คนที่ไม่เคยเห็นวิณญานเลย แสดงว่าเป็นคนที่บุญน้อยรึเปล่าคะ...

อยากทราบว่าทำไมเราถึงไม่มีสัมผัสในเรื่องวิญญานหรือกายทิพย์บ้างเลยคะ
หรือว่าเป็นเพราะเรามีบุญอยู่น้อย สิ่งเหล่านั้นจึงไม่ได้แสดงตัวให้เราเห็นคะ
เราชอบแผ่เมตตาด้วยค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเหล่านั้นเหมือนเพื่อนและคอย
ดูแลรักษาเราตลอดเลย อาจด้วยเหตุนี้รเปล่าที่เราไม่เคยพบเห็นเรื่องวิญญานเลย.....

*********************************************
เรามีข้อสงสัยอยากจะเรียนถามท่านผู้มีประสบการณ์ด้านนี้นะคะ

*********************************************

1. คนที่เคยมีสัมผัสเรื่องวิญญาน เป็นคนที่มีความผูกพันธ์กับดวงวิญญานที่เห็นใช่รึเปล่า หรืออาจเป็นเพราะเค้ามีบุญกรรมร่วมกันมาคะ
2. คนที่เคยสัมผัสเรื่องวิญญานอาจเป็นเพราะเขาเหล่านั้นมีบุญมาก จึงทำให้วิญญานเหล่านั้นต้องการที่จะขอส่วนบุญด้วยใช่รึเปล่าคะ
3. เรื่องความสามรถในการพบเห็นสิ่งเหล่านี้เกี่ยวกับดวงชะตา วันเดือนปีที่เกิดด้วยรึเปล่าคะ

ขอความแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยนะเจ้าคะ

 

ก็ดีเเล้วคับที่เเผ่เมตาให้เขา

 

You really wanna see ghost? if so come over here in my house if you lucky enough then you might see it. There are 2 ghosts in my old house and they both Fa-rang ghost they like to be appear sometime around mid night to 3 am.

 

ขอขอบพระคุณทุกท่านนะคะที่เข้ามาใ้หความรู้และความเข้าใจมากขึ้น
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

 

บางคนมีบุญมาก มากจนแสงสว่างรอบกายสว่างจ้ามากๆ จนผี วิญญาณ

ไม่กล้าเข้ามาใกล้


ส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่เคยเห็นผีนะ ไม่เคยมีเลยซักแว้บ แม้แต่เหตุการณ์ที่น่าสงสัยก็ไม่มี

อย่างเสียงแปลกๆ อะไรเคลื่อนไหว เสียงคนร้องทัก หรือเหตุการณ์อะไรที่ชวนให้สงสัย

ว่าโดนผีหลอก ทำให้ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ จนกระทั่งได้ฟัง

คนที่ปฏิบัติธรรมแล้วเห็นกัน ผมก็เลยลองมาฝึกดูเพื่อพิสูจน์ ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นอยู่ดี

แหะๆ ได้แต่สัมผัสทางกลิ่น หอมๆ กลิ่นธูป

 

เหอะๆๆ เวลาเจอตัวจริงอย่าลืมถามเขาด้วยละ
หรือคิดในใจก็ได้ว่า ''คุณต้องการอะไร''
คำตอบหลักๆๆมีอยู่ 2ข้อ
ข้อ.1 ช่วยเหลือเขาหน่อย เขาลำบาก
ข้อ.2 เขาอยู่คนเดี่ยวเหงาเหลือเกิน มาอยู่เป็นเพือนหน่อย
ถ้าเจอข้อแรก ก็ช่วยเขาเลย
ถ้าเจอข้อสอง จะช่วยเขาก็ได้หรือตัวใครตัวมัน
555+ล้อเล่นอ่ะครับแก้เครียด ปกติ ผมไปลุยป่าช้ากับเพือน
ก็จะคุยกันก่อน ผมก็บอกแบบนี้แหละ
เจอข้อแรก หัวเราะ ข้อสอง เข่าอ่อนเลย

