พระปิดตาพ้นบ่วงมารครูบาพรหมาจักรเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกพระสมเด็จผงยันต์เกราะเพรชลพ.บุญธรรม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    FB_IMG_1727326313120.jpg FB_IMG_1727326315836.jpg
    เหรียญพระพุทธสุริโยทัยสิริกิติทีฆายุมงคล สมโภชพระเจดีย์ศรีสุริโย จ.อยุธยา ปี 2534 จัดสร้างพิธีใหญ่
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จเป็นองค์ประธาน โดยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้กองบัญชาการทหารสูงสุดดำเนินการจัดสร้างพระพุทธปฏิมากร “พระพุทธสุริโยทัยสิริกิตฑีฆายุมงคล” เพื่อประดิษฐานในองค์พระเจดีย์ และทำพระราชพิธีสมโภชเจดีย์ศรีสุริโยทัย พร้อมเปิดอาคารนิทรรศการเกียรติประวัติของสมเด็จพระสุริโยทัย ในวันที่ 31 สิงหาคม 2534
    โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชัย สิทธิรัตน์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นผู้เขียนแบบและปั้นองค์พระพุทธปฏิมากร เป็นพระพุทธปฏิมากรทรงเครื่องปางประทานพร สมัยอยุธยาตอนกลาง ก่อนจะมีการปั้นหุ่นหล่อพระพุทธปฏิมากรนี้ ทรงโปรดฯให้ตั้งพิธีมังคลาภิเษก เสกดินและน้ำพระพุทธมนต์ในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อนำไปประกอบกรรมวิธีปั้นผิวนอกที่จะหล่อ
    ในการนี้กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้จัดสร้างพระพุทธปฏิมากรองค์ทองคำและเงิน ทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 นอกจากนี้ยังผลิตเนื้อโลหะปิดทองและเนื้อโลหะรมดำ รวมทั้งเหรียญรูปไข่ เพื่อให้ประชาชนผู้มีความเลื่อมใสในพระมหากรุณาธิคุณพระสุริโยทัยได้มีโอกาสนำไปสักการะบูชาอีกด้วย
    พิธีมหาพุทธาภิเษก มีพระเกจิอาจารย์เข้าร่วมหลายรูป อาทิ
    1. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานจุดเทียนชัย
    2. หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
    3. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    4. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
    5. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    6. หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    7. หลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว วัดเขาแหลม
    8. หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง
    9. หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
    10. หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน
    11. หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง
    12. หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม
    13. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ฯลฯ เป็นต้น
    ขอบพระคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240916_040019.jpg IMG_20240916_040040.jpg IMG_20240916_035949.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2024 at 16:04
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    3215.jpg
    หลวงปู่ลือ ได้ธุดงค์ไปพร้อมกับ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และเพื่อสหธรรมิกจำนวนมากมาย เช่น หลวงปู่สิม หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาว หลวงปู่จาม พระอาจารย์จวน พระอาจารย์ฝั้น อาจารย์ชา หลวงพ่อบุญมา วิเวกไปตามป่าเขาโปรดญาติโยมโดยทั่วแถบภาคอีสานและภาคเหนือ ขณะร่วมธุดงค์เมื่อถึงจุดหมายต่าง ๆ ก็แยกย้ายกันปักกลดฝึกกรรมฐาน พอถึงเวลา 4 โมงเย็นของทุกวันก็จะพร้อมเพรียงกันเพื่อรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงปู่มั่น
    ในระหว่างที่ท่านอบรมกรรมฐานท่านมักจะกล่าวยกย่องหลวงปู่ลือเสมอว่าเป็น "พระใจเด็ดใจเพชร" สหธรรมมิกที่ร่วมคณะมาด้วยจึงสมญานามว่า "พระลือโลก…ผีย่าน(ผีกลัว)"
    หลังจากแยกย้ายคณะธุดงค์ หลวงปู่ลือได้ออกธุดงค์ไปตามลำพังเพื่อหาสถานที่วิเวกฝึกกรรมฐานไปจนถึงฝั่งประเทศลาว และแผ่เมตตาแก่ญาติโยมชาวลาว เป็นเวลานาน จึงข้ามมาฝั่งไทย ท่านไปพบทหารกลุ่มหนึ่งกำลังสู้รบกับ ผกค.(ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ท่านจึงสละชายจีวรมอบแก่ทหารเหล่านั้น เพื่อปกป้องคุ้มครองผองภัยอันตรายทั้งปวง จนทหารกลุ่มนั้นแคล้วคลาดกลับที่ตั้งโดยปลอดภัยทุกคนชาวบ้านดอนตาลดง ผกค. ในยุคนั้นจึงขนานนามทหารกลุ่มนั้นว่า "ทหารผีสิง" เพราะโดยปกติจะไม่มีใครรอดพ้นดงกับระเบิดและฝ่าแนวกระสุนออกมาได้เลย ทำให้ผู้คนทุกสารทิศที่ได้ยินกิตติศัพท์ หลวงปู่ลือ จึงหลั่งไหลกันไปกราบไหว้นมัสการ
    ปัจจุบันหลวงปู่ลือ ได้ชราภาพมากแล้วจึงได้ปรารภกับลูกศิษย์ว่าต้องการสร้างวิหารเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปและมณฑป ครอบรอยเท้าของท่าน ซึ่งสมัยอดีตชาติของท่านเป็นฤาษีได้เหยียบเอาไว้ในบริเวณวัดป่านาทามวนาวาส เพื่อให้อนุชนได้สักการบูชา
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระบูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240920_093855.jpg IMG_20240920_093812.jpg IMG_20240920_093741.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2024 at 19:26
  3. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,068
    ค่าพลัง:
    +6,775
    -ขอจองครับ
     
