงค์ของเว็บไซต์นี้เพื่อต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์หยิบมือหนึ่งที่ อาศัยอยู่บนพื้นผิวโลกนี้ให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต ซึ่งในความเห็นของดิฉันคือ สัจธรรมอันสูงสุด The ultimate truth ดิฉันเชื่อว่า ไม่ว่าจะพูดถึงปัญหาเรื่องอะไรก็ตาม หากย้อนถามถึงสาเหตุอันเป็นต้นตอของปัญหาแล้วไซร้ มักจะมาลงที่มนุษย์กับการไม่รู้สัจธรรมอันสูงสุดทั้งสิ้น

    เว็บไซต์ นี้จึงล้วนเป็นเรื่องการช่วยเหลือปัจเจกชนคนหนึ่ง ๆ ให้มีโอกาสได้รู้จักและสัมผัสกับสัจธรรมอันสูงสุดนั้นด้วยตนเอง ทุกครั้งที่คำว่า “สัจธรรมอันสูงสุด” ถูกเอ่ยขึ้นมา มักจะมีปฏิกิริยาจากผู้ฟัง ๓ อย่างคือ ปฏิกิริยาประเภทแรกคือ คนผู้นั้นจะหัวเราะอย่างขบขันและพูดว่า “มีที่ไหนกัน สัจธรรมอันสูงสุด มีอยู่แต่ในความคิด ในหนังสือปรัชญาเท่านั้นแหละ ไม่มีจริงดอก ไม่ต้องไปหาให้เสียเวลา” และเดินจากไป โดยไม่เสียเวลากับการคิดเรื่องเช่นนี้เลย

    ปฏิกิริยาประเภทที่สองคือ คนผู้นั้นจะหยุด รับฟังอย่างตั้งใจและคิดพิจารณาว่า “สัจธรรมอันสูงสุดอาจมีอยู่จริงอย่างที่ผู้รู้อ้างถึงก็ได้” ถึงแม้จะไม่ค่อยมั่นใจเพราะยังไม่รู้ไม่เห็นด้วยตนเอง แต่ก็ไม่ยืนกระต่ายขาเดียวและปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้น ยังยินดีที่จะสละเวลาเพื่อการเรียนจากผู้รู้ เพื่อค้นคว้าหาสัจธรรมนั้น ๆ ด้วยตนเอง จึงยังไม่กล้าตัดสินที่จะยอมรับหรือปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น

    ปฏิกิริยาประเภทที่สาม คือ ผู้ฟังจะหัวเราะเหมือนปฏิกิริยาประเภทแรกไม่มีผิด แต่เป็นการหัวเราะเพราะรู้อย่างแน่ชัดว่า สัจธรรมอันสูงสุดนั้นมีอยู่อย่างแน่นอน จึงเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรเลย จุดประสงค์ของเว็บไซต์นี้เพื่อต้องการรับใช้ปฏิกิริยาประเภทที่สองเท่านั้น ผู้ฟังประเภทแรกและประเภทที่สามไม่มีความสนใจที่จะค้นหาสัจธรรมอันสูงสุดแต่ อย่างใด คนสองกลุ่มนี้มีความเท่าเทียมกันในแง่ที่ว่าคนหนึ่งเห็นว่าสัจธรรมสูงสุดไม่ มีอยู่ จึงไม่มีการแสวงหา ส่วนอีกคนหนึ่งได้พบสัจธรรมสูงสุดด้วยตนเองแล้ว ได้เห็นแล้ว จึงรู้ว่ามีอยู่จริง จึงไม่มีความจำเป็นต้องแสวงหาอีกเช่นกัน

    หากคุณได้จัดตนเองอยู่ในกลุ่มคนประเภทที่สองแล้วไซร้ ขอให้คุณรับทราบต่อไปว่า งานเขียนของดิฉันทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ มีลักษณะการสอนที่เจาะจงเพื่อมุ่งช่วยเหลือมนุษย์ทีละหนึ่งคนเท่านั้น มิใช่เป็นการสอนให้คนกลุ่มใหญ่เข้าใจอย่างทั่วถึงกันแต่อย่างใด ฉะนั้น ตัวหนังสือเหล่านี้จึงเหมือนการพูดกับคุณอย่างตัวต่อตัว การแนะนำต่าง ๆ ของดิฉันก็เพื่อคุณที่กำลังอ่านตัวอักษรเหล่านี้ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เพื่อคนที่อาจจะกำลังนั่งใกล้คุณและกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ดูโทรทัศน์หรือฟังเพลงแต่อย่างใด ดิฉันอยากให้คุณทราบว่า หากคุณเป็นเพียงมนุษย์คนเดียวในโลกที่ได้พบเว็บไซต์นี้ และปรารถนาที่จะเรียนรู้เพื่อการได้สิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตมาครอบครองแล้ว ดิฉันก็ยินดีที่จะสอนและให้คำแนะนำคุณจนกระทั่งคุณสามารถพบสัจธรรมอันสูงสุด ด้วยตนเอง

