เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    ยุคไทยมหารัฐ และ ยุคจักรพรรดิราช

    หลวงพ่อเล่าให้ฟังถึงคำทำนาย 10 รัชกาลตั้งแต่รัชกาลที่ 1 มหากาฬผ่านมหายักษ์จนถึงรัชกาลที่ 10 ชาวศรีวิไล

    หลวงปู่ดาบส สุมโน จ.เชียงราย พูดต่ออีก 2 รัชกาลดังนี้...

    "เวลานี้ดวงชะตาของประเทศไทย จะเหมือนกับตอนเสียกรุงให้แก่พม่า และคงจะทรุดตัวลงไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2544"

    ครั้นถึงเดือนกรกฎาคมก็จริงอย่างที่ว่า "ค่าเงินบาทลอยตัว" จนต้องเป็นหนี้ต่างชาติกันทุกคน ซึ่งตรงกันกับนักโหราศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทย ได้พยากรณ์ชะตาเมืองลงหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งทุกวัน ก็ได้กล่าวไว้ตรงกันว่า ชะตาของประเทศเหมือนกับตอนเสียกรุงครั้งที่แล้ว

    แต่ก็นึกสบายใจอีกอย่างหนึ่ง หลวงพ่อเคยบอกว่า ประเทศไทยจะเป็นมหาเศรษฐี

    และเมื่อต้นปีนี้ หลวงพ่อดาบส ก็ได้เทศน์บอกว่า

    "ที่ใครเขาบอกว่ากรุงเทพฯจะจมอยู่ใต้น้ำ มันไม่น่าจะถึงขนาดนั้น มันอาจจะท่วมบ้างเป็นธรรมดา แต่คงไม่หนักขนาดนั้น"

    และมีอีกเรื่องหนึ่งท่านพูดเหมือนกับหลวงพ่อ คือเรื่องการทำนาย 10 รัชกาล

    หลวงพ่อพูดตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 10

    แต่หลวงพ่อดาบสท่านพูดต่ออีกถึง 12 รัชกาล ตั้งแต่ต้นรัชกาลคือ มหากาฬ ผ่านมหายักษ์ จนถึง ถิ่นกาขาว และ ชาวศรีวิไล

    ต่อไปเป็น "ไทยมหารัฐ" และ "จักรพรรดิราช"

    แสดงให้เห็นถึงคนไทยจะรุ่งเรืองใหญ่ในรัชกาลต่อไป นับตั้งแต่รัชสมัยชาวศรีวิไลเป็นต้นไป ซึ่งท่านก็บอกว่าอีกไม่นานนัก ไม่ถึง 300 ปีอย่างที่เขาลือกัน แต่ท่านก็พูดแย้มๆว่า ก่อนที่จะสุขสบาย ก็ต้องเป็นทุกข์กันบ้างนะ

    ก็คงจะเป็นเรื่องภัยของสงคราม และภัยทางธรรมชาติเป็นเหตุ


    (จากคอลัมภ์ "ตามรอยพระพุทธบาท" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 201 ธันวาคม 2540 หน้า 100)

    *****ใครที่วิตกเรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพฯสูงขนาดตึกหลายๆชั้น ควรจะคลายกังวลไปได้นะครับ หลวงปู่ดาบสท่านได้พูดไว้แล้วว่า ท่วมบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่หนักขนาดนั้น*****


    16.jpg
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    910.jpg
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    29.jpg
    สมัยกลางรัชกาลที่ 10 ไป ประเทศเราจะรวยมาก

    ท่านพุทธโฆษาจารย์ อยุธยา ท่านพยากรณ์เหตุการณ์สมัยรัตนโกสินทร์ไว้ 10 รัชกาล (รายละเอียดมีในหนังสือพระเมตตา 1 แล้ว)

    เมื่อองค์พยากรณ์ท่านมาก็เลยนึกถึงเรื่องที่คุยกันมาว่า เวลานี้เราก็รับว่าทหารของไอ้พวกศัตรูมันเข้ามาตั้ง 6 กองพันแล้วในปีนี้ มันแทรกเข้ามา ไม่ได้ซึมหรอก มันเดินโทงๆเข้ามาทีละคนสองคน ไม่ได้ถืออาวุธมาด้วย มาอย่างนักธุรกิจธรรมดา ทำเป็นชาวบ้านไปหาผักหาปลา ก็ไม่มีใครสนใจ

