หลวงปู่อินตอง สุภวโร วัดวีระธรรม อ.พังโคน จ.สกลนคร

ขออนุญาตย้อนกลับไปวันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม 2565
.
ในวันที่ขนนกสาริกาไปถวายให้กับหลวงพ่อบุญค้ำ หลังจากถวายเสร็จแล้วก็กราบเรียนหลวงพ่อถึงที่มาของเกล้านางนี และเรื่องราวนิมิตของอ.วิกรานต์ แซ่ลี้ จึงทำให้สร้างเนื้อพิเศษขึ้น และหยิบถุงที่ใส่เกล้านางนีและเปิดปากถุงให้หลวงพ่อได้พิจารณา

หลวงพ่อบุญค้ำเห็นก็บอกว่า คือว่านชนิดหนึ่ง และก็เอ่ยปากขอเกล้านางนี ผมก็ยินดีแบ่งให้กับหลวงพ่อบุญค้ำ
หลวงพ่อจึงเรียกหลวงพี่ปิยะชัยหาขวดมาใส่เกล้านางนี ผมก็ได้หยิบนำถวาย และขอเมตตานำมวลสารที่ผมมีฝากเข้าร่วมพิธีปลุกเสกนกสาริกาด้วย

หลวงพ่อก็ยิ้มและมองมาที่ถุงมวลสารแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "หลวงพ่อพิจารณาแล้วนะ มวลสารชุดนี้ไม่ต้องเข้าพิธีหรอก"

ส่วนนึงก็เสียดายที่อดเข้าพิธีเสก แต่อีกส่วนนึงก็แอบดีใจ แสดงว่ามวลสารชุดนี้ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ในระดับนึงเลยทีเดียว หลวงพ่อจึงเอ่ยปากว่าไม่ต้องเข้าพิธีก็ได้

ผมก็กราบขอบคุณที่หลวงพ่อเมตตาชี้แนะ และเอ่ยถามมวลสารของหลวงพ่อที่เหลือจากการสร้างนกสาริกา ผมขอเก็บไว้จะได้นำมารวมและสร้างพระถวายหลวงปู่อินตองและหลวงปู่บุญส่ง

หลวงพ่อก็เอ่ยปากว่า "ได้สิ เอาไปเลย"

หลังจากนั้นก็ขอเมตตาหลวงพ่ออธิษฐานจิตมวลสาร

 