  4. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +1,179
    จองครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    fb_img_1699426935027-jpg-jpg.jpg
    ประวัติพระครูนิเวฐปัญญาภรณ์ (หลวงพ่อปัญญา ปัญญาทีโป)

    ศิษย์กรรมฐานหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ศิษย์เอกและบุตรบุญธรรม หลวงพ่อโอด วัดจันเสน

    หลวงพ่อปัญญา ท่านเกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494 ณ. บ้านเลขที่ 97 หมู่ 6 ต.พรหมนิมิต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บิดาชื่อ พ่อตา วิเชียร มารดาชื่อ แม่เผื่อน วิเชียร ในวัยเยาว์นั้น เด็กชายปัญญา มักจะขี้โรคเจ็บป่วยบ่อยๆบิดา มารดา จึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน เมื่อหลวงพ่อโอด รับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ได้ทำพิธีบรรพชาบวชเป็นสามเณร ให้ในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 สามเณรปัญญา ได้รับใช้ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน อย่างใกล้ชิดตลอดมา จนกระทั่งอายุ 22 ปี จึงทำพิธีอุปสมบท ณ.อุโบสถ วัดจันเสน โดยมี พระครูนิสัยจริยคุณ (หลวงพ่อโอด) วัดจันเสน เป็นพระอุปปัชฌาย์ พระครูลำใย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดบุตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปัญญาทีโป” อุปปัชฌาย์ให้ความหมายว่า ผู้มีปัญญาดุจประทีป หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดจันเสนเช่นเดิม โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก แล้วเดินทางไปศึกษาบาลี จบประโยค 1 - 2 จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระเลขานุการเจ้าคณะอำเภอตาคลี ซึ่งสมัยนั้น หลวงพ่อโอด ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าอาวาส วัดกกกว้าว เป็นพระครูสัญญาบัตร เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชน ตามลำดับ

    ศึกษาพระกรรมฐาน และ พระเวทย์อาคม

    หลวงพ่อปัญญาท่านได้เริ่มศึกษาพระเวทย์อาคมต่างๆจากหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ได้ถ่ายทอด วิชาอาคมต่างๆ ตลอดจนวิชาการเพ่งแผ่พลังจิต ให้กับหลวงพ่อปัญญาทั้งหมด ตั้งแต่เป็นสามเณร จนถึงวันที่หลวงพ่อโอดละสังขาร

    ศึกษากรรมฐาน

    เมื่อครั้งเป็นสามเณร หลวงพ่อปัญญาได้เริ่มศึกษาพระกรรมฐานจากหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งจะเห็นหลวงพ่อปัญญา ติดตามหลวงพ่อโอดอยู่เสมอ วันหนึ่งหลวงพ่อพรหม ได้เล่าเรื่องราวการธุดงค์ให้ หลวงพ่อปัญญาฟัง หลวงพ่อปัญญาเกิดความสนใจ จึงได้ศึกษาวิชาสมถะกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน วิชาอาคมต่างๆ กับหลวงพ่อพรหม จนหมดสิ้น พอสำเร็จวิชาแล้วหลวงพ่อพรหม จึงมอบชานหมากให้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยมาฝึกกับหลวงพ่อพรหม

    นอกจากนี้

    หลวงพ่อปัญญา ยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆกับ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม และ หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี อีกด้วย

    ด้านวัตถุมงคล

    หลวงพ่อปัญญา ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ทั้งพระเครื่อง และ เครื่องรางของขลัง ซึ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างและปลุกเสกล้วนแล้วแต่ มีประสบการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งทางด้าน มหาอุด คงกระพัน กันภัยแคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ป้องกันเขี้ยวงาและเหล่าวิญญานร้ายต่างๆ