    วันนั้นที่เราผ่านไปทางลำปางนะ ฉันนั่งอยู่ก็มีคนย่องเข้ามาคุยบอกว่า ระหว่างทางที่ผ่านมาน่ะไอ้พวกฝ่ายตรงกันข้ามอยู่กันเต็มเลย อยู่กันเป็นหย่อมๆ เป็นจุดๆ อยู่อย่างชาวบ้านธรรมดาอาศัยอยู่โดยการปลูกผักปลูกหญ้า ฉันเลยกลัวจะเป็นอย่างลาวอย่างเขมร

    ท่านก็บอกว่าไม่ถึงอย่างนั้นหรอก บารมีมัน 2 ชั้น คือ รัชกาลที่ 10 พระเจ้าลูกยาเธอเข้ามาด้วย

    พระพุทธโฆษาจารย์ อยุธยา ท่านทายถูกมา 9 รัชทายแล้ว เหลืออีก 1 รัชกาล ถ้าผิดก็ซวย

    ท่านย้ำอีกว่าตั้งแต่รัชกาลที่ 10 ไปแล้ว ฉันไม่พยากรณ์ เพราะเหตุการณ์
    เป็นปกติแล้วจะรวยมาก ประเทศเราจะรวยมาก ฉันว่าต่อไปรวยกว่าอเมริกา

    จะรวยกว่าหรือไม่รวยกว่าเรานึกเสียว่าเรารวยกว่าก็สิ้นเรื่อง

    แต่ท่านบอกว่าตั้งแต่สมัยกลางรัชกาลที่ 10 ไป ประเทศเราจะสมบูรณ์บริบูรณ์มาก

    คือว่าเวลานี้มันตกถึงที่สุดแล้วนะ ไอ้คนที่ตกต้นไม้หล่นตุ้บลงมาโคนต้นมันหล่นต่อไปไม่ได้มันก็ต้องไต่ขึ้นไปใช่ไหม อีตอนไต่ขึ้นนี่คงฟัดกันแหลก แต่ท่านก็บอกไว้นานแล้วนะ ตั้งแต่ปี 13 ว่าพวกข้าศึกถ้าเคลื่อนที่เข้ามาถึงสระบุรีเมื่อไรก็จบเกมกัน กวาดล้างได้หมด

    พระพุทธโฆษาจารย์องค์นี้น่ะท่าทางสง่าดีมาก อายุมาก ไม่รู้จะเปรียบกับใคร ท่าทางสง่าจริงๆ สมกับที่คิดว่าท่านเป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ แต่โดยมากแล้วพวกปฏิสัมภิทาญาณนี่เขาไม่จ๋องนี่ ไม่จ๋องมาตั้งแต่อภิญญา 6 ไปแล้ว เขาไม่มีท่าทางจ๋อง ก้มหลังไม่ลง จะเล็กก็เล็กไม่ลง


    (จากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม 3 หน้า 21-22)

     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    1502.jpg


    อานุภาพของทรัพยากรทั้งหลาย จะปรากฎขึ้นในตอนกลางสมัยรัชกาลที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    สมัยนั้นจะปรากฎว่า ประเทศจะมีความมั่งคั่งสมบูรณ์เป็นกรณีพิเศษ ทุกสิ่งทุกอย่างจะพร้อมมูลบริบูรณ์ จะกลายเป็นประเทศมหาเศรษฐีเขตหนึ่ง

    อย่าว่าแต่เฉพาะในเอเซียเลย แม้แต่ยุโรปก็ต้องเอาใจ”

    ทั้งนี้เพราะอะไร

    เพราะว่าอำนาจบุญบารมีของกษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์ คือกษัตริย์รัชกาลที่ 9 เป็นผู้มีบุญบารมีใหญ่ ปูพื้นฐานเอาไว้

    แล้วก็พระโอรสาธิราชที่จะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ก็เป็นพระราชาที่มีบุญบารมีใหญ่

    ที่คนทั้งหลายคิดว่า จะทำลายประเทศไทยให้เป็นคอมมิวนิสต์ มีจิตหยาบปรารถนาจะให้คนไทยทั้งชาติที่มีความเคารพในพระพุทธศาสนาเป็นทาสของบุคคลกลุ่มเดียว ไม่มีความหมาย เพราะความหวังตั้งใจของบุคคลทั้งหลายเหล่านี้ เขาจะพาตัวเขาพินาศไปเอง เพราะอำนาจบุญบารมีของพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีสมรรถภาพเป็นพิเศษ