วันอาทิตยฺ์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2565
.
หลังจากที่อ.วิรานต์ แซ่ลี้เอ่ยปากชวนให้ไปเอาตะกรุดก้านธูปกับลป.สี วัดถ้ำเขาบุนนาค และลป.อินทร์ วัดเกาะหงษ์มานานแล้ว ก็ถึงวันที่ว่างตรงกัน ก็จึงนัดกันไปนครสวรรค์ เพื่อไปกราบทำบุญกับหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค มีผม จ๊อด และอ.วิกรานต์
.
ก็นัดกัน 6 โมงเช้า ก็เริ่มเดินทาง มีแวะทานข้าวเช้าแถวอยุธยาก่อน แล้วจึงขับรถมุ่งหน้าไปวัดถ้ำเขาบุนนาค ที่นครสวรรค์
.
ซึ่งจริงแล้วผมลองชวนจ๊อดเฉยๆ แต่คราวนี้เค้าว่างก็เลยมาด้วยกัน เป็นการเจอกันแบบเป็นทางการครั้งแรกของจ๊อดและอ.วิกรานต์
.
พอถึงวัดถ้ำเขาบุนนาค อ.วิกรานต์ ซึ่งนำธูปมาเองก็จุดธูป แบ่งกัน 3 คน คนละ36 ดอก ก็รวมเป็น 108 ดอก จุดเสร็จก็กล่าวอธิษฐานกัน หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปบนที่เก็บสรีระของหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค อ.วิกรานต์ก็เดินไปที่รูปภาพของหลวงปู่สีและพูดอะไรงึมงำก็ไม่ทราบได้
ส่วนผมก็นำมวลสารและแผ่นจารยันต์ของอ.หมานมาวางไว้หน้าสรีระของหลวงปู่สี และกล่าวขอเมตตาหลวงปู่สีให้มาช่วยอธิษฐานจิตมวลสารและแผ่นจารยันต์ตะกรุด
.
พอสักพักก็นำมวลสารยกเก็บและเดินไปที่ถ้ำ
.....................................................................................................
จึงได้ทราบเหตุที่มาถึงการที่ต้องมาหาลป.สี วัดถ้ำเขาบุนนาคและลป.อินทร์ วัดเกาะหงษ์ เพราะจริงๆแล้วตอนแรกที่อ.วิกรานต์ชวนให้มาเอาตะกรุดก้านธูปที่ลป.สี กับลป.อินทร์ ก็ยอมรับว่าลป.สีเก่งนะ แต่ไกลแท้ ส่วนลป.อินทร์...ผมไม่รู้จัก เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องมาไกลขนาดนี้
.
พอได้ฟังเรื่องราวคืออ.วิกรานต์เล่าว่าเมื่อหลายเดือนก่อน ขณะที่อ.วิกรานต์กำลังนั่งภาวนาอยู่ ก็เกิดนิมิต เห็นหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค , หลวงปู่อินทร์ วัดเกาะหงษ์ และเซียนแปะโค้วเซี้ยงงี่ มาพร้อมกัน มาบอกว่าจะร่วมบุญกับหลวงปู่บุญส่ง สร้างบุญใหญ่อุโบสถ
.
ซึ่งอ.วิกรานต์ก็ถามไปว่า หลวงพ่อจะร่วมบุญยังไงหรอ
พวกท่านก็บอกว่า ให้ไปที่วัดจะทำตะกรุดก้านธูปให้ ได้ของเหล่านี้ไปจะได้ช่วยทำให้คนสนใจและมาร่วมบุญใหญ่กับหลวงปู่บุญส่ง ซึ่งคนที่ร่วมบุญแล้วก็จะมีสุขคติภูมิเป็นเส้นทางสุดท้าย
.
มิน่าอ.วิกรานต์ ถึงชวนมาเอาตะกรุดก้านธูป พอทราบถึงเหตุที่มาแล้วก็นำมาซึ่งความยินดี เพราะขนาดหลวงปู่ทั้ง2และเซียนแปะโค้ว ท่านจบกิจของท่านไปแล้ว แต่พวกท่านก็ยังเล็งเห็นถึงมหาบุญกุศลใหญ่ ที่จะเป็นเหตุให้คนได้มาร่วมบุญสร้างบุญสร้างกุศลสะสมอริยทรัพย์กัน
.............................................................................................
พอเดินลงจากถ้ำ ธูปก็ยังไม่หมด อ.วิกรานต์เลยนั่งเอาประคำออกมาและนั่งภาวนาไป ส่วนผมก็นั่งถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ หลังจากภาวนาได้สักพัก อ.วิกรานต์ก็ลืมตาขึ้น แล้วก็ถามว่าที่นี่มีน้ำมนต์ไหม ผมก็บอกไม่มี แกก็เดินมองหาน้ำมนต์ ผมก็ช่วยๆดูให้แต่ไม่มี แกก็เลยบอกว่า เมื่อสักครู่ ขณะนั่งภาวนา ได้ยินเสียง เหมือนจะเป็นหลวงปู่สี บอกว่า จะพรมน้ำมนต์ให้ แต่เดินดูทั่วแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีน้ำมนต์ แกเลยหยอกว่าไม่แน่นะ พอขับรถออกจากวัดปุ๊ป ฝนอาจจะตกก็ได้
ผมก็มองบนท้องฟ้า เห็นแสงจ้า นึกในใจ(เป็นไปได้ยาก ฟ้าแดดจ้าขนาดนี้)
.
ธูปในกระถางธูปก็ได้หมดลงเหลือแต่ก้านธูป แต่ก็มีบางส่วนที่ไหม้จนไม่เหลือ ก็เลยได้ก้านธูปแค่หลักสิบเพราะไหม้ไปพอสมควร ซึ่งอ.วิกรานต์ก็ให้ผมไปนำพานมา ผมก็เดินไปหยิบพานมาให้ โดยสำรวจพานว่าสะอาด โอเค เลยหยิบมาใส่ก้านธูปที่ได้
.
หลังจากนั้นก็ยกพานขึ้นไปบนศาลาที่มีรูปหล่อหลวงปู่สี ซึ่งครั้งนึงสายสิญจน์ที่โยงรูปหล่อองค์นี้ไม่ไหม้ไฟ โดยวางพานไปไว้ข้างๆรูปหล่อ และบอกกล่าวหลวงปู่สีขออธิษฐานจิตตะกรุดก้านธูปที แล้วพวกผมก็ลงไปข้างล่าง ไปดื่มน้ำกัน
.
หลังจากนั้นอ.วิกรานต์ก็ให้ผมไปลาตะกรุดก้านธูปได้แล้ว ผมก็เลยเดินขึ้นมาบนศาลาคนเดียว ก็เดินไปที่พานข้างๆรูปหล่อ มองไปที่ก้านธูป เห็นมีน้ำอยู่ในพาน และธูปก็มีรอยน้ำ ผมก็ตกใจ (นึกในใจ งานเข้าผมแล้วที่หยิบถาดมาแล้วไม่ดูให้ดีว่ามีน้ำ โดนอ.วิกรานต์บ่นแน่เลย แต่พอฉุกคิดได้เฮ้ย! เราก็ตรวจถาดก่อนยกมาใส่ธูปนิ ว่าแห้งและสะอาด ทันใดนั้นพอนึกได้แบบนี้ก็อารมณ์แบบดีใจกึ่งตกใจเลยทีเดียว หลวงปู่พรมน้ำมนต์แบบที่อ.วิกรานต์ได้ยินมาจริงๆด้วย ก็เลยรีบกราบลาและยกพานออกมา เดินออกมาก็อยากจะตะโกนบอกอ.วิกรานต์ และจ๊อด แต่ก็เกรงใจคนอื่นที่อยู่ข้างล่างจะตกใจ ก็เลยได้แค่พยักหน้าหงึกๆแบบว่ารีบๆมาดูนี่เร็ว ซึ่งต่อมาอ.วิกรานต์และจ๊อดก็บอกว่าเห็นผมทำหน้าหงึกๆพยักหน้า ก็คิดว่าผมบอกว่าเสร็จแล้วนะ เรียบร้อยแล้ว แต่ก็งงว่าผมจะบอกทำไม
.
พอเดินลงมาเจอจ๊อด และอ.วิกรานต์ ก็ให้พวกเค้าดูว่ามีน้ำ หลวงปู่สีมาพรมน้ำจริงๆด้วย ซึ่งจ๊อดก็งง ส่วนอ.วิกรานต์ก็เอ่ยออกมาว่า หลวงปู่ทำตามที่บอกจริงๆด้วย และก็มีการคุยกันถามกันว่า มีใครแอบหยดน้ำไหม หรือมีคนอื่นขึ้นไปไหม บนศาลามีน้ำมนต์ไรรึเปล่า แต่ก็สรุปได้ว่า บนศาลาไม่มีน้ำมนต์ และก็มีแต่พวกเรา 3 คนที่ขึ้นไป ตอนลงมาก็รอตรงด้านล่างศาลา ไม่ได้มีใครขึ้นไปเลย ผมงี้ยอมรับเลยว่า เป็นอีกเหตุการณ์นึงที่ปัจจัตตังแต่ผมพบและเจอด้วยตัวเอง จึงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เค้าเล่าว่า เค้าบอกมา
.
สาธุ กระผมขอน้อมกราบหลวงปู่สีด้วยเศียรเกล้า

 

น้ำในถาด

 

อ.วิกรานต์ จุดธูป 36 ดอก เป็นคนแรก

 

อ.วิกรานต์ ถือประคำและนั่งภาวนา ระหว่างรอธูปหมด

 

ธูปเริ่มดับ ก็เริ่มเก็บก้านธูป
ธูปจะจุดคนละ 36 ดอก 3 คนคือ 108 ดอก จะมี 3 กอง กองของผมไหม้ไปเยอะ

 

(องค์ที่ 110)
.
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต สวนปฏิบัติธรรมชอนทุเรียน จ.นครสวรรค์
.
เดินทางมากราบทำบุญกับหลวงพ่อวิชา นำปัจจัยและเทียนถวายแด่หลวงพ่อวิชา อานิสงส์ขอให้ชีวิตมีแต่ความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม รวมทั้งขอเมตตาหลวงพ่อวิชาอธิษฐานจิตมวลสารและแผ่นจารยันต์

 

อ.วิกรานต์ สนทนากับหลวงพ่อวิชา

 

เดินทางขึ้นมากราบหลวงพ่อทอง วัดเขากบ ได้นำมวลสารและแผ่นจารยันต์ จุดธูปบอกกล่าวให้หลวงพ่อทองเมตตาอธิษฐานจิต

 

อ.วิกรานต์ กล่าวอัญเชิญอาราธนาหลวงพ่อทองเมตตาอธิษฐานจิตมวลสารและแผ่นจารยันต์

 

อาทิตย์ 13 พฤศจิกายน 2565
.
เดินทางมากราบหลวงปู่อินทร์ วัดเกาะหงษ์ จุดธูปเพื่อจะขอตะกรุดก้านธูป
โดย 3 คน จุดธูปคนละ 36 ดอก รวมเป็น 108 ดอก และขอเมตตาเสกมวลสารและแผ่นจารยันต์ อีกทั้งซื้อน้ำมันยาของทางวัดไปใช้

 

อาทิตย์ 13 พฤศจิกายน 2565
.
กราบขอพรหลวงปู่เคลือบ จุดธูปบอกกล่าวขอเมตตาอธิษฐานจิตมวลสารและแผ่นจารยันต์ ทั้งยังได้นำน้ำเปล่า เหล้าขาว มะขาม และเกลือมาถวายหลวงปู่

 

ยามว่างก็นั่งตัดแผ่นจาร ซึ่งอ.หมานจารมือทุกแผ่น แล้วม้วนทำตะกรุด5หมื่นกว่าดอก

งานHand madeล้วนๆ

ห้ามตัดโดนตัวยันต์ ตอนม้วนตะกรุดก็ต้องเริ่มม้วนตรงจุดตามที่อ.หมานบอกมา

.............................................................................
#แผ่นทองแดง
แผ่นทองแดง - ลงยันต์เฑาะว์

#พุทธคุณ - คงกระพัน แคล้วคลาด

#สูตรการลง
ท้อรันโตศีลสมาธิ ท้อรันติมะระมัตโน ท้อรันโตกรรมะฐานัง ท้อรันตังนะมามิหัง

#ส่วนชุดพิเศษ
จะใส่ยันต์อักขระเสริมพิเศษด้วยหัวใจคงกระพันของพ่อจิตต์ มาจากคาถาแม่เหล็ก
.............................................................................
#แผ่นทองเหลือง
แผ่นทองเหลือง - ลงยันต์นะกวัก สูตรอ.ตั้ว วัดซับลำไย สายอยุธยาชอบลงยันต์ตัวนี้กัน

#พุทธคุณ - เมตตา เสน่หา

#สูตรการลง
นะร่ำไรรักใคร่ถามหา โมช่วยพามา พุธถามหา ธาร้องทัก ยะจะกวักมือ

#ส่วนชุดพิเศษ
ยันต์อักขระเสริมพิเศษ คือล้อมด้วยอักขระเรียก มามะมามา ช่วยเสริมพุทธคุณให้เข้มขลังขึ้น
............................................................................
#แผ่นเงิน
แผ่นเงิน – ลงยันต์นะฤาชา สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

#พุทธคุณ - เมตตา โชคลาภ แก้วแหวนเงินทอง ชื่อเสียง

#สูตรการลง
นะฤาชากุสลายันจะฯลฯ พุทธังฤาสารพัดฤา ฦ ฦา ฤ ฤา ฤาทั่วทั้งเมือง

#ส่วนชุดพิเศษ
ยันต์อักขระเสริมพิเศษ คือ
นะฤากระเดื่องดังกระดอนสะท้อนทั่วทั้งพระธรณิน
มะเลื่องลือชื่อกูไปจนสิ้นทุกแห่งหน
อะฤาชาประชาชนทนอยู่ไม่ได้
อุฤาชูเข้าสู่ใจร่ำไรพากันมาหากู
..................................................................................
พอเรียกสูตรสนธิ ทำอักขระให้บังเกิด ให้มีอิทธิฤทธิ์ เรียกนามเรียกยันต์ ให้ครูบาอาจารย์มาประสิทธิ์ จะทำอะไรก็สัมฤทธิ์ผล

ปล. (อักขระการลงจริงๆ มีสูตรการลงมากกว่านี้ ซึ่งอ.หมานได้อธิบายและเขียนให้ดูยาวและละเอียดมาก แต่ผมขออนุญาตลงข้อมูลพอเป็นสังเขป ให้เข้าใจ กันคนมาลอกข้อมูลวิชา)

 

ตัดและม้วนตะกรุด

 

พักเที่ยงก็ยังตัด ตัด และตัด เดี๋ยวว่างค่อยม้วนตะกรุดต่อ
เป้าหมาย50,000กว่าดอก
อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว…ตอนนี้ได้มา 189 ดอก

 

หยุดตัดหยุดม้วนมา2วัน เพราะกล้ามเนื้อแผ่นหลังอักเสบ

วันนี้ลุยต่อจ้า

พักเที่ยงก็นั่งตัดแผ่นยันต์จารมือ พอมีเวลาว่างก็ม้วนตะกรุดจารมือ

โชคดีหน่อย มีสายบุญแบ่งแผ่นยันต์จารมือไปช่วยตัดช่วยม้วน

 

คุณเจี๊ยบสายบุญที่ขอรับผิดชอบตัดและม้วนตะกรุดเนื้อแปะตั๊ง บอกเลยว่าโหดมาก เพราะมีเนื้อแข็งกว่าทองเหลืองและทองแดงเยอะ นับถือในความตั้งใจจริงๆครับ

ตะกรุดจารมือทุกดอก ตัดและม้วนกันเองทุกดอก ทั้ง 3 เนื้อ เงิน(แปะตั๊ง) ทองเหลือง ทองแดง
Handmadeล้วนๆ เพื่องานบุญใหญ่ของหลวงปู่ทั้ง 2 และเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา...สาธุ
---------------------------------------------------------------
ก๊อปปี้จาก วิริย์จิรา วัธรานนท์
นักรบต้องมีบาดแผล
นักรักก็ต้องมีเจ็บปวดใจ
กี่บาดแผลแล้วไม่ได้นับ
เสร็จไป 1,017 ดอก ตะกรุดพิเศษ เหลือตะกรุดธรรมดา 3,500 ดอก พึ่งเริ่มตัดดูจะแข็งกว่าตะกรุดพิเศษ เร่งยังไงให้ทัน

 

สายบุญอีกคนที่รับผิดชอบตัดและม้วนตะกรุดเนื้อทองแดง ส่งรูปภาพมาให้ดูบอกว่า ทำ 3 ชม. ได้ประมาณนี้
.
แรงใจล้วนๆครับ แต่ละคน วิีริยะบารมี ขันติบารมี ศรัทธาบารมี

 

ยามว่างก็นั่งตัดแผ่นจาร แล้วม้วนทำตะกรุด5หมื่นกว่าดอก
งานHand madeล้วนๆ
คาดว่าจะตัดและม้วนทำตะกรุดแล้วเสร็จก็ปลายปี2566



.............................................................................................................
ยันต์ที่ผมรบกวนให้อ.หมานจารลงในแผ่น

แล้วนำมาตัดและม้วนทำเป็นตะกรุด เพื่อฝังลงในพระผง
แผ่นจารแยกเป็น 3 เนื้อ
- ทองแดง
- ทองเหลือง
- เงิน

