เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 มิถุนายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตั้งแต่เช้ากระผม/อาตมภาพก็ได้ทำการบวงสรวง ขออนุญาตเทปูนหล่อสมเด็จองค์ปฐมชำระหนี้สงฆ์ ให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ส่วนในช่วงบ่ายก็เป็นการนั่งปรกอธิษฐานจิต ในการหล่อพระเกตุมาลาสมเด็จองค์ปฐม และรูปเหมือนพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ตรึก ธมฺมวิตกฺโก)

    ตั้งแต่ช่วงที่ทำบวงสรวงตอนเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้แจ้งให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ว่าจะมีฝนตก ก็คือให้เตรียมการให้พร้อม แต่เนื่องจากว่าฟ้าเปิด ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก พอมาถึงช่วงใกล้พิธีประมาณเที่ยง ฝนก็กระหน่ำลงมาจนสะใจ ทั้ง ๆ ที่ฟ้าใส ๆ นั่นเอง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเชื่อในเรื่องของพระ ของพรหมเทวดา หรือว่าของครูบาอาจารย์ที่ท่านบอกมา เนื่องจากว่าโลกอื่น ไม่ว่าจะเป็นทุคติหรือว่าสุคติก็ตาม ไม่มีการโกหกกัน ยกเว้นแต่โลกมนุษย์ของเรานี้เท่านั้น ฟังดูแล้ว
    ค่อนข้างจะเลวร้ายมาก..!

    แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง ถ้าหากว่าผู้หนึ่งผู้ใดสามารถรักษากรรมบถ ๑๐ เอาไว้ได้ โดยเฉพาะในส่วนของวาจา ๔ ประการ คือ ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดให้บุคคลแตกร้าวกัน และไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์ ก็จะเป็นกำลังใจที่สูงถึงในระดับของพระสกทาคามีทีเดียว

    ส่วนในเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั้น วันนี้กระผม/อาตมภาพได้มอบพระผงยาชุดหนึ่งให้กับไอ้ตัวเล็กนำไปลง พระผงยาชุดนี้ ผู้สร้างก็คือท่านเชย บุนนาค หรือถ้าหากว่าเป็นพระราชทินนามคือ พระราชวิสูตรวิสุทธิรักษ์ ซึ่งท่านเป็นบุตรของเจ้าพระยาสุรพันธิ์พิสุทธ์ (เทศ บุนนาค) ข้าหลวงมณฑลเพชรบุรีในสมัยโน้น

    สมัยนั้นบุคคลผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพรับสร้างพระหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว อันดับแรกเลย มีศรัทธาแต่ไม่มีวัสดุอุปกรณ์ ประการที่สอง มีศรัทธา มีวัสดุอุปกรณ์ แต่ขาดบารมี ท่านเชย บุนนาคนั้น ท่านเป็นถึงเจ้าคุณ แล้วก็ทำหน้าที่ในพระคลังข้างที่ ต้องบอกว่าประกอบไปด้วยบารมีและความศรัทธา แล้วท่านยังได้ครูบาอาจารย์ที่สุดยอดอย่างหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร ซึ่งหลายต่อหลายคนเขียนเป็น "หลวงพ่อร้าย"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ความจริงหลวงพ่อไล้ท่านเป็นลูกจีน ซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกกันว่า "ลูกเจ๊ก" ท่านมีชื่อว่า "ไล้" ซึ่งแปลว่า มา อย่างเช่นว่า ถ้า "ฮกไล้" ก็คือ "โชควาสนามาถึง" หรือถ้าหากว่าเป็นภาษาจีนกลางก็คือ "ฝูไหล" เหล่านี้เป็นต้น หลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สารนั้น ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือมากในการที่สร้างพระหรือว่าลูกอมเนื้อผงว่านยา โดยเฉพาะใช้ในการป้องกันเขี้ยวงา อสรพิษ หรือว่าสัตว์ร้ายต่าง ๆ

    สมัยนั้นทางด้านเขายี่สาร งูเห่าชุกชุมมาก มีผู้ที่โดนงูเห่ากัด พากันแบกหามไปให้หลวงพ่อไล้ท่านรักษาอยู่เนือง ๆ จนกระทั่งหลวงพ่อไล้ท่านทนไม่ไหว จึงต้องสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ขึ้นมา แล้วผลที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ นอกจากงูเห่ากัดไม่เข้าแล้ว หมาสมัยก่อน ซึ่งแต่ละบ้านล้วนแล้วแต่ดุ ขนาดกล้า
    พอที่จะสู้กับเสือ ก็พลอยกัดไม่เข้าไปด้วย ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่กระผม/อาตมภาพมีประสบการณ์มาก็คือ หมาวิ่งมาถึงแล้วก็เอาปากชนน่องสองครั้ง..สามครั้ง เพราะว่าไม่สามารถที่จะอ้าปากกัดได้..!