    (จากหนังสือฤาษีทัศนาจร เล่ม 1 บทที่ 4 ท่องน้ำตกแม่สา หน้า 55-56)


    24.1.jpg
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    903512_147447838766010_1130658294_o.jpg

    ทำบุญให้ผีไม่ได้บุญ


    ท่านเจ้าคุณฯ : เดี๋ยวเล่าให้คนมาใหม่ฟังเสียหน่อยเรื่องสังฆทาน สังฆทานจริงๆนี่สมัยก่อนนี่ผีเขามาบอกหลวงพ่อว่า ทำแล้วมันไม่มีผล คนมันเกิดตายกันขึ้นมาที่ทางสุพรรณ มันมีอยู่ 2 เจ้า


    อีกเจ้าหนึ่งโดนยิงตาย พอยิงตายปุ๊บมันก็ไปเข้าคน ผีมันไปเข้าเขา มันไปหลอกอยู่เรื่อย ชื่อ ผีนายเสนอ ไปหาคนนู้นไปหาคนนี้ พอไปหาเรา มันสนิทกับเรานี่ ไปหาเรา เราก็กลัวมันนี่ ผีมาหลอกเราก็ด่าตะเปิดตะเปิงไป มันก็ไปเข้าคนอื่นเขา บอกว่าทำบุญแล้วไม่ได้ผล


    ทีนี้มันก็ไปเข้าคน มันก็ร้อง เจ็บ อีตอนที่เขายิงมันทำท่าร้อง คงเจ็บตรงท้อง เขายิงมัน ทีนี้เขาก็มาตามหลวงพ่อไป หลวงพ่อนะไม่ใช่ฉันนะ หลวงพ่อองค์หลังโน่น


    ยกทรง : รีบออกตัวเลยนะ


    ท่านเจ้าคุณฯ : ใช่ เดี๋ยวจะไปตามฉันไป ฉันจะหาไม่ได้ มาตามหลวงพ่อไป หลวงพ่อก็บอกว่า


    "เสนอ เขาทำบุญ 7 วันก็ไม่ได้หรือ" บอก ไม่ได้ครับ


    "เขาทำบุญ 100 วันไม่ได้หรือ" ไม่ได้ครับ "เขาก็ทำบุญใหญ่ทำไมไม่ได้"


    ทีนี้จำไว้เลย บ้านนอกหรือที่ไหนก็ช่างเถอะ ทำบุญ 7 วันส่วนมากมันจะฆ่าเป็ดฆ่าไก่ ฆ่าปลาหนึ่งล่ะ


    สอง เจ้าภาพเมา เจ้าภาพไม่เลี้ยงเหล้าไม่ได้ ทำบุญ 7 วัน 100 วันมันจะเมา ตามบ้านนี่มันจะเมา แล้วก็เวลาทำมันไม่ได้นึกถึงคนตายหรอก นึกถึงแขกที่มาไอ้โน่นเลี้ยงดีหรือยัง ไอ้นี่ทำไอ้โน่นมันจะเลี้ยงอย่างนี้


    มันไม่มีเจตนาอุทิศส่วนกุศล อุทิศส่วนกุศลไม่เจาะจง อุทิศส่วนกุศลให้ใครต่อใครไม่รู้ บอกทั่วไปหมด ผีนั่นเลยไม่ได้


    หลวงพ่อก็ถามว่า "มันทำไงถึงทำบุญมันไม่ได้ล่ะ"


    บอกว่า มันทำบุญมันไม่นึกถึงผมครับ มันก็ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมา เป็นบาป ทำความดีมันถึงจะได้ผล จะทำอย่างไรล่ะ ทำอาหารนั้นอย่าให้มีโทษเรื่องปาณาติบาต สอง มีพระพุทธรูป พระพุทธรูปเกี่ยวกับพุทธานุภาพ อุทิศส่วนกุศลต้องเจาะจงตัวคนนั้นเลย


    ทีนี้มันก็บอกให้ทำตามวิธีนั้น หลวงพ่อก็บอกว่า "ถ้าทำแล้วแกอย่าไปหลอกเขานะ แกต้องมาสวยๆ คนมาไม่สวยเขากลัว"


