เจ้าแม่กวนอิม เทียนฟ้า: พลังแห่งความเมตตาและสุขภาพอันเป็นมงคล เจ้าแม่กวนอิม หรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ถือเป็นเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงและได้รับการเคารพบูชาอย่างแพร่หลายในหมู่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน องค์เจ้าแม่กวนอิมเป็นที่รู้จักกันในฐานะของสัญลักษณ์แห่งความเมตตาและความกรุณา และในประเทศไทยก็มีสถานที่ที่เจ้าแม่กวนอิมได้รับการเคารพบูชาอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ มูลนิธิเทียนฟ้า ที่ประดิษฐาน เจ้าแม่กวนอิม เทียนฟ้า ซึ่งเป็นองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 800 ปี เจ้าแม่กวนอิม เทียนฟ้า: ศิลปะที่เหนือกาลเวลา องค์เจ้าแม่กวนอิมที่ประดิษฐานอยู่ที่มูลนิธิเทียนฟ้านั้นสร้างขึ้นจาก ไม้จันทน์แกะสลัก โดยรูปแบบขององค์พระเป็นศิลปะจากยุคราชวงศ์ถัง แต่สันนิษฐานว่าอาจสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งทำให้องค์เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีอายุมากกว่า 800-900 ปี การอัญเชิญองค์เจ้าแม่กวนอิมจากประเทศจีนมายังมูลนิธิเทียนฟ้าในปี พ.ศ. 2501 เป็นการกระทำที่สะท้อนถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของผู้คนที่ต้องการได้รับพรแห่งความกรุณาและความคุ้มครอง วัตถุมงคลแห่งสุขภาพ ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิมที่มูลนิธิเทียนฟ้าโดดเด่นในเรื่องของการ ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และการให้พรให้ผู้ที่มาสักการะมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ผู้คนจำนวนมากนิยมมาขอพรจากองค์เจ้าแม่กวนอิมเพื่อป้องกันและรักษาโรคภัย ทั้งร่างกายและจิตใจ การมอบความศรัทธาและความเคารพต่อเจ้าแม่กวนอิมนี้ถือเป็นการสร้างบุญกุศลและเป็นการปัดเป่าความทุกข์ยากต่างๆ ในชีวิต วิธีการสักการะและขอพร ผู้ที่ต้องการขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมควรทำการ จุดธูปเทียน และ ถวายดอกไม้ หรือผลไม้ที่เป็นมงคล เมื่อสักการะเสร็จ ควรตั้งจิตให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิแล้วกล่าวอธิษฐานขอพรโดยมุ่งเน้นที่การขอให้สุขภาพแข็งแรงและปราศจากโรคภัย การกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้น เป็นที่เชื่อกันว่าจะได้รับพรจากองค์ท่านและคุ้มครองให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายต่างๆ ความเมตตาแห่งเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่กวนอิมไม่ได้เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความเมตตาและกรุณาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่พึ่งพิงของผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้คนเชื่อว่าท่านพร้อมที่จะช่วยเหลือและปัดเป่าความทุกข์ทรมานของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหมายลึกซึ้งของความเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยึดถือในหลักความเมตตาอย่างเต็มที่ เจ้าแม่กวนอิม เทียนฟ้า ที่ประดิษฐาน ณ มูลนิธิเทียนฟ้า เป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาและความเมตตาที่ชาวไทยเชื้อสายจีนเคารพสักการะ การอธิษฐานขอพรจากองค์ท่านไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของสุขภาพที่แข็งแรงและการปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ แต่ยังเสริมสร้างความสงบสุขและความสบายใจแก่ผู้ที่ศรัทธา FB=มูลนิธิเทียนฟ้า https://hlpvirtualtour.com/kuan-yim-shrine-thian-fa-foundation/#
หลวงพ่อทศพล วัดหนองตะแบก ระยอง =========================== ในสังคมไทย พุทธศาสนามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับวิถีชีวิตของผู้คนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในสิ่งสำคัญที่เป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาคือ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายของความเมตตา ความสงบ และการปกป้องคุ้มครอง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ เช่นเดียวกับ หลวงพ่อทศพล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่ง วัดหนองตะแบก จังหวัดระยอง ที่ได้รับการเคารพบูชามาอย่างยาวนาน หลวงพ่อทศพล: ศูนย์กลางแห่งความศรัทธา หลวงพ่อทศพล เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐาน ณ วัดหนองตะแบก จังหวัดระยอง ตั้งแต่ยุคก่อนปี พ.ศ. 2509 ก่อนที่ทางวัดจะนิมนต์องค์หลวงพ่อขึ้นไปประดิษฐานบนศาลาการเปรียญ เพื่อให้สะดวกต่อการกราบไหว้และอธิษฐานขอพรของชาวบ้านและผู้ที่มาเยี่ยมเยียน ว่ากันว่า หลวงพ่อทศพล มีความเมตตาและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ทำการขอพรด้วยความบริสุทธิ์ใจ การกราบไหว้บูชาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการได้รับพรตามปรารถนา วิธีการสักการะและขอพร เพื่อให้ได้รับพรจากหลวงพ่ออย่างเต็มที่ ต้องมีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง เริ่มต้นด้วยการสมาทานเบญจศีลและเจริญกรรมฐาน เพื่อให้จิตใจสงบนิ่ง และอุทิศบุญกุศลแก่พระรัตนตรัยและบุคคลผู้มีพระคุณ จากนั้นจึงทำการอธิษฐานขอพรตามที่ต้องการ หลักการแห่งการให้ หลักธรรมที่ซ่อนอยู่ในกระบวนการขอพรนี้ สะท้อนถึงความสำคัญของการเป็น "ผู้ให้" มากกว่า "ผู้รับ" การให้ด้วยการภาวนาถือเป็นทานที่มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ การภาวนาจึงถูกเปรียบเหมือนการถวายวัตถุทานอันเลิศรส ก่อนที่เราจะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ควรเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ให้เสียก่อน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เช่น หลวงพ่อทศพล วัดหนองตะแบก เป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความเชื่อของชาวไทยที่สืบทอดต่อกันมา การกราบไหว้บูชาด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ที่มาขอพรได้รับสิ่งที่ปรารถนาเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความสงบสุขและสติปัญญาให้เกิดขึ้นในจิตใจ ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก FB=วัดหนองตะแบก จ.ระยอง