    รู้วาระจิตและวันละสังขาร

    ในวันที่ 11 ธันวาคม 2559. ได้มีคณะผ้าป่าจาก ก.ท.ม.มาทอดที่วัดเพื่อหาปัจจัยบูรณะอุโบสถวัดกกกว้าว หลังจากทอดผ้าป่าเสร็จ ท่านได้เรียกพระอาจารย์ต้น ซึ่งเป็นพระเลขาฯและศิษย์ใกล้ชิด เข้าไปหา และได้กล่าวกับเจ้าภาพผ้าป่าว่า ให้มอบปัจจัยถวายพระอาจารย์ต้นจำนวนหนึ่ง และ สั่งให้พระอาจารย์ต้นไปเอาวัตถุมงคลที่กุฏิท่านกลับไปอีกจำนวนหนึ่ง และกำชับว่านี่เป็นปัจจัยเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ถ้าหลวงพ่อไม่อยู่แล้ว จะได้ไม่เดือดร้อนจากนั้นท่านได้กล่าวขอบคุณกับคณะผ้าป่า เหมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย แต่ไม่มีใครเคลือบแคลงในคำพูดของท่าน จากนั้น ในเวลา 22.25 น.ของคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2559. หลวงพ่อได้จาก เหล่าศิษยานุศิษย์ไปด้วยอาการอันสงบ ณ.กุฏิของท่าน สิริอายุ 65 ปี 43 พรรษา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญอาร์มเล็ก รุ่นแรก เนื้อทองแดง
    หลวงพ่อปัญญา ปัญญาทีโป
    (พระครูนิเวฐปัญญาภรณ์)
    วัดกกกว้าว ต.ช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ปี36 รุ่นประสบการณ์ ฉีดยาไม่เข้า