    ในเมื่อท่านมีครูบาอาจารย์ที่สุดยอดในระดับนั้น มีบารมีพร้อม ท่านจึงได้สร้างวัตถุมงคลชุดนี้ขึ้นมา ซึ่งมีสองเนื้อ ก็คือเนื้อผงว่านยา กับ เนื้อผงใบลาน ซึ่งสมัยก่อนนั้นการใช้ว่านยามาทำเนื้อพระ จะสร้างได้ง่ายกว่า เพราะว่าผงใบลานนั้นก็คือการที่นำเอาใบลาน (คัมภีร์เทศน์) เก่า ซึ่งบางทีก็โดนปลวกแทะบ้าง ผุพังหมดสภาพบ้าง มาเผาแล้วก็ทำเป็นส่วนผสมในการสร้างพระ ซึ่งในส่วนนี้กระผม/อาตมภาพเองก็ยังรู้สึกหวั่น ๆ ใจ เนื่องเพราะกลัวว่าจะเป็นการทำลายพระธรรมหรือเปล่า ?

    ดังนั้น..ถ้าใครมีใบลานเก่า ไม่ว่าจะผุพังหรือเก่าหมดสภาพ หรือว่าโดนปลวกแทะก็ตาม วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ ให้บรรจุไว้ในพระองค์ใหญ่ เพื่อที่จะได้กราบไหว้บูชากันต่อไป อย่าได้นำไปเผาเพื่อที่จะทำเป็นผงในการสร้างวัตถุมงคลเลย เพราะว่าอาจจะมีโทษในการทำลายพระธรรม ถึงขนาดตกอเวจีมหานรกก็เป็นได้..!

    หลวงพ่อไล้ท่านสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ ปลุกเสกให้แล้ว ท่านเชยยังนำไปให้หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง จังหวัดเพชรบุรีปลุกเสกซ้ำอีก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อไล้นั้น ท่านทำไปในด้านทางกันเขี้ยวงา ช่วยรักษาโรค แต่หลวงพ่อทองศุขนั้น ท่านเก่งทุกด้าน โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า บิดาของท่านเชยเป็นข้าหลวงมณฑลเพชรบุรี หรือว่าเป็นผู้ว่าการมณฑลเพชรบุรีนั่นเอง ซึ่งสมัยก่อน มณฑลหนึ่งนั้นกินเนื้อที่หลายจังหวัด อาจจะถึง ๓ - ๔ จังหวัดเป็นอย่างน้อย ในเมื่อบิดาของท่านเชย หรือว่าท่านเจ้าคุณเชย เป็นผู้ว่าการมณฑลเพชรบุรี ก็สามารถที่จะนำไปกราบขอร้องให้หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ท่านช่วยเสกให้

    ถ้าท่านทั้งหลายสงสัยว่า หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงมีความสามารถอย่างไร ? ก็แค่นึกถึงวลีใน "๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน" ซึ่งมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า "ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง" ก็คือวัตถุมงคลของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ส่วนใหญ่ท่านทำแล้วจะพอกครั่ง ครั่งที่นำมาพอกก็ต้องเป็นครั่งที่เกิดกับกิ่งพุทรา ที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกเท่านั้น

    เหตุที่ใช้คำว่า "ครั่ง" ก็เพราะว่าไปคล้องจองกับคำว่า "คลั่งไคล้ใหลหลง" ก็แปลว่าวัตถุมงคลของท่าน นอกจากเป็นคงกระพันมหาอุดแล้ว ยังเป็นมหาเสน่ห์อยู่ในตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดใบลานพอกครั่ง ตะกรุดเงิน - ตะกรุดทองแดงพอกครั่ง หรือแม้กระทั่งเบี้ยแก้พอกครั่ง ตะกรุดหนังหน้าผากเสือพอกครั่ง เหล่านี้เป็นต้น โดยเฉพาะเหรียญรุ่น ๒ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลังพอกครั่ง คนเพชรบุรีเขากล้าสู้ราคาถึงสองแสน - สามแสนบาท แม้กระทั่งในท้องตลาดทั่วไปก็อยู่ในระดับเป็นแสนบาทเช่นกัน

