วิธีแก้ไข..สําหรับ..ผู้ที่เคยทําแท้ง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย slamb, 7 มิถุนายน 2008.

  1. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    วิธีแก้ไขสำหรับผู้ที่เคยทำแท้งมาก่อน
    <hr style="color: rgb(224, 224, 224); background-color: rgb(224, 224, 224);" size="1">
    [​IMG]


    เคยทำแท้งมาก่อน จะแก้ไขอย่างไร ???


    ถาม - เคยทำแท้งมาก่อน จะแก้ไขอย่างไร เพราะรู้สึกไม่สบายใจมาก และชีวิตมีแต่เรื่องยุ่งๆ



    ตอบ
    - ก็ไม่ยุ่งได้ยังไงล่ะครับ ก็คุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคนไปแล้วนี่ ย้ำกันให้ชัดๆนะครับว่า คุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคน !!!



    จะมายกแม่น้ำทั้ง 5 หรือทั่วโลกมาอ้างน่ะ ฟังไม่ขึ้นหรอกครับ จะอ้างว่า ตอนนั้นเรียนอยู่ ถ้าท้องก็ไม่ได้เรียน หรือถ้าพ่อแม่รู้ว่าท้อง โดนตีตายเลย หรือจะอ้างว่าฐานะยังไม่ดี ยังไม่พร้อมที่จะมีลูก ก็อ้างกันสารพัดครับ แต่พูดกันเลยว่า ไม่พร้อมที่จะท้องหรือมีเด็ก แล้วทำไมพร้อมที่จะ " ร่วมรัก " กันล่ะ

    เอากันแล้ว สนุกกันฝ่ายเดียว แล้วไปฆ่าคนอื่นน่ะ เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ?

    สำหรับผลที่คุณจะได้รับจากการที่คุณ " ทำแท้ง " นั้นมีผลกับตัวคุณมาก ๆ ครับ ที่เห็นชัด ๆ ก็คือ มีความไม่สบายใจติดตัวไปตลอดชีวิต (ก็แน่ล่ะคุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคนนี่) ทำงานทำการอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ โชคไม่ดี โชคลาภไม่มี เพื่อนฝูง คนรอบข้างเหม็นหน้า ไม่ค่อยรักไม่ค่อยเมตตา มีอุบัติเหตุบ่อย ๆ ปวดหัว ไม่สบายโดยไม่ทราบสาเหตุบ่อยครั้ง จิตผวา เห็นเงาตะคุ่มๆ บ่อยๆ ได้ยินเสียงหวีดหวิว หรือเสียงคนเรียกโดยไม่เห็นตัวบ่อย ฝันร้าย และอะไรๆที่ไม่ดีๆน่ะ เกิดขึ้นกับคุณเป็นประจำ

    เอาเถอะเมื่อมันเกิดมาแล้ว เรามาคุยกันเรื่องการแก้ไขกันดีกว่า ก่อนอื่น เรามาคุยกันก่อนว่า ทำไมการทำแท้งจึงเป็นเรื่องบาปมหันต์ ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่จะเกิดเป็น " คน " นั้น มันยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน? บางวิญญาณนั้น ตั้งหน้าตั้งใจรอเพื่อที่จะเกิดมา เพราะการเป็นมนุษย์นั้น เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มหาศาล
    ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่มากกว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะ "มนุษย์" เท่านั้น ที่สามารถจะสร้างบารมีสูงสุดที่สุดในโลก สามารถบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้

    ดูอย่าง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ยังต้องประสูติ (เกิด) มาเป็นมนุษย์ มาบำเพ็ญเพียรก่อน ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เห็นมั้ยครับ เป็นวิญญาณไม่ว่าจะเป็นเทพ เป็นพรหมสูงขนาดไหน ก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ (ในช่วงพุทธกาลนี้) ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น

    เพราะฉะนั้นการเกิดเป็นมนุษย์จึงเป็นการเกิดที่ยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อเกิดมาแล้ว สามารถสร้างบารมี สร้างกุศลได้มหาศาล สร้างได้ไม่มีเวลา ไม่มีกำหนด สร้างได้ไม่มีขีดว่าจะต้องมากน้อยแค่ไหน ?