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240923_132142.jpg IMG_20240923_132207.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    1187170-4b85b.jpeg 1187170-58bf4.jpg
    พระผงผานไถ รุ่นรวยพลิกแผ่นดิน พิมพ์ใหญ่
    หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย จ.ปทุมธานี ปี ๒๕๕๑
    เนื้อว่านแดงหลวงพ่อชื่น วัดในปราบ ร่วมปลุกเสก
    โดยหลวงพ่อทองกลึง ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร, หลวงปู่บุตร วัดบางเดื่อ, หลวงปู่รอด วัดเกริน, หลวงพ่อสาลี่ วัดสองพี่น้อง, หลวงปู่เส็ง วัดบางนา เป็นต้น
    วัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างน่าบูชาเป็นอย่างมาก
    “ผานไถ” ถือเป็นเครื่องรางของขลังอีกชิ้นหนึ่งที่มีการสร้างขึ้นมาแต่ครั้งโบราณกาล มีอิทธิคุณเด่นมากมายยิ่งนัก ในเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์ แม้กระทั่งผานไถที่มีการใช้งานจริง เมื่อมีการปลดระวาง ชาวบ้านต่างนำมาเก็บไว้บูชาเพื่อให้มีโชคลาภวาสนา โดยในปัจจุบันมีผู้สร้าง “ผานไถ” แล้วมีประสบการณ์ มีชื่อเสียงจนเป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างขวางมีเพียง 2 รูป นั่นก็คือ หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ และหลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย นั่นเอง
    เหรียญผานไถรุ่นนี้หลวงพ่อทองกลึงท่านสร้างขึ้นโดยรวบรวมมวลสารผานไถเก่าจำนวนมาก แผ่นยันต์เกจิคณาจารย์ต่างๆ ที่เน้นเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์มากมาย รวมถึงมีพระคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตผานไถรุ่นนี้นับร้อยรูป พิธีเททองและอธิษฐานจิต มีพระเกจิคณาจารย์ 2 รูป เป็นประธาน ซึ่งนั่นก็คือ หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ และหลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย ซึ่งทั้งสองรูปนี้ต่างก็เชี่ยวชาญในวิชา และการสร้างผานไถ
    ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผานไถรุ่นนี้จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก นอกจากนี้ยังใช้ทำน้ำมนต์ไล่ภูติผีปีศาจ ไล่ของออกจากผู้ที่ถูกแฝงได้ชะงัดยิ่งนัก จัดเป็นของดีราคาไม่แพง ผู้สนใจรีบเก็บสะสมกันก่อนที่จะหายากในอนาคต
    เหรียญผานไถรุ่นนี้หลวงพ่อทองกลึงท่านสร้างขึ้นโดยรวบรวมมวลสารผานไถเก่าจำนวนมาก แผ่นยันต์เกจิคณาจารย์ต่างๆ ที่เน้นเรื่องโชคลาภ โภคทรัพย์ มากมาย รวมถึงมีพระคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตผานไถรุ่นนี้นับร้อยรูป
    พิธีเททองและอธิษฐานจิตผานไถ มีพระเกจิคณาจารย์ 2 รูปเป็นประธานอธิษฐานจิต ซึ่งนั่นก็คือ "หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ "และ "หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย" ซึ่งทั้งสองรูปนี้ต่างก็เชี่ยวชาญในวิชาและการสร้างผานไถ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผานไถรุ่นนี้จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240927_091000.jpg IMG_20240927_091022.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2024 at 10:30
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    530319_381685888548625_1528071543_n.jpg
    หลวงปู่ให้ข้อคิดในเรื่องวัตถุมงคลไว้ว่า “วัตถุมงคลเป็นสิ่งที่ให้ระลึกถึงคุณงามความดีองค์ที่ท่านสร้าง ท่านสร้างด้วยความดี ท่านจะคุ้มครองคนทำดี ท่านเตือนให้กำหนดพุทโธตลอดเวลา ไม่มีอะไรเหนือกรรม กรรมดีพระคุ้มครอง ไม่มีอะไรศักด์สิทธิ์เหนือกว่ากรรม กรรมดีพระคุ้มครอง ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่ากรรมได้เลย หมดอายุขัยก็คุ้มครองไม่ได้ แรงอะไรก็ไม่เท่าแรงกรรม วัตถุมงคลท่านจะช่วยได้บางโอกาสเท่านั้น อย่าประมาทกรรม ไม่มีอะไรเหนือกรรม จงทำดีให้มาก”
    ๏ พระธรรมเทศนา
    หลวงปู่ท่านบอกว่า การรับรู้เรื่องของคนอื่นมันไม่เหมือนรู้เรื่องตนเอง รู้ตนเองเห็นเองหายสงสัย ใครจะว่าอย่างไรก็หมดสงสัย เหมือนรับประทานอาหาร คนอื่นบอกว่าอร่อย แต่เราไม่ได้รับประทานด้วยก็ไม่หายสงสัย คนเคยไปกรุงเทพฯ มีพระแก้วมรกตก็ไม่สงสัย เพราะเคยไปเห็นมาแล้วด้วยตนเอง
    ท่านสอนว่าเรียนรู้เรื่องทางโลกมันไม่รู้จบรู้สิ้น เรียนอันนั้นเหลืออันนี้อยู่ตลอดไป คนทั้งหลายไม่สนใจจิตใจตนเอง สนใจแต่เรื่องที่ก่อให้เกิดความทุกข์วิปโยควังเวง เรียนทางโลกไม่เหมือนเรียนทางธรรม เรียนทางธรรมไปสิ้นสุดที่นิพพาน ใครไปถึงนิพพานก็จบ
    ตามพินัยกรรม หลวงปู่เนย สมจิตฺโต ท่านสั่งห้ามไม่ให้มีการกระตุ้นหัวใจ หรือต่อเครื่องช่วยหายใจ เมื่อมรณภาพแล้ว ท่านห้ามไม่ให้ฉีดยาฟอร์มาลีน ห้ามไม่ให้เก็บสรีระไว้ที่หีบแช่เย็น และห้ามไม่ให้จุดธูปเทียนบูชา สำหรับการจัดงานประชุมเพลิง ท่านสั่งห้ามไม่ให้ขอพระราชทานเพลิง ให้ทำพิธีภายใน ๗ วัน หรืออย่างช้า ไม่เกิน ๕๐ วัน ให้จัดงานให้เรียบง่ายที่สุด
