เหรียญถุงเงินมหาโภคทรัพย์หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1705045934180.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1705062058788.jpg
    หลวงพ่อสวัสดิ์ ปุณณสโล ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2451 ตรงกับปลายแผ่นดินรัชกาลที่ 5 อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 25 ปี ตรงกับวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2476 ณ พัทธสีมา วัดดอกไม้ ตำบลคลองโค อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิสต์ โดมีหลวงพ่อกล่อม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทได้อยู่ปฏิบัติพระอุปัชฌาย์ 2 พรรษา แล้วออกเดินธุดงค์สั่งสมประสบการณ์ในทางธรรมไปในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน ก่อนข้ามไปศึกษาวิชาในเขมร จนถึงปี พ.ศ. 2479 เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดกำแพง ก่อนที่จะเป็นเจ้าอาวาสวัดซากนิมิตรวิทยา อำเภอบ้านบึง พอถึงปี พ.ศ. 2528 ได้สร้างสำนักวิปัสสนาเม้าสุขา จากนั้นปี พ.ศ. 2530 ได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบึงบวรสถิตย์และเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านบึงจนถึงปี พ.ศ. 2542 หลวงพ่อท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2547 ในแผ่นดินรัชกาลปัจจุบัน รวมสิริอายุได้ 95 ปี 69 พรรษา
    พระครูพิศาลพรหมจรรย์ หรือ หลวงพ่อสวัสดิ์ ปุณณสีโล (18 มีนาคม พ.ศ. 2451 - 1 เมษายน พ.ศ. 2547) เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งของชลบุรี และภาคตะวันออก เชื่อกันว่าท่านสำเร็จอภิญญา อิทธิวัตถุมงคลทุกรุ่นที่ท่านตั้งจิตอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้มีพุทธคุณเป็นเยี่ยมทางด้านมหาอุดและคงกระพันให้โจษจันเล่าขานตลอดมา เมื่อประจักษ์แก่สายตาของบรรดาเหล่าศิษย์



    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญนั่งพานหลวงพ่อสวัสดิ์ หลังจารยันต์ ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ เหรียญมากประสพการณ์ของท่านครับ รุ่นนี้

    IMG_20240112_184902.jpg IMG_20240112_184832.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1705063613118.jpg
    ประวัติหลวงพ่อเปลี้ย คุณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดชอนสารเดช ตำบลชอน
    สารเดช อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี (ปี พ.ศ.2496 - พ.ศ.2540)
    เดิมชื่อ ผ่อง โพธิ์นอก บุตรนายชุ่ม นางคำ โพธิ์นอก เกิดวันที่ 4 พฤศจิกายน
    พ.ศ.2456 ณ บ้านดอนเปล้า ต.บ้านเหลื่อม อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา
    อายูได้ 17 ปี (6 พฤษภาคม 2474) บรรพชาเป็นสามเณร โดยพระอธิการช้าง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2477 (อายุ 20 ปี) อุปสมบทที่วัดบ้านค่าย
    อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยพระครูวิจิตร เป็นอุปัชฌาย์ พระอธิการแบนกรรมวาจาจารย์ พระมหาบัวลา เป็นอนุสาวนาจาร ได้จำพรรษาอยู่วัดบ้านค่าย เริ่มเรียน การปฏิบัติกรรมฐาน และปริยัติธรรมควบคู่กับวิชาอาคมต่างๆ จนมั่นใจแล้ว จึงขออนุญาตกราบลาเจ้าอาวาสวัด ออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ มุ่งไปหาพระอาจารย์ และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งภาคอีสาน การธุดงค์ได้สัญจรไปเรื่อยๆองค์เดียว ไม่มีความวิตกกังวลใดๆ และได้ตั้งอธิฐานจิตว่า "ร่างกายของ
    ข้าพเจ้าที่อยู่ ณ ที่นี้ ทุกท่านหิว และต้องการก็ขอให้ใช้ร่างนี้ประทังชีวิตของ
    ท่านเถิด แต่ข้าพเจ้ามิได้มุ่งร้ายหมายปองชีวิตใดเลย" ได้ศึกษาเล่าเรียน
    กับครูบาอาจารย์(ท่านไม่ยอมเปิดเผยชื่อครูบาอาจารย์ท่าน) แต่เป็นที่ทราบว่า
    เป็นศิษย์สำนักเดียวกับ"หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" แต่คนละรุ่นเท่านั้น
    หลังจากหลวงพ่อเปลี้ย ธุดงค์รอนแรมไปทุกหนแห่งแล้ว ก็กลับมาจำพรรษาที่วัดดอนเปล้า ต.บ้านเหลื่อม อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา (บ้านเกิดตนเอง) ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม บำเพ็ญเพียรเจริญภาวนา ปฏิบัติ
    กรรมฐานอย่างเคร่งครัดตลอดมา นานถึง 6 พรรษา การธุดงค์ครั้งที่สองนี้เดินทางมาภาคกลาง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2492 มาจำพรรษาที่วัดชอนสารเดช ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี โดยมี "พระอธิการทรัพย์" เป็นเจ้าอาวาส ประวัติหลวงปู่ทรัพย์นี้ ท่านเป็นเพื่อนกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    จังหวัดนครสวรรค์ หลวงพ่อเดิมขี่ช้างมาสร้างวัด,สร้างโบสถ์ เขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรีผ่านวัดชอนสารเดช จะต้องพักช้างค้างคืนที่วัดชอนสารเดช นอนคุยกับหลวงปู่ทรัพย์ทุกครั้ง และได้มอบรูปหล่อปั้ม(เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ และเนื้อทองเหลือง ไว้จำนวนหนึ่งแก่หลวงปู่ทรัพย์) หลวงพ่อเปลี้ยเริ่มเรียนคาถาอาคมจากหลวงปู่ทรัพย์(นับว่าเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเปลี้ยโดยปริยาย) หลักฐานสังเกตได้จากการสร้างเหรียญรุ่น 1-3 ด้านหลังเหรียญจะมียันต์ และพระคาถาของหลวงพ่อเดิมทั้ง 3 รุ่น ก่อนหลวงปู่ทรัพย์จะมรณภาพในปี พ.ศ.2495 นั้น ได้มอบรูปหล่อปั้มของหลวงพ่อเดิม ให้แก่หลวงพ่อเปลี้ยเก็บไว้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่วัดชอนสารเดช เมื่อวันนั้นมาถึง นับได้ว่าเป็นมรดกปริศนาทุกวันนี้ยังไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าหลวงพ่อเปลี้ย เก็บพระรูปหล่อปั้มหลวงพ่อเดิมไว้ที่ไหน
    หลวงพ่อเปลี้ย คุณสัมปันโน ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดชอน
    สารเดช ปี พ.ศ.2496 หลวงพ่อเป็นพระปฏิบัติรูปหนึ่ง ที่มีผู้ให้ความเคารพ
    สัทธามาก ท่านเคร่งครัดในการบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ประพฤติ
    ปฏิบัติชอบในกิจของสงฆ์ อบรมสั่งสอนชาวบ้าน และลูกศิษย์ด้วยคำพูด
    ที่สั่งสอนแล้วเข้าใจง่าย ให้ความเมตตาแก่ทุกคน หลวงพ่อเป็นพระที่มี
    ความอดทนเป็นเลิศ
    #วัดชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี
    FB_IMG_1705063423601.jpg
    FB_IMG_1705063548523.jpg FB_IMG_1705063551255.jpg FB_IMG_1705063556306.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    FB_IMG_1705062740944.jpg

    พระสมเด็จหลวงปู่เปี้ย ล.หาย วัดชอนสารดชปลุกเสกพร้อมกับเหรียญรุ่นทศบารมี(ปืนแตก) ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ เนื้อหามวลสาร ส่องมันส์ตาดีครับ

    IMG_20240112_194115.jpg IMG_20240112_194148.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระราชพฤฒาจารย์-หลวงพ่อห้อม-อมโร.jpg