    วิญญาณ ทำไม่ได้ครับ ?
    วิญญาณ จะใส่บาตรได้ก็ต้องรอจังหวะเหมาะ ๆ รอพระสุปฏิปันโนดีผ่านมา แต่คนเรานึกจะใส่บาตรวันไหนก็ได้ พระมีออกเกลื่อนเมือง
    วิญญาณ ทำสังฆทานก็ไม่ได้
    วิญญาณ บริจาคเลือดเพื่อสร้างกุศลก็ไม่ได้ (ก็ไม่มีเลือดนี่ครับ)
    วิญญาณ ปฏิบัติสมาธิได้ระดับหนึ่งเท่านั้น สูงสุดก็ไม่ได้ เพราะการเจริญวิปัสสนา กรรมฐาน ต้องมีการพิจารณาการเกิดดับของร่างกาย มีเกิดแก่เจ็บตาย ต้องมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ เพราะมีสังขาร แต่วิญญาณไม่มี เลยไม่รู้จะไปปลงอสุภะ ปลงสังขารยังไง

    บางวิญญาณน่ะต้องมาใช้ " กรรม " ในชาตินี้ (ที่เกิด) เพราะฉะนั้น เมื่อ (จะ) มาเกิดวิญญาณเค้าอาจเตรียมตัวมาใช้ กรรมแล้ว จะได้ทยอยใช้ให้หมดไปทีละนิด หรือมาก ๆ ได้ นี่แค่เบื้องต้นนะครับ เห็นมั้ยครับว่าการเกิดมนุษย์นั้น ยิ่งใหญ่ขนาดไหน?

    แล้วจู่ๆ คุณก็มา " ฆ่า " เค้าด้วยตัวคุณเอง (หรือด้วยมือหมอทำแท้ง)

    คุณตัดอนาคตในการทำบุญของเค้าหมด คุณตัดการชดใช้ " กรรม " ของเค้า คุณไม่ให้โอกาสเค้าสร้างฐานะเพื่ออนาคตของเค้าด้วย คุณอาจจะไม่ให้โอกาสเค้าสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติและที่สำคัญ เกิดลูกคุณเป็นผู้ชายล่ะ เค้าอาจจะบวชเรียนเป็นพระภิกษุ สร้างสรรค์สังคมให้ดี ๆ อาจจะสำเร็จเป็นอรหันต์ ทีนี้คุณอาจจะเถียงว่า ถ้าคนที่ (จะ) เกิดมา จะเป็นคนไม่ดีล่ะ อันนี้ตอบได้เลยว่า ถ้าคุณเลี้ยงเค้าให้ดี เค้าก็ดีได้ครับ (เป็นการเถียงแบบเข้าข้างตัวเองมากกว่าครับ)

    เห็นมั้ยครับ ? เหตุผลแค่นี้เพียงพอกับการที่วิญญาณเค้าจะโกรธ จะแค้น จะโมโห จะอาฆาตคุณหรือเปล่า ? ที่ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าควรจะได้

    เป็นคุณเอง ถ้าโดน " ฆ่า " ก่อนที่จะได้เกิด คุณจะรูสึกอย่างไร ?
    บางคนอาจจะเถียงว่า เพียงเดือนสองเดือนยังไม่เป็นตัวหรอก? ในทางศาสนาพุทธ ถือว่าการมีชีวิตนั้น นับตั้งแต่วันแรกที่ไข่ของฝ่ายหญิง ได้รับการผสมเชื้อจากอสุจิของผู้ชาย ตรงนี้แหละครับที่ถือว่า ได้กำเนิดเป็นชีวิตแล้ว (ปฏิสนธิ)
    ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยครับว่า ทำไมวิญญาณเค้าถึงโกรธคุณมาก

    ถึงคุณจะทำบุญทำกุศลมากมายขนาดไหน ทำสังฆทานกี่ร้อยกระป๋อง หรือทำบุญยิ่งใหญ่ขนาดไหน เค้าไม่สนใจหรอกครับ คุณเป็นคน " ฆ่า " เค้าแล้ว แล้วมานั่งทำบุญให้น่ะ มันคนละเรื่องกัน ตบ (ฆ่า) หัวแล้วลูบหลัง แบบนี้ มันถูกมันควรมั้ย ? เป็นคุณล่ะ คุณถูกใคร " ฆ่า " แล้วเค้ามาเคาะฝาโลงโป๊ก ๆ บอกว่า เฮ้ย! มารับของที่ฉันทำบุญไปให้นะ คุณจะชื่นชม หรืออภัยให้มั้ย? (ตรงนี้ สอนให้เอาใจเขามาใส่ใจเรานะครับ) เอาเถอะ ด่าคุณไปแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ให้ (ผมก็เป็นซะอย่างนี้)