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่เนย ๒ เหรียญคู่
    ..บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240927_091635.jpg IMG_20240927_091609.jpg IMG_20240927_091702.jpg IMG_20240927_091740.jpg IMG_20240927_091813.jpg IMG_20240927_091847.jpg IMG_20240927_091541.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    วันนี้จัดส่ง
    1727422473373.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    spd_20161011205316_b-jpg.jpg th318-jpg.jpg B%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B3-jpeg.jpg fb_img_1726998158526-jpg.jpg
    ปิดตาพ้นบ่วงมาร พิมพ์เล็ก ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาตรตากผ้า ครูบาหล้า วัดป่าตึง ลำพูน หลวงปูครํ่า วัดวังหว้า ระยอง
    พระปิดตาพ้นบ่วงมาร เป็นพระปิดตาที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้จัดสร้างขึ้นในปีพ.ศ 2526 เพื่อได้มีการแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมทำบุญสร้างอนุเสาวรีย์ครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยสูตรพระเนื้อผงชุดนี้เป็นเดิมที่ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เคยสร้างพระเนื้อผงของหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค พระสมเด็จปัจเจกโพธิ หรือสมเด็จปัจเจกธรรม ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย พระชุดเนื้อผงต่างๆของครูบาขันแก้ว อุตตฺโม วัดสันพระเจ้าแดง
    เดิมทีพระปิดตาชุดนี้มีทั้งหมด 3 พิมพ์
    1.พิมพ์ใหญ่(ตัวอย่างที่นำมาลงให้ชมนี้ ขนาดสูง3.5 ซ.ม กว้าง3 ซมหนา1 ซ.ม)
    2.พิมพ์กลาง(พิมพ์นี้ได้ถวายให้ ณวัดป่าตึง เรียกว่า ปิดตาป่าตึง)
    3.และพิมพ์เล็ก (ถวายวัดวังหว้้า ออกให้บูชาในนามปิดตาพ้นบ่วงมาร วัดวังหว้า) โดยทั้ง 3 พิมพ์นี้ข้างหลังได้โรยไหมเจ็ดสีที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทุกองค์
    เป็นความคิดของอาจารย์หมอสมสุขที่ต้องการที่จะสร้างถวายให้ วัดพระพุทธบาทตากผ้าโดยขอเมตตาจากครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปลุกเสกพระชุดนี้ใน วันที่14 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2527 คราวที่ครูบาได้นำอนุเสารีย์ท่านมาประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ด้วยที่ครูบาพรหมาท่านกล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่านไม่สามารถลืมได้เลยเพราะเป็นสถานที่ท่านได้มาบรรลุธรรมและเป็นที่แห่งแรกที่มาธุดงค์เมื่ออายุ24 พรรษาที่4 ได้อธิฐานจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอยน้อยเป็นระยะเวลา3เดือน
    เมื่อขนย้ายอนุเสาวรีย์มาถึงวัดพระธาตุดอยน้อยแล้ว ครูบาพรหมมา ท่านได้นั่งหาสถานที่ว่าจุดไหนควรจะตั้งอนุเสาวรีย์ โดยท่านได้เข้าไปนั่งในพระอุโบสถ เข้านิโรธสมาบัติและปลุกเสกพระปิดตาชุดนี้เป็นระยะเวลา2ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อท่านปลุกเสกและหาสถานที่ตั้งอนุเสาวรีย์ได้แล้วท่านก็บอกกับ อาจารย์หมอสมสุขว่า พระปิดตาและวัตถุมงคลอื่นๆปลุกเสกเสร็จหมดแล้ว (โดยที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกแบบพระอริยะเจ้าครั้งสุดท้ายในชีวิตท่าน) หลังจากนั้นอีก3วัน ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้ทราบข่าวการมรณะภาพของครูบาวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.หมอสมสุขท่านจึงเรียกพระปิดตารุ่นนี้ว่า
    "พระปิดตาพ้นบ่วงมาร" เพื่อที่ว่าได้รำลึกถึงท่านครูบาพรหมา แห่งวัดพระพุทธบาททตากผ้า ว่าจิตของท่านได้หลุดพ้นแห่งกิเลสเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
    และหลังจากนั้น อาจารย์หมอท่านก็นำพระปิดตาชุดนี้ไปขอเมตตาครูบาหล้า วัดป่าตึง และหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยองปลุกเสกอีกจนถึงปี พ.ศ.2528 พระปิดตาชุดนี้ไม่ค่อยมีเห็นตามสนามพระทั่งไปสักเท่าไหร่เพราะเป็นการสร้างให้กับบรรดาคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก แต่ก็มีหลุดไปบ้าง ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติ ผมเลยขออนุญาตฺนำประวัติพระชุดนี้นำมาเผยแพร่ เพื่อที่ใครมีจะได้รู้ถึงประวัติที่แท้จริงว่าที่มาเป็นแบบไหน
    ใครมีพระปิดตาชุดนี้บูชาติดตัวอยู่ผมก็ดีใจด้วยนะครับ ถือว่าเป็นพระปิดตาที่สมบูรณ์ที่สุดผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอริยะเจ้าที่แท้จริงได้เมตตาปลุกเสกด้วยการเข้านิโรจธสมาบัติก่อนมรณะภาพ แค่3 วัน และนำไปไห้พระอริยะเจ้าอีก2 รูปปลุกเสกอีก