    พระราชพฤฒาจารย์ (หลวงพ่อห้อม อมโร) พระเกจิดังแห่งวัดคูหาสุวรรณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย
    จากตาท่านจำนวนมาก ทำให้หลวงพ่อสนใจที่จะศึกษาวิชาด้านนี้ ต่อมาระหว่างไปเลี้ยงควายได้พบกับลุงอีกคนหนึ่งชื่อว่าลุงช่วยเป็นคนบ้านสวน หลวงพ่อเล่าว่า ระหว่างเลี้ยงควายด้วยกันลุงก็จะใช้ให้ไปย้ายควายกินหญ้าบ้าง ให้เอาควายไปกินน้ำบ้าง โดยลุงช่วยบอกว่าจะสอนวิชาให้
    แล้ววันหนึ่งลุงช่วยก็เรียกท่านมาแล้วบอกว่าให้ลองเอามีดแทงที่แขนซิ ก็ปรากฏว่าไม่เข้า ทำให้ท่านตื่นเต้นมากและลุงช่วยก็สอนให้แก่ท่านลุงช่วยบอกว่าเป็นวิชาของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร ซึ่งลุงช่วยเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งหลวงพ่อเงินสมัยนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ซึ่งต่อมาพระเดชพระคุณหลวงพ่อห้อมได้นำวิชานี้มาเป็นคาถาในการปลุกเศกวัตถุมงคลเพื่อให้มีผลในทางคงกระพัน ซึ่งท่านเล่าว่าก่อนที่จะนำไปปลุกเศกเหรียญหรือวัตถุมงคล ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าคาถายังใช้ได้ดีอยู่ หลวงพ่อจึงลองปลุกเศกตะกรุดและนำตะกรุดดังกล่าวไปใส่ในปลาช่อนซึ่งตายแล้วและเห็นว่าแม่ครัวกำลังจะทำอาหารถวายพระใน วัดคูหาสุวรรณนั่นเอง
    ท่องให้ฟังแล้วท่านก็หัดท่องตามซึ่งเรียกกันว่าต่อหนังสือ ท่านท่องจนได้ ในพรรษานี้ท่านเริ่มทำสมาธิอย่างจริงๆจังๆและท่านก็ได้เล่าให้ฟังว่า ตอนทำสมาธิใหม่ๆเมื่อจิตเกิดความสงบขึ้นในจิตใจ ก็ปรากฏว่าในนิมิตของท่านมีงูตัวใหญ่มากมาฉกกัดท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้รู้สึกกลัว ท่านบอกว่าคงเป็นเทวดามาแกล้งทดลองใจ ท่านทำสมาธิได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ในวัดฤทธิ์ก็ปรากฏว่ามีแขกของหลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ รวมทั้งชาวบ้านมาหาอย่างมากมายในแต่ละวัน
    ◉ ชาติภูมิ
    หลวงพ่อห้อม อมโร นามเดิมชื่อ “ห้อม” บิดาชื่อ “นายเรือง” และมารดาชื่อ “นางมาลัย ครุฑนาค” ปู่ชื่อ “นายครุฑ” ย่าชื่อ“นางพลึง” ตาชื่อ “นายติ่ง” ยายชื่อ “นางปราง” อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน คือบ้านคลองตะเคียน หมู่ที่ ๑๒ ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ปู่เป็นผู้ใหญ่บ้านพ่อ-แม่ อยู่บ้านปู่ย่าจึงคลอดที่บ้านปู่ คลอดวันอังคาร แรม ๑๓ ค่ำ เดือนยี่ ปีวอก วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๑ เวลาประมาณ ๕ โมงเย็น เวลาคลอดมีคนมาเยี่ยมกันมาก ปู่จึงถือนิมิตนี้ ตั้งชื่อให้ว่า ห้อม เมื่อคลอดแล้วคงอยู่ที่บ้านปู่ ย่า ต่อมาพ่อถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นทหารเข้าประจำการที่พิษณุโลก เมื่อถึงกำหนดปลดประจำการ ถูกระดมไปในราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ ขึ้นครองราชย์ เมื่อกลับมาถึงกองประจำการแล้วอยู่คอยรับใบกองหนุน เวลาเที่ยงคืนลงท้อง (ท้องเสีย) อย่างแรง เข้าใจว่าเป็นอหิวาตกโรค พอสว่างก็ขาดใจตาย เขาเอาศพไปฝังไว้ที่ป่าช้าวัดยาง พิษณุโลก ตายเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๕๔ เดือน ๔
    นายเต่า ครุฑนาค พี่ชายคนโต (ของพ่อ) ได้ไปขุดศพขึ้นมาเผาเก็บอัฐิธาตุมาให้ อัฐิธาตุนี้ได้เอาใส่ไว้หลุมนิมิต (หลุมลูกนิมิต) หลุมกลางรวมทั้งปู่ย่าด้วยในวันผูกพัทธสีมาวัดฤทธิ์ พ.ศ.๒๔๗๖ นายรอด คงเนียม (พ่อของท่านพระสุธรรมธีรคุณ (เจ้าคุณดำรง พทฺธญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไทยชุมพล) เป็นลูกพี่ลูกน้องกันไปเป็นทหารอยู่ด้วยกัน แต่เป็นทหารหลัง ๑ ปี เล่าว่า ได้เอาใจใส่พยายามรักษาอย่างเต็มที่ เวลาตายก็นอนตายในตักของแกเอง หลังจากพ่อตายแล้ว ตายายก็รับเอามาเลี้ยงส่วนแม่ก็มีสามีต่อไป
    พ.ศ.๒๔๕๕ ถึง พ.ศ.๒๔๗๗ เป็นคุดทะราด คือเป็นแผลตามใบหน้าตามัวแขนขาแทบทั้งตัว ต้องรักษาอยู่ ๓ ปี จึงหายได้
    พ.ศ.๒๔๕๘ เดือน ๗ ฝนตกน้ำขังในคลองแคน้อย ซึ่งห่างจากบ้านตา ประมาณ ๕ เส้น ได้ไปลงเล่นน้ำ ไปคนเดียว เดินลงไปถึงหลุมที่ขุดไว้จึงตกลงไปมิดหัวต้องกินน้ำเสียหลายกลืน นายแจ้ง ดีร่อง สักว่าเป็นอา เอาควายไปลงน้ำเห็นเข้า จึงได้เอาขึ้นมาได้
    พ.ศ.๒๔๕๙ นายจ่าง พุ่มมั่น ซึ่งเป็นน้าออกจากทหารมาบวชจำพรรษาอยู่วัดศิริราฎร์เจริญธรรม(ฤทธิ์)เข้าไปอยู่วัดด้วย หลวงน้าให้เรียนหนังสือ เดิมหัดเขียน ก.ข.๔ น้อย ซึ่งมี ๓๕ ตัว อักษรมีมีตัวอักษรดังต่อไปนี้ ก.ข.ค.ฆ.ง.
    จ.ฉ.ช.ฌ.ญ. ด.ต.ภ.ท.ธ.ฒ.พ.บ.ป.ผ.ฝ.ภ.ม.ย.ล.ร.ว.ส.ห.ฬ.อ.ฮฯ ใช้ไม้กระดานยาวประมาณ ๒ ศอกกว้างประมาณ ๑๕นิ้ว เอาดินหม้อมาผสมข้าวสุกทา เอาดินเหนียวมาปั้นเป็นดินสอเขียนหนังสือลงในกระดาน
    พ.ศ.๒๔๖๑ ไปเข้าโรงเรียนประชาบาล วัดคุ้งยางใหญ่ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เรียนอยู่ ๒ ปีอ่านหนังสือแบบเรียนเร็วเล่ม ๑ได้เพียงครึ่งเล่ม พอบวกลบได้ที่เรียนได้น้อยนั้น เพราะปีหนึ่งได้เรียนเพียง ๓ เดือน คือเข้าเรียน ๓ เดือนนอกนั้นต้องออกไปเลี้ยงควายอยู่ทุ่งนาพ.ศ.๒๔๖๕ ไปอยู่เลี้ยงควายให้นายชุ่ม นางพลับ ปั้นสำรี สักเป็นยายซึ่งเป็นพี่ของยาย บ้านวงฆ้อง ตำบลเกาะตาเลี้ยง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เดือนอ้ายหนาวจัด ๓ โมงเช้าจึงเห็นดวงอาทิตย์ เล่นปืนก้านร่ม เอาก้านร่มที่เป็นเหล็ก มาตัดทำเป็นปืนใช้ยิงนกเล็กๆ ขอดินปืนจากตาชุ่มใส่ขวดเล็กไว้ใช้ เอามาใช้เวลาเช้ามืด ข้างขวดเย็นเป็นน้ำ จึงเอาขวดที่ใส่ดินปืนมาอังไฟ(ลนไฟ) ไฟแลบเข้าขวดดินปืนในขวดจึงระเบิดแตกกระเด็นใส่ตาข้างซ้ายถึงกับหงายท้อง ต้องรักษาตาอยู่เดือนจึงหาย ไปเลี้ยงควายเขาให้ข้าว ๔๐ ถัง นัดให้แม่เอาล้อ(เกวียน)มาลาก แม่ไม่ไปลากตามกำหนด เขารื้อครัวเข้า ข้าวกองอยู่ในลานนาบึง รุ่งวันไปดูขโมยลักขนเอาไปหมด ในปีนั้นไม่ได้ค่าแรง
    พ.ศ.๒๔๖๗ นายจ่อง พุ่มอิ่ม ไปทำไม้ที่บึงหญ้า ตำบลสามพวง อำเภอคีรีมาศ ในสมัยนั้นยังเป็นอำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย มาขอให้ไปขับล้อ(เกวียน)ลากไม้จากบึงหญ้ามาลงที่โตนดทิ้งไม้ที่หน้าวัดวาลุการาม ไปอยู่แต่เดือน ๓ ถึงเดือน ๖ รวม ๔ เดือน ไม่ได้ค่าแรงเลย
    พ.ศ.๒๔๖๙ ไปอยู่เลี้ยงควายให้นายพลอย นางตาล สุวรรณโรจน์ ได้ข้าว ๑ เกวียน
    พ.ศ.๒๔๗๑ เดือน ๑๐ เป็นไข้หนักถึงกับลืมตัว ได้หมอชวน อยู่ทอง รักษา เป็นหมอโบราณ เมื่อหายแล้วผมร่วง
    มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๔ คน แต่ต่างบิดากัน คือ
    ๑. นายห้อม บุญมี
    ๒. นางจันทร์ ขำแจง
    ๓. นางถ้วน อยู่ทอง
    ๔. นายถนอม บุญมี
    logo
    ประวัติพระเกจิ
    พระธาตุศักดิ์สิทธิ์
    พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
    ปาฏิหาริย์พระเครื่อง
    ฆราวาสจอมขมังเวทย์
    ธรรมะพระอริยสงฆ์
    วัดที่สําคัญ
    ค้นหา
    หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ อ.เมือง จ.สุโขทัย
    ประวัติพระเกจิ
    12 พ.ย. 2022 6873
    share tweet share
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงพ่อห้อม อมโร
    วัดคูหาสุวรรณ
    อ.เมือง จ.สุโขทัย
    พระราชพฤฒาจารย์ (หลวงพ่อห้อม อมโร) วัดคูหาสุวรรณ ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย
    พระราชพฤฒาจารย์ (หลวงพ่อห้อม อมโร) วัดคูหาสุวรรณ ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย
    พระราชพฤฒาจารย์ (หลวงพ่อห้อม อมโร) พระเกจิดังแห่งวัดคูหาสุวรรณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย
    ◉ ชาติภูมิ
    หลวงพ่อห้อม อมโร นามเดิมชื่อ “ห้อม” บิดาชื่อ “นายเรือง” และมารดาชื่อ “นางมาลัย ครุฑนาค” ปู่ชื่อ “นายครุฑ” ย่าชื่อ“นางพลึง” ตาชื่อ “นายติ่ง” ยายชื่อ “นางปราง” อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน คือบ้านคลองตะเคียน หมู่ที่ ๑๒ ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ปู่เป็นผู้ใหญ่บ้าน
    พ่อ-แม่ อยู่บ้านปู่ย่าจึงคลอดที่บ้านปู่ คลอดวันอังคาร แรม ๑๓ ค่ำ เดือนยี่ ปีวอก วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๑ เวลาประมาณ ๕ โมงเย็น เวลาคลอดมีคนมาเยี่ยมกันมาก ปู่จึงถือนิมิตนี้ ตั้งชื่อให้ว่า ห้อม เมื่อคลอดแล้วคงอยู่ที่บ้านปู่ ย่า ต่อมาพ่อถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นทหารเข้าประจำการที่พิษณุโลก เมื่อถึงกำหนดปลดประจำการ ถูกระดมไปในราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ ขึ้นครองราชย์ เมื่อกลับมาถึงกองประจำการแล้วอยู่คอยรับใบกองหนุน เวลาเที่ยงคืนลงท้อง (ท้องเสีย) อย่างแรง เข้าใจว่าเป็นอหิวาตกโรค พอสว่างก็ขาดใจตาย เขาเอาศพไปฝังไว้ที่ป่าช้าวัดยาง พิษณุโลก ตายเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๕๔ เดือน ๔