 

สำหรับความคิดผมครับ
1. อาจใช่ครับ
2. มีบุญมากหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เขาคงต้องการให้เราอุทิศส่วนกุศลไปให้
3. ไม่รู้ครับ

 

ส่วนมากจะเป็นรูปแบบของความฝัน..เขามาบอกชื่อบอกนามสกุล ..จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง..คงขอส่วนบุญ

 

ผมเคยเห็นตอนนั่งสมาธิ รูปร่างเป็นคนแต่หัวเป็นหมู วัว ควายไก่ งู แพะ แต๋เห็นโดยขอบารมีพระพุทธเจ้า ตอนนั้นต้องการพิสูจน์ว่า โลกวิญญาณมีจริง หรือวันพระ จะเห็นพวกเขามายืนหน้าวัดเป็นแถวเหมือนมารอรับแจกของ แต่เห็นเป็นคนปกติเหมือนพวกเรา แต่แต่งกายเหมือนคนสมัยเก่า ผู้หญิงสวมผ้าถุง /จงกระเบน ใส่เสื้อแขนกระบอก ผู้ชายสวมกางเกงแบบกุยเฮง(กางเกงชาวนาสมัยก่อน) ไม่สวมเสื้อ มีคนสวมผ้ายักรั้งและสวมเสื้อแบบเสื้อกั้กสีแดง ถือหอกยืนคุม เหมือนคุมนักโทษ

 

เอ่อ ถึงแม้เราจะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้อ่ะนะ
ไม่เคยเห็นและไม่เคยพยายามอยากเห็น
แต่เราก็เชื่อว่าคุณผีนั้นคงมีอยู่
และเราก้อชอบฟังเรื่องราวเหล่านี้ อิอิ

สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นคุณผีเหมือนอย่างเรา
และบางคนที่ไม่เห็นและค่อนข้างเอนเอียงไปทางไม่เชื่อว่ามีอยู่
เราอยากให้ลองตั้งข้อสังเกตเรื่องมิติดูแบบเรานะ
เพราะมันเป็นรูปธรรมเข้าใจง่าย
จากนั้น ให้ลองเทียบเคียงเรื่องคนกับผีดูนะู่
ตามความเข้าใจของเรา

ลองอ่านและคิดตามดูขำขำนะ

ข้อสังเกตเรื่องมิติ

มนุษย์เราอยู่ในโลกสามมิติ มี (กว้าง,ยาว,สูง)
บางทีก็ว่าโลกสี่มิติ เพราะเพิ่มมิติเวลาเข้ามาด้วย (กว้าง,ยาว,สูง,เวลา)

แต่ขอดูแค่สามมิตินะ

มนุษย์ในโลกสามมิติก็เข้าใจโดยง่าย ว่า
โลกสองมิติที่มี แต่กว้างxยาวนั้น หน้าตาเป็นอย่างไร
ยกตัวอย่าง
คนเราเข้าใจว่า สี่เหลี่ยม และ ลูกบาศก์แตกต่างกันอย่างไร

ในทางตรงกันข้าม ถ้าสมมติว่าเราเกิดและเติบโตอยู่ในโลกสองมิติ
เราจะนึกภาพโลกสามมิติไม่ออก
นั่นคือ เราจะมองเห็นลูกบาศก์เป็นแค่สี่เหลี่ยมแบนๆที่ไม่มีความลึก
ให้ทำอย่างไรก้อจะไม่มีทางเชื่อว่าลูกบาศก์มีอยู่จริง


หรือให้ง่ายกว่านั้น ให้เราลองนึกภาพตัวเราเองอยู่ในโลกห้ามิติจะเป็นอย่างไร
ด้วยความที่เราอยู่ในโลกสามมิติ เราก้อจะมองไม่เห็นภาพว่าโลกห้ามิติเป็นอย่างไรหว่า