    พุทธคุณนั้นเป็นเมตตาร่มเย็นดั่งปรกติวิสัยแห่งครูบาพระพุทธบาทตากผ้า หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นโชคลาภโภคทรัพย์แก่ผู้ที่บูชา ปลดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพระปิดตาก็ว่าได้ครับ
    ปิดตาพ้นบ่วงมาร พิมพ์เล็ก ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาตรตากผ้า ครูบาหล้า วัดป่าตึง ลำพูน หลวงปูครํ่า วัดวังหว้า ระยอง
    พระปิดตาพ้นบ่วงมาร เป็นพระปิดตาที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้จัดสร้างขึ้นในปีพ.ศ 2526 เพื่อได้มีการแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมทำบุญสร้างอนุเสาวรีย์ครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า โดยสูตรพระเนื้อผงชุดนี้เป็นเดิมที่ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เคยสร้างพระเนื้อผงของหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค พระสมเด็จปัจเจกโพธิ หรือสมเด็จปัจเจกธรรม ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย พระชุดเนื้อผงต่างๆของครูบาขันแก้ว อุตตฺโม วัดสันพระเจ้าแดง
    เดิมทีพระปิดตาชุดนี้มีทั้งหมด 3 พิมพ์
    1.พิมพ์ใหญ่(ตัวอย่างที่นำมาลงให้ชมนี้ ขนาดสูง3.5 ซ.ม กว้าง3 ซมหนา1 ซ.ม)
    2.พิมพ์กลาง(พิมพ์นี้ได้ถวายให้ ณวัดป่าตึง เรียกว่า ปิดตาป่าตึง)
    3.และพิมพ์เล็ก (ถวายวัดวังหว้้า ออกให้บูชาในนามปิดตาพ้นบ่วงมาร วัดวังหว้า) โดยทั้ง 3 พิมพ์นี้ข้างหลังได้โรยไหมเจ็ดสีที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทุกองค์
    เป็นความคิดของอาจารย์หมอสมสุขที่ต้องการที่จะสร้างถวายให้ วัดพระพุทธบาทตากผ้าโดยขอเมตตาจากครูบาพรหมมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปลุกเสกพระชุดนี้ใน วันที่14 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2527 คราวที่ครูบาได้นำอนุเสารีย์ท่านมาประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ด้วยที่ครูบาพรหมาท่านกล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่านไม่สามารถลืมได้เลยเพราะเป็นสถานที่ท่านได้มาบรรลุธรรมและเป็นที่แห่งแรกที่มาธุดงค์เมื่ออายุ24 พรรษาที่4 ได้อธิฐานจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอยน้อยเป็นระยะเวลา3เดือน
    เมื่อขนย้ายอนุเสาวรีย์มาถึงวัดพระธาตุดอยน้อยแล้ว ครูบาพรหมมา ท่านได้นั่งหาสถานที่ว่าจุดไหนควรจะตั้งอนุเสาวรีย์ โดยท่านได้เข้าไปนั่งในพระอุโบสถ เข้านิโรธสมาบัติและปลุกเสกพระปิดตาชุดนี้เป็นระยะเวลา2ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อท่านปลุกเสกและหาสถานที่ตั้งอนุเสาวรีย์ได้แล้วท่านก็บอกกับ อาจารย์หมอสมสุขว่า พระปิดตาและวัตถุมงคลอื่นๆปลุกเสกเสร็จหมดแล้ว (โดยที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกแบบพระอริยะเจ้าครั้งสุดท้ายในชีวิตท่าน) หลังจากนั้นอีก3วัน ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมได้ทราบข่าวการมรณะภาพของครูบาวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.หมอสมสุขท่านจึงเรียกพระปิดตารุ่นนี้ว่า
    "พระปิดตาพ้นบ่วงมาร" เพื่อที่ว่าได้รำลึกถึงท่านครูบาพรหมา แห่งวัดพระพุทธบาททตากผ้า ว่าจิตของท่านได้หลุดพ้นแห่งกิเลสเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
    และหลังจากนั้น อาจารย์หมอท่านก็นำพระปิดตาชุดนี้ไปขอเมตตาครูบาหล้า วัดป่าตึง และหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยองปลุกเสกอีกจนถึงปี พ.ศ.2528 พระปิดตาชุดนี้ไม่ค่อยมีเห็นตามสนามพระทั่งไปสักเท่าไหร่เพราะเป็นการสร้างให้กับบรรดาคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก แต่ก็มีหลุดไปบ้าง ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติ ผมเลยขออนุญาตฺนำประวัติพระชุดนี้นำมาเผยแพร่ เพื่อที่ใครมีจะได้รู้ถึงประวัติที่แท้จริงว่าที่มาเป็นแบบไหน
    ใครมีพระปิดตาชุดนี้บูชาติดตัวอยู่ผมก็ดีใจด้วยนะครับ ถือว่าเป็นพระปิดตาที่สมบูรณ์ที่สุดผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอริยะเจ้าที่แท้จริงได้เมตตาปลุกเสกด้วยการเข้านิโรจธสมาบัติก่อนมรณะภาพ แค่3 วัน และนำไปไห้พระอริยะเจ้าอีก2 รูปปลุกเสกอีก
    พุทธคุณนั้นเป็นเมตตาร่มเย็นดั่งปรกติวิสัยแห่งครูบาพระพุทธบาทตากผ้า หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นโชคลาภโภคทรัพย์แก่ผู้ที่บูชา ปลดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพระปิดตาก็ว่าได้ครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาพ้นบ่วงมารพิมพ์เล็ก ครูบาพรหมมาเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกอธิฐานจิต ให้บูชา 1,500 บาทครับ