    นายเต่า ครุฑนาค พี่ชายคนโต (ของพ่อ) ได้ไปขุดศพขึ้นมาเผาเก็บอัฐิธาตุมาให้ อัฐิธาตุนี้ได้เอาใส่ไว้หลุมนิมิต (หลุมลูกนิมิต) หลุมกลางรวมทั้งปู่ย่าด้วยในวันผูกพัทธสีมาวัดฤทธิ์ พ.ศ.๒๔๗๖ นายรอด คงเนียม (พ่อของท่านพระสุธรรมธีรคุณ (เจ้าคุณดำรง พทฺธญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไทยชุมพล) เป็นลูกพี่ลูกน้องกันไปเป็นทหารอยู่ด้วยกัน แต่เป็นทหารหลัง ๑ ปี เล่าว่า ได้เอาใจใส่พยายามรักษาอย่างเต็มที่ เวลาตายก็นอนตายในตักของแกเอง หลังจากพ่อตายแล้ว ตายายก็รับเอามาเลี้ยงส่วนแม่ก็มีสามีต่อไป
    พ.ศ.๒๔๕๕ ถึง พ.ศ.๒๔๗๗ เป็นคุดทะราด คือเป็นแผลตามใบหน้าตามัวแขนขาแทบทั้งตัว ต้องรักษาอยู่ ๓ ปี จึงหายได้
    พ.ศ.๒๔๕๘ เดือน ๗ ฝนตกน้ำขังในคลองแคน้อย ซึ่งห่างจากบ้านตา ประมาณ ๕ เส้น ได้ไปลงเล่นน้ำ ไปคนเดียว เดินลงไปถึงหลุมที่ขุดไว้จึงตกลงไปมิดหัวต้องกินน้ำเสียหลายกลืน นายแจ้ง ดีร่อง สักว่าเป็นอา เอาควายไปลงน้ำเห็นเข้า จึงได้เอาขึ้นมาได้
    พ.ศ.๒๔๕๙ นายจ่าง พุ่มมั่น ซึ่งเป็นน้าออกจากทหารมาบวชจำพรรษาอยู่วัดศิริราฎร์เจริญธรรม(ฤทธิ์)เข้าไปอยู่วัดด้วย หลวงน้าให้เรียนหนังสือ เดิมหัดเขียน ก.ข.๔ น้อย ซึ่งมี ๓๕ ตัว อักษรมีมีตัวอักษรดังต่อไปนี้ ก.ข.ค.ฆ.ง.
    จ.ฉ.ช.ฌ.ญ. ด.ต.ภ.ท.ธ.ฒ.พ.บ.ป.ผ.ฝ.ภ.ม.ย.ล.ร.ว.ส.ห.ฬ.อ.ฮฯ ใช้ไม้กระดานยาวประมาณ ๒ ศอกกว้างประมาณ ๑๕นิ้ว เอาดินหม้อมาผสมข้าวสุกทา เอาดินเหนียวมาปั้นเป็นดินสอเขียนหนังสือลงในกระดาน
    พ.ศ.๒๔๖๑ ไปเข้าโรงเรียนประชาบาล วัดคุ้งยางใหญ่ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เรียนอยู่ ๒ ปีอ่านหนังสือแบบเรียนเร็วเล่ม ๑ได้เพียงครึ่งเล่ม พอบวกลบได้ที่เรียนได้น้อยนั้น เพราะปีหนึ่งได้เรียนเพียง ๓ เดือน คือเข้าเรียน ๓ เดือนนอกนั้นต้องออกไปเลี้ยงควายอยู่ทุ่งนา
    พ.ศ.๒๔๖๕ ไปอยู่เลี้ยงควายให้นายชุ่ม นางพลับ ปั้นสำรี สักเป็นยายซึ่งเป็นพี่ของยาย บ้านวงฆ้อง ตำบลเกาะตาเลี้ยง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เดือนอ้ายหนาวจัด ๓ โมงเช้าจึงเห็นดวงอาทิตย์ เล่นปืนก้านร่ม เอาก้านร่มที่เป็นเหล็ก มาตัดทำเป็นปืนใช้ยิงนกเล็กๆ ขอดินปืนจากตาชุ่มใส่ขวดเล็กไว้ใช้ เอามาใช้เวลาเช้ามืด ข้างขวดเย็นเป็นน้ำ จึงเอาขวดที่ใส่ดินปืนมาอังไฟ(ลนไฟ) ไฟแลบเข้าขวดดินปืนในขวดจึงระเบิดแตกกระเด็นใส่ตาข้างซ้ายถึงกับหงายท้อง ต้องรักษาตาอยู่เดือนจึงหาย ไปเลี้ยงควายเขาให้ข้าว ๔๐ ถัง นัดให้แม่เอาล้อ(เกวียน)มาลาก แม่ไม่ไปลากตามกำหนด เขารื้อครัวเข้า ข้าวกองอยู่ในลานนาบึง รุ่งวันไปดูขโมยลักขนเอาไปหมด ในปีนั้นไม่ได้ค่าแรง
    พ.ศ.๒๔๖๗ นายจ่อง พุ่มอิ่ม ไปทำไม้ที่บึงหญ้า ตำบลสามพวง อำเภอคีรีมาศ ในสมัยนั้นยังเป็นอำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย มาขอให้ไปขับล้อ(เกวียน)ลากไม้จากบึงหญ้ามาลงที่โตนดทิ้งไม้ที่หน้าวัดวาลุการาม ไปอยู่แต่เดือน ๓ ถึงเดือน ๖ รวม ๔ เดือน ไม่ได้ค่าแรงเลย
    พ.ศ.๒๔๖๙ ไปอยู่เลี้ยงควายให้นายพลอย นางตาล สุวรรณโรจน์ ได้ข้าว ๑ เกวียน
    พ.ศ.๒๔๗๑ เดือน ๑๐ เป็นไข้หนักถึงกับลืมตัว ได้หมอชวน อยู่ทอง รักษา เป็นหมอโบราณ เมื่อหายแล้วผมร่วง
    มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๔ คน แต่ต่างบิดากัน คือ
    ๑. นายห้อม บุญมี
    ๒. นางจันทร์ ขำแจง
    ๓. นางถ้วน อยู่ทอง
    ๔. นายถนอม บุญมี
    หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย
    หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย
    ◉ ชีวิตในเพศบรรพชิต
    เข้าบวชที่พัทธสีมาวัดคุ้งยางใหญ่ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองจังหวัดสุโขทัย (พระราชประสิทธิคุณ พระอุปัชฌาย์) มีพระครูวินัยสาร (ทิม ยสทินฺโน) เจ้าคณะอำเภอเมืองสุโขทัย ต่อมาท่านได้เลื่อนขึ้นเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย นามสมณะศักดิ์ว่าพระครูวินิจฉัยพุทธบัญญัติ และต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย มีสมณะศักดิ์ว่าพระราชประสิทธิคุณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆรักเจ๊ก เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการแป๊ะ เจ้าอาวาสวัดคุ้งยางใหญ่เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    เข้าอุปสมบทในวันพฤหัสบดี แรม ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง วันที่๑๙ มีนาคม ๒๔๗๑ มีผู้เข้าร่วมอุปสมบทด้วยกันทั้งสิ้น ๒๗ คน เข้าโบสถ์เวลาเช้ามืด เข้าสวดญัตติคู่ที่ ๑ มีพร้อมกัน ๓ คน ๑.นายแล เรืองโต ๒.นายห้อม บุญมี ๓.นายยาค เกตุเอี่ยม สำเร็จญัตติ เวลา ๙.๐๐ น.ได้นามฉายา “อมโร”
    ประเพณีการบวชที่ ต.บ้านสวน ในสมัยนั้น ยังต้องไปแต่งตัวเป็นนาคที่วัดก่อนบวช วันแรม ๓ ค่ำ ตอนบ่ายจึงไปโกนหัวอาบน้ำแต่งตัวรับศีลเป็นนาคที่วัดคุ้งยางใหญ่ แล้วขึ้นคานหาม แห่ไปพักที่ร่มโพธิ์ทุ่งนาบ้านคลองแคใหญ่ เต้นรำกันพอสมควรแล้วขึ้นคานหาม แห่เข้าบ้าน ตอนเย็นทำขวัญนาค ได้นายแว่ว เป็นหมอทำขวัญ กลางคืนมีเพลง บวชแล้วมีเพลงฉลองอีก ๑ คืน ในงานนี้ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างมาก คือ
    ๑. นายพลอย-นางตาล สุวรรณโรจน์ ช่วยผ้าไตร ๑ ไตร
    ๒. นายไม้-นางพวง นักเพลงที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น อยู่บ้านแสงดาว พิษณุโลก มีศักดิ์เป็นน้า มาเล่นเพลงช่วย ๒ คืน
    ๓. นายทอง นายเที่ยง บ้านเกาะไม้แดง อ.ศรีสำโรง เอากลองยาวมาแห่ให้
    ๔. นายหนาบ บ้านวัดบอน เอาพิณพาทย์มาตีให้
    ๕. พวกญาติไปหาปลาในบึงมากันหลายหาบและที่บ้านก็เลี้ยงหมูไว้ด้วย
    ๖. บางพวกก็ทำเหล้า-น้ำขาว (สาโท) มาช่วยหลายโอ่ง
    ในงานบวชครั้งนี้จึงไม่ได้กู้ยืมเงินใครมาใช้เลย เมื่อบวชแล้วจึงมาอยู่จำพรรษาที่วัดฤทธิ์ศิริราษฎร์เจริญธรรม โดยมีหลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ เป็นเจ้าอาวาส มีพระอาจารย์โป่ง เป็นรองเจ้าอาวาส
    ศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อห้อม ได้สนใจใฝ่ศึกษามาตั้งแต่เป็นวัยเด็กโดยมีตาของท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมเป็นที่อัศจรรย์ ท่านเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งมีไก่ตัวผู้ซึ่งเป็นไก่ที่ตีเก่งและมันไปติดตัวเมียไม่ยอมกลับบ้าน ท่านจึงจะ ออกไปตามหาแต่ตาของท่านบอกว่าไม่ต้องไปหรอกประเดี๋ยวจะเรียกมันกลับมาเอง ตอนนี้ให้ไปหาข้าวให้ตากินก่อน ท่านจึงไปจัดหาข้าวให้ตากิน ต่อมาเวลาพลบค่ำตาท่านก็เรียกท่านมาหาบอกว่าไก่มาแล้ว และท่านก็เห็นตาท่านอุ้มไก่อยู่ในมุ้งแล้วก็ส่งให้หลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่ามันน่าอัศจรรย์ใจมากเพราะตาของท่านไม่สามารถเดินไปไหนได้ ดวงตาท่านมองไม่เห็น(ตาบอด)แต่สามารถใช้วิชาเรียกไก่มาได้ และทุกๆวันจะเห็นคนมาขอสีผึ้ง
    จากตาท่านจำนวนมาก ทำให้หลวงพ่อสนใจที่จะศึกษาวิชาด้านนี้ ต่อมาระหว่างไปเลี้ยงควายได้พบกับลุงอีกคนหนึ่งชื่อว่าลุงช่วยเป็นคนบ้านสวน หลวงพ่อเล่าว่า ระหว่างเลี้ยงควายด้วยกันลุงก็จะใช้ให้ไปย้ายควายกินหญ้าบ้าง ให้เอาควายไปกินน้ำบ้าง โดยลุงช่วยบอกว่าจะสอนวิชาให้
    แล้ววันหนึ่งลุงช่วยก็เรียกท่านมาแล้วบอกว่าให้ลองเอามีดแทงที่แขนซิ ก็ปรากฏว่าไม่เข้า ทำให้ท่านตื่นเต้นมากและลุงช่วยก็สอนให้แก่ท่านลุงช่วยบอกว่าเป็นวิชาของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร ซึ่งลุงช่วยเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งหลวงพ่อเงินสมัยนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ซึ่งต่อมาพระเดชพระคุณหลวงพ่อห้อมได้นำวิชานี้มาเป็นคาถาในการปลุกเศกวัตถุมงคลเพื่อให้มีผลในทางคงกระพัน ซึ่งท่านเล่าว่าก่อนที่จะนำไปปลุกเศกเหรียญหรือวัตถุมงคล ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าคาถายังใช้ได้ดีอยู่ หลวงพ่อจึงลองปลุกเศกตะกรุดและนำตะกรุดดังกล่าวไปใส่ในปลาช่อนซึ่งตายแล้วและเห็นว่าแม่ครัวกำลังจะทำอาหารถวายพระใน วัดคูหาสุวรรณนั่นเอง
    ท่องให้ฟังแล้วท่านก็หัดท่องตามซึ่งเรียกกันว่าต่อหนังสือ ท่านท่องจนได้ ในพรรษานี้ท่านเริ่มทำสมาธิอย่างจริงๆจังๆและท่านก็ได้เล่าให้ฟังว่า ตอนทำสมาธิใหม่ๆเมื่อจิตเกิดความสงบขึ้นในจิตใจ ก็ปรากฏว่าในนิมิตของท่านมีงูตัวใหญ่มากมาฉกกัดท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้รู้สึกกลัว ท่านบอกว่าคงเป็นเทวดามาแกล้งทดลองใจ ท่านทำสมาธิได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ในวัดฤทธิ์ก็ปรากฏว่ามีแขกของหลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ รวมทั้งชาวบ้านมาหาอย่างมากมายในแต่ละวัน