    ข้อแรกเลย คุณต้องตั้งใจให้มั่น ตั้งสัจจะเอาไว้เลยว่าต่อแต่นี้ไป จะตั้งใจทำบุญทำกุศลให้มาก ๆ เพื่ออุทิศให้เค้า และการทำบุญทำกุศลที่ได้ผลมาก ๆ นั้น นอกจากการปฏิบัติธรรม (ที่ถือว่าได้บุญมากที่สุด) แล้ว คุณต้องทำบุญทำกุศลทุกรูปแบบ จะใส่บาตร ก็ต้องใส่สม่ำเสมอ ทุกอาทิตย์ ทุกวันได้ยิ่งดี ทำสังฆทานให้มาก ๆ ถี่ ๆ ให้เค้าเห็นถึงความตั้งใจจริงว่าคุณตั้งใจจริง ไม่ใช่ " ฆ่า " แล้วก็ทำเล่น ๆ สักแต่ว่าทำไปเท่านั้น ทำให้ถี่ ๆ ครับ ทำมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

    อีกอย่างนึง ถ้าคุณทำบุญกับกุศลที่เกี่ยวกับเด็กได้ก็ยิ่งดี เช่น ทำบุญกับมูลนิธิที่เกี่ยวกับเด็ก ช่วยเหลือเด็กยากจน สนับสนุนการศึกษาให้เด็กฯลฯ และอีกข้อนึง ขณะนี้คุณเป็นจำเลย ลูกคุณที่คุณ " ฆ่า " เป็นโจทก์ คนเรานี่เวลาโกรธกัน พูดกันยากครับ " เคลียร์ " กันลำบากครับ

    เค้าก็โกรธคุณอยู่ คุณทำอย่างไรเค้าก็ไม่ฟัง ไม่สนใจหรอกครับ คุณต้องหา " ใครสักคน " ที่วิญญาณเค้าเกรงอกเกรงใจ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ส่วนใหญ่วิญญาณเค้าจะเกรงใจผู้ปฏิบัติครับ ก็หมายความไปถึงพระ (ที่เป็นพระ) ที่มีจิตดี มีการปฏิบัติดี มีปฏิปทาที่สะอาด บริสุทธิ์ หรืออาจจะหาฆราวาสผู้ที่มีจิตดี มีการปฏิบัติดี ก็ได้ครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นพระดี ฆราวาสดีนั้น หาไม่ง่ายหรอกครับร้อยคน มีสักคนก็หาแทบไม่ได้แล้ว ต้องหากันเองล่ะครับ

    แต่เตือนไว้อย่างนึงว่า การหาพระดี คนดีนั้น อย่าหาเพราะมีคนบอกว่าดี อย่าหาเพราะมีการโฆษณาจากทุกสื่อ แต่ขอให้ดูการวางตัว การปฏิบัติตัว การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทนและดูการถือศีล การปฏิบัติด้วย มีศีลมากก็บริสุทธิ์มาก ปฏิบัติ (สมาธิ วิปัสสนา กรรมฐาน) มาก ก็จิตดีมาก เมื่อเจอแล้ว กราบท่าน ขอร้องให้ท่านช่วย เป็นสื่อกลางให้ ไม่มีปัญหาครับ วิญญาณเค้าเกรงใจบุคคลประเภทนี้มากครับ อยู่ที่ว่าท่านจะเมตตาหรือไม่เท่านั้น

    เพราะบางท่านอาจจะคิดว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ยิ่งเป็นพระท่านอาจจะบอกว่า เป็นเรื่องโลกีย์วิสัย เป็นเรื่องของทางโลกที่ท่าน ไม่ควรยุ่งเกี่ยว แต่เชื่อเถอะครับ ไปกราบท่านบ่อย ๆ (อาศัยลูกตื๊อ) ท่านช่วยแน่นอน เพราะจิตท่านดีอยู่แล้ว ท่านเหล่านี้มี " เมตตา " เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

    สำคัญอยู่ที่ว่า อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกล่ะ !!!


    อโณทัย เขตต์บรรพต​


    ที่มา..
    http://board.agalico.com/showthread.php?t=716
     
  2. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    อนุโมทนาสาธุครับ โอ้โฮ!น่ากลัวจังครับการทำแท้งเนี่ย จะมีก็มีไปกล้าทำต้องกล้ารับขืนไปทำแบบนั้น เป็นตราบาปติดตัวไปชีวิตตกต่ำแน่
     

แชร์หน้านี้

Loading...