    ตอนหลังมันมาให้เขาเห็นแต่งตัวให้สวย


    (หลวงพ่อบอก) "ถ้าทำบุญอุทิศเจาะจงแล้วแกต้องมาบอกเขานะว่าได้แล้ว มาให้เขาเห็นสวยๆ สอง อย่ามากลิ่นเหม็น ให้มากลิ่นหอมคนเขาจะได้ชื่นใจ"


    ไอ้เสนอก็รับคำอย่างนั้น พอเขาทำแล้ว อย่างทำสังฆทานกันอย่างนี้ ก็ไม่มาหลอกอีกเลย


    นี่ทำบุญรุ่นนี้เขาไม่มีปาณาติบาตนี่ ใช่ไหม ตะกี้ที่เขาทำกันไม่มีปาณาติบาต



    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 484 กรกฏาคม 2564 หน้า 19-20)
     
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    157429_0.jpg

    ความเมตตาของหลวงพ่อช่างมากมายเหลือเกิน
    (ณชญาดา ชูชัยศรี)


    นึกถึงท่านทีไร...น้ำตาไหลทุกที
    มองภาพท่านทีไร...น้ำตาไหลทุกที

    ทุกครั้งที่มองภาพท่าน ใจมันจะขาด...หัวใจมันแตกสลาย พอน้ำตาไหลต้องรีบเบือนหน้าหนี

    เพราะจิตมันตก มันเหมือนไม่มีอะไรเหลือในชีวิต เคว้งคว้างมากมาย

    ทุกวันนี้ เหลือแต่ความทรงจำดีๆ นึกถึงแต่คำพูดหลวงพ่อที่ท่านมีเมตตาต่อเราอย่างเหลือเกิน...

    คำพูดหลวงพ่อยังก้องอยู่ในใจไม่เคยลืม...

    ข้าพเจ้า...หลวงพ่อเจ้าขา หนูอยากรวยเร็วๆ ทำบุญอะไรช่วยให้รวยไวๆ เจ้าคะ

    หลวงพ่อ..(ท่านครุ่นคิดนิดนึง) เอางี้..มาทอดกฐิน กับใส่บาตรพระธุดงค์นะ (งานธุดงค์เดือน ธ.ค.)

    ข้าพเจ้า...กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

    ข้าพเจ้า...หลวงพ่อเจ้าขา ช่วงนี้มีบุญอะไรให้หนูทำบ้างเจ้าคะ เอาแบบได้บุญเยอะๆ อ่ะเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ...เราทำเยอะแล้ว ทานบารมีเรามันมากพอแล้ว เราทำเยอะมากแล้ว ไม่ต้องทำแล้วต้องไปฝึกภาวนาด้วยนะ ต้องฝึกนึกถึงพระพุทธเจ้าให้ชิน ถ้าไม่ฝึกให้ชินแล้ว พอใกล้ตาย มันยากที่จะนึก อกุศลเข้ามันจะนึกไม่ออก...ให้ไปฝึกอันนี้

    ข้าพเจ้า...หลวงพ่อเจ้าขา หนูทำบุญก็มากมาย ทำไมถึงเจอแต่เรื่องแย่ๆ ยิ่งเวลาจะทำบุญใหญ่ทีไร มีแต่เรื่องแย่ๆเข้ามา ทำให้ใจตกตลอดเลย ฮือ...

    หลวงพ่อ...ก็ข้อสอบของเรามันไม่ใช่แค่ระดับมัธยมหรือปริญญาตรี อย่างเรามันดอกเตอร์ ข้อสอบก็ต้องทำระดับวิทยานิพนธ์แล้วสิ (ท่านหัวเราะ)

    ข้าพเจ้า...แป่ว...

    ข้าพเจ้า...หลวงพ่อเจ้าขา ทำไมคนปรารถนานิพพาน มักมีมารมาผจญ มีแต่ปัญหาเข้ามาตลอด เหนื่อยมากๆเลยเจ้าค่ะ หนูเลิกอธิษฐานนิพพานดีกว่า กลัว ไม่เอาละเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ..ทำไมล่ะ ก็แค่เจออุปสรรคแค่ชาตินี้ แลกกับไม่ต้องมาเกิดอีก ไม่อยากจะแลกหรือ

    ข้าพเจ้า..อืม..เจ้าค่ะ (คิดในใจทำไมต้องแลกด้วย ไม่แลกได้ป่าว เฮ้อ....)