หลวงพ่อโต (ซำปอกง) วัดอุภัยภาติการาม: ตำนานความศรัทธาแห่งเมืองฉะเชิงเทรา ========================================================= หากท่านผู้อ่านมีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดฉะเชิงเทรา อย่าลืมแวะสักการะ "วัดอุภัยภาติการาม" หนึ่งในวัดที่มีความสำคัญและเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยวิหารแห่งนี้มีศิลปะแบบจีนโบราณอันงดงาม อีกทั้งยังเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียง "พระพุทธไตรรัตนนายก" หรือ "หลวงพ่อโต" ที่คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวให้ความเคารพบูชาเป็นอย่างมาก จุดเริ่มต้นของความศรัทธา เรื่องราวของวัดอุภัยภาติการามเริ่มขึ้นเมื่อมีชาวจีนสองพ่อลูกที่คาดว่าน่าจะอพยพมาจากเวียดนาม ได้ตั้งรกรากที่ตลาดบ้านใหม่ ในเมืองแปดริ้วหรือฉะเชิงเทรา หลังจากการกราบสักการะ "หลวงพ่อโต" หรือ "เจ้าพ่อซำปอกง" ณ วัดพนัญเชิงวรวิหาร เมืองอยุธยา พวกเขากลับมาพร้อมความศรัทธาและโชคลาภทางการค้าขายที่เจริญรุ่งเรือง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้สร้างองค์หลวงพ่อโตจำลองขึ้นในที่ดินของตนเอง เพื่อเป็นเครื่องสักการะแด่องค์พระศักดิ์สิทธิ์ การสร้างวัดและพระพุทธรูปที่ทรงคุณค่า ต่อมาในปี พ.ศ. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมราษฎรที่ตลาดบ้านใหม่ และทรงทอดพระเนตรเห็นองค์พระพุทธรูปที่ชาวบ้านสร้างขึ้น ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดขึ้นโดยพระราชทานนามว่า "วัดอุภัยภาติการาม" และพระราชทานนามให้กับองค์พระพุทธรูปว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ที่ 3 ที่ได้รับพระราชทานนามนี้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เที่ยวชมวัดอุภัยภาติการาม การมาเยือนวัดอุภัยภาติการาม เริ่มต้นด้วยการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวิหารศิลปะแบบจีนโบราณ ที่ประดิษฐานองค์เทพเจ้าและพระพุทธรูปสำคัญ อย่างองค์ "พระพุทธไตรรัตนนายก" หรือ "หลวงพ่อโต" ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้านในเรื่องการขอพรเพื่อสุขภาพ ความเจ็บไข้ และความโชคดี นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อกันว่าสามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ การเยี่ยมชมวัดอุภัยภาติการามไม่เพียงแต่เป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์และความศรัทธาที่คนในอดีตส่งต่อมายังปัจจุบัน ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก FB วัดอุภัยภาติการาม หลวงพ่อโต ซำปอกง
✨ พระแก้วมรกต: พระคู่บ้านคู่เมืองสยาม ✨ "พระแก้วมรกต" ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่แผ่นดินสยามมานานนับศตวรรษ พระคู่บ้านคู่เมืองที่นำพาความเจริญรุ่งเรืองและความสงบร่มเย็นให้แก่ประเทศชาติ พระคู่บ้าน...ตำนานเมือง พระแก้วมรกตไม่เพียงแต่เป็นเครื่องหมายแห่งความศรัทธาของประชาชน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่และความเกรียงไกรของสยามรัฐ ทำให้ศัตรูต้องยำเกรงในยามศึกสงคราม และให้ฤกษ์ชัยแก่ปวงชนในยามบ้านเมืองต้องการพลังศรัทธา ประณตน้อม...ค้อมกราบกราน ชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างมาสักการะพระแก้วมรกตด้วยความเคารพ ส่องประกายแห่งความรุ่งเรืองและความสุขให้แก่แผ่นดิน ✨ พระแก้วมรกต: ส่องใสแวว แกล้วเกรียงไกร เคียงคู่ไทยตลอดกาล ขอพระบารมี พระแก้วมรกต คุ้มครองแผ่นดินไทยให้สงบร่มเย็น และนำพาความสำเร็จมาสู่ทุกคน #พระแก้วมรกต #ศูนย์รวมใจไทย #พระคู่บ้านคู่เมือง #สยามรัฐ #พระศักดิ์สิทธิ์
ย้อนตำนาน "สมเด็จเจ้าเกาะยอ" เทพเจ้าแห่งสงขลา หากกล่าวถึงหนึ่งในบุคคลสำคัญในวงการพระพุทธศาสนาภาคใต้ของไทย "สมเด็จเจ้าเกาะยอ" หรือที่รู้จักในนาม "พระราชมุนีเขากุฏิ" เป็นหนึ่งในพระเถระที่มีประวัติและผลงานที่น่าทึ่งที่สุด ท่านเป็นบุตรคนที่ 2 ของนายคำมีและนางแก้ว เกิดในตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ครั้งเมื่อเกิดมากลางฝ่ามือของท่านมีรูปดอกบัวสีขาวซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เมื่ออายุครบ 20 ปี ตาของท่านได้นำท่านไปบวชเรียนที่วัดต้นปาบ โดยมี "พระอธิการอ่ำ" เป็นผู้ทำพิธีอุปสมบทให้ ท่านจำพรรษาและศึกษาเล่าเรียนธรรมะอยู่ที่วัดนี้ถึง 7 พรรษา ก่อนที่จะเริ่มต้นการเดินธุดงค์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวนานและเรื่องราวที่กลายเป็นตำนาน การธุดงค์และปาฏิหาริย์ สมเด็จเจ้าเกาะยอออกเดินธุดงค์ไปยังวัดสุวรรณคีรี ตำบลหัวเขา และใช้เวลาอีก 6 พรรษาในการศึกษาและเผยแผ่ธรรมะ จากนั้นท่านได้เดินทางต่อไปยังวัดบางโหนด และในที่สุดท่านได้มุ่งหน้าไปยังเมืองสทิงพระเพื่อพบกับ "สมเด็จเจ้าพะโคะ" หรือ "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ผู้ซึ่งกลายมาเป็นสหายธรรมะคนสำคัญ มีตำนานกล่าวไว้ว่าในระหว่างที่สมเด็จเจ้าเกาะยอและหลวงปู่ทวดกำลังสนทนาธรรมกัน สมเด็จเจ้าเกาะยอได้ตั้งสัจอธิษฐาน หากทั้งสองเคยสร้างบารมีร่วมกันมา ขอให้หลวงปู่ทวดนั่งบนพรมสีแดง และสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อหลวงปู่ทวดนั่งอยู่บนพรมสีแดงจริง ๆ! การสร้างบุญบารมีร่วมกับสมเด็จเจ้าทั้งสี่ หลังจากการพบปะกับหลวงปู่ทวด สมเด็จเจ้าเกาะยอยังได้เดินทางไปพบกับ "สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่" และ "สมเด็จเจ้าท่าเภา" ทั้งสี่ท่านได้ร่วมกันธุดงค์และสนทนาธรรม ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามวิถีของแต่ละคน โดยสมเด็จเจ้าเกาะยอได้มุ่งหน้ากลับไปยังเกาะยอ บ้านแหลมพ้อ ตำบลเกาะยอ และได้ปักกลดจำพรรษาอยู่ที่เขากุฏิ ซึ่งท่านได้รับนิมิตจากสมเด็จพระพุทธเจ้าให้สร้างพระพุทธรูปที่ยอดเขา และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สมณศักดิ์และชื่อเสียงที่ลือลั่น