    img_20240922_154035-jpg.jpg img_20240922_154103-jpg.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,663
    ค่าพลัง:
    +21,332
    FB_IMG_1727441664237.jpg
    ประวัติหลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา
    หลวงพ่อเชิญ เกิดในตระกูล กุฎีสุข ที่หมู่บ้านดงตาล ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2450 มีโยมบิดาชื่อ นายเคลือบ โยมมารดาชื่อ นางโล่ โดยที่หลวงพ่อเชิญเป็นบุตรของพี่น้องทั้งหมด 3 คน น้องสองคนเป็นฝาแฝดหญิงทั้งคู่ ชื่อ นางเจียม และ นางจอม
    เมื่อหลวงพ่ออายุได้ 5 ขวบ โยมมารดาก็ถึงแก่กรรม จึงต้องอยู่ในความเลี้ยงดูของโยมบิดาแต่ผู้เดียว ยามใดที่โยมบิดาไปทำไร่ไถนา ท่านต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องสาวฝาแฝดแทนถึง 2 คน นับเป็นความยากลำบากมากทีเดียว เพราะขณะนั้นท่านเองเพิ่งจะมีอายุ 5-6 ขวบเท่านั้น
    เมื่อท่านอายุได้ 8 ขวบ โยมบิดาพาไปฝาก หลวงพ่อขาบ วัดฤาชัย ที่ตำบลกุฎี ในอำเภอผักไห่ อันเป็นถิ่นกำเนิดของโยมบิดา เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ โดยที่หลวงพ่อเชิญเล่าเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อขาบ 2 ปี จนสามารถอ่านออกเขียนได้พอสมควร
    หลวงพ่อขาบขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี เห็นว่าหลวงพ่อเชิญเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร เฉลียวฉลาดและว่านอนสอนง่าย จึงนำไปฝาก พระครูบวรสังฆกิจ หรือ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเสนา
    หลวงพ่อเพิ่มองค์นี้เป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมสูงส่ง เชี่ยวชาญทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพียงพร้อมด้วยศีลจารวัตรเคร่งครัดพระธรรมวินัย นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ และเรืองวิทยาคมขลัง เนื่องจากเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ และ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อีกด้วย
    ดังนั้นหลวงพ่อเพิ่มจึงมีชื่อเสียงด้านแก้คุณแก้การกระทำทางไสยศาสตร์และรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ชื่อเสียงของหลวงพ่อเพิ่มสมัยนั้นจึงโด่งดังไม่ต่างกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่มีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเพิ่ม 5 ปี
    ในสมัยนั้นหลวงพ่อปานท่านมาพำนักที่วัดโคกทองเสมอ เมื่อปี พ.ศ.2467 หลวงพ่อเพิ่มสร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อปานยังมาช่วยยกเสาเอกให้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเพิ่มไม่เคยสร้างพระเครื่องไว้เลย ชนรุ่นหลังจึงไม่มีใครรู้จักท่าน
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อเพิ่มทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เพียงอย่างเดียวคือ แผ่นอิฐลงอาคมที่ก้นบ่อน้ำมนต์ 2 แผ่น อีกแผ่นหนึ่งเป็นของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งกล่าวกันว่าน้ำมนต์ในบ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อเชิญท่านนำมารดให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ
    บรรพชาและอุปสมบท หลวงพ่อเชิญมาอยู่วัดโคกทองคอยรับใช้หลวงพ่อเพิ่มอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติหน้าที่การงานอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความวิริยะอุตสาหะและเชื่อฟังคำสั่งสอนของหลวงพ่อเพิ่มเป็นอย่างดี
    หลวงพ่อเชิญบรรพยาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 16 ปี ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2466 หลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบทต่อโดยมิได้ลาสิกขา ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง ในวันที่ 1 มิถุนายน 2470 โดยมีพระอาจารย์องค์แรกคือ หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาเป็นภาษาบาลีจากพระอุปัชฌาย์ว่า "ปุญฺญสิริ"
    การศึกษาและพระปริยัติธรรม หลวงพ่อเชิญอุปสมบทอุปสมบทแล้วอยู่ช่วยหลวงพ่อเพิ่มบูรณะวัดโคกทองเรื่อยมา พร้อมกันนั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมโดยสอบได้นักธรรมตรีตั้งแต่เมื่อยังเป็นสามเณรในปี พ.ศ.2469 แล้วสอบได้นักธรรมโทในปีแรกที่อุปสมบท และอีก 8 พรรษาต่อมาจึงสอบได้นักธรรมเอก
    สาเหตุที่หลวงพ่อเชิญสอบได้นักธรรมเอกช้า เนื่องจากไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่ช่วยงานหลวงพ่อเพิ่มในการบูรณะพัฒนาวัดด้วยความอุตสาหะ ในปี พ.ศ.2474 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมที่ พระสมุห์เชิญ