    ข้าพเจ้า...หลวงพ่อเจ้าขา ถ้าเกิดภัยพิบัติหรือเกิดสงคราม หนูจะทำไงดีเจ้าคะ หนูจะต้องเตรียมตัวตุนอะไรบ้างเจ้าคะหลวงพ่อ

    หลวงพ่อ..ไม่ต้องตุนอะไร มาที่วัดนี้ มาอยู่วัด หลวงพ่อเลี้ยงได้ ฉันเตรียมไว้ให้ทุกคนแล้ว

    ข้าพเจ้า...หลวงพ่อเจ้าขา หนูมีปัญหาเยอะแยะไปหมดเลย ฮือๆ..ไม่ไหวแล้ว หนูกำลังใกล้จะเป็นบ้าแล้วเจ้าค่ะ มีแต่หลวงพ่อองค์เดียวเป็นที่พึ่ง หนูไม่รู้จะไปปรึกษาใครเลยเจ้าค่ะ (เล่าสารพัดปัญหา)

    หลวงพ่อ...โอ๊ะ..ทำไงดีนะ... (ท่านนั่งทำท่าครุ่นคิด) ไอ้ฉันมันก็ไม่เก่ง ถ้าเป็นหลวงพ่อ (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน) นี่นะ ท่านจะตอบปัญหาได้เป๊ะๆ ตรงเผงเลย ไอ้เรามันก็ไม่เก่ง ไม่รู้จะช่วยแนะนำยังไงเล้ย... (ท่านถอนหายใจ)

    เฮ้อ..ถ้าเรื่องอะไรที่ฉันช่วยได้นะ ฉันจะช่วยทู๊กอย่าง ขอให้บอกมาเล้ย อะไรที่ทำได้ ฉันก็จะทำให้ทู๊กอย่างเล้ย (ท่านลากคำว่า "ทุก" เสียงสูง)

    ท่านพูดพร้อมกับเอามือตบที่หัวใจของท่านแล้วพูดว่า...ฉันนี่นะ อยากจะช่วยจริงๆ เล้ย...

    ท่านเอามือตบที่ตรงหัวใจของท่าน ท่านคงอยากจะสื่อให้เรารู้ว่า ท่านพูดออกมาจากหัวใจของท่านจริงๆ...

    ฟังท่านพูดปุ๊ป...น้ำตาไหลพรากเลย.......นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า... เมตตาอันหาประมาณมิได้

    ...นี่ใช่ไหมที่เขาว่า...พระอริยสงฆ์มีเมตตาต่อทุกคนไม่มีเว้น....

    ...ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ทุกคนจะไม่รักท่าน...สำหรับตัวข้าพเจ้าแล้ว ท่านคือที่สุดของหัวใจและที่สุดของชีวิตของข้าพเจ้าแล้วจริงๆ

    หนูขอกราบขอบพระคุณแทบเท้าหลวงพ่อ ด้วยสำนึกในความเมตตตาของหลวงพ่อย่างหาที่สุดมิได้

    ...รักหลวงพ่อที่สุดในชีวิต...

    แต่ก่อนไม่เคยเข้าใจคำว่า "มอบกายถวายชีวิต" เลย มาตอนนี้เข้าใจได้ลึกซึ้งเพราะมันเป็นความรู้สึกที่มีกับหลวงพ่อจริงๆ...รักหลวงพ่อเหลือเกินเจ้าค่ะ........



    (จากหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล บันทึกโดย คุณณชญาดา ชูชัยศรี หน้า 91-92)

    134554048_1805211019655429_8616148163173205420_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2024
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701



    หลวงปู่ครูบาวงศ์ให้พรในงานทอดกฐินวัดโขงขาว 28 ตุลาคม 2533
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    กับ เจ้าอาวาสวัดโบง.jpg


    น้อมรำลึกพระคุณหลวงพ่อฯ
    พระครูปลัดจู วชิรเมธี
    เจ้าอาวาสวัดโขงขาว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    ขอนอบน้อมแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ กันมา มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อพระครูปิยรัตนาภรณ์ (หลวงพ่อบุญรัตน์) และหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล (หลวงพ่ออนันต์) เป็นที่สุด

    เรื่องราวที่จะเขียนต่อไปนี้ ข้าพเจ้าเขียนจากความทรงจำ และความรู้สึกส่วนตัว ไม่มีหลักฐานใดๆรองรับทั้งสิ้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

    นับตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าได้มาอยู่วัดโขงขาว ก็มีความรู้สึกแปลกใจอยู่ว่า มีรูปของพระเดชพระคุณพ่อพระราชพรหมยานเต็มไปหมด ในศาลาก็มี ในวิหารก็มี ในอุโบสถก็มี ศาลาหรือกุฏิบางหลังก็เป็นชื่อของท่าน ก็เก็บความสงสัยไว้ในใจเรื่อยมา ต่อมาเมื่อข้าพเจ้ามีโอกาสอุปัฏฐากรับใช้หลวงพ่อบุญรัตน์ จึงได้ถามท่าน หลวงพ่อก็ได้เมตตาเล่าเรื่องราวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัดโขงขาวว่า

    วัดโขงขาวสมัยก่อนนั้นเป็นวัดเล็กๆ มีวิหารเก่าๆ ที่แทบจะใช้การไม่ได้ กับมีกุฏิเก่าๆ หลังหนึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นวัดร้างไปแล้ว ทุกคนที่มาเห็นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วัดโขงขาวร้างแน่นอน

    แต่สิ่งที่ใครๆ ต่างคาดคิดไว้นั้นก็ผิดไป เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานได้ย่ำเท้าเข้ามาที่วัดโขงขาว เมฆฝนและความมืดที่ปกคลุมวัดโขงขาวก็ได้พลันสลายหายไป แสงสว่างก็มาแทนที่

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้นำลูกหลานมาทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ช่วยหลวงพ่อบุญรัตน์บูรณปฏิสังขรณ์วัด ทำให้วัดโขงขาวที่เกือบร้าง กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง

    ดังนั้นหลวงพ่อบุญรัตน์จึงน้อมเทิดทูนบูชาพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานไว้เหนือหัวตลอดมา และท่านยังบอกอีกว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้นท่านเป็นพระที่มีบารมีมาก เป็นพระมหาลาภ ท่านเดินทางไปที่ใดก็ตาม ที่นั้นจะมีเงินทองไหลมาเทมา
    ท่านเปรียบดังต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ที่วัดท่าชุง และได้แผ่กิ่งก้านสาขามาถึงวัดโขงขาว ทำให้วัดโขงขาวมีความสงบร่มเย็นด้วย

    หลังจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานมรณภาพแล้ว หลวงพ่ออนันต์และคณะศิษยานุศิษย์ก็ยังคงมาช่วยเหลือวัดโขงขาวอยู่ตลอด

    วันที่ 5 พฤษภาคม 2556 หลวงพ่อบุญรัตน์ มรณภาพ เรียกได้ว่าเป็นวันที่มืดมนที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้า มืดแปดด้าน ทำอะไรไม่ถูกเลย ข้าพเจ้าเคยคิดเองเออเองว่า หลวงพ่อคงยังไม่ไปง่ายๆหรอก เพราะข้าพเจ้าเห็นท่านไม่สบายเป็นปกติ คือป่วยทุกวัน หรืออย่างน้อยที่สุดท่านต้องหาพระสักรูปมาเป็นเจ้าอาวาสก่อน ซึ่งไม่ใช่ข้าพเจ้าแน่นอน

    แต่เมื่อท่านไปจริงๆแล้ว ภาระหน้าที่ทั้งหมดก็ต้องมาลงที่ข้าพเจ้า คราวนี้ก็เควังคว้างละสิ คนไม่เคยเป็นผู้นำ มีแต่ทำงานตามคำสั่งท่าน ความทุกข์อันใหญ่หลวงก็ถาโถมเข้าสู่จิตใจของข้าพเจ้า

    เมื่อหมดที่พึ่งแล้วก็ได้แต่ภาวนาขอพระให้มีคนมาช่วย และแล้ววันรุ่งขึ้นพระก็มาโปรดจริงๆ เมื่อหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล ได้ส่งพระจากวัดท่าซุง มีหลวงพี่ท่านพระครูปลัดสมนึก เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน หลวงพี่พระสมุห์มงคลเวทย์ และหลวงพี่ชิดชนกมาช่วยจัดงาน ทำให้งานดำเนินต่อไปได้

    วันที่ 11 พฤษภาคม 2556 หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศลก็ได้เดินทางมาที่วัดโขงขาว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสกราบท่านอย่างใกล้ชิด ท่านก็เมตตาลูบหัวและโอบไหล่ข้าพเจ้า

    โอ..ความทุกข์ทั้งหลายที่กดทับจิตของข้าพเจ้าอยู่นั้น พลันก็เหมือนมีใครดึงออก เป็นความโล่งใจ เบาสบาย ยากที่จะหาคำพูดใดๆ มาอธิบายได้ ความเมตตาของหลวงพ่อช่างสูงยิ่งนัก