เมื่อกิตติศัพท์ของท่านแพร่ไปถึงกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเอกาทศรถได้ทรงเห็นถึงบุญญาธิการของสมเด็จเจ้าเกาะยอ และได้พระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระราชมุนีเขากุฏิ" ชาวบ้านทั่วไปจึงนิยมเรียกท่านว่า "สมเด็จเจ้าเกาะยอ" หรือ "สมเด็จเจ้าเขากุฏิ" เรื่องราวของสมเด็จเจ้าเกาะยอไม่เพียงเป็นตำนานที่สะท้อนถึงความศรัทธาและความเพียรพยายามในพระพุทธศาสนา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังได้หวนรำลึกถึงคุณธรรมอันสูงส่งของพระสงฆ์ที่เคยดำรงอยู่ในแผ่นดินไทย ด้วยความศรัทธาและเคารพ สมเด็จเจ้าเกาะยอจะยังคงเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่คนไทยภาคภูมิใจ หากใครได้มีโอกาสไปเยือนเกาะยอ จังหวัดสงขลา อย่าลืมแวะสักการะพระพุทธรูปที่เขากุฏิ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวกันนะครับ/ค่ะ ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก องค์การบริหารตำบลเกาะยอ https://kohyor.go.th/travel/detail/450
หลวงพ่อวัดไร่ขิง: ศรัทธาและปาฏิหาริย์ หลวงพ่อวัดไร่ขิง พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม มีขนาดใหญ่และงดงามด้วยสไตล์การออกแบบที่ผสมผสานระหว่างศิลปะสุโขทัยและรัตนโกสินทร์ พระพักตร์ที่สง่างามและนิ้วเรียวที่วิจิตรงดงาม ทำให้ผู้คนที่มาสักการะหลงใหลในความงามและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ตำนานที่สืบทอดมา หลวงพ่อวัดไร่ขิงมีตำนานที่เล่าขานถึง 4 ตำนาน โดยตำนานที่โดดเด่นคือการที่พระพุทธรูปองค์นี้ลอยน้ำมาจากแม่น้ำท่าจีน แล้วแสดงปาฏิหาริย์ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง ชาวบ้านเชื่อกันว่าท่านนำพาความร่มเย็นและความสุขมาสู่ผู้ที่ศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์และการขอพร หลวงพ่อวัดไร่ขิงมีชื่อเสียงในด้านความศักดิ์สิทธิ์ที่ลือชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันภัย แคล้วคลาด คงกระพัน และรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ผู้คนที่มาขอพรจากท่านจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอน โดยตั้งนะโม 3 จบ และสวดพระคาถาบูชา ท่านยังได้รับการนับถืออย่างกว้างขวางในเรื่องการขอพรแล้วสมปรารถนา หลายคนจึงมักจุดประทัดหรือถวายว่าวเพื่อแก้บน งานนมัสการประจำปี ทุกปี วัดไร่ขิงจะจัดงานนมัสการหลวงพ่อถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ผู้ศรัทธาได้มีโอกาสสักการะบูชา และปิดทองหลวงพ่อวัดไร่ขิง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนและวันออกพรรษา หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนนครปฐม อย่าลืมมาสักการะหลวงพ่อวัดไร่ขิงที่วัดไร่ขิง เพื่อน้อมรับพรและความเป็นสิริมงคลสู่ชีวิตของคุณและครอบครัว ❤️ #หลวงพ่อวัดไร่ขิง #วัดไร่ขิง #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #นครปฐม #สักการะ #บูชา ที่มาของข้อมูลและรูปภาพ https://www.nakhonpathom.go.th/travel_top10/detail/7
✨ "หลวงพ่อเหลือ" วัดหงษ์ จ.พิจิตร: ตำนานแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และอิทธิปาฏิหาริย์ ✨ หลวงพ่อเหลือ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่ที่ วัดหงษ์ ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร ท่านมีพุทธลักษณะอันโดดเด่น ฐานกว้าง 96 นิ้ว สูง 133 นิ้ว สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย และมีเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์มากมายที่เล่าขานกันไม่รู้จบ ย้อนกลับไปใน ปี พ.ศ. 2440 ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันย้ายวัดร้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกน้ำพัดจนพัง และในปี พ.ศ. 2472 ได้อัญเชิญหลวงพ่อเหลือจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน มาประดิษฐานที่วัดหงษ์ในปัจจุบัน การอัญเชิญท่านนั้นมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่อเชือกที่ใช้ดึงล้อไม้ขาด แต่ล้อไม้กลับไม่เคลื่อนที่ เป็นที่น่าประหลาดใจแก่ชาวบ้านและเพิ่มความศรัทธาต่อหลวงพ่อเหลืออย่างมาก ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเหลือ ชาวบ้านมักมากราบไหว้บนบานขอพร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคัดเลือกทหาร การหาของหาย หรือขอให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ และเมื่อได้สมหวังแล้วก็จะมาแก้บนด้วยน้ำพระพุทธมนต์ หลายคนเชื่อว่า หากท่านบนหลวงพ่อเหลือไว้ จะได้รับพรสมหวังทุกประการ ใครที่มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดพิจิตร อย่าลืมแวะมากราบสักการะบูชาหลวงพ่อเหลือที่วัดหงษ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ✨ #หลวงพ่อเหลือ #วัดหงษ์ #ศักดิ์สิทธิ์ #ตำนานพิจิตร #ศรัทธา #อิทธิปาฏิหาริย์ #ขอพร ที่มาข้อมูลและรูปภาพ FB=เที่ยวเมืองพิจิตร
✨ "หลวงพ่อลอย" พระพุทธรูปลอยน้ำ ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธา ✨ หลวงพ่อลอย พระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์จากสมัยเชียงแสน อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ได้แสดงปาฏิหาริย์ที่สร้างความศรัทธาให้กับชาวบ้านจนถึงทุกวันนี้! ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อได้ลอยน้ำมาติดอยู่ที่กอไผ่ในแม่น้ำยม จ.อุตรดิตถ์ และได้เข้าฝันสองตายายซึ่งค้าขายทางเรือให้ช่วยนำท่านขึ้นมา จากความฝันซ้ำถึงสามครั้ง ทั้งสองตายายจึงไปตามที่ฝัน และพบหลวงพ่อจริง ๆ หลังจากนั้น การค้าขายของพวกเขาก็ดีขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ต่อมาหลวงพ่อได้ถูกส่งต่อไปยังนายเสริมและแม่นิด ครอบครัวหนึ่งที่เฝ้าดูแลท่าน และระหว่างที่อยู่กับครอบครัวนี้ หลวงพ่อก็แสดงปาฏิหาริย์ช่วยปกป้องจากโจรหลายครั้ง จนทำให้ชาวบ้านศรัทธาและนับถือท่านอย่างมาก เมื่อเวลาผ่านไป นายเสริมได้เสียชีวิตลง แม่นิดจึงพยายามจะนำหลวงพ่อไปไว้ตามวัดต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรี แต่เกิดอาเพศขึ้นทุกครั้ง เช่น ยกไม่ขึ้นบ้าง ฝนตกไม่หยุดบ้าง จนกระทั่งได้รู้จักกับแม่วาด ผู้สร้างวัดท่าขาหยั่ง ซึ่งแม่วาดได้ทำพิธีเสี่ยงทาย จนแน่ใจว่าหลวงพ่ออยากประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าขาหยั่ง ✨ ปี พ.