    วิชาทำพระเนื้อชินจากหลวงพ่อฤทธิ์ ซึ่งวัดฤทธิ์หรือวัดน้อยในสมัยนั้นยังเป็นศูนย์รวมสรรพวิชา ไม่ว่าจะยาสมุนไพร หรือยากลั่นหรือยาเปรี้ยว ซึ่งต่อมาพระเดชพระคุณหลวงพ่อห้อมก็มาใช้รักษาคนถูกหมาบ้ากัดหรือถูกงูกัด หรือแก้อาการปวดท้อง พระเดชพระคุณหลวงพ่อห้อมอยู่ที่วัดฤทธิ์นี้ได้ ๑ พรรษา หลวงพ่อฤทธิ์ได้เรียกท่านมาหาแล้วบอกให้ท่านไปเรียนศึกษาต่อที่ในจังหวัดสุโขทัยเพื่อให้มีความรู้มากขึ้น ซึ่งท่านก็ได้มาอยู่ที่วัดราชธานี แต่เนื่องจากในสมัยนั้นมีพระอยู่จำนวนมาก จึงต้องไปนอนในวิหารวัดราชธานีซึ่งปรากฏว่าในวิหารเย็นมากและกลางคืนก็หนาว ซึ่งอยู่ที่วัดราชธานีได้ไม่กี่วันหลวงพ่อดับ(ประดับ)เจ้าอาวาสวัดคูหาสุวรรณก็ได้เดินทางมาที่วัดราชธานี เพื่อชวนหลวงพ่อห้อม ให้ไปอยู่ด้วยกันที่วัดคูหาสุวรรณ ซึ่งหลวงพ่อดับก็เป็นคนบ้านสวนเหมือนกัน เมื่อหลวงพ่อดับบอกว่าถึงที่วัดคูหาสุวรรณ มันจะคับแคบแต่ก็อยากให้ไปอยู่ด้วยกัน ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อดับท่านจึงข้ามฝั่งมาอยู่วัดคูหาสุวรรณ นับแต่นั้นมา คือวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๓
    พ.ศ.๒๔๗๔ ท่านเข้าเรียนนักธรรมสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.๒๔๗๖ สอบได้นักธรรมชั้นโท พ.ศ.๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมชั้นเอก ในสำนักเรียนวัดราชธานี พ.ศ.๒๔๘๗ สมัครเข้าสอบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ที่โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคมสอบได้มัธยมศึกษาปีที่ ๖ มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากโดยลูกศิษย์ของท่านที่เป็นเถราจารย์ในชั นหลังต่อมา เช่น หลวงพ่อทองดี มหาวีโร อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองตะเคียน ระหว่าง พ.ศ.๒๕๒๙-๒๕๔๑ ที่ได้วิชาในการทำยากลั่น หรือยารักษาพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นตำรับยาโบราณที่เคยมีในอดีต การทำมวลสาร พระผงพุทธคุณ การจานตระกรุด เป็นต้น
    มรณภาพ
    หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ มรณภาพลงเมื่อ วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๑ สิริอายุรวมได้ ๙๐ ปี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อโตหลังหลวงพ่อห้อม และพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อห้อม ให้บูชาคู่กัน
    250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240112_203328.jpg IMG_20240112_203345.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1705156094864.jpg
    พระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ชาวบ้านม่วงเตี้ยให้ความเคารพ นับถือมากที่สุด เพราะท่านได้พัฒนา วัดยางขึ้นมาเป็นอย่างมาก อีกทั้งได้สนับสนุนการศึกษาในทุกๆด้าน ซึ่งมีโรงเรียนอยู่ติดกับวัดท่านก็ให้ความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีจึงมีชื่อของท่านอยู่ในชื่อของโรงเรียนด้วย (โรงเรียนวัดยางมณี “ชวนประชาสรรค์”) อีกทั้งยังเป็นผู้เรื่องเวทย์ โดยวัตถุมงคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็น 1.เชือกกลีบ 2.เหรียญปี 2516(รุ่น1) 3.พระพิมพ์สมเด็จซึ่งล้อพิมพ์วัดเกศไชโย 4.ผ้ายันต์ธงปี 2516 (โดดร่ม) 5.รูปถ่ายสมเด็จวัดเกศไชโยเลี่ยมพลาสติกปี 2516 6.ปลัดขิก (สร้างน้อยมาก) และ7.ยังมีพระเนื้อดินอีก ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อชวนมีเล่าขานกันมามากเช่นเหตุการณ์เกิดไฟไหม้วัด 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ที่หอสวดมนต์ไฟได้ลุกลามพอไปถึงหน้ารูปเหมือนของหลวงพ่อชวนไฟก็ดับเองโดยที่ผู้ที่ไปช่วยกันดับไฟต่างทึ่งไปตามๆกัน ครั้งที่ 2 กุฏิพระเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรไฟไหม้กุฏิพระหนึ่งหลังแต่ไฟไม่ไหม้โต๊ะหมู่บูชาซึ่งมีวัตถุมงคลของท่านอยู่ที่โต๊ะหมู่บูชา เป็นที่น่าแปลกใจกับผู้ไปช่วยกันดับไฟในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง และชาวบ้านละแวกนั้นต่างรู้กันดีว่าเชือกกลีบและวัตถุมงคลที่ท่านได้แจกให้นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ป้องกันเขี้ยว เล็บ ของสัตว์มีพิษ ได้เป็นอย่างดียิ่ง หลวงพ่อจวนวัดยางมณีถือเป็นครูบาอาจารย์อีกองค์ของหลวงพ่อทรงวัดศาลาดิน และท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อทรงด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างส่งครับ
    เหรียญรุ่น 2 หลวงพ่อจวนวัดยางมณีให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240113_212108.jpg IMG_20240113_212127.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2024
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    showimage (5).jpeg
    หลวงปู่ผาด อภินนฺโท หรือพระครูมงคลสาธุวัตร แห่งวัดไร่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อายุ ๙๔ ปี ๗๓ พรรษา ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๕๙ บิดาชื่อนายเหนี่ยง ทองฟู มารดาชื่อนางแจ๋ว ทองฟู ท่านมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดากันเป็นชายทั้งหมด โดยท่านเป็นคนกลาง
    ในวัยเด็กท่านศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนประชาบาลวัดยางมณี จนจบชั้น ป.๔ ท่านได้รับเมตตาจากท่านเจ้าคุณรัตนมุนี อัตทัสสีมหาเถระ วัดชีโพน ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในสมัยนั้น และเป็นศิษย์ของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ รับท่านเข้าไว้เป็นศิษย์ในสำนักเรียนของวัดชีโพน โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและกรรมฐานจากพระอาจารย์โดยละเอียดชัดแจ้ง
    ต่อมาเมื่อท่านอายุครบบวช จึงได้เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดยางมณี เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๘๑ โดยมีหลวงพ่อปลื้ม วัดช้าง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อแทน วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลังจากท่านอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และศึกษาวิชาธรรมกายจากหลวงพ่อสด หรือ ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำภาษีเจริญ ธนบุรี จนท่านบรรลุวิชาเข้าถึงดวงธรรมกาย และได้รับการยืนยันรับรองจากปากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ว่า “แสงแห่งพระธรรมกายนั้น ถ้าหยุดถูกที่แล้วจะสว่างไสวยิ่งกว่าพระอาทิตย์สักร้อยดวงมารวมกัน ถ้าใครยังไม่เชื่อให้ถามพระจากอ่างทององค์นี้ดู เพราะท่านสำเร็จธรรมกายขั้นสูงสุดแล้ว” พูดพลางหลวงพ่อสดก็ชี้มือมาที่หลวงปู่ผาด ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่มอยู่
    นอกจากนี้หลวงปู่ผาด ยังเรียนวิชาสำคัญจากพระเกจิสายอ่างทอง เช่น เรียนทำผงวิเศษจากหลวงพ่อภู วัดดอนรัก เรียนทำเบี้ยแก้ เสกปรอท จากหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ เรียนทำตะกรุดโบสถ์ลั่นจากหลวงปู่คำ วัดโพธิ์แก้ว
    ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ และตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
    อย่างไรก็ตาม แม้ทุกวันนี้หลวงปู่จะมีอายุกาลเข้าวัยชราภาพมากแล้ว แต่ท่านก็ยังคงอารมณ์อยู่ในวิปัสสนาญาณชั้นสูงอยู่ทุกขณะจิต ฉันอาหารได้มาก และดี ยังแข็งแรง มีความจำดีเลิศ ไม่หลงลืม ไม่ยินดียินร้ายในสมบัติของโลกทุกชนิด ไม่ยึดติด ไม่สะสม จำวัดกลางศาลาใหญ่ใกล้เมรุเผาศพ เมื่อคราวน้ำท่วมอ่างทองครั้งใหญ่ น้ำเอ่อล้นท่วมทุกที่ แต่ที่ศาลาใหญ่ที่ท่านจำวัดซึ่งสูงกว่าพื้นถนนไม่ถึงฟุต สายน้ำกลับวกไปไม่ท่วมถึง เคยมีพระสงฆ์ผู้รู้ทางในบอกไว้ในหมู่นักปฏิบัติหลังจากมากราบหลวงปู่ผาดว่า “พระอรหันต์นั้นหาไม่ยาก ในยุคนี้หากอยากกราบพระอรหันต์ก็ต้องรีบไปกราบหลวงปู่ผาด ที่วัดไร่ อ่างทองให้ได้เชียว”
    ในด้านการปลุกเสกพระเครื่องเครื่องรางของขลัง หลวงปู่นั่งอธิษฐานจิตแบบลืมตาเสก คือว่าคาถาเป่าไปเรื่อยๆ ซึ่งผู้รู้บอกว่า การลืมตาเสกเป็นการเสกแบบเปิดโลก แบบเดียวกับหลวงปู่ดู่ วัดสะแก คือ เปิดหนทางทุกอย่าง เปิดโภคทรัพย์ เปิดทางชีวิต มีอภิญญาจิต คุณวิเศษ ผู้หยั่งรู้วาระจิตคน เล่ากันว่าแม้แต่เทวดายังมาฝากตัวเป็นศิษย์ และกระแสจิตท่านเทียบเท่าท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต พระอรหันต์กลางกรุงแห่งวัดเทพศิรินทร์ฯ
    หลวงปู่ผาดได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อเป็นเครื่องอุปถัมภ์ศิษย์ และเป็นที่ระลึกถึงความเจริญ ความเป็นมงคลมาตั้งแต่ท่านเริ่มมาครองวัดไร่ใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบันมีหลายรุ่นที่โด่งดัง และก่อเกิดประสบการณ์อภินิหารมากมาย อาทิ พระพรหมลิขิต พระกริ่งเพชรกลับ พญาครุฑ ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทอง พระบรมครูฤาษี ตะกรุดฝนแสนห่า ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช พระพิฆเนศวร หมากทุย พระกริ่งดีดศาลา ตะกรุดหวายรองบาตร เป็นต้น
    อาราธนานัง-รายงาน
    ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่น 2 หลวงปู่ผาดวัดไร่ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240113_212234.jpg IMG_20240113_212257.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1705158134180.jpg
    พระครูสิริบุญาเขต (หลวงพ่อมี จิตฺตธโม) วัดม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
    พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด และเมตตามหานิยม บริสุทธิ์ผ่อง
    แผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม ถือมรรคน้อยสันโดด ไม่ยึดติดในโลก โกรธหลง มีญาณสมบัติแก่กล้า พูดน้อยใจดี มีศีลบริสุทธิ์
    ปฏิปทาน่าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปันโนที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    เป็น ศิษย์สืบทอดไสยเวทย์สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จากหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งหลวงพ่อซวง พระอาจารย์ของหลวงพ่อมีองค์นี้เป็นพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงมากที่สุดองค์ หนึ่งของเมืองไทย ท่านมีสมาธิจิตและบุญญาบารมีสูงแก่กล้า วัตถุมงคลของท่านทุกอย่างศักดิ์สิทธิ์แน่นอนตอนละสังขารได้อธิษฐานร่างเป็น หินและ
    เผาไม่ไหม้ หลวงพ่อมีได้ศึกษาวิชาและปฏิบัติดูและรับใช้หลวงพ่อซวงจนถึงวันที่ท่านละสังขาร
    และ เป็นศิษย์สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ศึกษาวิชาหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จากหลวงพ่อเต๊ะ วัดม่วงคัน ด้วยความเชี่ยวชาญแตกฉานขมังเวทย์ในพุทธาคม ทำให้วัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อมีประสบการณ์ชัดเจน พิสูจน์กันมาแล้วมากมาย
    ประวัติ
    นาม เดิม นายบุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิด ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2470 เป็นบุตรคนโตในจำนวนทั้งหมด 6 คนคือ 1. หลวงพ่อมี 2. นายเพี้ยน 3.นางบาง 4. นางเชิด 5. นายช่วย 6. นายชอบ ของโยมพ่อชั้น และโยมแม่เจียก
    เรียนจบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน หลังจากนั้นได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
    อุปสมบท เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ณ พัทธสีมาวัดม่วงคัน วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 โดยมี หลวงพ่อนุ่ม ธมฺมกาโม วัดนางใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺมธีโร วัดนางใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จิตฺตทโม”
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่วัดนางใน และวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
    การศึกษาพุ ทธาคม ไสยเวท มนต์คาถา เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ได้อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม
    หลวง พ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาสตร์เวทมนต์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง พระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนวัตถุมงคลมีค่านิยมหลักหมื่นต้นๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่มเหรียญรุ่น 1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้เล่นหาราคาสูง และหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก
    หลวง พ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้ มีไสยเวท มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า “มนต์พระสังข์” ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น
    แม้ ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศจนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนาง ใน
    หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทจากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น ในลำดับแรกท่านได้สอนวิชาทำสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ถ่ายทอดวิชาจุพลังคุณ พระคาถาผงมนต์ พระสังข์ ทำเบี้ยแก้ มหาอุด คงกระพันชาตรี เมตตาค้าขาย ทำน้ำมนต์แก้คุณไสย ขับภูตผี ทำตะกรุด ทำผงปถมังอิทธิเจ ตรีนิสิงเห และผงมหาราช หน้าพระลักษณ์
    เมื่อ ศึกษาจบสิ้นแล้ว ได้ลาพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์มุ่งสู่อำเภอพุทธบาทผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร พระธาตุพนม จ.นครพนม สู่ประเทศลาว แล้วกลับมาทางนครราชสีมา เขาปักธงชัย จ.นครนายก ต่อไปวัดยางมณี อ.วิเศษไชยชาญ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาสะกดสัตว์ร้ายจากท่านพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ท่านเชี่ยวชาญเรื่องวิชาป้องกันสัตว์ร้าย วิชาทำข้อกำไลแขน เชือกผูกเอว ผูกแขนป้องกันสัตว์ร้ายได้สารพัด
    เมื่อได้เรียนวิชา แล้วก็ลาหลวงพ่อชวน จากวัดยางมณีไปกราบนมัสการหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว 2 พรรษา ได้ขอศึกษาไสยเวทพุทธาคมจากหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น
    พ.ศ. 2500 หลวงพ่อมี จิตฺตทโม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคัน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ. 2513 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอกพิเศษในนามพระครูสิริบุญเขต เมื่อปี พ.ศ. 2542 จวบจนปัจจุบัน
    ประวัติพระครูสิริบุญเขต (หลวงพ่อมี จิตฺตธโม) อายุ 81 ปี พรรษาที่ 61 เจ้าอาวาสวัดม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พระ เกจิอาจารย์ขมังเวทย์ ด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคลัวคลาด เมตตามหานิยม มหาอุต สิริมงคล โชคลาภ มีญาณสมาบัติแก่กล้า ปฏิปทาหน้าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปัณโน ที่กราบได้อย่างสนิทใจ
    ชาติภูมิ หลวงพ่อมี มีนามเดืมว่า บุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2470 เป็นบุตรคนใดในจำนวนทั้งหมด 6 คนคือ 1.หลวงพ่อมี 2.นายเพี้ยน 3.นางบาง 4.นางเชิด 5.นายช่วย 6.นายชอบ ของโยมพ่อชั้น โยมแม่เจียก ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง จบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน เมื่อจบการศึกษาแล้วได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
    อุปสมบท ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดม่วงคัน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2491 โดยมีหลวงพ่อนุ่ม ธฺมมาราโม วัดนางในเป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดินเป็นพระธรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺธีโร วัดนางในเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อมีได้รับฉายาว่า จิตฺตธโม ครั้นอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีประขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่ วัดนางในและวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