แต่ถ้ามีมนุษย์ในโลกห้ามิติ เค้าคงมองภาพออกว่าโลกสามมิติเป็นอย่างไร
แต่จะนึกภาพโลกหกมิติหรือสูงกว่าไม่ออก

ลองเทียบเคียงเรื่องคนกับผี

โดยปกติทั่วไปคนส่วนใหญ่จะไม่้เห็นผี (ผีเห็นเรารึป่าวหว่า)
แต่คนอาจจะเห็นผีได้เมื่อจิต จูนตรงกัน

จากการได้อ่านได้ฟังมาเนี่ยพอจะลงความเห็นได้ว่า

การที่จะเห็นผี หรือสัมผัสถึงหรือรู้สึกได้ว่าได้พบเจอผีเนี่ย
เราว่าสภาพจิตของเราและผีต้องจูนคลื่นเข้าหากันเพื่อที่จะได้เจอกัน
เหมือนเราจูนคลื่นวิทยุ ว.1 เรียก ว.2 หรือจูนทีวีเพื่อรับภาพ ในคลื่นความถี่เดียวกันเพื่อที่จะได้ติดต่อสื่อสารกันหรือเห็นภาพได้อ่ะนะ้

ผีอาจจะพยายามปรับคลื่นของตัวเองเพื่อที่จะให้เราได้เห็นเค้า คาตาเนื้อ
อาจเป็นเพราะเค้าอยากจะขอส่วนบุญ อย่าเพิ่งกลัวไปก่อนล่ะ เค้าอาจต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

หรือจิตของเราไปตรงกับคลื่นของเค้าทำให้เห็นกันได้
อย่างที่เราเคยได้ยินว่าคนนั่งสมาธิถึงระดับหนึ่งสามารถเห็นผีได้
แต่เมื่อออกจากสมาธิก็ไม่เห็น

หรืออีกอย่าง สามารถเห็นผีได้ตลอดเวลา อืมม เราว่าจิตเค้าจะอยู่ในคลื่นที่สามารถสื่อสารกับคุณผีได้ตลอดเวลามั้ง

อืมม เรามีข้อสังเกตุอีกประการ ผี เทวดา พรหม สามารถเห็นกันได้ตลอดเวลาหรือเปล่าหนอ

ตามความเข้าใจเองของเรา
คงจะเหมือนกรณีคนกะผี
ผีน่าจะเห็นเรา แต่เราไม่เห็นเค้า ถ้าเค้าไม่พยายามทำให้เราเห็น
เพราะว่า ถ้าผีไม่เห็นเราแล้ว เค้าคงไม่มีความพยายามทำให้เราเห็น จนมีเรื่องราวมากมายในห้องนี้มาเล่าสู่กันฟัง

ดังนั้น พรหมน่าจะเห็นเทวดา แต่เทวดาไม่เห็นพรหม ถ้าท่านพรหมไม่พยายามทำให้ท่านเทวดาเห็น

อะไรทำนองนั้น
ถูกหรือผิดอย่างไร
ท่านผู้รู้โปรดช่วยชี้แนะ
:d
เพราะไม่เคยเ็ห็นเหมือนกันได้แต่ค้นคว้าและนั่งคิดพิจารณาหาเหตุผลเอาเอง

 

1. เครื่องรับสัญญาณจูนคลื่นไม่ตรง จึงไม่เห็น

2. บุญมาก มีแสงสว่างมากผีเข้าไกล้ไม่ได้
มีพลังป้องกันมาก แต่แสงก็มีวันหมด ถ้าไม่ทำบุญ
สวดมนต์ต่อค่ะ

อนุโมทนา
ขอขอบคุณอาจารย์เสริมศิลป์ ขอนวงค์

 