ศ. 2489 หลวงพ่อได้ถูกอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ไปยังวัดท่าขาหยั่ง ระหว่างทางเกิดอาเพศ ฟ้าร้อง มืดฟ้ามัวดิน แต่ฝนกลับไม่ตกจนกระทั่งท่านประดิษฐานเสร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น! ☔ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อลอยยังคงเป็นที่เล่าขานต่อกันมา ชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธาต่างมากราบไหว้บูชา ขอพรให้ท่านช่วยคุ้มครองและนำพาชีวิตไปในทางที่ดี วัดท่าขาหยั่ง จ.จันทบุรี ใครมีโอกาสแวะไป อย่าลืมไปสักการะหลวงพ่อลอยเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตนะครับ/ค่ะ! #หลวงพ่อลอย #วัดท่าขาหยั่ง #ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธา #ตำนานพุทธศาสนา #ศักดิ์สิทธิ์ #อิทธิปาฏิหาริย์ #ความเชื่อ ที่มาข้อมูลและรูปภาพ FB=หลวงพ่อลอย วัดเทพขาหยั่ง จันทบุรี
✨ หลวงพ่อวัดน้ำรอบ: พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ แห่งวัดโคกกลอย จ.พังงา ✨ หากใครได้ผ่านมาที่วัดไตรมารคสถิต (วัดโคกกลอย) อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา อย่าพลาดโอกาสในการมากราบไหว้ "หลวงพ่อวัดน้ำรอบ" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเล่าขานถึงอภินิหารมานับร้อยปี หลวงพ่อวัดน้ำรอบ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยปูนปั้นปิดทองขนาดหน้าตัก 98 ซม. สูง 146 ซม. ซึ่งมีประวัติการค้นพบที่น่าอัศจรรย์ เดิมทีท่านเป็นเศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยาที่ถูกดินถมทับนานหลายสิบปี จนวันหนึ่งฝนตกหนักและเกตุของท่านโผล่ขึ้นมาให้ชาวบ้านพบ เมื่อชาวบ้านทราบจึงช่วยกันขุดขึ้นมาและสร้างองค์ท่านขึ้นใหม่ ผู้คนในพื้นที่ศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก มีการบนบานขอพรในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางหรือการค้าขาย ซึ่งหลายคนเชื่อว่าหากขอพรจากหลวงพ่อแล้ว จะได้รับความปลอดภัยและโชคลาภสมหวัง ✨ ในอดีตและปัจจุบัน มีวิธีการบนบานหลวงพ่อหลายรูปแบบ ทั้งการจุดประทัด ห่มผ้าขาวม้าสีแดง และปิดทอง ชาวบ้านเล่ากันว่าเคยมีผู้ที่นั่งสมาธิต่อหน้าหลวงพ่อ แล้วเกิดอาการคล้ายเสือแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอย่างน่าประหลาดใจ ใครที่มีโอกาสแวะเวียนมาวัดโคกกลอย ลองมากราบไหว้สักการะหลวงพ่อวัดน้ำรอบกันนะครับ ขอพรให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองและปลอดภัยกันถ้วนหน้า ❤️ #หลวงพ่อวัดน้ำรอบ #วัดไตรมารคสถิต #วัดโคกกลอย #พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ #พังงา #เรื่องเล่าความศักดิ์สิทธิ์ #ศรัทธา ที่มาข้อมูลและรูปภาพ FB=พระเครื่อง&เครื่องรางของขลัง
✨ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร: สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาแห่งสิงห์บุรี ✨ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ใน ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี สถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ วัดนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา แม้ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน แต่มีเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไทยว่า พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และ รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมานมัสการและบูรณะสถานที่แห่งนี้ด้วยความเคารพ พระนอนจักรสีห์ พระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 47 เมตร 42 เซนติเมตร จัดว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย! ด้วยพระพุทธลักษณะที่อ่อนช้อย งดงาม และความยิ่งใหญ่ พระนอนจักรสีห์จึงกลายเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่และผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ที่มากราบไหว้ขอพรให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีๆ ความเชื่อ ที่ถูกส่งต่อมาช้านานคือ หากท่านมาขอพรจากพระนอนจักรสีห์ แล้วประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง ท่านสามารถกลับมาแก้บนด้วยสิ่งของ เช่น ไข่ต้ม หัวหมู หรือบายศรี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการขอบคุณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยดลบันดาลให้ทุกความปรารถนาสำเร็จลุล่วง หากใครที่กำลังมองหาที่พึ่งทางใจ หรืออยากมาสักการะบูชาสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธา วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร คือหนึ่งในสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดค่ะ ✨ #วัดพระนอนจักรสีห์ #สิงห์บุรี #สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ #ไหว้พระขอพร #ท่องเที่ยวไทย ข้อมูลและที่มาของรูปภาพ https://www.singburi.go.th/_2017/frontpage