    การศึกษาพุทธาคม ไสยเวทย์มนต์คาถา หลวงพ่อมี จิตฺตธโมนั้น เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม หลวงพ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ ในวิชาไสยศาสตร์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากาหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อิ่มวัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าจากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งพระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนแต่มีวัตถุมงคลที่มีค่านิยมหลักหมื่นต้น ๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่ม เหรียญรุ่น1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้ เล่นหากันราคาสูงและหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก หลวงพ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้มีไสยเวทย์มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า "มนต์พระสงข์" ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น แม้ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ จนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนาง ใน หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น
    ประสบการณ์ เหรียญเสมารุ่น1 มีประสบการณ์ปืนยิงไม่ออก ได้เกิดเหตุยิงกันในวันงานยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดม่วงคัน มีวัยรุ่นไล่ยิงกันมาอีกฝ่ายวิ่งหนี อีกฝ่ายถือปืนวิ่งตาม คนวิ่งหนีเข้าไปในร้านค้าป้าหวุย เป็นร้านค้าอยู่หน้าวัดม่วงคัน หนีออกทางประตูหลังร้าน ในขณะเดียวกัน ลูกชายป้าหวุยเจ้าของร้านไม่รู้เรื่องได้เดินสวนออกมา วัยรุ่นที่ถือปืนตามมา คิดว่าเป็นพวกออกมาจะต่อสู้จึงได้ยิงด้วยปืน .38 ทันทีหลายครั้ง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก ลูกป้าหวุยโดนยิงแต่กระสุนไม่ออกได้แขวนเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมีอยู่ในคอเหรียญเดียว ชื่อนายจิมมี่ แสงอำนาจเจริญ เป็นบุตรชายของป้าหวุย แสงอำนาจเจริญ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างงานผู้คนมากมายรู้กันทั้งตำบล และมีประสบการณ์อีกหลายครั้ง
    ครั้งที่ 2 เกิดเรื่องยิงไม่ออกอีก เกิดในคืนวันงานผูกพัทธสีมาผังลูกนิมิต วัดม่วงคันในปีพ.ศ.2541 ตำรวจนอกเรื่องแบบ อดีตเป็นตำรวจอยู่ประจำสน.รำมะสักได้ย้ายไปอยู่สน.อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้มาเที่ยวงานวัด มากินอาหาร ดื่มสุราที่ร้านเบียร์สดหน้าวัดจนเมามาย ได้พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.รำมะสักที่คุ้นเคยรู้จักกัน อยู่ในชุดเครื่องแบบรักษาการอยู่ได้โซเซเข้าไปชักชวนมาร่วมดื่มสุราด้วย ตำรวจในชุดรักการอยู่บอกปฏิเสธว่า "มึงไม่รู้เรื่องหรือ กูกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่" เท่านั้นแหละ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เมาสุราไม่พอใจ กระโดดเข้าชกต่อย เกิดการต่อสู้กัน ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ชักปืนออกมาแล้วยิง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก เหตุเกิดขึ้นในงานใกล้ปากประตูเข้าวัด มีผู้คนรู้เห็นมากมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงไม่ออก มีเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมี ห้อยคออยู่เหรียญเดียว
    และอีกประสบหนึ่งมีชาวบ้านห้อยแขวนเหรียญเสมา รุ่น1 นี้อยุ่ในคอเหรียญเดียว ถูกรถชนกระเด็นไปหลายวา ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแม้นเลือดออกแม้แต่หยดเดียว รอดชีวิตมาได้อย่างปฏิหารย์ เหรียญเสมารุ่น1 นี้ ออกแจกให้ชาวบ้านและศิษย์จำนวน 5,000 เหรียญออกในปีพ.ศ.2514 เป็นเนื้อทองแดง เนื้อเดียว ได้ปลุกเสกอธิฐานจิตโดยหลวงพ่อมี องค์เดียว เหรียญรุ่น1 นี้ค่อนข้างหายาก ชาวบ้านต่างหวงแหน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อมีวัดม่วงคันให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240113_212152.jpg IMG_20240113_212211.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1704975838189-jpg.jpg
    "หลวงพ่อสมบูรณ์ รัตนญาโณ"
    พระผู้ยอดเยี่ยมเปรี่ยมไปด้วยความเมตตา สมบูรณ์พร้อมด้วย ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ พระผู้เชี่ยวชาญชำนาญพระเวทย์แห่งฝั่งธนฯ
    #ประวัติโดยสังเขป
    พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์(สมบูรณ์ รตนญาโณ ป.ธ.๓) ผจล.ชอ./เจ้าคณะ๔
    --------------------------------------------------
    พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ มีนามเดิมว่า สมบูรณ์ นามสกุล บุญมา เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2501 ที่บ้านหนองหว้า ต.หนองไฮ. อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ในชนเผ่า ส่วย
    โยมพ่อ ชื่อ นายเลี้ยง บุญมา.
    โยมแม่ ชื่อ นางฝ้าย วิสาเกษ
    เป็นบุตรชายคนเดียว ของครอบครัว
    ต่อมาได้ศึกษาเล่าเรียนมาตามลำดับ
    ปี 2512 จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่ ร.ร.บ้านนาโนน ต่อมาโยมแม่เสียชีวิต ท่านจึงกราบลาโยมพ่อ เพื่อเข้าอุปสมบท ซึ่งหลวงพ่อมีกุศลเจตนาที่จะบรรพชาอุปสมบทมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่โยมแม่ไม่อนุญาตให้บวช เมื่อท่านบวชแล้ว ต่อมาโยมพ่อจึงแต่งงานใหม่
    ........เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2521 โดยมี พระอธิการเครื่อง สุภทฺโท วัดสระกำแพงใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมามีสมณศักดิ์เป็น พระมงคลวุฒ
    หลวงปู่สุข โกวิโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ
    พระอาจารย์สมชาย เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ณ พัทธสีมาวัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
    ขอเรียนวิชา แม่น้ำทั้งห้า คือวิชาทำน้ำมนต์ ถอนคุณต่างๆ จากหลวงปู่เครื่อง ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยบวชแล้วก็มาจำพรรษา วัดพงพรต ขอเรียนและศึกษาวิชากับหลวงปู่ใหญ่ลา ซึ่งในสมัยนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ด้านยันต์ฝนแสนห่าและตะกรุดโทน เด่นในด้านแคล้วคลาดและท่านศึกษาภาษาขอม ภาษาธรรมอีสาน ภาษาไทยน้อย และภาษาลาว ภายใน ๑ พรรษาหลวงพ่อท่านก็สามารถอ่านออกเขียนได้ และได้เล่าเรียนนวกภูมิ มาตามลำดับ จนกระทั่งปี
    พ.ศ.2523 สอบไล่ได้ นักธรรมชั้นเอก
    พ.ศ.2523 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดนาโนน
    พ.ศ.2526 หลวงพ่อย้ายมาจำพรรษา ณ วัดหงส์รัตนาราม กทม. เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแผนก บาลี โดยหลวงพ่อเป็นผู้ทรงจำพระปาฎิโมกข์ ได้แม่นยำ ซึ่งในสมัยนั้นใครจะมาอยู่วัดหงส์ฯ หากพรรษา 1-4 ต้องสวดมนต์เจ็ดตำนาน สิบสองตำนานได้ แต่หาก 5 พรรษาจะเข้ามาอยู่ต้องท่อง หรือทรงจำพระปาฏิโมกข์ได้ จึงจะสามารถมาอยู่วัดหงส์ฯ ได้
    พ.ศ.2528 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระใบฎีกา ฐานานุกรมในพระปริยัติมุนี
    พ.ศ.2530 สอบไล่ได้เปรียญธรรม 3 ประโยค(พระมหาสมบูรณ์)
    พ.ศ.2543 ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการตรวจธรรมสนามหลวง
    พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง
    พ.ศ.2551 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นโท (ผจล.ชท.)
    ในราชทินนามที่ "พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์."
    ปี 2559 เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
    @.....เมื่อหลวงพ่อได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหงส์รัตนารามแล้ว ก็ได้เห็นคัมภีร์ใบลาน สมุดข่อย ต่างๆของวัด ประมาณสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งภายในวัดไม่มีผู้อ่านและแปลได้เลย ท่านก็นำมาแปล นำมารวบรวมเรียบเรียงและตีพิมพ์แจกในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระเทพรัตนโมลี(ชูศักดิ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดหงส์ฯ บ้าง และเก็บรักษาเอาไว้บ้าง เพราะท่านมีความประสงค์ที่จะเผยแผ่ธรรม ซึ่งใครจะมายกครูขอเรียนขอศึกษาท่านก็มิเคยหวงแต่ประการใด และได้บำเพ็ญสมณธรรมเรื่อยมา ซึ่งหลวงพ่อสมบูรณ์ ก็อยู่ใกล้ชิดถวายการรับใช้หลวงพ่อพระเทพรัตนโมลี อดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปเรื่อยมา ซึ่งก็มีหลากหลายวิชาที่ท่านได้ศึกษามา เช่น
    วิชาฝนแสนห่า ตระกรุดโทนและวิชาลงตะกรุดต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อไปขอเรียนโดยตรงจากหลวงปู่ใหญ่ลา วัดพงพรต จ.ศรีสะเกษ
    วิชาพระเจ้า 16 พระองค์ และ นะโมตาบอด ได้ขอกับหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ เมื่อครั้งเดินทางไปขออนุญาตสร้างเหรียญหยดน้ำปี 2543 ซึ่งหลวงปู่หมุน ก็เคยมาจำพรรษาที่วัดหงส์รัตนารามด้วย และ เรียนวิชาหมากินความคิด เด่นในด้านเมตตามหาเสน่ห์ จากอาจารย์ตรึม ในประเทศเขมร และโยมทองสมุทร เป็นต้น ซึ่งมีครูบาอาจารย์อีกหลายท่านด้วยกัน และยังสืบทอดโลกุตรธรรม ๑๙ สายสำเร็จลุนหรือสมเด็จลุน สปป.ลาว ซึ่งไปพบเจอในคัมภีร์ใบลานที่สามเณรวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) นำมาให้แปล ต่อมาหลวงพ่อก็ได้ทำตะกรุดหนุนดวง โดยใช้หลักโหราศาสตร์ ซึ่งท่านได้ศึกษามา ว่ากันว่าเป็นการเสริมดวงเสริมบารมี โดยใช้วันเดือนปีเกิดของแต่ละท่านทำจนมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในและต่างประเทศ โดยทุกปีหลวงพ่อ จะมีพิธียกครูพระอานนท์ ซึ่งถือว่าเป็นครูเพราะท่านทรงจำพระธรรมวินัยจากพระพุทธองค์ไว้มาก โดยหลวงพ่อใช้ คาถาโลกุตรธรรม
    ...@ ซึ่งหลวงพ่อพระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ หรือคนทั่วไปเรียกสั้นๆตามชื่อท่านว่า หลวงพ่อสมบูรณ์ นอกจากจะศึกษาพระธรรมวินัยมาตามลำดับแล้วก็ยังศึกษาเรื่องของคาถาอาคมมาด้วย ซึ่งทุกปี หลวงพ่อท่านก็จะสอนนักธรรม ให้แก่พระนวกะอีกด้วย
    บทโคลงพจนมาลัย ถวายแด่ “พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์”
    (สมบูรณ์ รตนญาโณ, บุญมา ป.ธ.๓)
    -----------------------------------------
    พระคือผู้พิสุทธิ์แผ้ว จรณะ
    ศีลสมาธิปัญญาพระ ประพฤติแท้
    อยู่ง่ายสุขสงบสมถะ ละกิเลส
    สงเคราะห์หมู่สาธุชนแล้ กิจถ้วนแห่งสงฆ์
    พระคือองค์ธรรมกถึกทั้ง ประกาศธรรม
    จาริกภิกขาจารนำ สว่างแผ้ว
    ชี้ทางละอกุศลกรรม อกุศลจิต
    ที่พึ่งใจหนึ่งแล้ว ประหนึ่ง แก้วกลางกรุง
    คือหนึ่งพระมุ่งสร้าง บารมี
    คือหนึ่งมหาเถระดี จรณะล้ำ
    ครบ “หกสิบเอ็ดปี” อายุวัฒน์ แล้วเอย
    สิริวัฒนมงคลค้ำ ปกคุ้มพระเดชพระคุณ
    พระคุณพระเดชได้ ครองสงฆ์
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสองค์ หนึ่งรู้
    อารามแห่ง “วัดหงส์ รัตนารามราช วรวิหาร” เอย
    คือ “พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์” ผู้ ประจักษ์สิ้นศีลหอม
    พระ ผู้เพียรประพฤติพร้อม งดงาม
    ครู พระขมังเวทย์ นาม กระเดื่องด้าว
    ไพบูลย์ สืบพุทธศาสน์ตาม พุทธบาท
    รัตนาภรณ์ ผ่องอะคร้าว อนรรฆล้ำคุณหนา
    สมบูรณ์ พูนค่าล้น จริยวัตร
    รตนญาโณ ชัด จรัสแผ้ว
    บุญมา เพราะบุญปริยัติ ปฏิบัติ
    ท่าน “พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์” แก้ว ประดับแล้ววงศ์สงฆ์ ฯ
    --------------------------------------------------
    น้อมประพันธ์ถวาย โดย...(สาคร ชิตังกรณ์)
    ตรวจทานประวัติโดย : พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์
    แชร์ไปให้บารมีหลวงพ่อคุ้มครอง
    อายุ 61 ปี 41 พรรษา ที่ผ่านมา ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา มาโดยตลอด ยึดมั่นในแนวทางการปฏิบัติ ปริยัติ สมถะ แม้จะจำพรรษาในอาราม เมืองหลวงใหญ่ หลวงพ่อก็เป็นเฉกเช่นพระสมถะ ธรรมดา ยังคงสอนคำสอนตามแนวทางพระศาสนา ให้กำลังใจ เป็นหลักชัยยึดเหนี่ยวของบรรดาศานุศิษย์ตลอดมา
    สอน เสก สร้าง
    สอน=สอนธรรมะ สอนการใช้ชีวิต สอนปริยัติ สอนปฏิบัติ
    เสก= เสกกำลังใจ เสกสรรค์งานเพื่อพระศาสนา
    สร้าง=สร้างคน สร้างการศึกษา สร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่
    fb_img_1704975602989-jpg.jpg
    หลวงพ่อสมบูรณ์ รตนญาโณ
    ผู้ดำเนินการก่อสร้างพระธาตุหนุนดวง
    ขอเรียนเชิญ พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญ เป็นเจ้าภาพกองบุญ วัสดุอุปกรณ์ ในการดำเนินการก่อสร้าง เจดีย์พุทธาคมรตนญาณมุนีศรีนครลำดวน ( พระธาตุหนุนดวง )
    จัดสร้าง ณ วัดนาโนน ต.หนองไฮ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
    รายการร่วมทำบุญ
    1.เจ้าภาพปูนซีเมนต์ กระสอบละ 110 บาท
    2.เจ้าภาพทราย คิวละ 380 บาท
    3.เจ้าภาพหิน คิวละ 830 บาท
    4.เจ้าภาพเหล็กเส้น ตามกำลังศรัทธา
    5.เจ้าภาพเสาเข็มฐานเจดีย์ ชั้น 1 เสาละ 10,000 บาท
    6.เจ้าภาพเสาเข็มเจดีย์ ชั้น 2 เสาละ 20,000 บาท
    7.เจ้าภาพเสาเข็มเจดีย์ ชั้น 3 เสาละ 30,000 บาท
    8.เจ้าภาพเสาเข็มเจดีย์ ชั้น 4 เสาละ 40,000 บาท
    สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
    วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร คณะ ๔
    บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    ทำบุญตามกำลังศรัทธา ได้ที่
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาโพธิ์สามต้น
    เลขบัญชี 047-1-72847-0
    ชื่อบัญชี พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ เพื่อสมทบสร้างเจดีย์พุทธาคมฯ
    ขออนุญาติท่านเจ้าของลิขสิทธิ์และไฟล์ภาพทุกๆภาพครับ เพื่อการเผยแผ่กิตติคุณบารมีพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    สร้างในปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ โดยมีพิธีที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ผู้จัดสร้างคือ พระมหาสมบูรณ์ รตนญาโณ ปธ.๓ (ปัจจุบันคือ พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม กทม.และได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก โดยมี เจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานจุดเทียนชัย และมีหลวงปู่คำพันธุ์ โฆษปญฺโญ วัดพระธาตุมหาชัย อ.นาแก จ.นครพนม เป็นองค์ดับเทียนชัย และมีเกจินั่งปรกอธิษฐานจิต อาทิเช่น หลวงพ่อเปิ่น วัดท่าพระ หลวงพ่อหยอด หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง เป็นต้น และนอกจากนี้ยังได้นำไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดสุทัศน์ ปีเดียวกันนี้ ๒๕๓๖ ด้วย
    พระผงหลวงพ่อแสน วัดหงส์ ธนบุรี รุ่นแรก เนื้อผงใบลาน พิธีมหาพุทธาภิเศกพระอุโบสถวัดหงส์รัตนาราม ปีพ.ศ.๒๕๓๖ ปลุกเสกโดยพระเกจิคณาจารย์อาทิ
    ๑. สมด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
    ๒. สมเด็จพระพุฒาจารย์
    ๓. สมเด็จพระมหาธีราจารย์
    ๔. พระเทพศีลวิสุทธิ์
    ๕. พระหลวงพ่อแพ
    ๖. หลวงพ่ออุตตมะ
    ๗. หลวงตาจันทร์
    ๘. หลวงปู่คำพัน
    ๙. หลวงพ่อเปิ่น
    ๑๐. หลวงพ่อหยอด
    ๑๑. หลวงพ่อพุฒ
    ๑๒. หลวงพ่อยิด
    ๑๓. หลวงพ่อตี๋
    ๑๔. หลวงพ่อสำราญ
    ๑๕. หลวงพ่อเชิญ
    ๑๖. หลวงพ่อเกตุ
    ๑๗. หลวงพ่อเมี้ยน
    ๑๘. หลวงพ่อจวน
    ๑๙. หลวงพ่อช้วน
    ๒๐. หลวงพ่อหลิว
    ๒๑. หลวงพ่อเจ๊ก
    ๒๒. หลวงพ่อคูณ
    ๒๓. หลวงพ่อมี
    ๒๔. หลวงพ่อผัน
    ๒๕. หลวงพ่อแคล้ว
    ๒๖. หลวงพ่อเก๋
    ๒๗. หลวงพ่อเทียง
    ๒๘. หลวงพ่อป่วน
    ๒๙. หลวงพ่อแช่ม
    ๓๐. หลวงพ่อทิม
    ๓๑. หลวงพ่อทวี
    ๓๒. ครูบาสร้อย
    ๓๓. หลวงปู่บุดดา
    ๓๔. หลวงพ่อสมาน
    ๓๕. หลวงพ่อโสม
    ๓๖. หลวงพ่อชม
    ๓๗. หลวงพ่อธวัช
    ๓๘. หลวงพ่อถาวร
    ๓๙. หลวงพ่อบุญมา
    ๔๐. หลวงพ่อชูศักดิ์
    ๔๑. หลวงพ่อแฉล้ม, ฯลฯ
    พุทธคุณเด่นเมตตามหานิยม ปกป้องคุ้มภัย นำมาซึ่งโชคลาภ ค้าขายร่ำรวย พระดีพิธีใหญ่ หายาก น่าสะสมบูชา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    สายตรงในกลุ่มหลวงพ่อ ให้บูชาองค์ละ๑,๐๐๐บาทเลยนะครับ รุ่นนี้
    พระผงหลวงพ่อแสนวัดหงษ์รัตนารามรุ่น 1 ให้บูชาคู่กัน 2 องค์ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    ชุดที่ ๔ (ปิดรายการ)