    ดังนั้น..วัตถุมงคลชุดนี้ที่กระผม/อาตมภาพได้มา ก็เพราะว่าท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพขอความรู้ด้านเครื่องรางของขลังอยู่เสมอ ท่านเล่นวัตถุมงคลในด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หรือว่าเครื่องราง ซึ่งบางอย่างนั้นอาจจะโดนขุดมาจากกรุ อาจจะโดนขโมยมาจากวัด แล้วนำมาจำหน่ายให้โดยที่ท่านเองไม่ทราบ ท่านจึงใช้วิธีถวายวัตถุมงคลให้กระผม/อาตมภาพมาเป็นระยะ เพื่อใช้ในการที่จะชำระหนี้สงฆ์ไปในตัว

    เมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงนำออกมาให้ทุกท่านบูชา เพื่อชำระหนี้สงฆ์ตามเจตจำนงของท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริที่ให้มา แต่ว่าจำหน่ายในราคาถูก ก็คือองค์ละ ๒,๐๐๐ บาท เพราะว่าถ้าหากว่าไปบูชาลูกอม หรือว่าพระผงยาของหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร ก็จะราคาแพงกว่านั้น ถ้าหากว่าเป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ก็ยิ่งราคาแพงสาหัสเข้าไปอีก..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,539
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ดังนั้น..ในส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นของดีราคาเยาวชน ที่มีให้ท่านทั้งหลายซึ่งต้องการวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ จากครูบาอาจารย์ที่เราท่านทั้งหลายมีความเคารพเชื่อถือ โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองมากมายนัก เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพเอง ก็ไม่ได้ไปจับ ไปซื้อหามาจากท้องตลาด แล้วขณะเดียวกัน เจ้าของก็ตั้งใจเอาไว้ว่าถวายเพื่อชำระหนี้สงฆ์ กระผม/อาตมภาพจึงตั้งราคาเยาวชนเอาไว้ที่องค์ละ ๒,๐๐๐ บาท

    ใครที่ต้องการวัตถุมงคล ซึ่งสามารถทำน้ำมนต์ รักษาโรค ป้องกันเขี้ยวงา หรือว่าด้านคงกระพันมหาอุด จากสองครูบาอาจารย์ก็คือหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร และหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ก็เข้าไปเช่าหาบูชากันได้ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ซึ่ง "ไอ้ตัวเล็ก" น่าจะนำลงภายในคืนนี้ แต่ว่ามีอยู่แค่ ๖๐ องค์เท่านั้น ถือว่าใครเร็วใครได้ ถ้าหากว่าช้าก็โปรดรอต่อไป เพราะว่าถ้ารอจนวัตถุมงคลของหลวงปู่ ๒ รูปนี้มาถึง ก็น่าจะราคาแพงกว่านั้นอีกหลายเท่า

    สรุปท้ายเสียงธรรมในวันนี้ ขอยกคำพังเพยสุภาษิตให้กับท่านทั้งหลายได้ฟัง คนไทยเรามีคำพังเพยว่า "ตาอยู่" ก็คือตาอินกับตานาแย่งปลากัน แล้วตาอยู่มาตัดสินความ ฝ่ายตาอินได้หัว ตานาได้หาง ตาอยู่คว้ากลางตัวที่มีพุงปลาไปกิน ส่วนทางด้านของประเทศจีนนั้น มีสุภาษิตคำพังเพยที่ว่า "ตั๊กแตนจับจักจั่น มีนกขมิ้นคอยจ้องจิกตั๊กแตนอยู่ข้างหลัง"

    คำพังเพยทั้งสองอย่างนี้ ขอฝากไว้ให้กับท่านทั้งหลายที่กำลังสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติของเรา ว่าโปรดระวังเอาไว้ สิ่งที่ท่านทำนั้น มีบุคคลรอ "ชุบมือเปิบ" อยู่ข้างหลัง ถึงเวลาท่านจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว เพราะว่าตัวเราเองเสียรู้ กลายเป็นเหยื่อ "ให้คนอื่นเขาจูงจมูก" เหมือนอย่างกับเป็นควาย ไถนาให้กับคนอื่นเขาด้วยความเหนื่อยยาก "เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง ซ้ำยังต้องเอากระดูกมาแขวนคอ"

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...