ตำนานเซียนแป๊ะโค้ว ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งหัวตะเข้ ✨ เรื่องเล่าขานถึงอภินิหารของ "เซียนแป๊ะโค้ว" แห่งหัวตะเข้ ผู้มีบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านต่างนับถือ ท่านสามารถช่วยเหลือผู้ถูกผีสิงได้โดยวิธีแปลกและน่าอัศจรรย์ ท่านใช้ธงวาดวงในอากาศเพื่อขังวิญญาณ และพูดคุยสั่งสอนพร้อมกับทำบุญอุทิศให้วิญญาณนั้นไปเกิด ทำให้คนที่ถูกผีเข้าสามารถหายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ✨ หนึ่งในตำนานที่ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือการช่วยชีวิตเด็กที่ถูกจระเข้คาบลงน้ำ ท่านบริกรรมคาถาและเรียกจระเข้กลับมา เมื่อจระเข้คายเด็กออกมา เด็กคนนั้นยังมีชีวิตรอดอย่างปาฏิหาริย์! จนทำให้ชาวบ้านต่างนับถือท่านเป็นอย่างมาก และทำให้สถานที่นั้นถูกเรียกว่า "หัวตะเข้" มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อท่านละสังขารด้วยท่านั่งสมาธิ ร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย ชาวบ้านจึงนำร่างของท่านมาประดิษฐานให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา เชื่อว่าท่านยังคงปกปักรักษาและส่งเสริมให้ชีวิตของผู้ที่นับถือเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป ศรัทธาในเซียนแป๊ะโค้วยังคงสว่างไสว ราวกับแสงแห่งปัญญาและเมตตาที่ไม่มีวันมืดดับ ขอพรจากเซียนแป๊ะโค้ว ผู้คุ้มครองให้พ้นจากทุกข์ภัยและให้ชีวิตมีแสงสว่างอยู่เสมอ #เซียนแป๊ะโค้ว #ตำนานหัวตะเข้ #เรื่องเล่าศักดิ์สิทธิ์ #บารมีเซียน #อภินิหารเซียน ที่มาข้อมูลและรูปภาพ องค์เซียนแปะโค้ว หัวตะเข้ แบ่งปันบารมี
พระเจ้าตนหลวง: มรดกศรัทธาแห่งล้านนาและศรีพะเยา พระเจ้าตนหลวง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชาวพะเยา พระพุทธรูปองค์นี้มีความสำคัญไม่เพียงแต่ในฐานะพระประธานในวิหารวัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา แต่ยังเป็นพุทธศิลป์ที่ทรงคุณค่าในสกุลช่างเชียงแสน ปางมารวิชัย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2034 ในรัชสมัยของพญายอดเชียงราย กษัตริย์ล้านนาและสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าตนหลวงนับเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนล้านนา ขนาดองค์พระสูงใหญ่ถึง 32 ศอก ปิดทองอย่างงดงาม ทำให้เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองพะเยา ตำนานแห่งพระเจ้าตนหลวง ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดสัตว์ในดินแดนสุวรรณภูมิ พระองค์ได้เสด็จมาถึงเมืองพะเยา ทรงพบยักษ์ที่ไล่ตามพระองค์เพราะความหิวโหย แต่หลังจากพระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทบนแผ่นหิน ยักษ์ได้สำนึกในพลังแห่งพระบารมีและรับศีลห้า กลายเป็นผู้เคารพในพระธรรม อีกทั้งในระหว่างการเดินทาง พระพุทธเจ้าได้พบกับตายายสองผัวเมียที่ถวายพลูและครกหินตำหมาก พระองค์ได้ทำนายว่า สถานที่นี้จะกลายเป็นแหล่งศรัทธา และในอนาคตจะมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่สร้างขึ้นตรงนี้ หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ตำนานเล่าว่าพญานาคธุมมสิกขี ได้ช่วยเหลือตายายสองผัวเมียผู้ที่เคยถวายพลู สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระเจ้าตนหลวงจึงถือกำเนิดขึ้นด้วยความศรัทธาของประชาชนที่ร่วมกันสร้าง โดยใช้เวลาถึง 33 ปีในการปั้นองค์พระจนเสร็จสมบูรณ์ กว๊านพะเยาและศรัทธาที่ไม่มีวันสิ้นสุด เดิมทีพระเจ้าตนหลวงประดิษฐานอยู่บริเวณหนองเอี้ยง แต่ในปี พ.ศ. 2482 เมื่อมีการสร้างประตูกั้นน้ำ น้ำจากแม่อิงและลำห้วยต่าง ๆ เอ่อล้นท่วมหนองเอี้ยง กลายเป็นบึงขนาดใหญ่ที่เรียกว่ากว๊านพะเยา ทำให้พระเจ้าตนหลวงประดิษฐานอยู่ริมกว๊านพะเยา และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาที่ไม่มีวันสิ้นสุด เทศกาลแปดเป็งและการสืบสานศรัทธา ทุกปีในเดือนหก หรือเดือนพฤษภาคม ตรงกับสัปดาห์วิสาขบูชา จังหวัดพะเยาจัดงานนมัสการพระเจ้าตนหลวง หรือที่เรียกว่า "เทศกาลแปดเป็ง" ซึ่งหมายถึงวันเพ็ญเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติแบบล้านนา ในช่วงนี้ ชาวพะเยาและผู้แสวงบุญจากทั่วทุกสารทิศจะมาร่วมทำบุญฉลององค์พระเจ้าตนหลวง ภายในวัดศรีโคมคำ นอกจากการทำบุญกลางวันแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการออกร้านและมหรสพในช่วงกลางคืน นอกจากนี้ ในสัปดาห์วิสาขบูชา วัดติโลกอาราม ซึ่งจมอยู่ใต้กว๊านพะเยา ยังมีการจัดพิธีเวียนเทียนกลางน้ำ เป็นประเพณีที่หาดูได้ยากยิ่งและถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเทศกาลนี้ นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมทั้งความงามของพระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ และร่วมพิธีเวียนเทียนกลางน้ำได้ในช่วงเวลาเดียวกัน พระเจ้าตนหลวง: สัญลักษณ์ศรัทธาของจังหวัดพะเยา ด้วยความสำคัญทางศาสนาและศิลปะ พระเจ้าตนหลวงจึงได้รับการอัญเชิญไว้ในตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดพะเยา ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงศรัทธาและความเคารพในพระพุทธศาสนาของชาวพะเยาที่สืบทอดมาหลายร้อยปี พระเจ้าตนหลวงเป็นเครื่องหมายแห่งความศักดิ์สิทธิ์และการดำรงอยู่ของพุทธศาสนาในภาคเหนือของไทย "ขอพระเจ้าตนหลวงโปรดคุ้มครองให้ท่านทั้งหลายและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม สาธุ" ขอมูลและรูปภาพจากwiki
พระธาตุศรีสองรัก: สักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีของสองอาณาจักร สาธุ! ขอเชิญทุกท่านร่วมรำลึกถึงพระธาตุศรีสองรัก อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ท่านที่มุ่งหมายสู่ความสงบเย็นทางจิตวิญญาณ คงไม่พลาดที่จะได้ยินถึงเรื่องราวของพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์และความเชื่อของชาวไทยและลาว นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2103 ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง และพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา องค์พระธาตุนี้เปรียบเสมือนดั่ง “สักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี” ของสองอาณาจักรที่รวมกำลังกันเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของพม่าในยุคที่พม่ากำลังแผ่อำนาจไปทั่วทั้งภูมิภาค และเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการให้สัตย์ว่า ทั้งสองฝ่ายจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน ด้วยสัจจะไมตรีนี้ กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้ร่วมกันสร้างองค์พระธาตุศรีสองรักขึ้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคี ความเชื่อและข้อปฏิบัติในการบูชาองค์พระธาตุ ผู้ที่ศรัทธาในพระธาตุศรีสองรักนั้น มีข้อควรปฏิบัติที่ถือเป็นกุศลที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน นั่นคือ ผู้มาเยือนจะต้องไม่สวมเสื้อผ้าหรือพกพาของใช้สีแดงเข้าไปยังบริเวณองค์พระธาตุ เนื่องจากสีแดงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการนองเลือด และพระธาตุศรีสองรักถูกสร้างขึ้นในฐานะสัญลักษณ์ของสันติภาพและไมตรีธรรม การปฏิบัตินี้จึงเสมือนการระลึกถึงคำสัตย์ที่กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้กระทำไว้ สถาปัตยกรรมศักดิ์สิทธิ์ และตำนานเรื่องเล่าที่ลึกลับ พระธาตุศรีสองรักมีลักษณะสถาปัตยกรรมศิลปะล้านช้าง องค์พระธาตุสูง 19.19 เมตร ฐานกว้าง 10.89 เมตร ฐานของพระธาตุเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสอง ลักษณะขององค์ระฆังทรง "บัวเหลี่ยม" อันเป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ในลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ว่าจะเป็นพระธาตุพนมหรือพระธาตุหลวง ในเวียงจันทน์ พระธาตุศรีสองรักถูกสร้างขึ้นเป็นอุเทสิกเจดีย์ที่อุทิศถวายแด่พระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และมีตำนานเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับองค์พระธาตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ “นายมั่นนายคง” ผู้ซึ่งอุทิศตนเพื่อเฝ้าพระธาตุตลอดกาล และตำนานของเจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม วิญญาณคู่รักที่ถูกกีดกัน ซึ่งกล่าวว่าทั้งสองได้สละชีพในอุโมงค์ภายในองค์พระธาตุและเฝ้าปกปักรักษาพระธาตุศรีสองรักมาจนถึงปัจจุบัน วันสมโภชและประเพณีสำคัญ ในทุกๆ ปี วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ถือเป็นวันที่สำคัญสำหรับชาวด่านซ้ายและผู้ศรัทธาทั้งหลาย ที่จะรวมตัวกันมาสมโภชองค์พระธาตุศรีสองรัก พร้อมทั้งนำ “ต้นผึ้ง” หรือ “ต้นดอกเผิ่ง” มาถวายบูชา ซึ่งต้นผึ้งนี้มีการประดิษฐ์อย่างประณีต ทำจากโครงไม้ไผ่แล้วตกแต่งด้วยดอกเทียน และถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการบูชาองค์พระธาตุ งานสมโภชนี้เป็นงานที่แสดงถึงความศรัทธาและความร่วมใจของชุมชนอย่างแท้จริง มรดกทางจิตวิญญาณ และการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล พระธาตุศรีสองรักเป็นสถานที่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้ศรัทธามาเนิ่นนาน ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีของสองอาณาจักรในอดีต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้คนในปัจจุบัน ทุกครั้งที่เดินทางมาสักการะพระธาตุศรีสองรัก เราควรมีจิตที่บริสุทธิ์ สำรวมกาย วาจา ใจ พร้อมอธิษฐานขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และเพื่อความสุขสงบในจิตใจของเราเอง ด้วยความศรัทธาในพุทธศาสนา และความเชื่อมั่นในอำนาจแห่งสัจจะและไมตรี พระธาตุศรีสองรักจึงเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ และความสามัคคีที่ผู้ศรัทธาทั้งหลายควรค่าที่จะได้มาเยือนและสักการะอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ขออนุโมทนาบุญแก่ทุกท่านที่ได้เดินทางมายังพระธาตุศรีสองรักนี้ เพื่อสั่งสมบุญและสร้างกุศลให้กับตนเองและครอบครัว อันจะนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุขในปัจจุบันและอนาคต สาธุ! ที่มา: ข้อมูลบางส่วนจากวิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/พระธาตุศรีสองรัก
หลวงพ่อตาตน วัดสำโรงเกียรติ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งศรีสะเกษ "หลวงพ่อตาตน" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดสำโรงเกียรติ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กที่สร้างขึ้นจากเกสรดอกไม้ผสมครั่งหรือยางชัน มีประวัติยาวนานและอภินิหารที่เล่าขานกันมาช้านาน ทำให้มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศทั้งไทยและต่างชาติเข้ามากราบไหว้ขอพรอย่างไม่ขาดสาย การค้นพบและความศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนาน "หลวงพ่อตาตน" ถูกพบโดยชายชาวเขมรต่ำชื่อ "ตาตน" ในขณะที่เขาดักปลาในร่องน้ำใกล้เชิงเขาบ้านสำโรงเกียรติ ชายคนนี้พบพระพุทธรูปติดอยู่ในไซดักปลา เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาได้โยนพระพุทธรูปกลับลงน้ำ แต่เมื่อไปดักปลาอีกครั้งกลับพบพระพุทธรูปติดไซอยู่เช่นเดิม เหตุการณ์นี้ทำให้เขาเชื่อว่าพระพุทธรูปองค์นี้ต้องศักดิ์สิทธิ์ จึงนำไปฝากไว้กับญาติ ในคืนเดียวกันนั้น ทั้งตาตนและญาติฝันว่าการนำพระพุทธรูปเข้าบ้านจะไม่เป็นมงคล จึงนำพระพุทธรูปไปถวายวัดสำโรงเกียรติ จากนั้นมา "หลวงพ่อตาตน" ก็กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือกันอย่างแพร่หลาย มีประชาชนจากใกล้และไกลเดินทางมานมัสการและขอพรอยู่เสมอ อภินิหารและปาฏิหาริย์ ในปี พ.ศ. 2420 พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ ได้จัดขบวนช้างม้าอย่างเอิกเกริกเพื่ออัญเชิญหลวงพ่อตาตนไปประดิษฐานที่เมืองขุขันธ์ แต่ทันทีที่ขบวนออกจากวัด กลับเกิดพายุฝนตกหนักและฟ้าร้องฟ้าผ่าอย่างรุนแรง ช้างม้าหมอบกราบลงพื้น ราวกับเป็นสัญญาณว่าหลวงพ่อไม่ต้องการย้ายไปไหน เจ้าเมืองขุขันธ์จึงตัดสินใจอัญเชิญหลวงพ่อตาตนกลับไปวัดสำโรงเกียรติที่เดิม อีกหนึ่งปาฏิหาริย์ที่เล่าขานกันคือเหตุการณ์ไฟไหม้กุฏิที่ประดิษฐานหลวงพ่อตาตน ซึ่งทำให้ชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าพระพุทธรูปน่าจะถูกไฟไหม้ไปแล้ว แต่ในคืนถัดมา ชาวบ้านบางคนฝันเห็นหลวงพ่อตาตนบอกว่าอยู่ในบ่อน้ำ และหลังจากนั้นก็มีชาวบ้านพบหลวงพ่อลอยน้ำอยู่ในบ่อวัด จึงได้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานไว้ในวิหารใหม่ แรงศรัทธาและการขอพร ผู้ที่เคารพศรัทธาต่อหลวงพ่อตาตน มักจะมาขอพรในด้านการงาน การเงิน โชคลาภ และขอบุตร ซึ่งมีหลายคนที่สมหวังดั่งใจ เมื่อพรสมหวังแล้ว การแก้บนที่นิยมทำกันมากที่สุดคือการบวชถวาย โดยผู้ชายมักจะบวชพระหรือสามเณร