    ดิฉัน ไม่สนใจเลยหากไม่มีคนอื่นในโลกที่ต้องการรู้เรื่องการค้นหาสัจธรรมนอกจากคุณ เท่านั้น ที่จริงเป็นเรื่องดีมาก เพราะคุณจะได้ทราบว่า คุณจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับขบวนการทางศาสนาหรือการเมืองที่มักมีผู้นำบ้า อำนาจชักพาคนหมู่มากให้หลงผิดและทำสิ่งที่ผิด ๆ ซึ่งกว่าผู้คนจะรู้ก็มักสายเกินไป เพราะผลเสียได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเว็บไซต์นี้มีแต่เพียงคุณกับดิฉันเท่านั้น การก่อตั้งขบวนการอะไรต่าง ๆ คงทำได้ยากมากหากมีคนเพียงสองคนเท่านั้น ฉะนั้น คุณจึงวางใจได้ คุณอาจจะยังอดสงสัยไม่ได้ว่า คุณกำลังเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนบ้าที่เอาเรื่องสูงสุดมาพูดเล่น หรือ คนรู้สัจธรรมอันสูงสุดอย่างแท้จริง

    เพื่อช่วยคุณประหยัดเวลาอันมีค่า ดิฉันขอแนะนำให้คุณเข้าไปอ่านฟอรัม feedback หรือ จดหมาย อันเป็นเสียงสะท้อนจากนักศึกษาชาวตะวันตกที่ได้มาเรียนกับดิฉันแล้วที่ อังกฤษ หรือไม่ก็จากผู้ได้อ่านงานเขียนของดิฉันแล้ว ดิฉันต้องขออภัยว่ายังไม่มีเวลาแปลเสียงสะท้อนเหล่านั้นเป็นภาษาไทย แต่หวังว่า คงไม่เกินกำลังความเข้าใจของคุณนัก ส่วนมากก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษพื้น ๆ ที่อ่านเข้าใจง่ายอยู่แล้ว เมื่อคุณพอทราบว่าคนที่ได้สัมผัสกับดิฉันแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร คุณจึงค่อยนำข้อมูลเหล่านั้นมาคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อตัดสินใจว่าคุณอยากจะร่วมเดินทางกับดิฉันเพื่อการแสวงหาสัจธรรมอันสูง สุดหรือไม่

    ขอความกรุณาอย่าถามคนอื่น เพราะการตัดสินใจด้วยตัวคุณเองเป็นก้าวแรกที่คุณต้องทำหากคุณต้องการให้ ดิฉันพาคุณไปพบสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต ขอให้เป็นการตัดสินใจของคุณเพียงคนเดียว ถ้าคำตอบคือ “ผม/ดิฉันไม่เอาด้วยกับคุณศุภวรรณครับ/ค่ะ” ดิฉันก็ขออวยพรให้คุณโชคดีมีสุข หวังว่าชีวิตมีแต่ความเมตตาต่อคุณและไม่โหดร้ายจนเกินไปนัก หากคุณเปลี่ยนใจทีหลัง ดิฉันก็ไม่ได้หนีไปไหน ก็คงยังอยู่แถวนี้ ในเว็บไซต์นี้ หากคำตอบคือ “เอาครับ/ค่ะ ผม/ดิฉันจะลองดู” ดิฉันก็ขอต้อนรับคุณสู่เว็บไซต์นี้ ดิฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะช่วยเหลือคุณและนำพาคุณไปพบสิ่งที่ดีที่สุด ของชีวิตนี้

    ฉะนั้น จึงขอให้คุณเข้าใจว่าโครงสร้างของเว็บไซต์นี้ประกอบด้วย ดิฉันในฐานะผู้นำทาง คุณในฐานะผู้เดินทาง โดยมีสัจธรรมอันสูงสุดเป็นเป้าหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้

    </td></tr></tr></tbody></table>
     
  12. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า..ตรัสไว้ดีแล้ว ผู้ประพฤติปฏิบัติจะเห็นเอง ไม่ขึ้นกับกาล ควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ ควรเชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ อันวิญญูชนพึงรู้ได้จำเพาะตน ขอให้ทุกท่านจงฟังธรรมของเรา เมื่อท่านฟังธรรมจากเรา จงปฏิบัติเพื่อให้ถึงพร้อมความหลุดพ้นนั้นเถิด..
     

แชร์หน้านี้

Loading...