แต่ละเนื้อก็จารยันต์คนละแบบ พุทธคุณของยันต์แต่ละตัวก็แตกต่างกันไปตามตัวยันต์

การลงยันต์หรือการเขียนยันต์นั้นจะใช้อักขระขอม ซึ่งเขียนเป็นตัวย่อของพระคาถาแต่ละบท เพราะหากเขียนพระคาถาลงไปในยันต์ทั้งหมดเนื้อที่คงไม่พอ จึงใช้อักขระย่อ ส่วนตัวเลขที่อยู่ในยันต์ก็ย่อมาจากอักขระของพระคาถา ข้อควรระวังในการลากเส้นยันต์นั้นควรลากทีเดียวให้ตลอดไม่ใช่ลากแล้วหยุด หากลากแล้วหยุดถือว่ายันต์นั้นใช้ไม่ได้ ต้องใช้คาถาหรือสูตรในการต่อเส้นยันต์นั้นใหม่ยันต์นั้นจึงจะใช้ได้ และการลงอักขระให้ระวังอย่าลงอักขระทับเส้นยันต์เพราะจะทำให้ยันต์นั้นใช้ไม่ได้ ท่านเรียกว่าเป็นยันต์ตาบอด การลงยันต์หรือการเขียนยันต์หากยันต์นั้นมีคาถาหรือสูตรกำกับไว้ผู้เขียนจะต้องภาวนาคาถานั้นไปด้วยพร้อมกันการลงยันต์ ฉะนั้นจึงต้องใช้สมาธิสูง

1. ทองแดง - ลงยันต์เฑาะว์

ยันต์เฑาะว์คืออะไร
ตัวเฑาะว์ เป็น ฑ. ในอักขระขอมโบราณ บางทีก็เรียกว่า ท้อ สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากคำว่า "ธรรม" จึงเอานี้มาลงเป็นยันต์แทนตัวธรรมะของพระพุทธเจ้า

พุทธคุณ - คงกระพัน แคล้วคลาด

สูตรการลง
ท้อรันโตศีลสมาธิ ท้อรันติมะระมัตโน ท้อรันโตกรรมะฐานัง ท้อรันตังนะมามิหัง
ยันต์ทองแดงในชุดพิเศษ จะจารอักขระเสริม

ยันต์อักขระเสริมพิเศษด้วยหัวใจคงกระพันของพ่อจิตต์ มาจากคาถาแม่เหล็ก
.
2. ทองเหลือง - ลงยันต์นะกวัก

สูตรอ.ตั้ว วัดซับลำไย สายทางอยุธยาจะนิยมชอบลงยันต์ตัวนี้กัน

พุทธคุณ - เมตตา สิเหน่หา เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น คิดรักท่านจะได้ความรัก คิดดีจะพบแต่สิ่งดีสิ่งประเสริฐ

สูตรการลง
นะร่ำไรรักใคร่ถามหา โมช่วยพามา พุธถามหา ธาร้องทัก ยะจะกวักมือ
ยันต์ทองเหลืองในชุดพิเศษ จะจารอักขระเสริม

ยันต์อักขระเสริมพิเศษ คือล้อมด้วยอักขระเรียก มามะมามา ช่วยเสริมพุทธคุณให้เข้มขลังขึ้น
.
3. เงิน – ลงยันต์นะฤาชา

สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

พุทธคุณ - เมตตา โชคลาภ แก้วแหวนเงินทอง ชื่อเสียง ยอดแห่งมหานิยม ใครเห็นใครรักทั่วทุกสารทิศ มหาอำนาจ คงกระพัน สารพัดกันคุณไสย ใช้ได้ 108 ประการ เป็นยันต์ที่มีอาณุภาพและครบเครื่องมากๆ
.
สูตรการลง
นะฤาชากุสลายันจะฯลฯ พุทธังฤาสารพัดฤา ฦ ฦา ฤ ฤา ฤาทั่วทั้งเมือง

ยันต์เนื้อเงินในชุดพิเศษ จะจารอักขระเสริม

ยันต์อักขระเสริมพิเศษ คือ
นะฤากระเดื่องดังกระดอนสะท้อนทั่วทั้งพระธรณิน
มะเลื่องลือชื่อกูไปจนสิ้นทุกแห่งหน
อะฤาชาประชาชนทนอยู่ไม่ได้
อุฤาชูเข้าสู่ใจร่ำไรพากันมาหากู

พอเรียกสูตรสนธิ ทำอักขระให้บังเกิด ให้มีอิทธิฤทธิ์ เรียกนามเรียกยันต์ ให้ครูบาอาจารย์มาประสิทธิ์ จะทำอะไรก็สัมฤทธิ์ผล

(อักขระการลงจริงๆ มีสูตรการลงมากกว่านี้ ซึ่งอ.หมานได้อธิบายและเขียนให้ดูยาวและละเอียดมาก แต่ผมขออนุญาตลงข้อมูลพอเป็นสังเขป ให้เข้าใจ กันคนมาลอกข้อมูลวิชา)

 

ตัดและม้วนตะกรุด