ส่วนผู้หญิงบวชชีถวาย ซึ่งถือว่าเป็นการแก้บนที่ได้บุญกุศลสูงสุด หลวงพ่อตาตนยังมีพิธีสรงน้ำเป็นประจำในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลสงกรานต์ มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้สรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลนี้ ผู้คนจะหลั่งไหลกันมาจำนวนมากเพื่อสักการะบูชา การบูชาหลวงพ่อตาตน การปฏิบัติบูชาหลวงพ่อตาตน ควรใช้ดอกไม้ขาว 5 ดอก ผ้าขาว ธูปเทียนขี้ผึ้ง 5 ดอก และสวดคาถาบูชา “อุ นะ มะ อะ นะ มะ อะ อุ มะ อะ อุ นะ อะ อุ นะ มะ” เพื่อเป็นสิริมงคล หากปฏิบัติด้วยความตั้งใจและศรัทธา บางคนอาจมีนิมิตเห็นหลวงพ่อห่มขาว ซึ่งนับเป็นสัญญาณของความสำเร็จ หลวงพ่อตาตน จึงเป็นที่พึ่งทางใจของผู้คนจำนวนมาก และยังคงเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านและผู้ศรัทธาต่างนับถือกันอย่างต่อเนื่องตลอดมา ที่มารูปภาพและข้อมูล https://www.watsamrongkiatradio.com/
ประวัติหลวงพ่อโต วัดสังฆทาน: ตำนานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งความปาฏิหาริย์ "กราบหลวงพ่อโต ผู้เปี่ยมด้วยบารมี ขอให้ท่านทั้งหลายและครอบครัวประสบความสำเร็จ สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากทุกภัย พบเจอแต่ความสุขและความเจริญในทุกก้าวของชีวิต สาธุ สาธุ สาธุ" หลวงพ่อโต แห่งวัดสังฆทาน จ.นนทบุรี เป็นพระพุทธรูปที่เปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และบารมี ซึ่งได้รับการนับถือและสักการะจากพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก วัดสังฆทานนั้นเป็นวัดร้างมาเป็นเวลาหลายร้อยปี การบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพ่อโตไม่ปรากฏชัดเจน แต่ความเชื่อและความศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อโตได้ถูกถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น โดยเฉพาะเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อโตนั้นมีอยู่มากมาย หลวงพ่อโต: ศูนย์กลางแห่งศรัทธาและปาฏิหาริย์ ชาวบ้านในพื้นที่บางไผ่เล่าขานกันว่า หลวงพ่อโตเป็นพระอรหันต์ใหญ่ที่มีบารมีศักดิ์สิทธิ์ มีความสามารถในการปกป้องคุ้มครองผู้คนจากภัยอันตราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มาสักการะบูชา หรือแม้แต่ผู้ที่มีเจตนาร้ายก็ไม่สามารถกระทำความผิดหรือทำบาปในพื้นที่นี้ได้ หลวงพ่อโตมักจะปกป้องชาวบ้านจากอันตรายต่าง ๆ และเป็นที่พึ่งของผู้ที่ศรัทธา บางคนเชื่อว่าการกราบไหว้หลวงพ่อโตจะช่วยเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต และช่วยให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บหรือปัญหาต่าง ๆ การบูรณะและเรื่องราวการฟื้นฟู ในปี พ.ศ. 2511 หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ ได้ค้นพบวัดสังฆทานซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้างกลางสวน มีเพียงหลวงพ่อโตและศาลาไม้มุงสังกะสีเท่านั้น หลวงพ่อสนองเห็นศักยภาพของสถานที่นี้ที่จะเป็นศูนย์กลางของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา แต่ด้วยความยากลำบากในช่วงแรก หลวงพ่อสนองจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานและกลับไปปฏิบัติธรรมในถ้ำอีกหลายปี ก่อนจะกลับมาฟื้นฟูวัดสังฆทานใหม่ในปี พ.ศ. 2517 การบูรณะหลวงพ่อโตได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านและพระสงฆ์ที่มีความศรัทธา หลวงพ่อโตซึ่งมีแขนที่ชำรุด ได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยใช้ปูนและแป๊บน้ำมาปั้นเพื่อรักษาสภาพเดิมไว้ ชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าการที่หลวงพ่อโตยังคงสถิตอยู่ที่นี่เป็นสัญญาณของความศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงมีชีวิตชีวาแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ปาฏิหาริย์หลวงพ่อโต: การบนบานศาลกล่าว หนึ่งในเรื่องราวที่เป็นที่เล่าขานกันมากที่สุดคือ การบนบานหลวงพ่อโต หลายคนเชื่อว่าหลวงพ่อโตสามารถดลบันดาลให้เกิดผลตามคำอธิษฐาน หากใครมาบนบานมักจะนำปะทัดมาแก้บน หลวงพ่อโตนั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นพระที่สามารถช่วยให้ผู้คนที่มีความทุกข์ร้อนสามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้ มีเรื่องเล่าว่าผู้ที่มากราบไหว้หลวงพ่อโตมักจะได้รับความเมตตาและปาฏิหาริย์ในการคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากสิ่งเลวร้าย การสรงน้ำหลวงพ่อโตในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวบ้าน ผ้าห่มองค์หลวงพ่อโตจะถูกเปลี่ยนทุกปี และชาวบ้านจะแบ่งผ้าห่มนี้ไปผูกข้อมือเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะถือว่าผ้าห่มนี้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ความสำคัญของหลวงพ่อโตในปัจจุบัน ปัจจุบันหลวงพ่อโตยังคงเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวพุทธที่เดินทางมาจากทุกสารทิศ การบูรณะวัดสังฆทานและการสร้างอุโบสถแก้วที่มีรูปทรงแปดเหลี่ยมทั้งหมดนี้เป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นในบารมีของหลวงพ่อโตที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย หลวงพ่อโตไม่ได้เป็นเพียงพระพุทธรูปโบราณ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งปาฏิหาริย์และความศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงอยู่สืบต่อไป หากท่านใดมีความประสงค์ที่จะบนบานหรือขอพรกับหลวงพ่อโต ท่านสามารถมาที่วัดสังฆทานได้ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อร่วมพิธีสรงน้ำและเปลี่ยนผ้าห่มองค์หลวงพ่อโต ซึ่งถือเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตและครอบครัวของท่าน ขอมูลและรูปภาพ https://www.watsanghathan.com/