    ปี พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมเอก พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็น พระปลัด ในปี พ.ศ.2480 ท่านจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนหลวงพ่อเพิ่ม ปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเสนา ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขก ดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด และเป็นผู้จัดสถานที่ให้กับคนเจ็บที่มารักษาตัว
    แม้แต่ศาสนกิจนอกวัดเกี่ยวกับราชการคณะสงฆ์ เทศนาตามกิจนิมนต์ หรือการเข้าประชุมตามพระเถระกำหนด และออกตรวจตราตามบริเวณวัดและสอบนักธรรมสนามหลวง ภารกิจเหล่านี้ตกอยู่กับท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น นับเป็นภารกิจที่หนักมาก แต่หลวงพ่อเชิญก็สามารถปฏิบัติด้วยความเรียบร้อยเสมอมาจวบจนหลวงพ่อเพิ่มถึงแก่กาลมรณภาพในปี พ.ศ.2491
    พ.ศ.2491 รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2492 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2505 เป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์จารย์
    พ.ศ.2511 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ราชทินนามที่ พระครูวิชัยประสิทธิคุณ
    พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
    พ.ศ.2522 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก
    พ.ศ.2524 สำนักนายกรัฐมนตรี ถวายพัดชั้นพิเศษในฐานะที่เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดโคกทอง (บวรวิทยา)
    พ.ศ.2532 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ประทานพัดพัฒนาที่มีผลงานดีเด่นแก่หลวงพ่อเชิญ
    การศึกษาพระเวทวิทยาคม หลวงพ่อเชิญเป็นพระอาจารย์ที่มีมากครูมากอาจารย์ เพราะท่านมีใจรักทางด้านพระเวทวิทยาคมมากกว่าการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม เมื่อได้รับการปูพื้นฐาน โดยที่ หลวงพ่อเพิ่ม เป็นพระอาจารย์องค์แรกที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้ อาทิ
    การศึกษาอักษรสมัยทั้งภาษาไทยและภาษาขอม การท่องบ่นมนต์คาถา การลงอักขระเลขยันต์ แพทย์แผนโบราณ ยาแก้กันกระทำคุณไสย์ นั่งเจริญสมาธิภาวนาพระกรรมฐาน ตลอดทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน มาตั้งแต่หลวงพ่อเชิญมีอายุเพียง 10 ขวบ
    ในคราวที่บวชเณรแล้วได้ติดตามหลวงพ่อเพิ่มไปซื้อซุงที่ชัยนาท ได้ไปกราบนมัสการ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อเชิญจึงโชคดีได้วิชาบางประการมาจากพระปรมาจารย์อันยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างหลวงปู่ศุข
    เมื่ออุปสมบทในพรรษาแรกก็ไปขึ้นพระกรรมฐานกับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก แล้วเดินทางไป ๆ มา ๆ ร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อจงมากมายเป็นระยะเวลาหลายปี
    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สหายทางธรรมของหลวงพ่อเพิ่ม ชอบมาพำนักที่วัดโคกทอง หลวงพ่อเชิญก็ฝากตัวเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้แล้วติดตามพายเรือไปส่งและพักเรียนวิชาที่วัดบางนมโคเป็นประจำ
    ในปี พ.ศ.2473 หลวงพ่อเพิ่มพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่านคือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อกลั่นชราภาพมากแล้ว
    ในปี พ.ศ.2482 หลวงพ่อเชิญเกิดอาพาธด้วยโรคตาอักเสบจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพักรักษาตัวอยู่กับ หลวงปู่กล้าย วัดหงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ เลยได้รับการแนะนำวิชาการต่าง ๆ จากหลวงปู่กล้ายอีกรูปหนึ่ง
    ขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวลานั้นวัสดุก่อสร้างขาดแคลน การบูรณะวัดก็หยุดชะงักลง หลวงพ่อเชิญจึงถือโอกาสเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณว่าด้วยสาขาเวชกรรมกับ ครูนพ ที่โรงเรียนประทีป ตลาดพลู เป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน
    นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์เรืองวิชาที่มีชื่อเสียงในอยุธยาที่หลวงพ่อเชิญเคยไปขอศึกษาวิชามาก็มี หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน หลวงพ่อแจ่ม วัดบัวหัก และหลวงพ่อแพ วัดกลางคลอง ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองวิชาทั้งสิ้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญเสาร์ ๕ หลวงพ่อเชิญวัดโคกทองหลังยันต์เกราะเพชรปี๒๕๓๓
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240927_195605.jpg IMG_20240927_195519.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...