1. สมัยเด็ก ๆ ผมเคยสัมผัสวิญญาณผู้หญิง บ่อยมาก รู้สึกได้ และส่วนใหญ่จะเห็นแบบหางตา แต่มีครั้งหนึ่ง เห็นแบบเต็มตาครั้งเดียว แล้วไม่เคยเห็นวิญญาณผู้หญิงคนนั้นอีกเลย
2. ผมเคยขี่รถจักรยานยนต์ผ่านสถานที่เกิดอุบัติเหตุที่มีคนตาย แล้วสัมผัสกับวิญญาณ แต่ลักษณะที่สัมผัสคือความรู้สึกที่โดนกดดันอย่างหนัก ทำให้ผมกลัวมาก จำนวนวิญญาณที่มากระทำไม่น้อยกว่าหนึ่ง เขาคงทำให้ผมรู้ว่า เขาอยู่ที่นี้ คงอยากให้ผมอุทิศส่วนกุศลไปให้
และสถานที่ที่ผมไปนอนในต่างถิ่นมีเปอร์เซนต์สูง ที่จะได้สัมผัสกับวิญญาณในที่ที่ผมนอน ไม่ค่อยได้เห็นแบบเต็มตัว แต่เคยรู้สึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงลักษณะอย่างนี้บ้าง ลักษณะอย่างนั้นบ้าง สวดมนต์ไหว้พระ ยังโดน เลยเอาพระมาสวมใส่นอน ก็เกือบไม่รอด สัมผัสกับวิญญาณ มาหลายครั้ง ทั้งเสียง ภาพเงาดำ ในฝันเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแถวนั้น ผีอำ อำแบบลืมตาแล้วเห็นวิญญาณต่อหน้า ตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนพูดไม่ได้แต่ขยับตัวได้ แล้วเห็นญาติที่เสียชีวิตแล้วยืนอยู่บนหัวนอนนอกมุ้ง ฯ
3. เกิดปีมะโรง ครับ

 

อนุโมทนาบุญกับคุณ nong_music ด้วยนะคะ
สงสัยอาจเป็นเพราะคุณมีบุญเยอะ เขาเหล่านั้นเลยอยากจะมาขอส่วนบุญกับคุณด้วย
แต่ประสบการณ์ที่คุณได้สัมผัสมา เราคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก ซึ่งคนที่อยากเห็น ก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นหรือได้สัมผัสเลย...

 

ตรงนี้ตอบไว้แล้วในกระทู้ที่คุณไปตั้งใหม่อีกกระทู้นึงนะคะ บารมีที่คอยปกป้องคุ้มครองเรา ไม่ว่าจะเป็นผีต่างชาติ ต่างศาสนา เค้าก็จะไม่เข้าใกล้เราหรอกค่ะ

เหมือน คนทุกคนบนโลกใบนี้ ถึงจะพูดกันคนละภาษา แต่หากถามว่ามีกองไฟกองใหญ่อยู่ตรงหน้า ทุกคนรู้สึกร้อนเหมือนกันใช่ไม๊คะ คงไม่มีใครจะเดินลุยฝ่ากองไฟนั้นถูกไม๊คะ เข้าใจหรือยังคะ คือถึงพูดคนละภาษา แต่การรับรู้ความรู้สึก รู้แบบเดียวกันค่ะ คือรู้สึกร้อนเหมือนกัน ไม่อยากเข้าไปใกล้ความร้อนนั้นเหมือนกัน


ส่วนที่ว่าคนที่เห็นวิญญาณเคยผูกพันธ์กับวิญญาณเหล่านั้นหรือเปล่า อันนี้อาจจะเคยหรือไม่เคยก็ได้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่เห็นสิ่งเหล่านี้จะมีสัมผัสที่ 6

และการที่วิญญาณมาปรากฏให้คุณเห็นเพื่อขอส่วนบุญ ก็แสดงว่าคุณมีบุญบารมีมากพอ เค้าถึงมาขอคุณ

เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เหมือนกับถ้าคุณไม่มีเงิน คุณจะไปยืมเงินเพื่อน คุณก็ต้องเลือกว่าเพื่อนคนไหนพอมีเงินให้คุณยืม ถ้าคนไหนไม่มีเงิน คุณก็คงไม่ไปหาเค้าถูกไม๊คะ เพราะเค้าไม่สามารถช่วยคุณได้


วัน เดือน ปี เกิด ไม่บอกหรอกค่ะ ว่าคุณจะเห็นผีหรือเปล่า แต่จะบอกว่าคุณมีสัมผัสที่ 6 หรือเปล่าค่ะ


ทำไมถึงอยากเห็นวิญญาณเหรอคะ

 

"2. บุญมาก มีแสงสว่างมากผีเข้าไกล้ไม่ได้
มีพลังป้องกันมาก แต่แสงก็มีวันหมด ถ้าไม่ทำบุญ
สวดมนต์ต่อค่ะ"

ทฤษฏีนี้อาจไม่เสมอไปนะค่ะ อย่างพระพุทธเจ้าและพระอริยะยังกำหนดเห็นได้เลยเห็นด้วยการทรงกระแสพระเมตตาปลดทุกข์ให้วิญญาณเหล่านั้น

ลองฟังความคิดเห็นนี้ดูนะค่ะ

1. มีบุญสัมพันธ์กระแสคลื่นจึงจูนกันได้
2. เขาอยากให้เห็น เราจึงเห็น
3. กำลังใจเรา ณ. ขณะนั้นตกอยู่ในอุปาจารสมาธิหรือฌาณ 4 พอดี หรือ/และ อาจมีกำลังทิพยจักขุญาณ อยู่ สะสมมาจากอดีตชาติหรือฝึกอยู่ ณ. ปัจจุบันชาติ
4. สำหรับพระหรือท่านที่มีกำลังสูงๆ ท่านเห็นเท่าที่ต้องการจะเห็น แต่ส่วนใหญ่ที่เข้าใกล้ท่านได้ต้องมีบุญสัมพันธ์กันค่ะ

สรุปไปสรุปมา ทฤษฏีข้อ 2 ถูกค่ะ และข้าพเจ้าก็ผิดโทษฐานทำให้คนอื่นงงด้วยการพูดอ้ออมไปอ้อมมา

ท้ายนี้ตัวข้าพเจ้าก็ไม่เคยเห็นและไม่อยากเห็นเหมือนกัน

 

คอบคุณ pucca2101 ค่ะ

อันที่จริงแล้วเราก็อยากเห็นนะ
เราอยากรู้ว่าถ้าเกิดเราตายไปแล้วกลายเป็นวิญญาน จะมีการใช้ชีวิตอยู่เหมือนคนปรกติหรือเปล่า เราเคยอ่านบทความของบางท่านเขียนไว้ว่า พอคนเราตายไปก็เหมือนเราไปเกิดใหม่ในภพภูมิใหม่ ซึ่งการใช้ชีวิตก็เหมือนคนปรกติธรรมดา....
บางท่านก็เขียนไว้ว่า ตายไปก็จะไปตามแรงบุญกรรมของตน ขึ้นสวรรค์บ้าง ลงนรกบ้าง แล้ววิญญานที่ยังอยู่บนโลกมนุษย์นี่หละจัดอยู่ในประเภทไหนน๊าาา

ซึ่งที่ได้อ่านๆ มา ทำให้เราฉงนสงสัยว่า ทำไมยังมีผู้คนเห็นวิญญานอยู่อีก???

" ตายแล้วไปไหน??? "

 

สวัสดีค่ะ คุณ deedyangles

สำหรับคำถามนี้ pucca บอกตามตรงว่า ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เป็นคำถามที่คาใจตัวเอง

เหมือนกัน เท่าที่ทราบ คนที่ชดใช้กรรมในนรกหมดแล้ว แต่อาจจะยังมีเศษกรรมเหลืออยู่บ้างก็อาจจะต้องมาใช้กรรมต่อ โดยอาจจะมาเกิดเป็นเปรตบนโลกมนุษย์นี้

แต่สำหรับวิญญาณล่องลอยที่เมื่อตายไปแล้ว ไม่ได้ไปใช้กรรมเลยในนรก หรือ สวรรค์ แต่ล่องลอยอยู่อย่างนี้ เคยได้ยินว่า เกิดจากเค้ายังติดความห่วง ความอาลัย อาวรณ์ จึงทำให้วิญญาณของเค้าวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เค้าติดอยู่

แต่ pucca ก็ไม่รู้ว่าทำไม ท่านพญายมถึงไม่ได้มาพาตัวเค้าไปพิพากษาตัดสินว่าต้องไปชดใช้กรรมชั่ว หรือ รับกรรมดี ต่อไป

รอหน่อยนะคะ เดี๋ยว pucca จะหาท่านผู้รู้มาช่วยตอบให้นะคะ เป็นความรู้กับ pucca เองด้วย

 

ยิ้งมีบุญมากยิ้งเป็นแม่เหล็กดึงดูดผีและเทวดาที่จะเข้ามาหาเรามากขึ้น เหมือนเราเป็นบ่อน้ำไม่ว่าคนหรือสัตว์นั้นต้องการทั้งสิ้นในอีกมิตินึงคนมีบุญมากยิ้งสว่างมาก ยิ้งเห็นชัดยิ้งเข้าหาแต่คนที่มีบุญมากส่วนใหญ่จะมีเทพหรือเทวดาชั้นสูงดูแลเหมือนกับ ขอทานเห็นคนแต่ตัวสะอาดเดินมาเป็นกลุ่มก็ไม่อยากเข้าใกล้ แต่ถ้ามาคนเดียวก็ถึงจะกล้า่นะครับ ส่วนถ้าอยากเห็นผีจริงๆก็ต้องนั้งสมาธิเยอะๆเหมือนการจูนวิทยุนะครับจะได้รับส่งได้

 

วิญญาณที่เกิดขึ้นรายล้อมตัวเรา จริงๆเเล้ว มีอยู่ ข้างๆมนุษย์ เสมอนะคะ

เพียงแต่ ว่า มนุษย์ ให้ ความสนใจ กับสิ่งภายนอก มากกว่า ภายใน จึงทำให้ ไม่สามารถ เข้าถึง กระเเสจิตได้ ง่าย

ความเป็นคนมี บุญน้อย หรือ ไม่มีบุญ เป็นความเชื่อที่ผิดๆ

เพราะ ทุกคน สามารถเข้าถึงได้ ด้วย ตนเอง เพียงเเค่ หมั่นปฏิบัติให้ จิตนิ่ง ถ้าจิตนิ่ง สัมผัส เรา จะ เข้าถึง

ความรู้สึกของ สิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น อุณหภูมิห้อง

หรือ กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ นั้นคือ สภาวะของ ความคิดที่ว่าง

ไม่ฟุ้งซ่าน ลอง นั่งสมาธิไป เรื่อยๆ จิตเปิด

เราจะ รับรู้ได้ว่า รอบตัวเราเกิด อะไรขึ้น

เห็น วิญญาณไม่ได้ มองเห็นด้วยตาเปล่า

เเต่ เป็น การ สัมผัสถึงความรู้สึก

กลัว หรือ อิ่มเอมใจ ถ้าปฏิบัติเเล้วรู้สึกดี

ก็ เพราะวิญญาณ ได้ รับกระเเสบุญ

เเต่ถ้ารู้สึก ทุกข์ หรือ หม่นหมอง เพราะ วิญญาณเจ้ากรรมนายเวร รู้สึกว่า เราละเลย

จึงพยายาม ทำทุกวิถีทางให้ เรา ทำบุญและปฏิบัติธรรมนั้นเอง คะ

ให้ ดูตามเรา รู้สึกคะ เพราะ ความรู้สึก คือ จิต = วิญญาณ<!-- / message -->