หลวงพ่อสัมฤทธิ์: พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดไผ่เงินโชตนาราม ความงดงามแห่งพุทธศิลป์ หลวงพ่อสัมฤทธิ์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัยตอนปลายผสมอยุธยา วัสดุสำริดแก่เงิน หน้าตักกว้าง 2.2 เมตร ลงรักปิดทองทั้งองค์ พระพักตร์เปี่ยมด้วยเมตตา สง่างามดั่งศิลปะชั้นครู ประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า เดิมหลวงพ่อสัมฤทธิ์ประดิษฐานที่วัดพระยาไกร (วัดโชติการาม) ซึ่งได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อมาวัดกลายเป็นวัดร้างในปี พ.ศ. 2483 พระมงคลสุธี (สี ยโสธโร) เจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนารามในยุคนั้น ได้อัญเชิญหลวงพ่อสัมฤทธิ์มาประดิษฐานที่วัดไผ่เงินโชตนาราม บารมีหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ชื่อ "สัมฤทธิ์" หมายถึง "ความสำเร็จ" เชื่อกันว่าผู้มากราบไหว้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สุขภาพแข็งแรง และพบเจอแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ประเพณีและศรัทธา ทุกปีในช่วงปีใหม่ วัดไผ่เงินโชตนารามจัดงานถวายหลวงพ่อสัมฤทธิ์ พร้อมการแสดงงิ้ว 3 วัน 3 คืน เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน เชิญร่วมกราบไหว้ ปัจจุบัน หลวงพ่อสัมฤทธิ์ประดิษฐานในพระวิหารวัดไผ่เงินโชตนาราม เพื่อความสะดวกแก่ประชาชนในการสักการะ บารมีของท่านช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความเจริญรุ่งเรืองแก่ทุกผู้คน เครดิตข้อมูล เว็บไซต์วัดไผ่เงินโชตนาราม: https://sites.google.com/view/watphaingen เครดิตรูปภาพ หอสมุดพิกุลศิลปาคาร: ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมกราบไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
หลวงพ่อเพ็ง วัดอ้อมน้อย: พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวอ้อมน้อย หากกล่าวถึงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ในตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร หลายคนต้องนึกถึง หลวงพ่อเพ็ง พระประธานในอุโบสถของวัดอ้อมน้อย ที่เต็มเปี่ยมด้วยพุทธคุณและความศรัทธาจากชาวบ้านในพื้นที่และผู้ศรัทธาจากทั่วสารทิศ ประวัติความเป็นมา หลวงพ่อเพ็งมีลักษณะโดดเด่น ด้วยองค์พระหน้าตักกว้าง 44 นิ้ว สูง 69 นิ้ว และห่มจีวรลายดอกพิกุลที่งดงาม สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในพื้นที่มาเนิ่นนาน อภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยเรื้อรังหรือผู้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ต่างได้รับการช่วยเหลือหลังจากอธิษฐานขอพรจากหลวงพ่อเพ็ง ด้วยน้ำมนต์ ผงธูป และความเมตตาอันศักดิ์สิทธิ์ หลายคนพบกับปาฏิหาริย์ที่สร้างศรัทธาไม่รู้ลืม วัตถุมงคลหลวงพ่อเพ็ง วัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมพระเครื่อง ด้วยพุทธคุณที่เด่นชัดในด้านคุ้มครองและเมตตามหานิยม ร่วมแสดงศรัทธา ทุกปีในงานปิดทองหลวงพ่อเพ็ง จะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมากราบไหว้ ปิดทอง และขอพรต่อองค์หลวงพ่อเพ็งอย่างไม่ขาดสาย สถานที่ วัดอ้อมน้อย ตั้งอยู่ในตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากเพจ: สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวศรัทธานี้ และส่งต่อพลังบารมีของหลวงพ่อเพ็งให้กับผู้ศรัทธาทุกคน #พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ #หลวงพ่อเพ็ง #วัดอ้อมน้อย #พระเครื่อง #ปาฏิหาริย์ #พุทธศาสนา #ศรัทธาและบารมี ดูน้อยลง
หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ: พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งบุรีรัมย์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบุรีรัมย์ให้ความเคารพศรัทธาอย่างยิ่ง องค์พระมีพุทธลักษณะปางมารวิชัย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยขอมเรืองอำนาจ ราวพุทธศตวรรษที่ 17 แกะสลักจากหินทรายสีแดงอมส้ม ขนาดหน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 2.10 เมตร ประดิษฐานบนแท่นหินทรายหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ตำนานการค้นพบ เล่าสืบต่อกันมาว่า ชาวส่วยและชาวบ้านท้องถิ่นค้นพบองค์พระพุทธรูปโดยบังเอิญกลางป่าที่เต็มไปด้วยตอไม้จำนวนมาก จึงเรียกขานกันว่า "หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ" ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่ารอบบริเวณนี้ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าองค์พระไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า และร่วมใจกันสร้างที่กำบังแดดฝน จนกระทั่งมีการก่อสร้างอุโบสถครอบองค์พระในปัจจุบัน ณ วัดโนนสูงทุ่งสว่าง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธา เชื่อกันว่าหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอมีพุทธคุณด้านแคล้วคลาดปลอดภัย โดยเฉพาะการปกป้องจากอุบัติเหตุ ผู้ที่มากราบไหว้มักพบกับความโชคดีและสมปรารถนา ทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีงานสมโภชเพื่อถวายสักการะองค์พระพุทธรูป ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการขอพรเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต เหรียญหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ ในปี พ.ศ.2515 อดีตเจ้าอาวาสวัดโนนสูงทุ่งสว่างได้จัดสร้าง "เหรียญหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ" ขึ้น โดยผู้ที่ได้ครอบครองเหรียญนี้ เชื่อว่าจะมีโชคลาภ แคล้วคลาด และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา พิกัดสักการะ วัดโนนสูงทุ่งสว่าง บ้านทุ่งวัง ตำบลทุ่งวัง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาของข้อมูล: เว็บไซต์มรดกวัฒนธรรม: http://m-culture.in.th/ ข่าวไทยรัฐ: https://www.thairath.co.th/news/local/1166875 ที่มาของรูปภาพ: https://wikicommunity.sac.or.th/community/1258 Facebook: ลูกหลาน.หลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ หากใครมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ อย่าลืมแวะไปกราบสักการะหลวงพ่อใหญ่ดงแสนตอ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว