คู่มือรักษาโรคด้วย "พลังจักรวาล"

ในห้อง 'ลงประกาศ ซื้อ-ขาย หรือทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย Little yoda, 5 ตุลาคม 2007.

  1. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวาลล้วนแต่มีเหตุปัจจัยทั้งสิ้น เฉกเช่น การเสื่อมของจักระต่างๆ ในกายจิตของมนุษย์ อาการของจักระที่เสื่อมมีหลายลักษณะ อาทิ หมุนช้าลง เป็นต้น อาการเสื่อมของจักระเหล่านี้เกิดจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้

    1. สาเหตุมาจากความเจ็บป่วยทางร่างกายส่งผลทำให้จักระหมอง
    2. ความเครียด ความกดดัน และความคิดในทางชั่วร้าย
    3. ร่างกายได้รับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม
    4. ไม่ได้เพิ่มพลังจักระอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
    5. การใช้อำนาจจิต
    6. การใช้นิ้วมือขยี้จักระให้หมุนกลับ (ทวนเข็มนาฬิกา) ซึ่งอาจเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์

    "จักระ" นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งของการตำรงชีวิตของมนุษย์ การเข้าถึงธรรมชาติและการทำงานของจักระต่างๆ ของกายทิพย์ ทำให้เราสามารถดูแลรักษาจักระได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงได้ไม่ยากเลย ความสำเร็จของการดูแลรักษา สุขภาพของชีวิตขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลายประการดังนี้ การหมั่นเพิ่มพลังจักระ พลังจักรวาลจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างงดงามต้องประกอบไปด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้

    1. มีสมาธิที่แน่วแน่

    2. หมั่นเพิ่มพลังให้แก่จักระทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้ง (เช้า - เย็น) อย่างต่อเนื่อง

    3. สถานที่เพิ่มพลังจักระมีลักษณะโล่งโปร่ง มีหญ้าและมีต้นไม้ใหญ่ (สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งพลังธรรมชาติที่สั่งสมไว้ออกมาให้ด้วย) พื้นแห้งสนิท และมีแสงสว่าง ถ้าถอดรองเท้าในขณะที่เพิ่มพลังจักระจะเป็นการดียิ่ง (ที่ฝ่าเท้ามีจักระเช่นกัน)

    4. หลังที่ตั้งตรงจะช่วยให้การเดินปราณมีประสิทธิภาพ

    "ปุ๋ย" เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความงอกงามของมวลพฤกษชาติฉันใด "ความเพียร" ย่อมเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาสุขภาพของชีวิตของมวลมนุษย์ชาติฉันนั้น...เช่นเดียวกัน ในการเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยประสบมาก่อนบางครั้งต้องใช้ความกล้าหาญและความเสี่ยงที่จะเรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง!

    ที่มา : http://palungjit.org/showthread.php?t=110053
     
  2. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ยังดีนะที่ให้สร้างดวงอาทิตย์เจ็ดดวง ในแนวเส้นตรง ของจักระ 1-7

    ถ้าถูกสร้างใน รูปทรงสามมิติละก็ ตัวใครตัวมันนะคราบบบบ

    ที่โบราณกล่าวถึงดวงอาทิตย์ 7 ดวง ขึ้นพร้อมกัน จักรวาลจะถูกทำลาย ก็หมายถึงสิ่งนี้
    จักวาลที่กล่าว หมายถึงจักรวาลน้อย คือร่างกายเราเอง
     
  3. peterandpen

    peterandpen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +502
    วันนี้ที่ 20 สิงหา เวลา 19.15น ได้ทำการโอนเงินจำนวน 200บาท
    จากตู้เอทีเอ็มเข้าบัญชีคุณLittle yodaให้เรียบร้อยแล้วนะคะ
    รบกวนส่งคู่มือการรักษาโรคมาที่

    รจนา นาคกนก
    ตู้ปณ 59 "ไปรษณีย์เพชรบูรณ์"
    อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000

    ขอบคุณค่ะ
     
  4. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ครับผม เดี๋ยวจะส่งให้ตาม ชื่อ - ที่อยู่ ที่ระบุมาครับ
    ขอบคุณครับ
     
  5. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ mead
    เอามาให้อ่านกันครับ...ข้อความจากพี่นักเขียน โนวา อนาลัย
    การรักษาโรคด้วยพลังจิต

    ข้อความอ้างอิงโดยคุณ Chalhoei http://cdn.palungjit.org/styles/default/images/viewpost.gif
    อนุญาติครับ ยินดีให้เต็มร้อย เพราะทุกว้นก็อธิษฐานให้เวไนยสัตว์ทั้งจักวาลหมื่นโลกธาตุอยู่แล้ว คือจินตนาการแผ่พลังไปจนสุดพลัง ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่าก็มีปัญหาตรงนี้คือยังติดสงสัยอยู่ ถ้างั้นก็ขอถามอาจารย์นะครับ

    1 พลังที่เราแผ่ออกไป ไปได้สุดแค่ใหนครับ หรือว่าขึ้นกับจินตนาการ
    2 พลังที่เราแผ่ออกไปหาผู้ที่เจาะจงก็ดีหรือไม่เจาะจงก็ดี เค้าจะได้รับหรือไม่ครับ
    3 ในการรักษาโรค เป็นไปได้หรือเปล่าที่เราส่งพลังไปให้เค้าแล้วเค้าหาย หมายถึงพลังที่เราแผ่ให้ในระยะไกล

    คือไม่เห็นตัวผู้ป่วย เพราะตอนนี้ผมยังมีความเชื่อฝังใจอยู่ว่า คนป่วยรักษาตัวเองด้วยความเชื่อของตัวเอง ถึงแม้พลังที่เราส่งให้ในระยะใกล้ๆ เพราะผู้ป่วยกับผู้ส่งพลังรู้เห็นซึ่งกันและกัน ผู้ส่งพลังก็เหมือนผู้สะกด ผู้ป่วยก็เหมือนผู้ถูกสะกด

    จากข้อที่ 3 มีประสบการณ์อย่างนี้ครับ ประมาณ 2-3 อาทิตยที่ผ่านมามีน้องพนักงานที่ผมทำงานอยู่ป่วยไอเป็นเลือดจนแทบหมดสติ จนผมต้องพาส่ง ร.พ. หมอตรวจขั้นแรกว่าติดเชื้อวัณโรคซึ่งดูจากฟิมล์เอกซเรย์ แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะเป็นวัณโรค เพราะน้องเพิ่งอายุ 16 เองและ ตามประวัติญาติๆก็ไม่มีใครเป็นและที่ทำงานเราก็สะอาด (น้องเค้าเป็นกำพร้าพ่อแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว มีแต่น้า กับป้าที่ดูแลอยู่) แต่ก็พยักหน้ารับปากหมอเพราะหมอต้องให้คนไข้นอนนอกห้องไม่ให้รวมกับผู้ป่วยอื่น พอเห็นน้องเค้าอยู่เรียบร้อยมีหมอดูแลแล้วผมก็กลับมาทำงานต่อ พอทำงานได้ไม่ถึงชั่วโมงหมอก็โทรให้ญาติไปโรงพยาบาลด่วน เพราะหมอต้องเอาคนไข้เข้าห้อง ไอซียูและให้ญาติทำใจไว้ก่อน พนักงานหลายคนที่ได้ข่าวก็เศร้าไปตามๆกันโดยเฉพาะน้าสาวที่เป็นน้าแท้ๆถึงกับร้องไห้ และก็พากันไปเยี่ยม แต่ละคนที่ไปเยี่ยมก็ร้องไห้ที่เห็นสภาพน้องคนไข้ ก็มีผมคนเดียวที่รู้ว่าน้องเค้าปลอดภัยเดี๋ยวก็หาย เพราะเห็นที่ตาที่สามน้องเค้ากลมใสสว่าง ก็จินตนาการน้องเค้าร่าเริงกลับไปทำงานได้ตามปกติ และเมื่อกลับมาที่ทำงาน ก็ประกาศให้พนักงานที่ต้องการไปเยี่ยมผู้ป่วยห้ามไม่ให้ร้องไห้ ให้ทุกคนจินตนาการว่าน้องเค้ามาทำงานได้ตามปกติ และทุกๆคนก็น่ารักก็ทำตามกัน หลังจากนั้นก็ไปเยี่ยมกันทุกวัน ไปทีไรก็ถามหมอว่าเป็นอย่างไรบ้าง หมอก็บอกว่าปอดติดเชื้ออย่างรุนแรงแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเชื้ออะไร ต้องเจาะเอาเลือดที่ท่วมปอดทิ้ง ตอนนี้ก็ห้าสิบห้าสิบ เป็นตายเท่ากัน ผมก็ต้องคอยปลอบเด็กๆว่าปาฏิหารย์มีจริงให้ช่วยกันจินตนาการ ก็หลังจากนั้นไม่กี่วัน เด็กๆที่ไปเยี่ยมก็มาพูดกับผมว่าพี่ปาฏิหารย์มีจริงนะ ผมก็ได้แต่ปลื้มใจที่ช่วยน้องเค้าได้ และก็ไม่เกิน สิบวันน้องเค้าก็หาย ตอนใกล้หายเนี่ย เวลาเราถามคำน้องเค้าจะตอบสิบคำ เรียกว่าคุยจ้อเลย ทั้งๆที่ไม่มีเสียง และก่อนที่น้องเค้าจะออกจาก ร.พ.หมอก็ยังไม่รู้ว่าน้องเค้าติดเชื้ออะไร จนวันสุดท้ายผลเลือดจึงออกมาว่าติดเชื้อโรคฉี่หนู ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าใครติดเชื้อนี้ก็จะเสียชีวิต(ตอนหลังน้องมาเล่าให้ฟังว่าไปเล่นน้ำที่ต่างจังหวัดแล้วเกิดน้ำป่าทะลักมาอย่างเร็ว จนจมน้ำ ถึงสามครั้งและกินน้ำไปหลายอึก เพื่อนๆที่ไปเล่นด้วยกันก็พยายามช่วยจนขึ้นฝั่งได้)

    ข้อสงสัยในข้อนี้คือ

    3.1 พลังที่เราส่งให้คนป่วยช่วยคนป่วยได้หรือเปล่า
    3.2 เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ป่วยรักษาตัวเอง เพราะหมอจะให้ยานอนหลับตลอดนั่นคือประสาทสัมผัสที่ ห้าน้องเค้าพักการทำงาน เวลาผมไปเยี่ยมทีไรก็หลับไม่รู้สึกตัวเลยทุกวัน
    3.3 ถ้าสองข้อข้างบนไม่ใช่ก็น่าจะเป็นข้อนี้ครับคือที่น้องเค้าหายเร็วเป็นเพราะยาที่หมอให้หรือเปล่า(กรณีที่สงสัยข้อนี้เพราะว่าน้องเค้าใช้บัตร 30 บาทรักษาซึ่งก็รู้อยู่ว่าเมืองไทยการใช้ยาแพงๆรักษาย่อมเป็นไปได้ยาก)
    ก็ถามหลายข้อเลยครับ สงสัยมาหลายวันแล้ว

    คำตอบอ้างอิงโดยคุณ พี่นักเขียน โนวา อนาลัย

    พี่นักเขียนชื่นชมความรู้และการปฏิบัติอันเป็นธรรมชาติที่มีคุณค่ามากๆของคุณเฉลยที่บอกให้ใครๆอย่าร้องไห้ และให้ช่วยกันคิดในแง่บวกต่อผู้ป่วย เพราะการร้องไห้เป็นการสร้างกระแสแห่งความหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าผู้ป่วยจะรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าหรือไม่ก็ตามว่าญาติมิตรร้องไห้ แต่ผู้ป่วยจะสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หกเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่ในอาการ Coma เขาจะรับรู้ได้หมด

    พี่นักเขียนได้เคยแนะนำหนังสือของ Dr. Raymond Moody และ Dr. Elizabeth Kuber Ross ซึ่งเป็นคุณหมอที่เก็บหลักฐานไว้มากมายว่าผู้ป่วยที่เข้าขั้น Coma รู้เห็นความเป็นไปในห้องผ่าตัด ใน ICU และความเป็นไปที่บ้านของตนเอง หรือที่ทำงานได้หมด รู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของทุกคนที่มีสัมพันธภาพกับเขา

    1. จากบทฝึกฝนให้สัมผัสกับธรรมชาติของจิตวิญญาณที่ท่านอาจารย์อนาลัยให้ไว้และพี่นักเขียนได้เคยนำมาเสนอเป็นบทฝึกฝนปฐมฤกษ์ (คุณ Mead ทำสารบัญไว้ให้ในหน้า 1ค่ะ)
    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่าจิตวิญญาณเป็นพลังงานที่แผ่กระแสหรือรัศมีออกไปทุกทิศทางจากร่างกายตัวตนทุกรูปกาย หรือจากจิตวิญญาณทุกหน่วยออกไปจนสุุดจักรวาล หรือกล่าวได้ว่าออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด ท่านสอนให้พวกเราเริ่มต้นด้วยการใช้จินตนาการก่อน แต่แล้วท่านก็สรุปให้ฟังว่า หากเรามองเห็นได้ด้วยตา เราจะตระหนักได้ว่าตามธรรมชาติความเป็นจร้งพลังงานพุ่งออกไปในลักษณะดังกล่าวจริงๆ ไม่ใช่เพีียงแค่จินตนาการ แต่การใช้จินตนาการช่วยทำให้เราเห็นภาพที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า

    2. การส่งพลังออกไปให้อย่างเจาะจงนั้น มีผลต่อผู้รับสูงกว่าการส่งออกไปโดยไม่เจาะจง ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ในหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ (หน้า 35) ว่า
    สติ เป็นปัจจัยกำหนดทิศทาง
    อารมณ์ เป็นพลังสำคัญที่ผลักดันจิตวิญญาณให้ไปสู่จุดหมาย

    ดังนั้นการมีสติ และส่งพลังงานออกไปอย่างเจาะจง ด้วยอารมณ์เมตตา อารมณ์รัก ที่ปรารถนาให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ต่อไป หายจากโรคภัยไข้เจ็บย่อมทำให้ผู้ป่วยได้รับพลังอย่างแน่นอน การเหนี่ยวนำพลังไปสู่ผู้ป่วยทำได้ด้วยอารมณ์รักและเมตตาและปรารถนาอย่างแรงกล้าให้ผู้ป่วยหายจากโรคและความเจ็บปวด การรักษาโรคให้ผู้อื่นจึงทำได้ไม่ยากหากเริ่มต้นด้วยการรักษาคนรักคนใกล้ตัวก่อน

    3. พลังงานตือจิตวิญญาณ จิตวิญญาณคือพลังงาน ดังนั้นพลังรักษาโรคก็เป็นไปตามธรรมชาติของจิตวิญญาณคือ อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งหมายความว่า รักษาทางไกลได้ และเวลาที่ส่งกับเวลาที่รับปราศจากความหมาย หากบอกผู้ป่วยว่าจะส่งพลังไปรักษาให้โดยไม่นัดวันเวลา ยกตัวอย่าง หากผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงในเวลาบ่ายโมง ผู้ส่งพลังไปรักษาทำการส่งพลังให้ในเวลาบ่าย 3 โมง ผู้ป่วยอาจหายเจ็บปวดเวลาบ่าย 2 โมง และการรับพลังก็ทำให้หายขาดได้อย่างฉับพลัน และอาจหายได้อย่างถาวร ถ้าไม่หายขาด ต้องส่งพลังเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้เขียนเวลาผิดนะคะ แต่ต้องการแสดงให้เห็นว่า เวลารักษากับการหายไม่เกี่ยวพันกับเวลาจริงๆ แต่ใันภาพรวมแล้วการรับและการส่งพลังต้องเกิดขึ้น ผู้ป่วยนั้นๆจึงหายได้ในเวลาบ่าย 2 โมง ซึ่งถ้่าหากผู้ส่งไม่ส่งพลังตอนบ่าย 3 ตามที่สัญญาไว้ ผู้ป่วยอาจไม่หาย และในทางกลับกัน หากผู้ส่งพลังไปรักษา ส่งไปล่วงหน้ายาวนาน 1 ปี ก่อนที่ผู้ป่วยจะป่วย เมื่อเขาป่วยลงและมีการติดต่อสื่อสารเกิดขึ้น ทำให้ผู้ที่เคยส่งพลัง ซึ่งอาจส่งในความฝันปีที่แล้วฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเคยฝัน พลังที่ถูกส่งออกไปอาจตกค้างอยู่อากาศ หรือเรียกว่า suspended อยู่ เมื่อผู้รับต้องการและยอมรับ พลังงานที่ suspended หรือตกค้างอยู่นั้นก็ดำเนินต่อไปสู่ผู้ป่วยได้ เพราะพลังงานไม่เคยสูญหาย

    คุณเฉลยพูดถูกต้องที่ว่า คนป่วยรักษาตนเองด้วยความเชื่อของเขา ไม่ว่าเราจะส่งพลังไปให้หรือไม่ เขาก็ไม่อาจหายป่วยได้หากเขาปราศจากความเชื่อ และความเชื่อนั้นๆไม่ได้หมายความว่า เชือว่าเราจะรักษาโรคให้เขาได้ แต่เชื่อว่าตัวเขาจะหายป่วยได้ ความเชื่อดังกล่าวหมายถึงความศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง ศรัทธาและเชื่อถือในธรรมชาติว่า จิตวิญญาณอันเป็นร่างกายเนื้อหนังมีพลังอำนาจที่จะรักษาโรคให้ตนเองได้ และการเห็นหน้าค่าตาเป็นการสะกดจิตที่ได้ผลมากกว่าการไม่เห็นหน้าตา แต่ในบางกรณีเมื่อผู้ป่วยสิ้นหวังและรับทราบถึงการช่วยเหลือจากทางไกล การไม่เห็นหน้าตาผู้ส่งพลังกลับได้ผลมากกว่าเดิมก็มี เพราะการไม่เห็นทำให้ผู้ป่วยปราศจากวิตกวิจารณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการเผชิญหน้าโดยตรง เช่นวิตกวิจารณ์จากการเห็นบุคลิกภาพของผู้รักษาแล้วเกิดความไม่เชื่อถือ เป็นต้น

    หากผู้ป่วยมีความศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเองและเชื่อถือในธรรมชาติ ร่างกายของเขาก็พร้อมที่จะหายป่วยไปแล้วกว่าครึ่ง การส่งพลังไปช่วยไม่ว่าส่งในระยะใกล้หรือไกล เปรียบได้กับพลังเสริมหรือพลังสมทบที่ช่วยให้ผู้ป่วยหายได้เร็วขึ้น

    พี่นักเขียนเผชิญกับประสบการณ์ชีวิตที่สูญเสียผู้ที่เรารักไปหลายครั้งหลายหน ได้ยินผู้ใหญ่พูดกันลับหลังผู้ป่วยว่าเขาเตรียมใจให้ผู้ป่วยไปอย่างสงบ เมื่อก่อนนี้ไม่เคยมีความรู้แม้จะไม่เห็นด้วยก็ไม่กล้าออกความเห็น และยิ่งเมื่อเป็นเด็กรู้สึกโกรธหรือต่อต้านโดยไม่ทราบสาเหตุแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะคิดว่าผู้ใหญ๋ถูกเสมอ

    3.1 พลังที่เราส่งไปให้ ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ พลังนั้นๆไปถึงผู้ป่วยเสมอ แต่จะได้รับผลกระทบหรือไม่อยู่ที่ความเชื่อของเขา เช่นเดียวกับการที่เราพูดหรือส่งเสียงดัง ผู้ที่อยู่ในรัศมีที่จะได้ยินได้ ย่อมได้ยินเสมอ ผู้ป่วยที่ไม่เชื่อว่าตนเองจะหายป่วยได้ก็เปรียบเสมือนคนที่ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง เสียงนั้นๆจึงไร้ผล ไร้ประโยชน์กับเขา ผู้ป่วยที่เชื่อว่าตนเองจะหายป่วยได้ก็เปรียบเสมือนคนที่ได้ยินและฟังสาระด้วย เสียงที่ได้รับจึงมีผลต่อเขาและรับประโยชน์ได้

    3.2 ยานอนหลับแม้ว่าจะช่วยให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าปิด และทำให้ประสาทสัมผัสที่หกทำงานได้โดยปราศจากการขัดขวาง และทำให้ร่างกายได้พักผ่อนหรืออยู่ในภาวะที่ไม่ต่อต้านการรักษาอย่างเป็นธรรมชาติได้ดีขึ้น แต่ท่านอาจารย์อนาลัยก็กล่าวไว้ใน จิตวิญญาณประสานกายว่า ยาบางชนิดที่กดประสาท ทำให้สติสัมปชัญญะขาดความคมชัดและทำให้เกิดอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ยาบางอย่างผลักดันให้ผู้ป่วยถึงขนาดฆ่าตัวตายก็มี ซึ่งเป็นข่าวบ่อยๆในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานอนหลับ

    3.3 ยาที่แพทย์ให้มีทั้งผลดีและผลเสียควบคู่กันไปเสมอ หากเราอ่านฉลากยาทุกชนิด เราจะพบว่า ไม่มียาชนิดใดเลยที่มีแต่สรรพคุณทางบวกโดยไม่มีผลข้างเคียงในแง่ลบ ลูกชายของพี่นักเขียนเคยเล่นฟุตบอลล์ แล้วหลังยอกอย่างหนัก ปวดมาก ไปหาหมอให้ยามาขนานหนึ่ง ซึ่งมีสรรพคุณคือคลายกล้ามเนื้อ ทานแล้วจะง่วง ทำให้นอนหลับง่าย หลับแล้วไม่ต้องทนปวด แต่ผลข้างเคียงที่พี่นักเขียนอ่านพบโดยที่หมอบอกว่าให้อ่านและพิจารณาเอาเองว่าจะให้ลูกทานหรือไม่ (เป็น practice ที่หมออเมริกันต้องทำตามกฏหมายคือแจ้งให้ผู้ปกครองตัดสินใจในการให้ยาลูก) ผลข้างเคียงของยาดังกล่าวเขียนไว้ว่า เลือดออกในกระเพาะอาหาร และหัวใจวาย-ตาย อ่านจบพี่นักเขียนก็เอายาทิ้งลงท่อน้ำไปเลย แล้วเอาน้ำแข็งใส่หลังให้ลูก สลับกับกระเป๋าไฟฟ้า ตลอดคืน พอเช้าขึ้นพี่นักเขียนก็รักษาด้วยพลังฝ่ามือให้ มองเห็นในจินตภาพเหมือนวัตถุทรงกระบอกขนาดยาวประมาณ 2 นิ้ว 5 อัน ฝังอยู่ในบริเวณกระดูกก้นกบขึ้นมาถึงเอวด้านหลัง ก็ใช้จินตภาพถึงเอาออกมาจนหมด

    ลูกตื่นขึ้นมาเล่าความฝันให้ฟังว่า ฝันว่าเป็นทหารอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ปืนยาวยิงจากด้านหลังแล้วเขารู้ตัวว่าเขาตาย ลูกกระสุนฝันในตรงด้านล่างของหลังหลายนัด พี่นักเขียนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของความฝันกับโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นไปข้ามชาติภพตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงใน จิตวิญญาณประสานกาย และได้เผชิญกับการรักษาโรคผู้ป่วยรายอื่นๆอีก ซึ่งทำให้เขิาใจถึงความซับซ้อนของจิตวิญญาณและความทรงจำข้ามชาติภพ

    พี่นักเขียนเคยทำงานทางด้านผลิดสื่อการสอนอยู่ในคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลใน Kansas City มีเพื่อนเป็นหมอและเภสัชกร เขาบอกกับพี่นักเขียนตามตรงว่า ยาทั้งหลายมีคุณสมบัติเหมือนกันหมดคือ เป็น Placebo? Effect (พลา-ซี-โบ้ เอฟ-เฟ็กท์) ซี่งหมายถึงว่า มีผลต่อผู้ป่วยด้วยความคิดและความเชื่อของผู้ป่วยเอง ยาบางชนิดในท้องตลาดแม้มีราคาแพงมาก ก็เปรียบได้กับน้ำตาลหรือน้ำกลั่น คือไม่ช่วยหรือทำอะไรกับร่างกายเท่าไรนัก เพราะหากใส่ต้วยาที่ส่งผลกระทบได้อย่างฉับพลันก็ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง และเสียงต่อผลข้างเคียงที่ทำให้บริษัทยาอาจถูกฟ้องร้องได้ง่ายถ้ามีคนตาย แต่เขาก็ยอมรับว่า ไม่ว่าบริษัทยาจะใส่ตัวยามากหรือน้อย ก็ไม่ใช่ปัจจัยที่แท้จริงที่ส่งผลต่อราคายา ยาแพงๆบางทีก็ขายสรรพคุณ และทำให้เกิด Placebo Effect ได้ผลมากขึ้นไปอีกก็มี

    นอกจากนี้หมอยังเล่าถึงการทดลองจริงให้ฟังว่า เขาเอาคนปกติ 10 คนไปขังไว้ในห้องทดลองเล็กๆขนาด 3x3เมตรที่ไม่มีหน้าต่าง ร่วมกันผู้ป่วยที่เป็นหวัดหนึ่งคน โดยฉีดยาซึ่งเป็นเพียงน้ำกลั่นให้คนดีึทั้ง 10 และบอกกับพวกเขาว่า ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหวัดให้แล้ว จากนั้นอีตาผู้ป่วยก็ต้องทำหน้าที่ไอ-จาม-และสั่งน้ำมูกเผยแพร่หวัดเป็นเวลากว่าชั่วโมง เท่านั้นยังไม่สะใจ จากนั้นคุณหมอนักวิจัยผู้ปราณีก็นำเอา cotton bud ป้ายน้ำมูกจากจมูกของคนที่เป็นหวัด แล้วนำไปแจกจ่ายป้ายจมูกคนดีอีก 10 คนในห้องนั้นด้วย ผลปรากฏว่าไม่มีใครป่วยลงด้วยโรคหวัดเลย จากนั้นเขาก็ทำการทดลองเช่นเดิมกับคนดีอีก 10 คน แต่คราวนี้ไม่ได้ฉีดน้ำกลั่นให้ ปรากฏว่า 5 คนป่วยลงด้วยโรคหวัด อีก 5 คนสบายดีเป็นปกติ คุณหมอเขาได้ทำการทดลองอีกหลายครั้งจนได้ผู้ร่วมทำการทดลองเป็นพันราย ได้ผลใกล้เคียงเหมือนเดิม อย่างมากจะมีสัก 1-2 คนที่ได้รับการฉีดน้ำกลั่นแล้วก็ยังป่วย แต่ผู้เข้าทดลองในห้องที่ไม่ได้รับน้ำกลั่นจะตกทีผลสรุปประมาณ 50-50

    มาปัจจุบันนี้ พี่นักเขียนมีความคิดและเข้าใจเช่่นเดียวกับคุณเฉลย และบอกกับใครๆว่าห้ามร้องไห้แม้แต่เมื่อมีผู้ตายจากไป เพราะมีความเชื่อว่า การร้องไห้ทำให้จิตวิญญาณของผู้ตายมีความเป็นห่วงกังวลกับผู้อยู่ แต่หากพูดกับผู้ที่ไม่เข้าใจเขาก็อาจไม่พอใจจึงไม่เคยพูด แต่ใจจริงแล้วคิดเช่นนั้น ตนเองไม่เคยร้องไห้เวลาไปงานศพ หากพบเห็นใครไปร้องไห้ฟูมฟายในงานศพจะรู้สึกเศร้าแทนคนตาย บางครั้งก็แว้บเห็นคนตายเดินวนอยู่ในศาลาไปไหนไม่ถูก พี่นักเขียนจะหัวใจเต้นเหมือนแทบจะระเบิดออกมานอกอก รู้ว่าไม่ใช่ใจเรา แต่เป็นอารมณ์และความรู้สึกของผู้ตาย หากเผชิญกับภาวะเช่นนั้น พอพระเริ่มสวดก็ตาลืมไม่ขึ้นทุกครั้ง คนตายจะมาสื่อโดยรู้สึกเหมือนว่าใจเขามาเป็นใจเรา ถูกบางสิ่งบางอย่างดลใจให้ไปสำรวจสมาชิกครอบครัวที่คนตายห่วงมากที่สุดด้วยการถามไถ่ทุกข์สุขเขา ซึ่งเขามักบอกว่าเขาไม่เป็นไร เขาจะดำเนินชีวิตต่อไปได้ บางคนบอกด้วยซ้ำไปว่า หมดห่วงเพราะคุณพ่อหรือคุณแม่ของเขาพ้นทุกข์เสียที เมื่อได้ยินเช่นนั้นแทนผู้ตายแล้ว อาการหัวใจเต้นแทบจะออกมานอกอกจะหายไปอย่างฉับพลัน เป็นเช่นนั้นบ่อยจนไม่ไปงานศพหลายปี ไม่ใช่เพราะว่ากลัว เป็นคนไม่เคยกลัวผีมาแต่เด็ก แต่เกรงว่าคนใกล้ชิดผู้ตายจะวิตกวิจารณ์หรือรับไม่ได้หากไปถามไถ่ความรู้สึกของเขาเช่นนั้น

    พี่นักเขียนได้เริ่มต้นสนใจเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยฝ่ามือ (Reiki) และรักษาโรคด้วยพลังจิต หลังจากเรียนสมาธิไปได้หลายปี เพราะเผชิญกับการเคลื่อนไหวของพลังงานเช่นที่คุณน้อง penpilai เล่ามาให้ฟัง

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวว่า ปาฏิหารย์คือธรรมชาติอันปราศจากการขัดขวาง

    ประสบการณ์ที่คุณเฉลยพบสำหรับผู้ป่วยรายนี้ย่อมเป็น ปาฏิหารยฺ์ (rose)
     
  6. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ฐานความรู้โดยย่อเรื่อง จักระ

    .......จุดเริ่มต้นความมนุษย์มาจากธาตุละเอียด เป็นแสงสว่างที่มีจิตสำนึกรู้ อาศัยแสงสว่างจากแสงในจักรวาลเป็นพลังงานปราณผ่านจักระทั้ง๗ ฐาน เสพปีติทางใจเป็นอาหาร มีอายุขัยที่ยืนยาวนับหมื่นปีผ่านการเรียนรู้วิฒนาการของจักรวาลไปพร้อมๆกัน

    .......เมื่อความรู้สึกจิตสำนึกในสิ่งต่างๆ เริ่มหยาบลงจากการเสพสิ่งที่หยาบลงๆเป็นอาหาร จากง้วนดิน (ของเหลวคล้ายเนยใส) สู่แป้ง เนื้อสัตว์ ที่เป็นธาตุหยาบขึ้น ร่างกายที่อาศัยจึงมีวิวัฒนการหยาบลง
    .......ร่างกายที่หยาบในส่วนรูปลักษณ์ (physical) แต่ในส่วนที่ละเอียด(mental) ด้านจักระทำงานยังเหมือนเดิม พลังปีติทางใจจากการปฏิสัมพันธ์ในเชิงบวกกับเพื่อนมนุษย์ที่มอบความรักและเมตตาให้แก่กันยังคงมีอยู่เป็นสากล
    ....... ร่างกายที่หยาบขึ้น อายุเซลล์ (cell) จึงสั้นตามลงไป ปัจจุบันนี้มนุษย์หนึ่งรอบอายุขัยนึง จึงอยู่ประมาณ ๑๒๐ ปีโดยประมาณ

    [​IMG]


    .......ตามภาษาอินเดีย ชื่อจักระทั้ง ๗ นี้ได้แก่ มูลธาระ สวาธิษฐาน มณีปุระ อนาหตะ วิสุทธะ อาชญะ สหัสราร และมี กุณฑาลินี ไหลเวียน โลดแล่นเป็นพลังให้แก่ชีวิตจิตวิญญาณทุกคน.......เรื่องจักระดังกล่าว มนุษย์ทุกมุมโลกล้วนค้นพบสภาวธรรมที่เป็นประสบการณ์ตรงเชิงประจักษ์ มาตั้งแต่โบราณกาล ชื่อเรียกดังกล่าวนั้นจึงมีชื่อเรียกต่างๆกันไป ตามภาษาจีน ,ภาษาอังกฤษ สันสกฤตฯลฯ จุดจักระนั้นแม้ชื่อเรียกต่างกันแต่ก็เป็นจุดเดียวกันคุณลักษณะ ไม่แตกต่างกันจากการสัมผัสภาวะ

    อ้างอิงเนื้อหาจาก : http://www.triplusgroup.com/content/Chakras.pdf
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2008
  7. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    ขอเชิญทุกท่านมาช่วยกันร่วมส่งพลังให้กับประเทศไทยและอีกหลายๆประเทศทั่วโลก เพื่อให้พ้นจากภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น ในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ เพื่อลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ ตั้งแต่เวลา12.00-12.10 น ทุกวันครับ
     
  8. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ร่วมด้วยช่วยกันครับ

    ขอเชิญทุกท่านร่วมกันอธิฐานจิตส่งพลังทางไกล
    ให้จังหวัดบ้านเกิดของเรา แล้วแผ่ออกไปให้ผืนแผ่นดินไทย

    รวมถึงโลกทั้งใบ และ จักรวาลทั้งมวล
    จิตวิญญาณทุกรูปทุกนาม
    เพื่อลดความรุนแรงของภัยพิบัติต่างๆ

    ในเวลา 12.00 - 12.10 ทุกวัน

    [​IMG]
     
  9. saramander

    saramander สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    สนใจ และอยากจะศึกษาน่ะครับ เพราะผมทำงานอยู่ในเรือ พอดีช่วงนี้เป็นช่วงพัก ออกเรือทีก็นาน พอดู คิดว่าวิชานี้คงจะมีประโยชน์มากเลยครับ ขอทราบรายละเอียด การขอรับตำราค่าใช้จ่ายต่าง ๆ น่ะครับ และการฝึกว่าจะต้องไปที่ไหนอย่างไรครับ tg1426@gmail.com
     
  10. peterandpen

    peterandpen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +502
    โทรไปหาน้องสาวเขาบอกมาว่า ได้รับหนังสือทั้งสองเล่มแล้วค่ะ
    ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ จะพยายามทำความเข้าใจและลองฝึกค่ะ
    เผื่ออาจจะช่วยรคนเจ็บป่วยใกล้ตัวและคนไกลตัวได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะค่ะ
    อยากช่วยเป็ฯวิทยาทานน่ะค่ะ
     
  11. saramander

    saramander สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    อ่านกระทู้ตั้งแต่หน้าแรกจบ แล้วครับ นับเป็นวิชาที่น่าสนใจมาก สมควรที่จะศึกษาเอาไว้อย่างยิ่ง ตัวผมเอง จะขาดแต่ปัจจัยเรื่องเวลาเท่านั้นเพราะต้องทำงาน อยู่ในเรือที่วิ่งระหว่างประเทศ ไปทีก็เป็นปี ไม่ค่อยมีเวลา ช่วงนี้เป็นช่วงพัก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องไปทำงานอีกเมื่อไร แต่ว่าพักแต่ละที่ก็ไม่ค่อยจะนานนัก การทำงาน เป็นอะไรที่หนัก ทั้งสภาพแวดล้อมในการทำงาน และ ในตัวของงานเอง ความเหงา และปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แต่มันก็มีข้อดี อยู่เหมือนกัน ถ้าจะเรียนรู้อะไรสักอย่าง เราเตรียมตัวให้พร้อม ในเรือนี่ล่ะดีที่สุด โอกาศที่จะทำผิดศิล นี่ยากมาก ๆ และก็ไม่ค่อยได้ พูดคุยกับใครเท่าไรด้วย มีเวลาให้กับตัวเองมากที่สุด ตอนนี้กำลังรอตำราอยู่ครับ ถ้าได้ยังไงแล้วจะรีบศึกษา และหาหนทางเพื่อเรียนรู้ต่อไป ได้ทราบมาว่า เดือนหน้า ที่ศูนย์ จะมีการเปิดฝึกนี่ครับ ก็กะว่าถ้าทันก็จะรีบ เรียนรู้เอาไว้ เพราะเวลามีไม่มาก เท่าไร แต่ถ้าไม่ทัน ก็ไม่เป็นไร แล้วแต่ บุญจัดสรรค์ ครับ ก็ขอขอบคุณทุกท่านในกระทู้นี้ที่ให้ความรู้ ครับผม เออถ้าไงขอแผนที่ ของศูนย์ที่ซอยลาซาล ด้วยน่ะครับ ขอบคุณมากครับ
     
  12. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    มีความพยายามมากครับ ไล่อ่านมาจนครบทุกหน้า นับถือๆ ครับ
    ;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ

    ในการฝึกทำสมาธิแบบพลังจักรวาลในเบื้องต้นนั้น ใช้เวลาแต่ละครั้ง
    ไม่นานครับ อย่างน้อย 5 นาที ต่อครั้งครับ ทำหลายๆ ครั้งก็ได้ แต่รวมเวลาในแต่ละวันแล้ว ห้ามเกิน 30 นาทีครับ อย่าทำมากเกินกว่านี้เพราะร่างกายจะร้อนเกินไปจะทำให้รู้สึกอึดอัดครับ เพราะร่างกายต้องค่อยๆ ปรับสภาพ แบบค่อยเป็นค่อยไป

    หลังจากที่เปิดจักระแล้ว ร่างกายก็จะสามารถดูดซับพลังจักรวาลที่อยู่รอบๆ ตัวเข้าสู่ร่างกาย โดยผ่านจักระทั้ง 7 ครับ ร่างกายเราก็จะมีภูมิต้านทานมากขึ้นจะไม่ค่อยป่วย หรือถ้าป่วยก็จะหายเร็วกว่าเดิมครับ
    เพราะมีพลังหมุนเวียนอยู่ในร่างกาย

    ส่วนแผนที่เดี๋ยวจะลองถามพี่ๆ ดูก่อนครับว่ามีบ้างไหมเพราะที่ผมไม่มีครับ มีแต่เบอร์โทรที่ให้ไปแล้วครับ
     
  13. saramander

    saramander สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    อยากจะได้แผนที่เพื่อที่จะหาพิกัดมาบันทึกเอาไว้น่ะครับเพราะผม น่ะหลงทางบ่อย ไปไหนมาไหน ต้องมีเครื่องนำทางตลอด ผมเคย ขี่มอเตอร์ไซด์ จากฉะเชิงเทรา ไป สงขลา ก็ไม่รู้ทางอะไรเลย อาศัยเครื่องนำทางมันบอก ไปทางไหนเราก็ไปทางนั้น จริง ๆ ปีนี้ กลับมาพัก ตั้งใจจะ เที่ยวทั่วไทยสักหน่อย ดันติดตรงที่ว่า จองรถเอาไว้และ มันก็ยังไม่ได้ เลยต้องร้องเพลงรอไปก่อน เผลอ ๆ กว่าจะได้ ก็ลงเรืออีก ไม่ทันได้ขับอีกตามเคย ระหว่างที่รอรถ นี่ ก็หาอะไรอ่านไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาอยู่บ้าน ก็เลยได้เจอกับกระทู้นี้ไงครับ ก็เกิดสนใจขึ้นมา คิดว่าคงจะต้องฝึกก่อนที่จะไปทำงานให้ได้ครับ ตัวผมเอง เป็นสมาชิกเวปนี้มานานแล้ว แต่ว่านาน ๆ จะเข้ามาอ่านสักที เพราะ ทำงานแบบนี้หาเวลาเล่นเน็ทยาก ครับ ถือว่าบุญจัดสรรค์ แล้ว วันอาทิตย์นี้ผมก็จะเดินทางไปที่ฉะเชิงเทราแล้วครับ บ้านแฟนผม กะว่าถ้ายังไม่ได้รับหนังสือภายในอาทิตย์หน้า ก็คงจะไปเรียนที่ศูนย์ ในวันเสาร์แล้วล่ะครับ ตอนนี้มีความตั้งใจ ต้องรีบเอาไว้ก่อน ปล่อยนานไปเดี๋ยวความขี้เกียจ จะเข้าครอบงำซะ ก็ถ้าไง จะเข้ามาดูกระทู้บ่อย ๆ แล้วกันครับ เผื่อมีใครจะแนะนำอะไรได้บ้าง
     
  14. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    แผนที่
    มูลนิธิวิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อการพัฒนา (ศูนย์ S.S.D.)
    ซ.ลาซาล 43 (สุขุมวิท 105)
    โทร. 02-399-3059
    02-399-4331-2 กด 3
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ssd map.jpg
      ssd map.jpg
      ขนาดไฟล์:
      222.4 KB
      เปิดดู:
      223
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008
  15. ha801

    ha801 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +928
    หรือถ้าดูไม่เข้าใจ สามารถเข้าไปที่ http://maps.google.com/ เลื่อนไปที่ประเทศไทย แล้วพิมพ์ตามนี้

    ลาซาล 43

    สุดซอยลาซาน แค่นี้ก็ได้แล้วคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2008
  16. saramander

    saramander สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    ได้รับหนังสือแล้วครับ แต่เสียดาย เพราะตอนนี้อยู่ฉะเชิงเทรา คุณแม่ผม ท่านเห็นน่าสนใจ ก็เลยขอเอาไว้อ่านก่อน ที่จะส่งมาให้ผม ก็ถ้าอ่านเสร็จแล้วจะติดต่อไปแน่นอนครับ
     
  17. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    หนังสือโดนคุณแม่ยึดซะแล้ว 55 อย่างนี้ถือว่าโชคดี 2 ชั้นครับ
    ที่ท่านให้ความสนใจ เพราะอายุเป็นเพียงตัวเลข เรียนรู้ได้ทุกวัยครับวิชานี้ (ยกเว้นเด็กๆ ที่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง)

    ถ้าเปิดจักระด้วยกันทั้งคู่แล้ว ก็จะผลัดเปลี่ยนกันรักษาก็ได้ครับ
    คนที่เปิดจักระแล้วจะรักษาง่ายกว่าคนที่ไม่ได้เปิดจักระ เพราะว่า
    ร่างกายก็เหมือนกับได้ติดตั้งแบตเตอรี่ไว้แล้ว เมื่อแบตหมดก็ชาร์ตไฟเข้าไปได้เลยครับ
     
  18. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    การประจุพลัง... การจัดระเบียบโมเลกุลของน้ำ
    นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล

    มีศาสตร์อยู่อันหนึ่งที่แพร่หลายอยู่ในยุโรปมานานนั่นก็คือ Homeopathy จะว่าไปแล้วก็คือศาสตร์ที่คล้ายกับการใช้สมุนไพรรักษาโรคนั่นเอง เพียงแต่วิธีการเตรียมยาของเขาค่อนข้างแปลกอยู่สักหน่อย

    วิธีการเตรียมยาในแบบของ Homeopathy จะว่าไปแล้วก็คือการคัดเลือกเอาสารต่างๆ ที่เหมาะสมกับอาการที่เราเป็นอยู่ แล้วนำมาทำละลายหลายๆ ครั้ง โดยเริ่มที่สารตั้งต้นสมมุติว่าเป็นปริมาณ 1 mole (10 ยกกำลัง 23 โมเลกุล)

    เมื่อได้สารตั้งต้นมา 1 mole เรียกว่า Mother tincture แล้วก็ทำละลายไปเรื่อยๆ ทำละลายครั้งแรก ให้ความเข้มข้นเหลือ 1 ใน 100 ทำละลายครั้งที่สองให้ความเข้มข้นเหลือ 1 ใน 10000 ทำละลายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือความเข้มข้น 10 ยกกำลัง -24 หรือแทบจะไม่เหลือโมเลกุลของตัวยาตั้งต้นเลย แล้วเอายานั้นมาใช้ ก็ยังพบว่าการเตรียมยาแบบ Homeopathy ยังคงคุณสมบัติในการรักษาเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งทำละลายมากไปเท่าไหร่ ความเป็นยาของ Homeopathy ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

    ได้มีความพยายามในการอธิบายว่า ทำไม สารละลายน้ำเปล่า (บางที่ก็ใช้เป็นแอลกอฮอล์) อย่าง Homeopathy จึงยังคงคุณสมบัติของยาเอาไว้ได้ บางคนก็บอกว่า เป็นเพราะน้ำทำหน้าที่เป็นสื่อในการเก็บเอาพลังการรักษาจากตัวยาเอาไว้ได้ นั่นคือ ถึงสารละลายสุดท้ายของ Homeopathy จะเป็นน้ำเปล่า แต่ก็ไม่ใช่น้ำธรรมดา เพราะน้ำนั้น เก็บพลังบางอย่างเอาไว้ในตัวของมันแล้ว พลังที่ว่าอาจจะมีชื่อเรียกในแต่ละภาษาไม่เหมือนกันเช่น ปราณ, ชี่, Hado, พลังชีวภาพ, Subtle energy, Pi-water, magnetize water, aquasutical เป็นต้น

    และก็มีความพยายามในการพิสูจน์เรื่องพลังของ Homeopathy ด้วยการนำตัวยาของ Homeopathy มาถ่ายด้วยกล้อง Aura ก็พบว่า มีแสงบางอย่างเรืองออกมาจากตัวยา และแสงสีที่ว่าสามารถแปรเปลี่ยนไปตามจำนวนครั้งของการเขย่าผสมละลายยาด้วย

    ถ้าเอาเรื่องของ Functional water เข้ามาจับ แล้วพยายามอธิบายว่าทำไม Homeopathy จึงออกฤทธิ์ในการรักษาได้แล้วล่ะก็ น่าจะมีสมมุติฐานดังนี้ครับ คือ การที่มีตัวยาของ Homeopathy เข้าไปแทรกระหว่างกลางของ Nanocluster ของน้ำ น่าจะมีผลบางอย่างที่ทำให้การจัดเรียงตัวของโมเลกุลของน้ำเกิดรูปแบบเฉพาะขึ้นมา

    [​IMG]

    จากรูป เมื่อตัวยาของ Homeopathy เข้าไปแทรกอยู่ระหว่าง Nanocluster ของน้ำแล้ว น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในการเรียงตัวของ Nanocluster ของน้ำเสียใหม่ เป็นรูปแบบเฉพาะ
    ถ้าเราลองลากเส้นสมมุติเชื่อมระหว่างโมเลกุลของ Hydrogen แต่ละตัวใน Cluster ของน้ำเมื่อเทียบกัน 2 แบบ ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในรูปแบบของ Nanocluster ได้ชัดเจนขึ้น

    [​IMG]

    ถ้าความเปลี่ยนแปลงของ Nanocluster นี้ น้ำสามารถที่จะคงหรือจำเอาไว้ได้แม้ว่าจะมีการเอาโมเลกุลของยา Homeopathy ออกไปแล้ว เราก็อาจจะบอกได้ว่า คุณสมบัติของยา Homeopathy น่าจะเกิดจากการทำงานของ Nanocluster ของน้ำกลวงๆ (Halo) ไม่มีตัวยา Homeopathy แทรกอยู่ข้างใน นั่นเอง

    แล้วความเข้มหรือ Potency ของยา Homeopathy ล่ะ มันสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีตัวยาอะไรอยู่เลย?

    ถ้าเราเชื่อสมมุติฐานที่ว่า ตัวยา Homeopathy นั้นทำงานโดยอาศัย Nanocluster ของน้ำในรูปแบบพิเศษ ดังนั้น ตราบใดที่ยังมี Nanocluster รูปแบบพิเศษหลงเหลืออยู่ในน้ำนั้น ยา Homeopathy ก็ยังคงมีคุณสมบัติในการรักษาอยู่ และให้มองว่าการเขย่าเพื่อทำละลาย Homeopathy ให้เจือจางลงนั้น ไม่ใช่แค่การเอา โมเลกุลของยา Homeopathy ออกจากสารละลายทีละหน่อยเท่านั้น แต่การเขย่า อาจจะทำให้โมเลกุลของยา Homeopathy ที่ยังเหลืออยู่ เปลี่ยนตำแหน่งจาก Nanocluster ที่ฟอร์มตัวเป็นรูปแบบพิเศษแล้ว ไปยัง Nanocluster ใหม่ที่ยังไม่มีรูปแบบพิเศษใดๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่างของ Nanocluster อันใหม่ให้เป็นรูปแบบพิเศษ ผลรวมก็คือ ในน้ำนั้นจะมีสัดส่วนของ Nanocluster รูปแบบพิเศษมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวยาที่ละลายอยู่ในสารละลายมีน้อยลงๆ

    [​IMG]

    สมมุติว่าเราตั้งต้นจาก normal water ที่ไม่มี Nanocluster ที่เป็นรูปแบบพิเศษอยู่เลยจำนวน 6 Cluster แล้วใส่โมเลกุลของยา Homeopathy เข้าไปก่อน 3 โมเลกุล

    ในเบื้องต้น ยา 3 โมเลกุลนั้น จะทำให้เกิด Nanocluster รูปแบบพิเศษใน Mother tincture แค่ 3:6 ก่อน และเมื่อมีการเขย่าทำละลายครั้งที่ 1 ก็จะทำให้โมเลกุลของยา Homeopathy ลดลงไป สมมุติว่าเหลือ 2 โมเลกุล แต่โมเลกุลยาที่เหลือนั้น ได้เปลี่ยนไปอยู่กับ Nanocluster ใหม่ ในขณะที่ Nanocluster เก่ายังคงจำรูปแบบพิเศษที่เกิดขึ้นได้ จึงทำให้ตอนนี้เรามี Nanocluster รูปแบบพิเศษอยู่ถึง 5:6

    เนื่องจากสมมุติฐานของเรา บอกว่าความเป็นของ Homeopathy ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโมเลกุลยา แต่ขึ้นอยู่กับจำนวน Nanocluster รูปแบบพิเศษที่มีอยู่ในสารละลายนั้น แทนที่สารละลายครั้งที่ 1 จะมีฤทธิ์น้อยลง กลับทำให้สารละลายครั้งที่ 1 มีฤทธิ์แรงขึ้น

    การทำละลายครั้งที่ 2 ก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีโมเลกุลของยาลดลงเหลือแค่ 1 แต่โมเลกุลที่ว่าอาจย้ายไปอยู่กับ Nanocluster รูปแบบปกติที่เหลือเพียง 1 อัน แล้วเปลี่ยน Nanocluster ที่เหลือเป็นรูปแบบพิเศษทั้ง 6 อัน (6:6) ก็จะทำให้เราได้ยาที่แรงขึ้นอีก แม้ว่าการทำละลายครั้งที่ 3 จะไม่เหลือโมเลกุลใดๆ อยู่เลย แต่ Nanocluster แบบพิเศษยังอยู่ครบทั้ง 6 อัน ก็อาจพออธิบายได้ว่า ทำไม Homeopathy จึงยังคงใช้รักษาโรคต่างๆ ได้

    -------------------------------------------------------------
    ที่มา: http://www.balavi.com/content_th/article/article24.asp
     
  19. uglyduckling

    uglyduckling Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +36
    ได้หนังสือแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  20. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    หึ หึ หึ ตา ha801 แอบไปเชื่อมระบบกับเขาด้วยหรือ
     

แชร์หน้านี้

Loading...