    และท่านยังพูดว่า "องค์นี้ใช่ไหมที่จะเป็นเจ้าอาวาส แหม..องค์เล็กนิดเดียว แต่ไม่เป็นไรทำใจให้ใหญ่ๆ ไว้นะ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี"

    ท่านทั้งหลาย ในวันที่เรามีความทุกข์ ท้อแท้ สิ้นหวัง มืดแปดด้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกำลังใจนั่นเอง ข้าพเจ้าก็เพิ่งตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกจิตก็คราวนี้เอง แค่เพียงโอบไหล่กับคำพูดไม่กี่คำของหลวงพ่อพ่อพระราชภาวนาโกศล ก็ทำให้ใจที่ห่อเหี่ยวของข้าพเจ้านั้นกลับมาแช่มชื่นและมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป


    หลวงพ่อได้เมตตาเล่าเรื่องราวที่ท่านได้ประสบพบเจอ หลังจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานได้มรณภาพให้ข้าพเจ้าฟังด้วย และท่านยังบอกว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้สอนท่านในเรื่องการดูแลรักษาวัดไว้ว่า

    "อย่าปล่อยให้วัดทรุดโทรม เพราะจะทำให้กำลังใจของญาติโยมเสีย อย่างน้อยที่สุดให้ใหม่อยู่เสมอ ต้นไม้ก็ให้ตัดแต่งอย่าปล่อยให้รกรุงรังจนเกินไป"

    ข้าพเจ้าก็น้อมรับฟังและถือเป็นแนวทางในการดูแลรักษาวัดโขงขาวต่อไป เมื่อเสร็จงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อพระครูปิยรัตนาภรณ์ (หลวงพ่อบุญรัตน์) แล้ว ข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศลที่วัดท่าชุง และชอยสายลมอยู่เสมอ เพราะข้าพเจ้าตระหนักในใจแล้วว่า ท่านเป็นอีกที่พึ่งหนึ่งของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นและได้ยินเสียงของท่าน จะทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น และท่านก็ได้ให้ความเมตตากับข้าพเจ้า และวัดโขงขาวเสมอมา

    ประมาณเดือนเมษายน 2560 ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อไม่สบาย ต้องเข้าโรงพยาบาล ข้าพเจ้าก็พยายามติดตามข่าวอาการของท่านเรื่อยมา และขอให้ท่านหายเป็นปกติ

    วันที่ 12 กรกฎาคม 2560 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อที่วัดท่าซุง ท่านได้เมตตาให้ข้าพเจ้าได้เข้ากราบภายในมหาวิหารแก้ว 100 เมตร ครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าพเจ้าได้กราบหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด ข้าพเจ้าเห็นหลวงพ่อซูบกว่าเดิมเยอะเลย แต่ก็แปลกใจที่ใบหน้าของท่านนั้นกลับแช่มชื่น แจ่มใส ผ่องใสเป็นอย่างมาก แบบไม่
    เคยเห็นมาก่อนเลย หลวงพ่อเมตตาเล่าอาการป่วยของท่านให้ฟัง ท่านบอกว่าการป่วยครั้งนี้หนักจริงๆ

    ก่อนที่ข้าพเจ้าและคณะจะลากลับ หลวงพ่อได้พูดว่า "ให้ช่วยกันดูแลรักษาวัดโขงขาวให้ดี เพราะครูบาอาจารย์ได้สร้างไว้ดีแล้ว และให้ช่วยกันรักษาศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายด้วย"

    หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสกราบหลวงพ่อ อีก 3-4 ครั้ง ที่บ้านสายลมและงานทอดกฐินวัดท่าซุง จวบจนท่านมรณภาพ



    (คัดลอกบางส่วนจากหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล บันทึกโดย พระครูปลัดจู วชิรเมธี เจ้าอาวาสวัดโขงขาว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หน้า 62-63)
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    72296_138677362976391_423110209_n.jpg




    หลวงพ่อสนทนากับหลวงพ่อฝ้าย จนฺทโก (พระครูพิทักษ์ปัจจันตเขต) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยตุง
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,701
    IMG_722v.jpg \\\\\
    งานพิธีถวายผ้ากฐินทานวัดโขงขาว 28 ตุลาคม 2533




    539119_117454438450n.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...