    IMG_20240113_235147.jpg IMG_20240113_235105.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2024
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1705225686086.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  10. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,907
    ค่าพลัง:
    +6,804
    ขอจองชุด 4 ครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    el.jpg

    https://palungjit.org/threads/ปาฏิหาริย์-หลวงพ่อเกษม-เขมโก.769254/


    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษมเขมโกหลังหนู อายุ 77 พรรษา ๒๘ พ.ย แจกกรรมการ ที่ระลึกจากท่านผู้พิพากษา
    พระดีปีลึก รุ่นเก่า ท่านใดหาวัตถุมงคล หลวงพ่อเกษม แบบทันยุค แนะนำ รุ่นนี้ ครับ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240114_191642.jpg IMG_20240114_191612.jpg IMG_20240114_191709.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1705236159548.jpg
    ประวัติ

    พระครูไพศาลสมณกิจ(หลวงปู่ดี อัตตะทันโต) ท่านเกิดเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ที่บ้านเลขที่ 51ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา บิดาของท่านชื่อ นาย อินทร์ มุ่งนากลาง มารดาของท่านชื่อ นาง มุข มุ่งนากลาง ท่านมีพี่น้องรวมกัน 5 คน ท่านเป็นคนแรก ในวัยเด็กของท่านได้ช่วยบิดาและมารดาของท่านประกอบอาชีพทำนา และได้เล่าเรียนหนังสือจนในปีพ.ศ. 2481 ท่านสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2493 อายุ 24 ปี ท่านได้ทำการอุปสมบท ที่วัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา โดยมีพระอุปัชฌาย์นามว่า พระครูพนมวนาภิรัต (หลวงพ่อบุญ) วัดพนมวันท์ พระกรรมวาจาจารย์นามว่า พระอธิการอ๊อต โอภาโส พระอนุสาวนาจารย์นามว่า พระอธิการวัน โชตโก เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัด ลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 ท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองจอก ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา ในปีพ.ศ. 2500 ท่านสอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษา วัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา ในปีพ.ศ. 2501 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศาสนศึกษา วัดลองตอง ในปีพ.ศ. 2510 ท่านได้สร้างพระอุโบสถวัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2514 ท่านได้สร้างกุฏิสงฆ์ที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2519 ท่านได้สร้างกุฏิกัมมัฏฐานและหอฉันที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2521 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูชั้นประทวน ในปีพ.ศ. 2523 ได้ทำการขุดลอกสระน้ำที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2524 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระธรรมทูตอบรมศีลธรรมวัฒนธรรม ในเขตตำบลบ้านโพธิ์ ในปีพ.ศ. 2525 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบล บ้านโพธิ์ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นคราชสีมา และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2526 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ในปีพ.ศ. 2527 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรีในราชทินนาม พระครูไพศาลสมณกิจ ในปีพ.ศ. 2528 ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2530 ท่านได้สร้างห้องสมุดที่วัดหนองจอก ในปีพ.ศ. 2532 ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดหนองจอกและได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะชั้นโท ในราชทินนามเดิม(พระครูไพศาลสมณกิจ) ในปีพ.ศ. 2536 ท่านได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักร ในด้านการส่งเสริมศึกษาสงเคราะห์ ในปีพ.ศ. 2540 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอกในราชทินนามเดิม (พระครูไพศาลสมณกิจ) ท่านเป็นที่พึ่งทางการศึกษา กายและใจ ของประชาชน พระ เณร ตลอดจนการที่ท่านเป็นนักพัฒนา นอกจากนี้มีประชาชนจำนวนมากที่มาหาท่านขอให้ท่านช่วยรดน้ำมนต์ให้ท่านได้ทุ่มเทกายและใจของท่านให้กับพระพุทธศาสนาเรื่อยมา จนกระทั่งท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2546 รวมอายุ 78 ปี 54 พรรษา
    FB_IMG_1705236194846.jpg

    ปลุกเสกเทียนระเบิด



    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนเนื้อผงไม้งิ้วดำรุ่นแรกหลวงพ่อดี ปี 2522 และรูปถ่ายขาวดำยุคแรก ผิวปรอท ให้บูชาคู่กัน
    400บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240114_191806.jpg IMG_20240114_191826.jpg IMG_20240114_191735.jpg IMG_20240114_191849.jpg IMG_20240114_191905.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    unnamed-2-jpg.jpg
    ลานโพธิ์ฉบับเดือนกุมภาพันธ์2558 นี้ ได้ลงเรื่องราวเหตุการณ์ที่หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน ซึ่งได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลวัดไก่จ้น ปี2521 แล้วในระหว่างพิธีได้เพ่งพานแตกซึ่งเรื่องราวในเหตุการณ์ น่าอัศจรรย์มาก โดยคุณเก่ง รางน้ำ น้องที่สนิทกัน ได้เขียนเรื่องราวดังนี้
    """ เหตุใดเหรียญหลวงปู่ลำภู จึงนิยมรุ่น 3 มากที่สุด ผมเคยนำเสนอท่านผู้อ่านกันไปแล้วถึงประวัติหลวงปู่ลำภู คงฺคปญฺโญ และพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี พ.ศ. 2502 ของท่าน เลยมีหลายท่านอยากทราบถึงเหรียญของหลวงปู่ลำภู กันบ้างว่ามีกี่รุ่นและรุ่นไหนนิยมมากที่สุด เพราะเหตุใด ผู้เขียนเก่งรางน้ำ เลยรวบรวมข้อมูลมาเขียนให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันถึงเหรียญที่หลวงปู่ลำภูสร้างนั้นมีอยู่4รุ่นและเหรียญรุ่น3นั้น นิยมมากที่สุด ผมจะเขียนแบบเจาะลึก กันอย่างละเอียดเลยทีเดียว ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ หลวงตาประยูร เจ้าอาวาสวัดไก่จ้นองค์ปัจจุบัน (ท่านเป็นศิษย์เอกและลูกบุญธรรม) ที่ช่วยชี้แจงข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ของเหรียญรุ่น 3 นี้ ว่าทำจำนวนทั้งหมด 3 พิมพ์ คือ 1. เหรียญสี่เหลี่ยมหลวงพ่อโตนั่งฐานสิงห์เต็มองค์ รุ่นนี้สร้างแค่เนื้อนวะเท่านั้นสร้างจำนวน 200 เหรียญ แจกให้เฉพาะผู้ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์วัดไก่จ้น ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป 2. เหรียญกลมหน้าหลวงพ่อโต พิมพ์ใหญ่-เล็ก โดยมีเนื้อเงิน พิมพ์ใหญ่จำนวน 200 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 200 เหรียญ เนื้อนวะ พิมพ์ใหญ่จำนวน 800 เหรียญ เนื้อนวะนี้ไม่มีเหรียญเล็ก เนื้อทองแดง พิมพ์ใหญ่จำนวน 1,500 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 1,000 เหรียญ และเนื้อกะไหล่ทองพิมพ์เล็กจำนวน 1,000 เหรียญ 3. เหรียญกลมหน้าหลวงพ่อลำภู พิมพ์ใหญ่เนื้อเงินจำนวน 300 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 500 เหรียญ เนื้อนวะไม่มีทั้งใหญ่-เล็ก เนื้อทองแดง พิมพ์ใหญ่จำนวน 2,000 เหรียญ พิมพ์เล็กจำนวน 2,500 เหรียญ พระภปร (* ส่วนเหรียญที่มีผิวไฟนั้น ผมถามหลวงตาประยูรท่านถึงเหรียญรุ่นนี้ว่าทำไมมีผิวไฟ ก็ได้ความว่า เหรียญที่จัดทำนั้นทางโรงงานปั๊มกันเกินไว้เผื่อเหรียญชำรุด เมื่อทางโรงงานคัดเหรียญที่ดีแล้วตามจำนวนจึงนำไปรมดำและทำกะไหล่ทองเหรียญเล็ก
    ส่วนเหรียญที่เกินนั้นทางโรงงานได้นำมาถวายหลวงปู่ลำภู รวมทั้ง 2 พิมพ์ ใหญ่-เล็ก แล้วก็ประมาณเกือบ 500 เหรียญ หลวงปู่ลำภูท่านก็รับไว้ แล้วนำมาแจกจ่ายในตอนหลัง ทั้งนี้จึงต้องแจ้งให้ทราบเพื่อจะได้ไม่เกิดการเข้าใจผิดกัน ส่วนเหรียญพิมพ์ใหญ่กะไหล่ทองนั้นทางวัดไม่ได้ทำครับ)นอกจาเหรียญแล้วยังมีสมเด็จปี พ.ศ.2521โดยมีทั้งหมด6พิมพ์2เนื้อ(1.พิมพ์ใหญ่พิเศษ2.พิมพ์ใหญ่3.พิมพ์เส้นด้าย4.พิมพ์เจดีย์5.เพิมพ์เจดีย์มีหู6.พิมพ์สังฆาฏิ)และยังมีพิมพ์พิเศษโรยผงตะไบอีก3พิมพ์2เนื้อ(มีเนื้อผงน้ำมันและผงใบลานมีพิมพ์ใหญ่.พิมพ์เส้นด้าย.พิมพ์เจดีย์) ซึ่งรวมพระทั้งหมดแล้วจำนวน 84,000 องค์พระเกจิที่มาร่วมปลุกเสกนั้นล้วนสุดยอดเกจิทั้งนั้น 1. ประธานนั่งปรกคือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี(ประธานจุดเทียนชัย) 2. หลวงปู่ลำภู วัดบางขุนพรหม 3. หลวงปู่ย้อย วัดอัมพวัน (หลวงปู่ย้อยเนี่ยแหละที่ทำให้เหรียญรุ่นนี้มีชื่อว่ารุ่นพานแตก ส่วนรายละเอียดต้องติดตามคับ ผมเขียนในฉบับนี้เลย) 4. หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ 5. หลวงปู่พริ้ง วัดโบสถ์ 6. หลวงปู่สิมมา วัดบ้านหมอ 7. หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง 8. หลวงปู่ถิร วัดป่าเลไลย์9. หลวงปู่บาง วัดหนองพลับ 10.หลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ 11.หลวงปู่พล วัดหนองคนที 12.หลวงปุ่แพ วัดพิกุลทอง และเจ้าพิธีคือ หลวงตาประยูรเจ้าอาวาสวัดไก่จ้นองค์ปัจจุบัน แค่เห็นรายชื่อพระที่มาร่วมปลุกคงรู้กันแล้วสิครับว่าดีขนาดไหน ปลุกเสกกันตอนกลางคืนวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2521 และวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2521
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินวัดไก่จ้น ทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถทรงตัดหวายลูกนิมิต ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เกตุพระประธาน หลวงพ่อแสนสุขในอุโบสถ จึงทำให้เหรียญรุ่นนี้ทุกพิมพ์ จะมีอักษรพระปรมาภิไธย่อ ภปร ด้วยความที่ผมได้คบกับพี่ต่อเสาไห้ จึงทำให้ได้รับรู้เรื่องราวในครั้งนี้ พี่ต่อเล่าว่า คุณทองสุข ได้ติดตามพระอุปัชฌาย์ของท่านคือหลวงพ่อสิมมา วัดบ้านหมอ สระบุรี โดยไปกับคุณสิงห์ชัยเพื่อนสนิท เข้าไปในโบสถ์ แต่เนื่องจากอยู่ไกลและที่คับแคบประกอบกับคุณสิงห์ชัยได้ชวนนั่งหลังหลวงพ่อย้อย ห่างเพียงศอก ระหว่างพิธีพุทธาภิเษก คุณทองสุขได้สังเกตขณะหลวงพ่อย้อยนั่งปลุกเสกที่ศีรษะท่านมียุงตัวหนึ่งกัดท่านอยู่นานจนเลือดแดง ตัวอ้วนเปล่ง หลวงพ่อย้อยท่านนิ่งเฉย มีสมาธิแน่วแน่ในการตั้งใจปลุกเสกไม่สนใจยุงตัวนั้น ไม่ตบจนยุงตัวนั้นกินเลือดอิ่มแล้วก็บินไป คิดอยู่ในใจว่าท่านเป็นพระที่ประเสริฐเหลือเกิน มีเมตตาจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นยุงตัวนั้นคงตายไปนานแล้วต่อมาได้ยินเสียงเหมือนระเบิดตึ้งดังสนั่นโบสถ์เหมือนเสียงปืน ทุกสายตามองที่พานแก้วที่วางหน้าหลวงพ่อย้อย สำหรับวางหญ้าคาเพื่อพรมน้ำมนต์ ระเบิดออกแล้วไปรวมกองที่เดียวกันแบบน่าอัศจรรย์ที่ระเบิดแล้วไม่กระจายออกไปที่ไหนเลยรวมตัวกันเป็นกองกระจุกที่เดียว ภาพและเสียงนั้นทำให้ทุกคนในโบสถ์อยู่ในอาการที่นิ่งด้วยความประหลาดใจ แต่ในใจทุกคนทราบว่าต้องมีปาฏิหาริย์เกิดจากการปลุกเสกของหลวงพ่อย้อยแน่นอน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าคุณทองสุข อ่อนละมัยและคุณสิงห์ชัย แก้วจินดา ก็นึกแปลกประหลาดใจ ปรึกษาคุยกันถึงเรื่องหลวงพ่อย้อยท่านเก่งจริงและมีอะไรดีที่น่าศรัทธามากแน่ๆ เลย ด้วยความสนใจจึงได้ถาม “คุณลุงเลี้ยม” ลูกศิษย์ติดตามพระรูปนี้ว่าท่านชื่ออะไรอยู่วัดไหนทำไมเก่งจัง จนได้ความว่าพระรูปที่ตนศรัทธาชื่อ หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน เสาไห้ สระบุรี เมื่อพิธีเสร็จเทียนชัยดับลง หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ประธานในพิธีเดินทางกลับ ระหว่างทางเดินผ่าน คุณสิงห์ชัย ได้ยินหลวงปู่โต๊ะ ได้กล่าวชมกับหลวงพ่อย้อยอีกว่า “ท่านเก่งน้อ” แล้วหลวงปู่โต๊ะเดินทางกลับ ด้วยเหตุการณ์นั้นยังอยู่ในความทรงจำที่ประทับใจและความศรัทธาเป็นอันมาก หลังจากเหตุการณ์ไม่กี่วันท่านพระครูประจักษ์จริยะคุณ (สุนทร สุนฺทโร) ผู้ที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ง่ายๆ ได้ชวนพระครูวิสุทธิธรรมากร(หลวงตาประยูร)มาหาหลวงพ่อย้อยเพื่อสอบถามว่าพานแก้วสำหรับวางหญ้าคาไว้พรมน้ำมนต์ วางอยู่เฉยๆ แตกได้ยังไง วันหนึ่งความที่คุณทองสุข สงสัยเหตุการณ์ที่วัดไก่จ้นนั้นมานานจึงได้เขียนเป็นตัวหนังสือ (ตอนนั้นหลวงพ่อย้อยท่านได้มีอาการ “หูตึง”) เขียนถามท่านหลวงพ่อย้อยว่า “หลวงพ่อครับทำไมพานแก้วที่วางหน้าหลวงพ่อย้อยตอนปลุกเสกที่วัดไก่จ้นถึงได้แตก” หลวงพ่อย้อย พูดตอบว่า “มีคนลองของเรา ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก เสียดายที่ทำพานเขาแตกไป” ด้วยคำตอบสั้นๆ อย่างนี้ทำให้คุณทองสุข เห็นว่าหลวงพ่อย้อยท่านมีความเก่งในวิทยาคมกระแสจิตที่แรงมากๆ และมีความดีจริงๆ ชนิดแบบไม่ทำร้ายใครตอบ เพียงแค่สอนมวยให้รู้ว่าเราก็มีดีมีวิชากับเขาเหมือนกัน อย่ามายุ่งมารังแก อย่ามาลองของ แต่ไม่ทำร้ายใคร ไม่โอ้อวดใคร ชอบสงบ หลังจากพิธีนี้หลวงพ่อย้อยไม่รับนิมนต์ไปปลุกเสกที่อื่นอีกเลย (ข้อมูลเหล่านี้ขอขอบคุณพี่ต่อ เสาไห้สายตรงหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวันด้วยครับ) ผมจึงขอแนะนำเหรียญดี พิธีใหญ่ครับ เหรียญสมเด็จโต วัดไก่จ้น รุ่นพานแตกครับ เป็นเหรียญสมเด็จ (โต) ที่แกะบล็อกได้สวยที่สุดเท่าที่เคยพบมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันครับ เป็นเหรียญกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซม. ออก ณ วัดไก่จ้น อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา เหรียญนี้สร้างเมื่อปี 2521 เนื่องในงานปิดทองฝังลูกนิมิตวัดไก่จ้น มีอายุการสร้าง 36 กว่าปีแล้วครับ ผมเล่นพระมา 13 ปีเศษ ไม่เคยเห็นเหรียญสมเด็จ (โต) ไม่ว่าจะออกที่ใดก็ตาม จะมีความงามเท่าเหรียญที่ออกวัดไก่จ้นปี 21 ท่านลองพิจารณาจากภาพแล้วนึกดูว่าใช่หรือไม่? ยามหยิบเหรียญขึ้นมามองใบหน้าสมเด็จโตในเหรียญ รู้สึกให้ความสงบสุขอย่างประหลาด เหรียญสมเด็จโตวัดไก่จ้น ปี 21 นี้ เป็นเหรียญดีมีประสบการณ์มาก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้กันเพราะขาดแรงเชียร์... ผมจึงหยิบขึ้นมาแนะนำครับ ---ข้อดีประการแรกคือเป็นเหรียญรูปพระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ---ข้อดีต่อมาเป็นเหรียญที่สร้าง ณ วัดซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของเจ้าประคุณสมเด็จเอง (สมเด็จพระพุทธาจารย์โตท่านถือกำเนิดที่ท่าน้ำวัดไก่จ้น อ.ท่าเรือ ท่านจึงมาสร้างพระนอนองค์ใหญ่ สร้างวัดขึ้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตรงข้ามวัดไก่จ้นซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามพระพุทธไสยยาสน์วัดสะตือครับ ---เป็นเหรียญที่มีพิธีพุทธาภิเษกดี มีประวัติถูกบันทึกไว้เป็นที่แน่นอน เนื่องจากเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ในงานครานั้นด้วยพระเกจิที่เข้มขลังในพุทธาคมที่ร่วมปลุกเสกเท่าที่ผมรู้จักและจำได้มี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่หน่ายวัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อถิรวัดป่าเลไลย์ หลวงพ่อสิมมาวัดบ้านหมอ หลวงพ่อย้อยวัดอัมพวัน และอีกหลายองค์ หลังจากพุทธาภิเษกแล้วหลวงพ่อแพได้ปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้งด้วย ---อภินิหารเป็นที่ประจักษ์เริ่มตั้งแต่พิธีพุทธาภิเษกกันเลยทีเดียว คือในขณะที่พระผู้เรืองอาคมกำลังปลุกเสกกันอยู่นั้น พานแก้วหน้าหลวงพ่อย้อยวัดอัมพวันขยับลั่นแล้วลอยขึ้นระเบิดเปรี้ยงเสียงดังสนั่น เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นเศษแก้วที่ควรกระจายจากการระเบิดนั้น กลับร่วงลงมากองรวมอยู่ที่เดิมไม่ได้กระจายออกไปให้เป็นอันตรายแม้แต่ชิ้นเดียว อัศจรรย์ครั้งนั้นเป็นที่เล่าลือเล่าขานทราบกันดีทั่ว อ.ท่าเรือ เหรียญรุ่นนี้ชาวท่าเรือจึงเรียกกันว่าเหรียญหลวงพ่อโตรุ่นพานแตก หลังจากเหรียญออกมาราว 10 ปี มีการไปลองยิงปรากฏว่านัดที่ 1 ไม่ออก นัดที่ 2 ไม่ออก คนที่ยิงก็เกิดป๊อดขึ้นมา (หลวงพ่อโตนั้นชาวท่าเรือนับถือกันมาก คนทำผิดปากแข็งให้สาบานอย่างอื่นเขาอาจจะยอมสาบานแต่ถ้าให้สาบานกับหลวงพ่อโต ไม่มีใครกล้าครับ) เมื่อคนที่ลองยิงกดไปสองนัดไม่ออกเกิดกลัวขึ้นมา บอกว่ากูไม่เอาแล้ว เพื่อนอีกคนก็ด่าว่า...ป๊อดไปได้ ว่าแล้วคว้าปืนจากมือเพื่อจ่อเข้าไปใกล้ๆ เหรียญแล้วเหนี่ยวไก...ตูม! ...ลำกล้องแตก กระดูกข้อมือแตก เมื่อข่าวนี้ถูกเล่าขานกันออกไป เหรียญรุ่นนี้ก็ถูกเรียกว่าเหรียญรุ่นปืนแตกมาตั้งแต่ราวปี 30 กว่าๆ เป็นต้นมา เมื่อมาถึงราวปี 50 หลวงพ่อย้อยวัดอัมพวัน สระบุรี ซึ่งปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้จนพานแก้วแตกระเบิด เริ่มโด่งดังขึ้นมามาก พระเครื่องของท่านราคาขยับขึ้นมากและเป็นที่ต้องการของนักสะสม ก็เป็นเหตุให้เหรียญหลวงพ่อโตวัดไก่จ้นนี้มีผู้หันกลับมาเรียกว่าเหรียญรุ่น “พานแตก” เหมือนเดิมอีก ---ดีอีกประการคือมีขนาดพอเหมาะและความสวยงามเป็นเลิศ ---อีกประการคืออายุการสร้างผ่านมา 36 กว่าปีแล้ว แต่ท่านอาจจะพบเจอในราคาเช่าหาอาจจะถูกกว่าพระที่เพิ่งสร้างใหม่ เพราะคนรู้จักกันน้อยครับ ไม่มีคนเชียร์ ทั้งๆ ที่ประสบการณ์เพียบครับ นี่ถึงเป็นสาเหตุที่เหรียญรุ่นนี้ได้รับความนิยมทั้งพื้นที่และคนที่ทราบประวัติครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพานแตกสมเด็จโตพิมพ์เล็ก บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240114_210805.jpg IMG_20240114_210826.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2024
  14. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,907
    ค่าพลัง:
    +6,804
    ขอจองครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    get_auc1_img (14).jpeg get_auc3_img (18).jpeg
    เหรียญพระพุทธชินราชวัดพระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลกพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ 3 เหรียญ 3 รุ่น 3 ปี ให้ บูชายกชุด
    200 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240115_110325.jpg IMG_20240115_110359.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2024
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง

    1705303998025.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    12.jpg

    พระมงคลบพิตร หรือ หลวงพ่อมงคลบพิตร นั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะผสมระหว่างอู่ทองและสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปอิฐ บุด้วยทองสำริด หน้าตักกว้าง 9.55 เมตร สูง 22.45 เมตร ประดิษฐานในวิหาร พระมงคลบพิตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า เดิมนั้น พระมงคลบพิตรประดิษฐานอยู่ทางด้านตะวันออกของพระราชวัง ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม ตรงกับ พ.ศ. 2146 โปรดให้ชะลอพระมงคลบพิตรมาประดิษฐานทางด้านตะวันตกแทน ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานในปัจจุบัน พร้อมกับสร้างพระมณฑปครอบองค์พระไว้ในคราวเดียวกันด้วย
    เหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นกับพระมงคลบพิตร คือ เกิดอสุนีบาต (ฟ้าผ่า) ลงยอดพระมณฑป เป็นผลให้ไฟไหม้เครื่องบนพังลงมา ถูกพระเศียรพระมงคลบพิตรหักสะบั้น ตกลงบนพื้น ในคราวนั้น ได้โปรดฯ ให้ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์จนเสร็จสมบูรณ์ มีมหรสพฉลองสมโภชสามวันและทรงถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์เป็นอันมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในรัชสมัยพระเจ้าเสือ แต่พระราชพงศาวดารบางฉบับกล่าวแย้งว่าเกิดขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเชษฐาธิราช
    เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ในเวปนี้ครับ
    https://thaprajan.blogspot.com/2013/03/blog-post.html?m=1
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    1362584-36b9d.jpg ลพรวย-1024x1536.jpg
    เหรียญหลวงพ่อมงคลบพิตรรุ่น มี-รวยมรดกโลก ๒๕๔๐ พิธีปลุกเสกโดย๒เกจิิาจารย์กรุงเก่า ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ หลวงพ่อ มี วัดมารวิชัย และ หลวงพ่อรวย วัดตะโก มี 2 เหรียญให้บูชาเนื้อทองแดงและเนื้อตะกั่ว
    เหรียญหลวงพ่อมงคลบพิตรเนื้อทองแดงให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240115_202921.jpg IMG_20240115_202951.jpg IMG_20240115_202858.jpg

    เหรียญหลวงพ่อมงคลบพิตรเนื้อตะกั่วให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240115_203052.jpg IMG_20240115_203123.jpg IMG_20240115_203016.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ผมจะลงวัตถุมงคล เรื่อยๆต่อเนื่องนะครับ ถ้าสมาชิกท่านใด สนใจ สอบถามได้ครับ ครูบาอาจารย์ที่ต้องการบูชา รอติดตามได้ ยินดี ให้บริการครับ
    *แต่ถ้าจะรอของ อ. Man ผมไม่มีนะครับ ไม่ต้องรอให้เสียเวลาครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    2015-04-04_122831.jpg

    https://palungjit.org/threads/หลวงปู่คำพันธ์-โฆสปัญโญ-เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง.356869/page-17


    http://www.watpamahachai.net/Document3.htm

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่คำพันธ์รุ่นเมตตาคุ้มภัยให้ลาภ 1 องค์รุ่นนี้นิยมนะครับ ปกติเช่าหากัน สองสามร้อยแล้ว และ พระผงรูปเหมือน อีก ๒ องค์ ให้บูชายกชุด
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240116_115014.jpg IMG_20240116_115047.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    page-jpg.jpg


    อัศจรรย์!เกจิอาคมขลัง 5 แผ่นดิน“หลวงปู่จันทร์วัดป่าข่อย”มรณภาพ 12 ปีสรีระไม่เน่า จอมพล ป.นิมนต์นั่งเครื่องบินโปรยทรายเสกป้องภัยบ้านเมืองช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าข่อย ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มี “หลวงปู่จันทร์” อดีตเจ้าอาวาสเป็นพระเกจิอาคมขลัง ชื่อเสียงโด่งดัง เกิดในยุคสมัยแผ่นดินรัชกาลที่ 5 และมรณภาพในช่วงสมัยรัชกาลที่ 9 สิริรวมอายุ 104 ปี แม้ว่าท่านจะมรณภาพมานานถึง 12 ปีแล้ว แต่ทว่าสรีระสังขารกลับไม่เน่าเปื่อย และมีเส้นผมขึ้นยาวบนศีรษะ สร้างความอัศจรรย์ใจแก่บรรดาสานุศิษย์อย่างมาก พระมหาสกุล โกสโล เจ้าอาวาสวัดป่าข่อยและเจ้าคณะตำบลวังพิณพาทย์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “หลวงปู่จันทร์” หรือนายจันทร์ นิ่มนุ่ม ชาวสวรรคโลก เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2445 อุปสมบทที่วัดอนงคารามฯ กรุงเทพฯ โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทฺธสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “จนฺทโร” ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดอนงคารามฯ และฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาอาคมกับ “หลวงปู่ศุข” วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และ “หลวงพ่อปาน” วัดบางนมโค
    จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์จากโหรหลวง ก่อนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าข่อยในปี พ.ศ. 2470 ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร ราชทินนามว่า “พระครูจันทโรภาส” และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลวังไม้ขอน ก่อนท่านจะมรณภาพเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2548 สิริรวมอายุ 104 ปี โดยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสยาวนานถึง 78 ปี พระมหาสกุล กล่าวว่า เมื่อครั้งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ส่งตัวแทนมานิมนต์ “หลวงปู่จันทร์” วัดป่าข่อย จ.สุโขทัย พร้อมกับ “หลวงพ่อจง” วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา และ “หลวงพ่อจาด” วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทั้ง 3 ท่านนี้เป็นพระสุปฏิปันโน มีเวทมนต์คาถาอาคมขลัง จึงนิมนต์ให้ขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินโปรยทรายเสกคาถาลงมา เพื่อป้องกันภยันตรายให้แก่บ้านเมืองอีกทางหนึ่งด้วย ปัจจุบัน “หลวงปู่จันทร์” แม้ว่าท่านจะมรณภาพมานานถึง 12 ปีแล้ว แต่คุณงามความดีและวัตรปฏิบัติอันงดงามยังคงอยู่ อีกทั้งสรีระสังขารก็ไม่เน่าเปื่อย สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ประชาชนและบรรดาสานุศิษย์อย่างมาก จึงมีการเก็บรักษาร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว ตั้งในศาลาจตุรมุข “หลวงปู่จันทโรภาส” วัดป่าข่อย ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เพื่อให้
    ประชาชนได้กราบไหว้ขอพร พร้อมเก็บรักษารถยนต์โบราณของหลวงปู่จันทร์ให้คนรุ่นหลังได้ชมอีกด้วย ทั้งนี้ “หลวงปู่จันทร์” นอกจากจะเป็นพระสุปฏิปันโน มีเวทมนต์คาถาอาคมขลัง ชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ท่านยังมีความรู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคด้วยสมุนไพรไทยอีกด้วย ทำให้วัดป่าข่อยได้รับอนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักพยาบาลสาขาวัดโพธิ์ ในชื่อ “จันทโรภาสแพทย์สยาม” เพื่อเผยแพร่ความรู้และรักษาพยาบาล สำหรับ “วัดป่าข่อย” สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2397 เดิมชื่อ “วัดโคกขี้แร้ง” ต่อมาสมัยหลวงพ่อจอม (คร้าย) ซึ่งเป็นพระของเจ้าจอมมารดาแพ ในรัชกาลที่ 4 มาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ก็ได้ทำการบูรณะก่อสร้างวัด เปิดสอนหนังสือไทย หนังสือขอม จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดจอมป่าข่อย” กระทั่งหลวงพ่อจอมมรณภาพ วัดนี้ก็ทรุดโทรม จนถึงปี พ.ศ. 2463 ทางวัดได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ โยกย้ายเสนาสนะต่างๆ และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดป่าข่อย” โดยมีเจ้าอาวาส 3 รูป คือ หลวงพ่อจอม (คร้าย) , หลวงปู่จันทร์ (พระครูจันทโรภาส) ระหว่างปี พ.ศ. 2470-2548 และพระมหาสกุล โกสโล ปี พ.ศ. 2549-ปัจจุบัน

    https://palungjit.org/threads/ท่านใ...ู่จันทร์-วัดป่าข่อย-จ-สุโขทัยมั่งครับ.316192/
    https://palungjit.org/threads/ท่านใ...ู่จันทร์-วัดป่าข่อย-จ-สุโขทัยมั่งครับ.316192/


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาทุกแหล่งอย่างสูงครับ


    เหรียญหลวงปู่จันทร์วัดปากข่อยปี ๒๕๒๕
    ให้บูชา 250 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240116_122638.jpg IMG_20240116_122717.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...